หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1387-1390
บทที่ 1387 พลังอำนาจจอมปีศาจ
มือซีดยื่นออกมาจากไข่สีแดงบีบเสาผลึกจนแตกออก
พลังน่าสะพรึงกลัวทำให้ทั้งสวรรค์และโลกเงียบงันไปในทันที
ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อมองไปที่ไข่สีแดงเข้ม เมื่อเปลือกไข่แตก เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่กลั่นตัวจากภายใน
ตู้ม!
ทันใดนั้นเสาสีแดงเข้มก็พุ่งออกจากเปลือกไข่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บินไปกระแทกใส่เจดีย์ผลึกแก้วบนท้องฟ้า เมื่อทั้งสองปะทะกัน เจดีย์ก็ดีดกลับออกไปทันที
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ก่อนที่จะโบกมือให้เจดีย์บินกลับมาหา สายตาของเขาจ้องมองไปที่ไข่สีแดงเข้มด้วยความวูบไหวหวั่นเกรงอยู่ในดวงตา
แกร็ก
ภายใต้การจ้องมองของเขา ไข่สีแดงเข้มก็แตกออกอย่างรวดเร็ว มือซีดยื่นออกมาแกะเปลือกไข่ออก ร่างเยาว์วัยสีแดงเข้มก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ
ร่างเยาว์วัยมีรูปร่างสมส่วนสูงเพรียว ดวงตาเป็นสีแดงราวกับว่าถูกควบแน่นจากมหาสมุทรเลือด ผมสีขาวปลิวสยายไปตามสายลมดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ ทว่ารัศมีดุร้ายรอบตัวเขา ทำให้ภูเขาเสี่ยหมัวทั้งหมดสั่นสะเทือน
ไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า รูม่านตาสีแดงเข้มเบิกกว้างโดยไม่มีแววใดๆ กวาดมองไปทั่วด้วยความเฉยเมย
ในเวลาเดียวกันพายุสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนก็กวาดรอบตัวเขาพร้อมกับแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมา เมฆสีแดงเข้มรวมตัวกันบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็นพายุปกคลุมสวรรค์และโลก
ชาวโลกมองไปที่ภาพเงานั้น ร่างก็สั่นงันงกเกือบจะทรุดลง พวกเขาสูญเสียความคิดจากแรงกดดัน ท่อนขาก็สั่นพั่บไปหมดแล้ว
ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ซีดขาวลงเช่นกัน แม้ว่านางจะไม่รู้ถึงพลังของร่างนั่น แต่สัญชาตญาณบอกว่าความแข็งแกร่งของคนคนนั้นมีมากกว่าผู้บัญการใหญ่ปีศาจโลหิตเสียอีก
ร่างกายนางสั่นสะท้าน ถ้าไม่ใช่เพราะแรงใจ นางคงจะวิ่งหนีไปในตอนนี้แล้ว
ขณะที่นางรู้สึกหวาดกลัว มือของมู่เฉินก็ตบไหล่บางเบาๆ คลื่นหลิงปกคลุมเพื่อขจัดความกดดัน
“ท่านเทพ…”
ไป๋ซู่ซู่มองมู่เฉินอย่างขอบคุณ แต่นางก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเคร่งเครียดลงหลายส่วนพร้อมกับความหวาดเกรงหนาแน่นพล่านในดวงตา
“ไม่คิดว่าจอมปีศาจจะถือกำเนิดในเผ่าเสี่ยเสีย…” มู่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สุดท้ายความกังวลครั้งใหญ่ของเขาก็เกิดขึ้น จอมปีศาจที่ปรากฏในเผ่าเสี่ยเสียเป็นการดำรงอยู่ที่เทียบเท่ากับระดับเทียนจื้อจุน ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตแบบนี้แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม
เพราะเขารู้ชัดเจนว่าจอมปีศาจแข็งแกร่งเพียงใด แม้ว่าผู้คนจะเห็นว่าเขาจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่กล้าพูดว่ามีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับนักรบราชันปีศาจแท้จริง
“ตอนนี้ลำบากแล้ว”
บนยอดเขาเสี่ยหมัว
ร่างเยาว์วัยไม่สนใจร่างเปลือยเปล่าของตน เขาอ้าปากกินเปลือกไข่
หลังจากนั้นม่านตาสีแดงเข้มก็มองไปทางมู่เฉินก่อนที่จะพูดว่า “ข้าต้องขอบคุณสำหรับวันนี้ มิฉะนั้นข้าคงต้องรออีกหลายสิบหรือร้อยปี”
แม้ว่าเขาจะเพิ่งถือกำเนิด แต่เขาก็ได้กลืนกินเลือดเนื้อของสมาชิกเผ่านับไม่ถ้วน จนสุดท้ายกระทั่งผู้บัญชาการใหญ่ยังสละแก่นโลหิตบริสุทธิ์ ทำให้ได้รับความทรงจำของอีกฝ่ายมาด้วย
มู่เฉินถอนหายใจ “ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเผ่าเสี่ยเสียจะมีจอมปีศาจ”
จอมปีศาจโลหิตเผ่าเสี่ยเสียพยักหน้าอย่างไม่แยแส “แม้ว่าเจ้าจะมีส่วนช่วยต่อการเกิดของข้า แต่เจ้าก็ต้องตายในวันนี้”
เสียงของเขาแหบพร่า ไร้อารมณ์ใดๆ มีเพียงไอหนาวเหน็บแฝงอยู่เท่านั้น
มู่เฉินยิ้ม เขารู้ว่าวันนี้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นตายตั้งแต่เห็นจอมปีศาจโลหิตถือกำเนิด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะจบลงโดยดี
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องลองลิ้มรสฝีมือของจอมปีศาจแล้ว”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจอมปีศาจ แต่มู่เฉินก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ผลลัพธ์จะถูกตัดสินหลังจากต่อสู้กันจริงแล้วเท่านั้น
“แก่นโลหิตเจ้าหนาแน่นดี แทนที่จะฆ่าเจ้าทำไมเจ้าไม่มอบตัวให้ข้า ข้าจะปรับแต่งให้เป็นทาสรับใช้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป” จอมปีศาจโลหิตกล่าวขณะที่มองไปที่มู่เฉิน
มู่เฉินยิ้มขณะที่แสงสีม่วงทองกำจายจากด้านหลัง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถูกเรียกออกมา มู่เฉินยืนอยู่บนหัวของร่างเวทสวรรค์ ส่วนร่างรองทั้งสองยืนอยู่บนไหล่คนละด้าน
ทั้งสามนั่งลง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด รัศมีสีม่วงทองเปล่งออกมาจากร่างเวทสวรรค์โดยธรรมชาติ ราวกับดวงอาทิตย์สีม่วงทองก็มิปาน
มู่เฉินตอบโต้ด้วยการกระทำ
“มดกำลังเขย่าต้นไม้เรอะ”
จอมปีศาจโลหิตกล่าวอย่างไม่แยแสกับภาพนี้
มู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ทั้งสามผสานพลังวาดตราประทับในเวลาเดียวกัน รหัสเทพอมตะควบแน่นขณะที่ไหลเวียนไปรอบๆ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
ในไม่กี่ลมหายใจ จำนวนของรหัสเทพอมตะก็มีถึงสองร้อยลายช่างน่าตกใจนัก
ชัดว่ามู่เฉินไม่มีความคิดจะหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ เขาใช้พลังถึงขีดสุดทันที
รหัสเทพอมตะสองร้อยลายเปล่งแสงสีม่วงทองออกมาทำให้มิติแปรปรวน พลังนี้สามารถทำร้ายผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตได้ในทันที
“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน ระฆังเทพอมตะ!”
เมื่อเสียงตะโกนของมู่เฉินดังขึ้นรหัสเทพอมตะก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ก่อตัวเป็นระฆังขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างจอมปีศาจโลหิตไว้
มู่เฉินสะบัดเสื้อ รหัสเทพอีกหลายสิบลายก็รวมตัวกันแล้วควบแน่นเป็นเสาขนาดใหญ่กระแทกกับระฆัง
เคร้ง!
ในช่วงเวลาปะทะนั้นสวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือน กระทั่งภูเขาเสี่ยหมัวยังเริ่มพังทลายลง คลื่นกระแทกขนาดใหญ่ที่มีความกว้างหมื่นจั้งสร้างความหายนะ ฉีกขอบฟ้าออกจากกัน
ในรัศมีร้อยลี้ของระฆังทอง หินน้อยใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับพื้นโลกสลายลง…
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจและหวั่นกลัว นี่เป็นเพียงพลังจากคลื่นกระแทก แล้วภายในระฆังจะทรงพลังแค่ไหนกัน?!
การโจมตีของมู่เฉินเผยความน่ากลัวขึ้นในทันที
ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่เปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อมองไปที่มู่เฉิน แต่นางเห็นว่าใบหน้าของเขายังดูเคร่งเครียดไม่แสดงอาการผ่อนคลายใด
เนื่องจากเขารู้ดีว่ากระบวนท่านี้สามารถทำให้เขาอยู่ยงคงกระพันจากจอมยุทธ์ใต้ระดับเทียนจื้อจุน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับจอมปีศาจ
ขณะที่ความคิดนี้แวบขึ้นในหัวของมู่เฉิน ทันใดนั้นระฆังก็สั่นะสะเทือนรุนแรง ทุกคนสามารถเห็นลายฝ่ามือชัดเจนด้านบนของระฆังทอง
ปัง!
ระฆังทองแตกเป็นเสี่ยงๆ ใต้ฝ่ามือนั้น ร่างจอมปีศาจโลหิตก็ปรากฏขึ้น นอกจากมีริ้วรอยสีแดงเข้มบนร่างกายแล้วก็ไม่ได้อาการบาดเจ็บใดๆ
กระทั่งรอยเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว!
ซื้ด!
ไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะหายใจลึก พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าจอมปีศาจโลหิตจะทรงพลังปานนี้ การโจมตีระดับนั้นเป็นเพียงการข่วนอีกฝ่ายเท่านั้น!
เมื่อตระหนักได้ว่าจอมปีศาจโลหิตทรงพลังเพียงนี้ แม้แต่ไป๋ซู่ซู่ที่มั่นใจในตัวมู่เฉินก็ยังอดกังวลไม่ได้
“สมกับเป็นราชัน…”
แม้ว่ามู่เฉินจะคาดไว้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจให้กับจอมปีศาจโลหิตที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ มีความแตกต่างระหว่างคำว่าจอมปีศาจและผู้บัญชาการ พลังแตกต่างราวกับระหว่างสวรรค์และโลก
บนยอดเขา จอมปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเหยียดนิ้วออก
ทันใดนั้นแสงสีแดงก็สว่างวาบ มีเลือดไหลออกมาจากปลายนิ้วเขา
หยดเลือดกลายเป็นไข่มุกทะลุผ่านมิติบินไปหามู่เฉิน
สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรงก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นแสงสีม่วงทองก็กำจายจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ก่อตัวเป็นภูเขาขนาดมหึมา
ตึง!
หยดเลือดปะทะเข้าบนภูเขาอย่างจัง
ครืน!
วินาทีนั้นรู้สึกเหมือนสวรรค์และโลกล่มสลาย ภูเขาที่ดูเหมือนอยู่ยงคงกระพันแตกสลายทันทีที่สัมผัสกับหยดเลือด พลังอันเหลือเชื่อแผ่ซ่านออกมา
ปัง!
ฟ้าถล่มดินถล่มทลาย บริเวณที่มิติบิดเบี้ยว แสงสีม่วงทองจางหาย ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เหมือนได้รับผลกระทบอย่างหนักถูกผลักออกไปหลายพันลี้ด้วยพลังที่น่ากลัวพร้อมกับรอยลึกสองรอยลากจากขา…
เมื่อไป๋ซู่ซู่และชาวโลกเห็นฉากนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นมู่เฉินเป็นฝ่ายเสียเปรียบ…
เห็นได้ชัดว่าการเผชิญหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าจอมปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากกว่ามู่เฉิน
ไกลออกไปในที่สุดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็หยุดลง มู่เฉินมองไปที่ร่างเวทสวรรค์ใต้เท้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นรอยแตกหลายแห่งปรากฏขึ้น
แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นี้ พลังของราชันน่ากลัวอย่างแท้จริง
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึก ความคมชัดฉายในนัยน์ตา จอมปีศาจโลหิตทรงพลังนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะข่มขู่เขาที่ผ่านประสบการณ์การต่อสู้เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน!
“ดูเหมือนวันนี้…ข้าต้องพุ่งสุดแรงแล้ว!”
บทที่ 1388 มู่เฉินปะทะจอมปีศาจโลหิต
เลือดสีแดงฉานหยดลง
ทุกคนนิ่งเงียบไป พลังที่จอมปีศาจโลหิตแสดงออกมาช่างสุดยอดเกินไป นี่เป็นเพียงหยดเลือด แต่ก็ทำให้มู่เฉินกระเด็นออกไปไกลแล้ว…
เผชิญกับพลังอำนาจนี้ ชาวโลกก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะต่อสู้ได้ ถ้ามู่เฉินล้มเหลว บางทีการเอามีดปาดคอตายอาจเป็นการมอบอิสรภาพให้ตนเองที่ดีที่สุด
ขณะที่ชาวโลกตกใจกับพลังของจอมปีศาจโลหิต ภูเขาเสี่ยหมัวก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโห่ร้องจากการถือกำเนิดของจอมปีศาจ
แม้ว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะถูกสังหาร แต่เผ่าพันธุ์พวกเขาก็ไม่ล่มสลาย ตราบใดที่จอมปีศาจโลหิตยังคงอยู่ กลับกันต่อจากนี้ความรุ่งเรืองจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ!
มู่เฉินไม่สนเสียงนกเสียงกา สายตาเขาจับจ้องไปที่จอมปีศาจโลหิต แสงเย็นรวมตัวกันในดวงตาเขา
ตู้ม!
เขาส่งแรงไปที่ฝ่าเท้า ร่างก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงหลิงพร่างพราวราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วง ขณะที่ร่างรองทั้งสองติดตามมาที่เบื้องหลัง
โฮก!
ร่างกายของมู่เฉินสั่นสะท้าน จิตวิญญาณมังกรแท้จริงปรากฏขึ้น ขณะที่มันคำรามก็หลอมรวมเข้ากับร่างกายของมู่เฉิน เกล็ดมังกรผุดขึ้นบนผิวหนังราวกับชุดเกราะปกคลุมร่างกายไว้
ปีกหงส์ฟ้าคู่หนึ่งแผ่สยายออกไปที่ด้านหลัง ทำให้สามารถพุ่งผ่านมิติได้ด้วยการกระพือ
ก่อนจะเปิดฉากเต็มรูปแบบ เขาได้หล่อหลอมรวมจิตวิญญาณแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าเข้ากับร่างกายเพื่อที่เขาจะสามารถมีพลังการต่อสู้ไปสู่จุดสูงสุดได้
วาบ!
มู่เฉินพุ่งเข้ามาปรากฏตัวเบื้องหน้าจอมปีศาจโลหิต จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดออกไป พลังงานรุนแรงรวมตัวกันที่หมัด เพิ่มชั้นผลึกซึ่งปล่อยพลังทำลายล้างออกมา
แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับหมัดนี้
ทว่าจอมปีศาจโลหิตเพียงแค่มองอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะยื่นมือออกมาตบกำปั้นของมู่เฉินเบาๆ
เคร้ง!
เมื่อฝ่ามือและกำปั้นสัมผัสกัน เสียงปะทะของโลหะสะท้อนออกมาพร้อมกับมู่เฉินรับแรงกระทบใหญ่กระเด็นออกไป ร่างเขาราวกับอุกกาบาตขณะที่ดิ่งลงพสุธาลงมา
เมื่อร่างหลักของมู่เฉินดึงดูดความสนใจของจอมปีศาจโลหิต ร่างรองก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ฝ่ามือของพวกเขาที่มีคลื่นหลิงพลุ่งพล่านก็กระแทกเข้าที่ด้านหลังจอมปีศาจโลหิต
ทว่าการโจมตีที่รุนแรงก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างจอมปีศาจโลหิตได้ สายตาวูบไหวก่อนที่จะมีแสงสีแดงเข้มดุร้ายสาดส่องออกมาจากด้านหลัง
ปัง ปัง!
ร่างรองถูกกวาดไป ถลาไปอย่างรุนแรงจากนั้นก็พุ่งเข้าไปฝังตัวในภูเขาสองลูกใกล้ๆ…
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจมู่เฉินและร่างรองก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้รับบาดเจ็บกันถ้วนทั่ว
จอมปีศาจโลหิตยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่ร่างหลักของมู่เฉินฝังอยู่ สายตาของเขาวูบไหวชี้นิ้วออกไป
ตู้ม!
ลำแสงสีแดงเข้มยิงออกมา ขยายขนาดกลายเป็นอสรพิษขนาดมหึมา มันดุร้ายมากถึงกับกินเศษมิติก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในหลุมด้านล่าง
ปัง!
เมื่ออสรพิษพุ่งเข้าไปภายในปากปล่องก็เกิดเสียงดังก้อง ทว่าอึดใจต่อมาแสงสีแดงเข้มก็กระจัดกระจาย ทันใดนั้นอสรพิษขนาดใหญ่ก็แตกสลาย…
บนท้องฟ้าจอมปีศาจโลหิตหรี่ตาลง
รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากปากหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับร่างเงาหลายพันร่างลอยขึ้นตามมา มู่เฉินยืนตระหง่านอยู่ภายใน มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตเคลื่อนไหวอยู่รอบตัว
“วิญญาณสงคราม!”
เสียงของมู่เฉินสะท้อนออกมาพร้อมกับนักรบมังกรดำตอบรับด้วยเสียงตะโกน พริบตาเดียวรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วนก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ควบแน่นเป็นร่างมังกรขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้ง
มังกรอยู่ในท่าขดปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา
ครั้งนี้มู่เฉินเรียกนักรบมังกรดำถึงหกพันคน ซึ่งก็คือขีดจำกัดที่เขาสามารถควบคุมได้ หากเพิ่มจำนวนมากขึ้นเขาอาจต้องประสบกับการสะท้อนกลับของรัศมีจั้นยี่
ซึ่งรัศมีจั้นยี่ที่สร้างขึ้นจากนักรบมังกรดำหกพันคนแข็งแกร่งกว่าครั้งอื่นๆ มาก
โฮก!
มังกรคำรามลั่นฟ้า จากนั้นก็พุ่งออกไปพร้อมกับรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกราก กวัดแกว่งกรงเล็บไปยังจอมปีศาจโลหิต
มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่องภายใต้กรงเล็บนี้
จอมปีศาจโลหิตมองไปที่กรงเล็บก็ยื่นมือออกมา แสงสีแดงเข้มรวมตัวกัน มือของเขาขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตบลงไปปะทะกับรัศมีจั้นยี่กรงเล็บมังกรดำ
ตู้ม!
พายุรุนแรงกวนตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับลมสลาตันทำลายล้าง ทำให้ท้องฟ้ามืดลงในเส้นทางที่ผ่าน
โฮก!
มังกรส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ร่างใหญ่โตถูกส่งกลับไป แต่ในเวลาเดียวกันร่างกายของจอมปีศาจโลหิตก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่จะก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ดวงตาก็หดลง ไม่คิดว่าเขาจะผลักจอมปีศาจโลหิตไปได้ไม่กี่ก้าว ทั้งที่ประสานพลังกับนักรบมังกรดำหกพันคน
“จอมทัพมู่ต้องใช้นักรบมังกรดำหนึ่งหมื่นคนถึงจะเผชิญหน้ากับจอมปีศาจตัวนี้ได้” เจียงหลงกล่าวขึ้นที่เบื้องหลังมู่เฉิน
มู่เฉินเม้มปาก การควบคุมนักรบหกพันคนเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว หากเขาใช้มากกว่านี้ละก็ เขาต้องประสบกับแรงสะท้อน เวลานั้นไม่ต้องให้จอมปีศาจโลหิตเคลื่อนไหว เขาก็แพ้ไปก่อนแล้ว
ดังนั้นเขาบอกได้จากสิ่งนี้ว่ามีช่องว่างใหญ่ระหว่างเขากับจอมปีศาจ
จอมปีศาจโลหิตทรงตัวนิ่งมองไปที่มู่เฉิน “กลยุทธ์หลากหลายนัก ไม่แปลกใจที่แกสามารถบีบให้เผ่าเสี่ยเสียของข้าน่าอนาถเช่นนี้”
“แต่ช่องว่างระหว่างพลังไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสริมด้วยกลยุทธ์”
เมื่อพูดจบ เขาก็อ้าปากแรงดูดที่น่ากลัวระเบิดออกคล้ายกับหลุมดำกลืนกินสวรรค์และโลก
แรงดูดส่วนใหญ่ถูกใช้กับมังกร ทำเอาใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรมังกรก็ยังคงถูกดึงเข้าหาปากของจอมปีศาจโลหิต
อ็อก!
เมื่อรัศมีจั้นยี่ถูกกลืนกิน นักรบมังกรดำหกพันคนก็กระอักเลือดเต็มปาก แต่ละคนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
ใบหน้าของมู่เฉินดูน่ากลัว ก่อนที่เขาจะพูดกับเจียงหลงว่า “พวกเจ้าถอยกลับไปก่อนเถอะ”
“จอมทัพมู่ระวังตัวด้วย” เจียงหลงรู้สึกผิด แต่เขาก็รู้ว่ากองทัพมังกรดำได้รับความเสียหายหนัก พวกเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่มู่เฉินได้เมื่ออยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงโบกมือถอนทัพออกมา
จอมปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส “งัดกลยุทธ์ออกมาถ้ายังมี สร้างความบันเทิงให้ข้าสักหน่อย บางทีข้าอาจจะใจดีให้แกตายแบบง่ายๆ ก็ได้”
มู่เฉินขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับนักรบปีศาจระดับสูง หลังจากต่อสู้เขาก็เข้าใจว่าระดับเทียนจื้อจุนมีอำนาจเพียงใด
และที่บอกได้อีกอย่างก็คือช่องว่างระหว่างขุมพลังทั้งสอง ในอดีตตัวเขาประเมินช่องว่างนี้ต่ำเกินไป
แม้ว่าเขาจะมีทักษะมากมาย แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างชัดเจนเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้
“บางทีข้าคงต้องใช้กระบวนท่านั่น…”
มู่เฉินค่อยๆ หลับตาลง เสื้อผ้าหยุดกระพือแนบติดไปกับร่างกาย ไม่ว่าพายุจะพัดมาแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้เสื้อผ้าสั่นไหวได้
จอมปีศาจโลหิตมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มบาง เขากอดอกโดยไม่คิดขัดขวางอะไร เนื่องจากเขารู้ไม่ว่าวันนี้มู่เฉินจะนำอะไรออกมาก็ไม่สามารถข้ามช่องว่างระหว่างพวกเขาได้
เสียงลมพายุค่อยๆ หายไป เมื่อมู่เฉินหลับตาลง เขาราวกับเป็นหนึ่งเดียวระหว่างสวรรค์และโลก…
หัวใจของมู่เฉินคล้ายกับบ่อน้ำที่ไม่มีแรงกระเพื่อม มากจนเขาลืมเรื่องจอมปีศาจโลหิตไปแล้ว
มู่เฉินไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้สภาวะว่างเปล่ามานานแค่ไหน ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนสองสายที่เหมือนกับก้อนกรวดถูกโยนลงไปในแม่น้ำทำให้เกิดระลอกคลื่น…
ระลอกคลื่นทั้งสองทวีความรุนแรงมากขึ้น แสงสองดวงก็ค่อยๆ ลุกโชน
“รวมเป็นวิญญาณแท้จริง…”
เสียงพึมพำดังก้องในความเงียบ แสงทั้งสองกำจายออกกลายเป็นร่างรองทั้งสองของเขา
ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ร่างรองแท้จริง แต่เป็นวิญญาณของร่างรองทั้งสอง ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินเริ่มเรียนรู้วิชาสามพิสุทธิ์ เขาได้แยกวิญญาณออกจากร่างเป็นสามส่วน
ในอดีตมู่เฉินไม่สามารถสัมผัสถึงวิญญาณทั้งสองได้ แต่หลังจากได้รับความเข้าใจบางส่วนจากหอคัมภีร์เทพซ่อน เขาก็สามารถลองได้ ทว่าพวกเขาก็พร่ามัวนักจนเขาทำไม่สำเร็จ
แต่เผชิญหน้ากับศัตรูทรงพลัง ในที่สุดเขาก็เข้าใจและเรียกวิญญาณอีกสองดวงมาได้สำเร็จ
“จิตวิญญาณเป็นหนึ่ง—สามรวมแห่งสามพิสุทธิ์”
มู่เฉินพึมพำในใจ วิญญาณทั้งสองก็ก้าวเข้ามาหลอมรวมกับเขา
ในโลกภายนอกร่างรองทั้งสองก็ปรากฏตรงหน้ามู่เฉิน แต่ละคนก้าวเข้าไปในร่างมู่เฉิน…
เมื่อร่างรองทั้งสองหายไป มู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงวูบไหว ท่าทางของเขาทำให้เกิดความกดดันที่ไม่อาจพรรณนาได้ ทำเอาสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
เสื้อผ้าของเขาที่หยุดสั่นไหว ก็กระพือขึ้นในตอนนี้โดยที่ไม่มีลมพัดใดๆ
จอมปีศาจโลหิตที่มองดูการเปลี่ยนแปลงของมู่เฉินก็เกิดความประหลาดใจก่อนที่จะยิ้มไม่แยแส “ในที่สุดก็เริ่มน่าสนใจแล้ว…”
บทที่ 1389 สามพิสุทธิ์ สามรวมเป็นหนึ่ง
บนท้องฟ้า
มู่เฉินยืนอยู่พร้อมกับแสงวูบไหวในนัยน์ตา มีชั้นของแสงปกคลุมพื้นผิวทั้งหมดของร่างกายเขาไว้
แม้ว่าจะไม่มีความปั่นป่วนในฟ้าดิน แต่ในช่วงเวลาที่มู่เฉินลืมตาขึ้น ทุกคนก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันจากจอมปีศาจโลหิตที่ปกคลุมขอบฟ้าถูกยับยั้งไว้
แม้ว่าความผันผวนนั้นจะไม่รุนแรงเท่ากับจอมปีศาจโลหิต แต่ก็คล้ายกับเสาที่ตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกปล่อยให้พายุทรงพลังพัดมา
มู่เฉินลดศีรษะลงค่อยๆ กำมือ ขณะนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลที่พลุ่งพล่านภายในร่างกาย ซึ่งทำให้เลือด-กระดูก-เนื้อของเขาแสดงสัญญาณของการตกผลึก นี่เป็นสัญญาณว่าคลื่นพลังงานมีขนาดใหญ่เกินไปจนร่างกายของมู่เฉินไม่สามารถบรรจุไว้ทั้งหมด
“พลังแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้…”
มู่เฉินชื่นชมในใจ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าขั้นสอง-สามรวมของวิชาสามพิสุทธิ์จะทรงพลังขนาดนี้ เมื่อรวมร่างรองเข้ากับร่างหลักความแข็งแกร่งของเขาก็พุ่งขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าเขาต่อสู้กับผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตอีกครั้ง เขาคงฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วยหมัดเดียว
ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกจากร่างกายราวกับภูเขาไฟ มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่จอมปีศาจโลหิต ไฟแห่งการต่อสู้พวยพุ่งในนัยน์ตา อึดใจต่อมาเขาก็กระทืบเท้า มิติพังทลายลง ร่างเขาราวกับภูตผีไปปรากฏตัวที่ด้านหลังจอมปีศาจโลหิต
เขากางมือออก จากนั้นก็ตบลง ตอนนี้ฝ่ามือราวกับหยกเปล่งแสงระยิบระยับดูเหมือนจะบรรจุท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ฉับพลันพื้นที่ในรัศมีหมื่นจั้งก็พังทลายลง ฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับลงบนพื้น
พลังที่อยู่เบื้องหลังฝ่ามือน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ
ทว่าเมื่อฝ่ามือบีบกดลงมา จอมปีศาจโลหิตก็ยิ้มตอบกลับไปด้วยฝ่ามือ ฝ่ามือของเขาเป็นสีแดงเข้ม ขณะที่ซัดออกไปก็ส่งกลิ่นคาวเลือดบนท้องฟ้า
ปัง!
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกันที่เบื้องบน จังหวะที่สัมผัสกันแสงสีแดงเข้มและแสงสีขาวก็ระเบิดออกมาขณะที่ยึดครองท้องฟ้า ทันใดนั้นขอบฟ้าทั้งหมดถูกแยกออกเป็นสองสี…
เมื่อพลังงานมหาศาลสองสายปะทุออกมา มู่เฉินและจอมปีศาจโลหิตก็ร่างสั่นสะท้าน ก่อนที่มู่เฉินจะถลาออกไปใน ขณะที่จอมปีศาจโลหิตตัวสั่นถอยหลังไปสิบกว่าก้าว
จอมปีศาจโลหิตสลายคลื่นกระแทกได้ทันที สายตาจดจ้องไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มอำมหิต “ไม่เลวแกไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย แกมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับข้าจริงๆ”
“มีเพียงพลังที่ทรงศักยภาพแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถปรับแต่งแก่นโลหิตของแกให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น หลังจากที่ข้ากลืนกินมันเข้าไป ข้าก็จะสามารถฟื้นฟูจุดบกพร่องที่เกิดจากการกำเนิดที่เร่งรีบเกินไปได้”
“ฮ่าๆๆๆ!”
เสียงหัวเราะของจอมปีศาจโลหิตดังก้องไปทั่วขอบฟ้า ก่อนที่เขาจะอ้าปาก แม่น้ำสีแดงเข้มพุ่งหวือออกมา แม่น้ำทั้งสายส่งกลิ่นเหม็นเลือดราวกับว่าอะไรก็ตามที่ถูกกวาดเข้าไปจะละลายเป็นน้ำเลือด
“ในเมื่อเหยื่อสมบูรณ์แบบแล้ว ก็ถึงเวลาที่ข้าจะเก็บเกี่ยว!”
“แม่น้ำโลหิตกร่อนวิญญาณ!”
ขณะที่จอมปีศาจโลหิตหัวเราะ แม่น้ำเลือดก็ไหลบ่าไปหามู่เฉิน
เมื่อเห็นแม่น้ำเลือดพุ่งลงมา มู่เฉินก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังกัดกร่อนที่น่าสะพรึงกลัวที่มีอยู่ภายใน ถ้าเขาถูกกวาดเข้าละก็งานนี้บาดเจ็บหนักแน่
ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะประมาท มือสะบัดออก แสงหลิงไร้ขอบเขตควบแน่นอยู่เบื้องหลังก่อเป็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เปรียบเทียบกับก่อนหน้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์แข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแค่ขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ความเปล่งปลั่งที่มียังทรงพลังมากขึ้นอีกด้วย คล้ายกับดวงอาทิตย์สีม่วงทองอย่างไรอย่างนั้น
มือของมู่เฉินประสานเข้าด้วยกัน รหัสเทพอมตะสีม่วงทองก็ควบแน่นเร็วจี๋จากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีถึงสามร้อยลายอยู่บนท้องฟ้า
การยกระดับเข้าสู่ขั้นสามรวม ทำให้จำนวนรหัสเทพอมตะที่เขาสามารถควบแน่นได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ฮึ่ม ฮึ่ม!
รหัสเทพอมตะสามร้อยลายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมตัวกันเหนือมู่เฉินกลายเป็นน้ำเต้าสีม่วงทองขนาดเท่าฝ่ามือ
“น้ำเต้าเทพ จองจำ!”
มู่เฉินวาดตราประทับด้วยมือเดียวเปล่งเสียงร้องเย็นชา น้ำเต้าเอียงลงแรงดูดทรงพลังพุ่งออกมา
แม่น้ำเลือดสั่นสะท้านชั่วครู่เมื่อเจอแรงดูดก่อนที่จะถูกดึงเข้าไปในน้ำเต้า
เมื่อจอมปีศาจโลหิตเห็นว่าแม่น้ำเลือดถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้า แสงสีแดงเข้มก็วาบในดวงตาขณะที่แค่นเสียงขึ้นจมูก เตรียมเร้าแม่น้ำให้ทำลายล้างเพื่อระเบิดน้ำเต้าจากภายใน
ทว่าขณะที่เขาคิดจะควบคุมแม่น้ำเลือดเพื่อสร้างความหายนะใหม่ มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ น้ำเต้าทะลุผ่านมิติ พริบตาก็หายสาบสูญไป
น้ำเต้าหายไปพร้อมกับแม่น้ำเลือด มู่เฉินและจอมปีศาจโลหิตเสียการเชื่อมต่อทั้งคู่…
“ฉลาดนัก”
จอมปีศาจโลหิตหรี่ตาลง แสงสีแดงเข้มกะพริบอยู่ภายใน เขาจ้องมองไปที่มู่เฉินพลางหัวเราะเยาะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะใช้กระบวนท่านี้เพื่อแก้ไขแม่น้ำเลือดของเขา
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
มู่เฉินไม่แสดงสีหน้าใด แม้ว่าเขาจะสามารถแก้ไขการโจมตีของจอมปีศาจโลหิตได้ สายตาเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดรุนแรง แม้ว่าเขาจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับจอมปีศาจโลหิตได้ด้วยขั้นสามรวม แต่เขาก็รู้ดีว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้
นักรบราชันปีศาจแท้จริงทรงพลังเกินไป
“ขอข้าดูว่าหนูอย่างแกจะดิ้นรนได้อีกสักกี่ครั้ง”
จอมปีศาจโลหิตเผยให้เห็นรอยยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า ก่อนที่จะกัดนิ้วโบกไปมาบนท้องฟ้า ไม่กี่ลมหายใจต่อมาอักขระก็วาดขึ้นตรงหน้าเขา
อักขระบิดตัวไปมาอย่างต่อเนื่อง ปล่อยรัศมีลางร้ายออกมา ดูราวกับมีภูตผีปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมเสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังก้องจากมัน
เมื่อมองไปที่อักขระโลหิตมู่เฉินก็หดดวงตา เขารู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง
จอมปีศาจโลหิตแสยะยิ้มไม่แยแส ขณะที่พลิกนิ้วอักขระก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในเวลาเพียงสิบลมหายใจสั้นๆ ทุกคนก็สามารถเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีมืดมนพร้อมกับเมฆสีแดงเข้มขนาดใหญ่รวมตัวกันข้ามขอบฟ้า ล้อมรอบพื้นที่ในรัศมีล้านลี้เอาไว้
เมฆสีแดงเข้มหนาแน่นสั่นสะเทือนพร้อมกับฟ้าร้องดังก้องไปทั่ว สะท้อนทั่วขอบฟ้า
ทั้งสวรรค์และโลกโยกคลอน
ร่างกายของมู่เฉินเกร็งขึ้น ความหนาวเหน็บห่อหุ้มตัวไว้ ทำให้ใบหน้าเครียดอย่างที่สุด
จอมปีศาจโลหิตปรายตามองไปที่มู่เฉินราวกับว่ากำลังมองมด เขาหายใจเข้าลึกมือค่อยๆ ประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับเสียงไม่แยแสดังก้องไปทั่ว
“สายฟ้าโลหิตล้ำลึก!”
ครืน!
ทันใดนั้นสายฟ้าก็ระเบิดออกมาจากภายในก้อนเมฆสีแดงเข้ม อึดใจถัดมาสายฟ้าสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าไปหามู่เฉิน
สายฟ้าสีแดงเข้มทุกสายมีพลังทำลายล้าง เมื่อฟาดลงมาพื้นดินก็โยกคลอน
มู่เฉินหดดวงตาไม่กล้าประมาท พร้อมกับเสียงคำรามร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ข้างหลังก็ระเบิดรัศมีทรงกลดออกมา กลายเป็นดอกบัวขนาดใหญ่
“ดอกบัวอมตะ!”
เสียงมู่เฉินดังขึ้น ดอกบัวก็ปิดลงและห่อหุ้มร่างเขาไว้
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวของจอมปีศาจโลหิต มู่เฉินก็นำการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาโดยไม่ลังเลใดๆ
ตู้ม ตู้ม!
สายฟ้าสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้า กระแทกกับดอกบัวสีทองจังใหญ่
เมื่อไป๋ซู่ซู่และชาวโลกเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าก็ฉาบด้วยความตกใจหวาดกลัว ขณะมองไปที่สายฟ้าทำลายล้าง สายฟ้าทุกสายที่มีพลังในการทำลายสวรรค์และโลกทะยานเข้าไปหามู่เฉิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้หรือไม่…
“ท่านเทพ…”
ไป๋ซู่ซู่กำมือแน่นพลางกัดริมฝีปากขณะมองไปทางมู่เฉิน นางรู้ดีว่าถ้าดอกบัวแตกสลาย แม้แต่มู่เฉินก็จะถูกสายฟ้าทำลาย
ครืนๆๆๆ
สายฟ้าวาวแสงนานเกือบครึ่งก้านธูป ก่อนที่เมฆสีแดงเข้มจะเริ่มสลายไป
สายตาทุกคู่รวมกันอยู่ตรงตำแหน่งที่สายฟ้าหายไป…
เมื่อมันสลายไปก็เห็นดอกบัวปกคลุมไปด้วยรอยดำไหม้ รัศมีทรงกลดจางหายไปแล้วในตอนนี้
แกร็ก
จู่ๆ ก็เกิดรอยแตกปรากฏขึ้นบนดอกบัวก่อนที่จะแตกออก…
จอมปีศาจโลหิตหรี่ตามองไปที่ดอกบัว ก่อนที่ดวงตาจะหดเกร็งเนื่องจากเขาไม่พบร่างเงาของมู่เฉิน
“กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ?”
คิ้วของจอมปีศาจโลหิตเลิกขึ้น
ตู้ม!
แต่ขณะนั้นเองเขาก็จับอะไรบางอย่างในความรู้สึกพลางเงยหน้า เขาเห็นเมฆบนท้องฟ้าถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่เจดีย์ผลึกแก้วขนาดใหญ่พุ่งลงมาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อก่อนที่จะห่อหุ้มเขาไว้…
บทที่ 1390 วิธีสุดท้าย
ภายในเจดีย์ผลึกแก้วขนาดใหญ่
จอมปีศาจโลหิตยืนนิ่งขณะที่กวาดตา ทว่าสีหน้าท่าทางของเขาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ร่างของมู่เฉินปรากฏขึ้นมองไปที่จอมปีศาจโลหิตโดยไม่มีสีหน้าท่าทางอะไรเหมือนกัน
“ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถต้านทานสายฟ้าโลหิตล้ำลึกได้…” จอมปีศาจโลหิตยิ้มให้มู่เฉินอย่างไม่แยแส ดูเหมือนจะมีความตกใจอยู่เล็กน้อย
จอมยุทธ์อยู่ใต้ระดับเทียนจื้อจุนจะกลายเป็นเถ้าถ่านทันทีภายใต้การโจมตีนี้ ดังนั้นเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะรอดมาได้
ดวงตาของจอมปีศาจโลหิตกวาดมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับแสงสีแดงเข้มกะพริบในดวงตาราวกับว่าสามารถมองทะลุร่างของอีกฝ่ายได้ ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง รอยยิ้มผิดปกติปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ที่แท้สายฟ้าโลหิตอวสานของข้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผล…”
มู่เฉินหดตาลงพลางยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แสงหลิงพวยพุ่งในร่างกาย แสงสองดวงก็ปรากฏขึ้นราวกับว่าจะหลุดออกมาจากร่าง
ทั้งสองก็คือร่างรองของเขา เนื่องจากเขาเพิ่งควบคุมขั้นสามรวมได้ กระบวนการจึงยังไม่สมบูรณ์แบบ บวกกับความจริงที่ว่าเขาเพิ่งประสบกับสายฟ้าโลหิตก่อนหน้า ทำให้การหลอมรวมของเขาเริ่มแสดงสัญญาณของการล่มสลาย
ตามสถานการณ์นี้เขาจะไม่สามารถคงขั้นสองของวิชาสามพิสุทธิ์ไว้ได้นานแล้ว
เมื่อถึงเวลาที่ร่างรองออกจากร่าง พลังในการต่อสู้ของเขาก็จะลดลงอย่างมีนัย ในเวลานั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมปีศาจโลหิต
จอมปีศาจโลหิตก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงกอดอกมองไปที่มู่เฉินด้วยท่าทางเยาะเย้ย ราวกับกำลังดูอีกฝ่ายจะดิ้นรนครั้งสุดท้ายอย่างไร
“จอมปีศาจ…ตัวปัญหาแท้จริง”
เมื่อรู้สึกถึงสายตาเยาะเย้ยจากจอมปีศาจโลหิต มู่เฉินก็ทอดถอนหายใจ เขาได้พบกับศัตรูที่ทรงพลังมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาไม่เคยสัมผัสกับการถูกวางไว้ในจุดที่ไม่สามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว
ทว่าเขารู้ว่าระดับเทียนจื้อจุนและระดับตี้จื้อจุนมีช่องว่างที่ไม่อาจบรรยายได้อยู่แล้ว หากข่าวที่เขาต่อสู้กับนักรบราชันปีศาจส่งไปถึงมหาพันภพละก็ ไม่รู้จะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขนาดไหน เพราะในสถานการณ์ปกติ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มที่เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็มีแต่ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย แต่มู่เฉินสามารถต่อสู้กับจอมปีศาจได้จนถึงจุดนี้ นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออยู่แล้ว
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่จอมปีศาจโลหิตพลางพึมพำ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ต้องพยายามดักจับมันก่อนที่ร่างรองจะออกจากร่างไป”
โดยไม่ลังเลมือของเขาก็ประสานเข้าด้วยกันเริ่มวาดตราประทับ
ครืนๆ!
เจดีย์ผลึกแก้วสั่นสะเทือน ภาพเงาปีศาจดุร้ายแปดร่างปรากฏขึ้น ทำให้เกิดรัศมีร้ายกาจขึ้นภายในเจดีย์
เมื่อมองไปที่ภาพเทพปีศาจทั้งแปด ใบหน้าของจอมปีศาจโลหิตก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากบนนั้น
“ภาพเหล่านี้…ถูกชำระโดยมีนักรบราชันปีศาจเป็นวัสดุตั้งต้นรึ!” ดวงตาของจอมปีศาจโลหิตหดลง เขารู้สึกถึงรัศมีปีศาจที่หลงเหลือจากภาพเหล่านั้น ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาในตอนนี้อีก
นั่นแปลว่าพลังของราชันปีศาจเหล่านี้ตอนยังมีชีวิตอยู่แข็งแกร่งกว่าเขา!
ขณะที่จอมปีศาจโลหิตกำลังตกตะลึงมู่เฉินก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วโบกมือ กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากปกคลุมเจดีย์
ครั้งนี้มู่เฉินนำของเหลวจื้อจุนทั้งหมดที่เหลือติดตัวหนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยดออกมา
ตู้ม!
เมื่อของเหลวจื้อจุนกลายเป็นกระแสธาร ภาพปีศาจทั้งแปดก็เปิดปากอย่างตะกละตะกลามเริ่มกลืนกินเข้าไป
เมื่อเริ่มกินภาพปีศาจทั้งแปดก็ค่อยๆ ขยับเขยื้อนตัวออกจากกำแพงก่อนที่จะหลุดพ้นออก
พวกเขาราวกับเทพปีศาจแปดองค์ยืนอยู่ภายในเจดีย์เปล่งพลังดุร้ายหาใดเปรียบ
ฟิ้ว!
ด้วยความคิดวูบเดียวของมู่เฉิน ภาพปีศาจทั้งแปดก็บินออกไปพุ่งไปยังจอมปีศาจโลหิต
จอมปีศาจโลหิตหรี่ตาก่อนจะก้าวออกไปปรากฏตัวต่อหน้าหนึ่งในภาพปีศาจ จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไป
ปัง!
คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวสร้างความหายนะ ร่างกายจอมปีศาจโลหิตสั่นสะท้าน ขณะที่ภาพปีศาจกระเด็นกลับกระแทกเข้ากับผนัง ทำให้เกิดร่องลึกขึ้น
ฟิ้ว!
ภาพปีศาจอีกเจ็ดภาพบินไขว้ไปมาล้อมรอบจอมปีศาจโลหิตก่อนที่จะทำการโจมตี
ตู้ม ตู้ม!
ทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตู ทว่าจอมปีศาจโลหิตก็ทรงพลังมาก ไม่กลัวแม้จะเผชิญสถานการณ์นี้ เขาซัดภาพปีศาจกลับไปอย่างต่อเนื่อง
“ภาพปีศาจในสถานะนี้ น่าจะมีพลังที่สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ”
สายตาของมู่เฉินวูบไหวกับฉากนี้ ตามการคาดเดาของเขาถ้าต้องการที่จะกู้คืนภาพปีศาจให้กลับมามีความแข็งแกร่งของระดับเทียนจื้อจุนจะต้องใช้ของเหลวจื้อจุนสี่ถึงห้าร้อยล้ายหยด ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนด้วย ไม่งั้นก็ไม่สามารถควบคุมได้
“แต่น่าจะยังพอกักจอมปีศาจโลหิตไว้ได้ชั่วคราว”
ทันใดนั้นมือของมู่เฉินก็ประสานเข้าด้วยกัน ภาพปีศาจทั้งแปดถอยกลับทันที ก่อนที่แสงสีดำจะกางออกจากฝ่ามือพวกเขา ในเวลาไม่กี่นาทีก็ก่อตัวเป็นม่านสีดำ
ม่านหดลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นกรงกักขังจอมปีศาจโลหิตไว้
ทุกหมัดของจอมปีศาจโลหิตทำให้ม่านสั่นสะท้าน ดูจากรูปการณ์คงอยู่ได้ไม่นาน
มู่เฉินโบกมือ ผลึกแสงทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากเจดีย์ก่อนที่จะตกลงไปบนม่าน
ชี่ ชี่
ผลึกแสงกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สลักลวดลายลงม่านนั่น ในขณะที่ลวดลายก่อตัวขึ้น ม่านที่สั่นสะท้านก็มั่นคงขึ้น ไม่ว่าจอมปีศาจโลหิตจะโจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถเขย่าได้แม้แต่น้อย
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจกับภาพนี้ แต่เขารู้ว่าซื้อเวลาได้อึดใจเท่านั้น แม้ว่าเขาจะยืมพลังภาพปีศาจทั้งแปดและพลังปิดผนึกของเจดีย์ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน จอมปีศาจโลหิตจะหลุดออกไปได้ในไม่ช้า
ในเวลานั้นเจดีย์แปดองค์ก็จะได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่สามารถใช้งานในเวลาสั้น… กรณีนี้เขาจะสูญเสียไพ่ตายทรงพลังที่มีเมื่อเผชิญหน้ากับจอมปีศาจโลหิต
จอมปีศาจโลหิตรู้ว่ามู่เฉินกำลังดิ้นรนครั้งสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงมองไปด้วยสายตาเยาะเย้ย
“หยุดดิ้นรน มาเป็นอาหารของข้าซะดีๆ บางทีอาจเป็นการตายง่ายกว่าสำหรับเจ้านะ” เสียงเขาดังสะท้อนอย่างเย็นชา
มู่เฉินยิ้มไม่สนใจอีกฝ่ายก่อนที่ร่างเงาจะเคลื่อนหายออกไปจากเจดีย์
มู่เฉินไปปรากฏอยู่นอกภูเขาเสี่ยหมัว เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้า พวกเขาพากันคิดว่ามู่เฉินเป็นฝ่ายชนะ
แต่ก่อนที่พวกเขาจะส่งเสียงโห่ร้อง มู่เฉินก็โบกมือ ท่าทางเคร่งขรึมทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านพลางปิดปากเงียบ
ไป๋ซู่ซู่เข้ามาหามู่เฉิน นางมองไปที่เจดีย์อย่างระมัดระวังก่อนที่จะถามอย่างกังวล “ท่านเทพ จอมปีศาจโลหิตเป็นอย่างไร?”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งมู่เฉินก็ตอบว่า “ข้าขังมันไว้ชั่วคราว แต่เวลามีจำกัด เมื่อไรที่มันหลุดออกมาได้ ข้าจะไม่สามารถขัดขวางได้อีกต่อไป”
เมื่อไป๋ซู่ซู่ได้ยินใบหน้าของนางก็ซีดลง แสงในนัยน์ตาก็ลดวูบดูน่าสงสารยิ่งนัก
นางกัดริมฝีปากครู่เดียวก็พูดว่า “ท่านเทพถ้าไม่มีอะไรที่ท่านสามารถทำได้ก็รีบจากไปเถอะ”
นางรู้ว่าถึงมู่เฉินจะไม่สามารถเอาชนะจอมปีศาจโลหิตได้ แต่การหลบหนีก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขา
มู่เฉินไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับขมวดคิ้ว เขายังมีหินสลักที่เทพจักรพรรดิสงครามมอบให้ ถ้าถึงขั้นวิกฤตจริงๆ เขาก็สามารถทำลายได้ แต่เขาไม่มั่นใจเท่าไรว่าหลินต้งจะมาที่พิภพเขตล่างนี้ได้หรือไม่
ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย
ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุดเพื่อจัดการกับจอมปีศาจโลหิต
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ดวงตาเขาก็หรี่ลง เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก ด้วยความลังเลเขายื่นมือออกมาแสงสีขาวกะพริบอยู่ภายใน ไข่มุกมังกรขาวก็ปรากฏขึ้น
เมื่อสะบัดนิ้วไข่มุกก็ค่อยๆ ลอยขึ้นเบื้องหน้าเขา
ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามเรียกเจตจำนงของจอมยุทธ์มังกรขาว เนื่องจาก ‘โอกาส’ เป็นสิ่งที่มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่รู้
ถ้าเขาสามารถค้นหาเส้นทางสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้และผ่านการพัฒนา เขาก็จะสามารถเผชิญหน้ากับจอมปีศาจโลหิตได้
ทว่าไข่มุกมังกรขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เมื่อเห็นสิ่งนี้แววผิดหวังก็ฉายดวงตาของเขา ‘ยังไม่ได้อีกเหรอ?’
เขาถอนหายใจโบกมือ ขณะที่กำลังจะเก็บไข่มุก มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่ายามนี้ไข่มุกกำลังสั่นสะท้าน
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ลำแสงสีขาวพุ่งออกมา ร่างสูงวัยค่อยๆ รวมตัวอยู่บนไข่มุก…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น