หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1489-1492
บทที่ 1489 ก้าวหน้า
เหนือขึ้นไปบนขอบฟ้า
มู่เฉินและหมัวเฮอโยวเผชิญหน้ากัน สายตาเย็นชาและจิตสังหารที่ฟาดฟันกันทำให้มิติโดยรอบตกไปในจุดเยือกแข็ง
มู่เฉินกำจายจิตสังหารที่มีต่อหมัวเฮอโยวไม่ไว้หน้า เนื่องจากอีกฝ่ายทำข้อตกลงกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนห้าคนบีบตำหนักมู่ มิหนำซ้ำยังสร้างความเดือดร้อนให้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะจดจำบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจ
นอกจากนี้หมัวเฮอโยวก็มีเจตนาต้องการฆ่ามู่เฉินมากเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแข่งขันร่างมหาเทพนิรันตร์ เพียงแค่เรื่องบาดหมางระหว่างชิงเหยี่ยนจิ้งกับเผ่าหมัวเฮอก็เพียงพอที่หมัวเฮอโยวจะไม่ปล่อยมู่เฉินไป
ทั้งสองคนต่างพล่านด้วยเจตนาฆ่าในใจ ดังนั้นเมื่อพบกันที่นี่ก็เป็นธรรมชาติที่พวกเขาไม่คิดปล่อยอีกฝ่ายไป…
“ถ้าแกฉลาดก็ไสหัวออกจากเจดีย์วั้นกู่เดี๋ยวนี้” เสื้อคลุมสีดำขาวของหมัวเฮอโยวพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามสายลมโดยไม่มีความผันผวนบนใบหน้าขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา
“ค่อยพูดหลังได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์เถอะ” มู่เฉินยิ้ม
“ข้ากลัวว่าแกจะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นแบบนั้นนะสิ…” หมัวเฮอโยวถอนหายใจ อึดใจพายุทอร์นาโดคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกจากร่างกายกลืนกินทั้งสวรรค์และโลก
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันนี้สายตาของมู่เฉินก็เริ่มเคร่งเครียด หมัวเฮอโยวสมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่งของชุมนุมนิรันดร์ครั้งนี้ ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมามากยิ่งกว่าซื่อหลัว
ชายคนนี้น่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดและมีคุณสมบัติพอที่จะบรรลุขั้นเซิ่งได้แล้ว
ขณะที่คลื่นหลิงรุนแรงกวาดหายนะ ร่างกายของหมัวเฮอโยวก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในรัศมีก่อนที่ร่างเขาจะกลายเป็นอัญมณีแพรวพราว ซึ่งทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
เวลานี้คลื่นหลิงในร่างกายของหมัวเฮอโยวควบแน่นมาก เพียงแค่กำปั้นเบาๆ ก็บรรจุไปด้วยพลังทำลายล้างที่สามารถเทียบเคียงกับทักษะระดับเสินทงขั้นสุดยอดที่ดำเนินการโดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย
เมื่อมองไปที่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหมัวเฮอโยว ใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะวาดตราประทับโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นร่างรองทั้งสองก็ปรากฏออกมา
“สามรวม!”
ร่างรองทั้งสองพุ่งเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉิน ทำให้คลื่นหลิงเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เขายังเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุน ซึ่งดูเหมือนจะทำจากเพชรไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน
“แกคิดว่าสามารถถมช่องว่างนี้ด้วยวิชาสามพิสุทธิ์เรอะ”
หมัวเฮอโยวยิ้มพลางก้าวเท้าออกไป มิติพังทลายลงก่อนที่เขาจะไปปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นออกไป
แม้ว่าจะดูเหมือนการชกธรรมดา แต่มิติก็พังทลายเมื่อเหวี่ยงลงพร้อมกับเศษชิ้นส่วนมิตินับไม่ถ้วนปลิวว่อนอยู่รอบหมัด ซึ่งเป็นความหายนะแท้จริง
มู่เฉินหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายจนถึงขีดสุด จากนั้นก็ซัดกำปั้นออกไปเพื่อตอบโต้
ตู้ม!
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน เสียงโลหะก็ดังขึ้น พื้นที่รัศมีรอบตัวพวกเขาพังทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับพายุเฮอริเคนพัดออกมา หมัวเฮอโยวไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่มู่เฉินถูกผลักกลับไปหลายพันจั้ง
เมื่อมู่เฉินทรงตัวได้ก็มองไปที่กำปั้นตนเอง สามารถเห็นรอยแตกที่ถูกระงับจากการกระบวนท่าเมื่อครู่
“ตอนนี้แกรู้ซึ้งถึงช่องว่างระหว่างเราแล้วหรือยัง?” หมัวเฮอโยวยิ้มเยาะแต่ก็ไม่ได้ให้เวลามู่เฉินตอบกลับ ภาพเงาเขาวูบไหว กำปั้นกลายเป็นปราการกั้นภาพมายาห่อหุ้มไปทางมู่เฉิน
มู่เฉินฉายท่าทางเคร่งเครียดพลางกระตุ้นคลื่นหลิงแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป
ปัง ปัง ปัง!
ในสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ พวกเขาก็ปะทะกันมากกว่าร้อยกระบวนท่า แต่มู่เฉินจะถูกผลักกลับในทุกครั้งของการปะทะกัน
เมื่อคนที่อยู่นอกเจดีย์เห็นภาพนี้ พวกเขาก็เข้าใจถึงช่องว่างพลังระหว่างทั้งสอง
“มู่เฉินโง่มาก รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับหมัวเฮอโยวด้วยกายาหลิงเทียนจุนแล้วยังจะทำอีก…”
“ใช่ แต่ช่องว่างกว้างใหญ่เกินไป ไม่ว่าจะมีทักษะอะไร ก็ว่างเปล่าต่อหน้าหมัวเฮอโยวที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
“…”
ตู้ม!
หลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง มู่เฉินก็กระเด็นออกไปตกลงบนพื้น ทำให้เกิดปากปล่องขนาดใหญ่ขึ้น…
หมัวเฮอโยวยืนกอดอกนิ่งบนท้องฟ้าขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “ไอ้หยิ่งจอมโง่ แกคิดว่าการเอาชนะซื่อหลัวด้วยโชคจะทำให้สามารถต่อสู้กับข้าได้เรอะ?
“ดูเหมือนว่าแกจะลืมขุมพลังของตัวเองไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรแกก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง ส่วนข้าอยู่ในขั้นเซียนระยะปลายสุดแล้ว!”
ทุกคนที่นอกเจดีย์พยักหน้า หากมู่เฉินใช้วิธีอื่นในการต่อสู้ ต่อให้ยังต้องเสียเปรียบแต่เขาก็จะไม่ถูกปราบจนน่าอนาถเช่นนี้แน่นอน
แต่เมื่อถูกหมัวเฮอโยวซัดขนาดนี้ เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บแน่ บางทีความสามารถในการต่อสู้ก็อาจลดลง…
คราวนี้มู่เฉินคงต้องหยุดไว้เท่านี้แล้ว
ในปากปล่องรัศมีหลิงบางจางค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่ร่างเงาของมู่เฉินจะปรากฏขึ้น แต่ตอนนี้รัศมีรอบตัวเขาหม่นหมองลง มากจนกายาหลิงเทียนจุนก็แสดงสัญญาณแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แต่น่าแปลกที่ใบหน้าเขาไม่มีร่องรอยความพ่ายแพ้ใดๆ มีแต่รอยยิ้มจางๆ
“แกถูกตีจนเอ๋อแล้วเรอะ?” หมัวเฮอโยวหรี่ตาลงพลางเย้ยหยัน
มู่เฉินบิดคอสลายความเจ็บปวดรุนแรงที่มาจากร่างกาย จากนั้นก็แสยะยิ้มที่มุมปากขณะมองไปที่หมัวเฮอโยว “แม้ว่าแกจะหนักมือไปหน่อย แต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี่ หมัวเฮอโยวก็ขมวดคิ้ว การตอบสนองของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจ มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นกายาหลิงเทียนจุนที่มืดสลัวก็เปล่งประกายออกมาพร้อมกับพลังงานหลิงหลั่งไหลออกมาจากร่างกายเขา…
ผู้ชมนอกเจดีย์ต่างมองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง แม้จะเป็นการดูผ่านกระจกแต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากมู่เฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพียงสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงของมู่เฉินก็เติบโตขึ้นอีกช่วงหนึ่ง!
“ขั้นหลิงระยะปลาย!”
ในที่สุดก็มีบางคนรู้สึกได้และอุทานออกมา “เขาก้าวหน้าได้ในเวลาแบบนี้เหรอเนี่ย!”
หลังจากตกตะลึงชั่วครู่ก็มีคนเริ่มเข้าใจการกระทำก่อนหน้าของมู่เฉินพลางร้องว่า “ที่แท้เขาตั้งใจที่จะปะทะกับหมัวเฮอโยวด้วยกายาหลิงเทียนจุนเพื่อใช้แรงกดดันของอีกฝ่ายบังคับตัวเองให้บรรลุ!”
ทุกคนสูดลมหายใจเย็น มู่เฉินโหดแท้จริง เขากล้าวางตัวเองไว้ช่องแคบแห่งความสิ้นหวังเพื่อให้มีความก้าวหน้า
ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเพิ่มขึ้นก็ฟื้นฟูรอยแตกบนร่างกาย เขาเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจเมื่อรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
สมาธิแบบปิดตายทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์ แต่เพราะการชำระดูดซับที่ช้าทำให้เขาไม่ได้บรรลุสักที
แต่เมื่อเขาลงต่อสู้กับหมัวเฮอโยวที่เป็นภัยคุกคามก็ทำให้ร่างกายของเขาถูกกดดันและดูดซับคลื่นหลิงบริสุทธิ์เร็วขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถบรรลุขุมพลังในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้…
เทียบกับความตกตะลึงภายนอก ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำขณะมองไปที่มู่เฉินที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยสายตาน่ากลัว ตอนแรกเขารู้สึกว่ามู่เฉินโง่ที่ใช้กายาหลิงเทียนจุนปะทะกับเขา แต่ความจริงกลับมาตบหน้าเขาเสียชา
นั่นเป็นเพราะมู่เฉินปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นแรงดันเพื่อใช้ในการเปิดเผยศักยภาพตนเองและบรรลุขุมพลัง
“ดี ข้าประเมินแกต่ำไป!” สายตาหมัวเฮอโยวที่จ้องมองมู่เฉินเต็มไปด้วยความเย็นชาพร้อมกับหัวเราะ “แต่ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรได้ถึงจะบรรลุขั้นหลิงระยะปลายแล้ว!”
มู่เฉินไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ และไม่คิดที่จะพูด รัศมีทรงกลดกำจายออกมาจากศีรษะของเขา เจดีย์ผลึกใสตั้งตระหง่านอยู่บนขอบฟ้าก่อนที่ตัวเจดีย์จะสั่นเทิ้ม ภาพร่างปีศาจทั้งแปดขยับออกมาจากภายใน
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างหมัวเฮอโยว มู่เฉินไม่มีความคิดที่จะออมมือและเร้าวิชาเจดีย์แปดองค์ออกมาทันที
พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของขุมพลัง พลังของเจดีย์แปดองค์ที่เขาสามารถนำออกมาได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในแง่ของความสามารถไม่ได้อ่อนไปกว่าลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลายเลยทีเดียว
ปีศาจร้ายทั้งแปดยืนอยู่บนขอบฟ้า ความดุร้ายที่เล็ดลอดออกมาจากพวกมันทำให้หมัวเฮอโยวต้องหดเกร็งดวงตา เขารู้สึกว่าถูกคุกคามใหญ่หลวง
มู่เฉินสร้างตราประทับเรียบง่าย คลื่นลูกหนึ่งก็กวาดออก พลังงานหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่ปีศาจทั้งแปดจะกลืนกินเข้าไป
โฮก โฮก!
เมื่อกินพลังงานเข้าไป ปีศาจทั้งแปดก็ขยายตัวพร้อมกับลวดลายปีศาจพล่านบนร่างเอิบอาบไปด้วยรัศมีรุนแรงพร้อมกับเสียงคำรามที่ทำให้แผ่นดินพิโรธ
บริเวณหว่างคิ้วของปีศาจทั้งแปดเหมือนจะแตกออก ราวกับเป็นดวงตาปีศาจที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างก่อนที่จะยิงออกไป
พร้อมกับความแข็งแกร่งของมู่เฉินที่เพิ่มขึ้น เขาก็ค่อยๆ ควบคุมรูปแบบการโจมตีของวิชาเจดีย์แปดองค์ได้แล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลำแสงแปดสายพุ่งออกมาจากดวงตาปีศาจตรงหว่างคิ้วของทั้งแปดก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นรังสีมรณะทะลุผ่านมิติ ซึ่งทำให้ดวงตาของหมัวเฮอโยวถึงกับหดเกร็ง
เสียงแผ่วเบาดังออกจากปากของมู่เฉินพร้อมกับกระบวนท่า
“วิชาเจดีย์แปดองค์ แสงเจดีย์มรณะ!”
บทที่ 1490 มหาภัยพิบัติไร้ขอบเขต
“แสงเจดีย์มรณะ!”
รังสีมรณะพุ่งลงมาจากท้องฟ้าฉีกขาดมิติและกาลเวลาออกจากกัน เมื่อสิ้นเสียงมู่เฉิน ลำแสงก็ไปปรากฏเหนือร่างหมัวเฮอโยวแล้ว
ขณะที่รังสีมรณะพุ่งผ่าน แม้แต่คลื่นหลิงยังถูกลบออกไป ความสามารถในการทำลายล้างช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
ในเวลานี้หมัวเฮอโยวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้สึกว่าถูกคุกคามจริงจัง ทั่วสรรพางค์กายรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด
ฮา
เขาหายใจเข้าลึกมือประสานเข้าด้วยกัน อึดใจกระแสคลื่นหลิงก็กวาดออกมาจากร่างกาย
“ระฆังมหาสวรรค์!”
เสียงดังก้องออกมาจากปากขณะที่รัศมีสีดำขาวรอบตัวเขาหมุนเวียนป่าเถื่อน ก่อนที่จะก่อร่างเป็นระฆังสีดำขาวขนาดใหญ่ล้อมรอบตัว
ระฆังครอบร่างหมัวเฮอโยวไว้ภายใน สร้างเกราะป้องกันที่ทรงพลังที่สุด
“นั่นคือระฆังมหาสวรรค์! หนึ่งในทักษะระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมของเผ่าหมัวเฮอ” เมื่อผู้ชมภายนอกเจดีย์เห็นภาพนี้พวกเขาก็มีแววตาเคร่งขรึม พวกเขาบอกได้ว่าหมัวเฮอโยวถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์อันตรายเพียงใด ถึงกับต้องดึงทักษะนี้ออกมา
หลังจากบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย พลังของมู่เฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่สุดแล้วมู่เฉินมีการขยายคลื่นพลังของวิชาสามพิสุทธิ์ ตราบใดที่มีการเพิ่มพลังเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หมัวเฮอเทียนมีแววตามืดมน ส่วนผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอมีอาการตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหมัวเฮอโยวจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ทั้งที่เมื่อครู่เขาถือไพ่เหนือกว่า
ชี่!
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาทั้งหมด รังสีมรณะก็ยิงเข้าใส่ระฆังสีดำขาว การปะทะกันไม่เกิดเสียงใดๆ ขึ้น แต่ช่างน่าตกใจที่ระฆังค่อยๆ ถูกกัดกร่อนและสลายลงไป…
แม้ว่าคลื่นหลิงบนตัวระฆังจะพยายามสกัดกั้นไว้ แต่ทุกคนสามารถบอกได้ว่ารังสีดำก็ยังคงค่อยๆ กัดกินระฆังทีละน้อย
รังสีสีดำคล้ายกับฝูงมดนับไม่ถ้วนที่กระจายออกไปทุกทิศทาง จากนั้นไม่กี่นาทีระฆังก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท…
ปัง!
เสียงลึกต่ำสะท้อนออกมา ระฆังแตกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับสีหน้าเขียวคล้ำของหมัวเฮอโยวเผยให้เห็นที่ข้างใต้
ฟิ้ว!
เมื่อขี้เถ้าสีดำปลิ่วว่อน รังสีสีดำที่เหลือก็พุ่งต่อเล็งไปที่กึ่งกลางคิ้วของหมัวเฮอโยว
รังสีดำรวดเร็วมาก แต่หมัวเฮอโยวก็ไม่ชักช้า เขาเอี้ยวตัวไปข้างหน้า รังสีสีดำก็ปัดผ่านใบหน้าเขาไป…
ชี่!
รอยเลือดสีดำปรากฏบนใบหน้าหมัวเฮอโยว แต่ที่ทำให้ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไป เนื่องจากรอยเลือดสีดำนั้นราวกับพิษค่อยๆ แพร่กระจายและกัดกร่อนพลังชีวิตไป
วาบ!
หมัวเฮอโยวเหยียดมือเป็นใบมีดปัดเข้ากับใบหน้า เฉือนชิ้นเนื้อบนใบหน้าออกทันทีเพื่อหยุดการแพร่กระจาย
แต่เมื่อไม่มีชิ้นเนื้อบนใบหน้าซีกนี้ เลือดก็ไหลออกมาปกคลุมทำให้เขาดูน่าสะพรึงกลัวนัก
ภายนอกเจดีย์ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหมัวเฮอโยวจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่ได้เปรียบมาก่อนหน้า
“ทำได้ดี!”
ฝูถูเฉวียนปรบมือสาสมใจ ดูท่าจะพอใจมากกับการโจมตีของมู่เฉิน
ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยิ้มแป้น นางรู้ว่าในเมื่อมู่เฉินกล้าสู้กับหมัวเฮอโยว เขาก็ต้องมีไพ่ตายเก็บอยู่ ด้วยสายตาของนางก็สามารถบอกได้ว่ามู่เฉินได้เตรียมการสำหรับความก้าวหน้านี้เอาไว้นานแล้ว รอแค่ใช้แรงกดดันจากหมัวเฮอโยวเพื่อย่นกระบวนการนั้น
ทว่านางรู้ดีว่าเร็วเกินไปที่จะดีใจเนื่องจากมู่เฉินได้ใช้วิชาเจดีย์แปดองค์แล้ว แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่เขาทำได้ก็คือหมัวเฮอโยวตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ไม่มีการสูญเสียใดๆ กับพลังในการต่อสู้…
เรื่องนี้ยังคงยากเกินไปสำหรับมู่เฉินที่จะเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย ด้วยขอบเขตของขั้นหลิงระยะปลาย
บนท้องฟ้าหมัวเฮอโยวหมุนเวียนคลื่นหลิงบนใบหน้าเพื่อหยุดเลือด ดวงตาแดงฉานจ้องไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา เสียงแผดดังก้องออกมาจากลำคอ “มู่เฉิน แกกำลังรนหาที่ตาย!”
ยามนี้หมัวเฮอโยวเดือดดาลในใจ เขามีความคิดแค่จะแกล้งเหยื่อ ไม่เคยมองมู่เฉินเป็นศัตรูในระดับเดียวกัน แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์น่าอนาถเช่นนี้
จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดมีใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกฉีกออกจากฝีมือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย!
เขาจินตนาการได้เลยว่านี่จะเป็นเรื่องตลกในเผ่าหมัวเฮอไปอีกนานหลังจากเรื่องนี้จบลง
เผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของหมัวเฮอโยว ท่าทางของมู่เฉินก็ยังคงสงบ แต่มีแววเสียดายผุดขึ้นในดวงตา ตอนแรกเขาคิดว่าวิชาเจดีย์แปดองค์จะเพียงพอ แต่ใครจะคาดคิดว่าหมัวเฮอโยวจะใจเด็ดหั่นใบหน้าออกครึ่งหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการกัดกร่อนของรังสีมรณะ
ครืนๆ!
เสียงคำรามดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆ มู่เฉินเห็นรอยแยกบนภูเขาแพร่ออกเร็วรี่พร้อมกับรัศมีลึกลับและอมตะพวยพุ่งออกมา
ร่างมหาเทพนิรันดร์กำลังจะปรากฏตัวในไม่ช้า
“ไอ้สารเลวอย่าฝันไปเลย ข้าไม่ปล่อยให้แกเสนอหน้าอยู่หรอก!” เสียงเยือกเย็นดังก้อง ดวงตาของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยจิตสังหารเข้มข้น
เมื่อเห็นท่าทางของหมัวเฮอโยว มู่เฉินก็หดดวงตาขณะที่ร่างกายเกร็งขึ้นเตรียมพร้อม
สายตาหมัวเฮอโยวน่าขนพองสยองเกล้าขณะมองมู่เฉินอย่างเลือดเย็น “อย่าคิดว่าเผ่าหมัวเฮอของข้าไม่มีวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า!”
ตู้ม!
หมัวเฮอโยวกัดลิ้น พ่นเลือดออกมา จากนั้นคลื่นหลิงไม่มีที่สิ้นสุดก็ระเบิดออกจากร่าง ราวกับเมฆหนาแน่นปกคลุมสวรรค์และโลก
การเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งกลืนกินทั่วบริเวณนี้ ทำให้โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนเห็นภาพนี้ก็หดดวงตาพร้อมกับฉายการแสดงออกที่ไม่น่าดู “นี่คือ…หนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า มหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตของเผ่าหมัวเฮอ!”
ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน ความมืดครึ้มพลุ่งพล่าน หมัวเฮอโยวเจ็บแค้นจนไม่อาจอดกลั้นต่อไปได้อีกแล้ว
ครืนๆ!
กลุ่มเมฆเคลื่อนตัวในบริเวณนี้พร้อมกับความกดดันน่ากลัวที่แผ่ออกไป มู่เฉินฉายสีหน้าเคร่งเรียด ตัวเขามีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเผ่าหมัวเฮอและก็รู้ดีว่านี่น่าจะเป็นมหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตหนึ่งในวิทยายุทธในตำนาน
“โง่เง่ามากที่ยั่วยุข้า” หมัวเฮอโยวยืนอหังการในมิติ แขนเสื้อกระพือไปในสายลมขณะที่จ้องมองมาที่มู่เฉิน
ตู้ม!
เหนือหมัวเฮอโยว เมฆสีดำสีขาวรวมตัวกันค่อยๆ ก่อตัวเป็นพายุทอร์นาโดสีดำขาวที่สอดประสานเสียงฟ้าร้อง สามารถทำลายทุกสิ่งที่กีดขวาง
“ทำลายมันซะ!”
หมัวเฮอโยวยิ้มเยาะขณะตราประทับเปลี่ยนไป มองเห็นพายุทอร์นาโดสีดำขาวเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลกซัดเข้าหามู่เฉิน
พื้นดินเบื้องล่างก็ถูกฉีกออกจากกัน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองพายุทอร์นาโด ใบหน้าก็กลับกลายเป็นมืดครึ้ม อึดใจเขาก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด กระจกกระดูกปรากฏขึ้นในมือ
นี่คืออาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียน—กระจกรวมเทพโบราณที่เขาได้มาจากตี้กุ่ย
เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นกระจกก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นอีกหลายส่วน นี่เป็นอาวุธที่เขาให้ตี้กุ่ยยืมเพื่อจัดการกับมู่เฉิน แต่ตอนนี้กลับถูกมู่เฉินนำมาใช้งานกับเขา
มู่เฉินไม่สนใจสายตาเย็นชาของหมัวเฮอโยว เขาโยนกระจกขึ้นไปเบาๆ จากนั้นก็เกิดการขยายขนาดออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉินประสานเข้าด้วยกัน มู่เฉินชุดดำและชุดขาวก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง เสาพลังงานหลิงไร้ขอบเขตสามเสาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เสาแสงทั้งสามพุ่งเข้าไปในกระจก ปลดปล่อยความผันผวนที่น่ากลัว
เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ พวกเขาก็ส่ายหัว มู่เฉินซ่อนไพ่ตายไว้มากมายจริงๆ แต่น่าเสียดายที่แม้จะขยายกระจกรวมเทพโบราณได้ แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีของหมัวเฮอโยวได้
มู่เฉินก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน เขาลังเลชั่วครู่ก่อนจะกระทืบเท้าลงไป
โฮก!
จังหวะที่ฝ่าเท้ากระแทกลงบนพื้น เสียงคำรามสั่นสะเทือนโลกาก็ดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะเห็นมังกรสีทองทะยานออกจากร่างมู่เฉินปลดปล่อยคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงออกมา นี่เป็นมังกรแท้จริงที่อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน!
มังกรอ้าปาก ลมหายใจมังกรทองพุ่งออกมาใส่กระจก
ด้วยพลังของมังกรแท้จริงนี้ พลังบรรจุลงไปภายในกระจกก็ถึงระดับที่น่ากลัว
ทว่ามู่เฉินไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ แขนเสื้อสะบัดวูบไหว
กีด!
เสียงร้องกังวานใสดังก้องพร้อมกับรัศมีสีทอง ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งเมื่อหงส์ฟ้าแท้จริงขนาดใหญ่กระพือปีกบินฉวัดเฉวียนรอบร่างมู่เฉิน
นี่คือหงส์ฟ้าแท้จริงที่อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเช่นกัน!
คนที่อยู่นอกเจดีย์โกลาหลไปหมด ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะซ่อนมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงไว้ในร่างกายของตน นอกจากนี้พวกมันก็ไม่ใช่ภาพลวงตาแต่เป็นร่างจริง!
เมื่อหงส์ฟ้าแท้จริงเปล่งเสียงร้องสดใส ปีกก็กระพือขึ้นลงระเบิดรังสีสีทองมากมายออกมาพร้อมกับเพลิงหงส์ฟ้าไร้ขอบเขตยิงเข้าไปในกระจก
ฮึ่ม ฮึ่ม
พร้อมกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวรวบรวมอยู่ภายใน กระจกก็สั่นสะเทือนรุนแรงราวกับว่าใกล้จะพังทลาย ทว่าภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน พลังถูกบีบอัดรุนแรงไว้ภายในก็ทำให้มิติยุบลงเป็นหลุมดำ…
เมื่อมองไปที่กระจกมู่เฉินก็ปล่อยลมหายใจยาว นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยมีร่างรองสองร่างบวกกับมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง…
ห้าพลังงานที่แตกต่างกันรวมกันขยายในกระจกถึงระดับที่น่ากลัวแล้ว
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองดูพายุทอร์นาโดสีดำขาว จากนั้นก็แตะนิ้วเบาๆ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
กระจกกระดูกสั่นรุนแรง แม่น้ำสีเงินไหลออกมาอย่างเชี่ยวกราก ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน…
ยามนี้ฟ้าดินถึงกับเปลี่ยนสี
บทที่ 1491 ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏ
ตู้ม!
ชั้นฟ้าชั้นดินถูกฉีกผ่าน แม่น้ำสีเงินก็พุ่งเข้าปะทะกับพายุทอร์นาโดสีดำขาวในเวลาต่อมาภายใต้สายตาตกตะลึงมากมายที่จ้องมอง
ในช่วงเวลาที่เกิดการปะทะกัน คลื่นกระแทกที่อธิบายไม่ได้ก็กวาดออกมาบนพื้น มีเพียงภูเขาสีแดงเข้มเท่านั้นที่ยืนยงอยู่ได้โดยไม่ขยับเขยื้อน ส่วนสรรพสิ่งรอบด้านทั้งหมดถูกทำลายจากคลื่นกระแทกนี้…
ทุกคนจ้องเขม็งไปที่จุดปะทะ มิติกำลังถล่มลงมา แม่น้ำสีเงินแตกสลายอย่างรวดเร็ว คลื่นกระแทกหลิงอันน่าทึ่งพุ่งออก
ภายใต้คลื่นกระแทกที่น่ากลัว แม้แต่ความเร็วในการหมุนรอบของพายุทอร์นาโดสีดำขาวก็ช้าลง ชัดว่าหมดพลังโดยสายธารสีเงินนี้
แม่น้ำสีเงินลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจพลังรวมหลากหลายของมู่เฉินก็หมดลง…
ชี่ ชี่!
สายธารเชี่ยวกรากแตกออกเป็นประกายไฟ
แต่เมื่อสายธารหายไปพายุทอร์นาโดก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดและค่อยๆ ช้าลง ขณะนี้มันดูเหมือนเป็นลมหมุนสีดำขาวเท่านั้น
แกร็ก
ทันใดนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นและกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พายุทอร์นาโดจะแตกสลาย ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน…
“เขา…ต้านไว้ได้…”
เสียงตะลึงใจดังที่ด้านนอกเจดีย์พร้อมกับความไม่เชื่อในฉายบนใบหน้าทุกคน ด้วยพลังของหมัวเฮอโยวบวกกับทักษะเทพ เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถต้านทานไว้ได้
บนบัลลังก์ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็เขียวคล้ำกับฉากนี้พร้อมกับสาดสายตาน่ากลัว ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อกับภาพความจริงอันโหดร้าย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้า
“ลูกชายเจ้าน่าเกรงขามจริงๆ…” ฝูถูเฉวียนอึ้งไปก่อนจะถอนหายใจ
ชิงเหยี่ยนจิ้งก็มีอาการตกใจบนใบหน้า ชัดว่าบุตรชายทำเกินความคาดหมายไปไกล แต่เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของฝูถูเฉวียน นางก็อดยิ้มกว้างไม่ได้
“เป็นไปได้ยังไง…”
สายตาของหมัวเฮอโยวมืดครึ้ม เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก กระบวนท่าของเขาครั้งนี้สามารถเอาชนะจอมยุทธ์อย่างเยี่ยฉิงได้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรมู่เฉินได้?!
“ไอ้เวร!” หมัวเฮอโยวกำมือแน่นจนเสียงกระดูกลั่นเปรียะ ย้อนกลับไปที่เผ่าฝูถูมู่เฉินต้องอาศัยค่ายกลเพื่อเอาชนะตระกูลมั่วและเฉวียน แต่ในเวลาเพียงปีสองปีเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนได้แล้ว
ขณะที่แววตาของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไป ใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดลง ทว่าเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่หมัวเฮอโยวด้วยสีหน้าสงบ “ยังจะสู้ต่ออีกไหม?”
ประกายเย็นเยือกกะพริบในดวงตาของหมัวเฮอโยวพร้อมกับคลื่นหลิงพวยพุ่งขึ้นรอบตัว แม้ว่าเขาจะใช้พลังงานไปอย่างมากกับกระบวนท่าสุดยอดนั่น แต่เขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุด มีพลังหลิงหนาแน่น ดังนั้นจึงยังมีพลังต่อสู้อยู่
ตู้ม!
ขณะที่หมัวเฮอโยวคิดจะต่อสู้อยู่ๆ เสียงดังแสบแก้วหูก็สะท้อนออกมา จากนั้นเขาก็ต้องหดตาลงมองไปที่ภูเขาสีแดงเข้มที่ยุบลงพร้อมกับเสาแสงขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า…
ในเสาโบราณมีร่างคลุมเครือซึ่งทำให้แววตาของหมัวเฮอโยวกระจายไปด้วยความโลภ
“ร่างมหาเทพนิรันดร์!”
หมัวเฮอโยวรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นแรงจากนั้นก็กวาดตามองมู่เฉินไม่สนใจอีกต่อไป เขาทะยานออกไป มองไปที่เสาโบราณด้วยดวงตาลุกโชน
มู่เฉินมองหมัวเฮอโยวจากไป กำปั้นที่กำแน่นก็คลายออก ใบหน้าที่ดูนิ่งสงบก็แอบโล่งใจนิดๆ เนื่องจากตอนนี้ร่างกายแทบจะหมดพลัง ตัวเขาไม่มีพลังที่จะต่อสู้กับหมัวเฮอโยวอีกแล้ว
ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับมหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตของหมัวเฮอโยว เขาได้ใช้พลังงานทุกหยาดหยดในร่างกายเลยทีเดียว
ถ้าเมื่อครู่หมัวเฮอโยวเปิดการโจมตีอีกครั้ง เขาก็ทำได้แค่ถอยหนี แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะสูญเสียสิทธิ์ในการคว้าร่างมหาเทพนิรันดร์ไป
โชคดีที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏตัวขึ้นพอดี ทำให้หมัวเฮอโยวไม่สนใจเขาอีกต่อไป
“ตัวข้าเองก็ประเมินหมัวเฮอโยวต่ำไป แม้ว่าข้าจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายแต่ถ้าสู้กันก็ได้แค่เสมอ ถ้าต้องการเอาชนะคงต้องก้าวเข้าสู่ขั้นเซียน”
มู่เฉินถอนหายใจพลางโยนของเหลวจื้อจุนหลายล้านหยดและกลืนกินเข้าไป เจดีย์พุทธะที่สถิตในร่างก็กำจายรัศมีพร้อมกับความสดใส ขณะที่กลั่นและดูดซึมอย่างรวดเร็ว…
สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่ค่อยๆ ฟื้นตัว มู่เฉินก็เริ่มผ่อนคลายร่างกายที่ตึงเครียด เขาพลิ้วตัวลงบนเนินเขาที่ไกลออกไป
เขากวาดสายตามองก็เห็นว่านอกจากหมัวเฮอโยวแล้ว เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางที่ยังคงรักษาระยะห่างต่อกันไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่มีใครเหนือกว่าใครได้
เมื่อรู้สึกถึงการมาถึงของมู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางก็จ้องมองอย่างอัศจรรย์ใจ เนื่องจากพวกเขาเห็นการต่อสู้ก่อนหน้าอยู่ ดังนั้นในดวงตาพวกเขาจึงมีร่องรอยของความเคร่งเครียดและความครั่นคร้าม
“ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ปรากฏขึ้นแล้วสินะ?”
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสาขนาดมหึมาที่เอิบอาบไปด้วยกลิ่นอายโบราณและลึกลับ ภายในเสาสามารถมองเห็นร่างเงาโบราณได้อย่างคลุมเครือ
เมื่อเห็นร่างเทห์สวรรค์ในตำนาน ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้นด้านหลังราวกับว่าถูกดึงดูดโดยสิ่งที่ไม่อาจต้านได้
มีร่องรอยของความตื่นเต้นในดวงตาของมู่เฉิน
แม้แต่อีกสามคนก็พลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น มากจนจุดอากาศได้เลยทีเดียว
ที่ด้านนอกเจดีย์เงียบกริบ ทุกคนจ้องมองไปที่เสาโบราณพร้อมกับดวงตาลุกโชน นั่นคือร่างมหาเทพนิรันดร์ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าร่างมหาเทพปฐมกาลแห่งมหาพันภพ ใครก็ตามที่ได้รับไปจะกลายเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพอย่างไม่ต้องสงสัย
ครืนๆๆ!
ท่ามกลางสายตาลุกโชนมากมาย เสาขนาดมหึมาคงอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะเริ่มหดลง โดยมีร่างเงาโบราณนั้นเป็นศูนย์กลาง…
ราวกับว่าร่างโบราณนั้นกำลังดูดซับคลื่นหลิงที่บรรจุอยู่ในเสา
เสาหดตัวลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถูกดูดซับโดยร่างโบราณนั้นทั้งหมด ยามนี้ร่างเงาภายในก็เผยให้เห็นอย่างชัดเจนภายใต้สายตาของทุกคน
ดวงตาแต่ละคู่เบิกกว้าง เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นร่างมหาเทพนิรันดร์ของจริง
ขณะที่ทุกสายตาจ้องมองไป ภาพเงาที่สูงประมาณสิบจั้งก็ยืนขึ้นระหว่างฟ้าดิน มันมีสีทองเข้มที่มีริ้วรอยด่างดำราวกับว่าผ่านการศึกสงครามมานับล้านครั้ง
บนร่างกายมีลวดลายตามธรรมชาติ ทุกลายมีความลึกซึ้งและพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้
แม้จะไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
“นี่หรือร่างมหาเทพนิรันดร์?” มู่เฉินมองไปที่ร่างเงานั้นพลางพึมพำด้วยความฉงนสนเท่ห์
วาบ!
ขณะที่เขากำลังสงสัย หมัวเฮอโยวก็กลายเป็นริ้วแสงไปปรากฏตัวเบื้องหน้าร่างเงานั่นเอื้อมมือออกไป “ฮ่าๆ ร่างมหาเทพนิรันดร์ มากับข้า ข้าเป็นเจ้าของคนใหม่ของเจ้า!”
เยี่ยฉิง ทัวป๋าชางและมู่เฉินสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนที่จะทะยานออกไปเช่นกัน
แต่เมื่อมือของหมัวเฮอโยวกำลังจะสัมผัส ร่างสีทองเข้มก็ลืมตาโพลงโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่ภายใน
หลังจากมองไปที่หมัวเฮอโยว มือมันก็ยื่นออกแล้วเหวี่ยงไปที่หมัวเฮอโยว มือช่างดูเหมือนจะไม่มีพลังใดๆ แต่ทำให้มิติในรัศมีหมื่นจั้งพังทลายลง
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไปรุนแรงก่อนที่จะส่งเสียงคำรามลึก เขาเร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาและเปิดการป้องกันทันที
ปัง!
แต่การป้องกันทั้งหมดก็ถูกทำลายลงในพริบตา ก่อนที่ฝ่ามือนั่นก็ตบลงบนหน้าอกของหมัวเฮอโยว โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ
อ็อก
เลือดสดกระอักออกมา ร่างหมัวเฮอโยวถูกส่งออกไป วาดรอยยาวบนพื้นเป็นทางยาวหลายหมื่นจั้ง แม้แต่หน้าอกก็ยุบลง
ซี้ด
มู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางหยุดชะงักมองหมัวเฮอโยวที่บาดเจ็บสาหัสก็สูดลมหายใจเย็นเยือก สายตามองไปที่ร่างสีทองเข้มด้วยความตะลึงกลัว
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเบาบางและเย็นจับจิตที่แทรกซึมมาจากร่างสีทองเข้มนั้น
ขณะที่ทั้งสามตกตะลึง ร่างสีทองเข้มก็เงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่พวกเขาก่อนจะอ้าปาก เสียงเครื่องจักรกลไม่แยแสดังก้อง
“อยู่…และรวมกับสถานที่แห่งนี้เถอะ…”
เมื่อเสียงสะท้อนไปทั่ว ทันใดนั้นมันก็ระเบิดกลายเป็นรังสีสีทองพุ่งเข้าหาทั้งสามคน
บทที่ 1492 ร่างลึกลับสีทอง
วาบ!
ร่างเงาสีทองเข้มพาดผ่านขอบฟ้าพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ มิติใกล้เคียงถึงกับพังทลายลง…
ขณะมองไปที่ร่างสีทองเข้ม สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไป พวกเขารีบถอยออกมาทันที ร่างสีทองเข้มนี้แผกประหลาดเกินไป พวกเขาสามารถบอกได้ถึงพลังของมันเนื่องจากแม้แต่หมัวเฮอโยวก็ยังเจ็บหนักเมื่อถูกโจมตี
แต่ไม่ว่าความเร็วของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ร่างสีทองเข้มก็เร็วยิ่งกว่า
เมื่อมิติสั่นไหว ร่างสีทองเข้มก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าทัวป๋าชางแล้วค่อยๆ ตบมือออกไป
เมื่อทัวป๋าชางเห็นว่าสถานการณ์นี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็แผดเสียงคำราม รัศมีสีทองไร้ขอบเขตแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย เขาเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา รหัสเทพอมตะนับไม่ถ้วนรวมตัวกันก่อร่างเป็นดอกบัวห่อหุ้มตัวเองไว้
“ดอกบัวอมตะ!”
นั่นคือกระบวนท่าการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้ม แม้แต่ทัวป๋าชางก็ยังไม่กล้าที่จะประมาท
แปะ!
มือตบลงไปที่ดอกบัว เกิดการแข็งตัวช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะมีรอยแตกกระจายออกมาแล้วระเบิด
อ็อก
ดอกบัวระเบิดออก ทัวป๋าชางก็ถลาออกไปพร้อมกับความหวาดผวาบนใบหน้า การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือสิ่งที่แม้แต่หมัวเฮอโยวก็ไม่สามารถทำลายได้ด้วยกระบวนท่าเดียว แต่กลับเปราะบางต่อหน้าร่างสีทองเข้ม
หลังจากส่งทัวป๋าชางออกไปด้วยตบเดียว ร่างเงาสีทองเข้มก็พุ่งเข้าไปหาเยี่ยฉิง
“ขอบเขตอสุรา!”
เยี่ยฉิงมองไปที่ร่างสีทองเข้มแล้วขบฟัน ก่อนที่หอกสีแดงเข้มในมือเขาจะสั่นสะท้าน ทันใดนั้นรัศมีสังหารรุนแรงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาออกกระบวนท่าโจมตีแทนการป้องกัน หอกกลายเป็นลำแสงฉีกผ่านขอบฟ้าพร้อมกับภาพซ้อนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ร่างสีทองเข้ม
การโจมตีของเยี่ยฉิงเป็นกระบวนท่าสังหารเลยทีเดียว
ภาพซ้อนหลายล้านภาพกระจายออกไป นี่เป็นกระบวนท่าที่แม้แต่หมัวเฮอโยวก็ไม่กล้ารับ แต่ร่างสีทองเข้มไม่ได้ใส่ใจเลย เมื่อหอกปะทะบนร่างกายก็เกิดประกายไฟแล่นเปรียะ แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางร่างสีทองเข้มเอาไว้ได้…
ร่างสีทองเข้มกำหมัดเหวี่ยงออกไป มิติพังทลายลงจากวงรัศมี ขณะที่ซัดลงบนหอกสีแดงเข้ม
เคร้ง!
เสียงโลหะปะทะกันดังก้อง เยี่ยฉิงตัวสั่นสะท้านรุนแรงก่อนที่จะปลิวไป เส้นเลือดบนแขนของเขาระเบิดพร้อมกับเลือดไหลลงมา แม้แต่หอกสีแดงเข้มในมือเขาหรุบหรู่ ดูเหมือนจะได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน
เมื่อมู่เฉินเห็นร่างสีทองเข้มที่เอาชนะทัวป๋าชางและเยี่ยฉิงได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ใบหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป ร่างกายเกร็งเครียดขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าหลังจากเอาชนะทั้งสองแล้ว สายตาไม่แยแสของร่างสีทองเข้มก็พุ่งตรงมาที่เขา
วาบ!
แค่จ้องตากันก็ทำให้มู่เฉินหดดวงตา เพราะเขาเห็นแสงสีทองที่เบื้องหน้าครรลองสายตา จังหวะนั้นร่างสีทองเข้มก็พุ่งเข้าหาคว้าลำคอของเขาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
มวลลมคมกริบกวนตัว ร่างของมู่เฉินกระตุก ปีกหงส์ฟ้าพร่างพราวกางออกที่แผ่นหลังขณะกระพือปีกวูบไหวก็ทิ้งภาพเงาเอาไว้ ร่างหลักปรากฏตัวห่างออกไปหมื่นจั้ง
ซี้ด!
มือสีทองที่บดขยี้ลงหยุดชะงักชั่วครู่ ราวกับตกใจที่การโจมตีพลาดเป้า…
มู่เฉินรู้สึกถึงเหงื่อเย็นไหลชุ่มบนแผ่นหลัง ถ้าเขาช้ากว่านั้นอีกก้าวเดียวละก็ เขาคงได้รับบาดเจ็บหนักจากร่างสีทองเข้มไปแล้ว แต่โชคดีที่เขาใช้ประโยชน์จากปีกหงส์ฟ้าแท้จริง ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดและความเร็วเขาก็สูงกว่าทั้งสี่คน เขาจึงสามารถหนีออกมาได้ทันท่วงที
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน เมื่อทุกคนเห็นมู่เฉินหลบการโจมตีของร่างสีทองเข้มได้ถึงฟื้นคืนสติ ทันใดนั้นพวกเขาก็ร้องอุทานตอบสนอง ฉากนี้เหนือคาดยิ่งนัก
‘ร่างมหาเทพนิรันดร์จะเลือกผู้ครอบครองไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงเริ่มสังหารหมู่ราวกับว่าต้องการฆ่าทั้งสี่คนให้ได้?
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?!” ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งเปลี่ยนไป นางจะบอกไม่ได้อย่างไรว่าร่างสีทองเข้มนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง จอมยุทธ์ทั้งสี่คนไม่ได้อยู่ในสายตามันเลย
“หมัวเฮอเทียน เผ่าเจ้าแอบทำอะไร?!” ชิงเหยี่ยนจิ้งมองไปที่หมัวเฮอเทียนพลางตะโกนถามเสียงเข้ม
ขณะนี้ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็บิดเบี้ยวจนไม่น่าดู เขาเหลือบมองชิงเหยี่ยนจิ้ง “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ในอดีตร่างสีทองเข้มนั้นไม่เคยปรากฏตัวเลย!”
เขาก็โมโหเช่นกัน เขาไม่รู้ว่ามีร่างสีทองเข้มอยู่ในเจดีย์วั้นกู่ ดูจากรูปลักษณ์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช่ร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนานหรือไม่
“หรือว่าร่างมหาเทพนิรันดร์ใช้วิธีนี้เพื่อเลือกเจ้านาย?” ผู้อาวุโสที่ด้านหลังหมัวเฮอเทียนคาดเดา
“ร่างสีทองเข้มนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารไม่ได้มีการผ่อนปรน แม้แต่หมัวเฮอโยวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ นี่ไม่ใช่การเลือกเจ้านาย มันต้องการสังหารเท่านั้น” หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วเข้าหากัน
ผู้อาวุโสทุกคนแลกเปลี่ยนสายตาไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ เพราะในช่วงเวลาที่เจดีย์วั้นกู่ปิดลงแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่มองดูเท่านั้น
ขณะที่ด้านนอกของเจดีย์กำลังโกลาหล หมัวเฮอโยวก็เริ่มฟื้นตัวจากบาดแผล เขาลอยขึ้นบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ เมื่อมองไปที่ร่างสีทองเข้มก็มีร่องรอยของความกลัวอยู่ในดวงตา ถ้าเมื่อครู่เขาไม่ตอบสนองเร็วพอละก็ เขาคงถูกฆ่าด้วยร่างสีทองเข้มนั่นไปแล้ว
“ให้ตายสิ นี่มันอะไรกันแน่!”
หมัวเฮอโยวร้อนรนในหัวใจ เขาเข้าสู่ชั้นสุดท้ายด้วยความยากลำบาก ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ สิ่งนี้จะโผล่มาและเริ่มฆ่าโดยไม่มีคำพูดใดๆ ราวกับว่าต้องการสังหารพวกมันทั้งหมดที่นี่
ขณะนี้ร่างสีทองเข้มก็กวาดสายตาไปรอบๆ รัศมีสีทองเข้มเปล่งบนร่างกาย มันคิดจะเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว
เมื่อเห็นภาพนี้เปลือกตาของหมัวเฮอโยวก็กระตุกขณะที่ตะโกนลั่น “พวกเจ้า ไอ้ตัวนี้พิลึกกึกกือมากและพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ข้าว่าเราทุกคนร่วมมือกันดีกว่า!”
เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางลังเลก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะการแลกกระบวนท่าสั้นๆ เมื่อครู่ พลังของร่างสีทองเข้มนั้นน่ากลัวเกินไป
ไม่มีใครสักคนที่จะต่อกรได้ด้วยตัวคนเดียว
มู่เฉินเม้มริมฝีปาก เขารู้สึกว่าแม้พวกเขาจะผนึกกำลังกัน แต่ก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้ แต่ไม่มีทางเลือกใดที่ดีกว่าในตอนนี้ พวกเขาคงต้องลองดูก่อน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ฟิ้ว!
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ร่างเงานั่นก็พุ่งเข้ามาหา
“มหาภัยพิบัติไร้ขอบเขต!”
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเคร่งขรึม เขาเร้าวิชาโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาโดยไม่ลังเลใดๆ ทันใดนั้นพายุทอร์นาโดดำขาวก็ปรากฏขึ้น
“วิชาเจดีย์แปดองค์!”
มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะออมมือ
“อสุราสวรรค์!”
“เพลงดาบขอบเขต!”
ทัวป๋าชางและเยี่ยฉิงต่างก็ออกกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อพวกเขาทั้งสี่ใช้กระบวนท่าสูงสุดที่มี ทั้งมิติก็มืดลง การโจมตีที่น่ากลัวทั้งสี่กวาดเข้าหาร่างสีทองเข้ม
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เผชิญหน้ากับการโจมตีสี่สาย ร่างสีทองเข้มก็ไม่มีวี่แววว่าจะหลบ กลับเหวี่ยงชุดหมัดสี่ครั้งที่แฝงด้วยมีรัศมีอมตะ
หมัดทั้งสี่พุ่งออกไป ราวกับเป็นดวงอาทิตย์สีทองเข้มสี่ดวง ปะทะกับการโจมตีที่น่ากลัวทั้งสี่
ปัง ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง ทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าร่างสีทองเข้มทำลายการโจมตีของพวกมู่เฉินได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าพายุทอร์นาโดขาวดำหรือแสงเจดีย์มรณะ ทุกอย่างล้วนแตกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้การกระทบของดวงอาทิตย์สีทองเข้ม…
ทุกคนที่อยู่ด้านนอกเงียบลงด้วยความตกใจ พลังจากพวกเขาทั้งสี่นั้นเกินจินตนาการ แต่ก็ยังถูกทำลายได้อย่างง่ายดายด้วยร่างสีทองเข้ม…
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
อาจมีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแท้จริงเท่านั้นที่สามารถยับยั้งร่างสีทองเข้มนั้นได้
เมื่อทั้งสี่เห็นภาพนี้ พวกเขาก็มีสีหน้าไม่น่าดู แม้แต่การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ไม่เกิดผลใดๆ ดังนั้นบอกได้เลยว่าร่างสีทองเข้มทรงพลังเพียงใด
“ระยำ!”
หมัวเฮอโยวสาปแช่ง แม้แต่การโจมตีขั้นสุดยอดสี่วิชาก็ไม่สามารถหยุดร่างสีทองเข้มได้ พวกเขาจะสู้ได้ยังไง?
มู่เฉินขมวดคิ้ว ร่างสีทองเข้มทรงพลังเกินไป หรือว่าต้องเอาชนะมันเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากร่างมหาเทพนิรันดร์?
แต่หากไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งปรากฏตัว ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะมันได้
โฮก!
ทันใดนั้นร่างสีทองเข้มก็เปล่งเสียงคำรามออกมา มือทั้งสองคว้าไปที่อากาศ มิติฉีกออกจากกัน
ภายในมิติเหมือนจะเห็นจุดแสงสีม่วงทองนับไม่ถ้วน
ร่างสีทองเข้มอ้าปาก ระเบิดแรงดูดเพื่อดึงจุดแสงม่วงทองออกมา ทว่าจุดแสงก็ต่อต้านชั่วครู่ก่อนที่จะถูกลากไปเขมือบ
เมื่อมองไปที่จุดแสงสีม่วงมู่เฉินก็หดดวงตา เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคย นั่นคือคือแก่นอมตะ!
‘แก่นอมตะนั้นน่าจะถูกรวบรวมไว้โดยเจดีย์วั้นกู่ แต่ทำไมร่างสีทองเข้มถึงต้องใช้วิธีแย่งแบบนี้ในการกลืนกิน?’
มู่เฉินเกิดความสงสัยในใจ หากร่างสีทองเข้มเป็นร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนาน เจดีย์ก็ควรส่งแก่นอมตะไปหาและไม่ต่อต้าน
‘หรือว่าร่างสีทองเข้มนี้ไม่ใช่ร่างมหาเทพนิรันดร์?’
‘แต่ถ้านี่ไม่ใช่ร่างมหาเทพนิรันดร์แล้วคือตัวอะไร?’ จากร่างสีทองเข้มมู่เฉินรู้สึกได้ถึงรัศมีอมตะที่หนาแน่น เพียงแค่ไม่ค่อยบริสุทธ์เท่านั้น
ขณะที่มู่เฉินสงสัย หลังจากที่ร่างสีทองเข้มกลืนกินรัศมี แสงบนร่างสีทองเข้มก็ดูหนาแน่นขึ้น ความกดดันที่แผ่ออกมาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
ร่างสีทองเข้มเงยหน้าขึ้นมองไปที่ทั้งสี่ พวกเขาสัมผัสได้ถึงความโลภในดวงตาของมันพร้อมกับความคิดพร่ามัวกระจายออกมา
“ข้า…จะกินพวกเจ้าทั้งหมด…”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น