หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1323-1324
บทที่ 1323 ฉิงปูป้าย
วันรุ่งขึ้น
พวกมู่เฉินไม่ได้จ่ายของเหลวจื้อจุนห้าสิบล้านหยดตามที่เวินชิงเฉวียนพูดถึงไว้ นั่นเพราะทันทีที่พวกเขามาถึงการชุมนุม ผู้คุมก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว
ในโถงเสียหายพวกมู่เฉินเห็นคนหลายกลุ่มมากันที่นี่พร้อมกับการรวมตัวที่ทรงพลัง แม้แต่กลุ่มที่ด้อยที่สุดก็ยังมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม
ในหมู่คนเหล่านี้ เขาเห็นมั่วซิน เฉวียนหลัวและชิงซวงที่พบเมื่อวานด้วย
“ดูเหมือนค่าเข้างานก็มีไว้เพื่อป้องกันกลุ่มที่พยายามตกปลาหาผลประโยชน์น่ะ” ในที่สุดมู่เฉินก็เข้าใจเหตุผล
“แต่คนคิดริเริ่มพยายามทำอะไร? ทำไมพวกเขาคิดจะแบ่งปันข้อมูลกับกลุ่มอื่นๆ”
มู่เฉินขมวดคิ้ว นั่นเป็นเพราะตามสถานการณ์ทั่วไปหากคนคิดริเริ่มมีข้อมูลดังกล่าว เหตุใดเขาจึงไม่นำกำลังพลต่อสู้เพื่อคว้าสมบัติให้ตนเอง แต่ดันมาเปิดเผยเพื่อดึงดูดคู่แข่งมากขึ้น
มู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากับลั่วหลีและเวินชิงเฉวียน เขาเห็นความสงสัยเดียวกันในสายตาของพวกนาง
ทว่าไม่ว่าจะสงสัยยังไง พวกเขาก็หาที่รออย่างเงียบๆ เนื่องจากข้อสงสัยจะได้รับการไขให้กระจ่างหลังจากคนคิดริเริ่มปรากฏตัว
ระหว่างรอ กลุ่มทรงพลังก็เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงขึ้นในห้องโถง ก่อนพวกมู่เฉินจะเห็นร่างเงาหนึ่งเดินเข้ามาในโถงภายใต้การคุ้มครอง
เมื่อคนผู้นี้ปรากฏตัว เขาก็ได้รับความสนใจจากทุกคนทันที
มู่เฉินก็เบนศีรษะไปมอง ชายผู้นั้นมีรูปร่างกำยำพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสแขวนอยู่บนใบหน้าของเขา ทว่าประกายแสงพริบพราวเป็นครั้งคราวในดวงตาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนพิเศษเพียงใด
นอกจากนี้มู่เฉินยังสามารถสัมผัสถึงความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังที่มาจากชายคนนั้น แม้จะคลุมเครือแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั่วไปจะเทียบได้
ชายคนนี้ไม่ธรรมดา!
“ฮ่าๆ ในเมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอแนะนำตัวเอง ข้าชื่อฉิงปูป้ายจากสำนักสามเทวะ” ฉิงปูป้ายกวาดมองทุกคนพลางประสานมือยิ้ม
“สำนักสามเทวะ?”
สายตาของมู่เฉินวูบไหวด้วยความประหลาดใจฉายบนใบหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของสำนักสามเทวะ นี่เป็นขั้วอำนาจใหญ่ในมหาพันภพที่ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ
ซึ่งเป็นเพราะในสำนักสามเทวะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนถึงสามคน!
ทว่าดูจากท่าทางกลุ่มคน ชัดว่าคุ้นเคยกับฉิงปูป้าย นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับชายคนนี้
“ฉิงปูป้ายเป็นหัวหน้าศิษย์เอกสำนักสามเทวะ เขามีพรสวรรค์มากล้น ตอนนี้มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด มีชื่อเสียงพอสมควรในมหาพันภพ” เวินชิงเฉวียนอธิบาย
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ตัดสินจากประสาทสัมผัสของเขา ฉิงปูป้ายไม่ด้อยกว่าเฉวียนหลัวและมั่วซินเลย ไม่แปลกใจที่เขาสามารถสงบนิ่งได้ในสถานการณ์เช่นนี้
แดนเซิ่งยวนโบราณเป็นสถานที่ที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแท้จริง
“พี่ฉิงคำพูดที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกเถอะ เจ้าน่าจะรู้สาเหตุที่เรามารวมตัวกันที่นี่ หากเจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับมรดกทั้งสี่ก็รบกวนบอกด้วย” เฉวียนหลัวกล่าวขณะที่ยิ้มยาง
เมื่อเฉวียนหลัวพูดออกมา กลุ่มอื่นๆ ก็ส่งเสียงดังเห็นด้วยทันที
ฉิงปูป้ายยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ทุกคน ข้ารู้เรื่องมรดกทั้งสี่ นอกจากนี้ยังรู้ตำแหน่งที่ชัดเจน”
เมื่อเขาพูดจบห้องโถงก็เงียบลง หลายคนมองที่ฉิงปูป้ายด้วยเพลิงปรารถนาพล่านในดวงตา แต่ที่มีมากกว่าคือความสงสัย เนื่องจากพวกเขาแปลกใจว่าทำไมฉิงปูป้ายถึงคิดเปิดเผยข้อมูล
“ข้าเชื่อว่าทุกคนสงสัยว่าทำไมข้าถึงไม่นำกำลังพลไปคว้าสมบัติในเมื่อรู้ข้อมูล กลับมาเปิดเผยให้ทุกคนรู้” เมื่อเห็นสายตาเหล่านั้นฉิงปูป้ายก็ยิ้ม “ง่ายมากเพราะกำลังคนของสำนักสามเทวะไม่เพียงพอสำหรับงานนี้”
“งั้นเจ้ารู้ข้อมูลของท่านบรรพชนคนใดในสี่คนนี้” มีคนถาม ที่เรียกว่าบรรพชนสี่คนก็หมายถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งสี่ที่เสียชีวิตในแดนเซิ่งยวนในสมัยโบราณ รวมถึงบรรพชนเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงด้วย
ฉิงปูป้ายยิ้ม “ข้าไม่ได้พูดถึงข้อมูลของคนใดคนหนึ่ง เพราะครั้งนี้มรดกทั้งสี่จะปรากฏขึ้นพร้อมกัน”
โห่
ห้องโถงตกลงสู่ความโกลาหล มีคนจำนวนมากเขียนคำว่าไม่เชื่อบนใบหน้า ต้องรู้ว่ามรดกทั้งสี่นั้นหายากเพราะพวกมันจะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มิหนำซ้ำยังมีจิตวิญญาณซึ่งทำให้ผู้อื่นค้นหาได้ยาก
แต่ตอนนี้ฉิงปูป้ายกลับบอกว่าสมบัติทั้งสี่จะปรากฏพร้อมกัน นี่จะไม่ทำให้พวกเขายากที่จะเชื่อได้ยังไง?
“ไม่มีอะไรที่ยากจะเชื่อหรอก มรดกทั้งสี่อัดแน่นด้วยเจตจำนงที่ยังเหลืออยู่ของบรรพชนทั้งสี่ ดังนั้นหากมีเหตุผลให้พวกเขามารวมตัวกัน ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้” ฉิงปูป้ายกล่าว
“เหตุผลอะไร?” มู่เฉินถาม
ฉิงปูป้ายมองมู่เฉิน แต่ไม่ได้แสดงอาการดูถูกใดๆ ต่อมู่เฉินว่าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ชัดว่าได้ข่าวการเผชิญหน้ากันระหว่างมู่เฉินกับมั่วซินเมื่อวานนี้มาแล้ว
“มีอะไรอีกที่เป็นเหตุผลว่าเจตจำนงของบรรพชนทั้งสี่มารวมตัวกันได้?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงปูป้าย มู่เฉินก็ครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะพูดช้าๆ “จอมปีศาจระดับเทียนทั้งสี่ที่ตายไปด้วย”
“สิ่งที่พี่มู่พูดมาถูกต้อง ตอนนี้มรดกของบรรพชนและจอมปีศาจเกิดการปะทะกัน” ฉิงปูป้ายพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเขาพูดออกมาไม่เพียงแต่กลุ่มทั่วไป แม้แต่เฉวียนหลัวและมั่วซินก็เปลี่ยนสีหน้า
“เป็นอย่างนี้นี่เอง แม้ว่าบรรพชนและจอมปีศาจจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่เจตจำนงของพวกเขาที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็ยังมองว่าแต่ละฝ่ายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเกิดการปะทะกันก็จะส่งสัญญาณไปยังสหายเพื่อทำลายเจตจำนงที่เหลืออยู่ของอีกฝ่ายโดยธรรมชาติ” มู่เฉินเข้าใจเหตุผลทันที
แต่โอกาสเช่นนี้มีน้อยมาก พวกเขาดันเจอขึ้นมา ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
“ตอนที่ข้าเพิ่งเข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณ ข้าพบพายุกาละและถูกส่งออกไป ซึ่งบังเอิญส่งไปยังที่ตั้งของมรดกทั้งสี่ ตอนนั้นข้าพยายามที่จะเข้า แต่ก็ถูกสกัดโดยเจตจำนงที่น่าจะเป็นส่วนที่เหลือของหนึ่งในสี่บรรพชน เขาบอกว่าข้าต้องหาจอมยุทธ์ให้มากขึ้นเพื่อเข้าสู่มรดก”
ฉิงปูป้ายมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นนี่จึงเป็นเป้าหมายของข้า”
“ทำไมเจตจำนงของบรรพชนทั้งสี่คนจึงต้องการจอมยุทธ์จำนวนมาก?” มั่วซินถามด้วยเสียงเข้ม
มู่เฉินมองไปที่มั่วซิน “เพราะเจตจำนงของจอมปีศาจทั้งสี่ก็ต้องเรียกจอมยุทธ์เผ่าปีศาจมา ดังนั้นข้าเชื่อว่าพวกมันก็มีเป้าหมายเหมือนกัน เพื่อจะทำลายเจตจำนงที่เหลืออยู่ของบรรพชนทั้งสี่ของพวกเรา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา จอมยุทธ์หลายคนก็ม่านตาหดลง หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าถ้าพวกเขาต้องการรับมรดกของบรรพชนทั้งสี่ พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าปีศาจเรอะ?
มู่เฉินรู้สึกสงบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาได้พบซือเทียนโยวจากเผ่าซือหมัวมาก่อนหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าซือเทียนโยวก็เป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ที่เข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณของเผ่าปีศาจ
“ท่าทางเรื่องนี้จะใหญ่โตเอาเรื่อง” มู่เฉินถอนหายใจอย่างเบาๆ
ในอดีตเมื่อแดนเซิ่งยวนโบราณเปิดออก แม้ว่าจะมีการต่อสู้เป็นครั้งคราวระหว่างมหาพันภพและจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ก็เป็นการต่อสู้ขนาดเล็กที่จะระเบิดออกเมื่อเผชิญหน้ากัน
แต่คราวนี้ถ้าพวกเขาต้องการได้ขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาก็ต้องต่อสู้ด้วยชีวิต
ลั่วหลี หลิงซีและคนอื่นๆ ก็ผงกหัวด้วยสีหน้ารุนแรง ตอนแรกพวกเขาต้องการค้นหาสมบัติเท่านั้น แต่ตอนนี้พัฒนาเป็นการประจันหน้าระหว่างจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของมหาพันภพและเผ่าปีศาจแล้ว
เผ่าปีศาจยากเกินหยั่งถึงและอันตราย
แต่มู่เฉินก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ตราบใดที่เขาสามารถได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์ที่เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่า อันตรายใดๆ ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง
ในห้องโถงหลายกลุ่มที่มีความมั่นใจในตัวเองก็เผยสายตาดุร้าย นั่นคือมรดกตกทอดของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง หากเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่แดนเซิ่งยวนโบราณจะเหลือโอกาสให้พวกเขาซะที่ไหน? หากพวกเขาได้รับก็อาจสามารถใช้เพื่อบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุน กลายเป็นหนึ่งในจุดสุดยอดของมหาพันภพ
ระดับเทียนจื้อจุนเป็นความฝันของผู้คนมากมาย
ฉิงปูป้ายมองห้องโถงเงียบๆ ก่อนที่จะยิ้ม “ถ้าใครไม่สนใจมรดกของบรรพชนก็ขอให้ออกไปได้เลย”
ไม่มีใครพูดและไม่มีใครเลือกที่จะไป ทุกคนที่สามารถมาที่แดนเซิ่งยวนโบราณได้ต่างมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง แม้ว่าเผ่าปีศาจจะยากหยั่งรู้ได้ แต่ผลลัพธ์ก็จะรู้หลังจากต่อสู้กันเท่านั้น
นอกจากนี้ไม่มีใครมีเหตุผลที่จะกลัวการต่อสู้กับเผ่าปีศาจซึ่งเป็นศัตรูยิ่งใหญ่ของมหาพันภพ
ฉิงปูป้ายรอเงียบๆ พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครไป รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า จากนั้นก็เอ่ยเสียงดัง
“ในเมื่อไม่มีใครจะถอยก็ไปเตรียมตัววันนี้ให้เรียบร้อย เราจะมุ่งหน้าสู่มรดกของบรรพชนทั้งสี่ในวันพรุ่งนี้!”
เมื่อฉิงปูป้ายพูดจบ แววตาของหลายคนก็ลุกโชน
บทที่ 1324 เจดีย์สี่เทวะ
เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง
เมืองที่เป็นจุดรวมตัวก็ปะทุขึ้น เพราะผู้คนมากมายเห็นกลุ่มโดดเด่นรวมตัวกันก่อนที่จะมุ่งหน้าออกไปพร้อมกัน
การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ทำให้เกิดความตกตะลึงกับกลุ่มอื่นๆ เพราะสาเหตุเรื่องความแข็งแกร่งที่ยังไม่เข้าขั้น บางกลุ่มจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการชุมนุม ดังนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตำนานบรรพชนทั้งสี่ ไม่ต้องพูดถึงการรู้เหตุผลของความปั่นป่วนนี้
ทว่าก็มีบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตามหลังคนกลุ่มใหญ่ไปในระยะไกล
คนกลุ่มใหญ่ก็ไม่ได้สนใจกลุ่มที่ติดตามมา ตามที่ฉิงปูป้ายกล่าวจอมยุทธ์เผ่าปีศาจต่างมิติก็จะมารวมตัวกันที่ขุมทรัพย์โบราณ หากการต่อสู้ระเบิดขึ้น คนโลภมากก็จะได้รับทุกข์ทรมานเอง
มู่เฉิน เวินชิงเฉวียนและพรรคพวกตามหลังคนกลุ่มใหญ่
พวกเขาพยายามรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากกลุ่มอื่น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่กลุ่มอื่นทำเช่นกัน
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะถือว่าอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่ทุกคนก็ชัดเจนว่ามรดกทั้งสี่ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทั้งหมด ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ กลุ่มอื่นก็นับเป็นคู่แข่งทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องรักษาความระมัดระวังกับคู่แข่งไว้
“การเคลื่อนไหวนี้น่ากลัวแท้จริง”
มู่เฉินมองไปที่การแคลื่อนตัวยิ่งใหญ่ ก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้ ตามการประเมินของเขามีกลุ่มชั้นยอดอย่างน้อยหลายสิบกลุ่มที่นี่ ทุกคนได้รับการพิจารณาว่าแข็งแกร่งที่สุดในแดนเซิ่งยวนโบราณตอนนี้แล้ว
“หมายความว่ามรดกบรรพชนทั้งสี่อันตรายอย่างยิ่ง” ลั่วหลีพูดเบาๆ ท่าทางเคร่งเครียดมาก
มู่เฉินพยักหน้า เขารู้ว่าอันตรายนี้ไม่ใช่สิ่งที่มรดกภูตผีเสื้อโอสถสามารถนำมาเปรียบเทียบได้ หากเขาต้องการได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์ ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งเหล่านี้ เขายังต้องจัดการกับเผ่าปีศาจต่างมิติด้วย
“สถานการณ์มรดกในตำนานยังไม่ชัดเจน หากเราถูกแยกออกจากกันก็อย่าฝืนตัวเองมากนะ” มู่เฉินพูดอย่างเคร่งเครียดเมื่อมองไปที่ลั่วหลี ตัวนางก็มีภารกิจที่จะต้องคว้าวิชาช่องแสงวิญญาณของเผ่าไท่หลิงมาให้ได้ แต่นางเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันในแดนเซิ่งยวนโบราณกับพวกจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มมากนัก
หากลั่วหลีอยู่กับเขา เขาจะสามารถช่วยนางได้ แต่กลัวว่าสถานการณ์ในตอนนั้นจะผิดแผกไป ถ้าแยกจากกัน เขากังวลว่าลั่วหลีจะมีปัญหา
ลั่วหลีรู้สึกถึงความห่วงใยของมู่เฉินดี นางยิ้มบางพร้อมกับความงามเอิบอาบไปทั่วขณะที่พยักหน้า “วางใจเถอะ ข้าไม่ฝืนตัวเองแน่นอน”
“นอกจากนี้… อย่าประมาทเพียงเพราะข้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นนะ ข้าก็มีวิธีการของตัวเองเช่นกัน” ลั่วหลีกะพริบตาวิบวับมองมู่เฉินอย่างหยอกล้อ
มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะพยักหน้า ในเมื่อลั่วหลีพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ นั่นหมายความว่านางต้องเตรียมพร้อมแล้ว
“ถ้าข้าเดาถูก ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เฉวียนหลัวน่าจะเป็นเสมือนธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง เป้าหมายของนางก็คือวิชาช่องแสงวิญญาณเช่นกัน” ลั่วหลีพูดเบาๆ ขณะที่กวาดสายตามองออกไป
“โอ้?” ม่านตามู่เฉินหดลง มองไปที่หญิงสาวทรงเสน่ห์ข้างเฉวียนหลัว ด้วยรูปลักษณ์จัดว่างดงามมาก
“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
ลั่วหลียิ้มตอบ “สัญชาตญาณของผู้หญิง… นางแอบมองข้าหลายครั้งแล้ว”
มู่เฉินพูดไม่ออก จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอ่อนใจ สัญชาตญาณผู้หญิงเป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง กระทั่งสายตาที่ซ่อนเร้นยังสามารถตรวจจับเอาไว้ได้
“ผู้หญิงคนนั้นหลักแหลมใช้ได้”
มู่เฉินพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดสั้นๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับนาง แต่เขาก็เห็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอยู่รอบตัวนางตลอดเวลา
นางไม่เหมือนลั่วหลี ในเมืองที่เป็นจุดรวมตัวก็มีจอมยุทธ์ทรงพลังหลายคนที่เข้ามาอยากสร้างความสัมพันธ์กับลั่วหลีเนื่องจากรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่สุดท้ายก็โดนนางปฏิเสธอย่างเย็นชาทั้งหมด ไม่มีความคิดที่จะดึงพวกเขามาเป็นพวก
ลั่วหลีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงคนนั้นมีฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะระวังนาง”
มู่เฉินพยักหน้า เสมือนธิดาเทพคนนั้นอาจจะฉลาด แต่ลั่วหลีก็ดูถูกไม่ได้ ลั่วหลีสามารถดึงตระกูลลั่วเสินกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องและเติบโตขึ้น นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความฉลาดกับความงามของนางทัดเทียมกัน
ตราบใดที่ลั่วหลีระวัง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามได้
ขณะที่ทั้งสองพูดกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่ากลุ่มด้านหน้าเริ่มเร่งความเร็ว เห็นได้ชัดว่าฉิงปูป้ายที่นำทางเร่งความเร็วขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดบทสนทนาไว้ ติดตามกลุ่มใหญ่ต่อ
พวกเขาใช้เวลาในการเดินทางตลอดหนึ่งวันเต็มๆ เมื่อท้องฟ้ายามราตรีปกคลุมไปทั่ว ทั้งกลุ่มก็พลิ้วลงไปที่ภูเขาเพื่อพักผ่อนรอเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเดินทางต่อไป
ภายใต้ความเร็วนี้มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็พบว่ากลุ่มเริ่มช้าลงในเวลาพลบค่ำของวันที่สอง
“ทุกคนอีกไม่นานก็จะถึงปลายทางแล้ว!”
เสียงทรงพลังของฉิงปูป้ายดังก้อง
ทั้งกลุ่มถึงกับปั่นป่วน ก่อนที่สายตาจะจ้องมองไปยังระยะไกล มองเห็นเหวลึกไร้กันบนพื้นดินเบื้องหน้า
ขนาดของเหวไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อมองจากระยะไกลราวกับหลุมดำขนาดมหึมาที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้กระดูกสันหลังของคนมองเย็นเยือกลง
ด้านหนึ่งของเหวลึกสว่างไสวราวกับมีดวงอาทิตย์สาดส่องแสงไม่สิ้นสุด
ส่วนอีกด้านหนึ่งถูกห่อหุ้มด้วยความมืดมิดราวกับอาณาจักรปีศาจ
ความสว่างและความมืดกัดเซาะกันอย่างต่อเนื่อง มิติก็ถูกทำลายจนมีสภาพแตกสลาย พายุกาละปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
“นี่คือเหวเทพร่วง!” ขณะที่มู่เฉินและคนอื่นๆ กำลังมองไปที่ก้นเหวไม่มีที่สิ้นสุดด้วยความเหม่อลอย เสียงของเวินชิงเฉวียนก็ดังขึ้น
“เหวเทพร่วง” มู่เฉินอึ้งไป
“ในสมัยโบราณบรรพชนทั้งสี่ต่อสู้กับจอมปีศาจทั้งสี่ที่นี่ และหุบเหวไร้ก้นแห่งนี้ก็เป็นผลงานชิ้นเอกที่ทิ้งไว้ต่างหน้าของพวกเขา” เวินชิงเฉวียนพูดอธิบาย
“นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาสละชีพ มิน่าล่ะเจตจำนงที่เหลืออยู่ของพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่นี่หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี ปณิธานของพวกเขาจะต้องลึกเกินหยั่ง ตั้งสัตย์สาบานว่าจะทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นซาก”
มู่เฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาหรี่ตาลงมองเข้าไปในความมืด จอมยุทธ์เผ่าปีศาจก็น่าจะมารวมตัวกันที่นั่นแล้วใช่ไหม?
ขณะที่พูดกัน ทั้งกลุ่มก็เข้ามาใกล้ขอบเหวค่อยๆ พลิ้วลงมาขณะที่ร่างถูกห่อหุ้มด้วยแสง
เมื่อแต่ละคนลงมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงโบราณซึ่งดูเหมือนว่าจะทะลุผ่านเวลา ดังขึ้นในโสตประสาทของพวกเขา
“ผู้ช่วยเหลือแห่งมหาพันภพ ในที่สุดพวกเจ้าก็มา”
มู่เฉินและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน เสียงโบราณนี้คงเป็นหนึ่งในสี่ของบรรพชน
“ท่านอาวุโส ต้องการให้เราทำอะไร?” ฉิงปูป้ายกล่าวพร้อมประสานมือ
“เศษเสี้ยวของเจตจำนงที่เหลืออยู่ของจอมปีศาจระดับเทียนทั้งสี่ถูกแยกระงับโดยพวกเราทั้งสี่คนเพื่อลบล้างไปตามกาลเวลา ทว่าช่วงนี้พวกมันรู้สึกว่าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป จึงได้เรียกรวมเผ่าปีศาจเพื่อทำลายการระงับของเรา ปลดปล่อยวิญญาณที่เหลืออยู่ของพวกมันให้เป็นอิสระ”
“หากพวกมันทำสำเร็จก็จะสามารถเชื่อมต่อกับเผ่าปีศาจ แดนเซิ่งยวนโบราณจะถูกดึงเข้าสู่โลกปีศาจอย่างสมบูรณ์ ซึ่งพวกมันจะสามารถใช้เป็นเส้นทางเพื่อเข้าโจมตีมหาพันภพของเราได้”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นสะเทือนรุนแรง สีหน้าเปลี่ยนไปมาก หากเป็นเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะถูกดึงเข้าสู่โลกปีศาจด้วยเหรอ?
“ดังนั้นเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้าเพื่อหยุดเผ่าปีศาจ!”
เมื่อเสียงนั้นจบลง มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็สัมผัสอะไรได้บางอย่างเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เห็นเจดีย์สูงตระหง่านที่มีสีดำขาว
แม้จะมีเพียงสี่ชั้น เจดีย์ก็ให้ความรู้สึกไม่สามารถทำลายลงได้
“ทุกๆ ชั้นจะมีวิญญาณที่เหลืออยู่ของจอมปีศาจระดับเทียน ทุกวิญญาณที่หนีออกไปก็หมายความว่าหนึ่งในสี่ของพวกข้าถูกทำลาย หากมีสามวิญญาณของจอมปีศาจได้รับการปล่อยตัวเจดีย์สี่เทวะก็จะถูกทำลาย จอมปีศาจก็จะถูกปล่อยออกมา” พูดถึงจุดนี้เสียงโบราณก็เคร่งขรึมลงมาก
“ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถปกป้องเจดีย์สี่เทวะได้สองชั้น ก็จะสามารถรักษาเจดีย์ไว้ได้จนกว่าพวกมันจะถูกทำลาย”
“ดังนั้นความล้มเหลวหรือความสำเร็จทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทุกคนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดร้ายแรง เนื่องจากไม่คิดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแบบนี้ นี่เป็นการต่อสู้เดิมพันชีวิตอย่างแท้จริง
“ใครก็ตามที่สามารถปกป้องผนึกได้ ก็จะได้รับมรดกในชั้นนั้นไป!”
เมื่อประโยคนี้ดังก้อง คนจำนวนมากก็มีสายตาอัดไปด้วยเพลิงปรารถนาและความโลภหนาแน่น นั่นหมายความว่าคนที่ประสบผลจะสามารถได้รับมรดกของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง?!
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาเปล่งประกายแผดเผา เขาหันไปพยักหน้าให้กับกลุ่มตัวเองพร้อมเอ่ยเสียงเบา
“เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนตัว”
เพื่อวิชาเจดีย์แปดองค์ เขาไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญกับเฉวียนหลัว มั่วซิน หรือแม้แต่เผ่าปีศาจ
เงินสามารถกระตุ้นจิตใจของมนุษย์ วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานก็สามารถทำให้จอมยุทธ์ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้รับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น