หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1461-1464

 บทที่ 1461 การปะทะกันของอัจฉริยะ

 

“ในที่สุดพวกเขาสองคนก็เผชิญหน้ากัน…”


การประจันหน้าระหว่างมู่เฉินและหวงเฉวียนจือ ทำให้ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพสนใจ ดวงตาแต่ละคู่ยึดติดอยู่ที่กระจก


ทั้งสองคนถือได้ว่าเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดและนี่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างมังกรกับพยัคฆ์อย่างแท้จริง


“ไม่รู้ว่ามู่เฉินที่ก่อเรื่องในเผ่าฝูถูกับหวงเฉวียนจือจากเผ่าหงส์ฟ้าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?”


“ก็ต้องเป็นหวงเฉวียนจือสิ! เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าเขาจัดการกับพวกข่งหลิงเอ๋อสามคนได้สบายๆ”


“แน่นอน การกระทำของหวงเฉวียนจือก่อนหน้าน่าทึ่งมาก แม้ว่ากลุ่มข่งหลิงเอ๋อจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่เผ่ามหาเทพอสูร แต่พวกเขาก็ลนลานต่อหน้าหวงเฉวียนจือนัก” ทุกคนถอนหายใจ พวกเขาตกใจมากเกี่ยวกับการกระทำของหวงเฉวียนจือ แม้ว่าจะไม่มีใครประเมินเขาต่ำ แต่ก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นการกระทำของเขา


ดังนั้นหลายคนจึงถือหางข้างหวงเฉวียนจือและพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะต่อกรได้


“หลังจากวันนี้ชื่อเสียงที่มู่เฉินสร้างขึ้นจะกลายเป็นขั้นบันไดของหวงเฉวียนจือและเขาจะผงาดขึ้นเป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะในมหาพันภพโดยไม่มีใครโต้แย้ง”


ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบ เทียนฮวงที่ได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจนก็ดูกังวลเล็กน้อย แม้ว่ามู่เฉินจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เทียนฮวงก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของหวงเฉวียนจือยิ่งนัก


ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเผ่าหงส์ฟ้าถึงตั้งความหวังกับชายคนนี้ไว้สูง


“แต่ต่อให้มู่เฉินจะสู้กับหวงเฉวียนจือไม่ไหว เขาก็สามารถพาจิ่วโยวหลบหนีไปได้ ตราบใดที่สามารถรักษาสายเลือดวิหคอมตะไว้ การเสียแก่นโลหิตชั้นยอดไปก็เป็นเรื่องที่รับได้…” เทียนฮวงปลอบใจตัวเอง


แม้ว่าแก่นโลหิตระดับเทียนจื้อจุนที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งจะน่าดึงดูด แต่ก็ไม่มีความหมายหากไม่มีสายเลือดวิหคอมตะแล้ว


 


ซ่า ซ่า ซ่า!


หวงเฉวียนจือกอดอก ร่างก็ลอยขึ้นไปช้าๆ ปีกหงส์ฟ้าสีทองแผ่ออกไปด้านหลัง ทำให้เกิดคลื่นสูงในมหรรณพนับไม่ถ้วนทุกครั้งที่เกิดการกระพือ


ในเวลาเดียวกันเขากำจายแรงกดดันทรงพลังซึ่งครอบคลุมรัศมีหลายพันลี้


ภายใต้แรงกดดันนี้ ด้วยขุมพลังของจิ่วโยวก็ไม่สามารถขยับได้เลย ราวว่าภูเขากำลังกดทับร่างนางไว้


มู่เฉินโบกมือ กระแสคลื่นหลิงก็โอบล้อมจิ่วโยวออกจากขอบเขตแรงกดดันของหวงเฉวียนจือ ก่อนที่ดวงตาเขาจะเปล่งประกายอย่างเย็นชา


เสื้อคลุมของมู่เฉินพลิ้วสะบัด แสงหลิงรวมตัวกันบนร่างกาย เขาเร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาทันที ทำให้เขาดูราวกับว่าทำจากอัญมณี


แม้ว่ามู่เฉินจะเคยเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นของเผ่าฝูถูมาได้ แต่หวงซวนจื่อก็แข็งแกร่งกว่าขุมพลังนั้นอย่างชัดเจน


เหมือนกับที่มู่เฉินสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังสูงกว่าตนเองได้ หวงเฉวียนจือก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตขั้นเซียนระยะต้น เขาก็ไม่ขาดพลังในการเอาชนะขั้นเซียนระยะกลางภายใต้เงื้อมมือเขา


ทั้งสองคนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ต่อไปจากวันนี้…


หวงเฉวียนจือยกดวงตาขึ้น แสงสีทองพวยพุ่งก่อนที่เขาจะชี้นิ้วในอึดใจถัดไป


ชี่ ชี่!


เมื่อนิ้ววาดออกไป ปีกสีทองที่อยู่ข้างหลังก็ระเบิดออกด้วยริ้วแสงสีทองก่อตัวเป็นขนนกสีทองพร้อมกับพลังการเจาะทะลุผ่านมิติ


พายุขนนกสีทองพุ่งออกมา ทำให้น้ำทะเลที่อยู่ในเส้นทางระเหยออกไป


ขณะที่พายุสีทองพัดเข้าผ่าน ท่าทางของมู่เฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มือของเขาประสานเข้าหากัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกจากร่างกายกลายเป็นวงล้อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายพันจั้ง


เมื่อวงล้อหมุนก็คล้ายกับโล่ปิดกั้นพายุทองคำ


เคร้งๆๆๆ!


เสียงปะทะดังก้องไปทั่วทะเลสาบสีเขียวมรกต การชนกันทุกครั้งทำให้เกิดการระเบิดในมิติใกล้เคียงพร้อมกับรอยแตกเล็กเกิดขึ้น


เมื่อเห็นฉากนี้หวงเฉวียนจือก็ยิ้มบาง “คลื่นหลิงของเจ้ามีการควบแน่นอย่างแท้จริง สูงยิ่งกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่น่าเสียดายที่ยังขาดไปเมื่อเทียบกับคลื่นหลิงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน”


สายตาเฉียบคมของหวงเฉวียนจือสามารถเห็นได้ว่าวงล้อกำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วจากการปะทะ


เนื่องจากความหนาแน่นคลื่นหลิงของมู่เฉินด้อยกว่าของเขา


“แตกซะ!”


หวงเฉวียนจือสะบัดนิ้ว พายุสีทองก็แข็งตัวก่อนที่จะรวมตัวเป็นกระบี่ขนนกขนาดใหญ่


เมื่อกระบี่ขนนกสั่นสะเทือน เสียงแหลมก็ดังก้องออกมาทะลุผ่านมิติ


ชี่


กระบี่ขนนกสีทองปะทะกับวงล้อในพริบตา แต่คราวนี้วงล้อไม่สามารถกีดขวางได้อีก มันขาดออกจากกันทันที


กระบี่ขนนกกลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งเป้าไปที่หว่างคิ้วของมู่เฉิน


“คลื่นหลิงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้รับการขัดเกลามากกว่าอย่างแท้จริง” มู่เฉินถอนหายใจก่อนที่ประสานมือกัน


เจดีย์พุทธะในร่างกายสั่นสะท้าน คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาถูกเปลี่ยนเป็นผลึกคลื่นหลิงซึ่งเติมเต็มในร่างกายมู่เฉิน


ขณะนี้ม่านตาสีดำของมู่เฉินสั่นไหวด้วยผลึกแสงเหล่านั้น ความกดดันที่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้น


เขาเปิดปาก ผลึกหลิงก็กวาดออกควบแน่นเป็นกระบี่ยาวทะยานออกไปปะทะกับกระบี่ขนนก


เคร้ง!


ในช่วงเวลาปะทะกันนั้นความผันผวนของคลื่นหลิงและมิติก็พังทลายลง อึดใจถัดมาพลังสองสายก็ลบล้างซึ่งกันและกันทันที


“คลื่นหลิงแข็งแกร่งขึ้นฉับพลัน?” หวงเฉวียนจือฉายแววตกตะลึงในดวงตา ขณะมองไปที่ริ้วผลึกบนร่างกายของมู่เฉิน เขาหดดวงตา ความหนาแน่นของคลื่นหลิงของมู่เฉินอยู่ในระดับใหม่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้


“ลือกันว่าเจดีย์ของเผ่าฝูถูสามารถขยายคลื่นหลิงได้ ดูเหมือนว่ามู่เฉินก็ใช้ได้เช่นกัน… แต่ในเมื่อขยายได้มากขนาดนี้ นั่นหมายความว่าเจดีย์ของเขาไม่ได้อยู่ในระดับที่ต่ำ”


สายตาของหวงเฉวียนจือวูบไหวพลางคิดออกทั้งหมดทันที ทว่าคนอย่างเขาไม่กลัวแต่กลับหัวเราะพึงพอใจเบาๆ “ต้องแบบนี้สิจะได้ถึงใจ”


เขาเปิดปากหายใจเข้าลึกก่อนจะพ่นเปลวไฟสีทองออกมาในลักษณะครอบงำ ทำให้น้ำทะเลที่อยู่ในเส้นทางระเหยกลายเป็นไอ


“ลองเพลิงหงส์สีทองของข้าบ้างสิ!”


ฟู่ ฟู่!


เพลิงสีทองบินออกไป กลายเป็นหงส์ฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าหามู่เฉิน


อุณหภูมิทำให้มิติบิดเบี้ยว ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงธรรมดาสัมผัสคงจะถูกแผดเผาทันที


“เจ้าก็ลองเพลิงม่วงกลืนวิญญาณของข้ามั่ง!”


มู่เฉินไม่กลัว มือประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับเพลิงสีม่วงลุกโชนระหว่างฝ่ามือ ก่อร่างกลายเป็นมังกรปะทะกับหงส์ฟ้าที่เข้ามา


ฟู่ ฟู่!


เมื่อหงส์ฟ้าปะทะกับมังกร คลื่นความร้อนระเบิดออกมาพัดน้ำทะเลสาบในรัศมีหมื่นลี้ระเหยทันที


ขณะที่เวิ้งน้ำระเหยไป เพลิงทั้งสองชนิดก็เริ่มสลายไป ทว่าสีหน้าของหวงเฉวียนจือเคร่งเครียดลง ตอนที่เขาจัดการกับข่งหลิงเอ๋อ อีกฝ่ายไม่สามารถต้านทานเพลิงหงส์ฟ้าสีทองของเขาได้ แต่มู่เฉินสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย


เพลิงสีม่วงเหล่านั้นไม่ธรรมดา!


“ไอ้นี่มีความสามารถจริงๆ”


ดวงตาหวงเฉวียนจือกะพริบขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา ในเวลาต่อมาเขาก็กระพือปีกปล่อยภาพซ้อนออกมาหลายภาพพร้อมเพลิงสีทองบนฝ่ามือ


มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก เพลิงสีม่วงลุกโชนบนร่างกาย ก่อนที่เขาจะทะยานออกไปในเวลาเดียวกัน ปะทะกับหวงเฉวียนจือจังใหญ่


ตึง ตึง ตึง!


ร่างเงาทั้งสองปะทะกันเบื้องบนพร้อมกับฝ่ามือและหมัดปล่อยคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัว กวาดก้นทะเลสาบเป็นลอนคลื่นขณะที่กระจายออกไป


ข่งหลิงเอ๋อ หลินชางและเซียวเทียนถอยกรูดด้วยสีหน้าซีดขาว ขณะที่เฝ้าดูการเผชิญหน้าด้วยความกังวลในดวงตา


พวกเขาสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนใช้ทักษะการต่อสู้ถึงขีดสุด


นอกจากนี้ที่พวกเขาตกตะลึงที่สุดก็คือมู่เฉินสามารถเผชิญหน้ากับหวงเฉวียนจือที่ดึงพลังออกมาเต็มที่ได้โดยไม่เสียเปรียบ!


“มู่เฉินดุดันจริงๆ ไม่คิดว่าเขาจะสามารถต่อกรกับหวงเฉวียนจือได้” หลินชางรู้สึกไม่เชื่อ แม้เขาจะรู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของมู่เฉินเหนือกว่าพวกเขา แต่เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวงเฉวียนจือได้


เซียวเทียนพยักหน้าด้วยความกลัวในดวงตา


ข่งหลิงเอ๋อกัดริมฝีปากพลางส่ายหัว “หวงเฉวียนจือไม่ง่ายที่จะรับมือหรอก ตอนนี้เขาแค่ลองเชิงมู่เฉินเท่านั้น พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าหวงเฉวียนจือน่ากลัวแค่ไหนเมื่อเขานำพลังเต็มที่ออกมา!”


ข่งหลิงเอ๋อมีแววหวาดกลัวบนใบหน้า ครั้งหนึ่งนางเคยเห็นหวงเฉวียนจือปล่อยพลังเต็มพิกัดซึ่งสามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางเลยทีเดียว


ดังนั้นในมุมมองของนางความสมดุลของการต่อสู้ตรงหน้าจะคงอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อหวงเฉวียนจือหมดความสนใจที่จะเล่นต่อ มู่เฉินก็อาจมีจุดจบเหมือนพวกนาง…


ตู้ม!


พร้อมกับความคิดนี้เกิดขึ้นในใจนาง เสียงดังก้องแผ่ในระยะไกล คลื่นกระแทกพัดจอมยุทธ์ทั้งสองคนออกจากกัน


“ฮ่าๆ! สนุกจริง!”


หวงเฉวียนจือหัวเราะเสียงดัง แต่ไอเย็นเยือกวาบในสายตา เขามองไปที่มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “มู่เฉิน ข้าประหลาดใจกับแกจริงๆ ถ้าตอนนี้แกมีขุมพลังขั้นเซียนระยะต้นเหมือนกัน ข้าคงไม่สามารถทำอะไรแกได้!“


“แต่น่าเสียดายที่ไม่มีความยุติธรรมในโลกหรอก!


“ดังนั้นคราวนี้ข้าจะเป็นคนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่!”


หวงเฉวียนจือหัวเราะขณะที่แสงสีทองไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นหงส์ฟ้าสีทองขนาดใหญ่ที่ข้างหลังแล้วกางปีกออก


ขณะเดียวกันแรงกดดันที่สะเทือนฟ้าดินก็เริ่มแพร่กระจายออกไป


‘พลังของหงส์ฟ้าแท้จริงไม่มีใครเทียบได้!’

 

 

 


บทที่ 1462 การปะทะของมังกรกับหงส์ฟ้า

 

เมื่อหงส์ฟ้าสีทองปรากฏตัว


ก็ปลดปล่อยความกดดันที่น่ากลัวซึ่งกวาดคลื่นภายในห้วงมหรรณพสีมรกต


ร่างหวงเฉวียนจือร่อนลงบนหัวของหงส์ฟ้า ม่านตาสีทองของเขาคล้ายกับเทพโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ขณะมองไปที่มู่เฉิน


หงส์ฟ้าสีทองที่อยู่ใต้เท้าเป็นร่างที่แท้จริงของเขา ดังนั้นตราบใดที่เรียกมันออกมาก็แปลว่าเขาจะเคลื่อนไหวเต็มกำลังแล้ว


ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นข่งหลิงเอ๋อ จิ่วโยว หรือกระทั่งผู้ชมนอกสระยกเทพ ท่าทางแต่ละคนก็ดูเคร่งเครียดลงหลายส่วน


เนื่องจากพวกเขารู้ว่าหวงเฉวียนจือจะน่ากลัวเพียงใดเมื่อนำร่างต้นกำเนิดออกมา


ภายใต้สภาวะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางก็ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้


มู่เฉินหดดวงตาขณะมองไปที่หงส์ฟ้าสีทอง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความกดดันที่คลุมเครือ


เขาต้องยอมรับว่าแม้หวงเฉวียนจือจะหยิ่งผยอง แต่ก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นเช่นนั้นแท้จริง


ทว่ามู่เฉินก็ไม่ให้หวงเฉวียนจือบรรลุผลแน่นอน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังเพียงใด นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการกลืนกินสายเลือดวิหคอมตะของจิ่วโยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้


‘ในเมื่อแกต้องการดวลแบบจริงจัง ข้าก็จะบอกให้รู้ว่าต่อให้แกเป็นประมุขน้อยเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงก็ยังไม่มีสิทธิ์!’


แสงหลิงรวมตัวกันในดวงตาของมู่เฉิน แสงสีม่วงทองเบ่งบานจากด้านหลังพร้อมกับร่างเสมือนมีชีวิตขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น รัศมีอมตะต้านแรงกดดันของหงส์ฟ้าทองคำ


มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะนิรันดร์โดยไม่มีอารมณ์ใดขณะมองไปที่หวงเฉวียนจือ เขายื่นมือออกก่อนที่จะทำท่าทางยั่วยุ


“ฮ่าๆ แกนี่กล้าดี!”


เมื่อเห็นการยั่วยุของมู่เฉิน หวงเฉวียนจือก็หัวเราะ ทว่าเสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนกล้าท้าทายเขา ทั้งๆ ที่มีขุมพลังต่ำกว่า


“ดี ข้าจะทำลายความกล้าหาญของแกให้สิ้นซาก ดูสิว่าในอนาคตยังจะมีความกล้าที่จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไหม!”


เสียงหัวเราะของหวงเฉวียนจือกวาดออก สายตาเปลี่ยนเป็นแหลมคม หงส์ฟ้าทองคำที่อยู่ใต้เท้าก็ส่งเสียงร้อง ขณะที่สายฟ้าสีทองพุ่งออกมาทันที


“หงส์สายฟ้า!”


สายฟ้าเป็นสีทองครอบงำด้วยร่องรอยของสายเลือดหงส์ฟ้าแท้จริง ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แม้แต่ขั้นเซียนก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ


สายฟ้าสีทองว่องไวมากมาปรากฏเบื้องหน้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทันทีหลังจากที่พุ่งออกจากปากหงส์ฟ้ามา


มู่เฉินหรี่ตาลง ร่างสีม่วงทองก็กำหมัดแน่น พลางเหวี่ยงใส่สายฟ้าสีทองพร้อมกับแสงสีม่วงทอง


ตึง!


ทั่วบริเวณโยกคลอน คลื่นกระแทกทำให้น้ำในทะเลสาบที่อยู่ในรัศมีหนึ่งพันจั้งกวาดพัดออก สร้างน้ำพุพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


ร่างเทพสุริยะนิรันดร์สั่นสะท้านค่อยๆ ถอนหมัดกลับ ขณะที่สายฟ้าสีทองแตกเป็นเสี่ยงๆ


อย่างไรก็ตามมีรอยแตกบนกำปั้นแต่ก็ได้รับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อแสงสีม่วงทองพลุ่งพล่านขึ้น


แต่ด้วยสิ่งนี้ก็เห็นได้ว่าหวงเฉวียนจือทรงพลังเพียงใด ต้องรู้ว่าแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นก็ไม่สามารถทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์บาดเจ็บได้ ทว่าการโจมตีด้วยสายฟ้าฟาดครั้งเดียวจากหวงเฉวียนจือกลับทำให้เกิดรอยร้าวขึ้น


ชายคนนี้จัดการไม่ง่ายเลยจริง


สายตามู่เฉินวูบไหว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลงหลังจากที่รู้สึกได้ถึงบางอย่าง


เมื่อเห็นว่าการโจมตีด้วยสายฟ้าไร้ประโยชน์ กระบวนท่าในมือของหวงเฉวียนจือก็เปลี่ยนไป หงส์ฟ้าทองคำกระพือปีก กำจายรัศมีสีทองที่คลุมเครือก่อเป็นรูปดวงอาทิตย์และดวงจันทร์


แรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้กวาดออก นั่นคือสัญญาณของการเร้าทักษะเทพทรงพลังออกมา


“ปีกหงส์สุริยันจันทรา!”


ข่งหลิงเอ๋อและผู้ชมนอกสระยกเทพอุทานด้วยความกลัวในน้ำเสียง นี่คือวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน แต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงมากในมหาพันภพ


ว่ากันว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนที่ต่อกรกับหวงเฉวียนจือล้วนแพ้ในกระบวนท่านี้


ครืนๆ!


ภายใต้สายตาหวาดกลัวมากมาย ทันใดนั้นรัศมีแสงสีทองก็ระเบิดออกจากปีก กลายเป็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สีทอง


ขณะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยคว้างก็ปล่อยแรงกดดันที่สามารถยับยั้งปราการทั้งหมดได้


“ลองรับกระบวนท่านี้ของข้าบ้าง!”


หวงเฉวียนจือหัวเราะขณะที่ผลักฝ่ามือออก ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สีทองทะยานออกไปพร้อมกับคลื่นการทำลายล้างกระจายออกมา


ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อ้าปาก แสงสีทองที่ดูราวกับมังกรทองพุ่งออกมาปะทะกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทว่าแสงอมตะก็ถูกบดขยี้ทันทีเมื่อสัมผัส


“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมของเผ่าหงส์ฟ้าพิเศษแท้จริง”


มู่เฉินถอนหายใจจากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นมิติด้านข้างเขาก็บิดเบี้ยว เงาร่างสองร่างเดินออกมายืนบนไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์


มู่เฉินนั่งอยู่บนศีรษะร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ร่างรองสองคนก็อยู่บนไหล่คนละข้าง จากนั้นทั้งสามก็เทคลื่นหลิงไร้ขอบเขตลงในร่างเทพสุริยะนิรันดร์


ฮึ่ม ฮึ่ม!


พร้อมกับการเทคลื่นหลิงไร้ขอบเขตลงไป ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เปล่งประกาย ก่อตัวเป็นชั้นเกราะบนร่างกายใหญ่โต


ด้วยความช่วยเหลือของร่างรองทั้งสอง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เปิดปาก รหัสเทพอมตะหลายร้อยขดรอบตัวราวกับอสรพิษขนาดใหญ่


มีรหัสเทพอมตะทั้งหมดแปดร้อยลาย!


นี่เป็นขีดสุดในปัจจุบันของมู่เฉิน


ขณะที่รหัสเทพไหลเวียนก็ปล่อยความผันผวนที่น่ากลัวซึ่งทำให้มิติยุบลงกลายเป็นหลุมดำ


ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ยื่นมือออก รหัสเทพอมตะแปดร้อยลายก็ควบรวมกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นคันธนูขนาดใหญ่และลูกศรที่ปกคลุมด้วยอักขระโบราณ


เมื่อลูกศรขึ้นสายบนคันธนู ความผันผวนที่น่ากลัวก็แผ่กระจายออกไประหว่างฟ้าดินพร้อมกับรัศมีสังหารที่ทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่ถูกลูกศรนี้จะต้องตายตกไป


สายตาของมู่เฉินไม่แยแส เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กำลังขยายอย่างรวดเร็วก็สะบัดนิ้วเบาๆ


ฮึ่ม!


เสียงฮึ่มฮั่มดังก้องเมื่อปล่อยสายธนู ลูกศรสีม่วงทองพุ่งออกมาทำให้มิติยุบไปรอบๆ จนเกิดรอยยาว…


ปัง!


มีเพียงแสงวาบผ่าน ไม่รอให้ใครได้มองเห็นชัดลูกศรก็ปะทะกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์


เคร้ง!


เหมือนมีเสียงสะท้อนก้องออกมา ลูกศรพุ่งเข้าสู่ดวงอาทิตย์สีทองก่อน รัศมีที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากดวงอาทิตย์ขณะที่พยายามทำลายลูกศร แต่คราวนี้ไม่สามารถก่อภัยคุกคามใดๆ อักขระบนลูกศรดูราวกับเป็นอมตะ


ชี่!


ลูกศรสีม่วงทองหยุดลงเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ทะลุผ่านดวงอาทิตย์สีทอง


ส่วนดวงจันทร์สีทองก็ถูกเจาะผ่านในลมหายใจเดียว


เมื่อพวกข่งหลิงเอ๋อเห็นภาพนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไป นี่ช่างเกินความคาดหมายของพวกเขา ‘วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมของหวงเฉวียนจือถูกทำลายด้วยลูกศรของมู่เฉิน?!’


ฟิ้ว!


ขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ริ้วแสงสีม่วงทองก็วูบวาบ ทว่าพลังครึ่งหนึ่งของลูกศรหมดลง ทำให้มีขนาดหดลงอย่างรวดเร็ว


อย่างไรก็ตามความเร็วไม่ได้ลดลง พริบตามันก็ไปปรากฏเบื้องหน้าหวงเฉวียนจือตั้งใจจะแทงทะลุศีรษะไป


เคร้ง!


แต่เมื่อลูกศรกำลังจะโดนหว่างคิ้วของหวงเฉวียนจือ สองนิ้วที่ดูเหมือนจะหลอมจากทองคำก็ยื่นออกมาจับลูกธนูไว้แน่น


แต่ถึงอย่างนั้นความคมของลูกศรก็ได้ทิ้งบาดแผลเล็กไว้ที่กึ่งกลางคิ้วของหวงเฉวียนจือ


โดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ บนใบหน้า หวงเฉวียนจือใช้กำลังนิ้วขยี้ลูกศรแตกออก


ซี้ด


ด้านนอกสระยกเทพ ทุกคนสูดอากาศเย็นขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรุนแรง


ทั้งสองได้ดึงพลังแท้จริงออกมาในการเผชิญหน้ากัน มิหนำซ้ำยังสามารถคุกคามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เลย


แต่ใครจะคิดว่าการโจมตีของหวงเฉวียนจือถูกตอบโต้ได้อย่างง่ายดายโดยมู่เฉิน มากจนทิ้งบาดแผลเล็กไว้บนหน้าผากของหวงเฉวียนจือ


แม้ว่าบาดแผลนี้จะไม่ได้มีความหมายมาก แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามู่เฉินได้เปรียบเล็กน้อยจากกระบวนท่านี้


หลังจากได้เห็นการต่อสู้นี้ ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อดังเป็นพลุแตกเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่ธรรมดา…


ทุกคนถอนหายใจ การดวลกันครั้งนี้กำลังจะไปถึงจุดสุดยอด


ขณะที่พวกเขาตกตะลึง หวงเฉวียนจือก็เช็ดหยดเลือดออกจากหน้าผาก ก่อนที่จะสร้างอักขระโบราณ


เมื่อตราประทับของเขาเปลี่ยนไป ทุกคนก็สามารถเห็นวงแสงโบราณค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่เบื้องหลัง


ครั้นพวกเขาเห็นวงแสงนั่นก็ถึงกับสูดหายใจเข้าลึก…


นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าวงแสงนี้ก็คือทักษะเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของหวงเฉวียนจือ


หนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานแห่งมหาพันภพ—วิชาเก้าเทพหมุนวน!

 

 

 


บทที่ 1463 วิชาเก้าเทพหมุนวน

 

ขณะที่ยืนอยู่บนหงส์ฟ้าทองคำ


วงแสงก็เริ่มปรากฏที่ด้านหลังหวงเฉวียนจือ มีวงแสงทั้งหมดแปดวงแต่ละวงมีความผันผวนลึกลับและเก่าแก่


ยามนี้หวงเฉวียนจือ ดูราวกับเทพภายใต้วงแสงสีทองที่ศักดิ์สิทธิ์และสง่างาม


แรงกดดันไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกมา กระทั่งบริเวณใกล้เคียงก็เริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย


เมื่อพวกข่งหลิงเอ๋อเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว


“นี่คือวิทยายุทธขั้นเทพในตำนานของเผ่าหงส์ฟ้า—วิชาเก้าเทพหมุนวน!” ข่งหลิงเอ๋อดูดอากาศเข้าในปากขณะที่เค้นคำพูดเหล่านั้นออกมาพร้อมกับความกลัวบนใบหน้า


วิชาเก้าเทพหมุนวนมีชื่อเสียงกระทั่งในมหาพันภพ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนาน


มันอยู่ในอันดับเดียวกับวิชาสามพิสุทธิ์และเจดีย์แปดองค์ของมู่เฉิน


ว่ากันว่าเมื่อวิชาเก้าเทพหมุนวนไปถึงนิพพานที่เก้า ผู้ฝึกฝนจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าวิชานี้น่ากลัวเพียงใด แต่วิทยายุทธระดับเสินทงนี้มีเงื่อนไขในการฝึกฝนที่เข้มงวดมาก ดังนั้นในเผ่าหงส์ฟ้าจึงมีจอมยุทธ์ไม่ถึงสามคนที่สามารถฝึกฝนได้ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา


ดังนั้นทุกคนบอกได้เลยวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานทรงพลังเพียงใด


ภายใต้สายตาหวาดกลัวของทุกคน หวงเฉวียนจือก็มองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาพร้อมกับไอสังหารวูบไหวในดวงตา เนื่องจากเขาไม่คิดว่าการดวลกับมู่เฉินจะไม่เป็นตามคาดขนาดนี้


เขาคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนได้กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด มากจนกระทั่งเขาถูกบังคับให้นำไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา…


นี่ทำให้เขารู้สึกอับอายมาก


แค่เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง เขาถึงกับต้องงัดไพ่ตายทั้งหมดออกมา แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าถ้ามู่เฉินอยู่ในระดับเดียวกับเขาจะทรงพลังมากกว่าเหรอ?


ด้วยความภาคภูมิใจที่มี นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้


“ในเมื่อแกโดดเด่นนัก…งั้นข้าก็จะทำลายให้สิ้นซาก”


ใบหน้าของหวงเฉวียนจือถมึงทึง เขาค่อยๆ กางมืออกพร้อมกับเสียงเยือกเย็นสะท้อนออกมา “วิชาเก้าเทพหมุนวน นิพพานที่หนึ่ง ตราประทับทองคำวิญญาณ!”


วงแสงที่อยู่ด้านหลังเปล่งประกายออกมาก่อนที่ลำแสงสีทองจะยิงออกไป ก่อตัวเป็นตราประทับทองคำขนาดพันจั้ง


ตราประทับดูโบราณมากราวกับว่าประสบกับสงครามผันผวนครั้งใหญ่ที่ทำให้มิติสั่นสะเทือน


พลังที่อยู่เบื้องหลังตราประทับนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าปีกหงส์สุริยันจันทราที่ใช้มาก่อนหน้าเลย


“ไป!”


เสียงเยือกเย็นของหวงเฉวียนจือดังก้อง ตราประทับก็ปรากฏขึ้นเหนือร่างมู่เฉิน กำจายไปด้วยพลังทำลายล้างราวกับว่าสามารถทำลายสรรพสิ่งทั้งหมดได้


มู่เฉินเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตากะพริบวาบ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ส่งเสียงคำรามลึก รหัสเทพอมตะหลายร้อยรวมตัวกันเป็นหมัดขนาดใหญ่ปะทะกับตราประทับ


ครืน!


ทั่วมหรรณพสั่นสะท้านเลื่อนลั่นจากการปะทะกัน ก่อนที่ตราประทับสีทองจะถูกส่งออกไปและกำปั้นสีม่วงทองก็สลายไปเช่นกัน


ใบหน้าหวงเฉวียนจือไม่มีระลอกคลื่น เขาสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว เสียงเยือกเย็นดังก้องอีกครั้ง “นิพพานที่สอง กระบี่หงส์ฟ้าผลาญ!”


“นิพพานที่สาม ปีกเทวะหงส์ฟ้า!”


“…”


“นิพพานที่เจ็ด ศิลาโลหิตวิญญาณหงส์ฟ้า!”


ทุกครั้งที่สิ้นเสียงของเขา วงแสงที่อยู่ข้างหลังก็ระเบิดออกมาพร้อมกับรัศมี ขณะที่แสงสีทองควบแน่นเป็นทักษะเทพที่น่าสะพรึง


นอกเหนือจากพลังอำนาจของทักษะเทพแล้ว พวกมันก็ดูราวกับอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมแท้จริง


“เขานำกระบวนท่าทั้งเจ็ดออกมาใช้ในคราวเดียว!” ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพมีสีหน้าเปลี่ยนไป กระบวนท่าทั้งเจ็ดนี้ล้วนทรงพลังมาก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องใช้พลังมหาศาล จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนธรรมดาสามารถปลดปล่อยได้เพียงสามกระบวนท่าในครั้งเดียวเท่านั้น แต่หวงเฉวียนจือทำได้ถึงเจ็ดกระบวนท่า!


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความลึกซึ้งของวิชาเก้าเทพหมุนวน


กระบวนท่าทั้งเจ็ดลอยอยู่เบื้องหน้าหวงเฉวียนจือ พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาทำให้มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังรู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ดุร้ายนี้…


“ลองชิมอีกครั้งสิ!”


หวงเฉวียนจือโบกมือพร้อมกับเค้นเสียง กระบวนท่าที่น่ากลัวทั้งเจ็ดก็ทะยานออกไป


นอกสระยกเทพทุกคนรู้สึกประหม่ากับฉากนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะมีร่างเทพสุริยะนิรันดร์ แต่การรับการโจมตีรวมกันทั้งเจ็ดกระบวนท่าย่อมส่งผลให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก


แม้แต่เทียนฮวงก็ยังกำหมัดแน่น ขณะที่สายตาจ้องไปที่กระจกโดยไม่กะพริบ


ภายใต้สายตาทุกคู่ มู่เฉินก็เงยหน้ามองการโจมตีเจ็ดกระบวนท่าที่พุ่งมาที่เขา อำนาจการโจมตีเหล่านั้นทำให้เขาต้องหดตาลง


ทว่าท่าทางของเขายังคงสงบ


“ปริมาณมาก ก็ใช่ว่าจะชนะ” มู่เฉินยิ้มบางสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว แสงพลุ่งพล่านยุ่งเหยิงก็พวยพุ่งขึ้นด้านหลัง


“ทักษะหลิงไม่เสินทง แสงพุทธมหานวดารา!”


การระเบิดดาวฤกษ์มวลมากยิงไปที่กระบวนท่าทั้งเจ็ด


วาบ!


ในเส้นทางของลำแสงกระบวนท่าหนึ่งก็หายไป ทว่ามู่เฉินก็ไม่มีสีหน้าใด ขณะที่วาดกระบวนท่าต่อ เพียงสิบลมหายใจสั้นๆ กระบวนท่าทั้งเจ็ดก็ถูกลบล้างออกไปภายใต้ดวงตานับไม่ถ้วนที่เบิกกว้าง…


“เป็นไปได้ยังไง?!”


“นั่น… เขาใช้ทักษะเทพอะไร?!”


ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของหวงเฉวียนจือ แต่มู่เฉินกลับจัดการได้อย่างง่ายดายเลยรึ?


รังสีมหานวดารานั่นคือทักษะเทพอะไรกัน?


ทว่าขณะที่ทุกคนตกตะลึง หวงเฉวียนจือก็หดดวงตามองไปที่แสงพลุ่งพล่านยุ่งเหยิงที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินพูดเบาๆ ว่า “นี่คงเป็นทักษะหลิงไม่เสินทงเก้าชีพจรที่เจ้าแสดงในเผ่าฝูถูสินะ?”


เห็นได้ชัดว่าหวงเฉวียนจือมีข้อมูลเกี่ยวกับมู่เฉินไม่น้อย


“ทักษะหลิงไม่เสินทงเก้าชีพจรของเจ้าเกินจินตนาการข้าอย่างแท้จริง กระทั่งข้ายังรู้สึกลำบาก แต่น่าเสียดายที่คลื่นหลิงของเจ้าคงจะอ่อนกำลังลงไปมากหลังจากที่ใช้ทักษะนี้”


เมื่อได้ยินคำพูดของหวงเฉวียนจือ แววอัศจรรย์ใจก็วาบขึ้นในดวงตาของมู่เฉิน “ดูเหมือนว่าเจ้าจะตรวจตราข้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ”


แม้ว่าหวงเฉวียนจือจะมั่นใจในตัวเองมาก แต่ก็เป็นคนระมัดระวังตัวสูง มิฉะนั้นเขาจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมู่เฉินมากนัก แม้แต่ความสามารถในการต่อสู้ด้วยก็ตาม


แท้จริงแล้วแสงพุทธมหานวดาราแปลกประหลาดอย่างที่หวงเฉวียนจือกล่าวไว้ แสงนี้สามารถปัดเป่าการโจมตีใดๆ ได้ แต่การใช้งานทุกครั้งจะต้องใช้คลื่นหลิงจำนวนมาก ยิ่งเป็นเป้าหมายที่แข็งแกร่งก็ยิ่งเสียแรงมากเท่านั้น


หลังจากยิงออกไปเจ็ดครั้ง แม้แต่มู่เฉินก็ยังรู้สึกว่าคลื่นหลิงหมดลงไปไม่น้อย


“ดูเหมือนว่าเจ้าจะตั้งใจให้ข้าใช้ทักษะนี้” มู่เฉินกล่าว


หวงเฉวียนจือยิ้มพลางประสานมือเข้าด้วยกัน วงแสงที่แปดด้านหลังศีรษะเปล่งประกาย แสงสีทองพุ่งออกมาก่อนที่จะรวบรวมไว้ในฝ่ามือเขา


เมื่อแสงสีทองสลายไปก็ก่อตัวเป็นพัดขนนกสีทองคำที่มีเปลวไฟสีทองวูบไหว บางครั้งก็พวยพุ่งเป็นเกลียวไฟรูปหงส์ฟ้าแท้จริง


“นิพพานที่แปด พัดเพลิงหงส์ฟ้าแท้จริง”


หวงเฉวียนจือค่อยๆ โบกพัดทองคำด้วยน้ำเสียงไม่แยแสก่อนที่อุณหภูมิในผืนน้ำจะเดือดและระเหยไป


“ครั้งหนึ่งข้าเคยสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางและเขาก็ถูกไฟคลอกตายภายใต้พัดเพลิงของข้า” หวงเฉวียนจือมองไปที่มู่เฉินอย่างเฉยเมยพูดต่อว่า “และตอนนี้มันก็จะให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันกับเจ้า”


“งั้นข้าจะรอดูแล้วกัน” มู่เฉินกล่าวขณะที่จ้องมองไปที่พัดทองคำ


ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันด้วยสีหน้าสงบ แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นในบรรยากาศ


“หนีเร็ว!”


ข่งหลิงเอ๋อดึงหลินชางและเซียวเทียนถอยออกไปอย่างเร็วรี่ ทุกคนบอกได้ว่าการต่อสู้กำลังมาถึงจุดสุดยอด ทักษะที่ทั้งสองใช้ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น


สายตาของหวงเฉวียนจือจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน ไม่ได้สนใจผู้อื่น เขาค่อยๆ ยกพัดในมือขึ้นโดยไร้อารมณ์ใดๆ


จากนั้นก็พัดลงฉับพลัน


ฟู่ ฟู่!


เมื่อพัดสะบัดลง เพลิงสีทองก็พุ่งออกมาทำให้มิติบิดเบี้ยวและพังทลาย ราวกับว่าอุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวสามารถเผาผลาญอะไรก็ได้ แม้แต่อุณหภูมิของสระยกเทพก็พุ่งสูงขึ้น


พัดครั้งเดียวก็เดือดกลางมหาสมุทร


เพลิงสีทองพวยพุ่งออกมาอย่างหนาแน่น ห่อหุ้มมู่เฉินและร่างเทพสุริยะนิรันดร์จากทุกทิศทาง


เพลิงนี้สามารถเปลี่ยนร่างจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้เลยทีเดียว


เมื่อทุกคนเห็นไฟโหมใส่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกโล่งอกในใจ


“มู่เฉินแพ้แน่แล้ว”

 

 

 


บทที่ 1464 ขั้นสามรวม

 

ฟู่ ฟู่!


เปลวไฟลุกโชนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ลุกลามไปจนถึงขีดสุดของสายตา อุณหภูมิที่น่ากลัวทำให้สระยกเทพถึงกับเดือดปุ


ในเวลาเดียวกันคลื่นทำลายล้างก็แพร่กระจายออกไป


ภายใต้เปลวไฟแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน


ปุ ปุ


เมื่อมองไปที่เปลวไฟในกระจกทุกคนรอบสระยกเทพก็มีใบหน้าเต็มไปด้วยด้วยความกลัวในดวงตา แม้จะอยู่ห่างไกลขนาดนี้ พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้คลื่นความร้อนได้อย่างคลุมเครือ


ยากที่จะจินตนาการถึงอุณหภูมิที่มู่เฉินต้องทนรับ


เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่ามู่เฉินจะจัดการได้อย่างไร


ใบหน้าของเทียนฮวงถอดสีขณะกำหมัดแน่นด้วยความสิ้นหวัง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานการโจมตีของหวงเฉวียนจือ


หวงจิงที่ยืนอยู่ใกล้สระยกเทพก็พยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นเพลิงสีทอง มู่เฉินมีความโดดเด่นมากพอที่จะบังคับให้หวงเฉวียนจือใช้กระบวนท่านี้ได้ แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นคนที่หัวเราะคนสุดท้าย


เมื่อเทียบกับลูกชายของเขา มู่เฉินก็ยังด้อยกว่า


“ข้าหวังว่าชีวิตของไอ้หนูนี่จะทนถึก ถ้าเขาตายจริงๆ คงลำบากแน่ถ้าแม่เขามา…” หวงจิงถอนหายใจ


ผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม


ขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจ เปลวไฟก็คงอยู่เป็นเวลาครึ่งก้านธูปก่อนที่จะสลายไป


สายตาของทุกคนก็พุ่งตรงไปยังจุดที่มู่เฉินอยู่


อึดใจต่อมาพวกเขาก็ตกตะลึง เมื่อเห็นดอกบัวขนาดใหญ่ลอยอยู่ในเวิ้งน้ำอย่างเงียบๆ


กลีบดอกปิดแน่นราวกับดอกตูมขณะวูบไหวด้วยรัศมีอมตะ แม้ว่าจะมีร่องรอยถูกเผาไหม้ แต่ทุกคนก็บอกได้ว่ามันไม่ได้ถูกทำลายจากเพลิงนี้…


“นั่นอะไร?! มันสามารถทนเพลิงหงส์ฟ้าได้ด้วยเหรอ!” มีคนร้องอุทานออกมา


ในขณะที่ทุกคนอุทาน ดอกบัวก็กำจายรัศมีก่อนจะแย้มบาน กลีบดอกลู่ลงร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เผยให้เห็นโดยมีมู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!


“เป็นไปได้ยังไง?!”


เสียงอุทานหวาดหวั่นไม่เพียงแต่มาจากคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังมาจากหวงเฉวียนจือด้วย


ยามนี้หวงเฉวียนจือกำลังมองไปที่ดอกบัวด้วยความตกตะลึงไม่อยากเชื่อ เขารู้ว่าการโจมตีกระบวนท่านี้น่ากลัวเพียงใด แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะต้านทานได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!


ดอกบัวสีม่วงทองนั้นมีความสามารถในการป้องกันที่ไม่อาจจินตนาการได้ ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้


‘ไอ้เวรนี่มีความสามารถในการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ยังไง?!’


“ช่างเป็นพัดเพลิงหงส์ฟ้าที่ทรงพลังจริงๆ”


ขณะที่หวงเฉวียนจือรู้สึกไม่เชื่อ เสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้น เขาต้องยอมรับว่าการโจมตีของหวงเฉวียนจือเกินความคาดหมายของเขา ถ้าเขาไม่มีดอกบัวอมตะ วันนี้เขาอาจต้องจ่ายราคาแพง


“แกนี่จัดการยากจริงๆ! มิน่าล่ะถึงสามารถทำให้เกิดปัญหามากมายในเผ่าฝูถู” น้ำเสียงของหวงเฉวียนจือเย็นชาพร้อมกับท่าทางมืดมน เขาไม่อยากรับความจริงว่ามู่เฉินสามารถรับกระบวนท่าขั้นสูงสุดของเขาได้


มู่เฉินยิ้มขณะที่กำหมัด “ตาเจ้าจบแล้วก็ถึงตาข้ามั่งแล้วใช่ไหม?”


หวงเฉวียนจือหดดวงตา จากนั้นก็เค้นเสียงเย็น “โอ้? แกจะทำอะไรได้? แม้ข้าจะฆ่าแกไม่ได้ แต่แกก็เหมือนกัน คิดว่ามีความสามารถจะทำอะไรกับข้าได้เรอะ?”


กลยุทธ์ของมู่เฉินเยอะจนทำให้หวงเฉวียนจือรู้สึกปวดหัว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีทางจัดการมู่เฉินได้อีกแล้ว


ทว่าตัวเขาก็มีความภาคภูมิใจ แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้ แต่มู่เฉินก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน!


“มู่เฉิน เห็นแก่เจ้ามีความสามารถ ข้าจะยกแก่นโลหิตที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งนี้ให้สามส่วน ถ้าเจ้ายอมมอบสายเลือดวิหคอมตะให้ข้า!” หวงเฉวียนจือพูดขณะดวงตาวูบไหว


เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่เฉินก็ยิ้ม “ข้าต้องการแก่นโลหิตที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งแน่นอน แต่ไม่ใช่สามส่วน ข้าจะเอาทั้งหมด! ส่วนสายเลือดวิหคอมตะบอกเลยว่า ไม่-มี-ทาง!”


“อวดดี!”


หวงเฉวียนจือหัวเราะด้วยความโกรธ ตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะลองลดตัวลงเพื่อเจรจา ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจ ซ้ำยังพ่นคำพูดไม่ไว้หน้า ขนาดคิดเอาแก่นโลหิตชั้นยอดหกส่วนจากเขาเลยทีเดียว


“ถ้างั้นให้ข้าดูว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะทำแบบนั้นได้ไหม?!” หวงเฉวียนจือยิ้มเย็น ขณะที่วงแสงสีทองรวมตัวกันที่ด้านหลังศีรษะเขาอีกครั้ง


ฮา


มู่เฉินเบื่อที่จะพูด เขาหายใจเข้าลึกๆ ขณะเดียวกันมือก็ประสานเข้าด้วยกัน ร่างรองทั้งสองก็ทำแบบเดียวกันด้วย


เสียงทุ้มดังก้องจากหัวใจของมู่เฉิน “วิชาสามพิสุทธิ์ สามรวม!”


ฟิ้ว!


ทันใดนั้นร่างรองทั้งสองก็กลายเป็นริ้วแสงหลอมรวมเข้ากับร่างกายของมู่เฉิน


เมื่อร่างรองทั้งสองรวมเข้ามาไว้ด้วยกัน ม่านตาสีดำของมู่เฉินก็เปล่งประกายออกมาราวกับดวงดาวพราวระยับ กายาหลิงเทียนจุนก็เปลี่ยนไปมีความละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์มากขึ้น


ในเวลาเดียวกันมังกรคลั่งแค้นนับไม่ถ้วนก็คำรามภายในร่างกายของเขา นำพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้พลังงานของมู่เฉินแปรปรวนขึ้นในทันที


แม้แต่น้ำที่อยู่รอบๆ ยังยกคลื่นขึ้นจากความปั่นป่วน


ใบหน้าของหวงเฉวียนจือเปลี่ยนไปเมื่อมองมู่เฉิน เขารู้สึกได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงจากมู่เฉินพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ โดยเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายสุดแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ยังคงพุ่งขึ้นและไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงขีดสุดของขั้นหลิง…


หวงเฉวียนจือตกใจเพราะนี่ไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่องก่อนที่ในที่สุดจะมาถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น


“บัดซบ คลื่นหลิงของมันทำไมถึงเพิ่มขึ้นได้น่ากลัวขนาดนี้?!” หวงเฉวียนจือไม่สามารถเก็บความสงบไว้ในใจได้อีกต่อไป ขณะที่สบถออกมา


ในตอนนี้มู่เฉินมาถึงระดับเดียวกับเขาแล้ว!


แสงหลิงในดวงตาพลุ่งพล่าน มู่เฉินค่อยๆ กำมือ มิติก็บิดเบี้ยวในฝ่ามือ เขารู้สึกถึงคลื่นหลิงที่น่ากลัวในร่างกายพร้อมกับหัวใจที่สั่นสะท้าน


เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวิชาสามพิสุทธิ์ขั้นสามรวมจะเพิ่มการฝึกฝนของเขาได้มากขนาดนี้!


เขาเคยใช้ขั้นตอนนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต แต่ก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ทว่าตอนนี้เมื่อขุมพลังเพิ่มขึ้น เขาก็เข้าใจการผสานขั้นสามรวมได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลอมรวมอย่างสมบูรณ์หลังจากฝึกฝนขั้นสามรวม ผลลัพธ์ช่างเกินความคาดหมายของเขานัก


มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหวงเฉวียนจือพลางยิ้ม “ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นแล้ว”


“ก็แค่ชั่วคราว ผ่านช่วงนี้ไปแกก็จะกลับไปสู่ขุมพลังเดิม!” หวงเฉวียนจือพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว เขารู้ว่ามู่เฉินไม่สามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ได้ชั่วนิรันดร์หรอก ตราบใดที่เขาลากเวลามู่เฉินก็จะกลับสู่สภาพเดิม ไม่แน่อาจอ่อนแอลงเมื่อถึงจุดนั้นด้วย


“ตาแหลมดีนี่”


มู่เฉินพยักหน้าและยิ้ม ขณะที่ตวัดนิ้วก็ทำให้มิติสั่นกระเพื่อม เขาพูดอย่างใจเย็น “แต่เวลาแค่นี้ก็เกินพอที่จะจัดการกับแกได้แล้ว”


“ฝันไปเถอะ!” หวงเฉวียนจือตะเบ็งเสียงเย็นชา


มู่เฉินยิ้มจากนั้นหายใจเข้าลึก ตราประทับเปลี่ยนไปวูบไหว ทันใดนั้นแสงจำนวนมหาศาลก็ไหลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเจดีย์ผลึกแก้วใสโบราณ


ขณะที่เจดีย์หมุนคว้างก็เกิดการสั่นสะท้านก่อนที่ร่างปีศาจทั้งแปดจะออกมาจากเจดีย์ ภายใต้สายตาตกตะลึงของหวงเฉวียนจือ


ปีศาจทั้งแปดดุร้ายเปล่งรัศมีรุนแรงพร้อมกับแรงกดดันที่ทำให้หวงเฉวียนจือรู้สึกหวาดกลัว


เมื่อรู้สึกถึงพลังนี้ ใบหน้าของหวงเฉวียนจือก็กลายมืดครึ้ม เขามองไม่ออกได้อย่างไรว่าหลังจากที่โดนเขากดมานานมู่เฉินก็โกรธจัดและเผยไพ่ตายออกมาในตอนนี้แล้ว…


“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากฝืนเพิ่มขุมพลังของแกจนถึงขอบเขตขั้นเซียนระยะต้นได้แล้ว แกจะสามารถเอาชนะข้าที่อยู่ในระดับนี้จริงๆ ได้!”


แสงดุร้ายวูบไหวในดวงตาของหวงเฉวียนจือ ขณะที่พูดต่อ “วันนี้ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรข้าได้บ้าง!”


เมื่อพูดจบ เกลียวแสงโบราณก็รวมตัวกันเบื้องหลังศีรษะ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนอย่างมาก


เฝ้ามองการเผชิญหน้านี้ เปลือกตาของผู้ชมก็กระตุกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรุนแรง


ทุกคนสามารถบอกได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)