หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1335-1338
บทที่ 1335 ดอกบัวอมตะ
“คำนับสาม ทำลายล้างสรรพสิ่ง!”
เมื่อเสียงของซือเทียนโยวดังขึ้น ทั่วบริเวณก็หยุดนิ่ง พายุป่าเถื่อนหายไป คลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินชะงักลง ทุกสรรพสิ่งถูกลบออกไป
เนื่องจากร่างยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังซือเทียนโยวลดศีรษะลงแล้ว
จังหวะที่ศีรษะโน้มลง มิตินับแสนจั้งก็เริ่มยุบ สะเก็ดมิติร่วงกราวลงมาราวกับสายฝน
รอยแตกพล่านออกไปบนพื้น ขยายขนาดไปทุกทิศทาง
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขาก็เริ่มถอยหนีกันจ้าละหวั่น ความตกใจหวาดหวั่นปกคลุมใบหน้า พวกเขาไม่เคยคิดว่าคำนับสามจะน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้
ชิงซวงและชิงหลิงก็ถอยออกไปเช่นกัน ขณะที่มองไปที่แท่นบูชาด้วยใบหน้าซีดขาว ยามนี้ร่างเงาของมู่เฉินช่างเปราะบางยิ่งนัก
ขณะที่ทุกคนหนี มีเพียงเขาที่ยืนอยู่โดยไม่ขยับ ไม่คำนึงถึงหายนะที่กำลังเผชิญอยู่
พวกนางอยากช่วยมู่เฉิน แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถเข้าไปแทรกการต่อสู้ครั้งนี้ได้ด้วยกำลังที่มี ไม่เพียงแต่พวกนาง แม้แต่มั่วซินและเฉวียนหลัวก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งในการต่อสู้นี้เช่นกัน
การต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและซือเทียนโยวมาถึงจุดสุดยอดใต้ระดับเทียนจื้อจุนแล้ว!
แม้ว่ามั่วซินและเฉวียนหลัวจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดและครอบครองวิทยายุทธเสมือนระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่กับทักษะศพเทพ
หากต้องการปะทะกับทักษะศพเทพละก็ จะต้องใช้วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมแท้จริงอย่างเดียว!
ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมเป็นของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน แม้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะโดดเด่น แต่ก็ยังไม่สามารถฝึกฝนได้
มั่วซินและเฉวียนหลัวมองไปในระยะไกลด้วยความขนพองสยองเกล้าพร้อมกับไอสังหารกะพริบอยู่ในดวงตา
ทั้งคู่ประเมินความแข็งแกร่งของมู่เฉินต่ำไป ตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงใช้เวลาไม่มากในการจับกุมอีกฝ่าย แต่จากพลังที่มู่เฉินแสดงออกมา ทำให้พวกเขาดูไร้เดียงสาไปเลย
“แต่มันจะต้องตายที่นี่วันนี้อย่างแน่นอน ส่วนซือเทียนโยวก็ต้องจ่ายแพงระยับด้วยทักษะกราบศพเทพสามครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นเราค่อยฉวยโอกาส!”
ทั้งสองคนตกลงกันทางสายตา
เห็นได้ชัดว่าหลังจากได้เห็นพลังของมู่เฉิน พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะจัดการกับมู่เฉินตามลำพังอีกต่อไป ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือร่วมมือกัน
เมื่อจอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายถอยออกจากแท่นบูชา มู่เฉินก็ยืนอยู่ท่ามกลางความกดดันเชี่ยวกรากพร้อมกับความมืดปกคลุมดวงตา ราวกับว่าเขาอยู่ในดินแดนแห่งความตาย
มากจนแม้แต่คลื่นหลิงทั่วบริเวณนี้ยังเหมือนเป็นบ่อโคลนความตายไปแล้วในขณะนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถดูดซับได้
มิติพังทลายลงที่เบื้องหน้า สถานที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยความมืด ฉากที่คลื่นหลิงหยุดนิ่งลงให้ความรู้สึกราวกับว่าวันพิพากษาโลกมาถึงแล้ว
หวือ หวือ!
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดไป ขณะที่มองพายุเฮอริเคนสีดำที่ส่งกลิ่นคาวจากซากศพคละคลุ้ง
เมื่อพายุเฮอริเคนกวาดตัวก็ทำลายสรรพชีวิต พลังชีวิตที่เบื้องหน้าถูกระบายออกไปจนหมด
มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เขามองพายุเฮอริเคนสีดำที่กำลังส่งเสียงหวีดหวิว เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีแห่งการทำลายล้างก็ค่อยๆ กำมือ เส้นเลือดถึงกับเต้นตุบตับเลยทีเดียว
แม้แต่เขาก็ต้องยอมรับวิชากราบศพเทพสามครั้งทรงพลังเกินไป จนกระทั่งเขายังรู้สึกหวาดกลัว
เขาไม่สงสัยเลยว่าความผิดพลาดเสี้ยวเดียวก็ส่งผลให้ถึงชีวิต
“ในเมื่อข้าถูกบีบให้มาถึงจุดนี้แล้ว งั้นก็มาเสี่ยงกันเลยดีกว่า”
มู่เฉินหายใจเข้าลึก ในเส้นทางแห่งความสิ้นหวัง ท่าทางของเขากลับค่อยๆ สงบลง แม้กระทั่งดวงตาก็ปิดลง
เขาแบมือทั้งสองออก ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็เปล่งลำแสงสีม่วงทองนับล้าน ทุกเส้นสายบรรจุด้วยรัศมีอมตะ
หวือ หวือ!
พายุเฮอริเคนสีดำครางกระหึ่ม ในฟ้าดินที่มืดมนมีเพียงร่างสีม่วงทองยืนอยู่อย่างเงียบๆ ประหนึ่งภูผาไม่เคลื่อนย้าย
เมื่อพายุเฮอริเคนกำลังจะเข้ามาปกคลุม เสียงทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากปากมู่เฉิน
“ทักษะเทห์สวรรค์—ดอกบัวอมตะ!”
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ลำแสงสีม่วงทองนับล้านระเบิดออก ดอกบัวค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากแสงโชติช่วงพร้อมกับลวดลายโบราณสลักอยู่ ทุกดอกดูราวกับเป็นรูปธรรม อัดแน่นด้วยวิถีแห่งเต๋า
ดอกบัวหมุนคว้างพร้อมกับกลีบดอกลู่ลง เมื่อพายุเฮอริเคนสีดำพัดเข้ามา ดอกบัวก็ได้ปกคลุมร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว
ชี่ ชี่!
อึดใจต่อมาพายุก็กวาดเข้ามาห่อหุ้มดอกบัวไว้
ทั่วบริเวณปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
ไกลออกไป จอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายหยุดอยู่ที่ขอบแห่งความมืด แต่ละคนชะเง้อมองด้วยความหวาดกลัว ไม่มีพลังชีวิตอยู่ในนั้นเลย
เฮือก
จอมยุทธ์มหาพันภพถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความสิ้นหวังด้วยใบหน้าซีดเซียว ประจันหน้ากับซือเทียนโยวที่ทรงพลังเพียงนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะสู้ต่อได้แล้ว
“ในที่สุดไอ้เวรนั่นก็ตาย!”
จอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวและเตาหมัวปาดเหงื่อออก ขณะที่พูดออกมาด้วยความขนพองสยองเกล้า
ไม่มีใครคาดคิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะจัดการยากเย็นขนาดนี้ กระทั่งคนที่ทรงอำนาจอย่างซือเทียนโยวยังต้องงัดกลยุทธ์สุดยอดออกมา
แต่เมื่อซือเทียนโยวออกกระบวนท่าที่สาม พวกเขาก็รู้ว่ามู่เฉินตายแน่
เนื่องจากไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากทักษะศพเทพคำนับสามไปได้
“พี่ใหญ่ชิงซวง… มู่เฉินเป็นยังไงบ้าง?” ชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ขณะที่ถามอย่างร้อนใจ
ชิงซวงส่ายหน้าเงียบๆ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
หลังจากที่ได้เห็นคำนับสามแห่งการทำลายล้าง ตัวนางก็ยังไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะรักษาชีวิตไว้ได้
“เตรียมถอย” ชิงซวงเอ่ยขึ้น ถ้ามู่เฉินตายจริงๆ พวกนางจะเสียโอกาสทั้งหมด ในเวลานั้นจะต้องรีบมุ่งหน้าออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ทำลายเครื่องรางที่ผู้อาวุโสมอบให้เพื่อออกจากแดนเซิ่งยวนโบราณนี้
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ใบหน้าของชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะซีดลง
“หืม?”
ขณะที่ขวัญกำลังใจของจอมยุทธ์มหาพันภพดิ่งลงก็มีเสียงร้องอุทานขึ้น “มีแสงสีทองอยู่ตรงนั้น!”
ขวับ!
ทุกคนหันขวับจ้องไปในโลกแห่งความมืดด้วยความไม่เชื่อ ริ้วแสงสีม่วงทองมาบรรจบกันในส่วนลึกของความมืด
แสงสีม่วงทองค่อยๆ สว่างขึ้นในเวลาไม่กี่อึดใจก็ขยายออก ทุกคนสามารถมองเห็นดอกบัวตูมเผยตัวเงียบๆ ในความมืด
แม้พื้นผิวดอกจะถูกปกคลุมไปด้วยจุดด่างดำ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของการแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
เกลียวแสงสีม่วงทองไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากเกสรดอกขับไล่ความมืดมิด ขณะเดียวกันดอกบัวก็เบ่งบาน ร่างสีม่วงทองขนาดใหญ่ปรากฏต่อหน้าทุกคน
ภาพเงาสูงโปร่งยืนตระหง่านอยู่บนไหล่ร่างยักษ์
“นั่น…มู่เฉิน?!” จอมยุทธ์มหาพันภพต่างตกตะลึง สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ส่วนจอมยุทธ์เผ่าปีศาจก็มองภาพเงานั้นด้วยความครั่นคร้าม ขณะที่พึมพำ “เป็นไปได้ยังไง?”
“เป็นไปได้ยังไง?!” มั่วซินและเฉวียนหลัวหน้าแข็งค้าง
“เป็นไปได้ยังไง?!” ร่างโครงกระดูกของซือเทียนโยวบนแท่นบูชาก็ตกตะลึงไป ความคิดของเขาหยุดชะงักลงเลยทีเดียว
มู่เฉินยืนอยู่บนไหล่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองแสงสีทองที่กระจายออก แม้แต่ร่างกายที่เกร็งแน่นก็คลายตัวลง
“ดอกบัวอมตะ… การป้องกันที่ทรงพลังที่สุดที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์”
มู่เฉินก้มมองไปที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เขาไม่เคยคิดว่าพลังของทักษะเทห์สวรรค์ขั้นที่สองจะทรงพลังขนาดนี้
มู่เฉินถอนหายใจในใจ ก่อนที่จะเงยหน้าสายตาจ้องมองไปยังซือเทียนโยวที่ตะลึงงัน
ปัง!
ร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังซือเทียนโยวก็ถึงขีดสุดและพังทลายลง
อ็อก!
เลือดหนึ่งคำหนึ่งพ่นออกมาจากปากของซือเทียนโยว เลือดนี้มีสีดำเต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายขณะนี้ไม่มีพลังชีวิตใดๆ ในร่างกายของเขาอีกต่อไป ชัดว่าเขายืนบนขอบแห่งความตาย
นี่คือราคาที่ต้องจ่ายทักษะกราบศพเทพ
“แกแพ้แล้ว”
มู่เฉินมองไปที่ซือเทียนโยวขณะพูดออกมา ตอนนี้ซือเทียนโยวสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉิน ดวงตาว่างเปล่าของซือเทียนโยวก็ฟื้นขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน ก่อนจะเผยรอยยิ้มน่าขนลุก “แกคิดว่าชนะเหรอ? หยุดฝันเฟื่องไปเลย!”
“ศพราชัน ระเบิด!”
เขาคำรามลั่น ริ้วสีดำแยกออกจากมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่มาถึงเหนือแท่นบูชา ร่างแห้งกรังก็ระเบิดแสงปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดออกมาก่อนที่จะระเบิด
ดวงตาของมู่เฉินหดเกร็งลงกับภาพนี้ ไอ้บ้านั่นถึงกับระเบิดศพราชันปีศาจเลย มันคิดจะทำอะไร?!
บทที่ 1336 จอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียง
ตู้ม!
ศพราชันปีศาจระเบิดออก รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดสร้างความหายนะ ราวกับเมฆสีดำปกคลุมท้องฟ้าเหนือแท่นบูชา
ฉากนี้เรียกเสียงหวาดหวั่นจำนวนมาก ทุกคนอึ้งตะลึงงันมองไปที่ร่างของซือเทียนโยวด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะให้ศพราชันระเบิดตัวเอง
แม้แต่จอมยุทธ์เผ่าปีศาจยังอึ้งไป ในฐานะสมาชิกพวกเขารู้ดีถึงคุณค่าของศพราชัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเผ่าซือหมัวมูลค่าของศพราชันนั้นมีค่าเหลือคณนา
“ไอ้นั่นบ้าไปแล้ว!”
ดวงตาของมั่วซิน เฉวียนหลัวและคนอื่นๆ วูบไหว ก่อนหน้าพวกเขาหวาดกลัวศพราชันปีศาจ แต่ตอนนี้ซือเทียนโยวได้รับบาดเจ็บหนักและศพราชันก็ระเบิดตัวเอง การคุกคามจากซือเทียนโยวจึงลดลงอย่างมีนัย
ทว่าเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์มหาพันภพ สายตาของมู่เฉินกลับเคร่งเครียดลงขณะที่จ้องมองไปที่เมฆปีศาจ ความไม่สบายใจก็ตีกวนในหัวใจ
ซือเทียนโยวต้องรู้ชัดเจนกับมูลค่าของศพราชันปีศาจ แต่ก็ยังตัดสินใจที่จะระเบิดโดยไม่ลังเลใดๆ ดังนั้นเขาต้องรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ตนเองได้รับประโยชน์ที่ดีกว่าแทน
แต่ตอนนี้มีประโยชน์อะไรที่สำคัญไปกว่าศพราชันปีศาจ?
สายตาของมู่เฉินหันไปที่ใจกลางแท่นบูชา โลงศพสีดำถูกปิดผนึกด้วยเสาหิน… มีชิ้นส่วนวิญญาณของราชันปีศาจอยู่ในนั้น
“เฮ้ รู้สึกได้แล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน ซือเทียนโยวก็ยิ้มก่อนที่มือจะวาดตราประทับ ทันใดนั้นเมฆปีศาจก็เริ่มหมุนคว้าง ไม่กี่ลมหายใจต่อมาของเหลวขนาดเท่านิ้วมือสิบกว่าหยดก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าตกลงบนโลงศพสีดำ
“นั่นคือ…แก่นเลือดราชัน?!”
มู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจมาก เมื่อมองไปที่ของเหลวสีดำ เนื่องจากรู้สึกถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่มาจากพวกมัน
แก่นเลือดเหล่านี้มาจากศพราชันที่ระเบิดแล้วกลั่นแก่นแท้เลือดจริงสิบกว่าหยดออกมา!
ชี่ ชี่!
เมื่อแก่นเลือดตกลงบนโลงศพหินสีดำ มู่เฉินก็เห็นมันถูกดูดซับเข้าไปทันที อึดใจโลงศพก็สั่นสะเทือน รัศมีปีศาจหนาแน่นรั่วไหลออกมา
โซ่ที่พันโลงศพถูกกัดกร่อนเป็นรูจากรัศมีปีศาจ…
“นรกแล้ว โลงศพกำลังจะแตก!” ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปทันทีกับฉากนี้
ตอนนี้เองจอมยุทธ์มหาพันภพก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงบนโลงศพ ใบหน้าแต่ละคนก็ซีดเผือด ความกลัวพล่านในส่วนลึกของดวงตา
พวกเขาไม่คิดว่าหลังจากกำจัดภัยคุกคามแบบซือเทียนโยวได้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่า
หากเศษวิญญาณของจอมปีศาจระดับเทียนเป็นอิสระละก็ พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบพวกเขาจะเผชิญหน้าได้
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ขณะที่ทุกคนกำลังสยดสยอง ศิลาทั้งสี่ก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเศษวิญญาณ ทันใดนั้นศิลาก็ระเบิดแสงเจิดจ้าออกมาเพื่อระงับโลงศพที่สั่นสะท้าน
ทุกคนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็น
ปัง!
แต่พวกเขารู้สึกโล่งใจไม่ทันไร อึดใจศิลาหนึ่งในสี่ก็ระเบิดก่อร่างเป็นภาพร่างที่ด้านบน
นั่นก็คือแท่นบูชาเช่นกัน แต่มีร่างปีศาจขนาดยักษ์คำรามไปลั่นชั้นฟ้าพร้อมกับหัวโชกเลือดอยู่ในมือ
เมื่อมู่เฉินและบรรดาจอมยุทธ์มหาพันภพเห็นหัวนั่น ม่านตาของพวกเขาก็หดลงก่อนที่เสียงอุทานจะดังขึ้น “นั่นไป่จู๋!”
ใบหน้าของมู่เฉินน่าเกลียดลงหลายส่วน ไป่จู๋เป็นหนึ่งในมือสังหารปีศาจขั้นสูงจากมหาพันภพ ซึ่งเลือกเข้าสู่ชั้นผู้อาวุโสเชียง เขาเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาผู้ที่เข้าไปในชั้นนั้น
แต่ตอนนี้ชัดว่าถูกฆ่าตายแล้ว
แบบนี้ก็หมายความว่าชั้นผู้อาวุโสเชียงแตกแล้ว… และศิลาที่ถูกทำลายก็บอกว่าเศษวิญญาณจอมปีศาจระดับเทียนบนชั้นนั้น ถูกปลดปล่อยออกไป!
“ตอนนี้มีวิญญาณจอมปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เศษวิญญาณจะเข้าห้ำหั่นสู้กับปณิธานที่เหลืออยู่ของบรรพชนทั้งสี่หากอีกส่วนหนึ่งถูกปลดปล่อย ในเวลานั้นตราประทับเจดีย์สี่เทวะก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก”
ดังนั้นพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้เศษวิญญาณในชั้นนี้หลุดออกไปได้!
ตู้ม ตู้ม!
ขณะที่ความคิดวูบไหว โลงศพจอมปีศาจที่ถูกระงับไว้ก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง ศิลาทั้งสามพยายามปราบปราม แต่ก็ไม่สามารถทำให้สงบลงได้
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านในฉากนี้ เนื่องจากการต่อสู้ในระดับนี้อยู่เหนือการควบคุมและเขาได้แต่มองดูทั้งสองปะทะกันเท่านั้น
ทว่าการสูญเสียศิลาไปหนึ่ง ทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ต่อเจดีย์สี่เทวะ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปรัศมีปีศาจที่ออกมาจากโลงศพที่ดูดซับเลือดกลั่นไปก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ตู้ม!
ในที่สุดการต่อสู้ก็มาถึงจุดสำคัญแล้ว แสงปีศาจนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากโลงศพ จนโลงศพไม่สามารถทนได้อีกเกิดระเบิดขึ้น
แสงปีศาจทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามดังก้องด้วยความบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆ ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปนับหมื่นปี ข้าจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงก็ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง!”
รัศมีปีศาจรวมตัวกันเป็นภาพเงาราวร้อยจั้งที่ปล่อยผม ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยขนสีดำ ปลดปล่อยรัศมีน่ากลัวที่ไม่สามารถจินตนาการได้ออกมา
ภายใต้รัศมีนั้น แม้แต่มู่เฉินก็ยังรู้สึกกลัวจนไม่สามารถต้านทานได้
จอมยุทธ์คนอื่นๆ แห่งมหาพันภพรู้สึกเข่าอ่อนยวบ แทบจะคุกเข่าลง การเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระดับเทียน แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษวิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถต่อกรได้
กลับกันจอมยุทธ์เผ่าปีศาจก็ส่งเสียงโห่ฮาสะใจ
“คึๆ เจ้าเป็นคนปล่อยข้าคนนี้เหรอ?” ภาพเงาจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงก้มศีรษะลงมองไปที่ซือเทียนโยวพร้อมกับเสียงหัวเราะแปลกประหลาด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าจะใช้ร่างเจ้า!”
ก่อนที่ซือเทียนโยวจะทันได้ตอบ ลำแสงปีศาจก็ดิ่งลงมาพุ่งใส่หัวของซือเทียนโยว เนื่องจากจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงเป็นเพียงเศษวิญญาณ จึงจำเป็นต้องครอบครองร่างกายเพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยพลังได้ดีขึ้น
เมื่อจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงครอบครองร่าง ดวงตาของซือเทียนโยวก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นโลหะดูแข็งแรงเป็นพิเศษ
จอมปีศาจเคลื่อนไหวสั้นๆ ก่อนที่แสยะยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นสมาชิกเผ่าซือหมัว ร่างกายใช้ได้ ดูเหมือนข้าจะสามารถใช้พลังของตนได้มากขึ้น”
ขณะที่พูดเขาก็หันไปทางแท่นบูชา ความป่าเถื่อนและจิตสังหารพล่านในสายตา “ไอ้โคตรนรก แกปราบปรามวิญญาณของข้ามาเนิ่นนาน ตอนนี้มาดูสิว่าข้าจะทำลายแกยังไง!”
ตู้ม!
ขณะที่พูดก็ฟาดฝ่ามือออกไป รัศมีปีศาจพวยพุ่งกลายเป็นตราประทับปีศาจหมื่นจั้งที่มีพลังเหนือจินตนาการบินไปยังแท่นบูชา
ฮึ่ม!
แต่เมื่อคลื่นพลังกำลังจะกระแทกแท่นบูชา ศิลาตรงกลางก็ระเบิดแสงโบราณออกมา ร่างสูงวัยปรากฏขึ้น
เขาสะบัดแขนเสื้อ แสงไม่มีที่สิ้นสุดก็พุ่งออกมา ราวกับเมฆที่แต่งแต้มด้วยเฉดสีของพระอาทิตย์ตก บดบังตราประทับปีศาจไว้
“เสี่ยเจียง ไม่คิดว่าสุดท้ายแกก็หลบหนีออกมาได้” ร่างสูงวัยถอนหายใจ
จอมยุทธ์มหาพันภพอึ้งไปเมื่อเห็นร่างนั้น จากนั้นเฉวียนหลัว มั่วซินและชิงซวงก็อุทานด้วยความปีติยินดี “ท่านบรรพบุรุษ!”
ภาพเงานี้ก็คือปณิธานที่เหลืออยู่ของผู้อาวุโสฝูถู!
“ฮ่าๆ ไอ้แก่ฝูถู ดูเหมือนว่าแผนการของแกที่จะฆ่าพวกข้าล้มเหลวไม่เป็นท่า เจดีย์สี่เทวะได้รับความเสียหายบางส่วนแล้ว เมื่อไรข้าฆ่าแกได้ เจดีย์นี้ก็จะแสดงข้อบกพร่อง อีกไม่นานพวกข้าทุกคนจะได้รับการปลดปล่อย!” ซือเทียนโยวที่โดนสิงมองไปที่ผู้อาวุโสฝูถูพลางหัวเราะร่า
ผู้อาวุโสฝูถูส่ายหน้าตอบว่า “ข้าจะให้แกทำสำเร็จตามแผนได้ยังไงล่ะ?”
“แกคิดจะขัดขวางข้าด้วยปณิธานจ้อยร่อยเนี่ยนะ?” เสี่ยเจียงหัวเราะเยาะเย้ย “ร่างของเจ้าหนุ่มจากเผ่าซือหมัวนี่เหมาะกับข้ามาก งานนี้ข้าชนะแน่!”
ผู้อาวุโสฝูถูยิ้มเมื่อได้ยิน “ก็ไม่แน่”
เมื่อพูดจบเขาก็กวาดสายตาออกไป
ฟิ้ว ฟิ้ว!
เฉวียนหลัวและมั่วซินทะยานไปที่แท่นบูชาพูดเสียงดังฟังชัด “ท่านบรรพบุรุษ พวกข้าสองคนยินดีที่จะช่วยท่านในการฆ่าไอ้ปีศาจนี่!”
ทั้งสองกระตุ้นเจดีย์ในร่างกายทันที เจดีย์สุกใสและเจดีย์สีดำลอยอยู่เหนือหัวใจ ปล่อยความผันผวนน่าอัศจรรย์ออกมา
พวกเขาเสนอตัว เนื่องจากรู้ดีว่าหากสามารถช่วยเหลือผู้อาวุโสฝูถูในการสังหารปีศาจได้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์!
“หน้าด้าน!”
ชิงหลิงด่ากราดกับภาพที่เห็น มู่เฉินทำงานหนักมากระหว่างการต่อสู้เพื่อให้ได้สถานการณ์เช่นนี้มา แต่เจ้าสองคนนั่นดันเสนอหน้าคิดจะเก็บเกี่ยวผลงานของมู่เฉิน
ผู้อาวุโสฝูถูประหลาดใจเมื่อเห็นเจดีย์เหนือศีรษะของพวกเขา จากนั้นเขาก็พูดด้วยความพึงพอใจ “ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปนับหมื่นปี ลูกหลานของเผ่าฝูถูโบราณจะโดดเด่นเช่นนี้”
เฉวียนหลัวและมั่วซินสุขใจทันทีเมื่อได้ยินคำชม
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้แสดงความดีใจบนใบหน้า ผู้อาวุโสฝูถูก็มองไปที่มู่เฉิน “แต่เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสังหารปีศาจ”
“เจ้าหนู ก่อนหน้านี้ข้าได้เห็นศักยภาพของเจ้าแล้ว เจ้าโดดเด่นอย่างมาก แม้แต่ในสมัยโบราณก็มีไม่กี่คนในเผ่าที่สามารถเทียบเคียงกับเจ้าได้” ผู้อาวุโสฝูถูคลี่ยิ้มอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
มู่เฉินอึ้งไปเมื่อได้ยิน แต่กลับตกอยู่ในความเงียบ
รอยยิ้มของเฉวียนหลัวและมั่วซินค้างบนใบหน้า ก่อนที่พวกเขาจะพูดรัวเร็วว่า “ท่านบรรพบุรุษ เจ้านั่นเป็นตัวกาลกิณีของเผ่า ท่านไม่ควรเลือกเขา!”
ผู้อาวุโสฝูถูก็อึ้งไป ก่อนที่จะตรวจสอบมู่เฉินพลางขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปมองเฉวียนหลัวและมั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าหนูนี่มีนิสัยอดทนพากเพียร เขาไม่ถอยแม้จะเผชิญหน้ากับศพราชัน นิสัยของเขาไม่น่าจะเลวร้าย จะเป็นตัวกาลกิณีได้ยังไง?
เฉวียนหลัวกับมั่วซินเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดเสียงเบา “แม่ของเขากระทำบาปกับคนนอก ปล่อยให้สายเลือดสูงส่งของเรารั่วไหลออกไป นี่ถือเป็นบาปใหญ่!”
ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสฝูถูจะโมโหทันทีที่ได้ยินพลางก่นด่า “เหลวไหล! เผ่ามองว่าเขาเป็นคนบาปเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ? ตอนนี้เผ่าฝูถูปัญญาอ่อนขนาดนี้ได้ยังไง?!”
เฉวียนหลัวและมั่วซินมองหน้ากัน พวกเขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสฝูถูจะปฏิเสธบาปนี้
หลังจากตำหนิทั้งสอง สายตาของผู้อาวุโสฝูถูก็ดูอ่อนโยนเมื่อหันไปหามู่เฉิน “เจ้าหนู เต็มใจจะช่วยตาแก่คนนี้ฆ่าปีศาจหรือไม่”
แววตาของมู่เฉินซับซ้อน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบคนของเผ่าฝูถูที่ไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะกาลกิณี ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึกเสียงดังก้องไปทั่วชั้นฟ้า ทำให้ใบหน้าของเฉวียนหลัวและมั่วซินเขียวคล้ำ
“ข้าน้อยยินดีที่จะช่วยเหลือสุดกำลังขอรับ!”
บทที่ 1337 ฝูถูปะทะเสี่ยเจียง
“ข้าน้อยยินดีที่จะช่วยเหลือสุดกำลังขอรับ!”
เสียงของมู่เฉินดังก้องบนแท่นบูชา เขาไม่ได้ลังเลเกี่ยวกับคำขอของผู้อาวุโส เพราะเป้าหมายในการเดินทางของเขามายังแดนเซิ่งยวนก็คือการรับมรดกวิชาเจดีย์แปดองค์
ผู้อาวุโสฝูถูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
สำหรับเฉวียนหลัวและมั่วซินใบหน้าเปลี่ยนเป็นดำมืดยิ่งกว่าก้นกระทะ พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสฝูถูจะเลือกมู่เฉิน แม้จะทราบเกี่ยวกับตัวตนของอีกฝ่ายว่าเป็นตัวกาลกิณีก็ตาม
นั่นหมายความว่าวิชาเจดีย์แปดองค์จะตกอยู่ในมือของมู่เฉินงั้นเรอะ?
เพียงแค่ความคิดนี้ก็ทำให้ความอิจฉาแล่นพล่านขึ้นในดวงตาเฉวียนหลัวและมั่วซิน
“สมน้ำหน้า!”
ชิงหลิงอดเอ่ยล้อเลียนกับฉากนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมู่เฉินลงมือก่อนหน้า แท่นบูชาคงจะถูกทำลายโดยซือเทียนโยวไปแล้ว ส่วนพวกเขาสองคนก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับซือเทียนโยว แต่เมื่อเห็นว่าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ก็รีบเสนอหน้าทันที มิหนำซ้ำยังพยายามใส่ร้ายทำมู่เฉินเสื่อมเสียด้วยซ้ำ!
วิธีการของพวกเขาน่าทุเรศจริงๆ
แต่โชคดีที่ผู้อาวุโสฝูถูเป็นคนเปิดกว้าง ไม่ดื้อรั้นเหมือนพวกเฒ่าเต่าล้านปีในเผ่า
ชิงซวงก็รู้สึกโล่งใจตามกัน ตอนนี้นางไม่มีความคิดที่จะได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์อยู่แล้ว ดังนั้นตัวนางจึงสนับสนุนมู่เฉินเต็มกำลัง
“หวังว่ามู่เฉินและท่านบรรพบุรุษจะสามารถเอาชนะเศษวิญญาณจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจี่ยงได้ ไม่อย่างนั้น…” ชิงซวงดูกังวลใจไป ตอนนี้มีหนึ่งชั้นที่ถูกทำลายไปโดยเผ่าปีศาจแล้ว หากพวกเขาล้มเหลวลงอีก ก็เท่ากับครึ่งหนึ่งของภารกิจเหลวไม่เป็นท่า
ยิ่งหากเศษวิญญาณจอมปีศาจเทียนทั้งสี่สามารถหลุดรอดไปได้ละก็… ผลที่ตามมาไม่น่าดูเลย…
ขณะที่ชิงซวงกำลังกังวล ปณิธานของผู้อาวุโสฝูถูก็หลั่งไหลเข้าไปที่กระหม่อมของมู่เฉิน ทันใดนั้นดวงตาของมู่เฉินก็เปล่งประกาย ความแวววาวดูพร่างพราวราวกับดวงดาว
ปณิธานของผู้อาวุโสฝูถูเข้ามาในร่าง มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงพลังน่ากลัวคำรามอยู่ภายใน ทรงพลังมากจนทำให้ร่างกายของเขาแตกร้าวเงียบๆ
“ทรงพลังอะไรเพียงนี้”
สัมผัสได้ถึงพลังยิ่งใหญ่ มู่เฉินก็สูดลมหายใจสุดปอด เมื่อเทียบกับสิ่งนี้พลังของเขาก่อนหน้าช่างน่าสมเพชราวกับหิ่งห้อยคิดเทียบเคียงจันทราดวงใหญ่
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงง เนื่องจากนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปณิธานแรงกล้า แต่ก็ทรงพลังมากยิ่งนัก ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทรงพลังเพียงใดถ้าผู้อาวุโสฝูถูอยู่ในสภาพพร้อมรบสูงสุด
จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนทรงพลังมากพอกับชื่อเสียงแท้จริง
“ต่อไปข้าจะยืมร่างเจ้าเพื่อสู้กับเสี่ยเจียง” เสียงผู้อาวุโสฝูถูสะท้อนภายในใจ มู่เฉินก็พยักหน้ารับทราบ ด้วยพลังที่มีมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมได้ด้วยความสามารถในปัจจุบัน
นี่คล้ายกับการให้ดาบใหญ่กับเด็กทารก เขาไม่สามารถปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา!
“ไอ้แก่ฝูถู ข้าจะไม่ยอมให้แกมาปราบได้อีกแล้ว!”
เสี่ยเจียงคำรามขณะที่รัศมีปีศาจพวยพุ่งขึ้นมารวมตัวกันอย่างเมามันที่เบื้องหน้าเขา ไม่กี่ลมหายใจก็ถักทอกลายเป็นลูกทรงกลมสีดำที่มีขนาดเท่าหัวคน
ลูกทรงกลมนั่นราวกับหลุมดำ แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่มิติโดยรอบก็พังทลายลงเมื่อมันปรากฏ เหมือนกับไม่สามารถแบกรับสิ่งนี้ไว้ได้
นี่คือรัศมีปีศาจที่ควบแน่นเข้มข้นมาก
มองไปที่ลูกทรงกลม มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหดดวงตาลง เขามีลางสังหรณ์ว่าพลังของมันสามารถทำลายการป้องกันที่แข็งแกร่งของเขาได้ แม้แต่ดอกบัวอมตะก็ไม่สามารถต้านทานมันได้
“ตู้ม!”
ลูกกลมปีศาจพุ่งออกมา มิติพังทลายลงพร้อมกับเศษชิ้นส่วนที่แหลมคมถูกกลืนกินโดยรัศมีปีศาจ ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
เพียงแค่การเคลื่อนไหวธรรมดาก็สามารถทำลายล้างได้เป็นวงกว้าง
เผชิญหน้ากับลูกทรงกลมนี้ มู่เฉินก็ประสานมือด้วยกัน เจดีย์ค่อยๆ ปรากฏขึ้น นี่เป็นเจดีย์ผลึกใสที่สถิตอยู่ในร่างกายของมู่เฉิน
อย่างไรก็ตามนี่อยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมู่เฉินตัวจริง
เจดีย์นี้เจิดจรัสเมื่อปรากฏขึ้นก็คล้ายกับดวงอาทิตย์อัญมณี แม้แต่แสงในพื้นที่นี้ก็ถูกระงับไว้
เจดีย์สั่นสะท้านในมือของมู่เฉิน ก่อนที่จะมีผลึกแสงที่บรรจุด้วยพลังงานลึกซึ้งน่าเหลือเชื่อพุ่งออกมา
ผลึกแสงปะทะกับลูกทรงกลมปีศาจที่เข้ามา
การระเบิดรุนแรงที่คาดคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะเมื่อผลึกแสงสัมผัสกับลูกทรงกลมปีศาจก็กลายเป็นกรงขังมันเอาไว้ จากนั้นลูกทรงกลมก็จางลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแตกออก
“ความสามารถในการผนึกทรงพลังจริงๆ!”
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวกับฉากนี้ พลังการปิดผนึกในการควบคุมของผู้อาวุโสฝูถูอยู่ในระดับที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ
เมื่อเห็นว่าพ่ายแพ้อีกครั้งเสี่ยเจียงก็กู่ร้องคำราม ขนสีดำงอกขึ้นบนร่างของซือเทียนโยว จากนั้นก็พุ่งออกมาโดยทิ้งภาพมายาไว้เบื้องหลัง เล็บยาวงอกออกมาจากปลายนิ้วแล่นแปลบปลาบด้วยแสงสีดำ ความเฉียบคมเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ
เสี่ยเจียงเชี่ยวชาญการปะทะด้วยพลังกายภาพ ดังนั้นจึงพยายามเข้าใกล้ร่างมู่เฉินเพื่อปราบปรามฝูถูด้วยความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดตัวที่ทรงพลัง
ทว่าฝูถูไม่ให้โอกาสอีกฝ่าย ร่างถอยกลับไป เจดีย์พุทธะขยายใหญ่โตขึ้นนับไม่ถ้วน ระงับไปทางเสี่ยเจียง
เคร้ง เคร้ง!
เสี่ยเจียงหลบไม่ทันได้แต่เผชิญหน้าพร้อมกับหมัด หมัดตรงปะทะกับเจดีย์ เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นทันที แต่ทุกครั้งที่ผลักเจดีย์ไปข้างหลัง ตัวเขาก็จะได้รับการโต้กลับครั้งใหญ่และถูกผลักกลับไป
เพียงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ เสี่ยเจียงก็เริ่มหมดความอดทน เขาคำรามหักแขนข้างหนึ่งออกพร้อมกับเปลวไฟสีดำที่พ่นออกมาจากปากห่อหุ้มแขนทั้งหมดไว้
“หอกสางปีศาจ!”
จากนั้นเขายื่นมือออกไปจับหอกกระดูกสีดำที่ส่งกลิ่นคาวเลือดคละคุล้งออกมา
เคร้ง!
มือจับหอกกระดูกสีดำไว้มั่น เสี่ยเจียงก็ยกฟาดไปในทิศทางของเจดีย์ คราวนี้เจดีย์กระเด็นกลับไป เกิดรอยลึกทิ้งไว้บนตัวเจดีย์
“หึ”
ฝูถูตะคอกเสียงเย็นชากับภาพเบื้องหน้า ฝ่ามือวาดตราประทับเร็วรี่ ทั้งแท่นบูชาก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ขณะที่เกิดการโยกไหว รอยแตกก็เริ่มปรากฏ ลำแสงหลายสายพุ่งออกมาจากนั้นก็รวมตัวกันเป็นกระจกลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้า
กระจกสัมฤทธิ์ดูเก่าแก่ยิ่งนัก มีร่องรอยจุดด่างดำทิ้งไว้ ทำให้คนอื่นรู้สึกลึกซึ้งและไม่อาจหยั่งรู้ได้
ตำหนิเพียงอย่างเดียวก็คือขอบกระจกที่หายไป ทำให้ไม่สมบูรณ์แบบอีกต่อไป
ฮึ่ม!
เมื่อกระจกสัมฤทธิ์ปรากฏขึ้นเจดีย์ก็สั่นสะเทือนรุนแรง แสงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมา ทว่ามันไม่ได้พุ่งไปที่เสี่ยเจียงแต่พุ่งไปหากระจกแทน
ฟิ้ว!
เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์แทรกเข้าไปในกระจก ตัวกระจกก็สั่นสะเทือน จากนั้นแสงหลายแสนจั้งก็กวาดออก ขณะที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายโบราณนับไม่ถ้วน
“แผนภาพผนึกปีศาจ!”
ขณะที่ฝูถูตะโกนขึ้น แผนภาพขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ทะลุผ่านมิติ ก่อนที่จะปรากฏเหนือร่างเสี่ยเจียงล้อมรอบตัวเอาไว้
ฟิ้ว ฟิ้ว!
แรงดูดที่น่ากลัวพวยพุ่งออกมาจากแผนภาพดึงร่างเสี่ยเจียงเข้ามาอย่างช้าๆ
เสี่ยเจียงเหมือนจะกลัวแผนภาพนี้มาก ดังนั้นจึงระเบิดรัศมีปีศาจรุนแรงเพื่อต่อต้านแรงดูด ภายใต้ความพยายามนี้ก็ค่อยๆ ทำให้ร่างของเขาทรงตัวไว้ได้
“ฮ่าๆ ไอ้แก่ฝูถู กระจกผนึกปีศาจถูกทำลายโดยข้าคนนี้ไปแล้วเมื่อในอดีต ทำให้ไม่สมบูรณ์อีกต่อไป แกยังอยากดูดข้าเข้าไปเพื่อปราบปรามรึ?” เสี่ยเจียงหัวเราะร่วน
เมื่อเวลาผ่านไปพลังจากแผนภาพผนึกปีศาจก็อ่อนกำลังลง
ฝูถูถอนหายใจ “น่าเสียดาย”
หากกระจกผนึกปีศาจสมบูรณ์แบบละก็ คงไม่ยากสำหรับเขาที่จะปราบปรามเสี่ยเจียงในวันนี้
จิตใต้สำนึกของมู่เฉินมองไปที่กระจกผนึกปีศาจบนท้องฟ้า เขาจ้องมองชิ้นส่วนที่หายไปด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน แค่คิดลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อปรากฏที่เบื้องหน้า
แสงจางหายปรากฏให้เห็นแผ่นทองแดง
นี่เป็นแผ่นทองแดงที่เขาซื้อจากตลาดมาก่อนหน้า
“ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้ข้าได้สิ่งนี้มาโดยบังเอิญ” เสียงของมู่เฉินดังขึ้น
ก่อนที่จะพูดจบประโยค เขาก็สัมผัสได้ว่าฝูถูถึงกับมีอาการผันผวน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงตื่นเต้นดังขึ้นในใจ
“นี่…คือชิ้นส่วนของกระจกผนึกปีศาจ?!”
บทที่ 1338 ราชันสังหารปีศาจคนใหม่
“ชิ้นส่วนของกระจกผนึกปีศาจ?!”
เมื่อแผ่นทองแดงปรากฏขึ้น ฝูถูก็อุทานด้วยความดีใจปะปนความประหลาดใจ
มู่เฉินคลี่ยิ้ม เขาเดาได้ถูก แผ่นทองแดงเก่าเขรอะนี้ก็คือชิ้นส่วนของกระจกผนึกปีศาจ
นั่นหมายความว่าความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้เป็นของผู้อาวุโสฝูถู เนื่องจากมีเพียงรัศมีดังกล่าวเท่านั้นที่ทำให้เจดีย์ในร่างของเขาเกิดความกระวนกระวาย
“ฮ่าๆ ดูเหมือนเจ้าชะตาต้องกันกับข้าคนนี้จริงๆ” ฝูถูถอนหายใจ ถ้ามู่เฉินไม่ได้ชิ้นส่วนของกระจกผนึกปีศาจ เขาอาจจะไม่สามารถจัดการกับวิญญาณของจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงได้
“ผู้อาวุโสตอนนี้สามารถปราบปรามวิญญาณของเสี่ยเจียงได้หรือยังขอรับ?” มู่เฉินถาม
“ได้!” ฝูถูเอ่ยโดยไม่ลังเลใดๆ แม้ว่ากระจกผนึกปีศาจจะได้รับความเสียหาย แต่เสี่ยเจียงก็มีพลังไม่ถึงหนึ่งส่วน
พร้อมกับเสียงของฝูถู แผ่นทองแดงก็พุ่งออกไปรวมเข้ากับกระจกผนึกปีศาจ ส่วนที่เสียหายค่อยๆ ฟื้นคืนขึ้นมาอย่างช้าๆ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
เมื่อกระจกปิดผนึกปีศาจได้รับการบูรณะ รัศมีก็กำจายออกมาก่อนที่จะเทลงบนแผนภาพขนาดใหญ่ที่เบื้องล่าง
ในเวลาเดียวกันโซ่ก็พุ่งออกจากแผนภาพพันธนาการแขนขาของเสี่ยเจียง
โซ่เหล่านั้นกะพริบด้วยอักขระโบราณ ดูเหมือนว่าจะมีผลเป็นพิเศษในการระงับรัศมีปีศาจ ขณะที่ปกคลุมเสี่ยเจียงไว้ รัศมีหนาแน่นรอบตัวเขาก็เบาบางลง
ซ่า ซ่า!
ใบหน้าของเสี่ยเจียงเปลี่ยนไปขณะที่พยายามดิ้นรน แต่คราวนี้โซ่ไม่ขยับเขยื้อนสักกระผีก…
“แผนภาพผนึกปีศาจ—ประทับ!”
พร้อมกับเสียงของฝูถู โซ่ก็หดกลับ เสี่ยเจียงคำรามด้วยความไม่เต็มใจ เขาถูกดึงเข้าไปในแผนภาพอย่างช้าๆ
แผนภาพผนึกปีศาจลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้าขยับไหวอย่างต่อเนื่อง เงาสีดำน่ากลัวที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีปีศาจปรากฏอยู่
“ไอ้เวร!”
เสียงคำรามของเสี่ยเจียงสะท้อนออกจากแผนภาพ เขาไม่คิดว่าอิสรภาพของตนจะสั้นกุดขนาดนี้ ก่อนที่เขาจะถูกผนึกไว้ในแผนภาพผนึกปีศาจโดยฝูถูอีกครั้ง
“อย่านิ่งนอนใจไปเลย ตอนนี้ชั้นแรกของเจดีย์สี่เทวะถูกทำลายไปแล้ว ตราบใดที่อีกสองชั้นถูกทำลาย ข้าก็จะเป็นอิสระได้อีกครั้ง!”
มองไปที่เสี่ยเจียงที่ถูกผนึกไว้ในแผนภาพ แต่ยังคงดิ้นรน มู่เฉินก็ถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส เราฆ่ามันไม่ได้หรือ?”
ตอนนี้ฝูถูเหมือนแค่ปิดผนึกร่างราชาปีศาจอีกครั้งเท่านั้น แต่การปิดผนึกเช่นนี้มีอันตรายหากมีอะไรเกิดขึ้นมันก็จะเป็นอิสระ
ฝูถูถึงกับถอนหายใจเมื่อได้ยินคำถาม “พลังชีวิตของเผ่าปีศาจเหนียวแน่นมาก นอกจากนี้จิตวิญญาณปีศาจก็ได้รับการขัดเกลา นี่ไม่ใช่สิ่งที่มหาพันภพของเราจะเทียบได้ หากเราต้องการทำลายจิตวิญญาณของพวกมันก็ต้องพึ่งพาพลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเลือกผนึกและทำลายจิตวิญญาณของพวกมันผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลา”
เพียงแค่นี้มู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าทำไมเขาถึงพบกับราชันปีศาจจำนวนมากที่ถูกผนึกไว้ แม้ว่าจะยุ่งยากน้อยกว่า แต่ก็ไม่ปลอดภัยเลย
“แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของเสี่ยเจียงอ่อนแอลงหลังจากถูกปิดผนึกเป็นเวลานาน พูดได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของมัน แต่น่าเสียดายตาแก่คนนี้พลังก็อ่อนล้านัก ทำให้ฆ่ามันไม่ได้” ฝูถูเอ่ยด้วยความเสียดายเบาบาง
“กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากกระจกผนึกปีศาจเหรอขอรับ?” มู่เฉินมองไปที่กระจกบนท้องฟ้า เขารู้สึกได้ว่านี่เป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม
ฝูถูส่ายหัว “กระจกผนึกปีศาจก็อ่อนกำลังลงเช่นกัน หลังจากที่มันช่วยข้าผนึกราชันปีศาจตัวนี้เป็นเวลานาน”
หลังจากพูดจบเขาก็หยุดชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ“ แต่ถ้ามีความช่วยเหลือจากอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียน ก็มากเกินพอที่ข้าจะฆ่าจอมปีศาจระดับเทียนตัวนี้”
“อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียน?” มู่เฉินอึ้งไปนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินถึงความแตกต่างของอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม
“อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียนเป็นอาวุธที่เป็นของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะไม่รู้ ก็คล้ายกับระดับเทียนจื้อจุนที่แบ่งออกเป็นขั้นหลิง-เซียน-เซิ่ง นั่นแหละ” ฝูถูยิ้ม
มู่เฉินพยักหน้าก่อนที่จะเข้าสู่ภวังค์ความคิด ถ้าเป็นอาวุธมหสวรรค์เขาก็มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ทว่าพลังมันหมดลงไปอย่างมากแล้ว
แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่ลองดู
ดังนั้นเขาจึงกำมือขึ้น แสงควบแน่นอยู่ภายในก่อนที่จะปรากฏภาพกระบี่แก้วยาวโบราณที่วูบไหวด้วยเกลียวแสงมันวาวซึ่งเปล่งพลังพิเศษออกมา
“หืม?”
เมื่อกระบี่ปรากฏขึ้น ฝูถูก็อุทานก่อนที่จะส่งเสียงร้องตกใจ “นี่คือ…กระบี่เกล็ดจักรพรรดิของจักรพรรดิฟ้า?!”
“ผู้อาวุโสรู้จักสิ่งนี้ด้วยเหรอ?” มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ
“ทำไมจะไม่ล่ะ? ข้ารู้จักกับจักรพรรดิฟ้า ไม่คิดเลยว่ากระบี่ของเขาจะอยู่ในมือของเจ้า” ฝูถูเอ่ยด้วยความตกใจ
“ข้าโชคดีได้รับมรดกของอาจารย์” มู่เฉินอธิบาย
“ฮ่าๆ สายตาของสหายคนนั้นไม่เลวจริงๆ ทายาทเผ่าฝูถูของข้าย่อมคู่ควรกับมรดกนั่น” ฝูถูยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในน้ำเสียง
“ผู้อาวุโส แต่มีพลังเหลืออยู่ไม่มากนักในกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ นี่จะมีประโยชน์หรือไม่?”
“มีมากเชียวแหละ!” ฝูถูยิ้ม “กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเผด็จการแท้จริง มิหนำซ้ำยังมีไว้สำหรับสังหารปีศาจ แม้ว่าพลังงานภายในจะใกล้หมด แต่ข้าก็สามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้ เกินพอที่จะจัดการกับจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงแล้ว”
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
ฝูถูควบคุมร่างกายมู่เฉินจับกระบี่เกล็ดจักรพรรดิไว้พลางยิ้มอ่อนให้เสี่ยเจียง “ข้าจะดูสิว่าแกจะทนได้นานแค่ไหน”
“ฮ่าๆ ไอ้แพะผีแก่ แกทำอะไรกับข้าไม่ได้ด้วยสภาพปัจจุบันนี้หรอก!” เสี่ยเจียงยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า ก่อนที่สีหน้าจะแข็งค้างไป เมื่อความมันวาวของกระบี่พุ่งออกมาจากมือของฝูถู
เนื่องจากความได้กลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตจากบนกระบี่นั้น
ความรู้สึกอันตรายนั้นรุนแรงมาก วัตถุนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากระจกผนึกปีศาจเลย!
“หลังจากติดแหง็กกับแกมานับหมื่นปี ข้าขอพูดหน่อยว่าดีใจแค่ไหนที่จะได้ฆ่าแก” ฝูถูยิ้มอ่อนก่อนที่จะสะบัดมือ กระบี่เกล็ดจักรพรรดิทะยานออกไป
แสงกระบี่ไร้ขอบเขตสร้างความหายนะระหว่างสวรรค์และโลก
กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นแสงกระบี่เข้มข้น พุ่งผ่านมิติด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ
โฮก!
รู้สึกถึงความตายพล่านเข้ามาในแผนภาพ เสี่ยเจียงก็คำรามบ้าคลั่ง ขณะที่พยายามดิ้นรนพร้อมกับรัศมีปีศาจพวยพุ่งให้หลุดพ้นออกมาให้ได้
ฮึ่ม ฮึ่ม
ทว่ากระจกผนึกปีศาจก็ปลดปล่อยแสงนับไม่ถ้วนออกมา ห่อหุ้มแผนภาพไว้ทำให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าเสี่ยเจียงจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
ฟิ้ว
จังหวะนั้นมิติก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แสงกระบี่บินว่อน
นี่เป็นลำแสงที่ไม่ธรรมดา ทำให้เสียงคำรามของเสี่ยเจียงปะปนไปด้วยความหวาดกลัว
“หายไปซะ!”
เสียงของฝูถูเต็มไปด้วยความเย็นชา ขณะที่กระบี่พุ่งออกแทงทะลุร่างที่กำลังดิ้นรนในแผนภาพ
อ๊าก!
เสียงคำรามเสียดแก้วหูดังก้อง ควันปีศาจรุนแรงก็พวยพุ่งออกมา เมื่อถูกผนึกโดยแผ่นภาพผนึกปีศาจ ร่างของเสี่ยเจียงก็ราวกับลูกโปร่งที่ถูกเจาะ เริ่มฟีบลงเรื่อยๆ
รัศมีของเขาก็อ่อนลงอย่างรวดเร็ว
เสียงคำรามสะท้อนไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ทำให้จอมยุทธ์เผ่าปีศาจใบหน้าซีดเซียว ทุกคนหมุนตัวหนีไปโดยไม่สนใจอะไรอีก
จอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงกำลังจะถูกฆ่า พวกเขาหมดโอกาสแล้ว
ตอนนี้เองจอมยุทธ์มหาพันภพก็ออกไล่ล่าศัตรู ขัดขวางทางหนีทีไล่ของจอมยุทธ์เผ่าปีศาจอย่างไร้ปรานี
เมื่อเห็นรัศมีปีศาจของเสี่ยเจียงหายไปอย่างรวดเร็วบนแท่นบูชา หัวใจของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน “ผู้อาวุโส จัดการเสี่ยเจียงเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ใช่ ในที่สุดก็กำจัดมันได้” ฝูถูรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ มู่เฉินก็หยิบป้ายสังหารปีศาจออกมา “ผู้อาวุโส ข้าขอเศษเสี้ยววิญญาณของเขาได้ไหม?”
ตามกฎของมหาพันภพ เขาจะสามารถได้รับคะแนนสังหารปีศาจและเพิ่มอันดับโดยการฆ่าสมาชิกเผ่าปีศาจ
นอกจากนี้การสังหารจอมปีศาจระดับเทียนจะทำให้เขาได้รับหนึ่งหมื่นคะแนน เลื่อนอันดับเป็นราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนฆ่าเอง แต่ก็มีส่วนร่วมนิดหน่อย ดังนั้นเขาอยากรู้จะได้รับคะแนนสักนิดหรือไม่
“หืม? ป้ายสังหารปีศาจr?”
เมื่อเห็นป้ายที่มู่เฉินนำออกมาฝูถูก็อึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่ “เจ้าเด็กน้อย ความคิดของเจ้าใหญ่โตทีเดียว ฮ่าๆ แต่ก็ไม่เป็นไร มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในฐานะราชันสังหารปีศาจ วะฮะฮ่า! น่าสนใจ ไม่รู้ว่าใบหน้าของผู้คนในวังมหาพันภพจะเป็นอย่างไรหลังจากรู้เรื่องนี้!”
ขณะที่พูดเขาก็โบกมือ หมอกสีดำลอยออกจากแผนภาพพล่านเข้าไปในป้ายสังหารปีศาจ
ป้ายวูบไหวขณะที่หมอกสีดำถูกดูดเข้าไป
มู่เฉินและฝูถูจ้องไปที่ป้าย
ภายใต้สายตาป้ายก็นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะสั่นเทิ้ม แสงสีทองพุ่งพรวดออกมาไหลเวียนอยู่เหนือป้าย
ที่ขอบล่างของป้ายตำแหน่งมือสังหารปีศาจขั้นต่ำหายไป แทนที่ด้วยอักษรสีทองแพรวพราวในอากาศ
“ราชันสังหารปีศาจ!”
มู่เฉินจ้องมองไปที่อักษรทองคำ ปากก็อ้าค้าง
การทดลองของเขาสำเร็จจริงหรือ?!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น