หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1493-1498
บทที่ 1493 ดาบเทวะร่วงหล่น
ตู้ม!
เมื่อความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงระเบิด ร่างเงาทั้งห้าก็โรมรันพันตู ทุกการปะทะกันทำให้ทั้งมิติสั่นสะเทือนราวกับว่าขอบฟ้ากำลังจะแยกออกจากกัน
แต่คำว่าโรมรันพันตูดูเหมือนจะไม่ใช่คำที่เหมาะสมนัก เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้คือสี่จอมยุทธ์พยายามจะหลบหนีโดยมีร่างสีทองเข้มไล่ตามมา ทุกการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาถูกฉีกขาดยับเยิน…
ทั้งสี่นั้นก็คือมู่เฉิน หมัวเฮอโยว เยี่ยฉิงและทัวป๋าชาง
ตอนนี้พวกเขาสู้กับร่างสีทองเข้มลึกลับไปแล้วหนึ่งก้านธูป ซึ่งทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเลวร้ายแสนสาหัส พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบหนี เมื่อครู่หมัวเฮอโยวที่รู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมาจากการถูกไล่ฆ่ายังปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดออกมา แต่ผลที่ได้คือแขนข้างหนึ่งถูกฟันทิ้งโดยร่างสีทองเข้ม…
หลังจากเหตุการณนี้เกิดขึ้นก็ไม่มีใครกล้าปะทะซึ่งหน้าและทำเพียงหนีได้เท่านั้น แต่โชคดีที่ร่างสีทองเข้มจะฉีกมิติออกเป็นชิ้นๆ เป็นระยะเพื่อดึงแก่นอมตะออกจากเจดีย์วั้นกู่ซึ่งทำให้พวกเขามีเวลาหายใจบ้าง
แต่พวกเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่แผนระยะยาวที่ดี
นั่นเพราะเมื่อใดก็ตามที่ร่างสีทองเข้มดูดซับแก่นอมตะ ความผันผวนที่เปล่งออกมาก็จะน่ากลัวยิ่งขึ้น…
เห็นได้ชัดว่าร่างสีทองเข้มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ยามนี้ทุกคนจึงมีสีหน้าปูเลี่ยน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเลือกออกจากเจดีย์วั้นกู่ได้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าตนเองจะต้องสูญเสียโอกาสในการได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ตลอดกาลหากจากไป ดังนั้นจึงไม่มีใครเลือกจะจากไปก่อน
โฮก!
ร่างสีทองเข้มดูดซับแก่นอมตะอีกชุดหนึ่งจากมิติ รัศมีก็เข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วน แม้แต่ความกดดันที่เอิบอาบจากร่างกายก็ทำให้มิติโดยรอบแตกร้าวราวกับแก้ว
มันปล่อยเสียงคำรามออกมา รูม่านตาสั่นระริกด้วยความสับสน เสียงไร้อารมณ์ดังก้อง “จงอยู่ที่นี่เพื่อรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดินนี้!”
เมื่อได้ยินเสียงที่อัดแน่นด้วยเจตนาฆ่า พวกหมัวเฮอโยวก็ไม่สนใจ รีบหนีไปอีกครั้ง
ทว่าหัวใจของมู่เฉินกลับสั่นสะท้าน เพราะร่างสีทองเข้มจะเปล่งเสียงคำรามเหมือนเดิมทุกครั้งหลังจากกลืนกินแก่นอมตะไป
แม้ว่าเสียงคำรามจะพุ่งตรงมาที่พวกเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการมู่เฉินรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างสีทองเข้มต้องการจะพูด มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยการต่อต้านในจิตใจของมัน
“รวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน… ฟ้าดินนี่หมายถึงเจดีย์วั้นกู่หรือ?” สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะที่พึมพำในใจ
ตู้ม!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้นข้างหลัง มู่เฉินกวาดสายตาไปมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรังสีสีทองเข้มพาดผ่านขอบฟ้าเข้ามา
“ความเร็วมันเพิ่มขึ้นแล้ว!”
ปีกหงส์ฟ้าที่อยู่ด้านหลังมู่เฉินกระพือก่อนที่ร่างเขาจะหายไป เขาเร้าความเร็วถึงขีดสุด
ทันทีที่มู่เฉินหายตัวไป มือสีทองเข้มก็แทงทะลุตรงหน้าอกของภาพมายาพร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัว
ร่างสีทองเข้มคำรามหลังจากเห็นว่าพลาดเป้าก็ทะยานออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้ไล่ตามมู่เฉิน แต่เป็นทัวป๋าชางที่มีความเร็วช้าที่สุดในกลุ่ม
“ดอกบัวอมตะ!”
เมื่อเห็นร่างสีทองเข้มตามมา ใบหน้าของทัวป๋าชางก็เปลี่ยนไป รหัสเทพอมตะนับไม่ถ้วนแผ่ออกก่อตัวเป็นดอกบัวขนาดใหญ่ปกป้องเขาไว้ภายใน
ชี่!
แต่คราวนี้ดอกบัวอมตะไม่สามารถขัดขวางร่างสีทองเข้มได้อีกต่อไป มันฉีกดอกบัวออกด้วยพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้
ปัง!
เมื่อดอกบัวอมตะระเบิด ทัวป๋าชางก็พยายามที่จะถอยหนี แต่มือสีทองกลับยื่นออกมาจับหัวเขาแน่น
ความกลัวริบหรี่ในดวงตาของทัวป๋าชาง เขาแผดเสียงโดยไม่ลังเล “ข้าถอนตัว!”
ตามกฎของเจดีย์วั้นกู่ ผู้เข้าร่วมสามารถถอนตัวออกไปได้โดยที่เจดีย์จะส่งพวกเขาออกไปทันที ตอนแรกทัวป๋าชางยังรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจมีอารมณ์อื่นได้อีก เพราะชีวิตสำคัญที่สุด
หลังจากตะโกนออกไป ทัวป๋าชางก็ผ่อนคลายร่างกายรอให้มิติบิดเบี้ยว แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นรอยยิ้มน่ากลัวบนริมฝีปากของร่างสีทองเข้ม ซ้ำการบิดเบือนของมิติก็ไม่เกิดขึ้น
ทันใดนั้นความเย็นยะเยือกก็พุ่งจากปลายเท้ามาที่ศีรษะ อึดใจเขาก็คิดจะปลดปล่อยคลื่นหลิงในร่างกาย
แกร๊ก!
แต่เมื่อเขากำลังหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกาย พลังงานรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายเขาซึ่งแทบจะระเบิดหัวของเขาในทันที…
ปัง ปัง!
เสียงดังก้อง ร่างทัวป๋าชางก็ระเบิดออกเป็นหมอกเลือด ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความโศกเศร้า ก่อนที่จะระเบิดเป็นประกายแสงสีม่วงทอง…
พลังดูดเคลื่อนไหว ร่างสีทองเข้มกลืนกินประกายสีม่วงทองเข้าไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เมื่อมู่เฉิน หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงเห็นฉากนี้ ความหวาดผวาก็พล่านบนใบหน้า
พวกเขาสัมผัสได้ว่าทัวป๋าชางถูกฆ่าตายอย่างแท้จริง!
“ทำไมเขาออกจากเจดีย์วั้นกู่ไม่ได้?!” ใบหน้าของเยี่ยฉิงไม่น่าดู เนื่องจากได้ยินทัวป๋าชางตะโกนขอถอนตัวเต็มสองหู ทว่าเจดีย์วั้นกู่กลับไม่ส่งเขาออกไป
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวก็ดูเคร่งขรึม มองไปที่ร่างสีทองเข้มพร้อมกับความกลัวในดวงตา
“ข้ากลัว…ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเจดีย์วั้นกู่” มู่เฉินกล่าว สถานการณ์เหนือการควบคุมตั้งแต่ร่างสีทองเข้มปรากฏขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะมันทำให้เจดีย์วั้นกู่ไม่สามารถส่งใครออกไปได้แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงก็หดดวงตา ถ้าพวกเขาไม่สามารถออกจากเจดีย์ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาต้องติดอยู่ที่นี่หรือ?
เมื่อคิดแล้วใบหน้าของทั้งสองก็มืดครึ้มลง
เวลาเดียวกันความปั่นป่วนก็ปะทุขึ้นด้านนอกเจดีย์วั้นกู่ ทุกคนตกตะลึงไปเมื่อเห็นทัวป๋าชางถูกฆ่า หัวใจผู้คนต่างเย็นเยือกลง
นั่นคือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายนะ ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เลยเรอะ?
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเห็นฉากนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปรุนแรง นางบอกได้เลยว่าการถอนตัวของทัวป๋าชาง ล้มเหลว… อึดใจสายตาบาดลึกก็กวาดไปที่หมัวเฮอเทียน “เจดีย์วั้นกู่มีปัญหาเรอะ?”
หมัวเฮอเทียนพยักหน้าด้วยใบหน้าไม่น่าดู “อย่ามามองข้าแบบนั้น เผ่าหมัวเฮอของข้าไม่ได้ควบคุมเจดีย์ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถทำอะไรได้”
ชิงเหยี่ยนจิ้งกำหมัดแน่นพร้อมกับแสงร้ายกาจวูบไหวในนัยน์ตา ร่างสีทองเข้มทรงพลังเกินไป มู่เฉินไม่สามารถต่อสู้ได้แน่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปลูกชายนางตายแน่
“งั้นก็ทำลายเจดีย์วั้นกู่ซะ!” ชิงเหยี่ยนจิ้งเค้นเสียงเย็นชา
“ไม่ได้!” หมัวเฮอเทียนค้านขณะสวนกลับ “ร่างมหาเทพนิรันดร์ต้องได้รับผลกระทบหากเจดีย์ถูกทำลาย ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้?”
“ถ้าร่างมหาเทพนิรันดร์ทำลายได้ง่ายขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ร่างมหาเทพปฐมกาลแล้ว!” ชิงเหยี่ยนจิ้งหัวเราะเยาะ
“ไม่ได้! เผ่าหมัวเฮอของข้าปกป้องมันมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ดังนั้นเราจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับมัน!” หมัวเฮอเทียนไม่ยอมถอย
“ถ้างั้นข้าจะลงมือเอง!”
“หึ ที่นี่คือเผ่าหมัวเฮอของข้า ไม่ใช่เผ่าฝูถูของเจ้า!”
“งั้นก็มาลองกันสักตั้งสิ!”
จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสองคนยืนประจันหน้ากัน ความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ฟ้าดินมืดมิด ทุกคนตัวสั่นกับภาพนี้ หากทั้งสองต่อสู้กันทุกสรรพสิ่งภายในรัศมีล้านลี้ก็คงเหลือเพียงเถ้าถ่าน…
หลังจากร่างสีทองเข้มกลืนกินร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของทัวป๋าชาง
รัศมีกระจ่างชัดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทบทวี ก่อนที่มันจะเหลียวมองไปที่มู่เฉิน หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงด้วยความโลภในดวงตา
ตู้ม!
ร่างกายของมันสั่นสะท้านก่อนที่จะทะยานไปหาหมัวเฮอโยวที่แข็งแกร่งที่สุด มันรู้ว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของอีกฝ่าย
เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นสถานการณ์นี้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปรุนแรง รีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว
แต่เวลานี้ความเร็วของร่างสีทองเข้มเพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่าหมัวเฮอโยวจะพยายามหลบหนีแค่ไหนระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ลดลงเรื่อยๆ…
ไม่กี่ลมหายใจหมัวเฮอโยวก็รู้สึกถึงพายุรุนแรงอยู่ข้างหลัง
เมื่อเห็นร่างสีทองเข้มเข้ามาใกล้ทางมุมหางตา หมัวเฮอโยวก็กวาดสายตาเย็นชาไปที่มู่เฉิน ก่อนเข็มทิศที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกซึ้งจะปรากฏขึ้นในมือ
“เข็มทิศแปดกายาสวรรค์ ทักษะปรวนแปร!”
เข็มทิศเปล่งรัศมีเอิบอาบไปทั่ว ขณะที่ล้อมรอบร่างสีทองเข้ม
ตอนที่หมัวเฮอโยวนำเข็มทิศออกมา มู่เฉินก็ตื่นระวังอย่างมาก เนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจ เขารีบถอยออกไปทันที
วาบ!
แต่เมื่อเขากำลังจะถอยร่างสีทองเข้มที่กำลังไล่กวดหมัวเฮอโยวก็หายวับ จากนั้นมู่เฉินก็ต้องหดดวงตาเมื่อมองเห็นมิติแยกออกเบื้องหน้าเขา ร่างสีทองเข้มพุ่งออกมาจ้องเขาเขม็ง
เมื่อมองร่างสีทองเข้มที่อยู่ใกล้ ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นสีมืดคล้ำ
‘ไอ้ระยำหมัวเฮอโยว มันบังอาจวางแผนลอบกัดข้า!’
บทที่ 1494 ทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์
มิติเบื้องหน้าพังทลายลง
ร่างสีทองเข้มพุ่งออกมา เมื่อมองไปที่ม่านตาไร้อารมณ์นั่น ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นมืดครื้ม
แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่สิ่งนี้ก็ยังอยู่เหนือความคาดเหมาย ไอ้เจ้านั่นสามารถเปลี่ยนตำแหน่งของร่างสีทองเข้มและเคลื่อนย้ายมาที่เบื้องหน้าเขาได้…
ด้วยวิธีนี้หมัวเฮอโยวจะหลุดพ้นจากการไล่ล่าของร่างสีทองเข้ม แต่เป็นการส่งเขาไปตายแทน
อารมณ์หลากหลายตีกวนในหัวใจ ปีกหงส์ฟ้าก็กระพือที่เบื้องหลังมู่เฉินขณะร่างกลายเป็นภาพมายาและถอยกลับออกไป…
ฟิ้ว!
ร่างสีทองเข้มเล็งเป้ามาที่มู่เฉิน กลายเป็นแสงสีทองเข้มพุ่งออกไปฉีกภาพมายาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามู่เฉินจะเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด เขาก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากการไล่ล่า ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมลงหลายส่วน
เมื่อหมัวเฮอโยวเฝ้ามองตามมู่เฉินที่กำลังถูกไล่ล่า มุมโค้งเยือกเย็นก็ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก
วาบ!
มู่เฉินหลบหนีอย่างรวดเร็ว แรงกดดันจากเบื้องหลังใกล้เข้าเรื่อยๆ แต่ใบหน้าเขากลับค่อยๆ สงบนิ่ง
ดวงตาทั้งสองของเขากะพริบ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ เป็นครั้งคราวโดยไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
ตามความเร็วของร่างสีทองเข้ม เขาคงจะถูกตามมาทันในเวลาประมาณไม่กี่สิบลมหายใจ พลังที่น่ากลัวนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้
นั่นเป็นเพราะความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือดอกบัวอมตะ ซึ่งไม่แข็งแกร่งไปกว่าทัวป๋าชางเท่าไร ขณะคนอย่างทัวป๋าชางยังถูกสังหาร เขาก็คงลงเอยในสถานการณ์เดียวกัน
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ เขาตกอยู่ในทางตันเนื่องจากไม่สามารถต่อสู้หรือหนีได้
ถ้าเป็นคนธรรมดาพวกเขาคงจะแตกตื่นไปหมดแล้ว แต่ประสบการณ์ที่มู่เฉินมีทำให้เขามีจิตใจที่เข้มแข็งและรู้ดีว่าไม่ควรตื่นตระหนกในสถานการณ์เช่นนี้ มิฉะนั้นเขาก็มีแต่เข้าตัวเอง
“ทำยังไงดี?”
กระแสโลหิตของมู่เฉินไหลเวียนเร็วจี๋ ครู่ต่อมาเขามองไปที่สภาพแวดล้อมพร้อมกับแสงบ้าคลั่งวูบไหวในดวงตา
โฮก!
เสียงคำรามดังก้องพร้อมกับคลื่นความกดดันที่น่ากลัวทำให้เขาสั่นสะท้าน เมื่อมองจากปลายหางตาก็เห็นร่างสีทองเข้มอยู่ในระยะเอื้อมมือคว้าเขาได้แล้ว
ขณะนี้หลังเขาชนฝาแล้ว
เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นฉากนี้แสงเย็นก็วาบขึ้นในดวงตา ‘ข้าขอดูว่าแกจะรอดจากสิ่งนี้ได้ยังไง!’
ความตายปกคลุมไปทั่ว ทันใดนั้นมู่เฉินก็ประสานมือ ร่างขนาดใหญ่ปรากฏที่ข้างหลัง ทำให้ร่างสีทองเข้มฉายความโลภในดวงตามากขึ้น
ตอนนี้มู่เฉินหยุดเคลื่อนไหวและหันกลับขณะมองไปที่ร่างสีทองเข้ม อึดใจต่อมามือของเขาก็ประสานเข้าด้วยกัน เสียงคำรามลึกออกมาจากปาก
“ระเบิด!”
เมื่อเสียงดังก้องร่างสีม่วงทองที่อยู่ข้างหลังก็ปกคลุมไปด้วยรอยแตกก่อนที่จะระเบิดออกมาเป็นประกายแสงระยิบระยับ
ตู้ม!
เมื่อเสียงระเบิดดังกึกก้อง รัศมีสีม่วงทองก็อัดแน่นเต็มไปทั่ว คลื่นกระแทกมหึมากวาดออกไปทำให้ทุกอย่างที่ขวางทางกลายเป็นเถ้าถ่าน
แม้แต่ร่างสีทองเข้มที่พุ่งเข้าใส่มู่เฉินก็ยังถลากลับไปขณะที่แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“เขาระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตัวเองเรอะ?!”
ใบหน้าของเยี่ยฉิงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ ไม่คิดว่ามู่เฉินจะใจเด็ดยอมทำลายร่างเทห์สวรรค์ ต้องรู้ว่านี่เป็นการทำลายรากฐานแท้จริงของแก่นอมตะแท้จริง นั่นหมายความว่ามู่เฉินจะไม่สามารถเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้อีกในอนาคต เว้นแต่ว่าเขาจะฝึกฝนตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง
“ไอ้นั่น” หมัวเฮอโยวตกใจกับความใจเด็ดของมู่เฉินพร้อมกับหรี่ตาลง ตอนแรกเขาคิดว่าครั้งนี้มู่เฉินต้องตายแน่ แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะหลีกเลี่ยงวิกฤตโดยการทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทิ้ง
แต่เขาก็ไม่เอามาใส่ใจอะไรมาก แม้ว่ามู่เฉินจะสามารถรอดได้ด้วยการทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ แต่ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป
ต่อไปก็รอให้เยี่ยฉิงถูกจัดการ เขาก็จะลงมือได้แล้ว
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เสียงเยาะเย้ยก็เพิ่มขึ้นที่มุมริมฝีปาก เครื่องมือโบราณปรากฏขึ้นในมือซึ่งกำจายความผันผวนที่น่ากลัว
เผ่าหมัวเฮอของพวกเขาเตรียมการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะเกินการคาดหมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหมดหนทาง…
แน่นอนว่าเขาต้องกำจัดคนที่เหลือก่อน
“เฉินเอ๋อ!”
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเห็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของบุตรชายระเบิดออก ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดลง อึดใจพายุคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็กวาดออกมาจากร่างกายของนาง
ใบหน้าของนางเย็นชาลงพร้อมกับสายตาเยือกเย็นเสียดแทง ขณะที่พุ่งไปที่เจดีย์วั้นกู่
“ชิงเหยี่ยนจิ้ง เจ้าช่างกล้า!”
หมัวเฮอเทียนร้องเสียงหลงขณะที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าเจดีย์พร้อมกับคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัว แรงกดดันของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแผ่ออกมา
“ไสหัวไป!”
ชิงเหยี่ยนจิ้งวาดตราประทับขึ้นทันใด ค่ายกลขนาดใหญ่ก็บีบดกดลงมาจากขอบฟ้า ราวกับว่ามิติกดทับลงมาห่อหุ้มหมัวเฮอเทียนเอาไว้
นี่เป็นโลกลาวาสีขาวที่มีอุณหภูมิน่าสะพรึงกลัวซึ่งสามารถกำจัดจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เลยทีเดียว ลาวาอยู่ในรูปของมังกรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งเข้าหาหมัวเฮอเทียน
เมื่อหมัวเฮอเทียนเห็นฉากนี้ใบหน้าก็จมลง รัศมีสีดำขาวพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อล้อมรอบตัว ทุกครั้งที่มังกรลาวาปะทะเข้ามาก็จะถูกทำลายโดยรัศมีสีดำขาว
“ชิงเหยี่ยนจิ้ง เจ้าบ้าไปแล้วรึ? คิดจะประกาศสงครามกับเผ่าหมัวเฮอที่นี่รึไง!” หมัวเฮอเทียนถามเสียงเย็นชา
“หมัวเฮอโยววางแผนร้ายลูกชายข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยมันไปงั้นหรือ!” เสียงของชิงเหยี่ยนจิ้งสะท้อนไปทั่ว
หมัวเฮอเทียนตอบด้วยความเย็นชา “ในเจดีย์วั้นกู่สามารถพึ่งพาความสามารถของตนเองได้เท่านั้น มู่เฉินประมาทเองดังนั้นไม่สามารถตำหนิใครได้ การกระทำของเจ้าไม่เท่ากับทำให้เผ่าฝูถูต้องอับอายหรือ?”
“ไร้สาระ” ชิงเหยี่ยนจิ้งเค้นเสียงเย็นก่อนจะควบคุมมังกรลาวานับหมื่นตัวมาเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน
หมัวเฮอเทียนสายตาเคร่งขรึมตอบว่า “ตอนนี้มีปัญหาบางอย่างกับเจดีย์วั้นกู่ แน่ใจหรือว่าต้องการต่อสู้ตอนนี้? ลูกชายเจ้าแค่ระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไป ยังไม่ตายซะหน่อย ตราบใดที่หมัวเฮอโยวจัดการกับร่างสีทองเข้มได้ เขาก็จะปลอดภัยดี”
“แต่ถ้าหมัวเฮอโยวไม่สามารถจัดการกับมันได้ ก็ไม่มีใครช่วยลูกชายเจ้าได้!”
คำพูดของหมัวเฮอเทียนทำให้ชิงเหยี่ยนจิ้งชะงักไป สายตาของนางวูบไหวสุดท้ายกลับกลายเป็นเย็นชา นางโบกมือ โลกลาวาก็สลายหายไป
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายข้า ทั้งสองเผ่าเตรียมระเบิดศึกได้เลย” ชิงเหยี่ยนจิ้งบอกอย่างเย็นชาก่อนที่จะสะบัดหน้ากลับไป
มองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งดวงตาของหมัวเฮอเทียนก็เปล่งไอเย็นชาก่อนที่จะหันกลับ
เมื่อจอมยุทธ์สุดยอดทั้งสองหยุดการต่อสู้ ทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์วั้นกู่ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ละคนเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก การเผชิญหน้าอย่างกะทันหันทำให้พวกเขาตกอกตกใจไปกันหมด
“นังชิงเหยี่ยนจิ้งทำเกินไปแล้ว!”
เมื่อหมัวเฮอเทียนกลับมา ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็วิจารณ์ทันที
หมัวเฮอเทียนหลุบตาตอบอย่างเย็นชา “ไม่ต้องสนใจนาง ร่างมหาเทพนิรันดร์มีความสำคัญกว่า ดังนั้นเราจะจัดการนางในภายหลัง”
ในภูมิภาคนี้
พายุทอร์นาโดรุนแรงสร้างความหายนะเป็นเวลานานก่อนจะสลายไป
พื้นทั้งหมดเต็มไปด้วยเหวลึกดูน่ากลัว
บนท้องฟ้าร่างของมู่เฉินหายไป ทว่าหมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากพวกเขามองเห็นร่างสีทองเข้มพุ่งเข้ามาในทิศทางของตนเองแล้ว
เมื่อมู่เฉินระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทิ้ง ร่างสีทองเข้มก็ไม่ได้รับแก่นอมตะใดๆ เนื่องจากถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงโกรธมากก่อนที่จะเหลือบมองไปที่หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิง
โดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสองคนก็หันหลังกลับเผ่นหนีทันที
ขณะนี้กลยุทธ์แมวไล่จับหนูเริ่มต้นอีกคครั้ง
ขณะที่พายุสร้างความหายนะอย่างต่อเนื่องระหว่างฟ้าดิน ร่างมู่เฉินซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเลือดนอนจมอยู่ในก้นเหวด้วยสีหน้าซีดเซียว ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวอ่อนแอลง ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก
เขาไม่เคยถูกบีบให้ต้องระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์
เพราะนั่นหมายถึงการทำลายแก่นอมตะที่มี ซึ่งแปลว่าเขาจะไม่สามารถเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมาได้อีกต่อไป…
การทำงานหนักมาตลอดของเขาถูกทำลาย แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกปวดใจกับเรื่องนี้
แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดเพราะเขาต้องฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปให้ได้
ฮา
ขณะที่หน้าอกของมู่เฉินเริ่มยกสูงขึ้น เขาก็ปล่อยลมหายใจยาว ความเจ็บปวดที่มาจากร่างกายทำให้เขาขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นมากเกินไป เขามองไปที่มิตินี้และค่อยๆ หลับตาลง
ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะทดสอบการคาดเดาของตัวเอง
ถ้าเขาเดาไม่ผิดการระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็ไม่ได้ไร้ผลซะทีเดียว…
บทที่ 1495 โลกสีม่วงทอง
ขณะที่มู่เฉินหลับตาประสาทสัมผัสก็แพร่กระจายออกไป
เขารับรู้ถึงแก่นอมตะในฟ้าดินที่เกิดจากการทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเอง
แก่นอมตะนี้ถูกสร้างโดยเขา ดังนั้นต่อให้ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมได้ เขาก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงการมีอยู่และตำแหน่งของมัน
พวกมันราวกับประกายแสงแวววาวนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในบริเวณนี้…
“มาแล้ว…”
ทันใดนั้นหัวใจของมู่เฉินก็สั่นไหวเมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนเล็กน้อยในมิติที่มาจากแก่นอมตะ เมื่อมันตกลงสู่พื้นดินและค่อยๆ ถูกกลืนกิน…
เพียงไม่กี่สิบลมหายใจแก่นอมตะของมู่เฉินก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามมู่เฉินรู้ว่าแก่นอมตะไม่ได้หายไปเปล่าๆ แต่ถูกดูดซับโดยเจดีย์วั้นกู่
เหมือนกับที่เขาคาดเดา
เขาสงบจิตใจลง ประสาทสัมผัสเกาะติดแก่นอมตะ เมื่อแก่นอมตะหลอมรวมกับมิติ สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เริ่มเปลี่ยนไป โลกสีม่วงทองเข้ามาแทนที่
จุดแสงสีม่วงทองนับไม่ถ้วนลอยอวลอยู่ในโลกนี้ ภาพนี้ทำให้จิตใจมู่เฉินสั่นสะท้าน เนื่องจากแสงสีม่วงทองเหล่านั้นล้วนเป็นแก่นอมตะทั้งสิ้น เมื่อเทียบกันแล้วจำนวนที่เขาได้รับจากคู่ต่อสู้ก็ช่างน้อยนิดนัก
“แก่นอมตะจำนวนมหาศาลเช่นนี้น่าจะถูกสะสมโดยเจดีย์วั้นกู่ในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมาสินะ?” มู่เฉินถอนหายใจขณะที่สัมผัสได้ถึงโลกนี้
หากเขาสามารถดูดซับแก่นอมตะได้ทั้งหมด ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นจนถึงระดับที่น่ากลัว
ฟู่ ฟู่
ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจก็เกิดความผันผวนในโลกสีม่วงทอง ประสาทสัมผัสของเขาที่เกาะติดแก่นอมตะสั่นไหว เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่ามีการสำรวจตรวจผ่านเขาไป
ซึ่งเป็นการสำรวจที่เอิบอาบด้วยกลิ่นอายโบราณ
“ข้าถูกค้นพบรึ?”
มู่เฉินตกใจแต่ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ
ทันใดนั้นแสงสีม่วงทองก็รวมตัวกัน กลายเป็นร่างพร่ามัวที่เบื้องหน้าเขา
“เป็นเวลานานแสนนานแล้ว ในที่สุดก็มีคนมา…” แม้ว่าร่างนั้นจะมีลักษณะพร่ามัว แต่ชัดว่าเสียงโบราณนั่นพุ่งตรงมาที่เขา
คลื่นจิตที่ซ่อนอยู่ของมู่เฉินก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นภาพร่างของเขา เขามองไปที่ร่างพร่ามัวอย่างระมัดระวังพลางประสานมือให้ “ข้าไม่ได้มีเจตนาบุกรุกยกโทษให้ด้วย ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”
ร่างพร่ามัวยิ้มตอบว่า “ข้าคือจิตวิญญาณของเจดีย์วั้นกู่แห่งนี้… ดูเหมือนเจ้าจะเฉลียวฉลาดพอตัวที่เดาวิธีนี้เพื่อเข้ามา ข้าต้องบอกว่าเจ้ากล้าหาญมาก…”
มู่เฉินรู้ว่าความกล้าหาญที่ร่างพร่ามัวพูดถึงคือการทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่มีความกล้าพอที่จะทำลายร่างเทห์สวรรค์ที่ฝึกฝนมาอย่างขมขื่นแน่นอน
“ในช่วงเวลาวิกฤตก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” มู่เฉินยิ้มฝืดก่อนจะพูดต่อ “แต่ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเตือน”
“เจ้ากาฝากนั้นชั่วร้าย ข้าไม่สามารถจัดการกับมันได้ ทำได้เพียงให้มันสับสนและใบ้บางอย่างตอนกลืนกินแก่นอมตะ” ร่างพร่ามัวถอนหายใจ
“เป็นอย่างนี้จริงด้วย…”
มู่เฉินโล่งใจ เขารู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่ร่างสีทองเข้มกลืนกินแก่นอมตะ มันจะเปล่งด้วยเสียงแปลกๆ ซึ่งไม่ใช่บางสิ่งที่มันคิดทำเอง แต่เป็นบางอย่างที่ร่างเบื้องหน้าทำเอาไว้
“ผู้อาวุโส….นี่มันอะไรกันหรือขอรับ? ร่างสีทองเข้มนั้นคืออะไร?” มู่เฉินถามอย่างสงสัย
ร่างพร่ามัวเคลื่อนไหวม้วนภาพก็ปรากฏเบื้องหน้าจากนั้นก็เปิดขึ้น เมื่อมู่เฉินมองไปก็เห็นชายชุดคลุมสีฟ้าอมเขียว แม้ว่ามู่เฉินจะมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความลึกลับและความกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน
ชายชุดคลุมสีฟ้าอมเขียวคนนั้นพลิ้วลงมาจากขอบฟ้าและสร้างเจดีย์โบราณ
มู่เฉินคุ้นเคยกับเจดีย์นั้น เพราะนี่คือเจดีย์วั้นกู่นั่นเอง!
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้าน ตอนนี้เขาคิดได้แล้วว่าชายที่สวมชุดสีฟ้าอมเขียวในม้วนภาพคงเป็นเทพจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนานของมหาพันภพ—เทพจักรพรรดินิรันดร์!
“ย้อนกลับไปตอนที่เทพจักรพรรดินิรันดร์สร้างเจดีย์วั้นกู่ เขาได้วางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่และเผยแพร่ทักษะการฝึกฝนร่างเทพสุริยะ-ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไปทั่วมหาพันภพ”
“ที่ทำเช่นนี้ หนึ่งเพราะต้องการหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างมหาเทพนิรันดร์ สองเพราะต้องการรวบรวมแก่นอมตะให้เพียงพอเพื่อซ่อมแซมร่างมหาเทพ” เสียงยังคงอธิบายต่อ
“ซ่อมแซม?” สายตาของมู่เฉินถึงกับวูบไหว
“ในตอนนั้นร่างมหาเทพนิรันดร์ได้รับความเสียหายหนักระหว่างการต่อสู้กับเทพปีศาจจักรพรรดิและเข้าสู่ห้วงนิทรา นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงถูกทิ้งไว้ที่นี่และซ่อมแซม”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง…” มู่เฉินพยักหน้าก่อนถามต่อ “แล้วร่างสีทองเข้มนั่นล่ะ? ไม่ใช่ร่างมหาเทพนิรันดร์ใช่ไหม”
“อย่างมันจะเป็นร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ยังไงล่ะ…?” ร่างพร่ามัวยิ้มเหยียดหยามก่อนจะถอนหายใจ “ในช่วงหลายหมื่นปีจอมยุทธ์จำนวนมากที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์เข้ามาที่นี่และมอบแก่นอมตะมหาศาลทำให้เร่งความเร็วในการซ่อมแซมของร่างมหาเทพนิรันดร์…”
“แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีกาฝากเกิดขึ้น”
“กาฝาก?”
“ใช่ เจดีย์วั้นกู่รวบรวมแก่นอมตะมากเกินไป ซึ่งมีต้นกำเนิดจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่แตกต่างกัน แม้ว่าทั้งหมดจะได้รับการขัดเกลาจากข้า แต่ก็ยังมีการรั่วไหลออกไปบ้าง…”
“โดยที่ข้าไม่ทันสังเกตเห็น เจตจำนงที่เหลืออยู่ก็แทรกซึมอยู่ท่ามกลางแก่นอมตะและกลืนกินแก่นอมตะอื่นลับๆ เมื่อข้าค้นพบมันก็มีพลังมากเกิน ในท้ายที่สุดข้าต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อปราบปรามมัน…”
“แต่เนื่องจากมันกินแก่นอมตะจำนวนมาก ส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูของร่างมหาเทพนิรันดร์หยุดชะงัก”
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้าน ร่างสีทองเข้มปรากฏขึ้นจากภูเขาสีแดงเข้ม เมื่อดูจากตอนนี้ แต่เดิมมันน่าจะถูกปราบปรามไว้ใต้ภูเขา
“ที่แท้ร่างสีทองเข้มก็เกิดจากแก่นอมตะที่บริสุทธิ์” มู่เฉินเข้าใจทันทีและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงรัศมีอมตะหนาแน่นจากร่างนั้น
“พวกเจ้าทุกคนฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ซึ่งบรรจุด้วยแก่นอมตะ ดังนั้นมันจึงมีเจตนาฆ่ารุนแรงสำหรับพวกเจ้า”
“มันเป็นเนื้อร้าย หากไม่ถูกกำจัดออกไปมันก็จะยึดแก่นอมตะมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดมันอาจจะกลืนกินร่างมหาเทพนิรันดร์และสร้างสัตว์ประหลาดที่มีสติสัมปชัญญะจนวุ่นวายขึ้น”
“ข้าหนักใจกับเรื่องนี้มาก แต่ไม่สามารถติดต่อพวกเจ้าได้โดยตรงเนื่องจากกฎ ดังนั้นข้าสามารถให้คำแนะนำและดูว่ามีใครสามารถเข้าใจได้หรือไม่และมาที่นี่…”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น มู่เฉินก็หดดวงตา หากไอ้กาฝากนี่กลืนกินร่างมหาเทพนิรันดร์ที่เขาตามหามาหลายปี เขาไม่มีแม้กระทั่งที่ร้องไห้เลยจริงๆ
“ข้าจะช่วยอะไรได้บ้าง?” มู่เฉินถาม เป้าหมายของเขาคือร่างมหาเทพนิรันดร์ ดังนั้นเขาต้องหยุดกาฝากร้ายกาจนี่โดยเร็ว
กาฝากนั้นทรงพลังเกินไปและเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน เมื่อครู่ตัวเขาถูกบีบให้ต้องทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ถ้าเขาสู้กับมันอีกครั้ง เขาอาจต้องทิ้งชีวิตเอาไว้
“กาฝากนั้นเติบโตขึ้นแล้ว หากไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอยู่ในหมู่พวกเจ้าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปราบมัน” จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่กล่าว
มู่เฉินพยักหน้าพลางขมวดคิ้ว “มีวิธีอื่นอีกไหม?”
“มี”
จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ฉายอารมณ์เล็กน้อยขณะที่พูด
“คืออะไรเหรอ?”
จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่เอ่ยทีละคำ “ปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์!”
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นที่ระเบิดขึ้น เพื่อระงับอารมณ์ก็กล่าวว่า “ข้าลองได้ไหม?”
จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ตอบด้วยรอยยิ้ม “ตัวเจ้าได้พิสูจน์ความกล้าหาญแล้วโดยมาที่นี่ เจ้ามีคุณสมบัติ”
พูดจบจิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ก็โบกมือ ก่อนที่มู่เฉินจะสัมผัสได้ถึงแสงสีม่วงทองสั่นไหวและเริ่มหายไป เขาก้มหัวลงก็เห็นแสงลึกลับหรุบหรู่ในส่วนลึกของโลกนี้…
สายตาของเขายึดติดกับรัศมี ภาพนี้สลักลงไปในรูม่านตาของเขา
นี่เป็นร่างที่ดูเหมือนสร้างขึ้นจากอัญมณีพร้อมกับลวดลายโบราณสลักอยู่บนพื้นผิวทุกตารางนิ้ว ลวดลายกำจายด้วยความผันผวนดั้งเดิม ราวกับว่าถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ
รัศมีนิรันดร์ห่อหุ้มมันเอิบอาบไปชั่วกัลป์ชั่วกัลป์ราวกับว่าแม้แต่เวลาก็ไม่สามารถกัดกร่อนได้…
แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่พลังและรูปลักษณ์โบราณก็ไม่สามารถจินตนาการได้ ถึงจะอยู่ในห้วงนิทรา แต่ก็แผ่ซ่านแรงกดดันที่น่าทึ่ง ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง
เมื่อมู่เฉินมองไปที่ร่างนั้น ดวงตาก็ลุกโชนด้วยความตื่นเต้น ในตอนนี้ร่างกายเขาสั่นสะท้านไปหมดแล้ว
‘ร่างมหาเทพนิรันดร์…’
‘ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าแล้ว’
บทที่ 1496 ควบคุมและปลุก
ตู้ม!
เสียงดังกึกก้อง ดวงอาทิตย์สีม่วงทองลอยขึ้นพร้อมกับการล้างผลาญรุนแรงกวาดออกไป
หมัวเฮอโยวยืนอยู่ในอากาศขณะที่มองฉากนี้อย่างเย็นชาด้วยสายตาเย้ยหยัน นั่นเป็นเพราะพลุงดงามชิ้นนี้เกิดจากเยี่ยฉิง
ด้วยการใช้เข็มทิศแปดกายาสวรรค์ เขาสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างน่าพิศวง ดังนั้นแม้ว่าร่างสีทองเข้มจะทรงพลัง แต่ก็กลายเป็นอาวุธของเขาได้
เขาเล่นฉากนี้ซ้ำอีกครั้งเปลี่ยนร่างสีทองเข้มไปที่เบื้องหน้าเยี่ยฉิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะตั้งระวังไว้แล้ว แต่เขาจะหลบหนีได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรเมื่อร่างสีทองเข้มเข้ามาใกล้ขนาดนั้น?
แม้แต่มู่เฉินก็ถูกบีบให้ต้องระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วยตนเอง แม้ว่าเยี่ยฉิงจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำแบบเดียวกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้ม
ยามนี้ดอกไม้ไฟสีม่วงทองแตกกระจาย เยี่ยฉิงก็ร่วงลงพร้อมกับทั่วสวรรพางค์กายเต็มไปด้วยเลือด ซ้ำตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เนื่องจากระลอกคลื่นหลิงป่าเถื่อนกระเพื่อมอยู่ภายในร่างกาย เจ็บปวดอย่างยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงได้แต่นอนพังพาบอยู่ในหลุม สายตามองไปที่หมัวเฮอโยวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เผชิญหน้ากับสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังนั่น หมัวเฮอโยวก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ทั้งมู่เฉินและเยี่ยฉิงสิ้นความสามารถแล้ว ดังนั้นไม่มีใครแข่งกับเขาได้อีก
“ตอนนี้ก็เป็นตาข้าล่ะ”
หมัวเฮอโยวมองร่างสีทองเข้มด้วยความโลภฉายในดวงตา
ไม่ว่านี่จะเป็นร่างมหาเทพนิรันดร์หรือไม่ แต่แก่นอมตะในร่างกายนั้นก็เป็นของแท้ ตราบใดที่เขาได้รับและชำระ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาก็จะถูกยกระดับขึ้นจนน่ากลัว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ก็ตาม
ซึ่งอาจมากจนมีพลังอำนาจเทียบเคียงกับร่างมหาเทพปฐมกาลก็ได้
โฮก!
ขณะที่สายตาของหมัวเฮอโยวยึดอยู่กับร่างสีทองเข้ม มันก็มองเขาแบบอดรนทนไม่ได้เนื่องจากเหยื่อทั้งสองของมันเลือกที่จะทำลายตัวเอง ดังนั้นมันไม่สามารถปล่อยเหยื่อรายสุดท้ายไปแน่นอน
มันกลายเป็นร่างแสงทะยานเข้าใส่หมัวเฮอโยว
แต่เผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้มครั้งนี้ หมัวเฮอโยวไม่ได้หลีกหนี แต่กลับเผยรอยยิ้มน่ากลัวบนใบหน้า
เขายกมือขึ้น เครื่องรางโบราณก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกำจายความผันผวนที่น่ากลัว
เครื่องรางถูกปกคลุมไปด้วยอักขระสีแดงเข้มที่กลั่นจากเลือดที่มีความผันผวนรุนแรง ดูท่านี่ต้องเป็นเลือดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแน่นอน
“น่าเสียดายสำหรับเครื่องรางนี้…”
หมัวเฮอโยวมองไปที่เครื่องรางด้วยความปวดใจ นี่คือวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้แก่นเลือดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแท้จริงโดยใช้เวลาสิบกว่าปี
ในเผ่าหมัวเฮอมีเครื่องรางแบบนี้สามชิ้นเท่านั้น ในแง่ของความแข็งแกร่งก็เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่เป็นวัตถุสิ้นเปลือง ดังนั้นมันจึงเป็นสมบัติที่สำคัญมาก
ทว่าตอนนี้เพื่อจัดการกับร่างสีทองเข้มนี้หมัวเฮอโยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้
หมัวเฮอโยวเงยหน้าขึ้นมองร่างสีทองเข้มก่อนที่จะสะบัดนิ้วโดยไม่ลังเลใดๆ หยดเลือดไหลออกมาและตกลงบนเครื่องรางโบราณนั้น
ฟู่ ฟู่!
เมื่อเลือดสัมผัสกับเครื่องรางก็เกิดการจุดชนวนขึ้นมาทันที กลายเป็นกลุ่มเพลิงสีแดงเข้มม้วนตัวอยู่ตลอดเวลา
“ไป”
หมัวเฮอโยวหายใจเข้าลึกพลางคำราม เพลิงสีแดงเข้มก็ไปปรากฏเบื้องหน้าร่างสีทองเข้มในช่วงเวลากะพริบตา
ร่างสีทองเข้มซึ่งอยู่ยงคงกระพันกลับรู้สึกถูกคุกคามเป็นครั้งแรก ขณะที่เผชิญกับเพลิงสีแดงเข้มเหล่านี้และมันก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
ชี่!
ทว่ากลุ่มเพลิงนี้ก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง เนื่องจากมันไล่ตามร่างสีทองเข้มไปก่อนที่จะมุดเข้าไปในหว่างคิ้วของมัน
ร่างสีทองเข้มตัวแข็งทันทีก่อนที่ลวดลายสีแดงเข้มจะเริ่มกระจายออกไป ทว่ามันก็พยายามต่อต้านและตัดลวดลายสีแดงเข้มออกไปเรื่อยๆ…
อย่างไรก็ตามลวดลายสีแดงเข้มไม่ธรรมดา พวกมันค่อยๆ แพร่กระจายออกไปแม้จะมีการต่อต้าน…
ตราบใดที่ลวดลายครอบคลุมร่างสีทองเข้มไว้ทั้งหมด มันก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหมัวเฮอโยว
เมื่อมองฉากนี้หมัวเฮอโยวก็ยิ้ม เขาคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้
และทั้งเยี่ยฉิงและมู่เฉินจะต้องพ่ายแพ้ในน้ำมือเขา
มู่เฉินนั่งอยู่เบื้องหน้าร่างที่เอิบอาบความกดดันที่น่ากลัว
ตัวเขาชุ่มโชกด้วยเหงื่อ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงคลื่นจิต แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกส่งไปยังร่างกายเต็มๆ
“ข้าจะปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ยังไง?”
มู่เฉินเผยสีหน้าแหยเกจากแรงกดดัน เนื่องจากเขาไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย
ร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่ห่างจากเขาเพียงหนึ่งจั้ง แต่เขาไม่สามารถก้าวออกไปได้ เพราะแรงกดดันจะฉีกทึ้งเขาออกจากกันทันที
ในเมื่อไม่สามารถเข้าใกล้ได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ทันใดนั้นมู่เฉินก็จมลงในความยุ่งยาก เขาใช้ความพยายามอย่างมากและแม้แต่ทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสนี้ แล้วเขาจะจากไปมือเปล่าจริงๆ เหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มู่เฉินก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้
สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ขณะค้นความคิดของตน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในสมองของเขา
“เจดีย์วั้นกู่กล่าวว่าต้องส่งผลกระทบทรงพลังเพื่อปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ขึ้นมา…”
“…เล่าลือกันว่าร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งห้าถูกสร้างขึ้นเพื่อภารกิจปกป้องโลก ถ้าเกี่ยวกับผลกระทบก็น่าจะคล้ายกับมหาพันภพที่ประสบกับการรุกราน…”
ดวงตาของมู่เฉินวูบไหวพลางหายใจเข้าลึกๆ ส่งภาพไปยังร่างมหาเทพนิรันดร์…
ฉากเหล่านั้นคือสิ่งที่เขาประสบในพิภพเขตล่างบ้านเกิดของจอมยุทธ์มังกรขาว เผ่าเสี่ยเสียกดขี่ข่มเหงสิ่งมีชีวิตในพิภพเขตล่างเพื่อสกัดเลือดของพวกเขาและฆ่าทิ้งอย่างป่าเถื่อน…
ทุกครั้งที่ฉากเหล่านั้นปรากฏขึ้นในความคิดของมู่เฉิน เขาก็จะรู้สึกโกรธแค้นอย่างยิ่ง
เมื่อข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งผ่าน มู่เฉินมองไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ดวงตาของมันก็ยังคงปิดสนิท
ราวกับว่าชั้นบรรยากาศถูกแช่แข็ง เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป
ยิ่งเวลาผ่านไปหัวใจของมู่เฉินก็ยิ่งจมลง กระทั่งวิธีนี้ก็ยังไม่สามารถปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ได้หรือ?
“หรือต้องใช้กำลังทางเดียว?”
ดวงตาของมู่เฉินสั่นไหวด้วยความผิดหวังพลางยิ้มอย่างขมขื่น
ขณะที่มู่เฉินขบฟันต้องการลองวิธีอื่น จู่ๆ ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สั่นสะท้าน
แม้ว่าการสั่นสะเทือนจะแผ่วเบา แต่ก็ไม่หลุดรอดจากสายตาของมู่เฉิน หัวใจของเขาสั่นไหว
‘ใช้ได้เหรอเนี่ย!’
ร่องรอยความสุขฉายบนใบหน้ามู่เฉิน ขณะที่การสั่นสะเทือนของร่างมหาเทพนิรันดร์ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่วงรัศมีที่กำจายออกมาก็ทั้งลึกซึ้งและโบราณ
วงรัศมีที่เอิบอาบด้วยไอนิรันดร์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลังศีรษะของร่างมหาเทพนิรันดร์ในขณะนี้
ชี่ ชี่!
ขณะที่สัญลักษณ์สีแดงเข้มค่อยๆ แพร่กระจายก็เข้าครอบครองร่างสีทองเข้มเกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าขอหมัวเฮอโยวก็ฉายความสุขและความกระหาย
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดหวัง
แม้ว่าร่างสีทองเข้มจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีจิตใต้สำนึกใด ดังนั้นมันจึงทำอะไรไม่ถูกกับแรงกัดกร่อน
การแพร่กระจายของลวดลายสีแดงเข้มดำเนินต่อไปอีกสิบกว่านาที ในที่สุดก็ครอบคลุมร่างสีทองเข้มอย่างสมบูรณ์ ขณะนี้หมัวเฮอโยวสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงอันเป็นเอกลักษณ์
เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป ร่างสีทองเข้มก็ลดศีรษะลงปล่อยให้หมัวเฮอโยววางมือบนศีรษะ ตอนนี้มันไม่มีความดุร้ายอีกแล้ว ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม
“ฮ่าๆๆๆ!”
ขณะนี้หมัวเฮอโยวไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจได้จนต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนานก็อยู่ในมือของเขาแล้ว!
ในเจดีย์วั้นกู่นี้เขาหมัวเฮอโยวคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!
ไม่ว่าจะมู่เฉินหรือเยี่ยฉิงทั้งสองก็ต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาไปชั่วนิรันดร์
ทางด้านมู่เฉิน
เวลาเดียวกันกับที่หมัวเฮอโยวกำลังชื่นชมยินดี ภายใต้การจ้องมองปรารถนาของมู่เฉิน ดวงตาที่ปิดสนิทของร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สั่นเทิ้มก่อนที่ดวงตาของมันจะค่อยๆ เปิด
ทันใดนั้นมู่เฉินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นนิรันดร์แท้จริง
ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ตื่นขึ้นแล้ว!
บทที่ 1497 ปรากฏตัวในใต้หล้าอีกครั้ง
ภายในเจดีย์วั้นกู่
เมื่อเสียงหัวเราะของหมัวเฮอโยวสะท้อนก้องไปทั่ว ก็ทำให้เกิดความโกลาหลที่ภายนอก เมื่อทุกคนเห็นหมัวเฮอโยวสามารถควบคุมร่างสีทองเข้มได้ก็ฉายความประหลาดใจบนใบหน้าของพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าฉากนี้เกินความคาดหมายของทุกคน
ไม่มีใครคิดว่าหมัวเฮอโยวจะควบคุมร่างสีทองเข้มที่อยู่ยงคงกระพันนั่นได้…
“หมัวเฮอโยวช่างลึกล้ำยากหยั่งถึง…”
“แต่วิธีเขาก็โหดเหี้ยมเช่นกัน เขารอให้มู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางถูกกำจัดซะก่อนถึงได้ใช้ทักษะนี้…”
“เฮ้ เผ่าหมัวเฮอปกป้องร่างมหาเทพนิรันดร์มาเป็นหมื่นปี พวกเขาจะยอมให้ใครมาเอาไปง่ายๆ ได้อย่างไร? วิธีการของเขาก็อยู่ในความคาดหมายอยู่นะ”
“ในเมื่อร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่ในมือเผ่าหมัวเฮอ ความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของพวกเขาก็จะทะยานไปถึงจุดสุดยอดของมหาพันภพแล้ว”
“…”
เสียงกระซิบดังก้อง ส่วนใหญ่เป็นการสรรเสริญ เพราะนี่คือร่างมหาเทพนิรันดร์และเมื่อตกอยู่ในมือของเผ่าหมัวเฮอก็เท่ากับติดปีกให้กับพยัคฆ์
เมื่อมองไปที่ภาพนี้ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนก็แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เผ่าหมัวเฮอ ทรงพลังอยู่แล้วและเป็นที่รู้กันว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาห้าเผ่าโบราณ ดังนั้นหากหมัวเฮอโยวได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ เขาก็จะสามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ ในเวลานั้นความแข็งแกร่งของเผ่าหมัวเฮอจะเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ฮ่าๆ!”
หมัวเฮอเทียนหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ขอแสดงความยินดีกับท่านประมุข!”
ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอกล่าวขึ้นพร้อมกับความยินดีบนใบหน้า หลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนานในที่สุดเผ่าหมัวเฮอก็สามารถกำจัดฐานะผู้พิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์ลงได้เสียที
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากวันนี้ร่างมหาเทพนิรันดร์จะเป็นของเผ่าหมัวเฮอแม้แต่เทพจักรพรรดินิรันดร์จะมาเกิดใหม่ก็ไม่สามารถนำเอากลับไปได้
ในขณะนี้ภาระในหัวใจของเผ่าหมัวเฮอได้ถูกปลดปล่อยแล้ว
ในเจดีย์
หมัวเฮอโยวหัวเราะสมใจอยู่นานก่อนที่จะค่อยๆ หยุดมองไปที่ร่างสีทองเข้มเบื้องหน้าด้วยสายตาลุกโชน
ลวดลายสีแดงเข้มบนร่างสีทองเข้มกะพริบน้อยๆ ราวกับบอกว่ามีพลังต่อต้านจากภายใน
“หึ ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”
หมัวเฮอโยวเค้นเสียง เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปราบร่างสีทองเข้มนี้ด้วยเครื่องรางเทวะชิ้นนี้แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบ เมื่อไรเขานำเจ้าสิ่งนี้ออกไปจากเจดีย์ มันก็จะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปด้วยความช่วยเหลือของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง
ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจกับการต่อต้านพลางกวาดสายตาสำรวจไปโดยรอบ
เขากำลังมองหามู่เฉิน เนื่องจากอีกฝ่ายทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว แม้ว่ามู่เฉินจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังไม่ตาย ดังนั้นเขาต้องมองหาโอกาสที่จะทำให้อีกฝ่ายพิการไปตลอดชีวิต แม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าทิ้งได้ก็ตาม
ด้วยร่างมหาเทพนิรันดร์ที่อยู่ในมือ พลังของเผ่าหมัวเฮอก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องเกรงกลัวเผ่าฝูถูอีกต่อไป
“ก่อนหน้านี้แกกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขไม่ใช่เหรอ? ข้าขอดูหน่อยว่าตอนนี้แกทำอะไรได้บ้างเมื่ออยู่ในมือข้า” สายตาหมัวเฮอโยววูบไหวด้วยแสงเย็น เขารู้สึกอายตัวเองจากการเผชิญหน้ากับมู่เฉินครั้งก่อน ดังนั้นเขาไม่คิดตั้งใจที่จะปล่อยมู่เฉินไป
ร่างของหมัวเฮอโยวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยมีร่างสีทองเข้มตามหลัง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกไปสำรวจเหวลึกต่างๆ ตั้งใจจะขุดมู่เฉินออกจากที่ซ่อน
เมื่อผู้ชมภายนอกเจดีย์เห็นการกระทำของหมัวเฮอโยว พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเขาพยายามที่จะชำระแค้นกับมู่เฉิน ดังนั้นแต่ละคนจึงรู้สึกสงสารมู่เฉินจับใจ
เมื่อมองที่ฉากนี้ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม นางมองไปที่หมัวเฮอเทียนด้วยแววตาเย็นชา
ทว่าหมัวเฮอเทียนไม่ได้ใส่ใจฉายสีหน้าเฉยเมย ในสายตาของเขาตราบใดที่หมัวเฮอโยวไม่ได้ฆ่ามู่เฉิน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็โวยวายไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์มาแล้ว ไม่มีอะไรให้พวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับเผ่าฝูถูอีกต่อไป
“ในที่สุดข้าฉันก็พบแก ไอ้หนูน้อย…”
หมัวเฮอโยวใช้เวลาไม่กี่สิบลมหายใจสั้นๆ ก่อนที่จะมองไปในหุบเหวหนึ่งด้วยรอยยิ้มเย็นชา
เขาเหวี่ยงหมัดออกไป กำปั้นขนาดมหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้ากระแทกลงไปในหุบเหวนั้น พลังอำนาจน่ากลัวกระแทกลงไปทำให้เกิดปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่เลยทีเดียว…
ฝุ่นควันลอยฟุ้ง หมัวเฮอโยวหรี่ตามองปากหลุมก่อนที่เขาจะเห็นภาพเงาที่ล้อมรอบด้วยแสงหลิงค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า
ภาพเงานั้นก็คือมู่เฉิน ขณะนี้ร่างเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดช่างดูน่าสงสารนัก ชัดว่าเกิดจากการที่เขาทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเอง
“ฮ่าๆ ประมุขมู่ทำไมถึงอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้” หมัวเฮอโยวมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเย้ยหยัน
มู่เฉินกวาดสายตามองหมัวเฮอโยวจากนั้นก็จ้องมองไปที่ร่างสีทองเข้มพลางหดดวงตา “เจ้าควบคุมมันได้เรอะ?”
หมัวเฮอโยวตอบกลับสบายๆ ว่า “เผ่าหมัวเฮอเตรียมการมาหลายหมื่นปี เราจะไม่มีการเตรียมการใดๆ ได้อย่างไร”
มู่เฉินพยักหน้าเผยรอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียว “ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป… ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้วล่ะ”
หมัวเฮอโยวหรี่ตา “รบกวนข้า?”
‘ไอ้นี่สมองไหลออกหมดหลังจากระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทิ้งแล้วรึไง’
มู่เฉินยิ้มขณะชี้ไปที่ร่างสีทองเข้ม “ส่งมันมาให้ข้า”
ทันใดนั้นดวงตาของหมัวเฮอโยวก็เบิกกว้าง ขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าแปลกๆ “สมองแกเสียไปแล้วจริงเรอะ?”
ตอนนี้มู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักไม่มีร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว ดังนั้นความสามารถในการต่อสู้จะต้องลดลง ส่วนหมัวเฮอโยวยังมีความสามารถในการต่อสู้และควบคุมร่างสีทองเข้มได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มู่เฉินยังกล้าเอ่ยปากจะชิงร่างสีทองเข้มไปจากเขาเรอะ?
‘มู่เฉินเป็นบ้าไปแล้วรึไง?’
“แกอยากได้มันเรอะ?”
หมัวเฮอโยวจ้องไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวก่อนจะพยักหน้าช้า “ได้เลย”
เขายื่นมือออกและโบกมือเบาๆ
วาบ!
ทันใดนั้นร่างสีทองเข้มที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งออกไปคว้าลำคอของมู่เฉิน
มองไปที่ร่างสีทองเข้ม มู่เฉินก็ยังคงความสงบบนใบหน้าไว้โดยไม่มีระลอกคลื่นใดๆ
แต่ในสายตาผู้คนนอกเจดีย์ปฏิกิริยาของเขาดูเหมือนตกใจจนเอ๋อไปแล้ว
ภายใต้สายตาของทุกคน เมื่อมือสีทองเข้มอยู่ห่างจากลำคอของมู่เฉินเพียงหนึ่งชุ่น จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นคว้ามือสีทองเข้มเอาไว้
ทันใดนั้นรอยยิ้มของหมัวเฮอโยวก็หยุดนิ่งพลางมองไปข้างหลังมู่เฉินด้วยความตกใจ โดยที่เขาไม่รู้ตัวก็มีร่างเงาปรากฏขึ้น
ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ แต่กลับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา
“โฮก!”
ฉับพลันร่างสีทองเข้มก็คำรามพร้อมกับความกลัวพล่านในดวงตา มันเริ่มดิ้นรนเพื่อพยายามหนีจากภาพเงาลึกลับเบื้องหน้า
ปัง!
อย่างไรก็ตามภาพเงาลึกลับปัดมือออกมาเบาๆ ร่างสีทองเข้มก็ได้รับความเสียหายรุนแรงหนัก มันกระเด็นกลับไปสร้างรอยแตกบนพื้นทำให้เกิดปากปล่องขนาดมหึมา
ซื้ด!
ด้านนอกเจดีย์ทุกคนสูดลมหายใจเย็นขณะที่ตะลึงพรึงเพริดไปหมด พวกเขานึกไม่ถึงว่าร่างสีทองเข้มซึ่งอยู่ยงคงกระพันจะไร้พลังแบบนั้น!
“อะไร…นั่นอะไร?”
“น่ากลัวเสียจริง ต้องรู้ว่าร่างสีทองเข้มอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้วนะ แต่…”
“มู่เฉินยังมีไม้เด็ดอยู่อีกหรือ? แล้วทำไมเขาต้องทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วยล่ะ!”
“…”
ความโกลาหลระเบิดขึ้น ทุกคนต่างประหลาดใจ
แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน ทั้งสองไม่รู้ว่ามู่เฉินได้รับภาพเงาลึกลับทรงพลังเช่นนี้มาได้อย่างไร…
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนแข็งทื่อพร้อมกับสายตาน่ากลัว ในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปที่ภาพเงาลึกลับข้างๆ มู่เฉินด้วยความตกใจและสงสัย
“นั่นคืออะไร?”
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวปกคลุมไปด้วยความไม่เชื่อ
ขณะมองไปที่ปากหลุมลึกใบหน้าก็กระตุกไม่หยุด ฉากนี้ทำให้ความโกรธในใจของเขาเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเจตนาฆ่า
“ฆ่ามัน!”
หมัวเฮอโยวคำรามขณะสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว กระบวนท่านี้ทำให้ลวดลายบนร่างสีทองเข้มดิ้นพล่าน
โฮก!
เสียงคำรามสะท้อนออกมาจากหลุมลึก ร่างสีทองเข้มก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลวดลายสีแดงเข้มรอบตัวหลั่งไหลเข้ามาในดวงตาย้อมเป็นสีแดงฉาน
ภายใต้การควบคุมด้วยลวดลายสีแดงเข้มได้ระงับความกลัวในใจมัน มันจ้องมองภาพเงาลึกลับข้างๆ มู่เฉิน
ทว่ามู่เฉินมองไปที่ภาพนี้อย่างใจเย็นพลางหันไปยิ้มให้กับภาพเงาลึกลับข้างๆ “ไปรับแก่นอมตะที่เป็นของเจ้าซะ…”
“เจ้าหลับไปหลายหมื่นปี วันนี้ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องรู้ว่า…ร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ปรากฏตัวขึ้นในใต้หล้าอีกครั้งแล้ว”
บทที่ 1498 ของแท้และของปลอม
โฮก!
ร่างสีทองเข้มคำราม ลวดลายสีแดงเข้มที่อยู่บนพื้นผิวดิ้นพล่าน ในดวงตาก็มีแสงสีแดงรวมตัวกัน นอกจากนี้ยังมีระลอกคลื่นสีทองเข้มที่น่าสะพรึงโดยรอบซึ่งทำให้มิติถึงกับสั่นสะเทือน
นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครที่อยู่ภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะประจันหน้าได้
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่เล็ดลอดมาจากร่างสีทองเข้ม แววไร้ความปรานีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหมัวเฮอโยว ในมุมมองของเขาข้อเสียเปรียบก่อนหน้าเป็นเพราะร่างสีทองเข้มไม่ทันตั้งตัว แต่ตอนนี้เขาเข้าควบคุมอย่างแข็งแกร่งแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ของมันจึงน่ากลัวยิ่งขึ้น
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่วันนี้แกได้ง่อยแน่!”
หมัวเฮอโยวเค้นเสียง จิตเคลื่อนไหว ร่างสีทองเข้มก็ทะยานออกไปทิ้งภาพเงาซ้อนไว้บนท้องฟ้า ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นตำแหน่งที่แท้จริงได้
เมื่อทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์เห็นภาพนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นไหว พวกเขารู้ว่าหมัวเฮอโยวปลุกจิตสังหารขึ้นมาแล้ว ร่างสีทองเข้มน่าสะพรึงกลัว อาจมีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเท่านั้นที่สามารถยับยั้งได้
“ครั้งนี้มู่เฉินสร้างความโกรธแค้นให้กับหมัวเฮอโยวแล้ว…”
ทว่าเมื่อเทียบกับสายตาเหล่านั้น มู่เฉินกลับดูสงบนิ่งมาก มีเพียงสายตาที่มองร่างสีทองเข้มฉายความประหลาดใจเท่านั้น เขารู้สึกอึ้งกับความผันผวนที่มาจากร่างสีทองเข้ม
“ไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้กาฝากนี่เขมือบแก่นอมตะของร่างมหาเทพนิรันดร์ไปเท่าไรถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้…”
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้กลัวเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ให้ภาพเงาข้างตัวที่ถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีลึกลับ
ภาพเงาลึกลับสั่นไหว ก้าวย่างออกไปยืนเบื้องหน้ามู่เฉิน
โฮก!
ร่างสีทองเข้มคำราม ชกหมัดออกไปพร้อมกับสายธารสีทองเข้มเชี่ยวกรากติดตามมา มันบรรจุไปด้วยพลังของแก่นอมตะ แม้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดอย่างหมัวเฮอโยวก็ถูกฆ่าได้ในทันที
เผชิญหน้ากับหมัดนี้ ภาพเงาลึกลับก็ไม่ขยับเพียงแค่ยื่นมือออกมาเบาๆ ดูดพลังนั้นเข้ามา
ฮา
เมื่อคลื่นผันผวนทำลายล้างสัมผัสกับฝ่ามือก็กลายเป็นเชื่องลงทันที มันห่อหุ้มรอบๆ ภาพเงาลึกลับพลางลดขนาดลงก่อนที่มันจะถูกกลืนกิน
“อะไรน่ะ?!”
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไปรุนแรง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าภาพเงาลึกลับจะสามารถแก้ไขการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย
“เป็นไปได้ยังไง?”
หมัวเฮอโยวกัดฟันเข้าควบคุมร่างสีทองเข้มอีกครั้ง อึดใจร่างสีทองเข้มก็คำราม ปลดปล่อยพลังที่ราวกับมังกรยักษ์ขณะที่พุ่งเข้าใส่ภาพเงาลึกลับ
ทว่าภาพเงาลึกลับไม่ได้เร่งรีบเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีนั่น เนื่องจากทุกกระแสธารสีทองเข้มที่เข้าใกล้จะกลายเป็นอ่อนโยนมากก่อนที่จะถูกกลืนกิน…
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดสถานการณ์ผิดปกติขึ้น ไม่ว่าร่างสีทองเข้มจะโจมตีอย่างไร พลังก็จะอ่อนลงและสลายไปเมื่อเข้าใกล้ภาพเงาลึกลับ
เมื่อมองไปที่ฉากนี้มู่เฉินก็ยิ้มโดยไม่แปลกใจ ถึงยังไงร่างสีทองเข้มก็เป็นเพียงกาฝากและแหล่งที่มาของพลังงานมันก็คือพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์
ในเมื่อร่างมหาเทพนิรันดร์ของแท้อยู่ที่นี่ การใช้พลังส่วนนี้โจมตีก็เหมือนใช้ซาลาเปาปาใส่สุนัข ไม่มีทางได้กลับคืนมา…
โฮก โฮก!
หลังจากการโจมตีหลายครั้งบวกกับถูกกลืนกินโดยร่างมหาเทพนิรันดร์ รัศมีของร่างสีทองเข้มก็จางลง มันรู้สึกถึงการสูญเสียพลังงาน ส่งเสียงคำรามลั่นออกมา ดวงตาของมันจับจ้องไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ด้วยความโลภ แม้ว่าอีกฝ่ายจะน่ากลัว แต่ถ้าสามารถกลืนกินร่างโบราณก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ มากจนหลุดพ้นจากความวุ่นวาย กลายเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกได้จริงๆ
ฟิ้ว!
เมื่อต้องทนทุกข์กับการสูญเสียครั้งใหญ่มันก็ไม่กล้าใช้แก่นอมตะอีกต่อไป ร่างกายของมันเริ่มบวมด้วยพลังทำลายล้างในการเคลื่อนไหว
ยักษ์สีทองเข้มกระทืบเท้าลงบนพื้น ปรากฏที่เบื้องหน้าร่างมหาเทพนิรันดร์ในพริบตา จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดออกไป
หมัดช่างเรียบง่ายแต่ภายใต้ความแข็งแกร่งแท้จริง แม้แต่มิติก็ยังสั่นสะท้าน
ตู้ม!
แต่เมื่อหมัดกำลังจะกระทบร่างมหาเทพนิรันดร์ มือก็ยื่นออกไปปิดกั้นหมัดเบาๆ
เคร้ง!
เมื่อเกิดการสัมผัสกัน เสียงโลหะปะทะกันก็ดังขึ้น มิติพังทลายลงรุนแรง แต่ที่น่าตกใจคือภาพเงาลึกลับราวกับศิลายืนนิ่งไม่ไหวติง ส่วนร่างสีทองเข้มถูกเหวี่ยงออกจากแรงกระแทก
วาบ!
ร่างสีทองเข้มทรงตัวได้ ยังไม่ทันได้ส่งเสียงคำราม ภาพเงาลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นกระแทกฝ่ามือลงบนหน้าอกของมัน
ปัง!
เสียงกัมปนาทดังขึ้น หน้าอกของร่างสีทองเข้มยุบลงและกระเด็นออกไปอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
ในเวลาสิบกว่าลมหายใจต่อมา ร่างสีทองเข้มก็ราวกับลูกบอลแพรบินไปบินมา ภายใต้ฝ่ามือแผ่วเบาทุกครั้งขนาดของร่างสีทองเข้มจะหดเล็กลง…
ซี้ด!
ด้านนอกเจดีย์ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเยือกด้วยความกลัว ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนว่าร่างสีทองเข้มจะไร้พลังขนาดนี้ในมือภาพเงาลึกลับ…
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ในระดับเดียวกันเลย!
แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนก็เบิกตากว้างกับภาพนี้ ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะมีไพ่ตายที่ทรงพลังเช่นนี้
“ร่างลึกลับนั่นคืออะไร?”
หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะพวกเขามองผ่านกระจกเท่านั้น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงทั้งหมด
ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอใบหน้าเขียวคล้ำรวมไปถึงหมัวเฮอเทียนที่มือจับเสาหยกขาวตรงหน้า รอยแตกเริ่มกระจายออกไป
“บ้าเอ้ย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้? หมัวเฮอโยวได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์แล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมอ่อนแอขนาดนี้?! เงาลึกลับนั่นคืออะไร?!”
สายตาของหมัวเฮอเทียนเย็นชา ตอนนี้ต่อให้เป็นเขาก็อดร้องตะโกนในใจไม่ได้
ตู้ม!
การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างสีทองเข้มก็ถลาไปร่างเต็มไปด้วยบาดแผล รอยฝ่ามือมากมายประทับอยู่บนร่างกาย ซึ่งฝ่ามือเหล่านั้นวูบไหวไปมาพร้อมกับแสงแวววาวราวกับอัญมณีที่กัดกร่อนร่างกายของมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้แสงสีทองเข้มยิ่งสลัวรางลงมากขึ้น
โฮก!
เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์นี้ ร่างสีทองเข้มก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย จากนั้นก็หลุดพ้นจากการควบคุมของลวดลายสีแดงเข้มและฟื้นตัว…
อ็อก
เลือดคำหนึ่งกระอักออกมาจากปากของหมัวเฮอโยว ความตกใจหวาดผวาเผยในดวงตา เพราะชั่วพริบตานั้นเขารู้สึกได้ว่าเครื่องรางเทวะภายในร่างสีทองเข้มแตกสลาย
โฮก โฮก!
เมื่อปราศจากการควบคุมของหมัวเฮอโยว ร่างสีทองเข้มก็กลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง สายตามองไปที่ร่างโบราณด้วยความกลัว
นี่เป็นความกลัวที่เกิดจากการเผชิญหน้ากับคนที่เหนือกว่า
ดังนั้นมันจึงเปล่งเสียงหวาดกลัวคำรามตั้งท่าจะหนี มันไม่กล้าสู้กับร่างมหาเทพนิรันดร์อีกต่อไป
แต่ขณะที่มันคิดจะหลบหนี รัศมีที่อยู่เบื้องหลังร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ค่อยๆ ลุกโชนจากนั้นก็เคลื่อนลงมาห่อหุ้มร่างสีทองเข้มไว้
พร้อมกับรัศมีที่ครอบคลุมลงมา ร่างสีทองเข้มก็ร้องโหยหวนด้วยความสิ้นหวังขณะที่ร่างถูกหลอมอย่างรวดเร็วจากวงรัศมี…
โฮก โฮก โฮก!
มันได้แต่ร้องเสียงโหยหวนแต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ เพียงไม่กี่สิบลมหายใจก็หดตัวเป็นเม็ดสีทองเข้มขนาดเท่าฝ่ามือ
เม็ดสีทองเข้มปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกลับ ภายในอัดแน่นด้วยแก่นอมตะที่ไม่อาจจินตนาการได้
ด้วยแรงดูดนุ่มนวล ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็กลืนกินเม็ดสีทองเข้มลงไป
ครืนๆๆๆ!
เมื่อเม็ดสีทองเข้มถูกกลืนหายไป ทันใดนั้นเสียงสายฟ้าก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพร้อมกับมังกรสายฟ้าโกรธเกรี้ยวคำรามที่เส้นขอบฟ้า
ยามนี้รัศมีร่างมหาเทพนิรันดร์กระจ่างใสเปล่งแสงส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน
วงแสงเบื้องหลังศีรษะร่างมหาเทพนิรันดร์ปล่อยพลังลึกลับออกมา
ทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันลึกลับที่อธิบายไม่ได้ที่ซึมผ่านจากเจดีย์วั้นกู่
นั่นเป็นความผันผวนที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งยังรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อมองไปที่ภาพเงาลึกลับ ทุกคนก็เกิดความเข้าใจพร้อมกับแววตกตะลึงพล่านในดวงตา
ที่แท้…ร่างลึกลับนี้เองที่เป็นร่างมหาเทพปฐมกาลของแท้—ร่างมหาเทพนิรันดร์!
ร่างสีทองเข้มนั่นเป็นเพียงของปลอมเท่านั้น!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเมื่อครู่ร่างสีทองเข้มถึงได้ไร้พลัง!
นั่นคือการปราบปรามของแท้ที่มีต่อของปลอมอย่างแท้จริง
แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ตกใจ ฝูถูเฉวียนถึงกับหายใจเข้าลึก ภาพเงาลึกลับที่มู่เฉินได้มาครอบครองก็คือร่างมหาเทพนิรันดร์ของจริง?!
เสาตรงหน้าหมัวเฮอเทียนถูกบีบจนแตก เขาจ้องไปที่ภาพเงาลึกลับด้วยดวงตาราวกับใบมีด ครู่ต่อมาเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและจิตสังหารก็ถูกส่งไปยังผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอ ทำให้ทั้งหมดตัวสั่นสะท้าน
“ออกคำสั่ง เผ่าหมัวเฮอเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม…”
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับสีหน้าน่ากลัว
“ไอ้เด็กเวร แกกล้าเอาของจากเผ่าหมัวเฮอของข้าไปรึ?! ต่อให้แกจะได้รับการคุ้มครองจากเผ่าฝูถู ข้าก็จะทำให้แกคายออกมาจนหมด!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น