หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1311-1312

 บทที่ 1311 ปะทะด้วยรัศมีจั้นยี่

“ฮ่าๆ เยี่ยม! ไอ้สารเลว แกช่างกล้า!”


เมื่อได้ยินคำตอบของมู่เฉิน หวู่ทงก็ระเบิดหัวเราะ เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยไอสังหารที่ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลง


ขณะที่เสียงหัวเราะหยุดลงช้าๆ หวู่ทงก็มองมู่เฉินด้วยสายตาดุร้ายราวกับงูพิษ จากนั้นเขาปรากฏตัวเหนือกองทัพมังกรดำโดยไม่พูดอะไรและนั่งลง


“จัดขบวน”


หวู่ทงตะโกนขณะที่ดวงตาหลับลง ความผันผวนไร้ขอบเขตแผ่ขยายออกไปสู่กองทัพมังกรดำอย่างรวดเร็ว


เหล่านักรบที่ถูกรัศมีห่อหุ้ม ส่วนใหญ่ก็ถึงกับเบ้ปาก หากพวกเขาต้องการต่อต้านคลื่นจิตนี้ หวู่ทงก็ไม่สามารถเร้ารัศมีจั้นยี่ได้แม้แต่น้อย


ทว่านักรบร่างกำยำก็แค้นเสียงเย็นขึ้น เมื่อเขาเห็นพรรคพวกไม่ยอมตอบสนอง


เมื่อเห็นท่าทางของแม่ทัพ นักรบกองทัพมังกรดำก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ยอมแพ้ที่จะต่อต้าน ทันใดนั้นร่างของพวกเขาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เบื้องหลังหวู่ทง


ฟิ้ว ฟิ้ว!


ในเวลาเพียงไม่กี่สิบลมหายใจก็มีนักรบของกองทัพมังกรดำแปดร้อยคนยืนอยู่ด้านหลังหวู่ทงแล้ว


แต่เมื่อจำนวนมาถึงประมาณหนึ่งพันคน หวู่ทงก็ตระหนักได้ว่าไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีก นี่มาถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว


“กองทัพมังกรดำสมคำร่ำลือแท้จริง!”


หวู่ทงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชมในหัวใจ ในตระกลูหวู่ตัวเขาสามารถบัญชาการกำลังพลได้อย่างน้อยสองถึงสามแสนคน แต่เมื่อเป็นกองทัพมังกรดำเขาสามารถควบคุมได้เพียงหนึ่งพันคนเท่านั้น


นั่นหมายความว่าพันคนนี้เทียบเท่ากับกองทัพนับแสนจากตระกูลหวู่


นี่เทียบเท่ากับหนึ่งหมื่นต่อหนึ่งเลยทีเดียว


หลังจากสัมผัสได้ถึงความทรงอำนาจของนักรบกองทัพมังกรดำว่าเป็นอย่างไรด้วยตัวเอง ความโลภของหวู่ทงก็เพิ่มขึ้น ก่อนที่เขาจะมองมู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา ดูท่าวันนี้เขาต้องกำจัดสิ่งขัดขวางที่อยู่ต่อหน้าให้ได้แล้ว


“นักรบมังกรดำหนึ่งพันคนรึ? ไม่เลว แต่แค่ไม่รู้ว่าเจ้าจะเร้ารัศมีจั้นยี่ได้มากแค่ไหน”


ดวงตาของแม่ทัพมังกรดำสั่นไหวกับฉากนี้ หวู่ทงเป็นจั้นเจิ้นซือที่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่เขายังอ่อนไปมากเมื่อเทียบกับจักรพรรดิมังกรดำ


“ไอ้เวร แกยังไม่รวบรวมกำลังทหารอีกเรอะ? หรือว่ากลัว?” หวู่ทงมองไปที่มู่เฉินอย่างเย้ยหยัน


ทว่ามู่เฉินไม่ใส่ใจท่าทางดังกล่าว เขานั่งลงบนท้องฟ้าพร้อมกับหลับตา ก่อนที่คลื่นจิตทรงพลังจะระเบิดออกมาจากร่างของเขา


เมื่อคลื่นจิตเข้าห่อหุ้มกองทัพมังกรดำ เขาก็พบการต่อต้านตามที่คาดไว้ ท้ายที่สุดกองทัพมังกรดำไม่ใช่กองทัพที่เขาปั้นมากับมือ ดังนั้นจึงไม่คุ้นเคยกับรัศมีจั้นยี่ของพวกเขา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจากการติดต่อครั้งแรก


ฟิ้ว!


แต่การต่อต้านก็เกิดไม่นาน ก่อนที่ร่างเงาจะเริ่มลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่เบื้องหลังเขา


ในเวลาสิบกว่าลมหายใจนักรบกลุ่มใหญ่ก็รวมตัวกันอยู่ด้านหลังมู่เฉิน จำนวนมีเกือบหนึ่งพันคนดูสูสีมากเมื่อเทียบกับหวู่ทง


“กองทัพมังกรดำแข็งแกร่งกว่ากองทัพสังหารวิญญาณแท้จริง แม้แต่กองทัพดับปีศาจก็ไม่สามารถเทียบได้”


เมื่อสัมผัสกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขีดจำกัดที่รวบตัวจากนักรบพันคน มู่เฉินก็ต้องตกใจ หนึ่งพันคนยังทรงอำนาจขนาดนี้ ถ้าเขาสามารถควบคุมกองทัพมังกรดำทั้งหมด เขาอาจจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้จริงๆ


แน่นอนว่ามู่เฉินรู้ว่าตนเองยังไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้นในตอนนี้


“หึ ก็แค่ฝืนตัวเองรวบรวมกำลังพล แต่ถึงจำนวนจะเท่ากัน ก็จะแสดงพลังในระดับที่แตกต่างกันจากฝีมือของแต่ละคน!” เมื่อหวู่ทงเห็นนักรบเกือบพันคนที่เบื้องหลังมู่เฉิน เขาก็หดตาลงขณะที่เยาะเย้ย


จำนวนไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่จะส่งผลต่อพลังของรัศมีจั้นยี่ มันยังขึ้นอยู่กับว่าสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพไหม!


ไม่มีความลังเล คลื่นจิตของหวู่ทงก็หลอมรวมกับพลังหลิงในร่างกายกลายเป็นพลังเอกลักษณ์ห่อหุ้มกองทัพมังกรดำนับพันที่ข้างหลังไว้


“รูปแบบรัศมีจั้นยี่!”


เมื่อพลังเอกลักษณ์เทลงในร่างนักรบมังกรดำ ดวงตาของพวกเขาก็แดงฉานทันที เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมเพรียง


ตู้ม!


ชั้นฟ้าและชั้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ขณะที่รัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่กวาดออกจากกองทัพมังกรดำพันคน สร้างความกดดันอันน่าสะพรึงกลัว


“ตาย!”


รัศมีจั้นยี่อัดแน่นในอากาศ ขณะที่สัมผัสกับความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวงตาของหวู่ทงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาแสยะยิ้มน่ากลัวไปทางมู่เฉิน ก่อนที่จะวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว


ตึง!


มือขนาดใหญ่ยื่นเหยียดออกจากมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวิน บริเวณที่เคลื่อนผ่านมิติก็แสดงสัญญาณการยุบตัวลง


“ลวดลายจั้นเหวินเจ็ดล้านสามแสนลาย” แม่ทัพมังกรดำจ้องมองมือขนาดใหญ่ ด้วยการมองครั้งแรกก็สามารถบอกจำนวนลวดลายจั้นเหวินได้ในทันที


เมื่อมองดูมือใหญ่โตนั่น ใบหน้าของมู่เฉินก็ยังคงสงบ เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียวเช่นกัน


“รูปแบบรัศมีจั้นยี่!”


นักรบมังกรดำคำราม รัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลังกวาดออกไป


“ตู้ม!”


กำปั้นขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากเมฆรัศมีจั้นยี่ ลวดลายจั้นเหวินนับไม่ถ้วนกะพริบอยู่บนนั้น ทุกลวดลายบรรจุด้วยพลังแข็งแกร่งที่สามารถสั่นสะเทือนสวรรค์และโลกได้


“ลวดลายจั้นเหวินเจ็ดล้านลวดลาย” สายตาแม่ทัพมังกรดำวูบไหวอีกครั้ง


ครืน!


อึดใจมือและหมัดก็ปะทะกันอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ที่จะทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มธรรมดายังต้องหลีกเลี่ยงออกไป


ทว่าเนื่องจากจำนวนลวดลายจั้นเหวินไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นแม้กำปั้นของมู่เฉินจะพังก่อน แต่ของหวู่ทงก็ยุบตัวลงติดๆ กันไป ไม่ได้เปรียบอะไรมาก


ใบหน้าของหวู่ทงมืดครึ้ม ความเคร่งขรึมวูบไหวในดวงตา ความเชี่ยวชาญของการเป็นจั้นเจิ้นซือที่มู่เฉินแสดงออกมานั้นชัดเจนว่าไปไกลจากความคาดหวังของเขา


“ไอ้เวรนั่น! ไม่เพียงแต่จะเชี่ยวชาญค่ายกล ในฐานะจั้นเจิ้นซือก็ไม่แพ้ใครเช่นกัน!”


หวู่ทงกัดฟันกรอดขณะที่ดวงตาของเย็นเยือกลง “ตัวข้าได้รับการปลูกฝังอย่างขมขื่นในศาสตร์จั้นเจิ้นซือมานานเป็นทศวรรษด้วยทรัพยากรมหาศาลของตระกูลหวู่ ข้าไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้ไอ้เหลือขอนี่!”


กระบวนท่าในมือของหวู่ทงเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ คลื่นหลิงและคลื่นจิตรวมเข้ากับรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขต


ครืน!


มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ดังก้องด้วยเสียงคำรามของสายฟ้าไม่รู้จบ พร้อมกับรัศมีจั้นยี่พวยพุ่งออกมา ลำแสงนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่จำนวนมากบนท้องฟ้า


กระบี่ถูกปกคลุมด้วยลวดลายจั้นเหวิน ทำให้เกิดความผันผวนที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก


“ภาพกระบี่สงคราม!”


สายตาของหวู่ทงเปลี่ยนเป็นเฉียบคมขณะโบกแขนเสื้อ กระบี่ส่งเสียงหวีดหวิวยิงออกไปในทิศทางของมู่เฉิน


เผชิญกับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังต้องสิ้นชีพหากประมาท


เมื่อมองไปที่การโจมตีของตนเอง หวู่ทงก็พอใจมาก หากเป็นกองทัพตระกูลหวู่นี่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะปลดปล่อยพลังดังกล่าว แต่ด้วยกองทัพมังกรดำเขาสามารถผลักดันพลังของรัศมีจั้นยี่ได้ถึงขีดจำกัด


เขาตั้งใจจะใช้การโจมตีครั้งนี้ ส่งมู่เฉินไปยังจุดที่ไม่อาจพลิกสถานการณ์กลับมาได้!


“ตอนนี้ชักน่าสนใจแล้ว!” แม่ทัพมังกรดำพยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่เอ่ยความคิดเห็น


ความเชี่ยวชาญของหวู่ทงในฐานะจั้นเจิ้นซือถือว่าค่อนข้างดี เขาเริ่มดึงพลังของกองทัพมังกรดำออกมาใช้ได้บ้างแล้ว


มู่เฉินยกเปลือกตาขึ้นมองกระบี่ที่พุ่งเข้ามา กระบี่ทุกเล่มมีลวดลายจั้นเหวินอย่างน้อยล้านลายเห็นจะได้ เขาสามารถระงับหนึ่งในนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยจำนวนมากมายกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ยังหวาดกลัวกับการโจมตีดังกล่าว


ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ สีหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียดลง เขาต้องเทหมดหน้าตักแล้ว!


ฮา


มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก คลื่นจิตค่อยๆ ผสานเข้ากับรัศมีจั้นยี่กองทัพมังกรดำ เมื่อสัมผัสกับรัศมีจั้นยี่แข็งแกร่ง จิตใจของเขาก็สั่นสะท้าน


โฮก!


เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นจากร่างกาย ถ่ายโอนพลังอำนาจของวิญญาณมังกรแท้จริงสู่รัศมีจั้นยี่ของกองทัพมังกรดำ


ขณะนั้นเองมู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงร่างกายของเหล่านักรบมังกรดำที่สั่นไหว รัศมีจั้นยี่ของพวกเขาที่หนักหนาก็เปลี่ยนเป็นเบาบางขึ้นในเวลานี้


สองมือวาดตราประทับเร็วรี่ ภาพมายาบินว่อน เขาผลักรัศมีจั้นยี่ของตนเองไปถึงขีดจำกัด


ชั้นรัศมีจั้นยี่หนาแน่นกลิ้งไปมาอย่างรุนแรง ในช่วงเวลาต่อมากรงเล็บมังกรขนาดหนึ่งหมื่นจั้งที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดก็ยื่นออกมาจากหมู่เมฆ


กรงเล็บนั้นบรรจุด้วยรัศมีจั้นยี่เกินจินตนาการ


“กรงเล็บสงครามมังกร!”


เสียงลึกต่ำของมู่เฉินเปล่งออกมา กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ก็พุ่งทะลุขอบฟ้าด้วยพลังทำลายล้างปะทะเข้ากับห่ากระบี่ที่พุ่งเข้ามา


ทั้งสองราวกับอุกกาบาตชนกัน รัศมีการทำลายล้างอุบัติขึ้น


ใครแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยก็ขึ้นอยู่กับกระบวนท่านี้แล้ว!


บทที่ 1312 เสริมทัพ

ตู้ม!


เสียงแผ่นดินพิโรธดังก้องไปทั่วขอบฟ้า กรงเล็บขนาดใหญ่ก็ปะทะกับห่ากระบี่จังใหญ่


ทันทีที่เกิดการปะทะ มิติก็ยุบตัวกลายเป็นหลุมดำ


กรงเล็บมังกรมหึมากำจายคลื่นการทำลายล้าง ทำให้กระบี่เหล่านั้นแตกสลายอย่างน่าสยอดสยอง


แกร็ก แกร็ก แกร็ก!


กระบี่แตกออกอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นแสงระยิบระยับบินว่อนบนท้องฟ้า


เปลือกตาของหวู่ทงกระตุกกับฉากนี้ เขาไม่คิดว่ากระบวนท่านี้ของมู่เฉินจะทรงพลังมากขนาดนี้


“หึ ข้าไม่เชื่อว่าแกจะทำลายเงากระบี่หมื่นเล่มนี้ได้!” หวู่ทงกัดฟัน จากนั้นก็ควบคุมกระบี่ทั้งหมดเล็งไปที่กรงเล็บมังกร


ปัง ปัง!


กรงเล็บมังกรปะทะกับห่ากระบี่อย่างไม่รู้จบ แต่ภายใต้ผลกระทบนี้ความเร็วของกรงเล็บมังกรก็ลดลง แม้แต่ลวดลายจั้นเหวินก็หม่นลง


มองฉากนี้ แววเยาะเย้ยก็ปรากฏบนใบหน้าของหวู่ทง แต่ก็เพียงชั่วอึดใจก่อนที่ท่าทางของเขาจะแข็งค้างอีกครั้ง


เนื่องจากเขาเห็นว่าแม้ว่ากระบี่จะทำให้กรงเล็บมังกรช้าลง แต่มันก็ยังคงเคลื่อนที่อย่างช้าๆ มาที่ทิศทางของเขา


“เจ้านั่นกลั่นรัศมีจั้นยี่ออกมาหนาแน่นเช่นนี้ได้ยังไง?!”


ม่านตาหวู่ทงหดลง ในแง่ของลวดลายจั้นเหวินเขาควรจะได้เปรียบบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่ารัศมีจั้นยี่ของมู่เฉินทนทานและแข็งแกร่งกว่าเขา!


จากมุมหนึ่ง นี่ไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินเหนือกว่าเขาในแง่ของคุณภาพเมื่อควบคุมรัศมีจั้นยี่ของกองทัพมังกรดำรึ?


เมื่อคิดถึงตรงนี้ใบหน้าของหวู่ทงก็เขียวคล้ำลงหลายส่วน นี่เป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้


แม่ทัพมังกรดำก็เงยหน้ามองมู่เฉินด้วยความประหลาดใจ ในฐานะแม่ทัพ เขาเข้าใจรัศมีของกองทัพเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่ามู่เฉินสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้คล่องตัวกว่าหวู่ทง


ด้วยปริมาณที่ใกล้เคียงกันของลวดลายจั้นเหวิน รัศมีจั้นยี่ที่มู่เฉินรวบรวมแข็งแกร่งและประณีตกว่าหวู่ทง


บนท้องฟ้ามู่เฉินมองกรงเล็บมังกรที่เคลื่อนเข้าใกล้หวู่ทงภายใต้การกีดขวางของกระบี่ เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ดวงตาคมชัดขึ้น


ตู้ม!


ทันใดนั้นกรงเล็บมังกรก็กำกลายเป็นกำปั้นพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตทะยานขึ้น ดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและปลดปล่อยความรุนแรงที่อธิบายไม่ได้


“แตก!”


มู่เฉินตะเบ็งเสียง หมัดมังกรก็ชกออกไป กระบี่นับไม่ถ้วนพังทลายลงในทันที


ชี่ ชี่!


หมัดมังกรกระแทกลงบนกระบี่เหล่านั้นอย่างรุนแรง แม้ว่าหมัดจะปกคลุมด้วยรอยร้าว แต่ก็ยังคงพุ่งไปหาหวู่ทงด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว


เมื่อเงาแผ่ปกคลุมลงมาจากท้องฟ้า ท่าทางของหวู่ทงก็เปลี่ยนไป เขาขบฟันแน่น กระบวนท่าในมือเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


ฮึ่ม ฮึ่ม!


มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตกวาดออกก่อตัวเป็นชั้นม่านขัดขวางหมัดมังกร


ปัง ปัง!


หมัดมังกรปะทะกับชั้นม่านเหล่านั้น พวกมันเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่เมื่อม่านพังทลายลง ลวดลายจั้นเหวินบนหมัดมังกรก็มืดลงเนื่องจากอ่อนกำลัง


ในเวลาไม่กี่ลมหายใจม่านพลังหลายร้อยชั้นที่หวู่ทงสร้างขึ้นก็ถูกทำลายโดยหมัดมังกร แต่เมื่อชั้นสุดท้ายพังลงมา กำปั้นมังกรก็มาถึงขีดจำกัด พังตัวลงขณะที่อยู่ห่างจากหวู่ทงไม่กี่สิบจั้ง


หึ


แรงกระแทกจากการแตกสลายของหมัดมังกรส่งผลกระทบต่อหวู่ทง ผมเขากระจายออก เสื้อผ้าก็ขาดวิ่น สภาพดูน่าสังเวชนัก


“สุดท้ายก็ถูกสกัดได้งั้นเหรอ?” ดวงตาของมู่เฉินหดลงกับฉากนี้ การโจมตีนี้รุนแรงที่สุดที่เขาสามารถใช้ได้ แต่ไม่คิดว่าหวู่ทงจะสามารถต้านทานได้


ความยากในการจัดการของชายคนนี้ ชัดว่าเกินความคาดหมายของมู่เฉินไป


เมื่อหวู่ทงเห็นว่าตนอยู่ในสภาพน่าสมเพชเนื่องจากถูกบีบโดยมู่เฉิน ใบหน้าของเขาก็มืดมนอย่างน่ากลัว เขามองไปที่มู่เฉินจากระยะไกล สายตาราวกับว่าต้องการขบหัวอีกฝ่ายให้ขาด


ตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะง่ายสำหรับตนเองที่จะจัดการกับมู่เฉิน แต่หลังจากที่พวกเขาต่อสู้ เขาก็ตระหนักว่าคู่ต่อสู้คนนี้ที่เขาไม่เคยสนใจจะจัดการยากเพียงนี้


เขาเริ่มรู้สึกเสียใจ หากเขารู้เรื่องนี้ก่อนละก็ เขาจะจ่ายทุกอย่างที่มีเพื่อไม่ให้มู่เฉินตามเข้ามาในมิตินี้


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าต้องได้รับกองทัพมังกรดำ!” หวู่ทงจ้องมองอย่างเย็นชา ดูเหมือนวิธีการปกติจะไม่สามารถจัดการกับมู่เฉินได้แล้ว


“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย ข้าจะเติมเต็มความปรารถนาให้เอง!”


ใบหน้าของหวู่ทงโหดเหี้ยมขึ้น จากนั้นเขาขบฟันเม็ดยาเล็กๆ ซึ่งซ่อนอยู่ในซอกฟันก็หลุดเข้าไปในลำคอ


ตู้ม!


เมื่อเม็ดยาเข้าไปในท้อง ร่างกายของเขาก็สั่นไหว พลังงานทรงประสิทธิภาพหลั่งออกมาจากร่างกาย แม้แต่คลื่นจิตก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง


เม็ดยาที่เขากินเข้าไปนั้นเรียกว่ายาจั้นยี่ ชื่อก็บอกโดยนัยอยู่แล้วว่าสามารถเพิ่มรัศมีจั้นยี่ในร่างกายได้ แม้ว่าฤทธิ์ทางยาจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีผลสะท้อนกลับเช่นกัน ถ้าเขาประมาท คลื่นจิตก็จะเกิดการคลอนแคลน สุดท้ายแม้แต่จิตใจก็จะพังทลาย


ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พยายามต่อต้านอาการวิงเวียนรุนแรงในห้วงแห่งจิต จากนั้นเขาก็ประสานมือ ในช่วงเวลาต่อมาคลื่นจิตที่ทรงพลังก็ระเบิดออกห่อหุ้มกองทัพมังกรดำเบื้องล่างไว้


เขาคิดจะเพิ่มจำนวนนักรบ!


ฟิ้ว ฟิ้ว!


ภายใต้ความตั้งใจ ร่างเงามากมายก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้า ในไม่ช้านักรบอีกหนึ่งพันคนก็เข้าร่วมที่ด้านหลังของเขา


“หืม?”


เมื่อแม่ทัพเห็นสิ่งนี้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันที เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นจิตที่พวยพุ่งฉับพลันของหวู่ทง แต่จากการประเมินความสามารถของหวู่ทงและมู่เฉินในการควบคุมกองทัพมังกรดำอยู่ที่จำนวนนักรบประมาณหนึ่งพันคนเท่านั้น


“เป็นไปได้ยังไง?!” ม่านตาของมู่เฉินหดลงกับภาพดังกล่าว ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาปะทะกับอีกฝ่าย เขาก็รู้ถึงความสามารถที่หวู่ทงมี ด้วยความสามารถนั้นเป็นไปไม่ได้ที่หวู่ทงจะควบคุมนักรบมังกรดำถึงสองพันคน!


หากเขาฝืนทางของตนเอง รัศมีจั้นยี่ทรงพลังจะทำลายสติสัมปชัญญะของเขาทางเดียว


มู่เฉินขมวดคิ้วมองไปที่หวู่ทง เมื่อเห็นดวงตาสีแดงของอีกฝ่าย เขาก็คาดเดาได้ว่าหวู่ทงจะต้องใช้ทักษะลับในการเพิ่มรัศมีจั้นยี่แน่นอน ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมนักรบอีกพันคน


“ไอ้เวร ข้าจะดูสิว่าแกจะสู้กับข้าตอนนี้ยังไง!”


นักรบมังกรดำสองพันคนปลดปล่อยรัศมีจั้นยี่ขึ้นสู่ท้องฟ้า อันที่จริงถึงขนาดทำให้ท้องฟ้าบิดเบี้ยวเนื่องจากพลังของรัศมีจั้นยี่ที่อยู่เบื้องหลังหวู่ทงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว


หวู่ทงแสยะยิ้มให้มู่เฉินขณะยกมือขึ้นแตะบนท้องฟ้า


ตู้ม!


ท้องฟ้าสั่นสะเทือน ลำแสงรัศมีจั้นยี่ขนาดหมื่นจั้งยิงออกมาจากมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่เบื้องหลังหวู่ทงทันที เจาะทะลุมิติแล้วยิงเข้าใส่มู่เฉินไม่มียั้ง


เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ เขาก็วาดตราประทับเร็วจี๋ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นกรงเล็บมังกรอีกครั้ง พุ่งเข้าใส่ลำแสงรัศมีจั้นยี่


ปัง!


พลังงานทั้งสองปะทะกัน แต่ครั้งนี้เป็นกรงเล็บมังกรที่พังทลายลง


สายตาของมู่เฉินมืดครึ้ม รัศมีจั้นยี่ของหวู่ทงเหนือชั้นกว่าเขาอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้


“ฮ่าๆ แกโอหังนักไม่ใช่หรือ?!” เมื่อเห็นว่ามู่เฉินถูกระงับไว้เต็มที่ หวู่ทงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่วน เขาสะบัดแขนเสื้อ รัศมีจั้นยี่ก็ยิงออกมา ขอบฟ้าโยกคลอนไปหมดเมื่อมันพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน


ภายใต้การโจมตีของหวู่ทง แม้ว่ามู่เฉินจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้อง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ กลุ่มเมฆรัศมีจั้นยี่ที่อยู่เบื้องหลังลดขนาดลงเช่นกัน


ตอนนี้ชัดว่าเขาเริ่มแสดงสัญญาณพ่ายแพ้แล้ว


เมื่อแม่ทัพมังกรดำเห็นมู่เฉินที่ต้องถอยอย่างต่อเนื่อง เขาก็ขมวดคิ้วเพราะตัวเขาก็รู้สึกว่าหวู่ทงต้องใช้ทักษะลับบางอย่างแน่ ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ตั้งกฎไว้ชัดเจน มีเพียงชัยชนะเท่านั้นที่เป็นตัวตัดสิน


โลกนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรม บางครั้งผลลัพธ์สำคัญที่สุด


นักรบมังกรดำถอนหายใจด้วยความสงสาร เนื่องจากเลือดมังกรที่พวกเขาครอบครอง ทำให้พวกเขาโน้มเอียงไปทางมู่เฉินมากกว่า แต่พวกเขาคือนักรบดังนั้นพวกเขาจะเลือกผู้ที่ชนะเท่านั้น


หากมู่เฉินไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้มีชะตาต่อกัน ในเมื่อเป็นกรณีนี้พวกเขาก็ไม่สามารถบังคับอะไรได้


ตู้ม ตู้ม!


ขณะที่รัศมีจั้นยี่ทะลุผ่านขอบฟ้าก็ทำลายการป้องกันของมู่เฉินเป็นเสี่ยงๆ จนสุดท้ายกลุ่มเมฆรัศมีจั้นยี่ก็เบาบางลงและกำลังจะแตกสลาย


ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นว่าถึงแม้ว่ามู่เฉินจะถอยร่นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีริ้วความหวาดกลัวบนใบหน้าเลย ตรงกันข้ามกลับมีแสงเย็นค่อยๆ ควบแน่นในดวงตา


มือในแขนเสื้อวาดตราประทับไว้เรียบร้อย ราวกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่


“เอางี้ ถ้าแกคุกเข่าต่อหน้าข้าตอนนี้ ข้าอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้!” หวู่ทงยืนขึ้นหัวเราะร่าด้วยสีหน้าน่ากลัว เวลานี้ชัยชนะอยู่ในกำมือเขาแล้ว


นักรบมังกรดำสองพันคนที่รัศมีจั้นยี่รวมเข้าด้วยกัน ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉินจะเผชิญหน้าได้


ทว่ามู่เฉินกลับยิ้มอ่อนตอบ


“งั้นก็ตายซะ!”


หวู่ทงแสยะยิ้มน่ากลัว ไม่มีความลังเลอีกต่อไป มือของเขาประสานกัน รัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก็กลายเป็นหอกขนาดหลายแสนจั้ง ซึ่งปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินถึงแปดล้านห้าแสนลาย!


จำนวนนี้เป็นบางสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังต้องหลบหนีเมื่อเผชิญหน้ากัน!


จ้องมองไปที่หอก นิ้วของมู่เฉินก็สั่นไหว ก่อนที่รอยยิ้มโล่งอกจะปรากฏบนใบหน้า


“ในที่สุดก็เรียบร้อยแล้วสินะ”


มู่เฉินเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับหวู่ทง “ข้าจะสอนบทเรียนให้แกในวันนี้…เมื่อต่อสู้ก็อย่าพล่ามไร้สาระ ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียใจ”


เมื่อพูดจบตราประทับที่วาดในแขนเสื้อก็เปลี่ยนไป


“วิชาสามพิสุทธิ์!”


ปุ ปุ!


ตราประทับเปลี่ยนแปลงวูบไหว มิติก็บิดเบี้ยวรอบตัว เงาร่างมู่เฉินชุดดำและชุดขาวก็ปรากฏขึ้น!


เมื่อพวกเขาปรากฏตัวก็นั่งลงทันที คลื่นจิตอันทรงพลังก็กวาดออกไปก่อนที่จะตะโกนก้องฟ้า


“รวมพล!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)