หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1503-1506
บทที่ 1503 เผ่าเฮยเทียน
“กายาเซิ่ง?!”
เสียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสะท้อนก้องก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนระหว่างฟ้าดิน ทุกคนถึงกับผงะไป พวกเขารู้สึกตกตะลึงเมื่อมองไปที่ร่างสูงโปร่งนั่น
ในมหาพันภพ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเทียบเท่ากับจักรพรรดิที่สามารถมองข้ามสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนได้
ทว่าแม้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะหายาก แต่ทุกคนก็รู้ว่ากายาเซิ่งนั้นหายากกว่า!
เพราะเส้นทางการฝึกฝนพลังกายนั้นยากลำบากมาก ต้องมีโอกาสmujน่าขนลุกในการฝึกฝนให้ถึงขั้นเซิ่ง ในมหาพันภพผู้ที่มีกายาเซิ่งสามารถนับได้ในมือเดียว
อย่างน้อยตอนนี้ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งห้าคนที่อยู่ที่นี่ แม้แต่หมัวเฮอเทียนก็ไม่มีกายาเซิ่ง
เป็นเพราะความหายาก ทุกคนจึงตกตะลึงด้วยความไม่เชื่อเมื่อเห็นว่ามู่เฉินทำสำเร็จ
“ขะ…เขามีกายาเซิ่งด้วย?”
เฉวียนกวางและมั่วถงฉายความตะลึงใจบนใบหน้าพร้อมกับปากอ้าค้าง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา เพราะนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาได้แต่ฝันถึงเท่านั้น!
ยามนี้พวกเขาดับความคิดที่สับสนในใจลงหมดสิ้น การที่มู่เฉินได้ครอบครองกายาเซิ่งนั่นก็หมายความว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ในแง่ของความแข็งแกร่งเขาล้ำหน้าพวกเขาสองคนไปไกลแล้ว
ตอนนี้มู่เฉินมีคุณสมบัติอย่างยิ่งในการดำรงตำแหน่งประขุมเผ่าฝูถู
เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกซับซ้อนในใจ เพราะครั้งก่อนที่ปะทะกันมู่เฉินต้องใช้ค่ายกลในการถล่มพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของมู่เฉินได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะยืนนิ่งอยู่ที่นั่นและปล่อยให้พวกเขาโจมตี
ที่สุดแล้วกายาเซิ่งไม่ใช่เรื่องตลกเลย
“ไม่เลว ไม่เลว…”
ฝูถูเฉวียนลูบเคราเบาๆ แม้แต่คนหัวรั้นอย่างเขายังอดยิ้มไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกับความเป็นจริงที่เบื้องหน้าเช่นกัน
“ดูเหมือนเฉินเอ๋อจะได้รับการฝึกฝนกายาเซิ่งโดยใช้โอกาสที่ร่างมหาเทพนิรันดร์มอบให้” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ความคิดของเจ้าหนูถือว่าใช้ได้ เขารู้วิธีที่จะถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่งเพราะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ เขารู้จักซ่อนตัวในเจดีย์เพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองก่อนที่จะปรากฏตัว” ฝูถูเฉวียนกล่าวชื่นชม หากเป็นคนอื่นได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ พวกเขาคงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่ไกลจากหายนะแล้ว
เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากฝูถูเฉวียน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยิ้มพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ขณะที่ฝั่งเผ่าฝูถูกล่าวชื่นชมกัน ฝั่งเผ่าหมัวเฮอก็เงียบกริบไป ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอมีสีหน้าเขียวคล้ำ พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินที่ไม่สามารถจัดการกับหมัวเฮอโยวได้เมื่อครึ่งปีก่อนจะมีกายาเซิ่ง
นั่นหมายความว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของมู่เฉินเติบโตขึ้นทะลุฟ้าพร้อมคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว
ทางด้านหมัวเฮอโยวดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาอยากจะแล่เนื้อเถือหนังมู่เฉินนัก นั่นเพราะโอกาสนี้ควรเป็นของเขา ถ้าไม่ใช่การปรากฏตัวขึ้นของมู่เฉิน เขาจะเป็นคนเดียวในเผ่าหมัวเฮอที่มีกายาเซิ่ง เมื่อไรที่ขุมพลังหลิงของเขาไปถึงขั้นเซิ่งละก็ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะก้าวนำหมัวเฮอเทียน กลายเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่า
ถ้าเขารู้เรื่องนี้ ย้อนกลับไปตอนที่ทวีปเทียนหลัว เขาก็จะฆ่ามู่เฉินโดยไม่ลังเลเพื่อไม่ให้มันเข้าร่วมงาน
ทว่าในโลกนี้ไม่มียาแก้อดีตที่น่าเสียดาย ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของมู่เฉิน ความตรอมตรมใจในใจของหมัวเฮอโยวก็เกือบจะทำให้ตนเองเป็นบ้า
ดวงตาของหมัวเฮอเทียนมืดครึ้มลง ทว่าเขาก็รักษาความสงบและหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ในใจ “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีกายาเซิ่ง มิน่าล่ะถึงจองหองพองขน ปฏิเสธความปรารถนาดีของเผ่าหมัวเฮอของข้า”
“ความปรารถนาดี?”
มู่เฉินยิ้มอ่อน “ช่างเป็นความปรารถนาดีที่ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ”
ในฐานะประมุข หมัวเฮอเทียนไม่เพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เขายังหน้าหนามาก สามารถพูดคำที่ไร้ยางอายได้อย่างเปิดเผย
สีหน้าหมัวเฮอเทียนไม่เปลี่ยนแปลงขณะตอบอย่างเฉยเมย “ตอนแรกข้าอยากคุยกับเจ้าดีๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะหยิ่งเพราะมีกายาเซิ่ง งั้นข้าก็ขอประกาศวันนี้ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไงร่างมหาเทพนิรันดร์ต้องอยู่ที่นี่!”
“ฮ่าๆ วาจาใหญ่โตจริง วันนี้ข้าขอดูหน่อยว่าเผ่าหมัวเฮอจะทำยังไงให้ลูกชายข้าวางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่!” เสียงเยือกเย็นของชิงเหยี่ยนจิ้งดังสะท้อน
แววตาของหมัวเฮอเทียนมืดครึ้มพร้อมกับไอสังหารเย็นชาไหลเวียนในดวงตาขณะที่เขาหันไปหาชิงเหยี่ยนจิ้ง “พูดแบบนี้ก็หมายความว่าเผ่าฝูถูของเจ้าตัดสินใจประกาศสงครามกับเผ่าหมัวเฮอใช่ไหม?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าหมัวเฮอเอาแต่ใจ พวกข้าก็ไม่คิดจะเปิดศึกหรอก” ฝูถูเฉวียนตอบ
หมัวเฮอเทียนถอนหายใจ “ข้าก็คาดไว้แล้วว่าพวกเจ้าจะไม่ยอม ดังนั้นวันนี้ข้าคงต้องใช้บุญคุณที่คนอื่นติดไว้สักหน่อยแล้ว…”
เมื่อพูดจบหมัวเฮอเทียนก็มองไปที่มิติตรงหน้าพูดว่า “พี่เฮยเธียนออกมาเถอะ”
เมื่อหมัวเฮอเทียนพูดจบ ท้องฟ้าก็กลายเป็นมืดมิด ความมืดแผ่ซ่านกลืนกินแสงสว่างทั้งหมด
ความมืดปกคลุมไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถอยร่นรวดเร็วเช่นกัน เมื่อความสว่างกลับคืน ทุกคนก็เห็นร่างสองร่างปรากฏข้างกายหมัวเฮอเทียน
ทั้งสองร่างสวมเสื้อสีดำ ดวงตาพวกเขาพิเศษมาก ไม่มีส่วนตาขาว ความมืดหมุนคว้างราวกับหลุมดำ ทำให้คนมองใจสั่นสะท้าน
เมื่อมองไปที่ทั้งสองมู่เฉินก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!
“เผ่าเฮยเทียน…เฮยเธียน เฮยตี้ พวกเจ้าสองคนคิดจะมาสอดเกี่ยวกับเรื่องนี้เรอะ?” ใบหน้าของชิ้งเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนเปลี่ยนไปกับการปรากฏตัวของจอมยุทธ์ทั้งสอง
“เผ่าเฮยเทียน?”
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว ตอนนี้ทราบถึงตัวตนของผู้มาใหม่ทั้งสองคนแล้ว ที่แท้พวกเขาเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณนี่เอง?!
ความปั่นป่วนระเบิดนอกเมือง ไม่มีใครคาดคิดว่าเผ่าหมัวเฮอจะเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสองคนจากเผ่าเฮยเทียนมาได้
ต้องรู้ว่าโดยทั่วไปแล้วแค่สมาชิกเผ่าเฮยเทียนยังมักไม่ปรากฏต่อหน้าผู้คน ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ระดับนี้ของเผ่าเลย
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้ง หนึ่งในนั้นก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาขาวซีดดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงแสงแดดมาเป็นเวลานาน เขาถอนหายใจ “เผ่าเฮยเทียนเป็นหนี้บุญคุณเผ่าหมัวเฮอ ดังนั้นพวกข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเคลื่อนไหว หวังว่าผู้อาวุโสใหญ่ชิงเหยี่ยนจิ้งจะเข้าใจความยากลำบากใจนี้นะ”
สีหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนไม่น่าดู สถานการณ์นี้เกินความคาดหมายแล้ว ไม่คิดว่าเผ่าหมัวเฮอจะสามารถเชิญเผ่าเฮยเทียนเข้าร่วมได้
ด้วยจอมยุทธ์เผ่าเฮยเทียนจะสร้างความแตกต่างอย่างมากระหว่างสองขุมกำลัง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถึงห้าคน แม้แต่เผ่าฝูถูก็รู้สึกกดดันไม่น้อย
ที่ด้านหลังชิงเหยี่ยนจิ้ง จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของเผ่าฝูถูก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเผ่าหมัวเฮอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งร่างมหาเทพนิรันดร์…
หมัวเฮอเทียนประสานมือคำนับเฮยเธียนและเฮยตี้ก่อนจะมองไปที่มู่เฉิน “อย่างที่ข้าบอกไป ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่สามารถนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปด้วยได้”
มู่เฉินหรี่ตาลงตอบกลับอย่างใจเย็น “ได้-ไม่ได้ก็ต้องลองดูก่อน”
แม้ว่าการปรากฏตัวของเผ่าเฮยเทียนจะเกินความคาดหมาย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างเขาจะทิ้งร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา แกมีเพียงกายาเซิ่งคิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพันจริงหรือ?” ดวงตาของหมัวเฮอเทียนจมลงก่อนที่จะหันไปหาเฮยเธียนและเฮยตี้ “ข้าต้องรบกวนพวกเจ้าสองคนขัดขวางเผ่าฝูถูด้วย”
“ส่วนร่างมหาเทพนิรันดร์เป็นหน้าที่ของเผ่าหมัวเฮอที่จะแย่งชิงมาเอง”
เฮยเธียนและเฮยตี้พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้ แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่ายอยู่…
ที่ด้านหลังของหมัวเฮอเทียน หมัวเฮอโยวมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมและเย็นชา ‘แกมีกายาเซิ่งแล้วยังไง? ต่อหน้าเผ่าหมัวเฮอของข้า แกก็ต้องถูกจับ’
“บังอาจ!”
ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งเย็นเยือกลง ขณะที่มิติเบื้องหลังแปรปรวน ค่ายกลขนาดใหญ่บีบลงมาซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว
แสงสีดำวูบไหวบนท้องฟ้า เฮยเธียนและเฮยตี้เข้ามาขัดขวางการเคลื่อนไหวของนาง ความมืดแผ่ออกมาจากเบื้องหลังพวกเขา ราวกับเป็นโลกแห่งความมืด
ในเวลาเดียวกันหมัวเฮอเทียนก็พยักหน้าให้ชายชราสองคนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งสองทะยานออกไปหามู่เฉิน
เมื่อมองสองคนที่พุ่งเข้ามา ดวงตาของมู่เฉินก็เย็นชาลงพลางกำหมัดแน่น รัศมีสีทองกระจายไปทั่วร่าง
ฮึ่ม!
แต่เมื่อเขากำลังจะออกกระบวนท่า ม่านคลื่นหลิงโบราณก็พลิ้วลงมาจากท้องฟ้าขวางทางจอมยุทธ์อาวุโสของเผ่าหมัวเฮอไว้
พร้อมกับม่านคลื่นหลิงเคลื่อนลงมา เสียงโบราณก็ดังก้อง
“ฮ่าๆ ครึกครืนดีจริง แต่ว่าท่านธิดาเทพประกาศไว้แล้วว่าเผ่าไท่หลิงต้องปกป้องมู่เฉิน…”
เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว เขาเงยหน้าขึ้นทันที ก็เห็นเสาแสงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับภาพที่สลักลึกอยู่ในหัวใจเขาปรากฏขึ้น
ร่างนั้นมองลงมาตอบกับมู่เฉินด้วยแววตาเปี่ยมล้น รอยยิ้มผุดผาดเผยบนริมฝีปากบาง ทำให้หัวใจของมู่เฉินอ่อนระทวย
บทที่ 1504 ได้เจอลั่วหลีอีกครั้ง
เมื่อลำแสงโบราณเคลื่อนลงมา
คลื่นหลิงทรงพลังก็กวาดออก ทำให้ทุกคนที่อยู่นอกเมืองต้องตกตะลึง
“…เผ่าไท่หลิงก็มาที่นี่ด้วยเรอะ!”
“จุ๊ๆ สี่เผ่าโบราณ ปรากฏการณ์นี้หาได้ยากอย่างแท้จริง…”
“ความสัมพันธ์ของมู่เฉินน่ากลัวมาก ไม่เพียงแต่เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามเท่านั้น แต่เขายังมีความสัมพันธ์กับเผ่าไท่หลิงด้วย…”
“ใช่เลย ดีที่ช่วงนี้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดทำให้เทพจอมยุทธ์ทั้งสองไม่สามารถออกจากดินแดนของตนได้ มิฉะนั้นเผ่าหมัวเฮอคงตกที่นั่งลำบากในตอนนี้แน่”
“…”
เมื่อได้ยินบทสนทนา สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็เขียวคล้ำ แม้แต่ดวงตาของหมัวเฮอเทียนยังจมลงเนื่องจากการปรากฏตัวของเผ่าไท่หลิงทำลายแผนการของเขาลงทั้งหมด
ทว่านี่ก็ทำเอาเขารู้สึกงุนงง เผ่าไท่หลิงไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเผ่าฝูถู ทำไมพวกเขาจึงยอมเสี่ยงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิงนี่เอง ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับ” ถึงอย่างไรหมัวเฮอเทียนก็สมกับเป็นประมุข ดังนั้นในเขาจึงหายจากอาการตื่นตะลึงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเสาแสงสลายไป ร่างเงาสองร่างก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน
หนึ่งในนั้นเป็นชายชราแต่กลับมีผิวเรียบเนียนราวกับเด็กทารกพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรประดับอยู่บนริมฝีปาก ม่านตาเต็มไปด้วยภูมิปัญญาและความลึกลับ
หมัวเฮอเทียนค่อนข้างคุ้นเคยกับชายชราคนนี้ดี เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าไท่หลิง—ผู้อาวุโสไท่หมิง
ทุกคนพากันจ้องมองไปที่ไท่หมิงชั่วครู่ ก่อนที่คนด้านข้างจะดึงดูดสายตาของพวกเขาไป
นางมีผมสีเงินยวงยาวสลวยอยู่ในชุดสีดำปักลวดลายดวงดาว แสงสีม่วงกำจายออกมาจากช่วงปลายของเสื้อ
รูปลักษณ์นางช่างโดดเด่นพร้อมกับผิวเปล่งประกายด้วยความกระจ่างใส ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อยดูขี้เล่น สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามากที่สุดคือม่านตาทั้งคู่ที่ราวกับผลึกแก้วใส บริสุทธิ์ราวกับว่าสามารถมองทะลุความคิดของผู้อื่นได้ เมื่อทุกคนมองเข้าไปในนัยน์ตานั้นต่างก็รู้สึกมึนเมา
ลำคอเรียวระหงงดงาม ถัดลงมาส่วนโค้งเว้าก็ดูสะดุดตาอย่างยิ่ง ช่างเป็นสัดส่วนราวกับสวรรค์สร้าง…
นี่คือหญิงสาวที่มีจิตวิญญาณรายรอบตัว
นี่เป็นประโยคที่ปรากฏในหัวทุกคนเมื่อมองไปที่หญิงสาวคนนั้น ดวงตาอัดแน่นด้วยความตกใจในความงดงาม
“ฮ่าๆ เจ้ามากมารยาทจริง อย่าตำหนิที่ข้ามาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า” ไท่หมิงยิ้มตาหยี
หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกถามว่า “ข้าว่าเผ่าของเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใช่หรือไม่? ทำไมท่านถึงเข้ามายุ่งเรื่องครั้งนี้”
เผชิญหน้ากับคำถามของหมัวเฮอเทียน ไท่หมิงก็ถอนหายใจอย่างหดหู่ เขาชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “อย่าโทษเรื่องนั้นเลย สาวน้อยคนนี้กระวนกระวายใจที่จะช่วยเหลือคนรักของนาง ดังนั้นข้าเลยถูกบีบบังคับให้ต้องปรากฏตัว…”
หมัวเฮอเทียนหรี่ตาหันไปมองหญิงสาว “ไม่ทราบว่าเจ้าคือใคร?”
“ข้าชื่อลั่วหลี ต้องขอบคุณเหล่าผู้อาวุโสเผ่าไท่หลิงที่ให้ความสำคัญกับข้า ตอนนี้ข้าเป็นธิดาเทพของเผ่าเจ้าค่ะ” ลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้างไท่หมิงยิ้ม เผชิญหน้ากับคำพูดของหมัวเฮอเทียน เสียงของนางเบาหวิวแต่ไม่มีนัยของการยอมจำนน นี่ทำให้จอมยุทธ์หลายคนดวงตาลุกโชนชื่นชมเลยทีเดียว
“ธิดาเทพเผ่าไท่หลิง?” หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วเข้าหากัน เผ่าไท่หลิงไม่มีประมุข มีเพียงธิดาเทพและใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่งนี้จะเทียบเท่ากับจักรพรรดินีเผ่าไท่หลิงซึ่งมีอำนาจสูงสุด
ทว่าเผ่าไท่หลิงมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการคัดเลือก ตำแหน่งนี้จึงว่างเปล่ามานาน แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งธิดาเทพรึ?
“ในเมื่อเจ้าเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิง เจ้าก็ควรมองว่าเผ่าไท่หลิงสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด หากเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจนำปัญหาไปสู่เผ่าไท่หลิงนะ” หมัวเฮอเทียนเทียนพูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดนี้ ลั่วหลีก็ยิ้มด้วยความรักใคร่และความเสน่หาในดวงตา ขณะที่เลื่อนไปมองชายคนรัก “ข้าเป็นธิดาเทพก็เพื่อเขา… ถ้าข้าช่วยเขาไม่ได้แล้วข้าจะเป็นธิดาเทพไปทำไมล่ะ?”
คำพูดของนางทำให้เกิดเสียงทอดถอนหายใจนับไม่ถ้วนทันที จากนั้นทุกสายตาก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความอาฆาตมาดร้าย
ชายคนนั้นไม่เพียงแต่แช่ในความสุขของโอกาสเท่านั้น เขายังมีหญิงคนรักที่โดดเด่นเช่นนี้อยู่ข้างกาย เพื่อเขานางสามารถเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียนได้ไม่หวั่นเกรง โชคดีจนน่าอิจฉาเสียจริง
“ลั่วหลีน้อย เจ้าช่างไม่สนใจหัวใจที่เปราะบางของชายชราคนนี้สักนิดเลย…” ไท่หมิงบ่นกระปอดกระแปด
เมื่อลั่วหลีได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางก็รู้สึกเขินอายไปบ้างตอบว่า “ท่านรู้เรื่องนี้ไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้อาวุโสใหญ่?”
ไท่หมิงถอนหายใจก่อนจะมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่มีความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนั้น ลั่วหลีจะได้เป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิงอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
“ความสัมพันธ์ของธิดาเทพเผ่าไท่หลิงกับมู่เฉินคืออะไร?” ฝูถูเฉวียนก็ตกใจกับคำพูดเหล่านั้น
เมื่อมองไปที่ลั่วหลีดวงตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ นางเคยพบกับลั่วหลีในทวีปเป่ยชาง ดังนั้นความประทับใจของนางที่มีต่อลั่วหลีจึงลึกซึ้งมาก เพราะเด็กสาวคนนี้มีความสามารถโดดเด่นและนิสัยมั่นคง
“ลูกสะใภ้ข้าน่ะ” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มขณะมองไปที่ฝูถูเฉวียนด้วยความภาคภูมิใจ
บุตรชายของนางมีความสามารถ ไม่เพียงแต่เขาจะเฟ้นหาว่าที่ฮูหยินที่งดงามเช่นนี้ แต่ยังเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิงอีกด้วย
ฝูถูเฉวียนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “ไอ้หนูนั่นมีความสามารถแท้จริง คว้าได้กระทั่งธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง”
เผชิญหน้ากับเสียงเหล่านั้น ใบหน้าหมัวเฮอเทียนก็ดิ่งลงขณะมองไปที่ลั่วหลีและไท่หมิง “ดูเหมือนพวกเจ้ายืนกรานจะแทรกแซงให้ได้นะ แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอีกคนก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”
มีเพียงไท่หมิงเท่านั้นที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แม้ว่าขุมพลังของลั่วหลีจะเพิ่มสูงขึ้นและบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว แต่ก็เป็นอยู่ในขั้นหลิงเท่านั้น
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไท่หมิงก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ากำลังประเมินธิดาเทพเผ่าไท่หลิงของข้าต่ำเกินไป”
ลั่วหลีกะพริบตาจากนั้นก็วาดตราประทับ
ฮึ่ม!
รัศมีโบราณพวยพุ่งขึ้นจากกระหม่อมของลั่วหลี ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นแผนภาพโบราณแผ่ออกมาเหนือร่างนาง
แผนภาพโบราณดูเก่าแก่มาก แต่กลับปล่อยความผันผวนคลื่นหลิงรุนแรง เหมือนจะมีร่างเงาแสงปรากฏอยู่เลือนรางด้วย
ความกดดันที่กำจายออกมาเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!
เมื่อมองไปที่แผนภาพนั่น ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็ยิ่งไม่น่าดู มากจนแม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนยังฉายความตกตะลึงในแววตา
“นั่นคือ…ยอดสมบัติของเผ่าไท่หลิง—แผนภาพวิญญาณโบราณ?!”
เสียงอุทานเปล่งลั่นพร้อมกับหัวใจที่ตกใจไม่แพ้กัน
ก่อนที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทุกคนของเผ่าไท่หลิงจะละสังขาร พวกเขาจะผนึกคลื่นหลิงลงในแผนภาพ ทำให้มันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว
พูดได้เต็มปากเลยว่าเพียงแค่พลังของแผนภาพนี้อย่างเดียวก็เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว
ข้อเสียอย่างเดียวก็คือเผ่าไท่หลิงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการเลือกเจ้าของ หลายปีที่ผ่านมามีไม่เกินสามคนเท่านั้นที่ครอบครองมันได้
ก็เป็นเพราะเช่นนั้น พวกเขาจึงตกใจมากที่เห็นลั่วหลีสามารถควบคุมได้
ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้วว่าทำไมไท่หมิงถึงให้ความสำคัญกับลั่วหลีมากขนาดนี้… การบัญชาแผนภาพวิญญาณโบราณได้ ต่อให้นางมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเท่านั้น แต่กระทั่งพวกขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้
เมื่อมองไปที่ลั่วหลี มู่เฉินก็ทั้งสุขใจและปวดใจ เพราะเขารู้ว่านางต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายเพียงใดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของมู่เฉิน ลั่วหลีก็เอี้ยวหน้ามองกะพริบตาอย่างขี้เล่น เหมือนกับจะบอกว่านางกำลังไล่ตามเขาทันแล้วนะ…
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของหญิงสาวคนรัก มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ เขารู้สึกถึงความกล้าหาญที่เพิ่มพูนในอก จึงมองไปที่หมัวเฮอเทียนด้วยสายตาเฉียบคม อึดใจเสียงของเขาที่อัดแน่นด้วยเจตนาต่อสู้ก็ดังก้อง
“หมัวเฮอเทียน ถ้าอยากได้ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็แสดงฝีมือออกมาเอง วันนี้ข้ามู่เฉินขอเห็นความน่าเกรงขามของประมุขเผ่าหมัวเฮอหน่อยจะเป็นไร!”
เสียงหัวเราะของเขาดังก้อง ทำให้ทุกคนตกตะลึง
‘นี่มู่เฉินกำลังท้าทายหมัวเฮอเทียนเรอะ!’
บทที่ 1505 ปะทะหมัวเฮอเทียน
เสียงหัวเราะของมู่เฉินดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ทำเอาทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด เห็นได้ชัดไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะกล้าท้าทายหมัวเฮอเทียน…
ต้องรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเป็นจอมยุทธ์ที่สามารถต่อกรกับเทพจักรพรรดิอัคคีได้!
แม้แต่ในมหาพันภพชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนก็ยิ่งใหญ่มาก
“มู่เฉินไร้ความกลัวอย่างแท้จริง หมัวเฮอเทียนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางของแท้ มีไม่กี่คนในมหาพันภพที่อยู่เหนือกว่าเขา”
“ใช่ แม้ว่ามู่เฉินจะครอบครองกายาเซิ่ง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมัวเฮอเทียน”
“สุดท้ายเขาก็เป็นชายหนุ่มจอมหยิ่งผยองที่อยากอวดต่อหน้าสาวงาม…”
“…”
เสียงสนทนาดังก้อง แต่ไม่มีใครมองในแง่ดีเกี่ยวกับมู่เฉินเลย เนื่องจากชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนยิ่งใหญ่เกินไป
“เฮ้ เจ้าหนุ่มคนรักของเจ้าหยิ่งยโสนัก” ไท่หมิงส่งสายตาอัศจรรย์ใจไปที่มู่เฉินก่อนจะยิ้มให้ลั่วหลี
เผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะ แต่มู่เฉินกลับกล้าท้าทาย คิดบวกก็เป็นเรื่องของความกล้าหาญ แต่ถ้าคิดลบชายหนุ่มคนนี้เป็นจอมยโสโอหัง
ได้เห็นอาการเยาะเย้ยของไท่หมิง ลั่วหลีก็ยิ้มเรียบไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร นางเข้าใจมู่เฉินดี แม้หมัวเฮอเทียนจะแข็งแกร่ง แต่มู่เฉินก็ไม่ใช่คนที่ประมาท ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องมีความมั่นใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน หมัวเฮอทียนก็หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ฮ่าๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าหมัวเฮอเทียนถูกมองต่ำ…”
ฐานะของเขาคืออะไร? แต่ตอนนี้เขากลับถูกท้าทายโดยไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปละก็ จะเป็นเรื่องตลกแค่ไหน
มู่เฉินยกยิ้ม “เจ้าไม่กล้าเหรอ?”
สถานการณ์นี้ซับซ้อนและหากเกิดสงครามขึ้นก็จะเป็นการทำลายล้างโลก ผลที่ตามมาก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ เขาไม่อยากลากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือเอง ตราบใดที่เขายับยั้งหมัวเฮอเทียนได้สถานการณ์นี้ก็จะคลี่คลายลง
หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตามืดมน เขารู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าเขาก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ หากสี่เผ่าโบราณต่อสู้กันเอง แม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ
ดังนั้นนี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากเขาสามารถจัดการกับมู่เฉินได้เอง
หมัวเฮอเทียนลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้ายืนอยู่ในระดับเดียวกับมู่เฉิน เขาเอามือไพล่ไปด้านหลังพูดอย่างไม่แยแสว่า “ในเมื่อเจ้าชอบความอัปยศอดสูนัด ก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่มอบความปรารถนาให้”
ตู้ม!
เมื่อน้ำเสียงสะท้อนก้อง เสียงฟ้าคำรนเชี่ยวกรากก็กวาดออกพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายได้ ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
“งั้นวันนี้ข้าขอคำชี้นำจากเผ่าหมัวเฮอด้วย!”
ดวงตาของมู่เฉินลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้ เขาประสานมือเข้าด้วยกัน รัศมีกำจายออกมาจากร่างกายซึ่งดูราวกับว่าถูกหลอมมาจากทองคำพร้อมกับเอิบอาบด้วยรัศมีอมตะ
แกร็ก
ตรงบริเวณของมู่เฉิน เสียงแตกดังมาจากในห้วงมิติ ความกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายน่ากลัวยิ่งนัก
ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ที่เคยต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคี ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มที่มีกายาเซิ่ง การดวลกันครั้งนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นศึกสุดยอดแค่ไหน
สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่หมัวเฮอเทียน อึดใจต่อมาเขาก็พุ่งออกไปในพริบตา
ตู้ม!
เมื่อมู่เฉินเคลื่อนไหว มิติเบื้องหน้าก็ระเบิดด้วยความเร็วเหนือแสง ทำให้เกิดเป็นพื้นที่สุญญากาศ…
พริบตาเขาก็ปรากฏเบื้องหน้าหมัวเฮอเทียน ร่างที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีนิรันดร์ กำหมัดแน่นพลางเหวี่ยงออกไป
นี่เป็นหมัดธรรมดาที่ไม่มีทักษะใดอยู่เบื้องหลัง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของกายาเซิ่งก็มีพลังเพียงพอที่จะทำลายสวรรค์และโลก ภายใต้การชกนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดก็จะถูกสังหารได้
“กายาเซิ่งน่ากลัวจริงๆ”
พลังน่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้าทำให้ดวงตาของหมัวเฮอเทียนกะพริบ อุทานชื่นชมก่อนจะโบกมือ
ฟิ้ว!
ลำแสงสีดำและสีขาวก่อตัวเป็นมังกรสองตัวเกี่ยวพันกันส่งเสียงคำรามก้องขณะปะทะกับหมัดของมู่เฉิน
ตึง!
เมื่อพลังสองสายปะทะกัน พื้นดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น มิติพังทลายลงจากจุดปะทะก่อนที่คลื่นกระแทกขนาดหลายหมื่นจั้งจะขยายออกไปอย่างรวดเร็ว…
พลังกายที่ไม่อาจบรรยายได้ระเบิดออก ลำแสงสีดำและสีขาวก็รับไม่ไหวจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และสลายกลายเป็นจุดแสงขาวดำ
ชี่!
ทว่าลำแสงสีดำและสีขาวก็รวมตัวกันใหม่อย่างรวดเร็วและได้รับการขัดเกลามากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวและรุนแรงอีกครั้ง
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ช่วงลมหายใจสั้นๆ ลำแสงสีดำและสีขาวก็ปะทะกับหมัดทองคำของมู่เฉินหลายร้อยกระบวนท่า ทุกครั้งที่ปะทะกันจะแผ่ซ่านคลื่นกระแทกที่น่ากลัว ก่อนที่หมัดของมู่เฉินจะค่อยๆ จางลง จากนั้นลำแสงสีดำและสีขาวก็ทะลุแนวป้องกันซัดลงบนหน้าอกของเขา
ปัง!
มู่เฉินกระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ทำลายบ้านเรือนนับไม่ถ้วนในเมือง …
ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าจากซากบ้านเรือน มู่เฉินปัดฝุ่นบนร่างกาย หน้าอกของเขาปริแตกเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ท่าทางของเขาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แสงสีทองไหลเวียนไปทั่วสรรพางค์กาย ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นหน้าอกของมู่เฉินฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือพลังของกายาเซิ่งรึ? น่ากลัวมาก แม้ว่าจะรับการโจมตีจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแต่ก็ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ” ผู้คนนับไม่ถ้วนเบ้ปาก การโจมตีของหมัวเฮอเทียนไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้น ทว่ามู่เฉินสามารถต้านทานไว้ได้ มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกายาเซิ่งนี้
หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจเกี่ยวกับพลังกายนี้
“สมกับเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง…”
มู่เฉินแตะหน้าอกพลางถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่กายาเซิ่งนี้ การโจมตีกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เขากลายเป็นขี้เถ้าได้
ดูเหมือนว่าเขาต้องเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียนแล้ว
มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเปล่งประกาย อึดใจคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ปะทุออกมาจากร่างกาย
เสาพลังงานหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะแตะระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง
“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง?!”
หมัวเฮอโยวใบหน้าบิดเบี้ยวหลังจากสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของมู่เฉิน ต้องจำได้ว่าตอนที่เขาต่อสู้กับมู่เฉินในเจดีย์วั้นกู่ อีกฝ่ายเพิ่งจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่ในเวลาเพียงครึ่งปีไอ้เจ้านี่ก็บรรลุขั้นเซียนระยะกลางแล้ว?!
ทุกคนต่างอุทานด้วยความอิจฉาพล่านในดวงตา นั่นเพราะรู้สึกอิจฉาโอกาสของมู่เฉินในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เขาได้ฝึกฝนกายาเซิ่งเท่านั้น แต่ยังได้รับการครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์ มิหนำซ้ำขุมพลังหลิงก็บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนอีกด้วย
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านในร่างกาย การหลอมรวมเข้าด้วยกันของคลื่นหลิงและร่างกายทำให้เกิดพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งนั้น มู่เฉินก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ
ห้าปีในสมาธิไม่เพียงแต่เขาได้รับกายาเซิ่งเท่านั้น แต่คลื่นหลิงยังเพิ่มขึ้นด้วย
“ลองรับกระบวนท่าของข้าบ้าง!”
พลังทำลายล้างที่ไหลเวียนไปทั่วแทบจะทำให้ร่างระเบิด ม่านตาสีทองของมู่เฉินเลื่อนไปมองหมัวเฮอเทียน จากนั้นก็แสยะยิ้ม
มู่เฉินยกมือขึ้นช้าๆ รัศมีนิรันดร์ไหลเวียนผ่านฝ่ามือพร้อมกับลวดลายโบราณแผ่กระจายออก ก่อนที่เขาจะตบลงเบาๆ ไปทางหมัวเฮอเทียน
ตู้ม!
ทั้งเมืองสั่นสะเทือนรุนแรง หมัวเฮอเทียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นฝ่ามือสีทองพุ่งลงมาจากสวรรค์ ทอดเงาขนาดใหญ่เมื่อเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว
ไม่รอให้มือกดลงมา เมืองวั้นกู่ก็พังทลายไปแล้วชั้นหนึ่ง
ฝ่ามือนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังจากการหลอมรวมของพลังกายและพลังหลิงของมู่เฉิน พลังนั้นทำลายล้างได้ แม้แต่คนอย่างหมัวเฮอเทียนก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด
ฝ่ามือสีทองพุ่งลงมากระแทกใส่หมัวเฮอเทียน ขณะเดียวกันเสียงต่ำก็สะท้อนในใจมู่เฉิน
“นี่คือ…หัตถ์สวรรค์อมตะ”
ตู้ม!
ฝ่ามือสีทองเคลื่อนลงมาในลักษณะที่กดขี่ สุดท้ายก็กระแทกลงบนก้อนเมฆสีดำขาวภายใต้สายตาตกใจหวาดผวาของทุกคน
บทที่ 1506 ศึกขั้นเทพ
ฝ่ามือทองคำกดลงมา
ประหนึ่งเทพทำลายล้าง ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ข้างใต้จะลดลงเหลือเพียงเถ้าธุลี
นี่คือการหลอมรวมสมบูรณ์แบบระหว่างกายาเซิ่งและพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางของมู่เฉิน ในแง่ของพลังอำนาจแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาก็ไม่สามารถปะทะตรงๆ ได้
ที่นอกเมืองทุกคนมองมาที่มู่เฉินด้วยความหวั่นเกรงและหวาดกลัวในสายตา
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำ ขณะเดียวกันความหวาดกลัวและความไม่เต็มใจพล่านในสายตา ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อนมู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาได้สูสีเท่านั้น แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขาตอนนี้คือหุบเหวกว้างใหญ่…
การโจมตีกระบวนท่านี้จากมู่เฉินสามารถทำลายล้างเขาได้เป็นพันครั้งเลยทีเดียว
“ไอ้บ้านี่คิดว่าจะเอาชนะพี่ชายข้าได้ด้วยสิ่งนี้หรือ? ฝันเฟื่อง!” ใบหน้าของหมัวเฮอโยวดูน่ากลัวสายตาจ้องมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความคาดหวังว่าพี่ชายตนจะสามารถบดขยี้มู่เฉินให้แหลกลาญได้
ภายใต้สายตาของทุกคน หมัวเฮอเทียนเผยร่องรอยความเคร่งขรึมในสายตา เมื่อมองไปที่ฝ่ามือ การโจมตีกระบวนท่านี้ของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม
“ประมาทไอ้เด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ”
หมัวเฮอเทียนพึมพำกับตัวเอง เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่เต็มกำลัง แม้แต่ตัวเขาก็ไม่กล้าลังเล เขาหายใจเข้าลึกรัศมีสีดำขาวก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายก่อตัวเป็นกำแพงแข็งแกร่งห่อหุ้มเขาไว้ภายใน
“ปราการวิญญาณหมัวเฮอ!”
เสียงลึกต่ำดังก้องขณะที่ลูกทรงกลมสีดำขาวลอยอยู่บนท้องฟ้าเอิบอาบความเจิดจรัสยิ่งใหญ่
ปราการวิญญาณหมัวเฮอเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมของเผ่าหมัวเฮอ นี่เป็นสิ่งที่สามารถขัดขวางการโจมตีของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันได้เลยทีเดียว
ตู้ม!
ฝ่ามือใหญ่กดลงมากระแทกเข้ากับลูกทรงกลมสีดำขาวจังใหญ่ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นสวรรค์และโลกก็เงียบงัน…
บนท้องฟ้าสูง มิติล้วนแตกสลายราวกับกระจก ชิ้นส่วนมิติตกลงจากฟ้า…
ภายใต้พายุบ้าคลั่ง ลูกทรงกลมก็ราวกับหินผายิงเข้าไปในเมืองวั้นกู่
ครืนๆๆๆ!
ทั้งเมืองเริ่มวินาศสันตะโรพร้อมกับความผันผวนทำลายล้างแพร่กระจายออกไป อาคารบ้านช่องในเมืองพังยับเยินในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ ก่อนที่เมืองวั้นกู่จะเหลือเพียงซากปรักหักพัง
มีเพียงหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ไร้ก้นบึ้งอยู่ใจกลางเมือง
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขารู้ว่าจอมยุทธ์ทั้งสองคนออมฝีมือไว้ มิฉะนั้นพื้นที่ภายในรัศมีแสนลี้คงจะกลายเป็นมิติเวิ้งว้างไปแน่
ดวงตาคมกริบของมู่เฉินราวกับเหยี่ยวขณะมองไปที่ปากปล่อง รัศมีสีทองรอบตัวเขาวูบไหวสะท้อนบนร่างกาย
“สมกับเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอ จัดการยากซะจริง…”
มู่เฉินพึมพำขณะมองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
การโจมตีก่อนหน้านี้บรรจุพลังทั้งหมดของเขา แต่เขารู้สึกได้ว่าหมัวเฮอเทียนสามารถต้านทานไว้ได้
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนเห็นลูกทรงกลมสีดำขาวลอยคว้าง
ลูกทรงกลมนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวราวกับว่ากำลังจะทลายลง ทว่าก็ไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการป้องกันที่น่ากลัว
แกร็ก
เมื่อรอยแตกกระจายไปทั่วบนพื้นผิวลูกทรงกลมก็ค่อยๆ สลายไป ภาพเงาของหมัวเฮอเทียนปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคนอีกครั้ง
หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนท้องฟ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใด ไม่แม้แต่เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่ว่ากลับมีแสงน่าขนพองสยองเกล้าวูบวาบในดวงตา
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉิน ขนาดตัวเขายังถูกบังคับให้ต้องใช้การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
ตัวเขาเป็นใคร? เขาเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของมหาพันภพ ครึ่งปีก่อนมู่เฉินไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะโดดเด่นแค่ไหนก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตา
เพราะเขาสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งปี มดตัวนั้นกลับบังคับให้เขาต้องใช้วิชาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
นี่เป็นความอัปยศสำหรับหมัวเฮอเทียน
ทว่าสติบอกว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานแน่หากยังคิดประเมินมู่เฉินต่ำต่อไป…
ฮา
หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกระงับความโกรธที่สะท้อนอยู่ในดวงตา ความดูถูกก็ถูกเก็บลงไปหมด ใบหน้ากลับสู่ความเย็นชาอีกครั้ง
ทว่ามู่เฉินรู้สึกได้ว่าหมัวเฮอเทียนได้หมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบและไม่สนใจอารมณ์อื่นใด อีกฝ่ายเข้าสู่สภาวะพร้อมรบแล้ว
นั่นหมายความว่าตอนนี้หมัวเฮอเทียนปฏิบัติกับเขาเท่าเทียมกันแล้ว
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงสามารถต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีในตอนนั้นได้…” เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ดวงตาของมู่เฉินก็สั่นระริก ชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนไม่ใช่เรื่องโม้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนและเข้าสู่สภาพพร้อมรบ แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาทั้งมั่นคงและไม่สั่นคลอน
“มู่เฉิน เจ้ามาถึงระดับนี้ได้ด้วยอายุเพียงนี้ พรสวรรค์และจิตใจที่ตั้งมั่นเหนือล้ำไปกว่าทุกคน ถ้าให้เวลาอีกสักหน่อย เจ้าอาจมีตำแหน่งในจุดสูงสุดของมหาพันภพ”
“แต่นั่นจะไม่ใช่วันนี้ เผ่าหมัวเฮอของข้าพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ดังนั้นเราไม่อนุญาตให้ใครมาทำให้แปดเปื้อนได้!”
ม่านตาของหมัวเฮอเทียนหมุนเวียนด้วยสีดำและสีขาว ขณะที่เสียงไม่แยแสดังก้องออกมาพร้อมกันนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็รวมตัวกัน ก่อตัวเป็นมหาสมุทรเชี่ยวกรากที่ข้างหลัง
มหาสมุทรกลิ้งตัวไปมา ผืนฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือน
หมัวเฮอเทียนคำราม กลืนกินมหาสมุทรคลื่นหลิง จากนั้นทุกคนก็เห็นร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นผลึกบริสุทธิ์ ทว่าแบ่งเป็นสีดำและสีขาว ดูอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
แรงกดดันที่น่ากลัวเอิบอาบไปทั่วร่าง ทำให้มิติสั่นสะเทือนจากแรงกดดันนี้
“กายาหลิงเซิ่ง…”
เมื่อมองไปที่ฉากนี้ท่าทางของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด จากระดับหนึ่งกายาหลิงเซิ่งก็เป็นพลังกายที่ทรงประสิทธิภาพนัก ทว่าก็ยังด้อยกว่ากายานิรันดร์ของเขาเนื่องจากไม่ใช่พลังกายที่บริสุทธิ์ นี่เป็นการหลอมรวมระหว่างคลื่นหลิงกับพลังกายเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวมาสู่ร่างกาย
แม้ว่ากายาหลิงเซิ่งจะด้อยกว่ากายานิรันดร์ แต่เมื่อบวกกับขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางของหมัวเฮอเทียนก็ยังคงน่ากลัวจนอธิบายไม่ได้
ปัง!
หมัวเฮอเทียนทะยานเข้ามา มิติถูกฉีกออก เขามาปรากฏตัวเบื้องหน้ามู่เฉิน หมัดกวาดซัดผ่านขอบฟ้าพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน
เมื่อมองฉากนี้ ดวงตาของมู่เฉินก็กะพริบก่อนที่จะยกแขนขึ้นกันเป็นรูปกากบาทพร้อมกับรัศมีสีทองที่ไหลเวียน
ตึง!
เสียงอื้ออึงจากการปะทะกันดังขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทกใหญ่ ร่างมู่เฉินสั่นสะท้านแล้วปลิวออกไปหมื่นจั้ง
วาบ!
ก่อนที่มู่เฉินจะทรงตัวได้ ภาพเงาของหมัวเฮอเทียนก็ปรากฏขึ้นและเริ่มโจมตี
ตึง ตึง ตึง!
ในเวลาสิบกว่าลมหายใจ มู่เฉินและหมัวเฮอเทียนก็ปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่า นอกจากนี้มู่เฉินดูเหมือนจะถูกปราบ เนื่องจากหมัวเฮอเทียนนำพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางออกมาใช้อย่างเต็มที่
“ขุมพลังหลิงของมู่เฉินอ่อนแอเกินไป แม้ว่าพลังกายจะทรงศักยภาพ แต่เขาก็ไม่มีสามารถเทียบได้กับหมัวเฮอเทียน” ฝูถูเฉวียนแสดงความคิดเห็นขณะที่มองการต่อสู้
เมื่อเฉวียนกวางและมั่วถงได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น ‘ขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกหรือ? ครึ่งปีก่อนมู่เฉินไม่สามารถประลองกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้กับหมัวเฮอเทียนถึงระดับนี้ ท่านผู้เฒ่ายังต้องการอะไรอีก?’
ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มหวาน “ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เฉินเอ๋ออาจจะถูกปราบปรามโดยหมัวเฮอเทียน แต่อย่าลืมทักษะเทพที่เฉินเอ๋อเชี่ยวชาญ…”
ฝูถูเฉวียนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะหดดวงตา เนื่องจากเขาเห็นมู่เฉินหยุดลงฉับพลัน ก่อนที่ลำแสงสีดำและสีขาวจะพุ่งออกมาจากร่างกลายเป็นอีกสองร่างยืนเคียงกัน
วิชาสามพิสุทธิ์!
ตอนนี้มู่เฉินทั้งสามยืนอยู่บนท้องฟ้า นอกเหนือจากร่างหลักแล้ว ร่างรองทั้งสองก็ยังเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เห็นได้ชัดว่ามีกายาเซิ่งด้วยเช่นกัน
นี่คือจุดทรงพลังของวิชาสามพิสุทธิ์ ไม่ว่าร่างหลักจะครอบครองสิ่งใดก็จะส่งต่อให้ร่างรองเสมอ
ชี่!
เสียงแหลมบาดแก้วหูมาถึงที่เบื้องหน้า หมัวเฮอเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรัศมีสีดำขาวจากกำปั้นไหลเวียนประหนึ่งกระแสน้ำวน
แต่คราวนี้มู่เฉินไม่ได้ถอยเมื่อเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน เขาแผดสียงคำราม ร่างทั้งสามก็ชกหมัดออกไป หมัดและฝ่ามือปะทะกัน
ตึง!
คลื่นกระแทกพัดออกมา แต่ทุกคนต่างตกตะลึงในครั้งนี้ เพราะมู่เฉินไม่ได้ถอยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว…
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเคร่งขรึม แต่ก็ยังปล่อยการโจมตีและภาพมายาออกมาไม่หยุด
มู่เฉินทั้งสามนำกายาเซิ่งเร้าไปถึงจุดสุดยอด เผชิญหน้ากับการโจมตีเหล่านั้น
ทั้งโลกพลิกผันจากการปะทะยกนี้
ไม่กี่นาทีต่อมาหมัวเฮอเทียนก็ถอยออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นั่นเป็นเพราะเมื่อมู่เฉินใช้วิชาสามพิสุทธิ์ก็สามารถสู้กับเขาโดยไม่เสียเปรียบแล้ว
เผชิญหน้ากับมู่เฉินแบบนี้ แม้แต่กายาหลิงเซิ่งของเขาก็ไม่สามารถได้เปรียบ
หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกๆ มือประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ในเวลาเดียวกันยักษ์สีดำขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ร่างมหึมาด้วยความตกใจพร้อมกับเสียงอุทานตามมาอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือ… อันดับแปดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง… ร่างเทพมหันต์!”
“หมัวเฮอเทียนถูกบังคับมาถึงจุดนี้แล้วเชียว…”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น