หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1429-1432

บทที่ 1429 สู้กับเผ่าฝูถูด้วยตัวคนเดียว

 

“เจ้าสองคนจะทำอะไร?”


เสียงของฝูถูเฉวียนทำให้บรรยากาศตกลงสู่จุดเยือกแข็ง หลายคนรู้สึกว่ากระดูกสันหลังสั่นไหวเลยทีเดียว พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นการเผชิญหน้าที่ดุร้ายในการเดินทางมาครั้งนี้


ถ้าเผ่าฝูถูรบกับแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวู อาจทำให้ทั่วมหาพันภพเกิดการสะเทือน


ภายใต้การจ้องมองของฝูถูเฉวียน สายตาของเย่าเฉินและหลินเตียวก็ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ถ้าผู้อาวุโสใหญ่ยืนยันที่จะทำ พวกเราก็ทำได้แค่ขอโทษล่วงหน้าและปกป้องความปลอดภัยของมู่เฉินเท่านั้น”


คำพูดของพวกเขาทำให้ทุกคนใจสั่นทันที แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูมุ่งมั่นที่จะปกป้องมู่เฉิน? แม้จะต้องจ่ายราคาในการละเมิดเผ่าฝูถูนะเหรอ?


ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงบิดเบ้จนน่าเกลียด พวกเขารู้สึกไม่น่าเชื่อ ต้องรู้ว่าเผ่าฝูถูเป็นหนึ่งในเผ่าโบราณในมหาพันภพที่มีรากฐานที่ลึกซึ้ง แต่ตอนนี้แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูต้องการท้าทายพวกเขาเพื่อมู่เฉินคนเดียวหรือ?


ไอ้กาลกิณีนี่มีดีอะไร?


แต่เนื่องจากสถานการณ์ดำเนินไปถึงขั้นนี้ ทั้งสองคนก็ไม่กล้าจะพูด ได้แต่มองไปที่ฝูถูเฉวียนเพื่อรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย


ฝูถูเฉวียนตบพนักเก้าอี้เบาๆ พลางมองไปที่มู่เฉิน “ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าไปจริงๆ ในเวลาเพียงสองทศวรรษที่ผ่านมา เจ้ามาถึงจุดสูงสุดในการฝึกฝน ซ้ำยังสร้างความสัมพันธ์กับแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูอีกด้วย”


ขณะที่พูดไอเย็นเยือกก็วูบวาบในดวงตาพร้อมกับพูดต่อ “แต่เผ่าฝูถูของข้าดำรงอยู่ในมหาพันภพมาเนิ่นนานเพราะเราปฏิบัติตามกฎ หากเจ้าคิดว่าการเชิญแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูสามารถช่วยแก้ไขตัวตนของเจ้าในฐานะตัวกาลกิณี เจ้าก็ไร้เดียงสาเกินไป”


เมื่อพูดจบเขาไม่ได้มองไปที่มู่เฉิน แต่หันไปหาเย่าเฉินและหลินเตียว “สำหรับพวกเจ้าสองคนจงให้เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามมาพูดคำเหล่านั้นเอง! เจ้าสองคนยังไม่มีสิทธิ์!”


ฝูถูเฉวียนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แม้ว่าเย่าเฉินและหลินเตียวจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย แต่ก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา ดังนั้นฝูถูเฉวียนจึงไม่คิดแลทั้งสองเลยสักนิด


ฝูถูเฉวียนเหยียนนิ้วชี้ไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “เฉวียนกวาง มั่วถง พวกเจ้ายืนรออะไรอยู่? จับเจ้ากาลกิณีนั่นซะ!”


“รับทราบ!”


เฉวียนกวางและมั่วถงรับคำสั่ง นำเหล่าผู้อาวุโสออกไปล้อมรอบตัวมู่เฉินเพื่อจับกุม


เมื่อเย่าเฉินเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ส่วนหลินเตียวก็ก้าวเท้าออกไปเอ่ยเสียงเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกข้าก็ขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสใหญ่หน่อยเถอะ”


เมื่อเขาพูดจบบาตรแก้วก็ปรากฏขึ้นในมือซึ่งมีสัญลักษณ์โบราณแปดลายอยู่บนนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของสายฟ้า ไฟ น้ำแข็งและองค์ประกอบอื่นๆ หมุนเวียนอยู่บนบาตรแก้ว


เมื่อบาตรแก้วปรากฏขึ้นก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนระหว่างชั้นฟ้าและชั้นดินพร้อมกับความผันผวนที่ไม่สามารถอธิบายได้กวาดออกมา


สัมผัสได้ถึงความผันผวน ฝูถูเฉวียนก็หดดวงตาขณะที่จ้องไปที่บาตรแก้วในมือหลินเตียว “ลือกันว่าเทพจักรพรรดิสงครามได้ปรับแต่งตราประทับเทวลิขิตโบราณทั้งแปดให้กลายเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซิ่งที่เรียกว่าบาตรแก้วแปดเทวลิขิต ถ้าข้าเดาถูกก็น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าใช่ไหม?”


เมื่อเสียงของฝูถูเฉวียนดังก้องก็ทำให้ทุกคนสูดลมหายใจเย็นลึกสุดปอด ทุกสายตามองไปที่บาตรแก้วในมือของหลินเตียวด้วยความตกใจและหวาดกลัว เนื่องจากอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมถูกจัดชั้นเป็น หลิง-เซียน-เซิ่งอีกด้วย


อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซิ่งหายากแม้แต่ในมหาพันภพ ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย


ดังนั้นพลังของอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมสามารถทำลายโลกได้เลยทีเดียว


“ถูกต้อง…”


หลินเตียวขานรับพลางแลกเปลี่ยนสายตากับเย่าเฉิน ทั้งสองคนชี้ไปที่บาตรแก้ว คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็หลั่งไหลเข้าไปอย่างรุนแรง


หากพวกเขาต้องการที่จะเปิดใช้งานอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซิ่งนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายก็ยังพบว่ายากมาก ดังนั้นเย่าเฉินและหลินเตียวจึงต้องร่วมมือกันเพื่อเปิดใช้


ฮึ่ม ฮึ่ม!


ขณะที่หลินเตียวและเย่าเฉินเทพลังลงไป บาตรแก้วก็ส่งเสียงครางกระหึ่ม รัศมีแปดสายกำจายออกมา อึดใจบาตรแก้วก็หายไปจากมือของหลินเตียว


ในช่วงเวลาต่อมาทุกคนก็เห็นบาตรสีทองโปร่งใสพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าผ่านเวลาและมิติ ตราบใดที่บีบลงมาได้ ก็ขังบางคนไว้โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


ครืน!


บาตรแก้วครอบร่างฝูถูเฉวียนไว้ข้างใน ทำเอาภูเขาใหญ่ถึงกับสั่นสะเทือน


ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าหลินเตียวและเย่าเฉินจะเคลื่อนไหวเพื่อช่วยมู่เฉิน แต่พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจับตัวฝูถูเฉวียนไว้แทน


แต่การทำเช่นนี้มีประโยชน์อะไร? เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ฝูถูเฉวียนจะจัดการมู่เฉินด้วยตัวเองอยู่แล้ว แค่เฉวียนกวางกับมั่วถงก็ทำได้เกินพอดีแล้ว


ฝูถูเฉวียนอึ้งไปเช่นกัน ก่อนที่จะเค้นเสียงเย็นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เหมือนจะหลับตาลงแต่ก็ไม่ได้หลับ ทว่ามีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากในบาตรแก้วว่า


“จัดการต่อ”


เฉวียนกวางและมั่วถงไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างทะยานออกพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งสู่ขอบฟ้า โอบล้อมมู่เฉินไว้


“เฮ้ ท่านอาเตียว โจมตีผิดเป้าหมายรึเปล่า?!”


เมื่อหลินจิ้งเห็นภาพนี้ นางก็ตะลึงก่อนจะดึงแขนเสื้อของหลินเตียวไปเขย่า “เป็นไปไม่ได้ที่ฝูถูเฉวียนจะต่อสู้กับมู่เฉินอยู่แล้ว แต่พลังที่เขามีก็ไม่สามารถต้านผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของเผ่าฝูถูได้นะ”


เซียวเซียวก็งงกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ดังนั้นนางจึงมองไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว


ขณะที่หลินจิ้งเขย่าหลินเตียวไม่หยุด เขาก็ไม่สามารถรักษาสีหน้าเย็นชาและยิ้มอย่างขมขื่น “นังตัวน้อยของข้าเลิกเขย่าได้แล้ว นี่เป็นแผนการของมู่เฉิน เขาบอกให้เราหยุดฝูถูเฉวียนไว้ก็พอ ที่เหลือเขาจัดการเองได้”


เย่าเฉินพยักหน้าและยิ้ม “เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม้กระทั่งข้ายังสงสัยว่ามู่เฉินมีความมั่นใจที่จะจัดการกับผู้อาวุโสเผ่าฝูถูทั้งหมดด้วยตัวเองมาจากไหน”


หลินจิ้งอดไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนสายตากับเซียวเซียวเมื่อได้ยิน แม้ว่านางจะรับรู้ถึงความไม่ธรรมดาในการต่อสู้ของมู่เฉิน แต่สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะจัดการได้ด้วยตัวเอง


ทว่ามู่เฉินไม่ใช่คนที่อวดอ้าง ในเมื่อตัดสินใจเช่นนี้เขาต้องมีวิธีการบางอย่าง…


“งั้น…ก็ดูกันไปก่อน ถ้ามู่เฉินทำไม่ได้พวกท่านต้องช่วยเขานะ” หลินจิ้งกล่าวด้วยความลังเลสั้นๆ


หลินเตียวพยักหน้าตอบว่า “วางใจเถอะ ในเมื่อพ่อของเจ้าฝากไว้แล้ว พวกเราก็ต้องปกป้องให้เขาปลอดภัย”


ขณะที่กลุ่มหลินจิ้งกำลังสนทนากัน เหล่าผู้ชมก็พากันงงงวย พวกเขามองมู่เฉินที่ถูกล้อมก็ส่ายหัว ไม่ต้องพูดถึงขุมพลังของมู่เฉินที่มี ต่อให้เขาจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็คงไม่สามารถต้านผู้อาวุโสจำนวนมากของเผ่าฝูถูได้


“ดูเหมือนแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูก็ไม่ต้องการเปิดศึกกับเผ่าฝูถูเพื่อมู่เฉิน จึงทำให้พวกเขาแค่จับฝูถูเฉวียนไว้และไม่สนใจผู้อาวุโสคนอื่นๆ”


ขณะที่พวกเขากำลังงงงวยก็มีคนมโนเหตุผล ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผลดี ใครๆ ก็สามารถชั่งน้ำหนักความสำคัญของมู่เฉินและเผ่าฝูถูได้


ผู้อาวุโสตระกูลชิงใบหน้าซีดเผือด ผู้อาวุโสใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว แม้ว่าตระกูลชิงต้องการปกป้องมู่เฉินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


“ชิงเซวียน เดี๋ยวเราก็มองหาโอกาสลงมือเพื่อช่วยให้มู่เฉินหลบหนีไป” ชิงเทียนกล่าวขณะที่กัดฟัน


หากพวกเขาปล่อยให้มู่เฉินถูกจับได้ ชิงเหยี่ยนจิ้งคงตัดสัมพันธ์กับตระกูลชิงครั้งนี้แน่


เมื่อชิงเซวียนได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม


 


“มู่เฉินเลิกขัดขืน! เจ้าคิดว่าสามารถเผชิญหน้ากับเผ่าฝูถูด้วยกำลังที่มีรึ?”


ขณะที่ผู้ชมกำลังถอนหายใจ ตาข่ายก็ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อาวุโสสิบกว่าคนจากตระกูลเฉวียนและมั่ว เฉวียนกวางและมั่วถงมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มเย็นชา ราวกับว่าพวกเขากำลังมองเหยื่อในกับดัก


“มู่เฉิน อย่าทำผิดพลาดมากกว่านี้ ยอมถูกจับซะดีๆ มิฉะนั้นถ้าปะทะกันแล้วพวกข้าควบคุมแรงไว้ไม่ดี อาจทำให้เจ้าพิการ นี่เป็นการสูญเปล่าสำหรับเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร” มั่วถงกล่าวอย่างไม่แยแส


เมื่อพวกเขาพล่าม มู่เฉินก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด เขาค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับมือไพล่หลัง พายุดันเสื้อผ้าของเขาลอยขึ้น


“ไอ้ดื้อด้าน จัดการ!”


รอไปสิบกว่าลมหายใจ เมื่อไม่เห็นมีการตอบสนองอะไรเฉวียนกวางก็เค้นเสียงและสะบัดมือลง


วาบ!


ร่างเงาสิบกว่าร่างพุ่งออกมาข้างหลัง คลื่นหลิงกลายเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่พุ่งเข้าหามู่เฉิน นี่เป็นความปั่นป่วนที่จะทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ยังหวาดกลัว


ด้วยพลังที่มู่เฉินมี เขาได้รับบาดเจ็บหนักทันทีแน่


ทุกคนส่ายหัวด้วยความสงสาร เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรจะสิ้นชีพวันนี้แล้วหรือ?


ทว่าทันใดนั้นมู่เฉินก็ลืมตาขึ้น เขามองไปที่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูพร้อมกับรอยยิ้มเย็นบนริมฝีปาก


“พวกแกทำให้เราแม่ลูกต้องพรากจากกันหลายสิบปี ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะต้องสะสางหนี้นี้!”


เมื่อเขาพูดจบ แสงนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกัน ก่อตัวเป็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งที่ลึกลับจำนวนมาก


ครืน


ในเวลาเดียวกันดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่


เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวปรากฏบนท้องฟ้า ทุกคนในมิติฝูถูก็สามารถสัมผัสได้โดยเฉพาะเฉวียนกวางและคนอื่นๆ ก่อนที่พวกเขาจะเงยหน้าขึ้น เมื่อมองไปที่ค่ายกล ต่อให้เป็นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมาทันที


นั่นเป็นเพราะค่ายกลที่ปรากฏนี้เป็นค่ายกลพิทักษ์เผ่าของพวกเขา!

 

 

 


บทที่ 1430 ต้านทั้งเผ่าด้วยตัวคนเดียว

 

ครืน!


ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวพุ่งลงมาพร้อมกับค่ายกลขนาดมหึมา ทำให้ใบหน้าของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนเปลี่ยนไป


ทุกคนมีสีหน้าหวาดผวา ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวค่ายกลมหึมาบนท้องฟ้าเลย


ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงเปลี่ยนไป พวกเขาอุทานด้วยความกลัว “ค่ายกลพิทักษ์?!”


ทั้งสองคนฉายสีหน้าตกใจกลัว พวกเขารู้ชัดเกี่ยวกับค่ายกลที่อยู่เบื้องหน้าดี นี่คือค่ายกลพิทักษ์ของเผ่าฝูถู ซึ่งเป็นโครงสร้างพิถีพิถันที่ส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคนเพื่อปกป้องสมาชิกเผ่าทั้งหมดเอาไว้ มากจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำลายได้


ทว่าค่ายกลพิทักษ์ที่เป็นเกราะป้องกันของพวกเขากลับถูกเปิดใช้งานโดยไม่มีคำสั่งจากพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?


“ใครเป็นคนกระตุ้นค่ายกลพิทักษ์?!”


เฉวียนกวางและมั่วถงมองไปที่มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากตอนนี้มีการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งระหว่างอีกฝ่ายกับค่ายกล


“เป็นไปได้ยังไง?!” ทั้งสองคนตะลึงพรึงเพริดกับภาพนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินถึงสามารถควบคุมค่ายกลของเผ่าได้


“นี่…นี่…”


ชิงเทียนและสมาชิกตระกูลชิงก็ฉายความตกใจบนใบหน้า แม้แต่ท่าทางของชิงเซวียนก็เปลี่ยนไปเนื่องจากนางเป็นคนที่วางแถบหยกที่มีแก่นแท้เลือดของมู่เฉินไว้ในค่ายกล แต่นางไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมได้


“อย่างนี้นี่เอง…”


เย่าเฉินหัวเราะร่วน เขาเข้าใจที่มาของความมั่นใจมู่เฉินแล้ว ที่แท้ชายหนุ่มสามารถเข้าควบคุมค่ายกลพิทักษ์ของเผ่าฝูถูได้โดยไม่มีใครรู้


ด้วยค่ายกลนี้ตราบใดที่ไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับมู่เฉิน ได้


“ไม่เลว รู้จักวางแผนก่อนเคลื่อนไหว ซ่อนไม้เด็ดทรงพลังโดยไม่มีใครรู้” หลินเตียวเอ่ยชื่นชม


หลินจิ้งเบิกตากว้างขณะที่หัวเราะเบาๆ “ใช้ค่ายกลเผ่าฝูถูจัดการกับพวกมันเอง มู่เฉินนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ”


เซียวเซียวพยักหน้า การเดินทางมายังเผ่าฝูถูของมู่เฉินก็เพื่อช่วยมารดา การทำเช่นนี้ช่วยคลายความโกรธแค้นได้ดีจริงๆ


ครืน!


ขณะที่ทุกคนตกใจ มู่เฉินก็กวาดสายตาเย็นชามองลง มือข้างหนึ่งวาดตราประทับเร็วรี่ ทันใดนั้นค่ายกลมหึมาก็เริ่มหมุนคว้าง รังสีแสงขนาดหมื่นจั้งสิบกว่าสายก็ยิงลงมา


ตู้ม ตู้ม!


เมื่อรังสีพุ่งลงมาก็ทำลายการโจมตีของเหล่าผู้อาวุโสอย่างง่ายดาย สมกับเป็นค่ายกลพิทักษ์เผ่าโบราณจริงๆ


พอเห็นการโจมตีสลายไปอย่างง่ายดาย ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลก็อดไม่ได้ที่จะมีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป แต่ละคนอยากจะถอยหนีจริงๆ เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่ควบคุมค่ายกล พวกเขาไม่ได้เปรียบใดๆ ทั้งสิ้น


“คิดหนีเหรอ?”


แต่ความคิดของพวกเขาถูกมองผ่านโดยมู่เฉิน ชายหนุ่มเค้นเสียงเย็น ผีแก่ที่มั่นใจมากเมื่อครู่ด้วยความคิดว่าสามารถจัดการกับเขาได้ กำลังพยายามจะหนีออกไป จะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?


เมื่อนึกถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มือของมู่เฉินก็ประสานเข้าด้วยกันและเชื่อมต่อกับค่ายกล ทันใดนั้นแสงไร้ขอบเขตก็รวมตัวกันในค่ายกล ได้ยินเสียงอื้ออึงดังสนั่นก่อนที่ภูเขาขนาดใหญ่สิบกว่าลูกที่สร้างจากคลื่นหลิงจะถูกก่อตัวขึ้น ภูเขาเหล่านั้นดูแวววาว หนักราวล้านตัน เมื่อพวกมันปรากฏแม้แต่มิติก็รับน้ำหนักไม่ไหวและพังทลายลง


ตู้ม!


มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ ภูเขาเหล่านั้นก็กดลง ก่อนที่จะตกใส่ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูล


เมื่อผู้อาวุโสเหล่านั้นเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็หมดสีสัน พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังน่ากลัวจากภูเขาเหล่านั้น


ด้วยพลังของค่ายกลพิทักษ์ มู่เฉินกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวในขณะนี้ เขาสามารถทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังหนังหัวชาหนึบ


“ถอยเร็ว!”


เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งความเร็วไม่กี่ลมหายใจก็ปรากฏตัวห่างออกไปหลายร้อยลี้


ครืน!


แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหลบหนีอย่างไร ภูเขาเหล่านั้นก็มาปรากฏขึ้นราวกับว่าทะลุผ่านมิติกระแทกลงมาทำให้แต่ละคนถูกทับเป็นกล้วยปิ้ง


ผู้ชมอ้าปากตาค้างเมื่อมองไปที่ภูเขาที่กำลังปราบปรามผู้อาวุโสเผ่าฝูถู


“ซี้ด!”


ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็น ใครจะคิดได้ว่าเพียงสิบกว่าลมหายใจผู้อาวุโสที่ปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนเหยื่อจะถูกระงับอย่างไร้ประโยชน์


สมาชิกในเผ่าฝูถูก็พูดไม่ออก ทั้งเฉวียนหลัว มั่วซินและพรรคพวกก็ตกตะลึง ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามู่เฉินจะไม่สามารถหลบหนีได้ แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถควบคุมค่ายกลและปราบปรามผู้อาวุโสของเผ่าได้ในพริบตา


ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงเขียวคล้ำ วันนี้ตระกูลของตนได้รับความอับอายอย่างที่สุด จอมยุทธ์ทั้งสองตระกูลออกโรง ไม่เพียงแต่จะจับมู่เฉินไม่สำเร็จ แต่กลับยังถูกปราบปรามแทน


“มู่เฉิน เวลานี้ยังคิดจะต่อต้านอยู่รึ? แกคิดว่าเผ่าฝูถูไม่สามารถทำอะไรแกได้ใช่ไหม?!” เฉวียนกวางแผดเสียงตะโกน


พอได้ยินเสียงเห่านั่น มู่เฉินก็กวาดสายตาไปมองอย่างไม่แยแส มือวาดตราประทับ ทันใดนั้นค่ายกลก็เริ่มหมุนคว้าง ก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่ตบลงมายังทิศของเฉวียนกวาง


ฝ่ามือทำให้มิติแตกสลาย เทือกเขาลดระดับถึงพื้นกลายเป็นปากปล่องภูเขาไฟดูราวกับเหวนรก


“อวดดี!”


เฉวียนกวางตะโกนลั่น ร่างกำจายรัศมีหลิงขณะที่เงาร่างใหญ่โตก่อตัวขึ้นราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโคจร


เฉวียนกวางเร้าร่างเวทสวรรค์ออกมา


ร่างเงาขนาดใหญ่ผลักมือขึ้นปะทะกับมือที่พุ่งลงมา


ครืนๆ!


เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ทำให้แก้วหูแทบแตก หลายคนก็ตกใจเมื่อเห็นร่างเวทสวรรค์ขนาดใหญ่ถูกทุบลงมาจากท้องฟ้า ทำให้พื้นดินพังทลาย


เฉวียนกวางยืนอยู่บนไหล่ร่างเวทสวรรค์ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ เขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบในการต่อสู้กับมู่เฉิน


“มั่วถงลงมือพร้อมกัน! ค่ายกลพิทักษ์ต้องใช้พลังมหาศาล ไอ้เด็กนั่นอยู่ได้ไม่นานหรอก!” หมดเวลาที่เฉวียนกวางจะกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียง เขาต้องการร่วมมือกับมั่วถงเพื่อจัดการกับมู่เฉิน


“ตกลง!”


มั่วถงตัดสินใจเด็ดขาดพลางพยักหน้า ตอนนี้มู่เฉินควบคุมค่ายกลพิทักษ์ พวกเขาต้องพ่ายแพ้แน่หากไม่ร่วมมือกัน


ตู้ม ตู้ม!


ดังนั้นเมื่อมีการเร้าร่างเวทสวรรค์ใหญ่โตสองร่าง แรงกดดันของของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดก็กวาดไปหามู่เฉิน


ทว่าเผชิญหน้ากับความร่วมมือของพวกเขา ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะไม่กลัวยังเค้นเสียงใส่ ขณะที่ตราประทับเปลี่ยนแปลงไปมา ค่ายกลเริ่มหมุนคว้าง มือขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุด ช่างดูราวกับมือเทพ ทุกสรรพสิ่งต้องแตกสลายภายใต้การโจมตีนี้


ตู้ม ตู้ม!


การต่อสู้สะเทือนโลกากวาดข้ามขอบฟ้า ทำให้หัวใจของผู้คนกระเด้งกระดอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็บอกได้ว่าเฉวียนกวางและมั่วถงเริ่มตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบ


ค่ายกลพิทักษ์เผ่าฝูถูทรงพลังมากเกินไป ถึงยังไงค่ายกลนี่เผ่าฝูถูโบราณก็พึ่งพาในช่วงวิกฤตมิหนำซ้ำยังสามารถต้านจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ แม้ว่ามู่เฉินจะไม่สามารถนำพลังที่แท้จริงออกมาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการกับจอมยุทธ์ทั้งสองนี้


“ดูเหมือนเฉวียนกวางและมั่วถงจะถูกปราบแล้ว” หลินจิ้งยิ้มให้กับฉากนี้


“ไม่แยแสอัจฉริยะปล่อยไปตามยถากรรม เผ่าฝูถูดื้อรั้นอย่างแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงค่อยๆ กลายเป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาห้าเผ่าโบราณ” เซียวเซียวส่ายหน้าพลางเอ่ย


หลินเตียวและเย่าเฉินพยักหน้าและถอนหายใจ ใครจะคิดว่ามู่เฉินสามารถพลิกเผ่าฝูถูคว่ำลงด้วยตัวคนเดียว?


ขณะนี้เองมู่เฉินก็สังเกตเห็นเฉวียนกวางและมั่วถงเริ่มหมดแรง เขาจึงเค้นเสียง ตราประทับเปลี่ยนแปลง ภูเขาขนาดใหญ่สองลูกก็ตกลงมาจากท้องฟ้า


ภูเขาทั้งสองลูกบดบังแสงของดวงอาทิตย์ ราวกับดวงดาว พลังที่แผ่ซ่านออกมาน่ากลัวกว่าที่เคยใช้ในการปราบปรามผู้อาวุโสคนอื่น


ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเขารีบเร้าร่างเวทสวรรค์อย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านภูเขา


ตู้ม!


แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินขอบเขตค่ายกลพิทักษ์ต่ำเกินไป เมื่อภูเขาบีบเข้ามา ร่างเวทสวรรค์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ


อ็อก


ทันใดนั้นใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงก็ซีดลง พวกเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับแววสยดสยองพล่านในดวงตา


ตู้ม!


แต่ก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีได้ ภูเขาก็กระแทกอย่างหนักหน่วงกดร่างพวกเขาลงไปกับพื้นดิน


ตึง ตึง!


พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาวาวแสงสองลูกตั้งตระหง่าน ภายใต้ภูเขาใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงก็ไร้สีเลือด พวกเขากระอักเลือดจากการปราบปรามของภูเขา


คลื่นหลิงค่อยๆ สงบลง ทว่าความเงียบงันกลับปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทุกคนตกตะลึงมองไปที่ร่างอ่อนเยาว์ด้วยความหวาดหวั่น


ร่างนั้นเหยียดตรงเปล่งรัศมีคมชัด


สมาชิกเผ่าฝูถูต่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว แม้แต่ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็ยังตกใจกับความสำเร็จของมู่เฉิน


“สวรรค์ สัตว์ประหลาดนั่น…”


บางคนพึมพำออกมา ใครจะจินตนาการได้ว่าชายหนุ่มอ่อนเยาว์จะจัดการผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนและมั่วด้วยตัวคนเดียว


เขาเผชิญหน้ากับเผ่าฝูถูทั้งหมดด้วยตัวเองอย่างแท้จริง!


ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับสายตาเหล่านั้น แต่จ้องมองไปที่ฝูถูเฉวียนก่อนเสียงเย็นชาของเขาจะดังขึ้น


“ฝูถูเฉวียน วันนี้แกจะปล่อยหรือไม่ปล่อย?!”

 

 

 


บทที่ 1431 ฝูถูเฉวียนออกโรง

 

เมื่อเสียงเย็นชาของมู่เฉินดังก้องทุกคนก็เงียบไป


พวกเขาตกใจกับวิธีที่มู่เฉินปราบผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนและมั่วด้วยตัวคนเดียว


พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงจะสามารถบังคับให้เผ่าฝูถูมาถึงจุดนี้ได้ ทุกคนรู้ว่าหลังจากวันนี้ชื่อเสียงของมู่เฉินจะดังสะท้อนไปทั่วมหาพันภพ…


สายตาทั้งหมดพุ่งตรงไปยังฝูถูเฉวียน พวกเขาเห็นบาตรแก้วแล่นแปลบปลาบด้วยแสง พลังงานหลายประเภทถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไร้ขอบเขต


ใบหน้าแก่ชราของฝูถูเฉวียนที่กำลังนั่งอยู่เย็นชาลง เขามองไปที่มู่เฉินโดยปลดปล่อยความกดดันน่ากลัวออกมา


แม้จะนั่งอยู่ที่นั่น ความกดดันที่เกิดขึ้นจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดารู้สึกบีบคั้น


“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงแบบเจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ สมกับเป็นบุตรชายชิงเหยี่ยนจิ้งจริงๆ” ฝูถูเฉวียนเอ่ยเสียงต่ำ


“แต่ข้าบอกเจ้าไปนานแล้วว่ากฎก็คือกฎและจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตราบใดที่ข้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าฝูถู ก็ไม่มีวันปล่อยแม่เจ้าไป!


“และเจ้าจะถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณีของเผ่าตลอดกาล!”


แสงน่ากลัววูบไหวในดวงตาของฝูถูเฉวียน เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนภูเขากำลังกดทับ รัศมีน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ


“ตอนแรกข้าไม่ต้องการทำให้เรื่องยุ่งยากเพราะเห็นแก่ชิงเหยี่ยนจิ้ง แต่ในเมื่อเจ้ากล้ามาที่เผ่าฝูถูเพื่อสร้างปัญหา วันนี้ข้าก็จะขอสอนเจ้าสักหน่อย!”


ครืน!


เมื่อสิ้นเสียงของฝูถูเฉวียน ก็ทำให้เมฆบนท้องฟ้าม้วนตัวพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง ราวกับว่าวันพิพากษาโลกมาถึงแล้ว


ความโกรธเกรี้ยวของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทำลายสวรรค์และโลกได้เลยทีเดียว


ขณะที่ผู้ชมรู้สึกกดดันก็แสดงความเคารพบนใบหน้าไปด้วย จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอยู่บนยอดพีระมิดของมหาพันภพ เห็นได้ชัดว่าพลังของยอดยุทธ์น่าสะพรึงกลัวนัก


คราวนี้แม้แต่เย่าเฉินและหลินเตียวก็ยังฉายสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าพลังของฝูถูเฉวียนจะด้อยกว่าเซียวเหยียนและหลินต้ง แต่ถึงยังไงก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่สามารถมองข้ามไปได้


ฮึ่ม!


ทันใดนั้นบาตรแก้วก็เริ่มสั่น องค์ประกอบที่อยู่บนนั้นส่งเสียงหวีดหวิวก่อนที่จะกลายเป็นมังกรแปดตัวคำรามใส่ฝูถูเฉวียน


“เขากำลังจะเคลื่อนไหว!” ดวงตาของเย่าเฉินและหลินเตียวหดลง ก่อนที่ทั้งสองจะเทพลังงานลงในบาตรแก้วทันที


“หึ ถ้าเป็นเทพจักรพรรดิสงครามอยู่ที่นี่เอง ข้าคงไม่สามารถหลุดพ้นได้ แต่เจ้าสองคนเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุด แล้วจะนำพลังที่แท้จริงของอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซิ่งออกมาได้อย่างไร?”


เสียงสั่นพร่าของฝูถูเฉวียนสะท้อนก้องในบาตร เสื้อผ้าเริ่มกระพือขึ้นลงพร้อมกับรัศมียิ่งใหญ่กลั่นตัวอยู่บนฝ่ามือ


ตู้ม!


พริบตาต่อมาความสว่างไร้ขอบเขตก็พรั่งพรูออกมาจากฝ่ามือเขา กลายเป็นกงล้อสีดำขาวขนาดใหญ่โดยมีสองสีไขว้พันกัน ปลดปล่อยความผันผวนของการทำลายล้างออกมา


ฝูถูเฉวียนคำราม กงล้อก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกกับบาตรจังใหญ่


“โฮก!”


มังกรทั้งแปดธาตุก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม ปล่อยลมปราณรุนแรงขององค์ประกอบต่างๆ มิติบิดเบือนปะทะกับกงล้อ


ตู้ม ตู้ม ตู้ม!


เมื่อพลังสองสายปะทะกัน พื้นดินก็สั่นสะเทือน มิติยุบลงกลายเป็นกระแสน้ำวนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ก้อนหินก็กลิ้งลงมาจากภูเขาจากแรงสั่นสะเทือน


แต่ไม่ว่ามังกรทั้งแปดจะพยายามโจมตีอย่างไร ก็แตกสลายทันทีเมื่อสัมผัสกับกงล้อดำขาว


“ลอยขึ้น!”


ฝูถูเฉวียนเปล่งเสียงตะโกน กงล้อก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นก็ชนกับบาตร


เคร้ง!


เสียงดังสนั่น ผู้ชมที่มีขุมพลังอ่อนด้อยก็กระอักเลือดออกมากบปาก ร่างร่วงนอนพังพาบลงบนพื้น มีเพียงคนที่แข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้นที่สามารถลบล้างพลังของคลื่นเสียงได้


ทุกคนจับจ้องไปที่บาตร ก็เห็นอาการสั่นรุนแรงราวกับมีพลังมหาศาลสอดแทรก จากนั้นมันก็กระเด็นกลับไปพร้อมกับระเบิด


เมื่อบาตรเคลื่อนหลุด ฝูถูเฉวียนก็กลายเป็นลำแสงทะยานออกมา


หลินเตียวและเย่าเฉินขมวดคิ้วกับฉากนี้ จากนั้นก็เตรียมควบคุมบาตรแปดเทวลิขิตอีกครั้ง


“ผู้อาวุโสไม่ต้องลงมือแล้ว ให้ข้าจัดการส่วนที่เหลือเองเถอะ” ทันใดนั้นเสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงัก


เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าหลินเตียวและเย่าเฉินจะใช้บาตรแก้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรกับฝูถูเฉวียนได้ หากฝืนสู้พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่เต็มใจที่จะเห็น


เย่าเฉินและหลินเตียวสบตากัน พวกเขาเข้าใจความคิดของมู่เฉินแต่ละคนผงกหัวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่


“มู่เฉิน หากสถานการณ์ไม่ดีก็ถอยเลย ถ้าพวกเขาคิดจะข่มเจ้าด้วยความอาวุโส ลูกศิษย์ข้าคงจะมาขอคำชี้แนะเอง” เย่าเฉินตอบอย่างไม่เร่งรีบ


“แคว้นหวูก็เหมือนกัน” หลินเตียวกล่าวอย่างเย็นชา


คำพูดของพวกเขาทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาหดดวงตาแม้แต่สมาชิกเผ่าฝูถูด้วย ถ้าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามมาที่นี่จริงๆ ละก็ วันนี้คงจะหนักหน่วงอย่างมากแม้กระทั่งเผ่าฝูถูก็ตาม


บนท้องฟ้าแม้ว่าฝูถูเฉวียนจะยังคงเฉยเมย แต่ม่านตาก็กระเพื่อมเล็กน้อย ไม่ช้าก็สงบลง เขาจะไม่ได้ยินคำเตือนในคำพูดของเย่าเฉินและหลินเตียวได้อย่างไร? แต่ในฐานะคนยอมหักไม่ยอมงอ ไม่เพียงแต่เขาไม่ขวางยังเค้นเสียงใส่ด้วย “ข้าได้ยินมานานเกี่ยวกับชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม แต่ยังไงก็ตามไม่มีใครสามารถขัดขวางเผ่าฝูถูในการจัดการกับไอ้หนูนี่!”


เมื่อพูดจบ สายตาคมของเขาก็พุ่งตรงไปที่มู่เฉิน “ถ้าเจ้าคิดว่าจะสู้กับข้าได้หลังจากควบคุมค่ายกลพิทักษ์ ก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”


ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจคำพูดของฝูถูเฉวียน กลับสร้างตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่ายกลขนาดใหญ่บนท้องฟ้าก็เริ่มหมุน รังสีไร้ขอบเขตพุ่งไปที่ฝูถูเฉวียน


“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะมอบความปรารถนาให้เอง!”


ฝูถูเฉวียนทะยานออกมาด้วยความโกรธพลางสะบัดมือ กงล้อสีดำขาวอีกวงก็ถูกสร้างขึ้น พุ่งไปบนท้องฟ้าปะทะกับรังสีเหล่านั้น สลายการโจมตีทันที


เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็หดตาลง จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งน่าเกรงขามอย่างแท้จริง ด้วยค่ายกลนี้เขาสามารถเอาชนะเฉวียนกวางและมั่วถงได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่สามารถทำอะไรกับฝูถูเฉวียนได้เลย


ฟิ้ว!


เมื่อกงล้อสีดำขาวทำลายรังสีได้ก็บินเข้าหามู่เฉินด้วยแรงเคลื่อนที่น่ากลัว ราวกับว่าสามารถบดทำลายทุกสิ่งในโลกได้


มู่เฉินสายตาสั่นไหว ไม่คิดจะปะทะกับกงล้อสีดำขาวซึ่งหน้า วูบเดียวเขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่ จากนั้นก็ควบคุมค่ายกลโจมตีกงล้อสีดำขาวอย่างต่อเนื่อง


ครืนๆ!


ทันใดนั้นชุดเสียงสั่นสะเทือนก็สะท้อนออกมาพร้อมกับผลกระทบที่น่ากลัว ทำให้ภูเขาสูงยุบลง…ยุบลงไปบนพื้นต่อเนื่อง…


ทว่าทุกคนบอกได้ว่าค่ายกลพิทักษ์กำลังค่อยๆ อ่อนแอลงเนื่องจากกงล้อสีดำขาวเข้าใกล้มาทุกที


“สุดท้ายมู่เฉินก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเท่านั้น แม้จะมีค่ายกลพิทักษ์ก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้กับฝูถูเฉวียนได้” ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถอนหายใจอย่างเสียดายเมื่อเห็นฉากนี้


“ค่ายกลพิทักษ์พิเศษมาก แต่น่าเสียดายที่มู่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด มิฉะนั้นฝูถูเฉวียนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้”


“ดูเหมือนว่าเขาจะยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว…”


“…”


เสียงกระซิบดังก้อง ทุกคนเห็นแนวโน้มพ่ายแพ้ของมู่เฉิน


มู่เฉินยังคงแสดงออกอย่างสงบ ขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่พร้อมกับสายตาวูบไหว จากนั้นเขาก็หลับตาลง


ตั้งแต่เริ่มต้นเขารู้ว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับฝูถูเฉวียนด้วยค่ายกลได้ ท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็เหนือจินตนาการ ไม่ใช่สิ่งที่จะสู้ได้ด้วยพลังภายนอก


ดังนั้นเหตุผลที่เขาควบคุมค่ายกลพิทักษ์ไม่ใช่เพื่อเผชิญหน้ากับฝูถูเฉวียนแต่ด้วยเหตุผลอื่น


ฮา


เขาพ่นลมหายใจสีขาวขุ่นออกมา ประสาทสัมผัสก็แพร่กระจายไปทั่วค่ายกลทันที ครอบคลุมมิติฝูถูทั้งหมด


บางส่วนของค่ายกลทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิด เขารู้ว่านั่นคือจุดที่แม่ของเขาเสริมเข้ามา ตราบเท่าที่เขาติดตามไปก็จะสามารถพบสถานที่ที่เขากำลังมองหา


ครืนๆๆๆ!


เขาตัดสิ่งรบกวนจากภายนอกออกไปมุ่งเน้นที่การรับรู้ในทุกๆ ตารางนิ้วของเผ่าฝูถู ท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความผันผวนที่คุ้นเคย


ดังนั้นเมื่อกระแสจิตของเขาทะลุผ่านมิติ เขาก็เห็นเจดีย์โบราณตรงหน้า เจดีย์นี้เขาเคยเห็นมาก่อน เป็นสถานที่ที่เขามาเพื่อปรับแต่งเจดีย์พุทธะนั่นเอง


เมื่อกระแสจิตเข้าใกล้เจดีย์ก็ไม่ได้ถูกขัดขวาง เนื่องจากถูกถ่ายทอดจากค่ายกลทำให้เขาสามารถผ่านไปได้…


ไม่ช้ากระแสจิตก็หยุดลงในสถานที่หนึ่ง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านเพราะสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงของสายเลือด


ดังนั้นกระแสจิตจึงเริ่มพึมพำเสียงสะท้อน


“ท่านแม่…ข้ามารับท่านกลับบ้านแล้ว”


ในพื้นที่แห่งนั้น จู่ๆ สตรีในชุดขาวก็เงยหน้าขึ้น มองไปที่มุมหนึ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม


นางเช็ดน้ำตาบนแก้มเบาๆ แล้วยิ้ม จากนั้นรัศมีอ่อนโยนรอบตัวนางก็ค่อยๆ หดกลับแทนที่ด้วยรัศทีที่เยือกเย็นและดุร้าย


ร่างกายของนางสั่นสะท้าน ก่อนที่จะค่อยๆ หายไป ทิ้งเสียงที่ดังก้องไว้เบื้องหลังความว่างเปล่า


“ลูกรัก จากวันนี้ไปจะไม่มีใครมารังแกเจ้าได้อีก…”

 

 

 


บทที่ 1432 ชิงเหยี่ยนจิ้งปรากฏตัว

 

ตู้ม ตู้ม!


เสียงกัมปนาทดังก้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ฝูถูเฉวียนยืนอยู่บนอากาศพร้อมกับมือไพล่หลัง ขณะที่กงล้อสีดำขาวยังคงหมุนรอบตัว ทำให้รังสีหลิงแตกเป็นเสี่ยงๆ


ขณะนี้เขากำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ค่ายกล ไม่ว่ามู่เฉินจะควบคุมค่ายกลอย่างไรก็ไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของฝูถูเฉวียนได้


ผู้ชมฉายความเสียดายในสายตา พลังอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไม่สามารถจินตนาการได้ ก่อนหน้านี้มู่เฉินยืมพลังค่ายกลในการเอาชนะผู้อาวุโสสิบกว่าคนในเผ่าฝูถู แต่ตอนนี้เขาก็ถูกฝูถูเฉวียนบีบให้ไปอยู่ในจุดที่ต้องซ่อนตัวในค่ายกล


เมื่อหลิงซี หลงเซี่ยงและชิงซวงเห็นภาพนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับความวิตกกังวลพล่านในดวงตา


อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เพื่อช่วยในสถานการณ์นี้ คงได้แต่ภาวนาให้มู่เฉินยันเอาไว้ได้


“ทำยังไงดี?” ชิงเซวียนมองไปที่ชิงเทียนอย่างกังวล ถ้าสถานการณ์แบบนี้ยังดำเนินต่อไป อีกไม่นานมู่เฉินก็จะพ่ายแพ้


ชิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหัว “ผู้อาวุโสใหญ่โกรธมาก ไม่มีอะไรที่เราช่วยได้ แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวลมาก ต่อให้จับมู่เฉินได้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ทำโทษโหดเหี้ยมหรอก”


ชิงเซวียนกัดฟัน “ต่อให้ไม่ลงโทษโหดเหี้ยม แต่ถ้ามู่เฉินถูกคุมขัง จะไม่เป็นการขัดขวางการพัฒนาของเขาเหรอ?”


ด้วยพรสวรรค์ของมู่เฉินและเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาควรจะต้องพุ่งไปที่จุดสุดยอด ถ้าเขาถูกคุมขังก็จะสูญเสียปีที่ดีที่สุดไป ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีโอกาสในอนาคตก็ต้องใช้เวลามากขึ้นและราคาที่มากขึ้นตาม


ชิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและถอนหายใจ “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราจะหาวิธีแอบปล่อยเขา แม้จะต้องโดนลงโทษจากผู้อาวุโสใหญ่…”


ชิงเซวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกนางทำได้


บนภูเขาที่นั่งเผ่าหมัวเฮอ หมัวเฮอโยวฉายรอยยิ้มบนใบหน้า “การเดินทางมายังเผ่าฝูถูครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ ได้เห็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ”


จอมยุทธ์คนอื่นๆ ของเผ่าหมัวเฮอก็พยักหน้า ในฐานะที่เป็นคนจากเผ่าหมัวเฮอการเห็นเผ่าฝูถูตกอยู่ในความวุ่นวายและมู่เฉินพลิกคว่ำพลิกหงายเผ่าทั้งหมดก็เป็นผลประโยชน์ของพวกเขา


“แต่มู่เฉินไร้เดียงสาไปจริงๆ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเขาสามารถควบคุมค่ายกลพิทักษ์ของเผ่าฝูถูได้อย่างไรแต่เขาก็สามารถควบคุมพลังได้เพียงสามถึงสี่ส่วนเท่านั้น เขาไร้เดียงสาเกินไปที่คิดว่าตัวเองจะสามารถเผชิญหน้ากับฝูถูเฉวียนได้ด้วยสิ่งนั้น”


หมัวเฮอโยวเอ่ยเยาะ “ยังไงก็ตามเป็นการดีที่มู่เฉินจะถูกจับไว้ เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องจัดการกับมันในงานชุมนุมนิรันดร์”


เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกว่ามู่เฉินถึงคราวหายนะในวันนี้แล้ว


 


ฝูถูเฉวียนเคลื่อนตัวไปยังค่ายกล


สายตาจ้องไปที่มู่เฉินที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเย็นชาตะโกนว่า “ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังคิดจะต่อต้านในเวลานี้อีกรึ!”


ยามนี้มู่เฉินลืมตาขึ้นมองไปที่ฝูถูเฉวียนอย่างเย็นชา ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร แต่มือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นค่ายกลก็หมุนคว้าง ท่ามกลางเสียงดังกึกก้องภูเขาขนาดมหึมาก็ถูกสร้างขึ้นกดเข้าหาฝูถูเฉวียนพร้อมกับเงาขนาดใหญ่


เมื่อฝูถูเฉวียนเห็นสิ่งนี้ คิ้วก็ขมวดขึ้นด้วยความโกรธ มือทั้งสองข้างประสานกัน กงล้อสีดำขาวก็ขยายกว้างออกไปหลายหมื่นจั้ง


เมื่อกงล้อสีดำขาวหมุนก็ปล่อยพลังทำลายล้างที่ทำให้มิติพังทลายจากการหมุน


ตู้ม!


กงล้อสีดำขาวปะทะกับภูเขา รัศมีสีดำขาวก็เบ่งบาน ภูเขาที่สามารถปราบปรามเฉวียนกวางและมั่วถงได้อย่างง่ายดายพังทลายลงอย่างรวดเร็ว


ในช่วงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ กงล้อสีดำขาวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ภูเขาลดทอนลงกลายเป็นฝุ่นละอองฟุ้งลงมาราวกับสายฝนอันงดงาม


มู่เฉินหดดวงตากับภาพนี้ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งน่ากลัวอย่างแท้จริง แม้เขาจะผลักดันตัวเองไปถึงขีดสุดก็ยังไม่สามารถต้านทานฝูถูเฉวียนได้


ครืนๆๆๆ


ขณะที่กงล้อสีดำขาวเข้าใกล้ค่ายกลก็ระเบิดรัศมีออก ก่อร่างกลายเป็นมือขนาดใหญ่คว้าค่ายกลเอาไว้


แกร็ก!


เมื่อมือขนาดใหญ่ตบลงบนค่ายกล พลังที่น่ากลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา มือค่อยๆ ควานเข้าไปในค่ายกลทำท่าทางคว้าไปในทิศทางของมู่เฉิน


เห็นได้ชัดว่าฝูถูเฉวียนพยายามที่จะดึงมู่เฉินออกจากค่ายกล เพื่อยึดการควบคุมของอีกฝ่าย


“ไอ้หนู เจ้าช่างยโสไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ในเมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ได้สั่งสอน ข้าจะสอนให้เป็นการส่วนตัวและบอกให้เจ้ารู้ความหมายของลำดับชั้นอาวุโส!” ฝูถูเฉวียนคำรามอย่างเย็นชา มือก็ห่อหุ้มพื้นที่รอบๆ มู่เฉินไว้ไม่ให้หนีไปได้


ผู้ชมส่ายหัวไปมา ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะเสร็จแน่แล้ว


“อาเตียวด่วนเลย! เรียกท่านพ่อมา!” เมื่อหลินจิ้งเห็นภาพนี้ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางเขย่าแขนของหลินเตียวพูดอย่างรีบร้อน


เซียวเซียวก็หันไปมองเย่าเฉินด้วยความวิตกกังวลในดวงตาไม่แพ้กัน


หลินเตียวและเย่าเฉินขมวดคิ้วก่อนที่จะสบตากันพลางพยักหน้า เตรียมที่จะเรียกหลินต้งแลเซียวเหยียนมาที่นี่


แต่เมื่อพวกเขากำลังจะขยับตัว ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง การกระทำของพวกเขาชะงักไป ขณะมองไปเบื้องหลังมู่เฉินด้วยความสงสัย จังหวะนั้นมิติก็ฉีกออก ร่างเงาร่างหนึ่งเยื้องย่างออกมา


ในเวลาเดียวกันเสียงเย็นเยียบเกรี้ยวกราดของสตรีก็ดังขึ้น “ฝูถูเฉวียน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนลูกชายของข้า—ชิงเหยี่ยนจิ้ง!”


เมื่อเสียงของสตรีผู้นี้ดังขึ้น ทันใดนั้นค่ายกลก็กระจายออกมาเหนือร่างมู่เฉิน ราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวก่อตัวเป็นโลกลึกลับซับซ้อน


มือที่ทะยานเข้าไปก็ถูกดูดเข้าไปในค่ายกล ก่อนที่ความผันผวนจะถูกปลดปล่อยออกมา จากนั้นมือขนาดใหญ่และค่ายกลก็สลายหายไปพร้อมกัน


การเผชิญหน้าที่น่ากลัวกะทันหันทำให้ใบหน้าของผู้ชมซีดเผือด พวกเขานึกไม่ถึงว่าการโจมตีของฝูถูเฉวียนจะถูกจัดการได้ง่ายขนาดนี้


ความตะลึงงันทั้งหมดพุ่งไปข้างหลังมู่เฉินด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นผู้หญิงชุดขาวก้าวออกมาพร้อมกับสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าอ่อนโยน นอกจากนี้ยังมองเห็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งมากมายบินฉวัดเฉวียนรอบตัวนาง โดยทุกๆ สัญลักษณ์จะรวมกันเป็นค่ายกล


“สวรรค์ นั่นคือหลิงเจิ้นต้าจงซือ!”


“ยิ่งกว่านั้นสัญลักษณ์หลิงยิ่งรอบตัวนางได้ก่อเป็นโลกเอกลักษณ์! นั่นคือหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง!”


“หลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง…นี่น่ากลัวเกินไป!”


“เมื่อกี้นางพูดอะไรนะ? มู่เฉินเป็นลูกของนาง? ถ้าอย่างนั้นนางก็คือมารดาของมู่เฉินนะสิ?!”


ขณะที่ทุกคนตกตะลึง สมาชิกเผ่าฝูถูก็ตกใจเมื่อเห็นร่างเงาสะคราญโฉมนั่น คนอื่นอาจไม่รู้จักตัวตนของนาง แต่พวกเขารู้จักดี


นั่นเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นมารดาของมู่เฉิน—ชิงเหยี่ยนจิ้ง!


หลินเตียวและเย่าเฉินตะลึงงันไปเมื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและพูดว่า “ไม่คิดว่ามารดาของมู่เฉินจะเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง…”


ในมหาพันภพจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งมีจำนวนน้อย แต่คนที่สามารถประสบความสำเร็จในด้านค่ายกลจนถึงระดับหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งนั้นมีน้อยยิ่งกว่า!


“ฮ่าๆ ในเมื่อมารดามู่เฉินมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่พวกเราต้องเข้าไปแทรกอีกต่อไป” หลินเตียวและเย่าเฉินสบตากันและยิ้ม


ขณะที่ทุกคนตกตะลึง มู่เฉินก็ได้ยินเสียงที่อยู่ข้างหลัง ร่างกายเขาสั่นสะท้านก่อนที่จะค่อยๆ หันหลังด้วยความยากลำบาก มองไปที่ภาพเงานั้น


สายตาของสตรีก็มองมาที่เขาพร้อมกับสัญลักษณ์หลิงยิ่งรอบตัวนางผันผวน แสดงให้เห็นถึงแรงกระเพื่อมที่รุนแรงในใจ


“ท่านแม่…”


มู่เฉินพึมพำ


ย้อนกลับไปตอนที่อยู่สำนักศึกษาเป่ยชาง เขาเคยพบมารดามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็เป็นเพียงร่างดวงจิต แต่ตอนนี้เขากำลังมองตัวจริงของนาง


เขาปรารถนาภาพนี้ทุกวันทุกคืนนับตั้งแต่เดินทางออกจากมณฑลเป่ยหลิง ผ่านความทุกข์ยากนับไม่ถ้วน ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไป แต่ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง…


ผู้หญิงที่เบื้องหน้าดูไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเขาเห็นนางก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ลึกลงไปในสายเลือด


นั่นเป็นเพราะตอนที่ชิงเหยี่ยนจิ้งจากไปเขายังเป็นเด็กน้อย แต่ตลอดเส้นทางที่เขาก้าวเดินก็สัมผัสได้ว่านางทำอะไรเพื่อเขาบ้าง


เพื่อปกป้องเขา นางยอมกลับมาที่เผ่าฝูถู ต้องทนทุกข์ทรมานกับความโดดเดี่ยวเพื่อที่เขาจะได้เติบโตอย่างสงบสุข


เพื่อปกป้องเขา นางต้องเจ็บปวดจากการแยกร่างเนื้อและฝังเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรเข้าในร่างกายของเขา


นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินยังอดดวงตาแดงก่ำขึ้นไม่ได้


เมื่อมองไปที่ดวงตาที่แดงขึ้นของมู่เฉิน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็รู้สึกราวกับหัวใจโดนทุบอย่างหนัก ความเย็นชาที่ใช้เผชิญหน้ากับฝูถูเฉวียนก่อนหน้านี้หายไป นางเดินเข้าไปจับใบหน้าของบุตรชายไว้


“เฉินเอ๋อ เจ้าโตขึ้นแล้ว…”


เสียงแหบพร่าแต่อ่อนโยนของชิงเหยี่ยนจิ้งดังก้อง ย้อนกลับไปตอนที่นางจากมามู่เฉินยังเป็นทารก ก่อนที่นางจะรู้ตัวเขาก็เติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้


รูปลักษณ์ของเขาคล้ายกับบิดา แต่ช่วงหว่างคิ้วคล้ายกับนางมากกว่า


สายสัมพันธ์แม่ลูกทำให้ชิงเหยี่ยนจิ้งไม่สามารถละสายตาได้


เมื่อสัมผัสได้ถึงมือเย็นเยียบและสั่นสะท้านบนใบหน้า กระทั่งมู่เฉินที่เก็บอารมณ์เก่งก็ยังดวงตาชื้นขึ้น “ท่านแม่ในที่สุดข้าก็พบท่านแล้ว”


สำหรับวันนี้เขาใช้ความพยายามมากเหลือเกิน


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ น้ำตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก็อดไหลออกมาไม่ได้ นางรู้สึกปวดใจ นางรู้ดีว่ามู่เฉินต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดเพื่อที่จะมาถึงเผ่าฝูถู บางทีถ้าเกิดความผิดพลาดบนเส้นทางนั้น พวกนางแม่ลูกคงจะถูกแยกจากกันชั่วนิรันดร์…


นางเหมือนสามารถเห็นภาพเด็กหนุ่มอ่อนโยนออกจากมณฑลเป่ยหลิงเพื่อท่องยุทธภพและเติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่านความยากลำบาก…


แค่คิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชิงเหยี่ยนจิ้งปวดใจ ราวกับว่าหัวใจถูกกรีดแทง


“ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่”


ดวงตาของชิงเหยี่ยนจิ้งคลอคลองด้วยหยาดน้ำตาขณะที่มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาของมู่เฉิน ท่าทางระทมทุกข์ไม่มีลักษณะของหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งผู้ยิ่งใหญ่ นางเป็นเพียงมารดาที่สงสารลูกรักจับใจ


มู่เฉินจับมือของชิงเหยี่ยนจิ้งเบาๆ รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าเขา “ไม่เลย ข้าสัญญากับท่านพ่อว่าจะพาท่านแม่กลับบ้านเรา เพื่อพวกเราจะได้กลับไปอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”


ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าหนักแน่นและสงบสติอารมณ์ จากนั้นลูบหัวมู่เฉินก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสาดสายตาเย็นชา


“แต่ก่อนหน้านั้นข้าจะเอาความทุกข์ทั้งหมดที่เจ้าเคยรู้สึกมาตลอดให้พวกมันรู้ซึ้ง!!!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)