หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1451-1456

บทที่ 1451 กลั่นแกล้ง

 

ในทวีปซันไห่


สถานที่มีเทือกเขาตัดกัน มีทะเลสาบสีมรกตที่ดูราวกับกระจกไม่มีระลอกคลื่น สะท้อนให้เห็นฟ้าดิน แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่ก็ให้ความรู้สึกกดดันโดยไม่ทราบสาเหตุ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังรู้สึกกดดัน


ทว่าความเงียบสงบของสถานที่แห่งนี้แตกสลายลงในวันนี้ เมื่อแสงอรุณรุ่งสาดส่องลงมายังดินแดนแห่งนี้ ริ้วแสงนับไม่ถ้วนพุ่งข้ามขอบฟ้า ก่อนที่จะพลิ้วลงมายังภูเขารอบสระแห่งนี้


พร้อมกับภาพเงาเหล่านี้ เสียงร้องนับไม่ถ้วนก็สะท้อนไปทั่วชั้นฟ้าราวกับเสียงร้องของวิหคมากมายมารวมตัวกัน…


สระยกเทพมีตำแหน่งพิเศษท่ามกลางเทพอสูรกลางเวหา ดังนั้นแม้ว่าที่นั่งในการเข้าร่วมจะจำกัด แต่ก็ดึงดูดเทพอสูรมากมายมาชมงาน


เมื่อทุกเผ่ามารวมตัวกัน ความปั่นป่วนก็กังวานมาจากภูเขาโดยรอบ


กีด!


ทว่าพร้อมกับการมาถึงที่มากขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องไพเราะดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก จากนั้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน ทำให้ใบหน้าของเหล่าเทพอสูรมากมายเปลี่ยนไปด้วยความเคารพ


พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายรุ้งพาดผ่านภูมิภาคนี้ พร้อมกับเงาทอดลงไปยังภูเขาที่อยู่ใกล้สระมากที่สุด


เมื่อรุ้งจางก็ปรากฏเงาสองร่าง คนแรกก็คือจัประมุขตระกูลหวงของเผ่าหงส์ฟ้า-หวงจิง โดยมีหวงเฉวียนจือติดตามอยู่ข้างหลังกำจายความสูงศักดิ์ออกมา


“คารวะประมุขหวง!”


เมื่อหวงจิงปรากฏตัวจอมยุทธ์เทพอสูรที่นี่ทุกคนก็กล่าวคำทักทาย


หวงจิงมีท่วงท่าไม่ธรรมดา เขาพยักหน้าให้ทุกคนก่อนที่จะมองภาพเงาที่กำลังมาถึงและพลิ้วตัวลงบนภูเขาโดยรอบ


แรงกดดันทรงพลังแทรกซึมทั่วบริเวณ แสงหลิงรวมตัวกันเป็นร่างมหึมาอยู่เบื้องหลังพวกเขา


มีทั้งแร้งทองคำเก้าหัว สิ่งมีชีวิตที่คล้ายมังกรผสมนกกระจอก และเหยี่ยวเทพที่มีสายตาคมกริบ…


เมื่อมองไปที่ฉากนี้ทุกคนต่างก็ฉายความเคร่งเครียดพร้อมกับความอิจฉาในสายตา เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นตัวแทนของมหาเทพอสูร


แม้ว่าความแตกต่างระหว่างเทพอสูรกับมหาเทพอสูรจะมีเพียงคำเดียว แต่ก็เป็นปากอ่าวกว้างใหญ่ระหว่างฟ้าดิน


“มีเผ่ามหาเทพอสูรสิบห้าเผ่าท่ามกลางเทพอสูรกลางเวหาและทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่…”


“ลือกันว่าเผ่ามหาเทพอสูรได้ส่งเหล่าอัจฉริยะมาเพื่อสระยกเทพเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามใช้โอกาสนี้เพื่อชำระสายเลือดและก้าวไปอีกขั้น…”


“แต่มีการจำกัดจำนวนแก่นโลหิตที่สร้างขึ้นในสระยกเทพ ท่าทางว่านี่จะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดแล้ว…”


“ฮ่าๆ หวงเฉวียนจือเผ่าหงส์ฟ้าใครจะกล้าต่อกรกับเขา? เขาคงจะได้รับประโยชน์สูงสุดในครั้งนี้”


“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป หวงเฉวียนจืออาจจะไม่ธรรมดา แต่หลินชางจากเผ่าแร้งทองคำเก้าหัวและข่งหลิงเอ๋อจากเผ่านกยูงเก้าสีก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา…”


“ถูกต้อง อัจฉริยะเหล่านี้ซ่อนตัวมานานเป็นร้อยปีเพื่อบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งผ่านสระยกเทพนี้ การแข่งขันครั้งนี้คงรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…”


ขณะที่เสียงสนทนาดังขึ้น ผู้คนก็มองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น


“หืม? เผ่าวิหคโลกันตร์ก็อยู่ที่นี่ด้วย? พวกเขามีที่เข้าสู่สระยกเทพด้วยเหรอ” มีคนสังเกตเห็นเงาบนภูเขาและจำได้ทันที


“เฮ้ มีบรรพบุรุษของเผ่าวิหคโลกันตร์ละสังขารที่สระยกเทพเมื่อหลายร้อยปีก่อนเพื่อกันที่นั่งสำหรับสมาชิก ดูเหมือนพวกเขาจะใช้แล้ว” มีคนพูดอย่างอิจฉา ท้ายที่สุดแล้วที่นั่งในสระยกเทพยากเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากหมายถึงการเสียสละของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน


“หึ ดูท่าพวกเจ้ายังไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกน่ะ…” พวกรู้ลึกถึงกับเค้นเสียงขึ้นจมูก “เทียนจิ่วโยวแห่งเผ่าวิหคโลกันตร์มีข่าวลือว่านางวิวัฒนาการเข้าสู่สายเลือดวิหคอมตะได้ แต่ตอนนี้หวงเฉวียนจือหมายตานางในฐานะผู้เสียสละครั้งสุดท้ายเพื่อวิชาหมุนวนเก้าเทพของเขา…”


“ดังนั้นเมื่อไรที่เทียนจิ่วโยวเข้าสู่สระยกเทพหวงเฉวียนจือจะเคลื่อนไหวและกลืนกินสายเลือดนาง…”


โลกของสัตว์อสูรโหดร้ายกว่าโลกของมนุษย์ ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินถึงความตั้งใจของหวงเฉวียนจือก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นสิ่งผิด


ตามคำกล่าวที่ว่าคนที่มีสมบัติจะกลายเป็นก่ออาชญากรรม นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้สายเลือดที่หายากของเผ่าวิหคโลกันตร์ถูกเล็งเป็นเป้าหมาย ถ้าพวกเขาเก็บงำไว้กับตัวเองก็แล้วไป แต่พวกเขากลับเลือกที่จะเปิดเผย ตอนนี้หวงเฉวียนจือกำหนดเป้าแล้ว คงไม่สามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย


เมื่อรู้สึกถึงสายตาเหล่านั้น ใบหน้าของเทียนฮวงก็ดูน่าเกลียดเช่นกัน


จิ่วโยวยืนอยู่ข้างหลังบิดาสวมเสื้อผ้าสีดำพอดีตัว ซึ่งเผยรูปร่างและส่วนโค้งนูนน่าทึ่งที่หน้าอก นางเม้มริมฝีปากเข้าหากันดูดื้อดึงมากกว่าปกติ


เมื่อเทียบกับเทียนหวง สีหน้านางดูสงบกว่ามาก แต่หมัดที่กำแน่นเผยให้เห็นความไม่สบายใจในหัวใจ


“ผู้อาวุโสลู่ ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว” เทียนฮวงถอนหายใจขณะหันไปหาผู้อาวุโสสวมชุดคลุมสีเทา นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าวิหคโลกันตร์ ซึ่งตอนแรกอยู่ในสมาธิ แต่เพื่อจิ่วโยว พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกจนต้องเชิญเขาออกจากสมาธิ


ทว่าผู้อาวุโสคนนี้ก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายเท่านั้น


ผู้อาวุโสลู่มีสีหน้าขมขื่นแต่ก็ยังพยักหน้า “ท่านประมุขวางใจเถอะ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องจิ่วโยว แต่…ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงเฉวียนจือ”


เทียนฮวงตัวสั่นสะท้าน เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ตอนนี้หวงเฉวียนจือมีขุมพลังอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นแล้ว พลังในการต่อสู้เหนือล้ำแน่นอน ว่ากันว่ากระทั่งจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันยังตายในมือเขาได้ ความสำเร็จของเขาเกรียงไกรนัก


“ผู้อาวุโสลู่ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ แค่พาจิ่วโยวหนีให้ไกลจากเขาในสระยกเทพ พยายามแสวงหาโอกาสที่เหมาะสมก็พอ” เทียนฮวงปลอบโยน


“ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ผู้อาวุโสลู่ผงกศีรษะและหายใจเข้าลึกพร้อมกับการแสดงออกเด็ดขาดบนใบหน้า เขาเองก็โกรธแค้นกับการกลั่นแกล้งของเผ่าหงส์ฟ้า ดังนั้นต่อให้ต้องสละชีวิต เขาก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของจิ่วโยวให้จงได้


ทว่าทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาเหลือบมองไปที่จิ่วโยวเอ่ยด้วยความลังเล “ยังไม่มีข่าวจากผู้อาวุโสเทียนเช่อรึ? ข้าได้ยินมาว่ามู่เฉินน่าเกรงขามนัก ถ้าเขามาที่นี่อาจจะเผชิญหน้ากับหวงเฉวียนจือได้…”


เทียนฮวงขมวดคิ้วเบาๆ ตอบว่า “ยัง… เผ่าวิหคโลกันตร์ของเราไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือต่างสายพันธุ์ นอกจากนี้เขาอาจไปรุกรานเผ่าหงส์ฟ้าหากมาที่นี่ ข้าคิดว่าเจ้าหนูนั่นคงต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียก่อน”


น้ำเสียงของเขาไม่มีแววตำหนิใดๆ เนื่องจากเป็นเรื่องธรรมชาติ ในมหาพันภพไม่มีใครกล้าที่จะรุกรานเผ่าหงส์ฟ้าเพื่อเผ่าวิหคโลกันตร์ เห็นได้จากเผ่าเทพอสูรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าวิหคโลกันตร์มาตลอดก็ยังไม่กล้าเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้


“ท่านพ่อ!”


ทว่าคำพูดของเขาดึงดูดสายตาเย็นชาจากจิ่วโยวทันที


เมื่อเทียนฮวงเห็นก็ส่ายหัวอย่างขมขื่น “ก็ได้ๆ ข้าจะไม่พูดแง่ร้ายเกี่ยวกับเขา”


ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน จู่ๆ หวงจิงก็มองมาอย่างไม่แยแสและยิ้ม “พวกเจ้าพิจารณาเรื่องนี้หรือยัง?”


คำพูดของเขาดึงดูดความสนใจรอบข้างทันที เทียนฮวงทำได้เพียงเกร็งศีรษะขึ้นถามว่า “เผ่าหงส์ฟ้า ไม่สามารถปล่อยเผ่าวิหคโลกันตร์ไปได้จริงๆ เหรอ?”


น้ำเสียงของเขาเป็นการขอร้องแล้ว ไม่มีเหลือเกียรติคุณของประมุขไว้เลย


เมื่อหวงจิงได้ยินคำตอบนี้ก็ถอนหายใจเบาๆ “ทำไม? ถ้าพวกเจ้าทำให้ลูกชายข้าพอใจ ข้าจะถือว่านี่เป็นบุญคุณจากเผ่าวิหคโลกันตร์และเราจะตอบแทนในอนาคตแน่ แต่เจ้ากลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง”


ไม่มีอารมณ์ใดๆ ในสายตาเขาขณะที่พูดต่อ “ในเมื่อยืนกรานที่จะดื้อรั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองแล้ว”


ใบหน้าของเทียนฮวงดิ่งลงทันที


หวงเฉวียนจือกวาดสายตามองไปที่ผู้อาวุโสลู่ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ “นั่นองครักษ์ของเจ้ารึ?”


“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย…”


รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหวงเฉวียนจือก่อนที่จะส่ายหัวไปมา “ถ้ามีทั้งหมดแค่นี้ ข้าขอแนะนำให้ยอมแพ้ซะ”


เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวออกมา เสียงร้องของหงส์ฟ้าก็ดังก้องขึ้นพร้อมกับแรงกดดันรุนแรงทำให้ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนจากแรงกดดันของเขา


แรงกดดันนั้นพุ่งไปที่ผู้อาวุโสลู่ ทำให้ร่างเขาสั่นใบหน้าซีดเซียวลง เข่าของเขาค่อยๆ งอจากแรงกดและเกือบจะคุกเข่าลงไป


เห็นได้ชัดว่าหวงเฉวียนจือพยายามข่มขู่ผู้อาวุโสลู่ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่สระยกเทพ เมื่อถึงตอนนั้นผู้อาวุโสลู่ก็จะไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา


ผู้อาวุโสลู่รู้ถึงเจตนาของหวงเฉวียนจือดี ดังนั้นเขาจึงกัดฟันถึงขนาดเส้นเลือดดิ้นพล่านบนหน้าผากเลยทีเดียว ทว่าแรงกดดันจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนบวกกับแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงของหวงเฉวียนจือ ก็ทำเอาเข่าของผู้อาวุโสลู่งอลงอย่างรวดเร็ว


ใบหน้าของเทียนฮวงและจิ่วโยวก็เขียวคล้ำ แต่พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูผู้อาวุโสลู่ทนทุกข์ทรมานจากแรงกดดัน


สายตาของเทียนฮวงมืดดำ มากจนจะกระอักเลือดออกมา นี่เป็นความอัปยศอดสูสำหรับเผ่าวิหคโลกันตร์แท้จริง


หมัดของจิ่วโยวกำแน่นโดยที่เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนเลือดหยดแหมะๆ ในตอนนี้แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างนางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้


ความรู้สึกไร้พลังลอยอวลทำให้นางได้แต่โทษตัวเอง


“พอแล้ว ถ้าเจ้าต้องการสายเลือดขนาดนั้นก็รับ…” นางเบิกตากว้างขณะที่ตะโกนใส่หวงเฉวียนจือ


แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ เสียงสายฟ้าก็ดังขึ้น ทุกคนเงยหน้ามองขอบฟ้าห่างไกล คลื่นหลิงขนาดใหญ่ถาโถมเข้ามา


ตู้ม ตู้ม


คลื่นกระแทกหลิงนี้บดขยี้แรงกดดันของหวงเฉวียนจือพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้อง


“แกไม่มีสิทธิ์จะได้รับสายเลือดของนาง!”


เสียงคำรามดังกล่าว ทำให้เสียงของจิ่วโยวถูกขัดจังหวะทันที นางเงยหน้าขึ้นทันควันก่อนที่จะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาดูเหมือนจะมีความโกรธซ่อนอยู่ภายใต้มหาสมุทรสายฟ้า ทำให้หัวใจของนางเต้นไม่เป็นส่ำ


นางมองร่างคุ้นเคยด้วยความอึ้งทึ่ง ก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงลงจากแก้ม

 

 

 


บทที่ 1452 เผชิญหน้า

 

ครืน!


ความผันผวนดุดันของคลื่นหลิงระเบิดไปทั่วท้องฟ้า แรงกดดันอันทรงพลังทำให้ใบหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด เมื่อพวกเขามองไปที่ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่


นี่ก็คือมู่เฉินที่เพิ่งมาถึง เขาพลิ้วตัวลงบนภูเขา ความโกรธก็เกิดขึ้นในใจเมื่อเขาเห็นน้ำตาบนใบหน้าของจิ่วโยว


ตั้งแต่วันแรกที่เขารู้จักจิ่วโยวด้านที่ไม่ยอมใครของนางก็ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา แต่ตอนนี้หญิงสาวเข้มแข็งไม่ยอมใครง่ายๆ กำลังร้องไห้ เขานึกได้เลยว่านางต้องแบกความทุกข์ทรมานไว้แค่ไหน


“ประมุขเทียนฮวง พวกท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”


มู่เฉินมองไปที่เทียนฮวงช่วยพยุงผู้อาวุโสลู่ขึ้นก่อนจะประสานมือลุแก่โทษ “ขอโทษที่มาช้าขอรับ”


เทียนฮวงและผู้อาวุโสลู่อึ้งไปขณะมองมู่เฉิน พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามู่เฉินจะมาที่นี่จริงๆ


‘เจ้าหนูนี่กล้าที่จะรุกรานเผ่าหงส์ฟ้าเพื่อจิ่วโยวจริงหรือ?’


“ไม่สาย ไม่สายหรอก…” เทียนฮวงโบกมือไปมาพูดอย่างขมขื่น “เผ่าวิหคโลกันตร์ของข้าหมดหนทางกับสถานการณ์นี้แล้ว ดังนั้นจึงต้องให้ผู้อาวุโสเทียนเช่อแจ้งให้เจ้าทราบ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน”


มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพูดอะไร จิ่วโยวช่วยเหลือข้ามากมายในอดีตและถ้าไม่ใช่นางตอนนี้ข้าอาจตายไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหน ข้าก็จะเร่งรุดมาช่วยทันที ”


เทียนฮวงมีสีหน้าซับซ้อน คำพูดของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกผิดและพอใจผสมผเสกัน เขารู้สึกผิดที่พวกเขาสงสัยในตัวชายหนุ่ม ขณะเดียวกันก็รู้สึกยินดีที่จิ่วโยวเจอสหายร่วมเป็นร่วมตาย


หลังจากที่มู่เฉินและเทียนฮวงพูดคุยกันอารมณ์ของจิ่วโยวก็สงบลง เขาจึงพูดแหย่ว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะร้องไห้ด้วย”


จิ่วโยวรีบเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าพลางถลึงตาใส่มู่เฉิน ก่อนจะเตะใส่ “ยังกล้าแกล้งข้าอีกเหรอ?!”


แต่หลังจากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าไม่ควรมา”


แม้ว่าจะเอาอดีตมาเทียบเคียงกับมู่เฉินตอนนี้ไม่ได้อีกต่อไป แต่เผ่าหงส์ฟ้าก็ไม่สามารถมองข้ามไปได้


มู่เฉินส่ายหัวมองไปที่จิ่วโยวตอบว่า “ใครกันที่ปกป้องข้าตอนที่ออกจากมณฑลเป่ยหลิงแล้วพาข้าท่องยุทธภพ? เจ้าไม่เคยดูถูกว่าข้าอ่อนแอและช่วยเหลือกันมาตลอดแล้วจะให้ข้าทิ้งเจ้าได้อย่างไร?”


ตอนนั้นเขายังเด็กและอ่อนแอ สาเหตุที่เขาสามารถผ่านพ้นอันตรายมานักต่อนักก็มาจากความช่วยเหลือของจิ่วโยว ถ้าไม่ใช่นาง เขาคงก้าวไม่ถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน


เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน จิ่วโยวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเปรี้ยวขึ้นจมูกขณะที่ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่นางจะกลั้นไว้


“แกเป็นใคร? ทำไมถึงเข้ามาแส่เรื่องระหว่างเผ่าเทพอสูรกลางเวหา?”


ขณะที่พวกเขาพูดคุย เสียงสูงส่งก็ดังก้อง หวงจิงจ้องมองไปที่มู่เฉิน


มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับจักรพรรดิหวง “ข้าชื่อมู่เฉิน ได้รับการเชิญจากเผ่าวิหคโลกันตร์ให้มาเป็นองครักษ์จิ่วโยว”


คำพูดของเขาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที ทุกคนมองไปที่มู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคุ้นเคยกับชื่อดาวรุ่งของมหาพันภพในช่วงนี้


แม้ว่าจะคาดหวังคำตอบไว้แล้ว แต่หวงจิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หากเป็นมนุษย์คนอื่นพยายามจะเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ เขาคงจะไล่ตะเพิดไปแล้ว ทว่าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นกับมู่เฉินได้เนื่องจากมารดาอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าโบราณ ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม นอกจากนี้เขายังเป็นราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพอีกด้วย ด้วยรัศมีรายรอบมู่เฉิน ทำให้เขาถูกข่มขู่


สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่ายากจะจัดการเนื่องจากมู่เฉินมีกองหนุนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งหลายคน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้สถานะของตนเองเพื่อปราบปรามมู่เฉินได้ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นออกโรงได้ ในเวลานั้นการเผชิญหน้าระหว่างยอดยุทธ์จะเป็นปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


“ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว…”


หวงเฉวียนจือยิ้มขณะที่หวงจิงกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับมู่เฉิน เขาจ้องไปอีกฝ่าย “ข้าได้ยินมาเกี่ยวกับการกระทำอันยิ่งใหญ่ของประมุขมู่ในเผ่าฝูถู แต่นี่ไม่ใช่เผ่าฝูถู ไม่มีค่ายกลให้เจ้าได้ยืมใช้หรอกนะ”


แม้ว่าคำพูดจะราบเรียบ แต่ทุกคนก็เห็นด้วยเนื่องจากเหตุผลที่มู่เฉินสามารถปราบผู้อาวุโสในเผ่าฝูถูได้ ก็เพราะใช้ค่ายกลพิทักษ์เผ่า เพราะตัวเขามีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางเท่านั้น


เหล่าอัจฉริยะที่สามารถเข้าสู่สระยกเทพน่ากลัวทั้งนั้นและมู่เฉินคงไม่สามารถทำในแบบเดียวกันกับเผ่าฝูถูได้


หวงเฉวียนจือสมกับเป็นบุตรชายของหวงจิง คำพูดของเขาลบความสำเร็จรุ่งโรจน์ของมู่เฉินจนหมดสิ้น


มู่เฉินผงกศีรษะตอบว่า “ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูเป็นปัญหาเล็กน้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงต้องใช้ค่ายกล แต่ทำไมข้าต้องใช้มันกับเรื่องเล็กน้อยวันนี้”


“ฮ่าๆ ประมุขมู่โอ้อวดแท้จริง”


หวงเฉวียนจือยิ้มขณะพูดต่อช้าๆ “ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังดูถูกเผ่ามหาเทพอสูรของเรานะ”


รอยยิ้มเยาะผุดที่มุมปาก คำพูดเลวร้ายของเขาวางมู่เฉินไว้ตรงข้ามกับเผ่ามหาเทพอสูรทั้งหมด


คำพูดนี่ดึงดูดความสนใจของเหล่าอัจฉริยะเผ่ามหาเทพอสูร ทั้งหมดต่างมองไปที่มู่เฉิน


มีความอยากรู้ ไม่แยแส แม้กระทั่งดูหมิ่นในสายตาเหล่านั้น…


“เฮอะ แค่มนุษย์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางกล้าโอ้อวดที่นี่ด้วยหรือ? ไม่กลัวกัดลิ้นตัวเองขาดรึไง?” เสียงหัวเราะน่าขนลุกดังสะท้อนด้วยความดูถูก


ทุกคนมองไปที่ต้นเสียงก็เห็นชายหน้าตาบึ้งตึงคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง รอยยิ้มที่แขวนบนริมฝีปากดูเหมือนคมมีดที่เย็นยะเยือก


รัศมีระเบิดออกจากทางด้านหลังเขากลายเป็นนกขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนหงส์ฟ้าผสมกับแร้งสีทอง


“นั่นอัจฉริยะแร้งหงส์ทองคำ—ฟังจิ้ง หงส์แร้งทองคำและหงส์ฟ้าแท้จริงมีสายเลือดที่สัมพันธ์กัน เรียกได้ว่าสนิทสนมกับเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงที่สุด ว่ากันว่าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงเลยทีเดียว” เทียนฮวงอธิบายด้วยสีหน้าไม่น่าดูข้างมู่เฉิน


“ก็แค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย ไม่มีอะไรคุกคามได้” มู่เฉินยิ้ม ไม่สนใจการยั่วยุของฟังจิ้ง เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองอีกฝ่าย


ในสายตาของเขา ฟังจิ้งเป็นเพียงตัวตลกก่อนเปิดโรงที่พยายามทำให้หวงเฉวียนจือดูดีขึ้นเท่านั้น


“ฮึ่ม หาเรื่องตาย!”


ฟังจิ้งยิ้มเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่ได้ขยับ เขามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ


“ไม่ต้องมาทำยั่วยุไร้ประโยชน์ที่นี่ ไม่มีใครโง่ เจ้ามาทดสอบข้าได้เองหากต้องการทราบพลังที่ข้ามี” มู่เฉินมองไปที่หวงเฉวียนจือ เอ่ยด้วยเสียงนิ่งเฉย


รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงเฉวียนจือหุบลงขณะที่จ้องมองมู่เฉินอย่างเย็นชา พูดย้ำชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้า-จะ-กิน-สายเลือด-วิหคอมตะให้ได้!”


สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่หวงเฉวียนจือตอบว่า “อย่างที่ข้าเคยพูดไปก่อนหน้านี้ ไม่มีวัน”


ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน ทำเอาหลายคนถึงกับแอบเดาะลิ้น แต่ละคนช่างดุดันอย่างแท้จริง อัจฉริยะของเผ่าหงส์ฟ้าและดาวรุ่งดวงใหม่ของมหาพันภพ


แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะหัวเราะในตอนจบ


ฮึ่ม ฮึ่ม!


ขณะที่บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด สระมรกตก็กระเพื่อม แสงหลิงไม่มีที่สิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับน้ำพุร้อน


ครืน!


ทันใดนั้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ระเบิดออก ทำให้กระทั่งมู่เฉินยังหดตาลง เขามองเห็นภาพเงามากมายในแสงที่มีรูปแบบของเทพอสูร…


ชัดว่าร่างเหล่านั้นจะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่ละสังขารในสระ


“สระนี้…ไม่ธรรมดา”


มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง แม้ว่าสระแห่งนี้ดูเหมือนจะลึกเพียงหนึ่งพันจั้ง แต่จากการรับรู้ของเขาบอกได้ว่าสระนี้ไร้ขอบเขตราวกับสร้างขึ้นในอีกโลกหนึ่ง


“สระยกเทพกำลังเปิด ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” เสียงของหวงจิงดังก้อง


เมื่อได้ยินคำพูดของเขาบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด ทุกคนจ้องมองไปด้วยดวงตาที่ลุกโชน


ฮึ่ม!


อึดใจต่อมาคลื่นก็ยกตัวขึ้นในทะเลสาบสีมรกตทำลายความเงียบ ให้ความรู้สึกราวกับว่าผนึกได้ถูกปลดลงพร้อมกับแสงหลิงเชี่ยวกรากสาดส่องทั่วทั้งบริเวณ


“เข้าไปได้!”


พร้อมกับเสียงของหวงจิง แสงนับไม่ถ้วนก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและดำดิ่งลงไปในทะเลสาบมรกต


เมื่อร่างแต่ละคนดำดิ่งลงไป พวกเขาก็หายตัวไปทันทีราวกับว่าก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง


อัจฉริยะเหล่านี้เข้าไปโดยลำพัง เพราะตามกฎมีเพียงจอมยุทธ์ภายใต้ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่สามารถนำองครักษ์มาช่วยต่อสู้ได้


จิ่วโยวหายใจเข้าลึกมองไปที่มู่เฉิน “เจ้าจะไม่เสียใจนะ? จะมีการต่อสู้รุนแรงรออยู่ข้างในแน่นอน”


มู่เฉินคลี่รอยยิ้มบนริมฝีปากแล้วยื่นมือออกมา


“เจ้าปกป้องข้ามานาน ตอนนี้ถึงตาข้าปกป้องเจ้าแล้ว”


รอยยิ้มทรงเสน่ห์กระจายออกมาบนริมฝีปากของจิ่วโยว ก่อนที่นางจะยื่นมือออกมาจับมือของมู่เฉินเบาๆ


อึดใจสองพี่น้องก็กลายเป็นลำแสงพุ่งลงไปในทะเลสาบมรกต…

 

 

 


บทที่ 1453 แก่นโลหิตชั้นยอด

 

ปุ!


เมื่อกระโดดลงไปในสระมู่เฉินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความผันผวนของมิติรอบตัว ก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนดำดิ่งลงไปในน้ำ…


เขากวาดสายตาไปก็เห็นเพียงจิ่วโยวที่อยู่ภายในห้วงน้ำขนาดใหญ่ที่ไร้ก้นด้วยกัน ซึ่งให้ความรู้สึกน่าขนพองสยองเกล้านัก


แสงหลิงพวยพุ่งออกจากร่างกายทั้งสอง แยกตัวพวกเขาออกจากน้ำ เมื่อมองไปที่น้ำสีมรกตรอบตัว มู่เฉินก็หดดวงตา เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นและรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทุกๆ หยดบรรจุด้วยภาพสัตว์อสูรขนาดเล็ก…


“ในทะเลสาบนี้อัดแน่นด้วยพลังสายเลือดบริสุทธิ์”


มู่เฉินถอนหายใจ สถานที่ที่เรียกว่าสระยกเทพนั้นคล้ายมหาสมุทรเทพสร้างในดินแดนเสินโซ่ ทว่าที่นี่สร้างด้วยความตั้งใจของผู้คน ยิ่งกว่านั้นเนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเข้ามาด้วยความเต็มใจก่อนที่จะตาย ดังนั้นจึงง่ายต่อการดูดซึม


ตรงกันข้ามมหาสมุทรเทพสร้างมาจากเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่เสียชีวิตในสงคราม ซึ่งแต่ละคนมีเจตจำนงที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีความรุนแรงและยากที่จะดูดซับ


“น่าเสียดายที่เจ้ายังไม่บรรละดับเทียนจื้อจุน มิฉะนั้นการเพาะบ่มในมหาสมุทรเทพสร้างจะดีกว่าที่นี่มาก” มู่เฉินกล่าว


ย้อนกลับไปตอนนั้นราชันเทพอสูรทั้งสามได้มอบป้ายหยกให้แก่เขา ซึ่งสามารถเปิดโอกาสให้เขาเข้าไปได้อีกครั้ง แต่หลังจากใช้แล้วมหาสุมทรเทพสร้างอาจสลายหายไปในความว่างเปล่า


“มหาสมุทรเทพสร้างทรงพลัง แต่ก็อันตรายเกินไป นอกจากนี้… เจ้าเหมาะที่จะใช้โอกาสสุดท้ายนั่นมากกว่าข้า” จิ่วโยวยิ้มเรียบง่าย


มู่เฉินส่ายหัวไม่พูดต่อ แต่มองไปรอบๆ แล้วถามว่า “เราจะทำยังไงกันต่อล่ะ?”


“สระยกเทพนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษ สายเลือดที่นี่มีพลังมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดการควบแน่นกลายเป็นแก่นโลหิตชั้นยอด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเทพอสูร หากสามารถชำระได้ พวกมันก็จะช่วยปรับแต่งและพัฒนาสายเลือด”


ดวงตาของจิ่วโยวลุกเป็นไฟขณะที่มองไปรอบๆ พูดต่อว่า “แก่นโลหิตชั้นยอดทรงพลังมากและสามารถเปลี่ยนเป็นภาพเทพอสูรว่ายวนไปมาภายในสระนี้ หากพบก็ต้องพยายามจับภาพมาให้ได้”


“แต่เราต้องไม่ชักช้า แม้ว่าสระยกเทพจะดูใหญ่โต แต่แก่นโลหิตชั้นยอดมีจำกัดมาก พวกอัจฉริยะจากเผ่ามหาเทพอสูรจะต้องแย่งชิงกันด้วยความเร็วสูงสุดแน่นอน”


“สายเลือดหนาแน่นเรอะ…”


มู่เฉินครุ่นคิดก่อนที่จะหลับตาลง คลื่นหลิงของเขาก็พรั่งพรูออกมา แม้ว่าทะเลสาบนี้จะเต็มไปด้วยรัศมีสายเลือด แต่แก่นโลหิตชั้นยอดเหล่านั้นก็ควบแน่นอย่างมาก ดังนั้นหากอยู่ใกล้ๆ เขาสัมผัสได้แน่นอน


เมื่อเห็นความพยายามของมู่เฉิน จิ่วโยวก็รออยู่ด้านข้างเงียบๆ ไม่ได้รบกวนใดๆ


การรับรู้ของมู่เฉินเกิดขึ้นชั่วขณะก่อนที่เขาจะลืมตาโพลงมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ “ที่นั่นมีรัศมีสายเลือดทรงพลังอยู่!”


“ไปกันเถอะ!”


จิตใจของจิ่วโยวสั่นสะท้านเมื่อได้ยิน ทั้งสองคนพุ่งตัววาดเส้นลึกสองสายในน้ำสีมรกต


ตามทิศทางที่มู่เฉินบอก พวกเขาทะยานไปอยู่หลายนาทีก่อนที่จะลดความเร็วแล้วมองขึ้นไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้ พวกเขาเห็นเหยี่ยวสีทองขนาดมหึมาสยายปีกพร้อมกับรัศมีสายเลือดโหมกระหน่ำรุนแรงออกไป


คลื่นหลิงรวมกันในดวงตามู่เฉิน เขาสามารถมองเห็นไข่มุกสีแดงเข้มที่ใจกลางเหยี่ยวสีทองตัวนั้น รัศมีสายเลือดหนาแน่นจนทำให้เขาพูดไม่ออก


“แม้ว่าเหยี่ยวทองคำตัวนี้จะเป็นแก่นโลหิตชั้นยอด แต่ก็เปรียบได้กับระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม” จิ่วโยวยิ้มอย่างขมขื่น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธ์ที่อยู่ภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนจึงได้รับอนุญาตให้พาองครักษ์มาได้ มิฉะนั้นนางจะไม่สามารถรับอะไรไปได้ แม้ว่าจะพบแล้วก็ตาม


“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”


มู่เฉินยิ้มสะบัดมือออก คลื่นหลิงขนาดใหญ่ของเขากวาดไปกลายเป็นมือมหึมาคว้าไปที่ร่างเหยี่ยวทองคำ


เหยี่ยวทองคำรับรู้ถึงมือนั่น แม้ว่ามันจะไม่มีสติปัญญา แต่ก็พยายามที่จะหลบหนีตามสัญชาตญาณ


ตู้ม!


แต่เมื่อมันกางปีกออก มือก็พุ่งลงมาบดขยี้ ทำให้ร่างเหยี่ยวระเบิดออก


ขณะที่คลื่นสายเลือดพัดออกไป มู่เฉินก็ยื่นมือออกมาคว้าแสงสีแดงเข้มไว้ สุดท้ายก็ลอยอยู่บนฝ่ามือ


นี่เป็นมุกโลหิตขนาดเท่ากำปั้นที่ดูแปลกใหม่มากและเปล่งรัศมีสายเลือดที่หนาแน่นออกมา


มู่เฉินมองไปที่แก่นโลหิตชั้นยอดก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับความหนาแน่นของสายเลือด ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายกำลังคำรามออกมา


พวกมันกำลังกระหายอยากราวกับว่าต้องการกลืนกินแก่นโลหิตชั้นยอดนี้


มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ก่อนที่เขาจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน วิญญาณเทพอสูรทั้งสองก็ช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้มาก แต่หลังจากบรรลุเทียนจื้อจุน พวกมันก็เริ่มไร้ประโยชน์ไปแล้ว


เนื่องจากพวกมันมีพลังระดับตี้จื้อจุนเท่านั้น ดังนั้นต่อให้เรียกออกมาก็ไร้ประโยชน์ มู่เฉินเคยค้นหาวิธีมากมายที่จะพยายามพัฒนาจิตวิญญาณทั้งสองให้กลายเป็นมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จสักที


“ดูเหมือนสระยกเทพนี้จะเป็นโอกาสสำหรับมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงของข้าด้วย” มู่เฉินครุ่นคิด หากจิตวิญญาณทั้งสองสามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้ พวกมันก็จะมีประโยชน์ต่อมู่เฉินอีกครั้ง


มู่เฉินระงับความคิดเหล่านั้นสะบัดนิ้วส่งแก่นโลหิตชั้นยอดไปให้จิ่วโยว


เป้าหมายของเขาในสระยกเทพก็คือเพื่อช่วยจิ่วโยวในการวิวัฒนาการ ดังนั้นอย่างน้อยเขาก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะพิจารณาของตัวเองต่อ


“ขอบใจ!”


จิ่วโยวไม่มากมารยาท นางเปิดปากแก่นโลหิตชั้นยอดก็กลายเป็นกระแสแสงโลหิตเข้าสู่โพรงปากแล้วระเบิดด้วยคลื่นโลหิตรุนแรงในเวลาต่อมา


อักขระโลหิตปรากฏบนผิวของจิ่วโยวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในร่างกายของนาง รัศมีโลหิตที่ไร้ขอบเขตอบอวลภายใน สายเลือดวิหคอมตะที่ซ่อนอยู่ก็ค่อยๆ หนาแน่นขึ้น


การเปลี่ยนแปลงนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งก้านธูป ก่อนที่นางจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับเพลิงสีม่วงเข้มลุกโชนอยู่ภายใน


“สมเป็นสระยกเทพจริงๆ”


จิ่วโยวอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ นางฝึกฝนอย่างขมขื่นในอดีตก็ยากที่จะทำให้สายเลือดหนาแน่นขึ้น ทว่าการเติบโตในสระยกเทพน่าตกใจมาก


มู่เฉินมองเห็นการเติบโตของจิ่วโยวได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่แปลกใจ การฝึกฝนของเทพอสูรไม่เหมือนกับมนุษย์ มนุษย์อ่อนแอตั้งแต่แรกเกิดและจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยการฝึกฝน ตรงกันข้ามเทพอสูรเกิดมาพร้อมพลังแข็งแกร่ง แต่ยากที่จะพัฒนา ทว่าเมื่อมีโอกาสก็จะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว


“ไปต่อกันเถอะ”


มู่เฉินยิ้มแก่นโลหิตชั้นยอดในสระยกเทพหายากมาก ดังนั้นเขาต้องทำเวลาเพื่อคว้าให้ได้


เมื่อพูดจบเขาก็ทะยานออกไปโดยมีจิ่วโยวติดตามมาด้านหลัง


หลายชั่วโมงต่อจากนั้น พวกเขาพบสัตว์อสูรเจ็ดตัวที่สร้างขึ้นโดยแก่นโลหิตชั้นยอดด้วยการรับรู้ของมู่เฉิน ซึ่งมู่เฉินก็บดขยี้พวกมันให้กลายเป็นร่างเดิมได้อย่างง่ายดายเพื่อให้จิ่วโยวกลืนกินพวกมัน


ภายใต้อิทธิพลของแก่นโลหิตชั้นยอด รัศมีของจิ่วโยวก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น รัศมีโลหิตขนาดใหญ่ในร่างกายนางถึงขนาดซึมเข้าไปรวมกันเป็นไข่อยู่ข้างหลัง…


มู่เฉินรู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณว่าสายเลือดของจิ่วโยวกำลังพัฒนา เมื่อไข่แตกนางก็จะวิวัฒนาการเป็นวิหคอมตะ


“ในที่สุด… ก็มีโอกาสพัฒนา…” จิ่วโยวลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้นฉายบนใบหน้า นางรอวันนี้มานานแล้ว


“แต่ข้ายังต้องการรัศมีสายเลือดยิ่งใหญ่กว่านี้เพื่อคว้าโอกาส…”


มู่เฉินพุ่งความสนใจไปทางซ้ายแล้วยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของจิ่วโยว “ข้ารู้สึกถึงของสุดยอด”


ขณะที่จิ่วโยวกำลังดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดที่เพิ่งได้มา เขาก็แผ่คลื่นจิตออกไปสัมผัสได้ถึงรัศมีที่แข็งแกร่งมากจากระยะไกลที่หนาแน่นกว่าที่เคยพบมาก่อนหน้านี้


รัศมีแก่นโลหิตชั้นยอดนั้นอาจเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเลยทีเดียว


“ลุยกันต่อ!”


มู่เฉินทะยานออกไปอย่างตื่นเต้นโดยมีจิ่วโยวติดตามมา


สิบกว่านาทีต่อมา มู่เฉินหยุดลงมองไปข้างหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ ส่วนที่ด้านหลังใบหน้าของจิ่วโยวก็ปกคลุมด้วยความตกตะลึง


เนื่องจากที่เบื้องหน้าทั้งสองมีปลาคุน[1] ขนาดมหึมากำลังซัดคลื่นออกมานับไม่ถ้วน


“รัศมีในแก่นโลหิตชั้นยอดนั่นเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเลย”


มู่เฉินอุทานชื่นชม จากนั้นก็เคลื่อนไหวทันที ฝ่ามือคลื่นหลิงมหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าสกัดเส้นทางการหลบหนีของปลาคุน แม้ว่ามันจะมีรัศมีระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น แต่ก็อ่อนแอในแง่ของการต่อสู้และไม่สามารถแข่งขันกับมู่เฉินได้


ดังนั้นการเคลื่อนไหวของมู่เฉินสามารถจับมันได้อย่างแน่นอน


แต่เมื่อฝ่ามือคลื่นหลิงกำลังจะสัมผัสกับร่างปลาคุน เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นฉับพลัน ปีกขนนกสีทองทะลุผ่านมิติคล้ายกับใบมีดทำให้ฝ่ามือคลื่นหลิงแตกเป็นเสี่ยง ๆ


แสงเย็นวูบวาบในดวงตาของมู่เฉิน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา


นี่เป็นภาพเงาสีทองที่ก้าวย่างเข้ามาในท่ากอดอก เขาฉายรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า นี่คือฟังจิ้งจากเผ่าแร้งหงส์ทองคำที่เยาะเย้ยมู่เฉินนอกสระยกเทพ!


ฟังจิ้งกอดอกฉายความดุร้ายในดวงตาขณะจ้องมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับเสียงตะเบ็งเยือกเย็นดังก้อง


“ข้าหมายตาแก่นโลหิตชั้นยอดนี้แล้ว ให้เวลาพวกเจ้าสิบลมหายใจ ไสหัวไปซะ!”


 


[1] 鲲 อ่านว่าคุน ปลาขนาดใหญ่ในหนังสือโบราณ

 

 

 


บทที่ 1454 ปราบปราม

 

หลังจากผู้แข่งขันเข้าไปในสระยกเทพ


หวงจิงก็สะบัดแขนเสื้อ เสาน้ำจำนวนมากจากสระทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกระจกโปร่งใสแสดงภาพทุกคนที่เข้าไปในสระยกเทพ…


ที่ด้านนอกสระ ทุกคนจ้องมองไปที่กระจกเหล่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นแก่นโลหิตชั้นยอดของเทพอสูร เกิดขึ้นดวงแล้วดวงเล่าก็ต่างอุทานด้วยความอิจฉา


นั่นคือยาบำรุงที่ดีเยี่ยมสำหรับเทพอสูรทุกคน โดยปกติหาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากในสระยกเทพเท่านั้น


“หืม?”


ขณะที่พวกเขามองดูอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นความโกลาหลก็ดังขึ้น “ฟังจิ้งประหน้ากับมู่เฉินแล้ว…”


ทุกคนมองไปที่กระจกบานนั้นทันที ก็เห็นมู่เฉินและจิ่วโยวกำลังเผชิญหน้ากับฟังจิ้งอยู่


“เฮ้ ดูเหมือนว่าฟังจิ้งตั้งใจที่จะจัดการกับมู่เฉินเพื่อเอาความชอบจากหวงเฉวียนจือนะ…” เมื่อมองไปที่ฟังจิ้งก็มีคนแอบหัวเราะในใจ


“แต่มู่เฉินก็ไม่ได้เคี้ยวง่าย อย่าดูถูกขุมพลังของเขา เขาพึ่งพาความสามารถของตัวเองที่มีในการเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นของเผ่าฝูถูได้มาแล้ว”


“เจ้าก็ดูถูกฟังจิ้งไป เขาเป็นอัจฉริยะแท้จริงของเผ่าแร้งหงส์ทองคำและได้รับการฝึกฝนมากว่าสองร้อยปี แม้ว่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่ก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ เนื่องจากเขาเป็นเทพอสูร เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินมาว่าฟังจิ้งต่อสู้กับมนุษย์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ไม่ว่ามนุษย์คนนั้นจะออกกระบวนท่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไรกับฟังจิ้งได้”


“จริงรึ? น่าสนใจๆ ข้าเคยได้ยินเรื่องที่มู่เฉินไปก่อความเสียหายในเผ่าฝูถูมาพักใหญ่แล้ว วันนี้ขอข้าเป็นพยานว่าชายคนนี้มีความสามารถจริงหรือไม่”


“ฮ่าๆ ถ้าเขาแพ้ฟังจิ้งก็เป็นเรื่องน่าตลกแล้ว พวกผู้อาวุโสเผ่าฝูถูคงได้รู้สึกอับอายขายหน้าหนักแน่”


การสนทนาทุกประเภทดังก้อง แต่ส่วนใหญ่ก็รอดูการประลองด้วยอารมณ์ขบขัน นอกจากนี้ระหว่างมนุษย์กับเทพอสูร ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะยืนอยู่ข้างฟังจิ้ง นอกจากนี้ถ้าฟังจิ้งชนะก็เป็นการแสดงให้มนุษย์ในมหาพันภพตระหนักถึงช่องว่างระหว่างมนุษย์และเทพอสูรเช่นพวกเขา


 


“สิบลมหายใจแล้ว พวกแกยังไม่ไสหัวไปอีกเรอะ?”


ขณะที่ความสนใจด้านนอกสระพุ่งมาที่กระจกบานนี้ ฟังจิ้งที่กอดอกก็จ้องมองมู่เฉินอย่างดุร้าย


“ไอ้โง่”


มู่เฉินเหลือบมองฟังจิ้งพูดออกมาก่อนจะไม่สนใจอีกฝ่าย เขาเปิดปากเพลิงไฟสีม่วงก็พุ่งออกมาห่อหุ้มไปทางปลาคุนที่กำลังจะหนี


เมื่อเพลิงสีม่วงปรากฏขึ้น ก็ทำให้น้ำรอบๆ ระเหยจากอุณหภูมิที่สูงทันที


“รนหาที่ตาย!”


เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจ ฟังจิ้งก็โกรธก่อนที่จะยื่นมือออกไป รัศมีสีทองระเบิดออก อึดใจกรงเล็บสีทองก็พุ่งเข้าไปตะปบปลาคุนตัวนั้น


มู่เฉินมองไปอย่างเย็นชาและสะบัดนิ้ว เพลิงสีม่วงที่พุ่งเป้าไปที่ปลาคุนหันกลับเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงพุ่งเข้าหากรงเล็บสีทอง


ชี่ ชี่!


เมื่อเพลิงสีม่วงแผ่ออกไปกรงเล็บสีทองก็ละลายอย่างรวดเร็ว ในไม่กี่ลมหายใจก็หายไปอย่างสิ้นเชิง


“อะไรน่ะ?!” ฟังจิ้งหดตาลงกับฉากนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเพลิงสีม่วงของมู่เฉินจะดุดันขนาดนี้


หลังจากละลายกรงเล็บสีทองได้ มู่เฉินก็โบกมือเพลิงสีม่วงก็ห่อหุ้มปลาคุนไว้อีกครั้ง มันดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่หลังจากสิบลมหายใจสั้นๆ มันก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นแก่นโลหิตชั้นยอดบินไปหามู่เฉิน


มู่เฉินโยนแก่นโลหิตชั้นยอดเล่นในมือก่อนที่จะโยนมันไปให้จิ่วโยว “กินซะ”


เมื่อจิ่วโยวได้รับแก่นโลหิตก็มองไปที่ฟังจิ้งด้วยความกังวลในสายตา


“ไม่ต้องกังวล เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะแย่งแก่นโลหิตชั้นยอดไปหรอก” มู่เฉินยิ้ม


จิ่วโยวโล่งใจไปเปลาะเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน นางนั่งลงโดยแก่นโลหิตลอยอยู่ระหว่างฝ่ามือ


ขณะที่นางหมุนเวียนคลื่นหลิง แก่นโลหิตก็กลายเป็นไอสีแดงเข้มพวยพุ่งเข้าไปทางนาสิกประสาทของนาง


เมื่อไอโลหิตหนาแน่นเข้าสู่ร่างกาย แสงหลิงก็พวยพุ่งขึ้นด้านหลังจิ่วโยว สีดำบนไข่ก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ


ขณะที่จิ่วโยวกำลังกลืนกินแก่นโลหิต มู่เฉินก็ยืนอยู่ตรงหน้านางมองไปที่ฟังจิ่งที่มีใบหน้าเขียวคล้ำ


“แกช่างเรียกร้องหาความตาย!”


ฟังจิ้งคำรามด้วยเจตนาฆ่า เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะไม่เห็นเขาในสายตาขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะเมินเฉยต่อการข่มขู่ของเขายังคว้าแก่นโลหิตชั้นยอดไปและให้จิ่วโยวกลั่นต่อหน้าต่อตาเขาอีกด้วย


“ไปเลือกวิธีที่ดีกว่านี้ซะ ถ้าอยากให้เจ้านายแกโปรดปราน อย่ามาอับอายขายหน้าตรงข้า” มู่เฉินเหลือบมองฟังจิ้งพลางพูดอย่างไม่ยี่หระ


“ฮ่าๆ!”


ฟังจิ้งรู้สึกว่าปอดจะระเบิดเพราะความโกรธขณะที่คำรามด้วยเสียงหัวเราะ อึดใจต่อมาแสงสีทองไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่างกลายเป็นนกสีทองขนาดใหญ่


นกตัวนี้แปลกประหลาด ร่างถูกปกคลุมไปด้วยขนหงส์ฟ้า แต่หัวเป็นแร้งเปล่งแสงทองเย็นเยือกในดวงตา


นี่คือร่างจริงของฟังจิ้ง—แร้งหงส์ทองคำ สัตว์อสูรชนิดนี้เป็นลูกผสมระหว่างหงส์ฟ้าและแร้ง


เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะฆ่า จึงนำร่างที่แท้จริงออกมาตั้งแต่เริ่มต้น


“ไอ้สารเลว ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาศพแกฝังในสระยกเทพนี้!” เสียงแหลมคมของแร้งหงส์ทองคำดังก้อง ขณะที่กระพือปีกสร้างพายุหมุน


“กลัวว่าแกจะไม่มีความสามารถพอน่ะสิ” มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก


ฮึ่ม ฮึ่ม!


แต่คราวนี้แร้งหงส์ทองคำไม่ตอบกลับกระพือปีก แสงสีทองไร้ขอบเขตระเบิดออกพร้อมกับขนนกสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาปกคลุมรัศมีหลายหมื่นจั้ง


ขนนกทุกเส้นควบแน่นไปด้วยคลื่นหลิง ความคมสามารถทำลายอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงได้เลยทีเดียว


เมื่อขนสีทองพุ่งลงมา แสงสีม่วงทองก็ระเบิดออกมาจากร่างมู่เฉิน เขานำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมาพร้อมแสงอมตะก่อตัวเป็นกำแพงกั้น


เคร้ง เคร้ง เคร้ง!


เมื่อขนนกสีทองกระทบกับกำแพงก็กระดอนออกไปไม่สามารถแทงทะลุได้


ฟังจิ้งหยุดจู่โจม หลังจากเห็นว่าการโจมตีของตนไร้ประโยชน์พร้อมกับแสงเย็นวาบในดวงตา เขายกปีกที่ดูเหมือนทำจากโลหะสีทองที่สามารถฉีกมิติออกจากกันได้


ร่องรอยความแหลมคมที่แทรกซึมเข้ามาทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นก็ไม่กล้าที่จะประมาท


“ฟังจิ้งกำลังจะใช้ทักษะเทียนเซิงเสินทง…” ผู้ชมที่เฝ้าดูการประลองก็หดดวงตาพลางแสดงเอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด


มหาเทพอสูรส่วนใหญ่มีทักษะเทพทรงอำนาจน่ากลัวที่ได้มาจากชาติกำเนิด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมหาเทพอสูรถึงสามารถจัดการจอมยุทธ์มนุษย์ส่วนใหญ่ในระดับเดียวกันได้


“ไอ้สารเลว จงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ตายด้วยทักษะเทพของข้า!” แร้งหงส์ทองคำส่งเสียงร้องแหลมคม อึดใจต่อมาแสงสีทองก็กระจายบนปีก ซึ่งดูเหมือนสารปรอทก่อนที่จะเฉือนลงมา


“ทักษะเทียนเซิงเสินทง ปีกเทพสังหาร!”


เมื่อปีกสีทองเฉือนลงก็ราวกับแสงสีทองเจิดจ้าฉีกสวรรค์และโลกออกจากกัน กระทั่งน้ำทะเลที่เบื้องหน้าก็ถูกเฉือนเป็นริ้ว


แสงสีทองดูเหมือนสามารถทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งด้วยความคมที่ไม่มีใครเทียบได้


เมื่อแสงสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลง ก่อนจะวาดตราประทับในมือ


ฮึ่ม!


แสงสีม่วงทองพวยพุ่งออกมาจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะสร้างขึ้นขดรอบตัวราวกับมังกรขนาดใหญ่


เพียงไม่กี่ลมหายใจจำนวนรหัสเทพก็มีถึงเจ็ดร้อยลาย!


ด้วยพลังในปัจจุบันบวกกับการบรรลุผลสำเร็จของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ขั้นสุด ทำให้รหัสเทพอมตะที่เขาสามารถสร้างได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย


ขณะที่รหัสเทพหมุนวน ทันใดนั้นพวกมันก็รวมตัวเข้าด้วยกันพร้อมกับการสะบัดนิ้วของมู่เฉิน


แสงสีม่วงทองระเบิด เหมือนจะปรากฏใบมีดสีม่วงทองที่ห่อหุ้มไปด้วยรัศมีอมตะ


มองไปที่แสงสีทองที่พุ่งลงมา มู่เฉินก็ยิ้มจางๆ “แกมีปีกเทพสังหาร ข้าก็มีดาบสังหารหงส์ฟ้า”


เมื่อพูดจบดาบสีม่วงทองก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วฟาดฟัน ทันใดนั้นฟ้าดินก็มืดลงพร้อมกับแสงสีม่วงทองพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว ปะทะกับแสงสีทอง


ตู้ม ตู้ม!


น้ำในรัศมีหลายแสนจั้งถูกผลักออกกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศขนาดใหญ่…


ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพมองไปที่กระจกอย่างกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้เปรียบในการประลองกันครั้งนี้


เมื่อน้ำในมหาสมุทรค่อยๆ คืนสภาพ แสงก็ค่อยๆ สลายไป แร้งหงส์ทองคำก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งทำให้ทุกคนต้องหดดวงตา เนื่องจากพวกเขาสามารถเห็นรอยเลือดลึกบนปีกข้างหนึ่งของนกยักษ์ ขนรอบๆ แตกร้าว…


“เป็นไปได้ยังไง?!” พวกเขาอดอุทานออกมาไม่ได้


“เป็นไปได้ยังไง?!”


ประโยคเดียวกันเปล่งออกมาจากฟังจิ้ง ขณะมองไปที่บาดแผลบนปีกตนเองด้วยความไม่เชื่อ ถ้าปีกเทพสังหารไม่ได้ลบล้างพลังส่วนใหญ่บนใบมีด ปีกของเขาคงถูกเฉือนออกในตอนนี้แล้ว


ตัวเขาเป็นมหาเทพอสูรและร่างกายก็คล้ายกับอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงเลยนะ!


“สมกับชื่อเสียงในฐานะมหาเทพอสูรแท้จริง หนังแกหนาใช้ได้”


ขณะที่ฟังจิ้งตกใจ มู่เฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนแรกนึกว่าตนเองสามารถจัดการได้แบบเด็ดขาด แต่ไม่คิดว่าจะตัดปีกมันไม่ได้ด้วยซ้ำ


“แก! จำไว้! ข้ามาคิดบัญชีแค้นเรื่องปีกกับแกแน่นอน!”


ฟังจิ้งตกใจวูบหนึ่งขณะมองมู่เฉินด้วยความแค้น ก่อนจะโผบินหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด


เขาพบว่าจากการแลกกระบวนท่า ถึงมู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง แต่ความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งกว่ามหาเทพอสูรเช่นเขา


แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ


แต่ก็รู้ว่าตนเองจะตกอยู่ในเงื้อมมือมู่เฉินแน่ ถ้ายังดันทุรังต่อไป


มู่เฉินมองไปที่ฟังจิ้งอย่างเย็นชาก่อนที่จะหัวเราะเยาะ “แกคิดว่าจะไปก็ไป จะมาก็มาตามใจชอบเรอะ? จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”


“ฮ่าๆ แกทำอะไรข้าได้ล่ะ? แม้ว่าข้าจะเอาชนะแกไม่ได้ แต่แกก็จับข้าไม่ได้!”


เสียงหัวเราะเสียดหูดังก้อง ถึงยังไงเขาเป็นสัตว์อสูรกลางเวหาและความเร็วก็คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นหากเขาตั้งใจที่จะหลบหนีแม้แต่จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ได้แต่กินฝุ่นจากปลายเท้าของเขาเท่านั้น


“จริงเหรอ?” มู่เฉินหัวเราะเยาะ


หัวใจของฟังจิ้งสั่นสะท้าน ขณะรู้สึกไม่สบายใจก่อนที่จะกระพือปีกเร็วรี่ตั้งใจที่จะหนี


แต่เมื่อกำลังบินออกไป เขาก็รู้สึกได้ว่าพื้นที่รอบๆ ตัวแข็งทื่อก่อนที่เงาขนาดใหญ่จะครอบลงมาจากท้องฟ้า…


ฟังจิ้งเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เขาเห็นเจดีย์ขนาดมหึมาพุ่งลงมา


ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็มืดลง

 

 

 


บทที่ 1455 การมาถึงของแขกไม่ได้รับเชิญ

 

ครืน!


เมื่อเจดีย์โบราณบีบกดลงมา มิติโดยรอบก็ราวกับถูกปิดผนึก ร่างแร้งหงส์ทองคำขนาดใหญ่ถูกครอบเอาไว้


มู่เฉินโบกมือ เจดีย์ผลึกแก้วใสก็สั่นเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาในฝ่ามือ ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังใช้วิชาเจดีย์แปดองค์เพื่อปราบปรามฟังจิ้งแบบเบ็ดเสร็จ


วาบ!


แต่เมื่อเขากำลังจะเคลื่อนไหว ดวงตาก็ต้องหดลง เขาสังเกตเห็นการสั่นสะเทือนรุนแรงจากเจดีย์ จากนั้นแสงสีแดงเข้มก็พุ่งพรวดออกมา


“หืม?!”


มู่เฉินอุทานด้วยความประหลาดใจขณะเงยหน้าขึ้น มิติห่างออกไปหลายหมื่นจั้งฉีกออกจากกัน ร่างแร้งหงส์ทองคำบินกระท่อนกระแท่นออกไป ซึ่งก็คือฟังจิ้งนั่นเอง


ทว่าปีกข้างหนึ่งของอีกฝ่ายหักลงอย่างสิ้นเชิง เลือดไหลหยดลงเปื้อนทะเลสาบสีมรกตเป็นหย่อม


“ทักษะทำลายปีก?” มู่เฉินหรี่ตาหัวเราะ ฟังจิ้งเด็ดขาดใช้ได้ เลือกทำให้ตัวเองพิการเพื่อที่จะไม่ถูกปราบปราม


ฟังจิ้งเป็นแร้งหงส์ทองคำ เผ่ามหาเทพอสูรนี้มีความเร็วสูงยิ่ง ดังนั้นจึงสามารถฉีกมิติออกจากกันได้ หากจ่ายปีกเป็นค่าเสียหาย พวกเขาก็จะสามารถหลบหนีจากผนึกส่วนใหญ่ได้


ทว่าราคานี้สูงมาก แม้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจะสามารถสร้างอวัยวะใหม่ได้ แต่องคาพยบของมหาเทพอสูรเป็นความสามารถในการต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีแก่นโลหิตอยู่ในเลือดเนื้อของพวกเขา หากจุดชนวนก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าหากฟังจิ้งต้องการฟื้นฟูปีกก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี


“อ้ากกก! มู่เฉิน ข้าไม่ปล่อยแกง่ายๆ แน่!” ฟังจิ้งหนีไปโดยไม่หันกลับมาขณะแผดเสียงด้วยรู้สึกปวดร้าวในใจ


ชัดว่าเขารู้ถึงราคาที่จ่ายออกไป


ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับเสียงคำรามนั่น เขาเพียงยิ้มและโบกมือเก็บเจดีย์ กระทั่งตอนที่ฟังจิ้งอยู่จุดสูงสุดเขายังสามารถปราบได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ยิ่งเสียปีกไปข้างหนึ่ง พลังลดลงมาก อีกฝ่ายก็ไม่สามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไป


พอเก็บเจดีย์เรียบร้อย มู่เฉินก็เงยหน้ามองเบื้องบนด้วยสายตาไม่แยแส เขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกจับตาดูและน่าจะเป็นคนที่เฝ้าดูจากภายนอกสระยกเทพ


ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจ เขากลับไปหาจิ่วโยว รอนางกลืนกินแก่นเลือดโลหิตให้เสร็จ


 


นอกสระยกเทพ


ขณะเดียวกันทุกคนก็ตกตะลึง ทั่วบริเวณอยู่ในความเงียบ


หลังจากนั้นนานพวกเขาก็ค่อยๆ หายจากอาการตกใจ ทุกคนต่างเดาะลิ้น ความหวาดเกรงพล่านในสายตา


ใครสามารถจินตนาการว่าฟังจิ้งจะอ่อนแอขนาดนี้ต่อหน้ามู่เฉินและแพ้ง่ายดาย? สุดท้ายยังต้องหักปีกข้างหนึ่งเพื่อหนี


“มู่เฉินเหี้ยมจริงๆ”


“เขาเป็นจอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางเองนะ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินไปแล้วมั้ง?”


“เขาไม่ธรรมดา มิน่าล่ะถึงพลิกเผ่าฝูถูกลับหัวกลับหางได้ เจ้านั่นเป็นสัตว์ประหลาด!”


“ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างหวงเฉวียนจือเท่านั้นที่ปราบเขาได้”


“…”


เสียงสนทนาสะท้อนออกมา ทุกคนที่นี่เคยได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จของมู่เฉินในเผ่าฝูถู แต่ไม่มีใครเห็นด้วยตาตนเอง ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของมู่เฉิน พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวเพียงใด


บนภูเขาที่อยู่ใกล้กับสระยกเทพ หวงจิงมองไปที่กระจกพลางหรี่ตา “เจ้านั่นสมคำล่ำลือจริงๆ สมกับเป็นบุตรชายของชิงเหยี่ยนจิ้ง”


ผู้อาวุโสตระกูลหวงที่อยู่ข้างหลังหัวเราะเบาๆ “เจ้านั่นมีพลังก็จริง แต่ก็ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับประมุขน้อย”


แม้ว่าฟังจิ้งจะไม่อ่อนแอ แต่เขาก็ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะสู้กับหวงเฉวียนจือ ดังนั้นจึงไม่มีการคุกคามใดๆ ต่อหวงเฉวียนจือแม้ว่ามู่เฉินจะสามารถเอาชนะฟังจิ้งได้


“แน่นอน”


หวงจิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ พรสวรรค์ของหวงเฉวียนจือเป็นที่สุดในรอบนับหมื่นปี มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถฝึกฝนวิชาเก้าเทพหมุนวนได้ แม้ว่ามู่เฉินถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ยังด้อยกว่าหวงเฉวียนจือ


เมื่อไรที่เขาต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ เขาจะรู้ช่องว่างนั้นเอง


 


ประมาณครึ่งก้านธูป


จิ่วโยวดูดซับแก่นโลหิตเรียบร้อยก่อนจะหยุดลง เมื่อนางดูดซับไอเส้นสุดท้าย ไข่สีดำที่ด้านหลังก็เข้มขึ้นพร้อมกับรัศมีโบราณซึมผ่านราวกับว่ากำลังหล่อเลี้ยงบางอย่าง


พอลืมตาขึ้นเปลวไฟสีม่วงในดวงตานางก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ…


ฮา


เมื่อพรูลมหายใจขาวขุ่นออกจากปาก จิ่วโยวก็สัมผัสได้ถึงสายเลือดที่พลุ่งพล่านไหลเวียนผ่านเส้นเลือด ความสุขกระจายบนใบหน้า


เห็นได้ชัดว่าแก่นโลหิตชั้นยอดซึ่งเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเป็นยาบำรุงชั้นดีสำหรับนาง


“น่าเสียดาย ไม่รู้ยังต้องการแก่นโลหิตชั้นยอดอีกมากแค่ไหนถึงจะพัฒนาสายเลือดได้” แต่จากนั้นจิ่วโยวก็ยิ้มขมขื่น เนื่องจากนางรู้สึกได้ว่าตนเองยังต้องการพลังงานสายเลือดจำนวนมหาศาล


“ค่อยเป็นค่อยไป ยังมีแก่นโลหิตอีกมากมาย พวกมันจะตอบสนองเจ้าได้แน่” มู่เฉินเผยรอยยิ้มปลอบใจ


จิ่วโยวพยักหน้าเห็นด้วย ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้รีบมองไปรอบๆ แต่เมื่อนางไม่เห็นฟังจิ้งก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้านั่นล่ะ?”


“มันหักปีกหนีไปแล้ว” มู่เฉินยิ้ม


พอได้ยินคำพูดของเขา จิ่วโยวก็อดตาโตไม่ได้ ฟังจิ้งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่เผ่าเทพอสูร ไม่คิดว่าในขณะที่นางกำลังชำระแก่นโลหิต มู่เฉินก็ซัดอีกฝ่ายหนีไปโดยต้องจ่ายราคาเป็นปีกหักๆ


‘ตอนนี้เขาทรงพลังมากขนาดนี้เชียวหรือ?’


“เจ้าสัตว์ประหลาด! ดูเหมือนข้าจะจับเงาของเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำถ้ายังไม่รีบพัฒนาให้เร็วอีก” จิ่วโยวถอนหายใจ เมื่อก่อนนางเป็นกองหนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ส่วนเขาก็เห็นนางเป็นที่พึ่งที่ทรงพลังที่สุด แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มอ่อนแอคนนั้นเติบโตขึ้นมากจนแม้แต่นางก็ก้าวตามไม่ทันแล้ว


เรื่องนี้กระทบต่อกำลังใจมากสำหรับคนชอบเอาชนะอย่างนาง


“ข้าเติบโตภายใต้ปีกของเจ้านะ ดังนั้นเจ้าควรจะภาคภูมิใจ” มู่เฉินเอ่ยล้อเลียน


จิ่วโยวกลอกตาพลางลุกขึ้นยืน รูปร่างเพรียวบางดูน่าดึงดูดอย่างยิ่ง ดวงตาหงส์กวาดไปรอบๆ ถามด้วยความคาดหวังว่า “เราจะไปที่ไหนต่อดี?”


“ก่อนหน้านี้ข้าแผ่คลื่นจิตออกไป แต่ไม่มีความผันผวนของแก่นโลหิตอยู่รอบๆ เลย” มู่เฉินส่ายหัวก่อนจะถามต่อ “แก่นโลหิตจะเกิดบริเวณไหนมากที่สุด?”


หลังจากลังเลชั่วครู่จิ่วโยวก็ชี้ไปที่ส่วนลึกของเวิ้งน้ำไร้ก้น “ยิ่งเข้าไปในส่วนลึกของสระยกเทพก็ยิ่งมีแก่นโลหิตมากขึ้น แต่ว่าเหล่าอัจฉริยะเผ่ามหาเทพอสูรก็จะอยู่ที่นั่นเช่นกัน ดังนั้นจะมีการต่อสู้เข้มข้นรอเราอยู่อย่างแน่นอน”


โดยทั่วไปแล้วเผ่าเทพอสูรแบบพวกนางจะเลือกพื้นที่รอบๆ สระยกเทพ เนื่องจากพื้นที่ส่วนลึกมักถูกเผ่ามหาเทพอสูรเข้าครองแล้ว


“ถ้างั้นจะรออะไรอีกล่ะ?”


มู่เฉินยิ้มร่าไม่มีความกลัวในสายตาก่อนที่จะพูดต่อ “เส้นทางของยอดยุทธ์เต็มไปด้วยการต่อสู้อยู่แล้ว ถ้าเอาแต่หลบจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?”


จิ่วโยวอึ้งไปกับคำพูดเขาชั่วขณะ ก่อนที่นางจะพยักหน้า ในที่สุดนางก็รู้ว่าทำไมความแข็งแกร่งของมู่เฉินจึงพุ่งทะยานแบบฉุดไม่อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะความกล้าหาญไร้ขอบเขตที่ผลักดันเขาออกไปแม้จะเผชิญกับความยากลำบากแสนสาหัสก็ตาม


ตรงข้ามกับตัวนางที่ลังเลมาตลอดนับตั้งแต่พัฒนาเป็นเทพอสูร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พัฒนาการของนางช้าไปมาก


“งั้นเราก็ไปแย่งกันเถอะ!”


ทันใดนั้นห่วงในใจก็แตกสลาย จิ่วโยวกำหมัดแน่น รอยยิ้มกลับเต็มด้วยความห้าวหาญอีกครั้ง


ครั้นรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในหัวใจของจิ่วโยว มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ขณะพยักหน้า ร่างเขาวูบไหวกลายเป็นลำแสงทะยานไปยังส่วนลึกของสระยกเทพ


จิ่วโยวก็ตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด


 


ไม่ผิดจากที่จิ่วโยวพูดไว้


ความถี่ของแก่นโลหิตชั้นยอดเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าไปลึกขึ้น ขณะที่พุ่งลงมาพวกเขาก็พบกับแก่นโลหิตอย่างน้อยสิบชิ้น


แก่นโลหิตทุกชิ้นที่พบล้วนกลายเป็นอาหารของจิ่วโยว หลังจากที่พวกมันพ่ายแพ้ก็ถูกดูดซับโดยนางทันที


นอกจากนี้รอยแตกก็เริ่มปรากฏบนเปลือกไข่สีดำที่ด้านหลังนาง…


เมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงจิ่วโยวก็ตื่นเต้นมากขณะมองไปที่แก่นโลหิตด้วยความกระหายในดวงตา


แต่ก็เหมือนที่จิ่วโยวพูดไปก่อนหน้า ในส่วนลึกจะเป็นพื้นที่ของเหล่าอัจฉริยะจากเผ่ามหาเทพอสูร ดังนั้นพวกเขาจึงได้พบกับอัจฉริยะคนหนึ่งจากเผ่ามหาเทพอสูร


คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะจากเผ่ากระเรียนเทพซึ่งมีพลังไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฟังจิ้ง มิหนำซ้ำยังมีชื่อเสียงในหมู่เทพอสูรอีกด้วย


เมื่อจิ่วโยวพบคนผู้นี้ นางก็กังวลและระวังตัวแจ


แต่ที่น่าตกใจคืออัจฉริยะเผ่ากระเรียนเทพเพียงแค่มองมู่เฉินก็เกิดความลังเลชั่วครู่ก่อนที่เขาจะล่าถอย


“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ถึงผลลัพธ์ของฟังจิ้งแล้ว” เมื่อมองไปที่อัจฉริยะเผ่ากระเรียนเทพที่ถอยไป มู่เฉินก็ยิ้ม


การมีฟังจิ้งเป็นตัวอย่าง ทำให้เหล่าอัจฉริยะเผ่ามหาเทพอสูรไม่โง่พอที่จะยั่วยุมู่เฉิน


จิ่วโยวรู้สึกโล่งใจมากขึ้นกับภาพนี้ก่อนที่ทั้งสองจะมุ่งหน้าลึกเข้าไปในสระยกเทพ ภายใต้การนำของมู่เฉินในการค้นหาร่องรอยของแก่นโลหิตชั้นยอด


ในเวลาหนึ่งก้านธูป พวกเขาเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์โดยได้รับแก่นโลหิตถึงเกือบยี่สิบชิ้น โดยจิ่วโยวดูดซับไปทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็มีรอยแตกมากขึ้นที่ไข่ด้านหลังนาง…


“โน้นอีกชิ้น!”


หลังจากดูดซับเรียบร้อยจิ่วโยวก็มองไปยังทิศทางที่มีแก่นโลหิตอย่างตื่นเต้น


มู่เฉินก็เหลือบไปเห็นเช่นกัน แต่ไม่ได้เข้าใกล้ ตรงกันข้ามเขาดึงจิ่วโยวกลับมาพร้อมกับแสงเย็นวูบไหวในดวงตา “ในเมื่อมาแล้วยังจะซ่อนตัวไปทำไม?”


“ฮิๆ ท่านประมุขมู่ประสาทสัมผัสดีเยี่ยม”


เมื่อมู่เฉินเรียกขาน มิติโดยรอบก็แปรปรวน เงาร่างสามร่างก็ก้าวออกมา


เมื่อจิ่วโยวเห็นคนทั้งสามดวงตานางก็เบิกกว้าง เสียงสะท้อนออกมาด้วยความตกใจ


“เผ่านกยูงเก้าสี—ข่งหลิงเอ๋อ?


“เผ่าแร้งทองคำเก้าหัว—หลินชาง?


“เผ่ากระเรียนมังกรฟ้า—เซียวเทียน?


ตอนนี้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลแม้ว่านางจะมั่นใจในตัวมู่เฉิน เนื่องจากชื่อเสียงของทั้งสามอยู่รองจากแค่หวงเฉวียนจือ ‘ทั้งสามคิดจะร่วมมือกันจัดการมู่เฉินเรอะ?’

 

 

 


บทที่ 1456 ความร่วมมือ

 

ในทะเลสาบมรกต


ร่างทั้งสามปกคลุมด้วยรัศมีไร้ขอบเขตเมื่อปรากฏตัว ครั้นแสดงตัวให้เห็นแต่ละคนก็ปล่อยคลื่นหลิงที่ทรงพลังสามสายออกมา


เมื่อเห็นทั้งสามคน ใบหน้าของจิ่วโยวก็เปลี่ยนไป จอมยุทธ์ทั้งสามนี้มีชื่อเสียงตามหลังหวงเฉวียนจือนิดเดียวเท่านั้น


ว่าแต่ทำไมทั้งสามคนถึงมาหาพวกนาง?


เมื่อเทียบกับท่าทางกังวลใจของจิ่วโยว มู่เฉินสงบนิ่งกว่ามาก มีเพียงความประหลาดใจเบาบางที่แสดงออกมา เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้เช่นกัน


“ดูเหมือนพวกเจ้าจะวางข้าไว้สูงถึงได้มาด้วยกัน” มู่เฉินยิ้มบางขณะที่คลื่นหลิงไหลเวียนไปรอบๆ ตัวพร้อมกับสัญญาณของการเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุน


เขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับทั้งสาม ดังนั้นการมาที่นี่บอกได้คำเดียวเป็นเจตนาร้าย


ทว่าคนอย่างมู่เฉินไม่เคยกลัว แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะไม่ได้อ่อนแอ มิหนำซ้ำยังมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแล้ว แต่พวกเขาก็ไร้เดียงสาเกินไปหากคิดว่าจะปราบเขาด้วยจำนวนคน


“ฮิๆ อย่านับศัตรูกันนักเลย เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจัดการเจ้าเพราะหวงเฉวียนจือหรอก” ทว่าไม่เหมือนที่มู่เฉินคาดไว้ ข่งหลิงเอ๋อหัวเราะเบาๆ เสียงออดอ้อนดังก้องเพื่อตอบสนองต่อมู่เฉิน


มู่เฉินเลิกคิ้วขึ้นขณะมองไปที่หญิงสาวที่กำลังพูด นางช่างสะคราญโฉมอย่างไม่น่าเชื่อ ภายใต้ความงามยังมีรัศมีทรงเกียรติราวกับหงส์ฟ้า


นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสพันรอบเอวไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่คอเรียวระหงและไหล่บอบบางก็ยังแทรกซึมด้วยเสน่ห์


“เจ้าหมายความว่าอะไร?” มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของทั้งสามคน นอกจากการจะมาหาเรื่องเขา


แม้แต่จิ่วโยวก็ยืนงงอยู่ข้างๆ


ข่งหลิงเอ๋อหัวเราะเบาๆ “เรามาตามหาเจ้า เพราะอยากร่วมมือกับพี่มู่”


“ร่วมมือ?” มู่เฉินอึ้งไป ความประหลาดใจเกิดขึ้นทันที พวกเขาร่วมมือทำอะไรกันได้ในสระยกเทพนี่?


ข่งหลิงเอ๋อคลี่รอยยิ้มทรงเสน่ห์ชี้ไปที่สองคนข้างๆ “พี่มู่สองคนนี้คือหลินชางจากเผ่าแร้งทองเก้าหัวและ เซียวเทียนจากเผ่ากระเรียนมังกรฟ้า ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่มหาเทพอสูรเชียวนะ”


หลินชางและเซียวเทียนพยักหน้าให้มู่เฉินตามการแนะนำ แต่ท่าทางของพวกเขาดูภาคภูมิใจเล็กน้อย ทว่านั่นก็เป็นเรื่องปกติเนื่องจากพวกเขาสามารถมองคนอื่นอย่างหยิ่งยโสด้วยศักดิ์ศรีของตน


มู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่ถาม “ทำไมเราต้องร่วมมือกัน?”


เขาไม่สนใจการร่วมมือมากสักเท่าไร เนื่องจากเขาไม่ไว้วางใจทั้งสามคน ดังนั้นสถานการณ์จะมีแต่ความกังวลหากเกิดการร่วมมือกัน


เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจมากนักข่งหลิงเอ๋อก็ยิ้ม “ไม่รู้ว่าเจ้าสนใจแก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไหม?”


ไม่เพียงแต่จิ่วโยวเท่านั้น กระทั่งมู่เฉินยังหดดวงตาด้วยความตกตะลึง แก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง?!


แก่นโลหิตระดับนั้นเกิดในสระยกเทพด้วยเรอะ?


จนถึงตอนนี้แก่นโลหิตสูงที่สุดที่พวกเขาหาได้ก็ประมาณระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นยาบำรุงดีเยี่ยมสำหรับจิ่วโยวแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับแก่นโลหิตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเลย


ทว่าหากเขาสามารถคว้าส่วนหนึ่งของแก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็เพียงพอที่จะทำให้จิ่วโยวมีพัฒนาการได้ อาจมากจนถึงมีส่วนเหลือให้มู่เฉินใช้กับมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเพื่อให้พวกมันสร้างร่างแท้จริงได้…


ความตกตะลึงพล่านในดวงตาครู่หนึ่งก่อนที่มู่เฉินจะสงบใจ “ถ้ามีแก่นโลหิตระดับนั้นจริงๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าเลิกตามซะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะจัดการได้”


แม้ว่าแก่นโลหิตชั้นยอดจะเป็นเพียงรัศมีสายเลือดที่ไม่มีทักษะในการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีอะไรธรรมดาตราบใดที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘เซิ่ง’


ด้วยพลังของพวกเขาที่มีตอนนี้ พวกเขาควรหนีเมื่อพบเจอ เป็นไปไม่ได้ที่จะโค่นล้มแม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันก็ตาม


ข่งหลิงเอ๋อไม่ได้คัดค้านต่อคำพูดของมู่เฉิน กลับพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะถามย้อนว่า “ถ้าเป็นแก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง เราก็ทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น แต่ถ้าเป็นแค่แก่นโลหิตชั้นยอดที่เกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งล่ะ?”


สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะจ้องข่งหลิงเอ๋อพลางขมวดคิ้ว “ถ้าส้มหล่นแบบนั้นจริง ทำไมพวกเจ้าถึงมาหาข้า?”


หากกลุ่มของข่งหลิงเอ๋อสามารถหารับโชคใหญ่จริงๆ ก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย หากพวกเขาสามารถดูดซับได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่ออนาคตในการฝ่าไปยังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง


มู่เฉินไม่ได้เป็นมิตรอะไรกับพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาถึงเสนอส่วนแบ่งให้?


ข่งหลิงเอ๋อแลกเปลี่ยนสายตากับหลินชางและเซียวเทียนแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “เพราะหวงเฉวียนจือก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันน่ะสิ”


มู่เฉินอึ้งไปวูบหนึ่งก่อนจะเริ่มงงงวยมากขึ้น “งั้นทำไมพวกเจ้าไม่ไปหาหวงเฉวียนจือแต่มาข้าล่ะ?”


ตามหลักแล้วหวงเฉวียนจือเป็นพันธมิตรที่ดีกว่าสำหรับการทำงานร่วมกันกับพวกเขา


เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ท่าทางทั้งสามก็กระอักกระอวนเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะอธิบายว่า “เพราะหวงเฉวียนจือเอาแต่ใจเกินไป เขาบอกว่าต้องการเจ็ดส่วนและให้พวกข้าสามคนรวมกันแค่สามส่วนเท่านั้น”


เมื่อได้ยินคำอธิบายมู่เฉินก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีความขัดแย้งภายในเรื่องการกระจายผลประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงไม่เต็มใจและต้องการมองหาตัวช่วยอื่น


“พวกเจ้าสามคนแย่งกับหวงเฉวียนจือไม่ได้เรอะ?” มู่เฉินกวาดสายตามอง ทั้งสามคนเป็นจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน พูดแบบจริงจังพวกเขาน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นได้


“หึ เจ้าไม่รู้หรอกว่าหวงเฉวียนจือแข็งแกร่งแค่ไหน เขาเป็นหงส์ฟ้าแท้จริงซึ่งเป็นจักรพรรดิของสัตว์อสูรกลางเวหาทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงว่าที่เขาฝึกฝนวิชาเก้าเทพหมุนวนซึ่งเป็นหนึ่งในวิทยายุทธสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน ดังนั้นแม้ว่าขุมพลังของเขาจะอยู่ในขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ทว่าก็ไม่มีแม้แต่พวกระยะกลางสามารถแข่งขันกับเขาได้” หลินชางพ่นลมหายใจ


แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะของเผ่า แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังขาดไปเมื่อเทียบกับหวงเฉวียนจือ


ข่งหลิงเอ๋อพยักหน้าพลางยิ้ม “พวกข้าสามคนไม่มั่นใจในการต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ ดังนั้นจึงต้องการกำลังเสริมที่ทรงพลัง เราได้ยินจากเรื่องฟังจิ้งว่าพี่มู่ลึกล้ำและไม่อาจหยั่งรู้ นั่นคือเหตุผลที่พวกข้าตามหาเจ้า”


มู่เฉินยิ้มให้กับคำพูดของนาง แม้ว่าข่งหลิงเอ๋อจะพูดคลุมเครือ แต่เขาก็ฟังออกว่าตอนแรกพวกเขาไม่คิดที่จะมองหาเขา บางทีพวกเขาอาจรู้สึกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ แต่หลังจากได้ยินข่าวว่าเขาจัดการกับฟังจิ้งได้ง่ายดายขนาดไหน พวกเขาก็เริ่มมองเขาอย่างจริงจังและตามหา


“จะมีการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับหวงเฉวียนจือแน่นอน หากเราร่วมมือกัน พวกข้าอาจทำให้เขาอ่อนแอลงได้ ซึ่งทำให้เจ้ามีโอกาสมากขึ้น” เซียวเทียนกล่าว


แต่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียง เขาไม่คิดว่ามู่เฉินมีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้กับหวงเฉวียนจือได้


มู่เฉินยิ้มพลางพิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากตัวเขาก็สนใจแก่นโลหิตนั่นเช่นกัน


หากเขาหามาได้ก็จะแก้ไขปัญหาวิวัฒนาการของจิ่วโยวและอาจได้รับโชคดีๆ จากมันด้วย


พวกข่งหลิงเอ๋อเงียบลงขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างกังวล ตามการคาดการณ์หากมู่เฉินไม่สนใจที่จะร่วมมือ พวกเขาก็ไม่สามารถคว้าแก่นโลหิตสุดยอดได้ก่อนที่หวงเฉวียนจือจะเจอ


จากนั้นไม่นานมู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองทั้งสามคน “ข้าสามารถร่วมมือกับเจ้าสามคนได้”


เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ความปีติยินดีก็ฉายบนใบหน้าของข่งหลิงเอ๋อทันที


“แต่เราต้องคุยรายละเอียดของส่วนแบ่งก่อน” มู่เฉินพูดต่อ


“แน่นอน” ข่งหลิงเอ๋อยิ้มขณะพูดต่อ “แต่ข้าเชื่อว่าพี่มู่คงไม่เห็นแก่ตัวเหมือนหวงเฉวียนจือใช่ไหม?”


มู่เฉินยิ้มพลางกางนิ้วสี่นิ้ว “ข้าไม่ขอมาก พวกข้ามีสองคนดังนั้นก็ขอสี่ส่วน”


คำพูดของเขาทำให้หลินชางและเซียวเทียนขมวดคิ้ว พวกเขากวาดมองจิ่วโยวก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “พวกข้าต้องการร่วมมือแค่กับเจ้า ไม่ใช่นาง”


พลังในปัจจุบันของจิ่วโยวไม่เข้าตาพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เต็มใจให้นางถึงสองส่วน


มู่เฉินยิ้มบางแต่ไม่ได้ตำหนิอะไร เขาเงียบลงเพราะได้ตัดสินใจอย่างชัดเจนแล้ว จากการคาดการณ์ของเขาสี่ส่วนเหมาะสมและสามารถทำให้จิ่วโยวมีพัฒนาการได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ


เมื่อเห็นท่าทีของมู่เฉิน ข่งหลิงเอ๋อก็ลังเลชั่วครู่ก่อนจะกัดฟัน “ได้ สี่ส่วน ตกลงตามนั้น!”


หลินชางและเซียวเทียนแสดงท่าทางไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นแววตาวูบไหวของข่งหลิงเอ๋อ พวกเขาก็กลืนคำพูดลงไป


มู่เฉินทำราวกับไม่ได้สังเกตเห็น เขายิ้มให้ข่งหลิงเอ๋อ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะร่วมมือกัน”


“งั้นก็อย่าชักช้า รีบหน่อย เราต้องไปถึงที่นั่นก่อนเพื่อขัดขวางหวงเฉวียนจือ” ข่งหลิงเอ๋อเป็นคนเด็ดขาด นางประกาศทันที


“เชิญนำทาง” มู่เฉินพยักหน้าโดยไม่มีข้อคัดค้าน


นางพยักหน้า ทั้งสามคนก็กลายเป็นร่างแสงฉีกผ่านมวลน้ำ ทะยานไปในส่วนลึกของทะเลสาบมรกตไร้ขอบเขต


เมื่อมองไปที่พวกเขา สายตาของมู่เฉินก็สั่นไหวขณะโบกมือ คลื่นหลิงกระเพื่อมแล้วกวาดออกไปหาจิ่วโยว ทั้งสองตามหลังไปอย่างใกล้ชิด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)