หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1423-1428

บทที่ 1423 ซัดหนัก

 

ครืนๆๆๆ!


ดวงดาวปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของมู่เฉินไว้หมด การปะทะกันของคลื่นหลิงที่รุนแรงทำให้เกิดพลังทำลายล้างกระจายออกไป ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็จะประสบปัญหากับการเผชิญหน้าสิ่งนี้


ทักษะลับที่เฮยกวางใช้ด้วยการทำร้ายตัวเองนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง


ทุกคนฉายสีหน้าเคร่งเครียดกับฉากนี้ แม้ว่าวิธีของมู่เฉินจะน่ากลัว แต่การตอบโต้ของเฮยกวางก็ไร้ความปรานีเช่นกัน


หากมู่เฉินประมาทเพียงเล็กน้อย ชัยชนะที่แล้วมาก็จะสลายกลายเป็นอากาศธาตุ


เมื่อสมาชิกตระกูลชิงเห็นการไหลของดวงดาวที่เข้าปกคลุมดวงอาทิตย์ พวกเขาก็ฉายความกังวลบนใบหน้า แม้แต่ชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนก็ขมวดคิ้วแน่น


“เยี่ยม เยี่ยมยอด! ผู้อาวุโสเฮยกวางเด็ดขาดนัก ยังไงมู่เฉินก็สู้ตามลำพัง แม้จะต้องจ่ายราคาแพงเพื่อขัดขวาง แต่ก็ทำให้เป้าหมายในวันนี้ของมันไม่ประสบผลสำเร็จ!” เฉวียนหลัวปรบมือฉาดพลางหัวเราะเยาะ


สมาชิกตระกูลเฉวียนก็ส่งเสียงประสาน การโจมตีของเฮยกวางน่ากลัวมาก ต่อให้เป็นมู่เฉินก็คงไม่สามารถรับได้อย่างง่ายดายหรอก


ฟู่ ฟู่!


ภายใต้การเฝ้ามองโดยไม่กะพริบตาของผู้คน การโจมตีก็ครอบร่างทั้งหมดของมู่เฉินไว้ภายใน


ทั่วพื้นดินพังทลายลงจากการโจมตีที่รุนแรง…


เมื่อเฮยกวางเห็นฉากนี้ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ร่างเวทสวรรค์ใต้ฝ่าเท้าเขาสลายลงแล้ว เห็นชัดว่าได้รับความเสียหายรุนแรง


ทว่าสิ่งนี้ก็คุ้มค่า ตอนนี้มู่เฉินไม่สามารถหลบหนีได้ ไม่ว่าจะมีอาวุธลับมากมายแค่ไหน ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างไม่ต้องสงสัย


เมื่อมันได้รับบาดเจ็บก็จะไม่สามารถเอาชนะในยกสี่ได้แน่นอน ดังนั้นนี่หมายความว่าการช่วยตระกูลชิงคว้าตำแหน่งคืนก็เท่ากับล้มเหลว


“หึ ใครบอกให้แกได้ใจ? ตอนนี้ข้าจะให้แกลิ้มรสความรู้สึกเหมือนถูกถีบลงมาจากสวรรค์” เฮยกวางหัวเราะเยาะ


สายตาจำนวนมากมุ่งไปที่ทิศทางที่มิติพังทลาย ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้นสูญพันธุ์ไปเลยทีเดียว


ดวงดาวสร้างความหายนะทั่วบริเวณเป็นเวลานานก่อนที่จะเริ่มสลายลง


“คราวนี้มู่เฉินบาดเจ็บหนักแน่!” ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนพากันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เมื่อมู่เฉินสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายก็ทำให้พวกเขาอับอายนัก ในที่สุดพวกเขาก็คว้าหนึ่งยกมาได้จากการต่อสู้ครั้งนี้


จอมยุทธ์หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย ความกล้าหาญของมู่เฉินทำให้ผู้คนชื่นชม นอกจากนี้ตระกูลเฉวียนยังทรงพลัง ไม่ว่าผู้คนจะมีความคิดอย่างไรก็ต่างหวังว่ามู่เฉินจะแสดงปาฏิหาริย์ แต่เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นไม่สูงนัก แต่ด้วยความสำเร็จที่ทำได้เพียงนี้ชื่อของมู่เฉินก็จะขจรขจายไปทั่วมหาพันภพแน่นอน


บนท้องฟ้า ในที่สุดความหายนะก็ค่อยๆ หายไป ทันใดนั้นทุกคนก็หดดวงตาก่อนที่จะอุทาน


“นั่นมันอะไรกัน?!”


ปฏิกิริยาของผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนก็เปลี่ยนไปพลางเงยหน้าขึ้น พวกเขาเห็นดอกบัวสีม่วงทองปิดสนิทราวกับว่าไม่มีอะไรผ่านเข้าไปได้


ทันใดนั้นรอยแตกก็พล่านออกมาบนกลีบดอก ดูราวกับได้รับการล้างบาปจากพายุเฮอริเคน


แต่ถึงแม้ว่ามันจะใกล้พังทลาย แต่ดอกบัวสีม่วงทองก็ยังคงอดทนต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้าย


ท่ามกลางดวงตาตกตะลึงของผู้คนมากมาย ดอกบัวก็ค่อยๆ เปิดขึ้น ร่างขนาดใหญ่ปรากฏในครรลองสายตาของทุกคน


ร่างสีม่วงทองยืนอยู่บนดอกบัวพร้อมรัศมีความเป็นอมตะแผ่ซ่านออกไป


“นั่นคือร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินรึ?!” เมื่อเห็นร่างสีม่วงทองความวุ่นวายก็กวนตัวระหว่างสวรรค์และโลก จากรัศมีอมตะทุกคนสามารถบอกได้ว่าร่างเวทสวรรค์นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน


บนยอดเขาที่ใกล้ที่สุดชายคนหนึ่งที่มีม่านตาสีดำขาวกำลังยืนในเก๋งหินโดยเอามือไพล่หลัง เขาคือหมัวเฮอโยวแห่งเผ่าหมัวเฮอ!


เมื่อเขาเห็นร่างขนาดยักษ์ก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยอย่างไม่แยแส “เจ้านั่นฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์จริงๆ”


จอมยุทธ์เผ่าหมัวเฮอก็เผยให้เห็นแววตาประหลาดใจกล่าวว่า “เมื่อครู่เขาน่าจะใช้ดอกบัวอมตะ ถึงสกัดกั้นการโจมตีของเฮยกวางได้”


ในมหาพันภพเผ่าหมัวเฮอเข้าใจเกี่ยวกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์มากที่สุด เนื่องจากจอมยุทธ์ชั้นสูงทุกรุ่นต้องฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์นี้และดูว่าพวกเขาจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์หรือไม่!


แต่น่าเสียดายที่มีคนฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครสามารถบรรลุจนถึงร่างมหาเทพนิรันดร์ได้เลย


ดังนั้นเผ่าหมัวเฮอจึงรู้ถึงกระบวนท่าการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถสรุปรายละเอียดเพิ่มเติมได้อย่างรวดเร็ว


“ในเมื่อเจ้าเด็กนั่นสามารถเรียกดอกบัวอมตะได้ เขาต้องมีความสำเร็จสูงแน่”


เมื่อหมัวเฮอโยวได้ยินเช่นนั้นก็ตอบอย่างคลุมเครือ “เขาเป็นแค่พวกกาฝาก แต่กระนั้นก็ไปได้ไกลแค่นี้แล้ว หากเขาต้องการก้าวไปอีกขั้นเพื่อรับร่างมหาเทพนิรันดร์ก็เป็นเพียงฝันกลางวันเท่านั้น”


จอมยุทธ์เผ่าหมัวเฮอพยักหน้า เผ่าหมัวเฮอพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์เอาไว้ แม้ว่าจะอ้างว่าปกป้อง แต่เมื่อผ่านมานานพวกเขาก็ถือว่านี่เป็นหนึ่งในสมบัติประจำเผ่า แล้วจะปล่อยให้คนนอกเอาไปจากพวกเขาได้อย่างไร?


“ผู้อาวุโสใหญ่บอกข้าว่าร่างมหาเทพนิรันดร์แสดงสัญญาณในช่วงปีสองปีนี้ คงถึงช่วงเวลาที่จะเลือกผู้รับแล้ว ถ้าข้าเดาถูกมันจะเลือกผู้สืบทอดในชุมนุมเทพนิรันดร์ครั้งนี้”


ขณะที่พูดความโลภก็สั่นไหวในดวงตาของหมัวเฮอโยวขณะที่หมัดกำแน่น “ถ้าข้าสามารถฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ ข้าอาจจะสามารถใช้ประโยชน์นี้บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!”


“มีไม่กี่คนในเผ่าที่ประสบความสำเร็จเช่นท่านชาย ดูเหมือนว่ามีโอกาสสูงที่ท่านจะได้รับ” จอมยุทธ์เผ่าหมัวเฮอตอบอย่างประจบประแจง


“แต่มักมีคนนอกเข้ามามีส่วนร่วมทุกครั้งซึ่งน่ารำคาญ ไม่รู้จริงๆ ว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์คิดอะไรอยู่ เขามอบร่างมหาเทพนิรันดร์ให้เราพิทักษ์ไว้แล้ว แต่ทำไมยังทิ้งทักษะการฝึกฝนไว้ที่โลกภายนอกด้วย?” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ


หมัวเฮอโยวยิ้มบาง “ชุมนุมเทพนิรันดร์ถูกสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ ทุกคนที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์สามารถเข้าร่วมได้ แต่นั่นไม่สำคัญทักษะที่เผยแพร่สู่สาธารณะไม่สมบูรณ์ ไม่มีอะไรต้องกลัวเกี่ยวกับพวกกาฝากเหล่านี้ หลังจากการชุมนุมครั้งนี้ร่างมหาเทพนิรันดร์จะเป็นของเราโดยสมบูรณ์ แม้แต่เทพจักรพรรดินิรันดร์ไม่สามารถนำกลับไปได้ แม้ว่าเขาจะฟื้นคืนชีพก็ตาม!”


ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยิน


 


ขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์


มู่เฉินก็ปรากฏตัวบนไหล่ของร่างใหญ่โตสีม่วงทองอร่าม


เมื่อจอมยุทธ์ตระกูลเฉวียนเห็นภาพเงาของมู่เฉิน ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เนื่องจากพวกเขาไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บบนตัวอีกฝ่ายสักนิด แม้แต่คลื่นหลิงที่อยู่รอบตัวเขาก็ไร้ขอบเขตเช่นเดิม


เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเฮยกวางเหลวเป๋ว


“เป็นไปได้ยังไง?!”


ใบหน้าของเฮยกวางเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขณะอุทานด้วยความสิ้นหวัง


มู่เฉินมองไปที่เฮยกวางอย่างไม่แยแสก่อนที่จะขยับ ร่างเขากลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาเฮยกวาง


เมื่อเห็นความดุดันของมู่เฉิน ใบหน้าของเฮยกวางก็เปลี่ยนไปรุนแรง เขาได้รับบาดเจ็บหนักในตอนนี้แล้วจะปะทะกับมู่เฉินได้อย่างไร?


“หยุด!”


เฉวียนกวางก็สังเกตเห็นความตั้งใจของมู่เฉินจึงรีบตะโกนลั่น


วาบ!


ทว่ามู่เฉินไม่สนใจกับการตะโกนนั่น ร่างเขาไปปรากฏเบื้องหน้าเฮยกวาง ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดอย่างไม่แยแส หมัดทำให้มิติถึงกับพังทลาย


ตู้ม!


หมัดของมู่เฉินที่บรรจุด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขตกระแทกกับหน้าอกของเฮยกวาง หมัดเดียวนี้ทำให้หน้าอกของเฮยกวางยุบลงทันที ร่างเขาถลากลับไปพร้อมกับเลือดพ่นออกมาจากปาก


วาบ!


แต่ขณะที่ยังไม่ตกลงพื้น มู่เฉินก็มาปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอย่างลึกลับก็วาดลูกเตะซัดใส่ ทำให้เฮยกวางมุดเข้าไปในแท่นประลองราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่


ปัง ปัง ปัง!


ต่อจากนั้นมู่เฉินก็ปล่อยชุดการโจมตีเฮยกวางไม่หยุด เผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงเหล่านั้น เฮยกวางได้แต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จนสุดท้ายก็พังพาบลงไปกับพื้นเหมือนกองขี้โคลน


ทุกสายตามองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น การจะกระหน่ำใส่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายเหมือนกระสอบทรายได้ไม่ใช่เรื่องที่หาดูได้ง่าย


ฮา


ในที่สุดมู่เฉินก็หยุดลง ตอนนี้เฮยกวางอยู่ในสภาพขาดรุ่งริ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะพลังทรงประสิทธิภาพของขุมพลังที่มีตอนนี้เขาคงตายคาที่ไปแล้ว


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ถ้าต้องการฟื้นตัว ก็ต้องฝึกหนักหลายปี มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้


เมื่อทุกคนเห็นว่ามู่เฉินโหดแค่ไหน พวกเขาก็สูดลมหายใจเย็นอัดปอด มู่เฉินไม่ใช่คนที่เคี้ยวง่ายอย่างแท้จริง เขาทำให้เฮยกวางร่อแร่โดยไม่สนใจหน้าตาของตระกูลเฉวียนเลย


สายตาบางส่วนมองไปที่ตระกูลเฉวียน ก็เห็นใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสดำมืดเป็นก้นกระทะ


เตะเฮยกวางที่หมดสติออกไป มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ และมองไปที่เฉวียนกวาง “ก็ยังขยะเหมือนเดิม”


“ไอ้หนู แกมันโหดจริงๆ” ท่าทางของเฉวียนกวางดูน่ากลัวนัก


ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้สนใจ เขาเหยียดนิ้วกระดิกออก ท่าทีดูถูกของเขาทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากของผู้อาวุโสทุกคนเต้นตุบๆ


“อีกรอบเดียว”

 

 

 


บทที่ 1424 ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

 

“อีกรอบเดียว”


เมื่อเสียงเรียบเฉยของมู่เฉินดังก้อง ก็ทำให้เกิดประกายแสงในดวงตาของหลายคน ตอนนี้สายตาที่มองมาไม่มีความเยาะเย้ยที่เคยมีมาก่อนแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยเคร่งเครียดและหวาดหวั่น


การเอาชนะอย่างเด็ดขาดกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาด้วยขั้นหลิงระยะต้นเพียงพอที่ทุกคนจะตกตะลึง


“มู่เฉินเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เขาอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นแท้ๆ แต่กลับทรงพลังแบบนี้ ไม่แน่ชายคนนี้อาจมีความสามารถในการท้าทายที่อยู่อีกขั้นอย่างแท้จริง”


“น่าเกรงขามจริง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงหยิ่งผยอง ดูเหมือนว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะท้าทายตระกูลเฉวียนทั้งหมดด้วยตัวเอง”


“เขาชนะไปสามยกแล้ว ถ้าเขาชนะอีกครั้งเดียวตระกูลเฉวียนต้องคายตำแหน่งในสภาผู้อาโสที่เพิ่งฮุบไปคืนมา”


“เฮ้ พวกเจ้าประเมินเขาสูงเกินไปเปล่า เขาเผยไพ่ตายทั้งหมดในระหว่างการต่อสู้สามยกแล้วมั้ง ดังนั้นไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนหรอก”


“ก่อนหน้าเจ้าก็พูดแบบนี้เหมือนกัน…”


“…”


เสียงกระซิบดังก้อง ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนหลายคนมีสีหน้าเขียวคล้ำพลางจ้องมู่เฉินราวกับว่าต้องการจะขบหัวแล้วเคี้ยวให้แหลก


ไม่มีใครคิดว่าตระกูลเฉวียนจะถูกบีบให้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชโดยจอมยุทธ์รุ่นใหม่


เฉวียนหลัวและคนอื่นๆ มีสีหน้าดำคล้ำ ตอนแรกพวกเขาเชื่อว่ามู่เฉินจะต้องแพ้แน่นอน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกตบหน้าจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด


ท่าทางของเฉวียนกวางดูน่ากลัวอย่างยิ่ง ทว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ช้าก็ระงับความโกรธในใจลงได้ เขามองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแสพูดช้าๆ “ไม่คิดว่าครั้งนี้จะตัดสินใจผิดพลาด ลูกชายของชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ธรรมดาจริงๆ”


“ชมเกินไปแล้ว” มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น


เฉวียนกวางหลุบตาลงตอบเสียงเบา “เจ้าได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองแล้วว่ามาได้ไกลขนาดนี้ แต่การประลองยกที่สี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิด ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองให้ดี”


มู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่ข้าคิดว่ายังไปไหวนะ”


เวลานี้เขาฉีกหน้าตระกูลเฉวียนไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพอแค่นี้


เฉวียนกวางมองมู่เฉินเขม็งพร้อมกับริ้วความเย็นชาในส่วนลึกของดวงตาก่อนที่จะส่ายหัว “ดื้อจริง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลเฉวียนของข้าก็รอการท้าทายต่อไป”


“ตอนนี้มีพวกข้าสี่คน เจ้าสามารถเลือกใครก็ได้ที่ต้องการ แน่นอนว่ามาหาข้าก็ได้ถ้าเจ้ากล้าพอ เพราะยังไงข้าก็มีส่วนในการขังมารดาเจ้าเอาไว้”


ขณะที่พูด เสียงเค้นเย็นที่ริมฝีปากก็แฝงแววเยาะเย้ย


ม่านตามู่เฉินหดลง สายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่มองไปที่เฉวียนกวางจากนั้นก็พยักหน้า “ท่านแม่และข้าจะจำสิ่งที่เจ้าทำ แต่ตอนนี้ข้าต้องการตำแหน่งของตระกูลเฉวียนเท่านั้น หากในอนาคตมีโอกาสข้าจะมาขอคำชี้แนะแน่นอน”


เฉวียนกวางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คำพูดของเขาตั้งใจที่จะยั่วยุให้มู่เฉินหัวร้อนซะหน่อย ถ้ามู่เฉินท้าทายเขาจริงๆ เขาก็จะให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าต่อหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย ไม่ว่าเขาจะมีไพ่ตายเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์


แต่เขาประเมินสภาพจิตใจของมู่เฉินต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะกระตุ้นไอสังหารที่จะฆ่ามู่เฉิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่สูญเสียเหตุผลตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม


“งั้นข้าก็จะดูว่าเจ้ามีกลอะไรเล่นอีก” เฉวียนกวางเหลือบมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา


“ข้าเชื่อว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”


มู่เฉินยิ้มอ่อน จากนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉวียนกวางอีกต่อไปเขาปรากฏตัวบนแท่นต่อไป สายตามองไปที่ชายแก่หงำเหงือก


เมื่อมู่เฉินปรากฏตัว ชายชราก็จับจ้องเขาด้วยแววคมที่ซ่อนอยู่ในดวงตาที่ขุ่นมัว


มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสคนนี้ ท่าทางก็ดูเคร่งขรึมลง ชายชราคนนี้ชื่อเฉวียนจุนซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นที่กุมอำนาจสูงในเผ่าฝูถู


อย่าประเมินต่ำว่าเขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น แต่มู่เฉินรู้ดีว่ามีช่องว่างระหว่างขั้นหลิงกับขั้นเซียนมากเพียงใด เนื่องจากจอมยุทธ์ขั้นหลิงต้องสะสมพลังเป็นเวลานานเพื่อที่จะไปถึงอีกขั้น


แม้สามยกก่อนหน้าเขาจะชนะแบบเด็ดขาด เขาก็รู้ดีว่ายกนี่เป็นการประลองที่สำคัญที่สุด


ถ้าเขาชนะรอบนี้ก็คือชี้ขาด มิฉะนั้นชัยชนะสามครั้งที่ผ่านมาจะสลายเป็นควัน


“ผู้อาวุโสเฉวียนจุน ในเมื่อมีคนพยายามท้าทายตระกูลเฉวียนของเราไม่จำเป็นต้องยั้งมือ ข้าจะรับผลที่ตามมาทั้งหมดเอง” เสียงของเฉวียนกวางดังก้องอย่างเย็นชา


เฉวียนจุนโค้งคำนับกล่าวเสียงเย็น “รับทราบ”


สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่มูเฉิน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของคลื่นหลิงทรงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย


ครืน


แม้แต่แท่นก็สั่นสะเทือนรุนแรงจากแรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลัง


เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีจากเฉวียนจุน หลายคนก็แสดงออกรุนแรง เมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคน เฉวียนจุนอยู่ในระดับใหม่เลยทีเดียว


“การประลองครั้งนี้ถึงเรียกได้ว่าน่าดู”


เย่าเฉินและหลินเตียวยิ้ม มู่เฉินทรงพลังมาก ดังนั้นผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนสามคนก่อนหน้า รวมถึงเฮยกวางที่อยู่ในขั้นหลิงระยะปลายก็ไม่สามารถคุกคามเขาได้ มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนที่จะบีบให้มู่เฉินใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้


พวกเขาก็อยากเห็นว่ามู่เฉินจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่เมื่อประลองกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน


“มู่เฉินจะไม่แพ้แน่นอน” หลินจิ้งกล่าวโดยไม่ลังเล ความมั่นใจของนางที่มีต่อเขา อาจแข็งแกร่งกว่าความมั่นใจในตัวเองของมู่เฉินซะอีก


เซียวเซียวยิ้มให้กับคำพูดนั่น เมื่อเย่าเฉินและหลินเตียวได้เห็นปฏิกิริยาของสองสาวน้อย พวกเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าความเชื่อมั่นของพวกนางที่มีต่อมู่เฉินมาจากไหน


ส่วนชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนไม่ได้มองในแง่ดี พวกเขาฉายความกังวลบนใบหน้า เพราะพวกเขารู้ช่องว่างระหว่างขุมพลังเป็นสิ่งที่มู่เฉินก็ไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าจะใช้วิธีที่น่าตกใจเหล่านั้น


“ผลตัดสินของตระกูลชิงอยู่ที่การประลองยกนี้” ชิงเทียนถอนหายใจ


สมาชิกตระกูลชิงก็ฉายความกังวลและความหวังบนใบหน้า หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไม่เหมาะสม พวกเขาคงตะโกนให้กำลังใจมู่เฉินไปแล้ว


“ในที่สุดเจ้านั่นก็ยั่วยุจอมยุทธ์ทรงพลังจนได้ มาดูสิว่าเขาจะทุกข์ทรมานแค่ไหน” หมัวเฮอโยวกอดอกมองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาสนุกสนาน


 


“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนไม่ธรรมดาจริงๆ…”


มู่เฉินไม่ได้สนใจสายตารอบข้าง ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่อไปที่ชายชราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


ความกดดันที่มาจากเฉวียนจุนมากกว่าสามคนก่อนหน้า ในการประลองครั้งนี้เขาจะต้องใช้พลังเต็มที่แล้ว


ด้วยความคิดนี้ก็ไม่มีความกลัวใดๆ ในสายตาของมู่เฉิน แต่เป็นความตื่นเต้นสุดขีด ตอนนี้เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันท่ามกลางระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิง มีเพียงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้นที่สามารถปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาและให้เขาได้ขัดเกลาตนเอง


เฉวียนจุนประสานมือเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ทันใดนั้นร่างเขาก็ยืดตัวขึ้น ผมหงอกก็เปลี่ยนเป็นสีดำและรูปลักษณ์แก่หงำก็ถูกแทนที่ด้วยวัยกลางคนที่ดุดัน


“ฮึ่ม!”


ในเวลาเดียวกันรัศมีไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่างเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนทันที


เมื่อเทียบกับกายาหลิงเทียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง ร่างนี้ได้รับการขัดเกลามากกว่า มองจากระยะไกลก็ดูราวกับอัญมณี ไม่อาจทำลายลงได้


ร่างกายนี้ถูกสลักด้วยลวดลายสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนซึ่งดูราวกับหยดน้ำ แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกหนักแน่นเหมือนภูเขา


กายาหลิงเทียนจุนนี้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดตอนนี้ ภายใต้พลังเต็มเปี่ยมเฉวียนจุนก็มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเฉียบคมพร้อมกับเสียงสะท้อนออกมา


“ต้องการได้ตำแหน่งจากมือข้า ก็มาดูซิว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่!”


มู่เฉินมองไปที่เฉวียนจุนพลางหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนพร้อมกับไฟในการต่อสู้พลุ่งพล่าน


ขณะเดียวกันน้ำเสียงเย็นชาก็ดังก้อง


“ตำแหน่งนี้ ข้าเอาไปแน่ วันนี้ตระกูลเฉวียนจะให้ก็ต้องให้ ไม่ให้ก็ต้องให้!”


“วาจาสามหาว รนหาที่ตายแล้ว!”


ไอสังหารพล่านออกมาจากดวงตาของเฉวียนจุน เพียงเขาก้าวเท้าออกไปก้าวเดียวก็ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ


ยามนี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนตระกูลเฉวียนเคลื่อนไหวแล้ว!

 

 

 


บทที่ 1425 ดวลเดือดกับระดับเทียนจื้อจ...

 

รัศมีพร่างพราวแผ่ออกมาจากร่างเฉวียนจุน


ปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้มิติแปรปรวนเมฆม้วนตัว ทั่วฟ้าดินโยกคลอนจากพลังของเขา


ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนด้อยกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในมหาพันภพเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าจอมยุทธ์เหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุดก็ว่าได้


ไม่ว่าจะขั้วอำนาจน้อยใหญ่ใดก็ตาม แม้กระทั่งเผ่าฝูถูจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแท้จริงที่ได้เห็นจอมยุทธ์ระดับนี้ปลดปล่อยพลังออกแบบไม่ยั้ง


ผู้นำหลายคนในหมู่ผู้ชมต่างแสดงสีหน้าหนักใจ ขณะที่พวกเขาถอนหายใจจากพลังจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ในเวลานี้แต่ละคนมองไปทางมู่เฉินด้วยความใคร่รู้ พวกเขาสงสัยว่าชายหนุ่มจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้ได้อย่างไร


ภายใต้สายตาโดยรอบ มู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน แม้ว่าพลังในการต่อสู้ของเขาจะสูง แต่เขาก็ไม่สามารถดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแท้จริง


ฮา


ขณะที่เขาพรูลมหายใจออกมายาว ควันขาวขุ่นพ่นออกมาจากปาก อึดใจรัศมีแวววาวก็เปล่งประกายออกมาจากร่างกาย คลื่นหลิงมหาศาลจากกายาหลิงเทียนจุนทำให้มิติสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น


ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่าเขาจะชนะมาสามรอบแล้ว แต่การจะได้ชัยชนะแท้จริงก็ต่อเมื่อเขาชนะยกสุดท้ายนี้ มิฉะนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะลอยไปกับสายน้ำ


นอกจากนี้ในเมื่อเฉวียนกวางยอมรับว่ามีส่วนในการคุมขังชิงเหยี่ยนจิ้ง ดังนั้นมู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอะไร วันนี้เขาต้องยึดตำแหน่งสภาผู้อาวุโสจากตระกูลเฉวียนมาให้ได้


ถือว่าเป็นการเก็บดอกเบี้ย


ตู้ม!


เฉวียนจุนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าเขาไม่ได้ใช้ทักษะเทพใดๆ เขากระทืบเท้าฉีกผ่านมิติพุ่งใส่มู่เฉินราวกับอุกกาบาต


หมัดไม่มีกลยุทธ์แฝงเบื้องหลัง นี่เป็นพลังเต็มรูปแบบที่อยู่เบื้องหลังกายาหลิงเซียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงธรรมดาก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แม้ว่ากายาหลิงเทียนจุนจะแข็งแกร่งก็ตาม


มู่เฉินมองไปที่หมัดนั้นก็หดดวงตาลงแต่ไม่ได้ถอยหนี ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนในดวงตา เขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนซึ่งๆ หน้าเลย!


มู่เฉินหัวเราะร่ากำหมัดขึ้นพร้อมกับรัศมีจะเปล่งประกาย จากนั้นเขาก็ซัดหมัดปะทะกับหมัดของเฉวียนจุน


ตู้ม!


เสียงกัมปนาทแสบแก้วหูมาพร้อมกับผลกระทบที่น่ากลัว แท่นที่อยู่ใต้เท้าไม่ได้พังทลายลง กลับเป็นยอดเขาลูกนี้ที่ยุบตัวลงเป็นหน้ากลอง


ตึง!


ร่างมู่เฉินปลิวออกไป หลังจากการปะทะนี้ เท้าลากรอยยาวลงบนพื้น อุณหภูมิสูงจากแรงเสียดทานทำให้เขารู้สึกว่าฝ่าเท้ากำลังไหม้ไปหมดแล้ว


“โอหัง”


เฉวียนจุนไม่ได้ขยับพลางยิ้มขำในใจ ขณะสายตาเยือกเย็นมองไปที่มู่เฉิน


มู่เฉินกล้าที่จะปะทะซึ่งหน้ากับพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะจริง


มู่เฉินมองไปที่กำปั้นก็เห็นรอยแตกบนกำปั้นอัญมณีจากผลกระทบ


“กายาหลิงเซียนจุนทรงพลังมากจริงๆ” สายตาของเขากะพริบวูบไหว เขาได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งนี่แล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าระดับของเขาหลายเท่า


มิน่าล่ะคนส่วนใหญ่ถึงไม่มองในทางที่ดีเกี่ยวกับเขาที่ท้าทายอำนาจจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ที่แท้สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเพียงกายาหลิงเซียนจุนก็สามารถปราบจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้แล้ว


“ไอ้เด็กเวร เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ แม้ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ แต่การมีสายตาคับแคบก็รังแต่ทำลายตัวเอง!” เฉวียนจุนเค้นเสียงพร้อมกับความดุร้ายในดวงตา ก่อนที่ร่างเขาจะพุ่งออกไป กายาหลิงเซียนจุนดั่งอัญมณีราวกับเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมที่สุดในโลก พุ่งไปที่มู่เฉินโดยไม่มีกลยุทธ์ใดเลย


เฉวียนจุนมุ่งมั่น เขารู้ว่าสามารถพึ่งพาความได้เปรียบของตนในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเพื่อปะทะกับมู่เฉินโดยไม่ต้องใช้ทักษะเสินทงใดๆ


เมื่อเห็นเฉวียนจุนพุ่งใส่อย่างดุร้าย แสงเย็นก็กะพริบในดวงตาของมู่เฉิน “ไอ้เต้าล้านปีอย่าพยายามเอาอายุมาเบ่ง เดี๋ยวก็ได้ม้วนหางกลับไปหรอก!”


เขาวาดตราประทับขึ้นในมือโดยไม่มีอาการหลบหลีกการเคลื่อนไหวนั้น เมื่อคลื่นพลังกำลังจะชน มิติก็แปรปรวนที่ด้านข้าง เงาสีดำและสีขาวปรากฏขึ้น


ร่างทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นพลังกายภาพระดับเทียนจื้อจุน จากนั้นหมัดทั้งสามก็พุ่งเข้าใส่เฉวียนจุนด้วยการรวมพลังอย่างแท้จริง


ตู้ม ตู้ม ตู้ม!


การปะทะกันครั้งนี้น่าตกใจยิ่งกว่า มิติพังทลายลง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือเฉวียนจุนไม่ได้เป็นฝ่ายเหนือกว่าจากที่เคยเป็นมาก่อน ตรงกันข้ามร่างกายของเขาสั่นสะท้าน กระเด็นกลับไป ทำให้พื้นที่ใต้เท้าแตกเป็นเสี่ยง


อีกด้านหนึ่งมู่เฉินทั้งสามก็ก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าว


เฉวียนจุนมีสีหน้าน่ากลัวขณะทรงตัว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นม่านตาก็หดลง เนื่องจากเขาเห็นร่างรองสองร่างที่คล้ายกับมู่เฉินอย่างไรอย่างนั้น


“นั่นคือ… วิชาสามพิสุทธิ์?!” ด้วยสายตาที่แหลมคมของเฉวียนจุน ทำให้เขาจำได้ทันทีว่านี่คือวิชาอะไร


ด้วยทักษะเทพนี้ มู่เฉินสามารถแบ่งเป็นสามคน นอกจากนี้ยังมีการประสานงานยอดเยี่ยม ดังนั้นพลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีจะแข็งแกร่งขึ้นและก็ไม่ใช่เหมือนกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคนผนึกกำลังกัน


มู่เฉินไม่สามารถเอาชนะเขาได้โดยร่างเดียว แต่การโจมตีร่วมกันจากร่างรองอีกสองร่างเป็นสิ่งที่แม้แต่เฉวียนจุนยังไม่สามารถสร้างความเหนือกว่าได้


ความปั่นป่วนกวนตัวไปทั่วบริเวณ หลายคนดวงตาแดงก่ำขณะมองไปที่มู่เฉิน มีเพียงวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้นที่เป็นเพชรยอดคทาของมหาพันภพ บ่งบอกได้ว่ามันเป็นของหายากเพียงใด แต่มู่เฉินมีครอบครองถึงสองวิชา


‘เจ้านี่สวรรค์ประทานพรแบบไหนกัน?’


สายตาของเฉวียนกวางมืดครึ้มลง เขาคิดว่าเฉวียนจุนจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย แต่เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะยังเหลือไพ่ตายเอาไว้อีก


“เฉวียนจุนไม่ต้องออมมือ จัดการมันซะ” เสียงเคร่งขรึมของเฉวียนกวางส่งไปยังโสตประสาทของเฉวียนจุน


เฉวียนจุนพยักหน้าหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะมีร่างสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลัง


ร่างใหญ่โตราวกับเป็นมังกรดำที่ขดตัว ทำให้เกิดพายุปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์และโลก


“นั่นคือ…ร่างเทพโลกันตร์?”


สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ เขาจำได้ว่านี่เป็นร่างเทห์สวรรค์อันดับยี่สิบสามบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง


“ในที่สุดก็ดึงพลังแท้จริงออกมาแล้วรึ?”


มู่เฉินวาดตราประทับวูบไหว เกลียวแสงระเบิดออกจากนัยน์ตา กลายเป็นเจดีย์กดทับเข้าที่ร่างเทพโลกันตร์


การเผชิญหน้ากับร่างเวทสวรรค์โดยใช้วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นวิธีที่มีประโยชน์มากที่สุด


“หึ แกไร้เดียงสาเกินไปที่คิดจะใช้เจดีย์เพื่อจัดการกับข้า” เฉวียนจุนมองไปที่เจดีย์ โดยไม่มีความกลัวบนใบหน้าพลางเค้นเสียงเย็น เขาสั่นศีรษะลำแสงพุ่งออกมา เจดีย์สีดำปะทะกับเจดีย์ของมู่เฉิน เกิดความผันผวนจากการปะทะ


มู่เฉินขมวดคิ้ว ตาแก่คนนี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ มิหนำซ้ำมีความรู้เกี่ยวกับวิชาเจดีย์แปดองค์ แม้ว่าตอนนี้มู่เฉินจะใช้วิชาเจดีย์แปดองค์นอกเจดีย์ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพลังมากเท่ากับเมื่ออยู่ภายในเจดีย์


อีกฝ่ายก็มีเจดีย์ฝูถูเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับตาแก่เข้าไปในเจดีย์ เพื่อกักขังเอาไว้ภายใน พลังอำนาจของวิชาเจดีย์แปดองค์ก็ถูกจำกัด


“ไอ้เด็กเวร อย่าคิดว่ามีวิชาเจดีย์แปดองค์แล้วจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย!”


เฉวียนจุนเค้นเสียงเย็นพลางกระทืบเท้า ทันใดนั้นร่างเทพโลกันตร์ก็ระเบิดออกมาพร้อมกับของเหลวสีดำไร้ขอบเขตห่อหุ้มไปทางมู่เฉิน


รัศมีสีม่วงทองปลดปล่อยออกมาที่ด้านหลังมู่เฉิน เขาเร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา รหัสเทพอมตะควบแน่นก่อตัวเป็นม่านแสงปิดกั้นของเหลวไว้


การเผชิญหน้านี้ทำให้เกิดความผันผวนทั่วบริเวณ โดยการโจมตีของทั้งสองฝ่ายไม่แสดงความผ่อนปรนใดๆ


เมื่อเห็นการเผชิญหน้านี้ หลายคนก็กลั้นหายใจ สายตาพุ่งไปมองโดยไม่กล้าพลาดแม้แต่ฉากเดียว


“มู่เฉินนั้นเคี้ยวไม่ง่ายเลย เขาสามารถสู้กับเฉวียนจุนได้จนถึงระดับนี้” เสียงหลายเสียงดังก้องพร้อมกับถอนหายใจ นั่นเป็นเพราะตัดสินจากการต่อสู้ครั้งนี้ มู่เฉินเริ่มตั้งหลักได้อย่างชัดเจนและความได้เปรียบของเฉวียนจุนก็ไม่ปรากฏเหมือนตอนเริ่มอีกต่อไป


เมื่อผู้อาวุโสตระกูลชิงเห็นฉากนี้ พวกเขารู้สึกโล่งใจ ความสุขกระจายบนใบหน้า


ในทางตรงกันข้ามฝั่งตระกูลเฉวียนกัดฟันจากภาพนี้ พวกเขาหวังว่ามู่เฉินจะถูกเฉวียนจุนฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ ในวินาทีต่อไป


ตู้ม!


การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเฉวียนจุนจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ไม่น่าดูเนื่องจากข้อได้เปรียบแค่นี้ไม่เพียงพอสำหรับชัยชนะ


“ประเมินไอ้เด็กนี่ต่ำไป”


สายตาของเฉวียนจุนเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวพร้อมกับความดุร้ายเผยออกมา ร่างของเขาค่อยๆ ลอยไปบนท้องฟ้า ลวดลายสีดำปรากฏขึ้นบนร่างเป็นเลขเจ็ด


“เส้นหลิงเจ็ดชีพจร… เฉวียนจุนครอบครองเส้นหลิงขั้นเสิน… ดูเหมือนเขาจะนำทักษะของเส้นหลิงออกมาใช้แล้ว” ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากฉากนี้


“เจ้าจงภาคภูมิใจที่บังคับให้ข้าต้องใช้ทักษะหลิงไม่เสินทงออกมาเพื่อปราบเจ้า!”


เสียงของเฉวียนจุนดังสะท้อน จากนั้นเขาก็ดันมือขึ้น พริบตาแม่น้ำสีดำสนิทก็หลั่งไหลออกมาจากร่างกายปกคลุมไปทั่วฟ้าดินราวกับจะแช่แข็งทั้งหมด


ขณะเดียวกันเสียงเยือกเย็นของเฉวียนจุนก็ดังก้อง


“ทักษะหลิงไม่เสินทงเจ็ดชีพจร แม่น้ำใต้พิภพคร่าชีวิต!”


ยามนี้เฉวียนจุนเผยเขี้ยวเล็บแล้ว

 

 

 


บทที่ 1426 ดวลด้วยเส้นหลิงขั้นเสิน

 

ซ่าๆๆ!


เมื่อเสียงของเฉวียนจุนดังก้อง เสียงน้ำกระเซ็นก็สะท้อนออกมา จากนั้นผู้คนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแม่น้ำสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากร่างเฉวียนจุนปกคลุมขอบฟ้าครึ่งหนึ่งทันที


แม้ว่าน้ำเหล่านั้นจะดูเบาบาง แต่กลับให้ความรู้สึกหนาแน่นราวกับภูเขาพร้อมกับรัศมีเย็นยะเยือกที่ทำให้ความชื้นในชั้นบรรยากาศกลายเป็นน้ำแข็ง กลั่นตัวเป็นเกล็ดหิมะลงมา


เฉวียนจุนยืนอยู่บนร่างเทพโลกันตร์ยิ่งใหญ่ มองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาพร้อมกับมวลน้ำสีดำม้วนตัวอยู่โดยรอบ ดูราวกับมังกรตัวมหึมาที่เอิบอาบไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว


เส้นหลิงขั้นเสินของเฉวียนจุนดึงพลังทั้งหมดออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ยังเกรงกลัว


ยามนี้ทุกคนบอกได้เลยว่าเฉวียนจุนคลั่งแล้ว


“แพะแก่ตัวนี้มีเส้นหลิงขั้นเสินเหมือนกันเรอะ?” สายตาของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วนขณะมองไปที่แม่น้ำ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ภายใน


“ไป!”


ขณะที่มู่เฉินกำลังจดจ่อ เฉวียนจุนก็ไม่พูดพล่ามทำเพียงชี้นิ้วลงไป


ซ่าๆๆ!


แม่น้ำสายใหญ่ม้วนตัวขึ้นแล้วบีบกดลงมาจากท้องฟ้าพุ่งใส่มู่เฉิน ทันใดนั้นมิติก็ยุบลง ความแข็งแกร่งของมันสามารถบดขยี้กายาหลิงเทียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้ในทันที


หลายคนปาดเหงื่อขณะดูการโจมตีนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะมีไพ่ตายมากมาย แต่ถ้าไม่สามารถต้านทานแม่น้ำสายนี้ได้ แม้แต่วิชาสามพิสุทธิ์ก็จะถูกยับยั้งได้


ภายใต้สายตาของทุกคน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองแม่น้ำที่ลดระดับลงมาพลางหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่ลวดลายโบราณสีม่วงจะเริ่มโชติช่วงขึ้นบนร่างกายของเขา


หนึ่ง สอง สาม… รวมทั้งหมดแปด!


เมื่อลวดลายสีม่วงแปดลายสว่างขึ้น เพลิงสีม่วงก็รวมตัวกันในปากของมู่เฉิน เขาพ่นออกไปยังแม่น้ำสีดำ


ฟู่ ฟู่!


สายเพลิงสีม่วงสายหนึ่งพ่นออกจากปากมู่เฉิน ราวกับเป็นมังกรเพลิงสีม่วงปล่อยเสียงคำรามขณะปะทะเข้ากับแม่น้ำสีดำ


ชี่ ชี่!


เมื่อเปลวไฟและแม่น้ำปะทะกัน เสียงฉ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับควันพวยพุ่งไปทางดวงอาทิตย์


ทว่าทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับเปลวไฟสีม่วง เนื่องจากไม่ว่าแม่น้ำสีดำจะพยายามเทลงมาอย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้


“ไม่น่าแปลกใจที่เพลิงสีม่วงครอบงำขนาดนั้น เพราะนั่นคือเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉิน!”


ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจที่มาของเปลวไฟสีม่วงเหล่านั้น เนื่องจากก่อนหน้ามู่เฉินใช้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเห็นเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉินได้ แต่ภายใต้อำนาจเต็มมันก็ถูกเปิดเผยออกมา


เมื่อตระกูลเฉวียนเห็นเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉิน พวกเขาต่างก็แสดงออกอย่างน่ากลัวโดยเฉพาะเฉวียนกวาง เนื่องจากในช่วงหลายปีภายในเผ่าฝูถูมีเพียงชิงเหยี่ยนจิ้งเท่านั้นที่มีเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร แต่ตอนนี้ดันมาปรากฏขึ้นที่มู่เฉินเป็นคนที่สอง


นั่นไม่ได้หมายความว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดของชิงเหยี่ยนจิ้งและมู่เฉินแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าฝูถูหรือ?


เมื่อเทียบกับความอิจฉาริษยาของตระกูลเฉวียน ตระกูลชิงก็ส่งเสียงโห่ร้องโดยเฉพาะผู้อาวุโส พวกเขาทั้งหมดรู้สึกโล่งใจมู่เฉินสมกับเป็นลูกของชิงเหยี่ยนจิ้ง เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง


ขณะที่ตระกูลต่างๆ ของเผ่าฝูถูมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน ฝูถูเฉวียนก็จ้องมองมู่เฉินด้วยดวงตาคมกริบ สายตาของเขาจ้องไปที่ลวดลายสีม่วงของมู่เฉิน เพียงชั่วครู่ก่เขาก็เค้นสียงออกมาด้วยความโกรธ “หึ เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรอะไรกัน นี่เป็นของชิงเหยี่ยนจิ้ง นางสกัดออกมาจากตัวตอนที่ตั้งครรภ์และฝังลงในตัวบุตรชาย”


ฝูถูเฉวียนสมกับเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง และเข้าใจชิงเหยี่ยนจิ้งดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงมองเห็นเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างเมื่อมู่เฉินใช้ออกมา


ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั่น หลายคนรู้สึกอิจฉา “เป็นแม่ที่ดีจริงๆ!”


เฉวียนหลัวก็รู้สึกอิจฉา แต่กลับพูดออกมาว่า “มิน่าพรสวรรค์ของมู่เฉินถึงน่าตกใจมาก ที่แท้ก็เป็นเพราะเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ชิงเหยี่ยนจิ้งมอบให้เขา”


“ถ้าไม่มีเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร ไอ้กาลกิณีจะแข่งขันกับเราได้อย่างไร?”


พรรคพวกรอบๆ พยักหน้า ตอนแรกพวกเขายังคิดว่ามู่เฉินพึ่งพาตัวเองในการเติบโต แต่เมื่อพิจารณาจากที่เห็นในตอนนี้ชิงเหยี่ยนจิ้งวางรากฐานไว้ให้เขาตั้งแต่เกิดแล้ว


ถึงแม้จะไม่ได้หมายความว่าการครอบครองเส้นหลิงขั้นเส้นแปดชีพจรจะประสบความสำเร็จอย่างน่าตกใจ แต่อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มโอกาส เส้นทางการฝึกของพวกเขาจะทิ้งห่างเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ


การมีอคติต่อมู่เฉิน ทำให้พวกเขาชี้ชัดว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จเพราะเส้นหลิงที่ชิงเหยี่ยนจิ้งปลูกฝังไว้ให้


มู่เฉินก็ได้ยินเสียงของฝูถูเฉวียนเช่นกัน ทว่าสายตาไม่ได้มีความผันผวนแต่อย่างใด เขามุ่งเน้นไปที่การเผชิญหน้าระหว่างเพลิงม่วงและแม่น้ำสีดำ


แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตกอยู่ในภาวะสูสี แต่มู่เฉินกลับหรี่ตาลง เนื่องจากสัมผัสได้ว่าแม่น้ำสีดำยังคงมีพลังซ่อนอยู่และยังไม่ระเบิดออกมา


เขากวาดสายตามองไปที่เฉวียนจุนก็เห็นความเฉยเมยบนใบหน้าโดยไม่มีความโกรธใดๆ กับสถานการณ์นี้


เมื่อรู้สึกถึงสายตาอีกฝ่าย เฉวียนจุนก็มองมาพลางยิ้มอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเอ่ยเยาะ “เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของชิงเหยี่ยนจิ้งน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”


ทว่ามู่เฉินไม่ได้ตอบสนองอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยิน


เฉวียนจุนยืนเอามือไพล่หลัง “เพลิงสีม่วงของเจ้าไม่ง่ายเลยที่จะต้านทานแม่น้ำใต้พิภพของข้าได้ ถ้าเจ้าอยู่ในระดับเดียวกับข้า แม่น้ำของข้าคงไม่สามารถต้านทานได้”


แม้ว่าแม่น้ำนี่จะเป็นทักษะของเส้นหลิงขั้นเสินเจ็ดชีพจร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีช่องว่างระหว่างขุมพลังของพวกเขาอยู่


“แต่น่าเสียดายโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมแท้จริง ในเมื่อแกท้าทายตระกูลเฉวียนของข้า ดังนั้นก็ต้องเตรียมใจรับความล้มเหลวไป”


เฉวียนจุนส่ายหัวก่อนที่จะหายใจเข้าลึก เลือดกลั่นพรมลงบนแม่น้ำสีดำ


ตู้ม ตู้ม ตู้ม!


ทันใดนั้นแม่น้ำสีดำก็เริ่มหมุนคว้างแล้วหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังมีริ้วสีแดงเข้มปรากฏในแม่น้ำสีดำ


ชี่ ชี่!


เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เปลวไฟสีม่วงที่ตอนแรกสามารถต้านไว้ได้ก็ระเบิดควันขาวขึ้นทันที เปลวไฟสลายหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้การกัดกร่อนของแม่น้ำสีดำ


ฉากนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในบริเวณโดยรอบ ขณะที่สมาชิกตระกูลชิงมีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกรุนแรง


ทุกคนบอกได้ว่าความได้เปรียบของเฉวียนจุนเริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่มู่เฉินกำลังทนทุกข์จากขุมพลังที่ด้อยกว่า แม้แต่เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรก็ไม่สามารถชดเชยช่องว่างได้


แม่น้ำสีดำส่งเสียงลั่น ผลักเปลวไฟสีม่วงกลับมาอย่างต่อเนื่อง


“มู่เฉินแพ้แล้ว”


หลายคนส่ายหัวด้วยความเสียดายกับฉากนี้ ความได้เปรียบตกอยู่ในมือของเฉวียนจุนแล้ว ตราบใดที่ปราบปรามได้มู่เฉินก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน


เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชิงก็มีสีหน้าซีดเซียว พวกเขาไม่คิดว่าเส้นทางของมู่เฉินจะหยุดลงตรงนี้


แต่พวกเขารู้ดีว่ามู่เฉินได้ทำเต็มที่แล้ว การสู้ถึงระดับนี้ด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ธรรมดาเพียงใด


“จากวันนี้ไปตระกูลชิงจะต้องปกป้องมู่เฉินด้วยทั้งหมดที่มี” ชิงเทียนประกาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ว่าตระกูลเฉวียนจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ให้สงบลงได้ ดังนั้นตระกูลชิงก็ไม่สามารถนั่งมองเฉยๆ ได้อีกต่อไป


ชิงเซวียนและชิงหยุนพยักหน้า


“ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว” เฉวียนกวางรู้สึกโล่งใจ ก่อนที่แสงเย็นจะฉายในดวงตา ในเมื่อมู่เฉินไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ หลังจากนี้เมื่อตระกูลเฉวียนและมั่วเข้าควบคุมสภาผู้อาวุโส พวกเขาจะให้ไอ้เด็กนี่ชดใช้จนกระอักตาย!


ตู้ม ตู้ม!


เมื่อเปลวไฟสีม่วงสลายไป เฉวียนจุนก็มองไปที่มู่เฉิน เสียงไม่แยแสดังสะท้อนออกมาว่า “เจ้าแพ้แล้ว”


“ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เปรียบอย่างแท้จริง”


มู่เฉินไม่ได้สนใจเขา หากพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน เขามั่นใจว่าจะสามารถทำลายแม่น้ำใต้พิภพคร่าชีวิตได้ด้วยเพลิงม่วงของเขา


เมื่อเฉวียนจุนเห็นว่ามู่เฉินไม่มีความกลัวในสายตา เขาก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจพลางคิดว่าชายหนุ่มคงจะทำตัวเป็นเข้มแข็ง ดังนั้นเขาจึงสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับเค้นเสียงขึ้นจมูก


ตู้ม!


แม่น้ำสีดำไหลลงมาและดับเปลวไฟสีม่วงก่อนที่จะห่อหุ้มมู่เฉิน


“ข้าจะขังเจ้าไว้ ให้เจ้าคร่ำครวญถึงความโง่เขลาของตัวเอง!”


ซ่าๆๆๆ!


แม่น้ำสีดำโอบล้อมมู่เฉินภายใต้ความสนใจทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์มู่เฉินหมดท่าแล้ว


หลายคนส่ายหัว ช่างน่าเสียดายเนื่องจากเขาอยู่ห่างจากความสำเร็จอีกก้าวเดียวเท่านั้น ทว่าก็ถูกยับยั้ง ตระกูลเฉวียนสมกับเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งในเผ่าฝูถูอย่างแท้จริง


แม่น้ำสีดำสะท้อนในม่านตา ทว่าเผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวังมู่เฉินก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พลางพึมพำ “ในเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรยังไม่สามารถชดเชยช่องว่างได้… งั้นก็ปลี่ยนเป็นอีกขั้นแล้วกัน”


มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน ก่อนที่ร่างกายจะเปล่งรัศมีกระจ่างใส


ในเวลาเดียวกันลวดลายสีม่วงทั้งแปดก็กลายเป็นสีแรกเริ่ม ลวดลายที่เก้าค่อยๆ ก่อตัวขึ้น…


เมื่อลวดลายที่เก้าถูกสร้างขึ้น แม้แต่ฝูถูเฉวียนก็มีท่าทางเปลี่ยนแปลง เขาลุกขึ้นทันทีพลางมองร่างที่ไกลออกไปบนท้องฟ้าจากยอดเขาด้วยความไม่เชื่อ

 

 

 


บทที่ 1427 แสงเทพสะเทือนเผ่าโบราณ

 

บนร่างกายของมู่เฉิน


ลวดลายวุ่นวายอันเวิ้งว้างทั้งเก้าปรากฏขึ้น ดูเหมือนจะถูกสลักลึกลงไปในร่างกายตั้งแต่กำเนิดและเต็มไปด้วยสัมผัสแห่งสวรรค์และโลก


ฝูถูเฉวียนผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง ไม่สามารถรักษาอาการได้อีกต่อไป ความไม่เชื่อฉายบนใบหน้าเมื่อมองลวดลายโบราณทั้งเก้าบนร่างกายของมู่เฉิน


เขารู้ว่านี่เป็นตัวแทนของอะไร


นี่คือเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรในตำนาน!


“เป็นไปได้ยังไง? เจ้าเด็กกาลกิณีครอบครองเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรได้อย่างไร?!” ฝูถูเฉวียนอุทาน เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรเป็นตำนานแม้กระทั่งในเผ่าฝูถู ตั้งแต่โบราณกาลมีสามครั้งที่เส้นหลิงในตำนานปรากฏขึ้นในเผ่า ซึ่งทั้งหมดเป็นบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดของพวกเขา


บรรพบุรุษทั้งสามนี้ก่อตั้งเผ่าฝูถู หลังจากนั้นเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพรก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลย แม้ว่าเส้นหลิงนี้จะไม่ได้แสดงอะไรที่เฉพาะเจาะจง แต่ก็แสดงถึงความบริสุทธิ์ของสายเลือดในระดับหนึ่ง


ดังนั้นสายเลือดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเผ่าโบราณ


นี่เป็นสาเหตุที่การแต่งงานของชิงเหยี่ยนจิ้งสร้างความโกรธแค้น พวกเขาหวังในตัวนางมาก ทว่านางกลับทำให้สายเลือดต้องแปดเปื้อน


แต่เมื่อมองในตอนนี้ ฝูถูเฉวียนรู้สึกอยากจะกระอักเลือด สายเลือดของมู่เฉินไม่เพียงแต่ไม่แปดเปื้อน แต่ยังมีกระทั่งเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรอีกด้วย นั่นไม่ได้หมายความว่าในแง่ของความบริสุทธิ์สายเลือดของมู่เฉินแข็งแกร่งกว่าทุกคนในเผ่าหรือ?


ความตกใจเผยบนใบหน้าของฝูถูเฉวียนเป็นเวลานานก่อนที่จะค่อยๆ สงบลงและมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน


หลังจากที่ฝูถูเฉวียนสังเกตเห็นไม่นาน คนทั้งเผ่าและผู้ชมก็เห็นลวดลายโบราณเก้าลายบนร่างกายของมู่เฉิน ทำเอาพวกเขาตกตะลึงไป


ทุกคนสูดอากาศเย็นเข้าปอด ก่อนที่ความปั่นป่วนจะระเบิดขึ้น


“สวรรค์ ข้าเห็นอะไรกัน? นั่นคืออะไร?!”


“ข้าเห็นเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรในตำนานหรือเนี่ย?!”


“มู่เฉินมีเส้นหลิงสองเส้นได้ยังไง? นอกจากนี้หนึ่งในนั้นยังเป็นเก้าชีพจร? เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า!”


“เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร… มิน่าล่ะเจ้านี่ถึงร้ายกาจมาก ที่แท้ก็ครอบครองเส้นหลิงสุดยอดในตำนานนี่เอง!”


ความโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่ว ตระกูลเฉวียนที่เคยเยาะเย้ยก็อ้าปากค้าง ตอนนี้พวกเขามองร่างเงาพร่างพราวบนท้องฟ้าแล้วตาพร่าอยากเป็นลม


เฉวียนหลัวถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปาก ใบหน้าเขียวคล้ำแม้แต่ร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้าน แต่ไม่มีใครรู้ว่ามาจากความตกใจหรือความกลัว หากเขายังคงรักษาหัวใจไว้ได้อย่างเข้มแข็งจากเส้นหลิงแปดชีพจร ยามนี้หัวใจของเขากระเด้งกระดอนเมื่อเห็นเส้นหลิงเก้าชีพจรนี่


เฉวียนกวางก็มองไปที่มู่เฉินอย่างอึ้งทึ่ง ขณะนี้แม้แต่เขายังไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป ท่าทางที่เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดูน่าขนลุกนัก


เขารู้สึกอยากจะฆ่ามู่เฉินในตอนนี้


มิฉะนั้นหากมู่เฉินบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในอนาคต เมื่อถึงเวลานั้นมันกับมารดาก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสองคน งานนี้แม้แต่คนทั้งเผ่าก็ไม่สามารถปราบปรามสองแม่ลูกนี้ได้


และหากสองแม่ลูกนี่แก้แค้น ตระกูลเฉวียนจะเป็นตระกูลแรกที่ถูกโจมตีอย่างแน่นอน!


ทว่าเฉวียนกวางก็ได้แต่ระงับจิตสังหารในใจ เนื่องจากเขารู้ดีว่าหากเขาเคลื่อนไหว ผู้อาวุโสใหญ่จะหยุดเขาทันที ตาแก่นั่นหัวรั้นเป็นพิเศษและทำตามกฎของเผ่าประหนึ่งอาญาสิทธิ์สวรรค์


นี่เป็นสาเหตุที่ชิงเหยี่ยนจิ้งถูกจองจำเมื่อละเมิดกฎ แม้แต่เฉวียนกวางก็ไม่ได้รับการยกเว้น


ขณะที่ทุกคนตกตะลึง ในที่สุดใบหน้าของหมัวเฮอโยวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขามองไปที่ร่างเงาของมู่เฉินด้วยระลอกความกลัวตีกวน


“เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร…” ในฐานะสมาชิกเผ่าหมัวเฮอ เขารู้ความหมายสิ่งนี้ ด้วยพรสวรรค์ของมู่เฉินมีโอกาสสูงที่จะไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในอนาคต!


นั่นหมายความว่าในอนาคตจำนวนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งที่เป็นประจักษ์ของเผ่าฝูถูจะมีถึงสามคน!


“เจ้านั่นเป็นปัญหาแท้จริง!”


สายตาของหมัวเฮอโยวน่ากลัวลงเมื่อมองไปที่มู่เฉินด้วยไอสังหารในดวงตา


 


ขณะที่ทุกคนตกตะลึง


เฉวียนจุนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขามองไปที่ลวดลายโบราณทั้งเก้าบนร่างกายของมู่เฉินก่อนจะกระชากเสียง “ตอแหล คิดจะทำให้ข้าหมดความมั่นใจแล้วฉวยโอกาสเรอะ?!”


เฉวียนจุนไม่คิดจะเชื่อว่ามู่เฉินครอบครองเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร นอกจากนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเชื่อได้ในตอนนี้ เพราะจะทำให้เขาเผยช่องโหว่ให้มู่เฉินซัดกลับได้


ดังนั้นไม่ว่ามู่เฉินจะครอบครองเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรหรือไม่ เขาก็ต้องเอาชนะมู่เฉินให้ได้


“ตาย!”


เฉวียนจุนตะเบ็งเสียงพลางสะบัดแขนเสื้อ ความปั่นป่วนของแม่น้ำสีดำทวีความน่ากลัวยิ่งขึ้นขณะที่โอบล้อมมู่เฉินราวกับมังกร


ทุกคนรวมความสนใจไปในที่เดียว พวกเขาอยากรู้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรของมู่เฉินเป็นของจริงหรือไม่…


และการพิสูจน์จะเกิดขึ้นในระหว่างการปะทะของทักษะหลิงไม่เสินทง


มู่เฉินค่อยๆ ลืมตาโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า เขามองไปที่แม่น้ำจากนั้นก็วาดตราประทับในมืออึดใจต่อมาเสียงเขาก็ดังก้องขึ้น


“ทักษะหลิงไม่เสินทง เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร… แสงเทพปฐมกาล”


เมื่อเสียงสิ้นสุดลง แสงสีขาวก็พุ่งขึ้นจากด้านหลังร่างมู่เฉินกลายเป็นการระเบิดของมหานวดาราทำให้ทุกคนตาลายไปหมด


เมื่อกลุ่มแสงไร้ระเบียบพุ่งทะยานขึ้น มู่เฉินก็โบกมือซัดไปยังแม่น้ำสีดำที่เคลื่อนลงมา


วาบ!


ฉากที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น แม่น้ำสีดำหายไปทันทีเมื่อกลุ่มแสงไร้ระเบียบพุ่งผ่าน ทำให้แสงส่องลงมายังพื้นที่นี้อีกครั้ง


ฉากนี้ทำให้ทุกคนอ้าปากตาค้าง


แม่น้ำสีดำที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังหวาดกลัวกลับถูกมู่เฉินทำลายได้อย่างง่ายดายเรอะ?!


ทุกคนมองกลุ่มแสงไร้ระเบียบที่เพิ่มขึ้นด้านหลังมู่เฉินด้วยความหวาดผวา เมื่อพวกเขามองเข้าไปใกล้ก็เห็นว่ามีเส้นสีดำบางๆ อยู่ในนั้น ซึ่งก็คือแม่น้ำสีดำ


“ทักษะหลิงไม่เสินทงนี้คืออะไร? ครอบงำเหลือเกิน!” มีคนร้องอุทาน พวกเขารู้สึกหวาดกลัวกับทักษะนี้ยิ่งนัก


เฉวียนจุนก็ตกตะลึงกับฉากนี้ ก่อนที่จะถอยกลับพร้อมกับความกลัวพล่านในดวงตา เห็นได้ชัดว่าเขากลัวมู่เฉินมาก


“แกคิดจะหนีไปไหน?”


มู่เฉินเค้นเสียง กลุ่มแสงไร้ระเบียบพุ่งใส่เฉวียนจุน


ใบหน้าของเฉวียนจุนฉาบด้วยความสยดสยอง ขณะที่ปลดปล่อยคลื่นหลิงออกมาเพื่อปกป้อง


ทว่าสิ่งนี้ก็ไร้ผล เมื่อกลุ่มแสงไร้ระเบียบกวาดลง เฉวียนจุนก็รู้สึกว่าตัวเขาถูกกักขังอยู่ในมิติอื่นโดยปราศจากแนวคิดเรื่องพื้นที่และเวลา ทุกสรรพสิ่งถูกแช่แข็ง


ดังนั้นเมื่อกลุ่มแสงไร้ระเบียบกวาดผ่าน ร่างเฉวียนจุนก็หายไป ส่วนกลุ่มแสงด้านหลังมู่เฉินก็ปรากฏให้เห็นใบหน้าตื่นตระหนกของเฉวียนจุน


ชัดว่าเขาถูกขังในกลุ่มแสงไร้ระเบียบลึกลับแล้ว


ทุกคนตกอยู่ในความเงียบด้วยความตกใจกับฉากนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ไม่สามารถต้านทานกลุ่มแสงไร้ระเบียบได้? มิหนำซ้ำยังถูกคุมขังในกระบวนท่าเดียวด้วย?


ช่างเป็นทักษะหลิงไม่เสินทงที่น่ากลัวนัก!


ทุกคนตกตะลึง ทักษะหลิงไม่เสินทงนี้อาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าของมหาพันภพเลยทีเดียว!


“นี่คือทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรหรือ? ทรงพลังอย่างแท้จริงและยากที่จะป้องกันได้!” บางคนถอนหายใจ แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น แต่เขาก็ไม่ต้องกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนด้วยความสามารถของเส้นหลิงนี้


สมาชิกเผ่าฝูถูต่างตกตะลึง แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเฉวียนจุนแพ้หรือ?


ผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลชิงก็ตั้งตัวไม่ทัน พวกเขามองหน้ากัน ไม่คิดว่าชัยชนะจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะมู่เฉินตกอยู่ในสถานะอันตรายเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนหน้า แต่ไม่นานก็กลับตาลปัตร เฉวียนจุนที่อยู่เหนือถูกขัง


“ทรงพลังเหลือเกิน”


ดวงตาชิงหลิงเป็นประกาย ขณะมองไปที่มู่เฉิน แม้แต่ใบหน้าของนางก็ยังเห่อแดง มู่เฉินแสดงพลังต่อหน้าเผ่าฝูถูให้เป็นที่ประจักษ์ โดยไม่มีใครสามารถปฏิเสธความแข็งแกร่งของเขาได้


สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลชิงก็รู้สึกภาคภูมิใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าตัวตนของมู่เฉินเป็นอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้เขาคือประมุขตระกูล ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกแห่งชัยชนะได้


ตระกูลเฉวียนอยู่ในความเงียบงัน ส่วนตระกูลมั่วฉายท่าทางเคร่งเครียดรุนแรงพร้อมกับความกลัวในดวงตา


เฉวียนกวางมองไปที่มู่เฉิน ราวกับว่าต้องการแล่เนื้อเถือหนังอีกฝ่าย


มู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังขณะที่มหานวดาราที่เบื้องหลังเปล่งรัศมีงดงามออกมา เขาก้มศีรษะลงมองไปที่ตระกูลเฉวียน เสียงของเขาสะท้อนออกมาโดยไม่มีใครหักล้างได้


“พวกเจ้าแพ้แล้ว คืนตำแหน่งมาซะ”

 

 

 


บทที่ 1428 ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

เมื่อเสียงของมู่เฉินดังออกมา


ทุกคนก็เงียบลงขณะดูฉากตรงหน้าด้วยความอึ้งทึ่ง พักใหญ่ถึงคืนสติได้ว่ามู่เฉินชนะแล้ว…


เขาปะทะกับตระกูลเฉวียนด้วยตัวคนเดียวและคว้าตำแหน่งกลับคืนมาจากหนึ่งในสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าฝูถู


“ช่างดุดันจริงๆ…”


ความเงียบดำเนินไปเป็นเวลานานก่อนที่จะเกิดเสียงทอดถอนหายใจ ผู้นำหลายคนมองไปที่มู่เฉินด้วยความเคร่งเครียดและความกลัว


ชัดว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาน่าตกใจแท้จริง


ต้องรู้ว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น แต่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็แพ้ให้เขา หากในอนาคตเขาบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งหรือ?


“เผ่าฝูถูช่างน่าหัวเราะจริงๆ ที่ปฏิบัติต่อสุดยอดอัจฉริยะราวกับคนบาป นี่คือยอดยุทธ์ที่มุ่งมั่นจะบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ถ้าเป็นขั้วอำนาจอื่น เขาจะถูกเลี้ยงดูในฐานะเสาหลักแล้ว”


“หึๆ พวกเผ่าโบราณบ้าบอเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของสายเลือดอยู่ตลอด” ผู้ชมหลายคนกระซิบกระซาบขณะพึงพอใจกับฉากนี้


เมื่อสมาชิกเผ่าฝูถูได้ยิน ใบหน้าแต่ละคนก็บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด แต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะหักล้างได้ เพราะยังไงมู่เฉินก็ได้ชื่อว่าตัวกาลกิณีของเผ่าอย่างแท้จริง


ใบหน้าของเฉวียนกวางเคร่งขรึมลง หมัดกำแน่นในแขนเสื้อ วันนี้ตระกูลเฉวียนของเขาได้รับความอับอายจากมู่เฉินยิ่งนัก


“ไอ้เด็กสารเลว กล้าทำลายแผนการของตระกูลเฉวียนข้า!” เขาสบถกับตัวเอง


เฉวียนกวางโกรธมาก เขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ทั้งๆ ที่แผนกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่มู่เฉินก็ดันทำให้ทุกอย่างพังพินาศลง


แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ เนื่องจากตระกูลเฉวียนแพ้ทั้งสี่ยก ดังนั้นพวกเขาต้องส่งตำแหน่งคืนให้


หลังจากนั้นดวงตาเขาก็กะพริบสั้นๆ เฉวียนกวางหันไปหาฝูถูเฉวียนพูดว่า “ตระกูลเฉวียนยอมรับความพ่ายแพ้และขอส่งตำแหน่งคืน แต่ว่าอย่างไรมู่เฉินก็เป็นตัวกาลกิณี ซึ่งผิดกฎที่เขาจะเป็นประมุขตระกูลชิง ข้าต้องการเปิดสภาเพื่อกันเขาออกจากสถานะนั้น”


ตอนนี้มู่เฉินมีตัวตนเป็นประมุขตระกูลชิง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจัดการ แต่ถ้าเขาขาดคุณสมบัติ พวกเขาก็จะมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะจัดการในฐานะตัวกาลกิณี


“ตระกูลชิงของข้าปฏิเสธ!” ชิงเทียนร้องตะโกนด้วยรู้ถึงความตั้งใจของเฉวียนกวาง


“ตระกูลมั่วเห็นด้วย” มั่วถงพูดหลังจากไตร่ตรองสั้นๆ เขาลงเรือลำเดียวกันตระกูลเฉวียนเพื่อบีบตระกูลชิงออกไป ดังนั้นเขาไม่ต้องการเห็นมู่เฉินทำลายกฎเกณฑ์ นอกจากนี้เขายังกลัวศักยภาพที่มู่เฉินแสดงออกมา จึงเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะกำจัดเด็กเหลือขอในวันนี้


เฉวียนกวางและมั่วถงมองไปที่ตระกูลย่อย ผู้อาวุโสทั้งสามก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยเนื่องจากแรงกดดันที่ได้รับ


เมื่อฝูถูเฉวียนเห็นสิ่งนี้ คิ้วก็ขมวดก่อนที่จะพยักหน้า “เนื่องจากผู้อาวุโสกว่าเจ็ดส่วนเห็นด้วยก็สามารถเปิดสภาผู้อาวุโสได้ตามกฎ”


เมื่อเฉวียนกวางได้ยิน รอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก


มู่เฉินมองภาพเบื้องหน้าอย่างเย็นชาและยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องจัดให้ตัวเองลำบาก ข้าไม่สนใจตำแหน่งประมุขตระกูลชิงนักหรอก เหตุผลที่ข้ามาก็คือเพื่อเก็บดอกเบี้ยจากตระกูลเฉวียน”


เมื่อพูดจบ เขาก็โบกมือ ป้ายประจำตระกูลพุ่งกลับไปที่ชิงเทียน


เมื่อชิงเทียนรับไว้ก็มีสีหน้าซับซ้อน เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่สนใจในตำแหน่งนี้เลย แม้ว่าจะไม่มีความเกลียดชังต่อพวกเขา แต่ก็ห่างเหิน


การกระทำของมู่เฉินทำให้เฉวียนกวางอึ้งไปก่อนจะเค้นเสียง เพราะนี่ช่วยลดปัญหาไปพอสมควรเลยทีเดียว


“ผู้อาวุโสใหญ่ มู่เฉินเป็นตัวกาลกิณี ตามกฎแล้วเราควรจับเขาและ…”


“ไม่จำเป็น เหตุผลที่ข้ามาเผ่าฝูถูก็เพื่อพามารดาออกจากที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราแม่ลูกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าฝูถูอีก” ก่อนที่เฉวียนกวางจะพูดจบ เสียงไม่แยแสของมู่เฉินก็ดังขัดจังหวะ


คำพูดของเขาทำให้ทั่วบริเวณเงียบไปอีกครั้ง ใบหน้าผู้คนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนไป ถ้าเมื่อครู่ที่มู่เฉินท้าทายตระกูลเฉวียนยังเป็นไปตามกฎ งั้นตอนนี้เขากำลังท้าทายเผ่าฝูถูทั้งหมด


“ไอ้หนูนั้นห้าวเกินไปแล้ว กล้าพูดจาสามหาวแบบนี้ได้ยังไง?”


หลายคนแลกเปลี่ยนสายตา ขณะที่พวกเขารู้สึกไม่เอยากเชื่อและตกใจ พวกเขาตะหงิดในใจว่าเรื่องหลักวันนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น


การต่อสู้เมื่อครู่เป็นเพียงจานเรียกน้ำย่อยและนี่คือจานหลัก


ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะไม่หยุดพัก เว้นแต่เขาจะพลิกเผ่าฝูถูกลับหัวกลับหาง


แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความมั่นใจของมู่เฉินมาจากไหน ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น ถ้าเขาท้าทายเผ่าฝูถูก็จะคล้ายกับการวิ่งเข้าอุโมงค์ความตาย


เฉวียนกวางรู้สึกตะลึงกับการเคลื่อนไหวไม่คาดคิดของมู่เฉิน แต่จากนั้นเขาก็ฟื้นคืนสติเกิดความสุขขึ้นในใจ มู่เฉินยังเด็กและบ้าบิ่นพูดคำที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ คราวนี้ผู้อาวุโสใหญ่นั่งไม่ติดแน่


เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าฝูถูเฉวียนดิ่งลงตามคาด


“บังอาจ!”


เสียงตะโกนของฝูถูเฉวียนดังก้องด้วยความเกรี้ยวกราด ทำให้สวรรค์และโลกเงียบงันในทันที พลังอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่


ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับความโกรธเกรี้ยวของฝูถูเฉวียน แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว


“เจ้ากาลกิณี เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถแล้วจะทำอะไรก็ได้เรอะ คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน?” ฝูถูเฉวียนคำรามในขณะที่พูดต่อ “ชิงเหยี่ยนจิ้งละเมิดกฎเป็นนักโทษ ข้าจะยอมให้เจ้าพานางไปได้ยังไง?”


สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเย็นชากล่าวว่า “ตาแก่ ข้าไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเผ่าฝูถู ดังนั้นเก็บขี้ไว้กับตัวเองเหอะ”


มู่เฉินเกลียดคนแก่โง่เง่าดื้อรั้นคนนี้นัก ถ้าไม่ใช่เพราะตาแก่นี่ เขาก็คงไม่ต้องแยกจากมารดาหลายปี ดังนั้นเขาจึงไม่คิดไว้หน้าชายชราสักนิด


สมาชิกเผ่าฝูถูต่างตกตะลึง ผู้อาวุโสใหญ่ดำรงตำแหน่งสูงในเผ่ามีบารมียิ่งใหญ่ แม้แต่ประมุขตระกูลต่างๆ ยังไม่กล้าที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ แต่มู่เฉินกลับเรียกเขาว่าตาแก่ ช่างกล้าเหลือเกิน


“จองหอง เจ้าเป็นเด็กป่าเถื่อนไม่มีมารยาทจริงๆ!” ใบหน้าของฝูถูเฉวียนมืดครึ้มขณะที่อารมณ์โกรธลั่นเปรียะ “ทุกคนจับมัน! ข้าจะดูว่ามันมีสิทธิ์อะไรที่จะมารับชิงเหยี่ยนจิ้งออกจากเผ่าฝูถู!”


“รับทราบ!”


เฉวียนกวางและมั่วถงดีใจ พวกเขาลุกขึ้นยืนเตรียมนำผู้เชี่ยวชาญไปจับตัวมู่เฉิน


“มู่เฉินหยิ่งเกินไป ตอนนี้ก็ทำให้ฝูถูเฉวียนโกรธแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าฝูถูทั้งหมดได้อย่างไร?” ผู้ชมต่างพากันส่ายหวือกับเหตุการณ์นี้


แต่เมื่อจอมยุทธ์ตระกูลเฉวียนและมั่วกำลังจะเคลื่อนไหวเสียงหัวเราะก็ดังก้อง “มู่เฉินเป็นสหายของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูของเรา ดังนั้นหากเผ่าฝูถูต้องการกลั่นแกล้งเขา เราคงยอมรับไม่ได้”


เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที พวกเขามองไปตามเสียงก็เห็นชายชราและชายทรงเสน่ห์เข้าสู่ครรลองสายตา


เมื่อพวกเขาเห็นทั้งสองคนแม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูก็เปลี่ยนสีหน้าและหยุดเคลื่อนไหว


ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นทั่วบริเวณ


“นั่นคือท่านเย่าเฉิน เขาคืออาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี…”


“นอกจากนั้นยังมีหลินเตียว เขาเป็นประมุขรองของแคว้นหวูและเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเทพจักรพรรดิสงคราม”


“หือ! ไม่แปลกใจที่มู่เฉินไม่เกรงกลัวเผ่าฝูถู เขาขอยืมพลังนั่นเอง เก่งจริงๆ แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูไม่ใช่ขั้วอำนาจที่ใครๆ ก็เชิญได้!”


“ใช่ ความสามารถอะไรเนี่ย มู่เฉินน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”


ทุกคนตกตะลึง แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูชื่อเสียงขจรขจายทั่วมหาพันภพ ทั้งสองเป็นขุมกำลังสุดยอดที่ไม่อ่อนแอไปกว่าห้าเผ่าโบราณเลย


เฉวียนกวางและมั่วถงตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและคว้นหวูจะออกตัวช่วยมู่เฉิน แม้จะต้องเป็นศัตรูกับเผ่าฝูถู


“บัดซบ ไอ้หนูนั่นเติบโตถึงขนาดที่แม้แต่แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูก็พุ่งเข้ามาช่วยเขาเรอะ?!” พวกเขาสองคนรู้สึกเสียใจในใจ หากพวกเขารู้เรื่องนี้คงจะจัดการกับมู่เฉินให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่แม้พวกเขาก็ยังหวาดกลัว


พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้อาวุโสใหญ่สามารถอดกลั้นต่อการแทรกแซงจากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูได้หรือไม่


ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปที่ฝูถูเฉวียน ซึ่งสามารถเห็นท่าทางน่ากลัวของอีกฝ่าย สายตาเฉียบคมนั้นพุ่งไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว


แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตานั่น เย่าเฉินและหลินเตียวก็ยังฉายท่าทางสงบนิ่ง


“แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูคิดจะทำให้เผ่าฝูถูลำบากเพื่อตัวกาลกิณีนั่นรึ?” เสียงของฝูถูเฉวียนดังก้อง แต่ไม่มีใครรับรู้อารมณ์ใดของเขา


เย่าเฉินยิ้มบาง “มู่เฉินเป็นสหายน้อยของศิษย์ข้า เราหวังว่าเผ่าฝูถูจะละเว้นจากการกลั่นแกล้งในเรื่องนี้ได้”


แม้ว่าหลินเตียวจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทีชัดเจนมาก


ทั่วบริเวณเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว หากสถานการณ์นี้ไม่ได้รับการจัดการอย่าวงดี อาจส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างสามขั้วอำนาจสุดยอด ทั่วทั้งมหาพันภพต้องได้รับผลกระทบแน่นอน


ภายใต้ความเงียบที่อัดแน่นด้วยความกดดัน ดวงตาของฝูถูเฉวียนถมึงทึงขณะมองไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว จากนั้นครู่หนึ่งเสียงไม่แยแสก็ดังขึ้น


“แล้วพวกเจ้าสองคนจะทำอะไร ถ้าข้ายืนยันจะจับเจ้าเด็กนั่น?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)