หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1313-1316
บทที่ 1313 วิญญาณสงครามมังกรดำ
“รวมพล!”
เมื่อเสียงทั้งสองตะโกนออกมา คลื่นจิตทรงพลังสองสายก็กวาดไปทั่ว ห่อหุ้มนักรบมังกรดำเบื้องล่างไว้อย่างรวดเร็ว ภายใต้คลื่นจิตนี้ นักรบหลายคนก็ถูกเรียกตัวทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นี่คือ?!”
เมื่อแม่ทัพมังกรดำเห็นฉากนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหดดวงตาด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นมู่เฉินที่เหมือนกันอย่างกับแกะอีกสองคน
“ร่างดวงจิตงั้นเหรอ? แต่ทำไมพวกเขาถึงมีพลังเช่นเดียวกับร่างหลัก? แม้แต่ความสามารถในฐานะของจั้นเจิ้นซือก็เหมือนกัน!” แม่ทัพมังกรดำตกตะลึง แม้จะมีประสบการณ์มากมายเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับฉากนี้
เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะมีกลยุทธ์ที่น่าตกใจเช่นนี้ เพราะแม้แต่นายท่านของพวกเขาก็ทำไม่ได้
“ฮา”
ขณะที่แม่ทัพมังกรดำกำลังตกตะลึง มู่เฉินก็โล่งหัวใจ โชคดีที่ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงต้องทนทุกข์ในวันนี้แน่
ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในมิตินี้ เขาได้ทิ้งร่างรองทั้งสองไว้ภายนอกเพื่อจัดการกับองครักษ์เงาสองคน แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เขาไม่อาจใช้พลังเต็มที่ เพราะก่อนที่จะจัดการกับองครักษ์เงาเรียบร้อย เขาไม่สามารถเรียกร่างรองของเขามาได้ มิฉะนั้นหลิงซีและคนอื่นๆ คงจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคนไม่ไหวแน่
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอให้ร่างรองจัดการเรียบร้อย ถึงจะเรียกเข้ามาได้ โชคดีที่ร่างรองปรากฏตัวทันเวลา ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงลงได้
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงานักรบประมาณสองพันคนปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังมู่เฉินชุดดำและชุดขาว เมื่อนับรวมกับนักรบพันคนที่มู่เฉินควบคุมก่อนหน้า พวกเขาก็มีนักรบถึงสามพันคน
เป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะบัญชารัศมีจั้นยี่นักรบสามพันคนได้ แต่โชคดีที่ร่างรองของมู่เฉินทั้งสองสามารถแบ่งเบาภาระนี้ได้ นอกจากนี้ทั้งสามยังเชื่อมโยงกระแสจิตเพื่อให้พวกเขาสามารถสั่งการเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นจึงไม่แตกต่างจากคนคนเดียวเป็นผู้บังคับบัญชา
ตู้ม!
หลังจากที่ร่างรองมู่เฉินรวบรวมกำลังพลแล้ว พวกเขาก็เร้ารัศมีจั้นยี่ทันที ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก็กวาดออกไปพร้อมกับแรงกดดันที่น่ากลัว ทำให้ทั่วบริเวณโยกคลอนจากพลังอำนาจนี้
รัศมีจั้นยี่ที่สร้างขึ้นโดยนักรบมังกรดำสามพันคนน่าสะพรึงยิ่งนัก!
ภายใต้ความกดดัน สีหน้าของหวู่ทงก็กลายแข็งค้างด้วยความหวาดหวั่น เห็นได้ชัดว่าเขาตกตะลึงอย่างมากกับจำนวนนักรบสามพันคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน
เขาอุตส่าห์กินเม็ดยา คั้นศักยภาพที่มีทุกอณูออกมา ก่อนที่จะสามารถสั่งการนักรบมังกรดำสองพันคนเพื่อปราบปรามมู่เฉิน แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับสามารถควบคุมนักรบมังกรดำสามพันคน จินตนาการได้เลยว่าถ้าปล่อยพลังโจมตีออกมาจะน่ากลัวเพียงใด
“เวรเอ๊ย! เวรที่สุด! มันทำได้ยังไง?!”
หวู่ทงพึมพำอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับความกลัวพล่านในดวงตา เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบมังกรดำสามพันคน เขารู้สึกอยากจะเปิดหนีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
แต่สุดท้ายหวู่ทงก็ระงับความรู้สึกนั้น แม้เขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉินสามารถรวบรวมนักรบสามพันคนได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมกำลังพลนี้ได้อย่างแท้จริง
ถ้าเขาสามารถทำได้จริงๆ มู่เฉินก็ไม่ต้องกลัวจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มหน้าไหนด้วยจำนวนนักรบสามพันคนนี้
“มันต้องแกล้งทำอวดดีแน่! ตอนนี้มันจะต้องหมดพลังแล้ว!” หวู่ทงยิงฟันขณะที่สายตากลับมาโหดเหี้ยม เขาไม่ลังเลอีกต่อไป หอกซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยรัศมีจั้นยี่ของนักรบสองพันคนพุ่งออกไป ลวดลายจั้นเหวินนับล้านส่องประกาย ในเวลานั้นแม้แต่รัศมีจั้นยี่ที่เกิดขึ้นจากนักรบสามพันคนก็ถูกระงับ
“ตาย!”
เสียงคำรามของหวู่ทงดังก้องฟ้า
ฮึ่ม!
หอกซัดไปหามู่เฉิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นจ้องมองหอกที่เข้ามาในทิศทางของตนเอง ก่อนที่จะพยักหน้าให้มู่เฉินชุดดำและชุดขาว
ทั้งสามวาดตราประทับพร้อมเพรียงกัน วินาทีต่อมาเสียงคำรามลึกต่ำก็ดังกึกก้องมาจากนักรบมังกรดำที่อยู่เบื้องหลังเขา รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตม้วนตัวแล้วแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ครืน!
เมฆรัศมีจั้นยี่คำรามเสียงรุนแรง ราวกับมีรัศมีจั้นยี่ไม่มีวันสิ้นสุดถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน ปลดปล่อยแรงกดดันน่าสะพรึงเบาบางออกมา
ตู้ม ตู้ม!
หอกทะลวงผ่านมิติ ยิงไปที่ก้อนเมฆรัศมีจั้นยี่พยายามฉีกกลุ่มเมฆให้แยกออกจากกัน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหอกที่ขยายอย่างรวดเร็วในดวงตา อึดใจลมหายใจขาวขุ่มก็พ่นออกมาจากปากเขา
ตึง!
เมฆรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตสั่นสะเทือนรุนแรง ในเวลาต่อมาเมื่อหอกซัดลงมา กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากก้อนเมฆทันท่วงที
กรงเล็บนั้นเป็นสีดำสนิทและชัดเจนเสมือนกรงเล็บมังกรของจริงอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมันยืดออกพลังมังกรยิ่งใหญ่ก็กวาดตัวออกไป
ปัง!
กรงเล็บมังกรเหยียดออกมาคว้าหอกไว้ แสงดำมืดระเบิดออกมาจากกรงเล็บ หยุดหอกไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกแม้แต่น้อย!
“อะไรน่ะ?!” หวู่ทงอุทานหลังจากเห็นหอกที่สร้างขึ้นจากการรวบรวมรัศมีจั้นยี่ของนักรบสองพันคนถูกหยุดอย่างง่ายดาย
ขณะที่เขากำลังตกตะลึงเสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกราก
มังกรสงครามแปดแดน!
แปะ!
กรงเล็บมังกรสีดำกำแน่น หอกแตกเป็นประกายแสงกระจายบนท้องฟ้า
เมื่อหอกแตกสลาย ชั้นเมฆหนาทึบก็สั่นสะเทือน ในเวลาต่อมาเงาขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทุกสายตาจ้องมองไปที่เงาขนาดใหญ่ จากนั้นเสียงสูดอากาศก็ดังออกมา
มังกรดำปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ดุเดือดที่สร้างหายนะไปทั่วมิตินี้
เมื่อเห็นมังกรดำ แม่ทัพและนักรบมังกรดำก็เริ่มตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นในสายตา
“นั่นคือวิญญาณสงครามมังกรดำ!”
“เขาสามารถสร้างวิญญาณสงครามมังกรดำได้!”
เสียงตื่นเต้นดังออกมาจากกองทัพมังกรดำ นักรบหลายคนหันมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาร้อนแรง
แม้แต่แม่ทัพมังกรดำยังรู้สึกตื่นเต้นสายตาที่มองไปซับซ้อนขึ้น แม้ว่าวิญญาณสงครามมังกรดำจะอ่อนแอกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในจุดสูงสุด แต่นี่ตีความได้ว่ามู่เฉินมีความเข้ากันได้ดีกับกองทัพมังกรดำ
หากมู่เฉินยังคงเติบโตต่อไป กองทัพมังกรดำอาจจะสามารถไปถึงจุดสุดยอดได้อีกครั้ง
มู่เฉินก็อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อมองดูมังกรตัวใหญ่โต เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อมังกรตัวนี้ถูกสร้างขึ้น รัศมีจั้นยี่ของนักรบมังกรดำทั้งสามพันคนก็พุ่งขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ
ในการสร้างวิญญาณสงคราม เขาจะต้องหลอมรวมคลื่นจิตของตนกับรัศมีจั้นยี่ของกองทัพให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงจะสร้างวิญญาณสงครามอันเป็นเอกลักษณ์ของกองทัพได้
เห็นได้ชัดว่าเขาประสบความสำเร็จ
“เป็นเพราะวิญญาณมังกรแท้จริงเหรอ?” มู่เฉินก็ตกใจไปเช่นกันที่ตนเองสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ตามการประเมินเขายังคงต้องฝึกฝนกับกองทัพมังกรดำสักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับทำสิ่งนี้สำเร็จในเวลาอันสั้น ดังนั้นจะต้องเป็นเพราะวิญญาณมังกรแท้จริงที่เขามีแน่นอน
เขาระงับความคิดในใจพลางมองหวู่ทงที่กำลังตกตะลึงด้วยสายตาไม่แยแส เขาไม่พูดอะไร แค่คิดมังกรดำก็คำรามแล้วเปิดปากพ่นลมหายใจยาวหลายหมื่นจั้งออกมา
สัมผัสกับรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกลัว หวู่ทงก็กลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง แต่เมื่อเขาพยายามควบคุมรัศมีจั้นยี่อีกครั้ง เขาก็พบว่ารัศมีที่อยู่ข้างหลังดูเหมือนจะจางลงไปมาก
เขาหันขวับไปมองก็เห็นว่าใบหน้าของนักรบมังกรดำแต่ละคนสติหลุดลอยไปหมด เมื่อพวกเขาจ้องมองมังกรขนาดใหญ่ ชัดว่าขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับผลกระทบรุนแรง
“เวร ไอ้พวกขยะ!”
มองขวัญกำลังใจที่ลดลงหวู่ทงก็สบถในใจทันที จากนั้นเขาก็ไม่สามารถสนใจอะไรได้ รีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว ทิ้งกองทัพมังกรดำไว้
“ขี้ขลาด”
เมื่อเห็นการกระทำของเขา นักรบมังกรดำก็ด่ากลับ ไม่มีใครที่จะเคารพจั้นเจิ้นซือที่คิดละทิ้งกองทัพของตนได้ทุกเมื่อหรอก
หากคนประเภทนี้กลายเป็นเจ้านายของพวกเขา จะต้องมีสักวันที่เขาจะทิ้งพวกเขาไปเช่นกัน
ใบหน้าของแม่ทัพมังกรดำมืดมน เขามองหวู่ทงด้วยความรังเกียจ
เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ เขาก็สะบัดกแขนเสื้อ ลมปราณมังกรหดกลับ ในอนาคตนักรบทั้งหมดจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นหากนักรบสองพันคนถูกทำลาย เขาต้องรู้สึกปวดใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นเพื่อปกป้องพวกเขา เขายอมที่จะปล่อยหวู่ทงไปก่อน
เมื่อนักรบมังกรดำสองพันคนเห็นมู่เฉินเรียกลมปราณมังกรกลับ พวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันแล้วคุกเข่าลง
“พวกเราขอคารวะนายท่าน!”
เสียงเป็นระเบียบดังก้อง
ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณสงครามมังกรดำที่มู่เฉินสร้างขึ้นหรือวิธีที่ปกป้องพวกเขาโดยไม่ได้ไล่ตามหวู่ทง เขาได้รับการยอมรับแล้ว
กองทัพมังกรดำที่เบื้องล่างก็พยักหน้า ก่อนที่นักรบจำนวนมากมายจะคุกเข่าลง
“คารวะนายท่าน!”
ที่ด้านหลังมู่เฉิน นักรบมังกรดำสามพันคนก็คุกเข่าลงเช่นกัน
แม่ทัพมังกรดำมองไปที่มู่เฉินพร้อมรอยยิ้มระบานบนใบหน้าก่อนที่จะคุกเข่าลง “คารวะนายท่าน!”
เสียงคำรามดังก้องฟ้า ทำให้ทั้งมิติสั่นสะเทือน
“อ็อก”
ไม่ไกลออกไปใบหน้าของหวู่ทงก็เขียวคล้ำกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
เขารู้ว่าคราวนี้เขาแพ้มู่เฉินเต็มประตูแล้ว
บทที่ 1314 เผ่าซือหมัว
“คารวะนายท่าน!”
เสียงสะท้อนไปมาระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าอึ้งไป เขามองไปที่กองทัพมังกรดำด้วยความตะลึงงัน เขาไม่คิดว่ากองทัพชั้นยอดนี้จะยอมรับว่าเขาในฐานะผู้นำคนใหม่แล้ว
ยามนี้แม้แต่มู่เฉินยังรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่รัวแรง แม้ว่าเขาจะพยายามระงับอารมณ์บนใบหน้าลง แต่กระนั้นก็ยังมีร่องรอยความสุขกระจายออกมา
จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้กับการซ่อนอารมณ์นี้ ความสุขแล่นพล่านไปทั่วใบหน้าเลยทีเดียว
นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่ากองทัพนี้ทรงพลังเพียงใด แม้ว่านักรบบางคนจะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเป็นกองทัพที่ทรงพลังที่สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้
หากวันหนึ่งที่มู่เฉินสามารถควบคุมทั้งกองทัพได้ เขาก็ไม่ต้องกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน
การสร้างกองทัพทรงพลังระดับนี้ในโลกมหาพันภพจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ซึ่งไม่มีขั้วอำนาจสูงสุดธรรมดาใดๆ ทำได้
เช่นเดียวกับตระกูลหวู่หรือตำหนักซีเทียน แม้ว่าพวกเขาจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่พวกเขาก็ไม่มีกองทัพระดับนี้
หากมู่เฉินคิดจะสร้างด้วยตัวเอง ก็ไม่สามารถทำได้ถึงหนึ่งส่วน แม้ว่าเขาจะคั้นตำหนักมู่ทั้งหมดก็ตาม
ด้วยเหตุผลหลายประการ มู่เฉินจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ในขณะนี้
“ลุกขึ้นเถอะ” ในที่สุดมู่เฉินก็ถอนความตื่นเต้นในใจ ก่อนที่จะประสานมือให้นักรบมังกรดำทุกคน
มู่เฉินทำตัวสุภาพยิ่งนัก ไม่เย่อหยิ่งเพียงเพราะกองทัพมังกรดำยอมรับ กองทัพมังกรดำไม่เหมือนกับกองทัพหุ่นเงาที่เขาเคยได้รับมาก่อน นี่เป็นกองทัพที่มีชีวิตดังนั้นเขาต้องทำในสิ่งที่จะเอาชนะใจพวกเขา
พรึ่บ
นักรบหลายหมื่นคนยืนขึ้น แม่ทัพมังกรดำก็พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอให้ท่านขึ้นไปบนแท่นเพื่อรับตรากองทัพ!”
มือของเขาชี้ไปที่แท่นตรงกลาง
มู่เฉินไม่ลังเลพลิ้วตัวลงบนแท่น ก่อนจะกวาดตามองกองทัพมังกรดำ
“ข้าแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรดำ—เจียงหลง คารวะท่านจอมทัพคนใหม่”
แม่ทัพมังกรดำโค้งคำนับไปยังทิศทางของมู่เฉิน ก่อนที่จะกัดลิ้นตนเอง เลือดกลั่นพ่นออกมาจากปาก
ปุ
เมื่อเห็นดังนั้น นักรบมังกรดำก็ทำเช่นเดียวกัน เลือดกลั่นที่พ่นออกมาก็กลายเป็นลูกโลหิตลอยคว้างอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน
ลูกโลหิตควบแน่นรวมตัวกัน ก่อนจะถักทอเป็นตรามังกรโลหิตดูดซับเลือดกลั่นที่อยู่รอบตัวไว้ทั้งหมด
ตรากองทัพลอยอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน ปลดปล่อยพลังงานที่ลึกซึ้งออกมา สายตาของเขาก็วูบไหวขณะที่จ้องมองไป เขารู้ว่าเมื่อใดที่เขาชำระตรานี้ กองทัพมังกรดำจะเป็นของเขาอย่างแท้จริง
ดังนั้นมู่เฉินจึงกัดลิ้นโดยไม่ลังเล เลือดกลั่นพ่นไปยังตรากองทัพมังกรก่อนที่จะผสานเข้ากันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเกี่ยวพันใกล้ชิดระหว่างเขากับกองทัพมังกรดำ
มู่เฉินเหยียดมือออกแล้วจับตรากองทัพเบาๆ ขณะนี้เขาคือจอมทัพแห่งกองทัพมังกรดำ
เมื่อหวู่ทงเห็นภาพนี้จากระยะไกล ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโลภ ราวกับว่าต้องการให้มู่เฉินแดดิ้นลงตรงหน้า แล้วเขาจะได้แทนที่
ขณะนี้ความเสียใจพล่านในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมให้มู่เฉินได้แหย่เท้าเข้ามาในมิตินี้อย่างเด็ดขาด เขาน่าจะต้องใช้ทุกวิธีการเพื่อขัดขวาง
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะได้ไม่ต้องแข่งขันกับมู่เฉินในฐานะจั้นเจิ้นซือ
ในความคิด มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น หากไม่ใช้รัศมีจั้นยี่ เขาก็มั่นใจว่าจะฆ่ามู่เฉินได้
“บ้าเอ๊ย! บ้าที่สุด!”
หวู่ทงพึมพำขณะที่สาปแช่งในใจ ดวงตาเขาแดงก่ำมากขึ้นจนสามารถกลั่นเลือดออกมาได้
แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่มีเวลาสนใจกับความเกลียดชังของผู้แพ้ มือจับตรากองทัพไว้ เขาก็รู้สึกถึงความสามารถในการบัญชากองทัพทรงพลังนี้ด้วยความปีติเต็มหัวใจ ครั้งนี้แค่การเก็บเกี่ยวกองทัพมังกรดำอย่างเดียวก็ทำให้การเดินทางมายังแดนเซิ่งยวนโบราณคุ้มค่ามาก
เวลานี้ใบหน้าของนักรบมังกรดำซีดลง เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการกลั่นเลือดให้กลายเป็นตรากองทัพมังกร
ตู้ม!
เจียงหลงมองมู่เฉินด้วยสายตาพึงพอใจ แต่เมื่อเขากำลังจะพูด มิติก็สั่นสะเทือนขึ้นทันที
เมื่อรู้สึกถึงแรงสั่น ทุกคนก็อึ้งไปสั้นๆ ก่อนที่จะมองไปที่หวู่ทง ‘เจ้านั่นคิดจะทำอะไรอีก?’
แต่เมื่อพวกเขากวาดสายตาไปก็ตระหนักว่าหวู่ทงไม่ได้ทำอะไรเลย
“ใครกัน?!”
ใบหน้าของมู่เฉินและเจียงหลงเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นพวกเขาก็หันไปมองมิติว่างเปล่าขณะที่คำรามลั่น
“คึๆ”
ท่ามกลางเสียงตะโกนของพวกเขา มิติก็บิดเบี้ยว หมอกดำตลบอบอวลขึ้น วินาทีต่อมาก็กลายเป็นภาพเงาดำบนท้องฟ้า
ภาพเงานั้นถูกโอบล้อมด้วยรัศมีความตายและกลิ่นอายเลวร้าย ทำให้นักรบมังกรดำท่าทางเปลี่ยนไปฉับพลัน
“เผ่าปีศาจต่างมิติ!” ม่านตาของมู่เฉินหดเกร็ง จะมีใครอื่นนอกจากเผ่าปีศาจที่สามารถครอบครองรัศมีที่น่าขยะแขยงนี้!
“ไอ้ปีศาจ บังอาจบุกเข้ามาในมิติมังกรดำ! รนหาที่ตาย!” เจียงหลงคำรามดุดัน เผชิญกับปีศาจต่างมิติ ดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ชัดว่าเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากร่างเขา ซึ่งอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเลยทีเดียว
วาบ!
เจียงหลงเคลื่อนตัวมาปรากฏที่เบื้องหน้าเงานั้น กำปั้นชกออกไป เส้นเลือดผุดขึ้นบนแขนเขา กระจายพลังน่าสะพรึงกลัวออกมา
ทว่าเมื่อกำปั้นเกรี้ยวกราดพุ่งไปถึงเงาดำก็ทะลุผ่านไป เงาดำวับหายไปไม่กี่ลมหายใจก็ปรากฏตัวขึ้นในจุดอื่น
“บ้ากำลังจริงๆ แต่เป้าหมายที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่พวกแก”
เงาดำมองเจียงหลงด้วยดวงตาน่ากลัวพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย “แต่ในเวลานี้พวกแกอ่อนแอนัก ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ไป”
ทันใดนั้นเขาก็พลิ้วลงบนพื้นพร้อมกับมือขาวซีดกดลงบนพื้น ควันดำบริเวณศีรษะจางลงเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวน่ากลัว ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มผิดปกติให้เจียงหลงและมู่เฉิน
“หยุดมัน!”
ดวงตาของมู่เฉินหดลง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าไอ้ปีศาจนี่กำลังทำอะไร แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คำรามออกมาทันที
“ฮ่าๆ สายไปแล้ว!”
ปีศาจตัวนั้นยิ้มน่าขนลุก ทันใดนั้นค่ายกลปีศาจดำทะมึนก็โผล่พรวดออกมาจากฝ่ามือ ราวกับหนอนบิดตัวขุดลงไปในพื้น
ใบหน้าของเจียงหลงเปลี่ยนไปรุนแรงขณะอุทาน “เป้าหมายมันคือร่างราชันปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ใต้ดิน! จอมทัพมู่ควบคุมรัศมีจั้นยี่กองทัพมังกรดำ!”
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวเมื่อได้ยิน ‘มีร่างราชันปีศาจผนึกอยู่ใต้ดินรึ’
ทันใดนั้นมือก็จับตรากองทัพอย่างแน่นหนา พื้นดินสั่นรุนแรงขณะที่รอยแตกขนาดใหญ่แผ่ออกไปบนพื้นดิน
ฟิ้ว!
รัศมีปีศาจกลิ้งออกมาจากรอยแตก ลำแสงสีดำพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ความผันผวนของรัศมีปีศาจที่น่ากลัวปกคลุมทั่วมิติ
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เนื่องจากเห็นโครงกระดูกสีดำ แม้ว่าพลังชีวิตจะหายไป แต่มันก็ยังคงปกคลุมไปด้วยรัศมีปีศาจน่าสะพรึง
ตัดสินจากความผันผวน มันจะต้องเป็นระดับราชันที่ทรงพลังเมื่อยังมีชีวิต!
“ฮ่าๆ อย่างที่เดาเลย! มีร่างราชันปีศาจอยู่ที่นี่จริงๆ!” เงาดำหัวเราะน่าขนลุก
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน ตอนนี้เขาได้ควบคุมกองทัพมังกรดำแล้ว แต่ด้วยพลังยุทธ์ในปัจจุบัน เขาสามารถควบคุมนักรบสามพันคนได้เท่านั้น
โชคดีที่ชายคนนั้นยังไม่บรรลุระดับเทียนจื้อจุนในความรู้สึกของมู่เฉิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ใช่ว่าจะเผชิญหน้าไม่ได้
ตู้ม ตู้ม!
รัศมีจั้นยี่รุนแรงแผดเสียงราวกับกระแสน้ำฉีกขาดมิติยิงไปทางเงาดำ
เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ที่ล้อมรอบ เงาดำเลือกที่จะไม่ปะทะ เขาถอยฉากหนี ไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้อย่างชัดเจน
ทว่ามู่เฉินก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป ด้วยความคิดรัศมีจั้นยี่ก็พวยพุ่ง เขาบอกได้เลยว่าเป้าหมายของเงาดำก็คือร่างราชันปีศาจ เขาแค่พยายามหยุดอีกฝ่ายไว้ไม่ให้นำศพออกไปก็พอ
ทะยานหลบหลีกสองสามครั้ง เงาดำก็เริ่มโกรธมู่เฉินที่ล่วงเกิน เขาหยุดการเคลื่อนไหว ควันดำบนหน้าจางลง เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่ฉายความโหดร้าย
ดวงตาเขาจับจ้องอยู่ที่มู่เฉินพลางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย องค์ชายคนนี้จะสนองความต้องการให้ จำไว้ คนที่ฆ่าแกคือ…”
“องค์ชายเผ่าซือหมัว—ซือเทียนโยว!”
บทที่ 1315 ซือเทียนโยว
เสียงเย็นดังก้องออกมาจากเงาดำ
ดวงตาก็พรั่งพรูด้วยรัศมีความตายไม่จบสิ้น
ในบริเวณที่เขายืนอยู่พืชพันธุ์ทุกชนิดก็ถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วภายใต้รัศมี พลังชีวิตทั้งหมดถูดยึดไปอย่างรุนแรง
มากจนกระทั่งคลื่นหลิงยังเปลี่ยนเป็นสีเทาซีดพร้อมกับรัศมีความตายแผ่กระจายออกไป
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลง รัศมีความตายนี้ครอบงำนัก มันปนเปื้อนแม้แต่คลื่นหลิงในฟ้าดิน
หากรัศมีความตายบุกรุกร่างกาย จะทำลายล้างขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ริ้วความเคร่งเครียดก็หมุนวนในดวงตาของมู่เฉิน ดูเหมือนว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพวกปีศาจต่างมิติจะต้องระวังไม่ให้รัศมีความตายเข้ารุกรานร่างกายได้
ตู้ม!
แม้ความคิดจะเกิดในใจอย่างต่อเนื่อง แต่มู่เฉินก็ไม่ได้หยุดการลงมือ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตถั่งโถมออกมาราวกับคลื่นยักษ์ เพียงสะบัดนิ้วก็ฉีกขาดท้องฟ้า ห่อหุ้มไปที่ร่างองค์ชายเผ่าซือหมัว
“หึ!”
ซือเทียนโยวเค้นสียงเย็นชาไม่มีความคิดจะหลบหลีก เขาเหยียดมือซีดออกมาพร้อมกับลวดลายปีศาจวูบไหวอยู่ด้านบน รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดออกราวกับควันในทันที
“รัศมีซือหมัว!”
รัศมีพุ่งพรวดออกมาปะทะกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขต เสียงเขย่าโสตประสาทดังขึ้น ละลายกระแสรัศมีจั้นยี่ออกไป
ปัง ปัง!
ควันปีศาจพวยพุ่งออกมา ขัดขวางรัศมีจั้นยี่ของมู่เฉินอย่างเต็มที่
การปะทะกันรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ยามนี้เขาควบคุมนักรบมังกรดำสามพันคน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั่วไปก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ทว่าเขากลับไม่สามารถได้เปรียบขณะที่เผชิญหน้ากับซือเทียนโยว
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ซือเทียนโยวจะไม่ได้เป็นราชันปีศาจ แต่พลังก็อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
โฮก!
ด้วยการแสดงออกที่เคร่งเครียด มู่เฉินมือก็ประสานด้วยกัน รัศมีจั้นยี่จากนักรบมังกรดำสามพันคนพลุ่งพล่านออกมาพร้อมกับเสียงคำรามมังกรสั่นสะเทือนโลกาดังตามออกมาด้วย
ตู้ม!
วิญญาณสงครามมังกรดำปรากฏขึ้นพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพรูลมปราณก้อนมหึมาที่มีความแปรปรวนทำลายล้างพัดเข้าใส่ซือเทียนโยว
เมื่อซือเทียนโยวที่ห่อหุ่มด้วยรัศมีปีศาจเห็นลมปราณมังกรไหลบ่ามาในทิศทางของตน แววเยาะเย้ยก็ปรากฏบนใบหน้าที่ไร้สีเลือด เขาเปิดปากแสงสีเทาขาวก็ยิงออกมา
“กระดูกดับชีวิต!”
แนวแสงพุ่งออกไป ชั่วลมหายใจก็ก่อตัวเป็นกะโหลกศีรษะสีเทาขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนสามารถกลืนกินพลังทั้งหมดในโลกด้วยปากนี้
ฮา
กะโหลกศีรษะสีเทาเปิดปากดูดลมปราณมังกรที่เข้ามาในทิศทางของเขาในคำเดียว
หลังจากกลืนลมปราณมังกร ลวดลายก็สั่นไหวบนโครงกระดูกสีเทาก่อนที่มันจะค่อยๆ ร่อนลงข้างตัวซือเทียนโยว เปล่งแสงเย็นยะเยือกมองไปที่มู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเห็นการโจมตีถูกแก้ลำอย่างง่ายดาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแน่น ต้องรู้ว่าเมื่อเผชิญกับลมปราณมังกรแม้แต่หวู่ทงก็ต้องหนีไป แต่ซือเทียนโยวกลับแก้ไขแบบสบาย
ชัดว่าซือเทียนโยวทรงพลังกว่าหวู่ทง
ซือเทียนโยวกอดอกดวงตาที่เต็มไปด้วยรัศมีปีศาจหนาแน่นจ้องมองมาที่มู่เฉิน จากนั้นก็ยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า “งัดวิชาที่มีออกมาซะ ข้าจะแสดงให้รู้ว่าอัจฉริยะของมหาพันภพอ่อนด้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับเผ่าปีศาจของข้า”
“จอมทัพมู่ พวกเราร่วมมือกันสังหารไอ้สัตว์นรกนั่นกัน!”
เจียงหลงทะยานเข้ามา สายตาจ้องซือเทียนโยวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ อึดใจร่างเขาก็ขยายขนาด ไม่กี่วินาทีก็กลายร่างเป็นยักษ์ที่มีเกล็ดมังกรอยู่บนร่าง เขาดูเหมือนมนุษย์มังกรอย่างไรอย่างนั้น
ตู้ม!
เขากระทืบฝ่าเท้า พื้นแตกกระจาย ร่างเขาก็พุ่งเข้าใส่ซือเทียนโยวราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
เมื่อมู่เฉินเห็นการกระทำนี้ก็ไม่ได้หยุดเจียงหลง ซือเทียนโยวท่าทางไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาต้องจับอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีสิ่งอื่นเกิดขึ้น สำหรับการต่อสู้แบบยุติธรรม มู่เฉินไม่ได้โง่พอที่จะทำหรอก
ดังนั้นเขาจึงเข้าควบคุมวิญญาณสงครามมังกรดำโดยไม่ลังเล เมื่อวิญญาณคำรามก็สะบัดกรงเล็บไปในทิศทางของซือเทียนโยว
จากการประเมินของมู่เฉิน ซือเทียนโยวน่าจะเทียบเท่ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นราชัน ก็ไม่มีอะไรให้มู่เฉินกลัว
เจียงหลงและมู่เฉินเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน กระบวนท่าโจมตีที่ดุเดือดของพวกเขาเป็นสิ่งที่แม้แต่ ซือเทียนโยวยังต้องควบคุมรัศมีปีศาจและกะโหลกศีรษะสีเทาเพื่อต่อต้านการโจมตีที่เข้ามา
เวลานี้ความผันผวนป่าเถื่อนในมิติกวาดอาละวาดรุนแรง รอยฉีกขาดขนาดใหญ่มากมายปรากฏขึ้น พื้นที่ยุบตัวลงในรัศมีการต่อสู้
แม้ว่าซือเทียนโยวจะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด เขาก็ถึงกับตึงมือเมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉินและเจียงหลงพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังแสดงสัญญาณตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำด้วย
เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้หัวใจก็วูบไหว มู่เฉินชุดดำและชุดขาวเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยทันที กำลังพลที่เพิ่มขึ้น ทำให้แม้แต่ซือเทียนโยวก็ถูกซัดหลายตุ้บ
ใบหน้าของหวู่ทงตื่นตระหนกเมื่อเห็นการต่อสู้ที่น่าตกใจนี้ เขาขวัญหนีดีฝ่อเมื่อซือเทียนโยวปรากฏตัวขึ้น เนื่องจากเขาไม่เคยคิดว่าสมาชิกเผ่าปีศาจต่างมิติจะตามพวกเขามา
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวที่ซือเทียนโยวแสดงออกมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจับใจ หากต่อสู้แบบตัวต่อตัวคงไม่ถึงสิบกระบวนท่า เขาก็ต้องตายในน้ำมือของซือเทียนโยวแล้ว
“ที่นี่อันตรายเกินไปที่จะอยู่แล้ว”
ใบหน้าของหวู่ทงเปลี่ยนไป เขาเกิดความตั้งใจที่จะถอยหนี ในเมื่อกองทัพมังกรดำครอบครองโดยมู่เฉินแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยมู่เฉินปะทะกับซือเทียนโยว เนื่องจากเขาหวังว่าพวกมู่เฉินจะตายอยู่ในมือปีศาจต่างมิติด้วยซ้ำ
ตู้ม!
ขณะที่หวู่ทงเกิดความคิดมากมาย ไกลออกไปซือเทียนโยวก็ตบรัศมีจั้นยี่จนแตก ก่อนที่หันไปปะทะกับกำปั้นของเจียงหลงที่ปกคลุมด้วยเกล็ดมังกร
ปัง!
พลังน่าสะพรึงกลัวทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเจียงหลงถอยกลับ ร่างซือเทียนโยวก็สั่นเทา ที่มุมหางตาเขาเห็นมู่เฉินชุดดำและชุดขาวล้อมกรอบเข้ามา แสงเย็นเยือกวูบไหวในดวงตาเขา
เขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์ในการปะทะกันครั้งนี้
“สู้กับพวกมันต่อไม่ได้แล้ว”
สายตาของซือเทียนโยวกะพริบวาบ ร่างกายกลายเป็นกลุ่มควันดำก่อนที่จะหายไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ห่างออกไปหมื่นจั้ง เขาเงยหน้าขึ้นพ่นเลือดสีดำออกมาจากปาก
เลือดนั้นคล้ายกับลูกธนู พุ่งทะลุขอบฟ้าเข้าหว่างคิ้วของร่างราชันปีศาจ
ตู้ม!
ทันใดนั้นร่างราชันปีศาจก็เบิกตาโพลง รัศมีปีศาจพุ่งสูงขึ้น ซากร่างพุ่งเข้ามาปรากฏตัวที่หลังหวู่ทงแล้วจับหัวอีกฝ่ายไว้
“อ้ากๆๆๆ!”
หวู่ทงตกใจมากกับการโจมตีกะทันหัน เขาร้องตะโกนต่อสู้ดิ้นรนอย่างรุนแรง
แต่ซากร่างก็จับหัวเขาแน่น ด้วยแรงสั่นครั้งเดียวก็ทำให้ศีรษะของหวู่ทงแตกดังโพละ รัศมีปีศาจรุนแรงเทลงไปในร่างกายของหวู่ทง ทำให้ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว
เมื่อมู่เฉินและเจียงหลงเห็นฉากนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะออกกระบวนท่าพร้อมกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดไปในทิศทางซากร่าง
ฟิ้ว!
แขนของราชันปีศาจกระตุกก่อนที่จะโยนร่างหวู่ทงไปทางมู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเห็นร่างหวู่ทงถูกเหวี่ยงกลับมา ดวงตาก็หดลงขณะตะโกนลั่น “ถอยเร็ว!”
เขาเห็นชัดว่าพลังชีวิตของหวู่ทงหายไปหมดพร้อมกับรัศมีปีศาจบิดตัวไปมาใต้ผิวหนัง
ปัง!
เมื่อทุกคนถอยหลบ ร่างหวู่ทงก็ระเบิดออก รัศมีปีศาจกระจายออกมา
ไม่มีใครกล้าที่จะสัมผัสกับรัศมีปีศาจนี้ แต่ละคนถอยฉากหลบอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ ข้าจะจดบัญชีนี้ไว้ เมื่อไรที่ข้าควบคุมศพได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจะกลับมาหาแกแน่!” ขณะที่กลุ่มของมู่เฉินถอยไป เสียงเย็นของซือเทียนโยวก็ดังสะท้อนทั่วมิติ
เว้นแต่เสียงอ่อนล้าลงมาก น่าจะเป็นราคาที่เขาจ่ายไปเพื่อควบคุมซากร่างของราชันปีศาจ
“นรกละ มันจะหนีไปแล้ว!” เจียงหลงตะโกนลั่นทันที
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าซือเทียนโยวรวมตัวกับศพราชันปีศาจ ศีรษะของเขาก้มต่ำลง ดวงตาที่เต็มไปด้วยรัศมีปีศาจเขม่นมองมาที่มู่เฉิน
รอยยิ้มโหดร้ายปรากฏบนริมฝีปากของซือเทียนโยว ขณะทำท่าปาดลำคอส่งไปทางมู่เฉินจากระยะไกล
“ครั้งต่อไปที่เจอกัน ข้าฆ่าแกแน่นอน!”
เขาหัวเราะร่าขณะร่างเปลี่ยนเป็นกลุ่มควันอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มศพราชันปีศาจไว้ ก่อนที่จะฉีกมิติเคลื่อนตัวเข้าไปจากนั้นก็หายไป
เมื่อซือเทียนโยวจากไป มิติก็ค่อยๆ สงบลง ทิ้งแค่ความวินาศสันตะโรไว้ให้รู้ว่าเกิดการดวลเดือดขึ้นที่นี่
มองไปในทิศทางที่ซือเทียนโยวหายไป มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว
เผ่าปีศาจต่างมิติก็เข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณ… ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะยุ่งยากเข้าแล้ว
บทที่ 1316 หลุมไร้ก้น
การต่อสู้ในมิติมังกรดำสิ้นสุดลง
ความเสียหายที่เหลือพิสูจน์ให้เห็นว่าเกิดการต่อสู้เลือดเดือดขึ้นที่นี่
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมลง เมื่อมองไปในตรงจุดที่ซือเทียนโยวหายไป นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับนักรบจากเผ่าปีศาจต่างมิติ ความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้เขาตกใจอย่างยิ่ง
รัศมีปีศาจไม่เหมือนกับคลื่นหลิง แต่ทั้งเลวร้ายและดุร้าย ถ้าได้รับการปนเปื้อนนี้พลังในร่างก็จะหมดลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ในแดนเซิ่งยวนโบราณมีกลุ่มจากขุมกำลังทรงพลังมากมายอยู่แล้ว ยิ่งรวมกับเผ่าปีศาจที่ซ่อนตัวสถานการณ์ก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น
“มันเป็นสมาชิกจากเผ่าซือหมัว มิน่าล่ะถึงมาตามหาศพราชันปีศาจ” เจียงหลงขมวดคิ้วที่ข้างมู่เฉิน
“เผ่าซือหมัว” มู่เฉินพึมพำ แต่เขาที่ไม่มีข้อมูลเผ่าปีศาจมากนัก จึงไม่คุ้นเคยอะไร
“มีเผ่าสามสิบสองเผ่าเป็นขั้วอำนาจหลักในจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ และเผ่าซือหมัวก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“เผ่าซือหมัวมีความสามารถในการควบคุมศพและกลั่นพลังงานจากศพ ด้วยศพราชันปีศาจตกอยู่ในมือของซือเทียนโยว เมื่อควบคุมได้ความสามารถในการต่อสู้ของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน” เจียงหลงถอนหายใจ
ม่านตามู่เฉินหดลง ซือเทียนโยวในตอนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจัดการอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไรสามารถควบคุมศพราชันปีศาจได้ก็จะต้องยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม
แม้ว่าซากร่างนั้นจะไม่ได้มีพลังเหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็สามารถจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้โดยไม่มีปัญหา ก็เหมือนที่กับหวู่ทงซึ่งถูกสังหารโดยร่างราชันปีศาจ โดยไม่มีอำนาจที่จะต่อสู้
“ข้าประมาทไป ชายคนนั้นใช้จังหวะที่กองทัพมังกรดำอ่อนแอทำลายผนึกและยึดศพราชันปีศาจไป” เจียงหลงโทษตัวเอง ราชันปีศาจถูกสังหารและผนึกโดยจักรพรรดิมังกรดำตั้งแต่ยังมีชีวิต ตอนนี้ศพถูกนำเอาไปซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนมากมาย ทำให้เขารู้สึกผิดต่อเจ้านายคนก่อนอย่างยิ่ง
“แม่ทัพเจียงหลง หากเราพบกับซือเทียนโยวในอนาคต ข้าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อจัดการกับมันและทำลายศพราชันปีศาจ” มู่เฉินเอ่ยสัญญา กองทัพมังกรดำอ่อนกำลังลงเพราะสร้างตรากองทัพ ซือเทียนโยวจึงสบโอกาส เรื่องนี้มู่เฉินก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบด้วย
แน่นอนว่าเหตุผลอีกประการที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อเอาชนะใจเหล่านักรบ กองทัพมังกรดำไม่ใช่หุ่นเงาที่เขาสามารถสั่งให้ทำงานได้โดยไม่ต้องกังวล นี่คือนักรบยังมีชีวิตโดยมีเจียงหลงเป็นแม่ทัพ ดังนั้นหากมู่เฉินต้องการควบคุมกองทัพชั้นยอดนี้ เขาจะต้องได้รับการยอมรับจากเหล่านักรบทุกคน
ใบหน้าของเจียงหลงอ่อนโยนลงเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เหล่านักรบมังกรดำก็มองมู่เฉินด้วยสายตาที่เต็มใจจะยอมรับมากขึ้น
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ซือเทียนโยวทรงพลังยิ่งเมื่อรวมกับศพราชันปีศาจก็ลำบากที่จะจัดการ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินไร้พลัง
หากพวกเขานำไพ่ตายออกมาก็ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โอ้อวดในการทำสัญญานั้น
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็ขอขอบคุณจอมทัพมู่ล่วงหน้า” เจียงหลงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อมู่เฉินก่อนที่จะมองกองทัพมังกรดำพลางยิ้ม “จอมทัพมู่ถึงเวลาที่เจ้าต้องจัดกองทัพมังกรดำแล้ว”
มู่เฉินพยักหน้าด้วยหัวใจลุกโชน แต่จากนั้นเขาก็รู้สึกลำบาก กองทัพมังกรดำเป็นขุมกำลังมีชีวิต ดังนั้นไม่สามารถเก็บไว้ในกำไลเจี้ยจื่อได้ หรือว่าเขาจะนำกองทัพนี้ไปกับเขาขณะที่เดินทาง?
“ไม่จำเป็นต้องกังวล” เมื่อเห็นสีหน้าของมู่เฉิน เจียงหลงก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายลำบากเรื่องอะไร เขายิ้มกว้าง “มิติมังกรดำเป็นค่ายพักของพวกเรา นี่เป็นมิติเล็กๆ ที่นายท่านคนก่อนสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน เจ้าสามารถใช้ทักษะลับเพื่อเปลี่ยนมิติมังกรดำให้เป็นแหวนเพื่อนำติดตัวไป”
เมื่อได้ยินใบหน้าของมู่เฉินเปี่ยมด้วยความยินดี หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถนำกองทัพนี้ไปกับเขาทุกที่ทุกเวลาเลยหรือ?
“แต่” เสียงเจียงหลงหยุดชะงักด้วยดวงตายิ้มหยี “คลื่นหลิงในมิติมังกรดำบางจางลงมาก ดังนั้นจึงสามารถใช้พักผ่อนได้เท่านั้น เมื่อทุกคนตื่นขึ้นความต้องการคลื่นพลังก็เพิ่มขึ้นตามเช่นกัน”
“ดังนั้นถ้าเราอยู่ในมิติมังกรดำเป็นเวลานาน ภายใต้คลื่นหลิงที่ขาดแคลนก็จะทำให้พลังของเราลดลง”
มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะถาม “แล้วควรทำอย่างไรกัน?”
ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถในการสร้างมิติเป็นตัวเองและไม่สามารถเชื่อมโยงมิติมังกรดำกับมหาพันภพเพื่อดูดซับคลื่นหลิงได้เอง
เจียงหลงหัวเราะเบาๆ “ดังนั้นเราต้องการของเหลวจื้อจุนจำนวนมากเพื่อใช้ในการเพาะบ่ม”
“ต้องการเท่าไร?” ตอนแรกมู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อรับรู้ถึงแสงวิบวับในดวงตาของเจียงหลง เขาก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เจียงหลงยิ้ม “ไม่มากหรอกประมาณแปดร้อยล้านหยดต่อปี”
สายตามู่เฉินมืดดำทันที เขาร้องเสียงลั่น “แปดร้อยล้านหยดต่อปี?!”
กระทั่งเขาที่ใจเย็นยังเกือบด่าสาปแช่ง ของเหลวจื้อจุนแปดร้อยล้านหยดไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย ต้องรู้ว่าย้อนกลับไปที่เขตต้าหลัวเทียน รายได้ทั้งหมดของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดต่อปีเท่านั้น ทว่าการเลี้ยงดูกองทัพมังกรดำเพียงอย่างเดียวต้องการถึงแปดร้อยล้านหยด?
นี่มันหลุมไร้ก้นแล้ว!
ตอนนี้เองที่มู่เฉินตระหนักว่าจำนวนทรัพยากรที่ใช้เพื่อรักษากองทัพยอดเยี่ยมเช่นนี้มากมายปานใด
“ของเหลวจื้อจุนปีละแปดร้อยล้านหยดยังดีอยู่มั้ง? นี่ข้าพยายามพูดให้น้อยแล้วนะ” เจียงหลงรู้สึกงุนงงไปเล็กน้อย ในอดีตตอนที่พวกเขาติดตามจักรพรรดิมังกรดำ พวกเขาใช้ของเหลวประมาณพันล้านหยดต่อปี
ริมฝีปากของมู่เฉินกระตุก เขาไม่ใช่จักรพรรดิมังกรดำ แต่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายตัวน้อยๆ เขาจะร่ำรวยเหมือนจักรพรรดิมังกรดำได้ยังไง?
แม้ว่าเขาจะมีตำหนักมู่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มหลุมดำนี้!
เจียงหลงดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงยิ้มเก้อออกมา “ถ้าจอมทัพมู่สามารถหาที่อยู่ข้างนอกได้ เราก็จะสามารถอยู่รอดได้ด้วยการใช้ของเหลวจื้อจุนประมาณห้าร้อยล้านหยดเท่านั้น”
มู่เฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หากเขาไม่สามารถนำทัพมังกรดำไปกับเขาได้ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะไม่มีใครในตำหนักมู่ที่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นในทางปฏิบัติก็เป็นการสูญเสียทรัพยากรมาก
“ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเจ้าในเรี่องของเหลวจื้อจุน” มู่เฉินพยักหน้า เขาอุตส่าห์ได้รับกองทัพนี้มา ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยไปได้โดยง่าย ถ้าข่าวรั่วไหลออกไป ไม่รู้ว่าจะมีขั้วอำนาจสูงสุดเท่าไรมาต่อสู้แย่งชิงกัน
เมื่อเทียบกับกองทัพชั้นยอดที่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ของเหลวจื้อจุนหลายร้อยล้านหยดก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
ตามการประเมินของมู่เฉิน ถ้าเขาต้องการที่จะสร้างกองทัพเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงเวลาแค่เพียงของเหลวจื้อจุนอย่างเดียว ก็ต้องจ่ายออกไปพันล้านแล้ว
“มีของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดอยู่ที่นี่ พวกเจ้าเอาไปใช้ก่อน”
มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ สายธารก็หลั่งไหลออกมา แสงกำจายออก คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเติมเต็มไปทั่วมิติมังกรดำนี้
สายธารเหล่านั้นเกิดจากของเหลวจื้อจุนทั้งสิ้น มู่เฉินอดรู้สึกโชคดีไม่ได้ที่เขาเดิมพันด้วยของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดให้กับตัวเองในทวีปซีเทียน ดังนั้นปริมาณของเหลวจึงมีถึงสองร้อยล้านหยด
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถนำของเหลวจื้อจุนออกมาแม้แต่ร้อยล้านหยดได้
เมื่อเจียงหลงเห็นของเหลวจื้อจุนก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ด้วยปริมาณนี้สามารถสนับสนุนการฝึกฝนกองทัพมังกรดำได้หนึ่งถึงสองเดือน
จากนั้นมู่เฉินตรวจสอบกองทัพ เขาพบว่ามีนักรบประมาณหมื่นห้าพันคน จากที่เจียงหลงพูดกองทัพมังกรดำในจุดสูงสุดมีนักรบสองหมื่นห้าพันคน แต่ก็สูญเสียจำนวนพลไปมากจากการเข้าสู่นิทรารมณ์ยาวเช่นนี้
“ดูท่าหากมีโอกาสในอนาคต สามารถลองเติมเต็มกองทัพได้” มู่เฉินคิดในใจ แต่เงื่อนไขแรกคือเขาต้องมีของเหลวจื้อจุนเพียงพอที่จะสนับสนุน
เพราะตอนนี้แค่สนับสนุนนักรบหมื่นห้าพันคนอย่างเดียวก็ปวดกบาลมากแล้ว หากต้องการเสริมกำลังเพิ่ม ราคาที่ต้องจ่ายก็จะทะยานทะลุเพดาน
“ดูเหมือนตำหนักมู่ต้องขยายตัวแล้ว” มู่เฉินตีหน้าผากตัวเอง แม้ว่าตำหนักมู่จะรวบรวมภูมิภาคทางเหนือของทวีปเทียนหลัวแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นหากมู่เฉินต้องการมีเงินทุนเพื่อบรรลุความปรารถนา เขาจะต้องขยายอิทธิพลตำหนักมู่
แต่นั่นหมายความว่าเขาจะต้องต่อสู้กับขั้วอำนาจชั้นนำอื่นๆ ในทวีปเทียนหลัว ทว่าคนอย่างมู่เฉินก็ไม่กลัว ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เขากลับไปยังทวีปเทียนหลัว แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้
“หากจอมทัพมู่ต้องการก็สามารถส่งข้อความมายังมิติมังกรดำในครั้งต่อไปได้เลย แต่ด้วยความเชี่ยวชาญตอนนี้ในฐานะจั้นเจิ้นซือ เจ้าสามารถสั่งการนักรบได้สามพันคนเท่านั้น ข้าจะรอวันที่เจ้าสามารถควบคุมกองทัพมังกรดำทั้งหมดได้” เจียงหลงโค้งคำนับขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อมู่เฉิน
“ข้าก็รอวันนั้นเช่นกัน”
มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า หลังจากได้รับทักษะลับในการเก็บมิติมังกรดำจากเจียงหลง มู่เฉินก็ไม่อยู่ต่อ ทะยานออกจากมิติมังกรดำทันที
ยามนี้เขายังไม่ลืมว่ามีเม็ดยาจำนวนมากของภูตผีเสื้อโอสถที่ทิ้งไว้ แน่นอนว่ายังมีเม็ดยาเซิ่งหวาที่เขาหมายตาด้วย
หากเขาได้รับมาก็จะสามารถพัฒนาทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เข้าสู่ขั้นสองได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งของมู่เฉินอย่างมีนัย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น