หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1405-1408
บทที่ 1405 ปราบเฉวียนเทียน
การต่อสู้สั่นสะเทือนทวีปเทียนหลัวสิ้นสุดลง
แต่ระลอกคลื่นที่เกิดจากเรื่องนี้กระเทือนไปทั้งทวีปเลยทีเดียว
หากการต่อสู้ระหว่างตำหนักมู่และสามประมุขจักรวรรดิเหนือ ทำให้ชื่อของพวกเขาเพิ่มขึ้น
การต่อสู้ครั้งนี้ก็ดันตำหนักมู่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของทวีป โดยมีขั้วอำนาจนับไม่ถ้วนรู้สึกเลื่อมใสพวกเขา
ในอนาคตจักรวรรดิเหนือจะเป็นดินแดนของตำหนักมู่เพียงหนึ่งเดียว ไม่มีใครกล้าละโมบมาคว้าอีกต่อไป สำหรับขั้วอำนาจสูงสุดของทวีปเทียนหลัว พวกเขาก็เริ่มหวาดเกรงมากต่อตำหนักมู่เนื่องจากเรื่องนี้
นั่นเป็นเพราะตำหนักมู่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนและตัดสินจากพลังการต่อสู้ที่น่าตกใจของมู่เฉิน ซึ่งอาจกลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังสูงสุดของมหาพันภพ หากไม่ใช่เพราะตำหนักมู่ยังขาดรากฐาน
หากอยู่ในทวีปอื่น พลังในปัจจุบันของมู่เฉินสามารถทำให้เขายึดครองทั้งทวีปเป็นดินแดนของตัวเองได้ โดยไม่มีใครกล้าที่จะคัดค้านแม้แต่คำเดียว
นั่นเป็นเพราะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในมหาพันภพคล้ายกับการดำรงอยู่ที่ยอดเยี่ยม เทียบเท่ากับจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพ ด้วยการได้รับเกียรติจากการประกาศให้เป็นยอดยุทธ์และปกครองทวีป
แต่ทวีปเทียนหลัวเป็นหนึ่งในมหาทวีปของมหาพันภพ ทรัพยากรที่มีอยู่ก็ยากเกินจินตนาการ แม้แต่ขุมกำลังสูงสุดก็ยังปรารถนา ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนอยู่ แต่ขั้วอำนาจสูงสุดก็มีผู้สนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนนี้ แม้ว่าตำหนักมู่จะแสดงอำนาจเหนือคนอื่นๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปกครองทวีปเทียนหลัวทั้งหมด
หากพวกเขาทำจริงก็จะดึงดูดความไม่พอใจของขั้วอำนาจจำนวนมากอย่างแน่นอน คงไม่ง่ายเหมือนถ้ำรัศมีม่วง วิหารเสียงสายฟ้าและถ้ำคัมภีร์มังกร
หากพวกเขาดึงดูดความเกลียดชังมากเกินไป แม้แต่มู่เฉินก็คงจัดการไม่หวาดไหว เว้นแต่ว่ามู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง การยึดทวีปเทียนหลัวทั้งหมดก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
ดังนั้นมู่เฉินจึงมีคำสั่งให้ยึดดินแดนทั้งหมดของจักรวรรดิเหนือเท่านั้น แต่ห้ามมิให้แตะต้องดินแดนอื่น เพราะกลัวว่าจะดึงดูดการต่อต้านจากขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ
เนื่องจากพื้นที่จักรวรรดิเหนือที่กว้างใหญ่ ตำหนักมู่ก็ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งย่อยเลยทีเดียว…
ตำหนักมู่ วังสวรรค์บรรพกาล
ร่างแสงทะยานลงมาบนภูเขาที่ตั้งตระหง่านข้างทะเลสาบสวรรค์ มู่เฉินปรากฏตัวและนั่งลงบนยอดเขา เขามองลงไปก็จะเห็นทะเลสาบสวรรค์ทั่วทุกมุม ราวกับเข็มขัดสีเงินคาดภูเขาสง่างามเอาไว้
แท่นฝึกยุทธ์รอบทะเลสาบมีร่างเงามากมายนั่งอยู่ เมื่อมู่เฉินมาถึงก็ทำให้เกิดความปั่นป่วน ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดทุกสายตาเข้ามา
จอมยุทธ์ที่สามารถมาที่นี่ได้ล้วนแต่เป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของสำนักใต้การบังคับบัญชาของตำหนักมู่ นั่นเป็นเพราะมีเพียงจอมยุทธ์รุ่นใหม่เหล่านั้นที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากทะเลสาบสวรรค์
ดังนั้นจึงมีหนุ่มสาวมากมายอยู่รอบๆ ช่างราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์
“ดูสิ! นั่นท่านประมุข!”
เมื่อมู่เฉินปรากฏตัว ก็ทำให้สายตาเคารพนับถือจ้องมองมาทันที
“ประมุขน่าเกรงขามอย่างแท้จริง เขาก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนในตำนานได้ตั้งแต่อายุยังน้อย กลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ที่มีอำนาจสูงสุดในมหาพันภพ…” หญิงสาวหลายคนทำท่าเคลิ้มเมื่อมองดูร่างหล่อเหลาสง่างามพร้อมดวงดาวพริบพราวในดวงตา
“ฮิๆ ไม่ต้องส่งตาหวานขนาดนั้น ท่านประมุขเป็นใคร? เขาจะชอบเราได้ยังไง” หญิงสาวคนหนึ่งหัวเราะเสียงพลิ้ว
ชายหนุ่มคนหนึ่งถึงกับเค้นเสียงขึ้นจมูก “มีข่าวลือว่าประมุขมีคนรักอยู่แล้ว เทพธิดาคนนั้นฝึกฝนร่างเทพวารี ในอนาคตก็จะเป็นธิดาเทพแห่งมหาพันภพ เลิกเพ้อฝันกันได้แล้ว”
ทว่าชายที่พูดก็โดนถลึงตามองโดยหญิงสาวรอบๆ
ช่วงเวลานี้รอบทะเลสาบสวรรค์จึงปั่นป่วนนัก
แม้ว่าภูเขาจะอยู่ห่างไกลจากทะเลสาบสวรรค์พอสมควร แต่มู่เฉินก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนเหล่านั้น ซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แต่เมื่อมองไปที่จอมยุทธ์รุ่นใหม่เขาก็ระลึกถึงอดีต เขานึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ในสำนักศึกษาเป่ยชาง ตอนที่เขาได้รับการฝึกฝนก็ไม่ต่างอะไรจากพวกเขาไม่ใช่เหรอ?
เขายิ้มค่อยๆ สงบใจลงจากนั้นประกายแสงก็พวยพุ่งออกมาจากนัยน์ตา กลายเป็นเจดีย์ผลึกแก้วใส
หลายวันที่ผ่านมาเขาอยู่ในตำหนักมู่ หลังจากที่ตำหนักมู่เข้าควบคุมดินแดนจักรวรรดิเหนือทั้งหมด เขาถึงได้มีเวลามาที่วังสวรรค์บรรพกาล เนื่องจากตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องจัดการกับปัญหาในเจดีย์ก่อน
ตอนที่เขาสู้กับเฉวียนเทียนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้ผนึกอีกฝ่ายไว้ในเจดีย์แต่ไม่ได้เอาชนะ ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขามีเวลาว่างก็ต้องจัดการกับปัญหานี้ก่อน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถใช้เจดีย์ต่อสู้กับคนอื่นได้
ขณะที่เจดีย์ลอยอยู่ตรงหน้ามู่เฉินก็เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ภาพเงาของมู่เฉินเคลื่อนไหวกลายเป็นริ้วแสงทะยานเข้าไปในเจดีย์
เขากวาดสายตาไปโดยรอบ เกลียวแสงตกผลึกในเจดีย์ก็กำจายรัศมี ก่อร่างหมู่ผลึกดาวอัญมณีเต็มท้องฟ้าโดยมีภาพเงานั่งอยู่ภายใน กำลังใช้คลื่นหลิงในการต้านทาน
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของมู่เฉินที่จ้องมองมา ภาพเงานั้นก็ลืมตาโพลงด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ ชายคนนี้ก็คือเฉวียนเทียนซึ่งถูกปราบอยู่ภายในเจดีย์
มู่เฉินไม่ได้สนใจใบหน้าของเฉวียนเทียน แต่กลับมองเจดีย์ด้วยความสนใจ ตั้งแต่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุน เจดีย์ก็เกิดการเปลี่ยนไปเช่นกัน
ทุกเกลียวผลึกแสงที่ออกมาจากเจดีย์บรรจุด้วยสัญลักษณ์โบราณนับไม่ถ้วนที่มีความสามารถในการปิดผนึกที่ทรงพลัง
ดังนั้นแม้ว่าเฉวียนเทียนจะทรงพลัง ก็ได้แต่ต้องติดแหง็กอยู่ในนั้น ทุกครั้งที่เขาใช้คลื่นหลิง เขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการห่อหุ้มของพลังปิดผนึกเพื่อยับยั้งคลื่นหลิงของเขาอีกที
“ความสามารถในการปิดผนึกของเจดีย์สามารถจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้แล้วเหรอ?” สายตาของมู่เฉินวูบไหว เจดีย์ของเขาไม่มีความสามารถเช่นนี้ในอดีต
“เผ่าฝูถูมีเอกลักษณ์จริงๆ สำหรับการยืนเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณแห่งมหาพันภพได้ ความสามารถในการปิดผนึกนี้ครอบงำอย่างแท้จริง” มู่เฉินถอนหายใจในใจ หากไม่มีเจดีย์คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะกักขังเฉวียนเทียนเอาไว้ได้
“ตาเฒ่าเฉวียนเทียนสะดวกสบายในเจดีย์ของข้าไหม?” มู่เฉินจ้องเฉวียนเทียนด้วยรอยยิ้มอ่อน
ใบหน้าของเฉวียนเทียนดำคล้ำ ขณะที่เขาอยากจะระเบิดความเกรี้ยวกราด แต่ก็ต้องระงับและยอมจำนนต่อความอัปยศอดสู “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ข้าผิดขอโทษตำหนักมู่ของเจ้าด้วย ข้าจะชดเชยให้ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าออกไปว่ายังไงล่ะ?”
เมื่อต้องรอความเมตตาของใครบางคน ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้ารับชะตากรรม ดังนั้นเขายอมแพ้หลังจากถูกมู่เฉินขังไว้ที่นี่
มู่เฉินยิ้มบาง “เจ้าเกือบทำลายตำหนักมู่ของข้า เจ้าคิดว่าค่าทำขวัญแบบนั้นสามารถชดเชยความสูญเสียได้เหรอ?”
เฉวียนเทียนหัวร้อนทันที “เจ้าต้องการอะไร? ข้าไม่ได้ฆ่าคนตำหนักมู่สักคนเลยนะ!”
สายตามู่เฉินกะพริบด้วยแสงเย็นเยือกขณะที่ตอบว่า “ถ้าเจ้าทำ ข้าคงบี้เจ้าให้ตายตอนนี้เลย!”
เมื่อรู้สึกถึงเจตนาฆ่าในคำพูดของมู่เฉิน เฉวียนเทียนก็รู้สึกหนาวสั่นในหัวใจ เขารู้ว่าตอนนี้มู่เฉินสามารถทำเช่นนั้นได้ ตราบใดที่เขาอยู่ในเจดีย์ ก็เป็นไปได้ที่จะปราบเขาไว้นานเท่านานจนกว่าความตายจะมาเรียกเขา
เมื่อนึกถึงผลลัพธ์แบบนั้น เฉวียนเทียนก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้ ก่อนที่ใบหน้าเขาจะเปลี่ยนเป็นมิตร “พี่ชายน้อยมู่ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย เอาจริงเราก็ไม่มีความขุ่นเคืองใดๆ ต่อกัน ข้าแค่ถูกขอร้องโดยตาเฒ่าเฮยกวางเพื่อมาสร้างปัญหาให้กับเจ้า”
“เจ้าต้องการอะไรถึงจะยอมปล่อยข้าไป? ตราบใดที่ข้าทำได้ ข้าจะไม่ปฏิเสธแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นมู่เฉินก็หรี่ตา ตาแก่เฮยกวางจริงด้วยรึ? แต่เรื่องนี้คงไม่ได้ทำคนเดียวแน่ เนื่องจากเขามีตระกูลเฉวียนทรงพลังคอยหนุนหลังอยู่
“ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะปล่อยเจ้าไป” มู่เฉินจ้องไปที่เฉวียนเทียนพลางกล่าว
แม้ว่าเขาจะสามารถจัดการเฉวียนเทียนได้โดยใช้ทั้งหมด แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์สำหรับเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เฉวียนเทียนก็ดีใจ “เงื่อนไขของเจ้าคืออะไร?”
มู่เฉินยิ้ม “ถ้าเจ้ายอมสัญญาว่าจะเป็นผู้อาวุโสของตำหนักมู่ของข้าสักร้อยปี ข้าก็จะตัดหนี้ออกให้ในวันนี้”
“อะไรนะ?!” เฉวียนเทียนเบิกตากว้าง ใบหน้าบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด “ข้ามีความสุขกับอิสระ ทำไมต้องถูกควบคุมโดยเจ้าด้วย!”
เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เงื่อนไขนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นทาสของมู่เฉินหรือ?
มู่เฉินไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาที่รุนแรงของอีกฝ่ายก็พูดขึ้นเบาๆ “ตำหนักมู่ของข้าจะจัดพิธีเชิญเจ้าในฐานะผู้อาวุโส นอกจากนี้ข้าจะไม่สั่งให้เจ้าไปไหนมาไหน ขอแค่อยู่ในตำหนักมู่เป็นเวลาหนึ่งร้อยปีเพื่อปกป้องมัน”
เฉวียนเทียนขมวดคิ้วและเริ่มลังเล
“ถ้าเจ้าไม่เต็มใจข้าก็ไม่บังคับนะ”
มู่เฉินหลุบตา ทว่าความเย็นชาสะสมในม่านตา “แต่เราก็ต้องชำระหนี้ระหว่างกัน”
ขณะที่พูดมือเขาก็ประสานเข้าหากัน เจดีย์สั่นสะท้านก่อนที่ผลึกแสงจะเปล่งประกาย
เมื่อเห็นการกระทำของมู่เฉิน หัวใจของเฉวียนเทียนก็สั่นสะท้าน เขากัดฟัน “สามสิบปี! ข้าจะเป็นผู้อาวุโสของตำหนักมู่ของเจ้าเป็นเวลาสามสิบปี ถ้าใครกล้ามาหาเรื่องภายในกรอบเวลานี้ข้าจะช่วยสุดกำลัง!”
เขาตระหนักดีว่ามู่เฉินเป็นคนเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดแค่ไหน ถ้าคุยกันไม่ลงตัว อีกฝ่ายฆ่าเขาแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉวียนเทียนรอยยิ้มอบอุ่นก็ปรากฏบนใบหน้ามู่เฉินพลางพยักหน้าให้
“ตกลง”
บทที่ 1406 เส้นหลิงขั้นเสิน
เจดีย์บนภูเขาพราวแสงกะทันหัน
ร่างเงาสองร่างทะยานออกมา พวกเขาคือมู่เฉินและเฉวียนเทียนนั่นเอง
ฮา
เมื่อเห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง เฉวียนเทียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ อัดอากาศที่เต็มไปด้วยคลื่นหลิงเข้าไป ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลยที่ถูกปราบปรามไว้ในเจดีย์นั้น
“ผู้อาวุโสเฉวียนเทียน จากนี้ไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยดูแลกันด้วยล่ะ” มู่เฉินหัวเราะเบาๆ พลางประสานมือคารวะ
เฉวียนเทียนหัวเราะเสียงหดหู่ในใจ ตอนแรกเขามั่นใจในงานนี้มาก แต่ไม่คิดว่าตัวเองต้องตกเป็นเชลยของมู่เฉิน มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังถูกขู่จนต้องรับตำแหน่งผู้อาวุโสตำหนักมู่ด้วย…
แม้จะเป็นเวลาเพียงสามสิบปี แต่เสรีภาพของเขาก็ถูกจำกัด สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน นี่ก็เป็นเรื่องน่าสังเวชใจนัก ต้องรู้ว่าด้วยตัวตนของเขาสามารถเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของขั้วอำนาจสุดยอดเหล่านั้นและได้รับผลประโยชน์มากมาย
แต่ในมือของมู่เฉิน ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ต่างๆ เลย ได้แต่ยอมเป็นทาสถึงสามสิบปี
เรื่องนี้ทั้งสองได้ทำสัญญาใจแล้วในเจดีย์ สัญญาเช่นนี้ไม่เป็นอะไรต่อคนอื่นๆ แต่สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนี่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากถ้าไม่ทำตามสัญญาก็ถือเป็นการทำผิดจากใจและทิ้งภัยที่แฝงไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเพาะบ่มพลังของพวกเขาในอนาคต
ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่กังวลว่าเฉวียนเทียนจะวิ่งหนี ส่วนเฉวียนเทียนก็ไม่กังวลว่ามู่เฉินจะขัดคำพูดของเขาในอนาคต
“ผู้อาวุโสเฉวียนเทียนสามารถไขข้อสงสัยของข้าได้หรือไม่?” มู่เฉินนั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
เมื่อมองไปเฉวียนเทียนก็ถามว่า “เจ้าหมายถึงวิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?”
มู่เฉินพยักหน้า จากการปะทะก่อนหน้าเขารู้วิธีที่ทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ทว่ารายละเอียดยังคงต้องถาม เพื่อจะได้ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
เฉวียนเทียนนั่งลง เขาคิดไปครู่หนึ่งก็ไม่ปฏิเสธ เนื่องจากนี่ไม่ใช่ความลับในการฝึก แม้เขาจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็ยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากแหล่งอื่น
“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้วิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบแล้ว…” เฉวียนเทียนสะบัดแขนเสื้อขณะที่พูดต่อ “กายาหลิงเทียนจุนเป็นสัญลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เนื่องจากร่างกายของจอมยุทธ์สามารถเปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ได้ ซึ่งจะมอบความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาให้จอมยุทธ์ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายแทบจะไม่มีสิ้นสุด”
“แต่นั่นเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของกายาหลิงเทียนจุนเท่านั้น โดยการปรับแต่งเส้นหลิงที่อยู่ลึกไปในร่างกายด้วยกายาหลิงเทียนจุนถึงจะทำให้สมบูรณ์ได้”
“ไม่เพียงแต่กายาหลิงเทียนจุนจะทรงพลังมากขึ้น แต่ยังก่อให้เกิดทักษะหลิงไม่เสินทงอีกด้วย”
“ทักษะหลิงไม่เสินทง?” มู่เฉินหดดวงตาขณะที่พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นแผนภาพที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เจ้าออกกระบวนท่า ก็เป็นทักษะหลิงไม่เสินทงใช่ไหม?
ตอนที่เขาต่อสู้กับเฉวียนเทียน อีกฝ่ายอาศัยสิ่งนั้นเพื่อต้านทานการโจมตีของร่างรองทั้งสองของเขาได้เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการป้องกันที่น่าอัศจรรย์มาก
“แผนภาพเคลื่อนดาวทรงพลังมากกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมทั่วไป ถ้าข้าไม่ได้ปะทะกับเจ้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคนอื่นในระดับเดียวกันจะทำลายได้” ขณะที่พูดเฉวียนเทียนก็มองไปที่มู่เฉินด้วยแสงประหลาด เขาสงสัยว่าทำไมตนเองถึงโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับสัตว์ประหลาดด้วย
วิชาสามพิสุทธ์เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังปรารถนา ดังนั้นจินตนาการได้เลยว่ามู่เฉินโชคดีเพียงใดที่ได้รับมา
มู่เฉินยิ้ม “มีกฎใดบ้างที่ทำให้ทักษะหลิงไม่เสินทงเกิดขึ้น?”
“นี่เกี่ยวข้องกับทักษะการเพาะบ่มของเจ้าอย่างมาก” เฉวียนเทียนกล่าวต่อว่า “สำหรับชั้นของทักษะเชื่อมโยงกับความแข็งแกร่งของเส้นหลิงของเจ้า”
“โอ้?” มู่เฉินมองไปที่เฉวียนเทียน
“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนเริ่มฝึกยุทธ์แล้วว่าเส้นหลิงแบ่งออกเป็นขั้นเหยิน-ตี้-เทียน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเหนือเส้นหลิงขั้นเทียนมีขั้นที่หายากที่เรียกว่าเส้นหลิงขั้นเสิน มีจอมยุทธ์หนึ่งในร้อยล้านเท่านั้นที่มีในครอบครอง”
“แต่ละขั้นแบ่งโดยจำนวน หนึ่งถึงสองคือขั้นเหยิน สามถึงสี่คือขั้นตี้ ห้าถึงหกคือขั้นเทียน… และจากเจ็ดถึงเก้าจะเป็นเส้นหลิงขั้นเสิน”
“ตอนนั้นเมื่อข้าปรับแต่งโดยเส้นหลิงก็มีดาวหกดวงอยู่ในนั้น นี่ก็คือเส้นหลิงขั้นเทียน”
เฉวียนเทียนถอนหายใจด้วยความอิจฉาในน้ำเสียง “ว่ากันว่าทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินบางอย่างถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดของยอด แม้จะเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม มากจนพลังอำนาจอาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเลยทีเดียว”
เมื่อมู่เฉินได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาครอบครองวิชาสามพิสุทธิ์และเจดีย์แปดองค์ ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงพลังอำนาจของวิชาในตำนานและพึ่งพาวิชาเหล่านี้เขาจึงอยู่ยงคงกระพันในหมู่จอมยุทธ์ระดับเดียวกัน
ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานหายากยิ่ง ซ้ำมู่เฉินก็รู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะโชคชะตา การพยายามให้ได้มาก็คล้ายกับการขึ้นสวรรค์
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฉวียนเทียน เขาก็รู้สึกตกใจที่ทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินสามารถเทียบเคียงได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน
“เส้นหลิงขั้นเสิน?”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับดวงตาวูบไหว ตอนที่เขาเริ่มฝึกวิทยายุทธเขาไม่แน่ใจในขั้นเส้นหลิงที่มี เนื่องสิ่งนี้ถูกซ่อนไว้มิดชิดจนเขาไม่สามารถรับรู้ได้ ทว่าจีเฉวียนมีเส้นหลิงขั้นเทียน แต่มู่เฉินก็ไม่รู้สึกว่านั่นมีพลังอะไรต่อหน้าเขา
“เวลานี้เส้นหลิงในร่างกายไม่สามารถซ่อนจากประสาทสัมผัสของข้าได้อีกต่อไป” มู่เฉินหายใจเข้าลึก ไม่ว่าเส้นหลิงจะซ่อนอยู่ลึกแค่ไหน เขาก็จะสัมผัสให้ชัดเจนในครั้งนี้
“ข้าต้องรบกวนผู้อาวุโสเฉวียนเทียนคุ้มกันสักหน่อย” มู่เฉินยิ้มให้เฉวียนเทียน
ตอนนี้เรื่องต่างๆ ในตำหนักมู่เริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาก็ต้องการเวลาเพื่อฝึกฝนกายาหลิงเทียนจุนให้บรรลุความสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากภารกิจต่อไปคือการมุ่งหน้าไปยังเผ่าฝูถู ในเวลานั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเขาต้องทำให้พลังพร้อมรบมากสุดเท่าที่ทำได้
เฉวียนเทียนถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ประมุขคนนี้ไม่เกรงใจกันเลยจริงๆ สั่งใช้งานตั้งแต่เริ่ม
แต่เขาก็ผงกหัวรับทราบ จากนั้นก็นั่งลงห่างออกไปร้อยจั้งหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นหลิงบริสุทธิ์ในวังสวรรค์บรรพกาล
“ที่นี่คือวังสวรรค์บรรพกาลสินะ สมกับเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิฟ้าสร้างขึ้น” เฉวียนเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาสามารถบอกได้ว่าพื้นที่ฝึกยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจสูงสุดทั่วไปในมหาพันภพสามารถครอบครองได้ มีเพียงขั้วอำนาจสูงสุดยอดเยี่ยมเท่านั้นที่มีรากฐานพอจะครอบครองมิติคล้ายกันแบบนี้
แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแบบเขา การฝึกฝนที่นี่ก็เป็นประโยชน์ เมื่อมองอย่างนี้สามสิบปีในตำหนักมู่ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมาก
มู่เฉินยิ้มค่อยๆ หลับตาลง
เขาจดจ่ออยู่กับร่างกาย ทุกอณูของเลือดเนื้อ กระดูกและเส้นเลือดที่บรรจุพลังไร้ขอบเขตซึ่งเขารู้สึกได้ในขณะที่หายใจ
มู่เฉินเริ่มค้นหาภายในร่างกาย ทว่าก็ยังไม่สามารถพบเส้นหลิงได้
จิตใต้สำนึกของเขาจมลึกลงไปในร่างกาย เริ่มรู้สึกถึงทุกส่วน แต่ในช่วงแรกเขาก็ไม่ได้พบอะไรเลย ทว่าเขาก็ไม่ได้ผิดหวัง ยังคงส่งกระแสจิตต่อไป
กระบวนการนี้กินเวลานานสองชั่วโมง ก่อนที่เขาจะพุ่งพรวดออกจากกำแพงไปและถูกนำตัวไปยังมิติอื่น
ที่นี่เป็นมิติว่างเปล่าปกคลุมไปด้วยหมอกลึกลับที่ระงับการตรวจจับทั้งหมด
“หมอก?” เมื่อมู่เฉินสัมผัสได้ถึงหมอกหัวใจเขาก็สั่นสะท้าน เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่ามีคนสร้างหมอกขึ้นมาโดยเจตนา
มีใครบางคนทำอะไรกับร่างกายของเขา?
หัวใจของมู่เฉินเต้นรัวก่อนจะค่อยๆ สงบลง เพื่อให้สิ่งนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์จะต้องทำก่อนที่เขาจะเริ่มรับคลื่นหลิงเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นบอกได้เลยว่ามารดาของเขาเป็นคนที่ซ่อนเอาไว้ตั้งแต่เขาเกิด
ชัดเจนว่าเหตุผลที่มารดาทำเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการปิดกั้นไม่ให้เผ่าฝูถูพบเขา
นี่เป็นความพยายามอันขมขื่นของมารดา
“ท่านแม่ขอบคุณ”
มู่เฉินพึมพำรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ
“แต่ลูกไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป ต่อให้หมอกนี้สลายไป ก็ไม่มีใครหน้าไหนทำอะไรข้าได้แล้ว”
เหมือนได้ยินเสียงพึมพำของมู่เฉิน หมอกลึกลับก็สั่นสะเทือนตอบรับก่อนที่จะสลายไป
เมื่อหมอกสลาย แสงก็แผ่กระจายก่อร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยวภายใต้สายตาของมู่เฉิน
“พระจันทร์ม่วงหนึ่งดวง?” หัวใจของมู่เฉินเต้นระรัว ตามที่เฉวียนเทียนบอกแบ่งขั้นตามจำนวนหนึ่งถึงเก้า นี่ไม่ได้เป็นระยะต่ำสุดของเส้นหลิงขั้นเหยินเหรอ?
ขณะที่มู่เฉินกำลังหดหู่ พื้นที่รอบดวงจันทร์ก็ส่องแสง ดวงจันทร์ดวงอื่นก็ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงที่เบื้องหน้าเขาเปล่งแสงลึกลับออกมา
เมื่อดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงปรากฏขึ้น ร่างกายเขาก็เริ่มเปล่งประกาย ลวดลายดวงจันทร์พร่างพราวแปดดวงเผยขึ้นบนร่างกายเขา
พร้อมกันนั้นความยิ่งใหญ่ก็แผ่กระจายออกไปในทันที
เมื่อเฉวียนเทียนเห็นฉากนี้ ดวงตาก็หดลงและอดอุทานไม่ได้ “ดวงจันทร์แปดดวง?!
“เจ้าเด็กนี่มีเส้นหลิงขั้นเสินเหรอเนี่ย?!”
บทที่ 1407 ดวงอาทิตย์มาปรากฏในวันนี้
“พระจันทร์ม่วงแปดดวง…”
มู่เฉินมองดวงจันทร์ทั้งแปดก็ยิ้มในใจ นี่หมายความว่าเส้นหลิงที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเขาเป็นขั้นเสินจริงด้วย
ทว่าเขาก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากความสามารถในการฝึกที่เขาแสดงออกมาได้พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว
แน่นอนว่าการมีเส้นหลิงขั้นเสินไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้ในที่สุด เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ไม่ว่าพรสวรรค์จะดีแค่ไหนก็เป็นเพียงสิ่งสนับสนุน ปัจจัยที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นหัวใจที่แน่วแน่
หากปราศจากจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นเกรงต่อความทุกข์ทรมานแม้แต่เส้นหลิงขั้นเสินก็จะถูกฝังกลบไว้ตลอดกาล
ผลสำเร็จของมู่เฉินในหลายปีที่ผ่านมา มีครั้งไหนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นการเดิมพัน? คนอื่นรู้แค่ว่าเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่จะมีกี่คนที่รู้เกี่ยวกับการฝ่าฟันที่เขาต้องอดทนเพื่อมาไกลขนาดนี้? ความล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียวก็จะทำให้เขาลาโลกไปนิรันดร์
“ในเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินปรากฏแล้วก็ทำให้กายาหลิงเทียนจุนของข้าสมบูรณ์แบบ”
มู่เฉินพึมพำในใจและสงบใจลง อึดใจไฟก็ลุกขึ้นในความว่างเปล่า เปลวไฟโชติช่วงกวาดไปยังดวงจันทร์สีม่วงแปดดวง
เปลวไฟโชติช่วงนี้ไม่ได้ก่อตัวขึ้นจากคลื่นหลิงแต่เกิดจากจิตใจ เนื่องจากถ้าต้องการปรับแต่งเส้นหลิง ก็ต้องใช้เปลวไฟหัวใจเท่านั้น เปลวไฟคลื่นหลิงธรรมดาไม่อาจใช้ได้
ฟู่ ฟู่!
เปลวไฟพวยพุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดห่อหุ้มดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงกลายเป็นความสุกสกราว
เวลานี้เปลวไฟหัวใจลุกโชน ดวงจันทร์สีม่วงทั้งแปดดวงก็เริ่มสลายไป ของเหลวสีม่วงหยดออกมาก่อนที่จะหายไป
แต่มู่เฉินก็รู้สึกได้ว่าของเหลวสีม่วงไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ กลับหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา…
เมื่อของเหลวสีม่วงหลอมรวมเข้าในร่างกายมากขึ้น เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เหมือนกับว่าข้อบกพร่องค่อยๆ สมบูรณ์แบบ
“เป็นแบบนี้จริงด้วย…” มู่เฉินถอนหายใจ จากนั้นเปลวไฟก็ยิ่งลุกโชน ความเร็วของดวงจันทร์สีม่วงที่ลุกไหม้ก็เพิ่มขึ้น
เวลาไหลผ่านไป จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงก็เหลือขนาดเท่าฝ่ามือ…
ตอนนี้ลวดลายดวงจันทร์ทั้งแปดบนร่างกายมู่เฉินก็ชัดเจนขึ้น เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปเป็นกายาหลิงเทียนจุนแล้ว
ทว่ากายาหลิงเทียนจุนของมู่เฉินในอดีตเป็นรูปแบบผลึกบริสุทธิ์ แต่ในขณะนี้เนื่องจากดวงจันทร์สีม่วง ทำให้ระยิบระยับด้วยสีม่วง ดูลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ
“ดวงจันทร์ม่วงแปดดวง สมกับเป็นเส้นหลิงขั้นเสินจริงๆ… เพียงแต่ไม่รู้ว่าทักษะหลิงไม่เสินทงที่ก่อตัวจะเป็นยังไง?”
เฉวียนเทียนมองไปที่ลวดลายบนร่างกายของมู่เฉินด้วยความอิจฉา ทักษะหลิงไม่เสินทงจากเส้นหลิงขั้นเสินจะต้องพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ในท่ามกลางวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมก็ต้องอยู่ชั้นสูงแน่นอน
ภายใต้การจ้องมองของมู่เฉิน ในที่สุดดวงจันทร์สีม่วงทั้งแปดดวงก็ถูกเผาไหม้จนหมด ของเหลวหยดสุดท้ายตกลงมารวมเข้ากับร่างกาย
พริบตาความรู้สึกแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นในใจของมู่เฉิน เขาเห็นความว่างเปล่าผันผวนและแสงสีม่วงปรากฏขึ้น
แสงสีม่วงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในไม่กี่ลมหายใจก็ก่อตัวเป็นเปลวไฟสีม่วงโชติช่วง
ดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงหมุนเวียนอยู่ภายในเปลวไฟสีม่วงดูลึกลับมาก
“นี่คือทักษะหลิงไม่เสินทงของข้ารึ?” มู่เฉินจับจ้องเปลวไฟสีม่วงและพึมพำ
มู่เฉินสัมผัสเปลวไฟสีม่วง จากนั้นก็ต้องตกใจ เพราะพบว่าเปลวไฟเหล่านี้ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและวัตถุอื่นๆ ทั้งหมด แต่ความสามารถในการทำลายคลื่นหลิงรุนแรงยิ่งนัก
ทันทีที่จับต้องคลื่นหลิง เปลวไฟสีม่วงจะแผดเผาคลื่นพลังงานอย่างรุนแรง
นั่นหมายความว่าเมื่อเขาต่อสู้ ตราบใดที่ถูกเปลวไฟสีม่วงสัมผัสและพยายามดับไฟด้วยคลื่นหลิงละก็ จะยิ่งทำให้ไฟลุกรุนแรงขึ้น
สิ่งนี้คล้ายกับพายุหลอมวิญญาณที่เขาเคยพบในเหวเทพร่วง เพียงแค่เปลวไฟสีม่วงนี้ดุร้ายพายุนั่นหลายส่วน
วิชาการต่อสู้ส่วนใหญ่ในมหาพันภพขึ้นอยู่กับคลื่นหลิง นั่นหมายความว่าการเผชิญหน้ากับเปลวไฟสีม่วงของเขา จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะหมดหนทาง
“ในแง่ของพลังเปลวไฟสีม่วงนี้ไม่อ่อนไปกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมเลย” มู่เฉินถอนหายใจ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็แอบขำตัวเอง วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วมหาพันภพ เขาคงไร้เดียงสาไปหน่อยหากคิดว่าสามารถหาสิ่งที่เทียบเคียงได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉินสงบใจมุ่งความสนใจไปที่เปลวไฟสีม่วงก่อนที่จะเตรียมเก็บมันเข้าไป “ในเมื่อเส้นหลิงได้รับการขัดเกลาเรียบร้อยก็กลับกันเถอะ”
แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขาก็ยังรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในใจ
ราวกับว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่ในร่างกาย
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาด แต่เขาก็ไม่ได้มองข้าม ด้วยความแข็งแกร่งที่มี ต่อให้เป็นความรู้สึกฉับพลันก็ต้องมีเหตุผลแน่
“ข้าปรับแต่งเส้นหลิงแล้วและยังได้รับทักษะหลิงไม่เสินทง แต่ทำไมถึงยังรู้สึกเหมือนไม่สมบูรณ์ล่ะ?” มู่เฉินตกอยู่ในความเงียบ
เขาตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานานก่อนที่หัวใจจะกระเพื่อม
เปลวไฟสีม่วงลุกโชนบิดตัวในหัวใจของมู่เฉินและขยายตัวเป็นทะเลเพลิงกวาดออกไปในความว่างเปล่า
ในขณะที่เปลวไฟสีม่วงแพร่กระจาย ฉากแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น…
เปลวไฟสีม่วงลุกไหม้ ความว่างเปล่าก็กลายเป็นคล้ายกับกระจก รอยแตกกระจายออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้ความตกตะลึงของมู่เฉิน
“นี่…”
มู่เฉินตกใจกับฉากเบื้องหน้า เขาไม่เคยคาดหวังกับสถานการณ์เช่นนี้
ทันใดนั้นรัศมีแสงก็ระเบิดออกจากรอยแตก ช่างดูยิ่งใหญ่มากราวกับถูกขังเวลานาน ก่อนที่ความตระการตาจะปรากฏขึ้น
สายตาของมู่เฉินมองตามรัศมีไปก็ต้องหายใจเข้าลึก พร้อมกับความว่างเปล่าที่แตกสลายดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยขึ้นสู่ขอบฟ้า
ดวงอาทิตย์ดวงที่หนึ่งปรากฏ ดวงที่สอง ดวงที่สาม…จนครบเก้าดวง
ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าหมุนคว้างอยู่ในส่วนลึกของร่างกายมู่เฉิน คล้ายกับจักรพรรดิที่ไม่แสดงตัวและเมื่อเปิดเผยก็จะทำให้เกิดพลังที่ทำให้โลกแตกสลายได้
มู่เฉินอึ้งตะลึงงันขณะจ้องมองดวงอาทิตย์ทั้งเก้า ในตอนนี้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ดวงอาทิตย์เก้าดวง? ทำไมถึงมีเส้นหลิงขั้นเสินอีก!”
นอกจากนี้ยังทรงพลังกว่าเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรเสียอีก!
นี่คือเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรที่อยู่ในระยะสูงสุด!
ที่สำคัญที่สุดเขาไม่ได้ปรับแต่งเส้นหลิงไปแล้วหรือ? เหตุใดจึงมีเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรซ่อนอยู่หลังแปดชีพจร?!
คลื่นสั่นสะเทือนในหัวใจของมู่เฉิน ความตกใจเกิดขึ้นเป็นเวลานานก่อนที่จะสงบลง เขารู้สึกได้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรเข้ากับร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ราวกับว่าเป็นของเขามาตั้งแต่เกิด
ในใจมู่เฉินปั่นป่วน ตอนนี้เขาก็พบว่าเมื่อเทียบกับความเข้ากันได้ของเส้นหลิงเก้าชีพจรนี้ แม้แปดชีพจรจะเข้ากันได้เช่นกัน แต่ก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
ราวกับว่ามีอันหนึ่งได้มาแต่กำเนิด ส่วนอีกอันได้มาภายหลัง
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจยาวๆ พูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ท่านแม่นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านทำเอาไว้เหรอ?”
เขาคิดออกหลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ ถ้าเขาเดาถูกต้องเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรน่าจะมาจากมารดาของเขา
ประโยชน์ของแปดชีพจรก็คือการปกปิดเก้าชีพจรในร่างกายเขา
บางทีเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรกำเนิด เผ่าฝูถูอาจจะสามารถสัมผัสได้จากสายเลือดของเขา ดังนั้นมารดาจึงดึงเส้นหลิงของนางมาเพื่อปกป้องเขาและปกปิดเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรของเขาไว้
โดยทั่วไปแล้วเส้นหลิงไม่สามารถโยกย้ายได้ แต่เขาและมารดาเป็นหนึ่งเดียวกันก่อนที่เขาจะเกิด ดังนั้นชิงเหยี่ยนจิ้งน่าจะฝังเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของนางเข้าสู่ร่างกายของเขาตั้งแต่ตอนนั้น
ความคิดนี้ทำให้เกิดคลื่นในใจของมู่เฉิน เขารู้สึกปวดใจและอบอุ่นยิ่งนัก การแยกเส้นหลิงคล้ายกับการแล่เนื้อเถือหนังออกจากร่างกาย ยากที่จะจินตนาการว่ามารดาต้องทนกับความเจ็บปวดมากเพียงใดเพื่อให้การปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เขา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กระทั่งคนแบบมู่เฉินก็ยังดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา
ฮา
เขาหายใจเข้าลึกระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านพลางพึมพำ “ท่านแม่ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทำให้ข้า… แต่ข้าไม่ได้เป็นทารกอีกต่อไป ข้าสามารถต้านพายุได้แล้ว”
“ถ้าเผ่าฝูถูต้องการมาหาก็ให้พวกเขามา!”
มู่เฉินมองไปที่ดวงอาทิตย์เก้าดวง จิตใจเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันเสียงของเขาก็สะท้อนก้อง
“เจ้านิทรามาหลายปี…ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปล่งประกาย”
“เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร…จงตื่น!”
ฮึ่ม ฮึ่ม!
เมื่อรู้สึกถึงการเรียกของมู่เฉิน ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงก็เปล่งแสงออกมา พริบตารัศมีงดงามก็ระเบิดออก
บนยอดเขา
เฉวียนเทียนที่กำลังมองมู่เฉินด้วยความอิจฉา จู่ๆ ก็สังเกตเห็นแสงพราวจากร่างกายของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ตะลึงงัน ดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงบนร่างมู่เฉินหดตัวลง ลวดลายดวงอาทิตย์เก้าดวงปรากฏขึ้นแทนที่พร้อมกับพลังยิ่งใหญ่!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนพร้อมกับสายฟ้าฟาดไม่มีที่สิ้นสุดกวนเป็นพายุพัดกระหน่ำ ราวกับกำลังตกตะลึงกับการปรากฏของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร
เฉวียนเทียนอ้าปากตาค้าง ขณะมองไปที่ดวงอาทิตย์เก้าดวงบนร่างกายของมู่เฉิน ก่อนที่เสียงแหลมบาดลึกจะดังไปทั่วชั้นฟ้า
“สวรรค์โปรด! เสินหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร?!”
บทที่ 1408 หอเส้นหลิง
มหาพันภพ เผ่าฝูถู
ในห้องโถงกว้างขวางมีศิลาสีแดงเข้มที่ปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณกำจายความผันผวนลึกซึ้งออกมา มีแสงหลิงแผ่ออกมาจากมันเป็นครั้งคราวโดยมีความแรงกล้าที่ไม่เหมือนกัน
ศิลานี้รู้จักกันในชื่อศิลาเส้นหลิงและเป็นวัตถุสำคัญของเผ่าฝูถู มีข่าวลือว่าเผ่าฝูถูสามารถตรวจสอบเส้นหลิงของสมาชิกในเผ่าทุกคนได้ ในขณะเดียวกันเมื่อมีเด็กถือกำเนิด หรือเส้นหลิงปรากฏก็จะแสดงปฏิกิริยาและเปล่งรัศมีเป็นสัญญาณบอกกล่าว
ร่างเงานับร้อยนั่งอยู่รอบศิลาพร้อมพู่กันหยกและม้วนกระดาษยาวในมือ ขณะที่ทุกสายตาจดจ้องไปที่ศิลาเส้นหลิง จากความแรงกล้าของรัศมีบนศิลาพวกเขาสามารถแยกระดับของเส้นหลิงได้ในทันที
เผ่าฝูถูได้สืบทอดต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แม้จะมีการควบคุมสายเลือดอย่างเข้มงวด ทว่าเผ่าของพวกเขาก็มีขนาดใหญ่ สมาชิกเผ่าที่ถือกำเนิดทุกวันไม่รู้มีมากเพียงใดและศิลาก็จะทำหน้าตรวจจับเส้นหลิงที่ทารกเหล่านั้นครอบครอง
ชายสูงอายุคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าศิลา เขาคือหัวหน้าหอเส้นหลิง
หัวหน้าหอมองไปที่ศิลาเส้นหลิงก็โบกมือถามว่า “วันนี้มีเส้นหลิงกี่เส้น?”
ผู้ดูแลรายงานด้วยความเคารพว่า “หัวหน้าหอวันนี้มีเส้นหลิงทั้งหมดหมื่นกว่าเส้นแบ่งเป็นขั้นเหยินแปดพันเส้น ขั้นตี้สองพันกว่าเส้น ขั้นเทียนสามสิบสองเส้น”
หัวหน้าหอพยักหน้าตอบว่า “ตรวจสอบเส้นหลิงขั้นเทียนทั้งสามสิบสองคนให้เรียบร้อยและให้พวกเขาเข้ามาฝึกฝนในตระกูลใหญ่ แล้วก็อย่าลืมมอบรางวัลให้กับตระกูลพวกเขาด้วย”
คนที่อยู่ข้างหลังบันทึกคำพูดทั้งหมด เส้นหลิงขั้นเทียนแทนค่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนของคนคนหนึ่ง หากพวกเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ในอนาคตก็จะกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของเผ่าฝูถู ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับพวกเขามาก
จากจุดนี้จุดเดียวก็สามารถมองเห็นรากฐานของเผ่าฝูถูได้ ต้องรู้ว่าหากเด็กเหล่านั้นถือกำเนิดที่อื่น พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะและจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด
“ปีนี้ในเผ่าปรากฏเส้นหลิงขั้นเสินเพียงห้าเส้น นอกจากนี้ทั้งหมดยังอยู่ในระยะเจ็ดซึ่งต่ำที่สุด คุณภาพถือว่าต่ำกว่าปีก่อนๆ” หัวหน้าหอถอนหายใจ
แม้ว่าเส้นหลิงขั้นเทียนจะดี แต่ก็มีเพียงเส้นหลิงขั้นเสินเท่านั้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเผ่าฝูถู แม้ว่าการมีเส้นหลิงขั้นเสินไม่ได้มีหลักประกันว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่อัตราความสำเร็จก็สูงกว่าคนทั่วไป
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังพยักหน้าและถอนหายใจ “อันที่จริงนี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้มีเส้นหลิงขั้นเสินปรากฏขึ้นใหม่ คึๆ ความปั่นป่วนจากเส้นหลิงขั้นเสินยิ่งใหญ่มาก ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินเจ็ดชีพจรปรากฏขึ้น ก็เกือบทำให้หอเส้นหลิงพังทลาย”
หัวหน้าหอยิ้ม “เรื่องเหล่านี้นับครั้งได้ในหนึ่งปีเลย ถือว่าโชคดีที่พวกเจ้าสามารถได้พบเจอ”
ทุกคนยิ้มพลางพยักหน้า ต่อให้เป็นเผ่าโบราณอย่างพวกเขาเส้นหลิงขั้นเสินก็หายากมาก ผู้ที่บันทึกไว้ได้ก็จะได้รับรางวัลสำหรับเรื่องนี้เช่นกัน
“เอาล่ะ พวกเจ้าเฝ้าเอาไว้อย่าพลาดอะไรซะล่ะ” หัวหน้าหอพยักหน้าแล้วโบกมือ ตั้งใจที่จะออกไป
ฮึ่ม!
แต่ทันใดนั้นศิลาก็สั่นสะท้าน ทุกคนฉายความตกตะลึงบนใบหน้า ก่อนที่เสาพลังงานหลิงที่อธิบายไม่ได้จะระเบิดออกมาจากศิลาเส้นหลิงราวกับภูเขาไฟ
พายุถูกสร้างขึ้นในโถง บางคนไม่ทันตั้งตัวถูกพัดไปทั่ว ทำให้ทั่วทั้งโถงวุ่นวายไปหมด
หัวหน้าหอหันขวับกลับมา เขาหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อต้านทานผลกระทบพร้อมกับท่าทางตกตะลึงขณะมองไปที่เสา
“แสงทรงพลังอะไรเช่นนี้? นั่นคือเส้นหลิงอะไร?!” หัวหน้าหอตกใจ ครั้งสุดท้ายที่เผ่าฝูถูมีความปั่นป่วนใหญ่เช่นนี้ก็คือตอนที่ท่านหญิงชิงเหยี่ยนจิ้งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ทำเอาทั้งเผ่าโยกคลอนไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้หัวหน้าหอหนังหัวชาหนึบยิ่งกว่าก็คือครั้งนี้เหมือนจะปั่นป่วนยิ่งกว่าตอนนั้นเสียอีก
“หรือว่าจะเป็น… เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรในตำนาน?!”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ หัวหน้าหอก็รู้สึกว่าหนังหัวลุกซู่ไปหมด หัวใจเขาแทบจะกระโจนออกจากเบ้า เส้นหลิงเก้าชีพจรแทบจะอยู่ในตำนานเท่านั้น กระทั่งในประวัติศาสตร์เผ่าฝูถูยังมีจำนวนน้อยแสนน้อยเลย
ตู้ม!
ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคนในห้องโถง แสงทวีความรุนแรงมากขึ้น ฉีกทะลุหลังคาโถงพุ่งไปที่ขอบฟ้า
ปรากฏการณ์สับสนอลหม่านดึงดูดสายตาตกตะลึงของสมาชิกนับไม่ถ้วนในเผ่าฝูถู
วาบ!
เมื่อแสงทะยานขึ้นสู่ชั้นฟ้า มิติที่ด้านข้างหัวหน้าหอก็บิดเบี้ยว ร่างสูงวัยปรากฏขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปบนศิลา
“คารวะผู้อาวุโสใหญ่!”
เมื่อหัวหน้าหอเห็นชายชรา เขาก็สะดุ้งโค้งคำนับทันที เนื่องจากจอมยุทธ์ที่เบื้องหน้าเขานี้มีอำนาจสูงสุดในเผ่าฝูถู เขาก็คือผู้อาวุโสใหญ่—ฝูถูเฉวียน
ในเผ่าฝูถูมีเพียงประมุขและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่สามารถใช้คำว่าฝูถูเป็นแซ่ได้ มิหนำซ้ำตอนนี้ตำแหน่งประมุขก็ยังเว้นว่าง ดังนั้นจึงมีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่ใช้แซ่ฝูถูเพียงผู้เดียว
ผู้อาวุโสใหญ่ฝูถูเฉวียนพยักหน้า สายตาจดจ้องไปที่ศิลาเส้นหลิงด้วยแววลุกโชน
วาบ วาบ!
คลื่นมิติยึกยักอย่างต่อเนื่องในโถง โดยมีร่างเงาพากันปรากฏขึ้น พวกเขาก็คือเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าฝูถูซึ่งดำรงตำแหน่งในระดับสูง แต่ขณะนี้แต่ละคนมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อมองไปที่เสาแสง
“ผู้อาวุโสใหญ่นี่คือ…?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามด้วยความตกใจ
ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่ศิลาเส้นหลิงโดยไม่กะพริบตาเป็นเวลานานก่อนที่จะพยักหน้า “เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร!”
โห่!
ผู้อาวุโสแต่ละคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงโห่ร้อง นานแค่ไหนแล้วที่เส้นหลิงขั้นเส้นเก้าชีพจรปรากฏขึ้นในเผ่า?
ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเผยเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร ก็ไม่มีใครกล้าท้าทาย มิหนำซ้ำนางยังแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นโดยบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ
เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรยังน่ากลัวมากขนาดนั้น แล้วเก้าชีพจรจะน่ากลัวขนาดไหน?
หากคนผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เผ่าฝูถูก็จะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถือกำเนิด ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับทั้งเผ่า
“ไม่รู้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรกำเนิดในตระกูลไหน”
สายตาของเหล่าผู้อาวุโสกะพริบ บางคนมาจากตระกูลเฉวียนและมั่วที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน พวกเขาตั้งใจที่จะเข้าตรวจสอบทันที หากเจ้าของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรนี้เป็นของตระกูลสายย่อย พวกเขาก็จะรีบรับเด็กคนนั้นเข้าร่วมตระกูล ไม่งั้นก็ให้แต่งงานเชื่อมโยงกับผู้สืบสายเลือดตรงของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรต้องมาอยู่ในมือ!
ความโกลาหลบนศิลาเส้นหลิงดำเนินไปหนึ่งก้านธูป ก่อนที่จะค่อยๆ สลาย แม้ว่าศิลาจะสงบลง แต่ทั้งโถงก็ยังคงตกอยู่ในความโกลาหล
สุดท้ายก็เป็นฝูถูเฉวียนที่ดึงสติกลับ เขามองไปรอบๆ ก่อนที่จะกล่าวเสียงขรึม “ตรวจสอบทุกตระกูลทันที ค้นหาเด็กที่มีเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรเพื่อพาเข้าสู่ตระกูลใหญ่ คนผู้นี้ถูกจัดให้เป็นสมบัติของเผ่าเรา ซึ่งจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด!”
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไร แต่ข้าขอบอกไว้ ณ ที่นี้ ถ้าใครกล้าขัดขวางเรื่องนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะมาจากตระกูลไหนก็ตาม!”
เสียงตะเบ็งระเบิดออกมาด้วยพลังที่น่ากลัว ภายใต้เสียงของเขา แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังรู้สึกถึงหัวใจสั่นไหว
หลังจากข่มขู่ ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยักหน้า “ไป การชุมนุมสายเลือดของเผ่าฝูถูจะเริ่มขึ้นในอีกสองเดือน ขั้วอำนาจมากมายในมหาพันภพก็จะมาเข้าชม จัดการให้ดี อย่าให้ชื่อเสียงของเรามัวหมอง”
“รับทราบ!”
ขณะที่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร…
ร่างเงาในมิติโบราณที่นั่งเงียบๆ โดยมีพื้นที่รอบตัวนางบิดเบี้ยว ก่อตัวเป็นค่ายกลที่น่าอัศจรรย์
ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้น ความสุขเอ่อล้นภายใน
นางกุมหัวใจเอาไว้ เมื่อครู่นางรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนจากในสายเลือด
นางรู้สึกได้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ทิ้งไว้ในร่างบุตรชายได้รับการขัดเกลาแล้ว
ความปีติและความภาคภูมิใจปรากฏบนดวงหน้า นางรู้สึกเป็นสุขยิ่งกว่าตอนที่บรรลุหลิงเจิ้นต้าจงซือเสียอีก
“มู่เฉินลูกแม่…ในที่สุดเจ้าก็ก้าวมาถึงจุดนี้แล้วใช่ไหม?”
นางยิ้มจากนั้นไม่นานก็รู้สึกปวดร้าวใจ นางรู้ดีว่าแม้จะมีพรสวรรค์ แต่บุตรชายก็ต้องผ่านความทุกข์ทรมานมานับไม่ถ้วนเพื่อมาถึงจุดนี้
นางกำหมัดแน่นเสียงแว่วออกมา “ในเมื่อลูกข้ามาถึงขนาดนี้ ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องเตรียมการ…”
ชิงเหยี่ยนจิ้งฉายแววคาดหวัง เนื่องจากนางรู้สึกได้ว่าวันที่จะได้พบกับบุตรชายใกล้เข้ามาแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น