หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1265-1266

 บทที่ 1265 สองสตรีสู้กัน

ลมกระโชกแรงกวนตัวบนเทือกเขา


คนสองกลุ่มพากันเร้าคลื่นหลิงทรงพลัง แม้แต่เมฆก็ถูกฉีกขาดจากแรงกดดันนี้


ทั้งสองกลุ่มยืนอยู่คนละฟากของเทือกเขา ความเป็นปฏิปักษ์อัดแน่นในดวงตา


เงาร่างหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าค่ายทางด้านขวา นางสวมเสื้อผ้าสีดำที่เน้นรูปร่างและผิวสีขาวไข่มุก นางมีรูปลักษณ์งดงามชวนตะลึงเมื่อสายตาจ้องมองไปที่ดวงหน้า


นอกจากนี้ยังมีความน่าเกรงขามที่ทำให้นางประหนึ่งจักรพรรดินี


นอกเหนือจากลั่วหลีก็ไม่มีใครโดดเด่นในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกแล้ว


จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นกว่าหนึ่งร้อยคนยืนอยู่ข้างหลัง มองมาที่นางด้วยความเคารพ


ตอนที่หลิงเฟยจื่อเริ่มลงมือกวาดล้าง ผู้คนจำนวนมากก็หนีกันกระเจิดกระเจิง แม้ว่าจะมีคนกล้าลุกขึ้นสู้ แต่ผลลัพธ์ก็จบลงที่ถูกเตะโด่งออกจากสนามรบ


ภายใต้สภาวะที่น่ากลัวนี้ ลั่วหลีลุกขึ้นรวบรวมสมัครพรรคพวกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของค่ายหลิงเฟยจื่อก็ถอยทัพกลับมาได้


หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกนางก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและดึงผู้คนที่มีความไม่พอใจกับหลิงเฟยจื่อ นอกจากนี้ด้วยเสน่ห์โดดเด่นของนาง ยังสามารถดึงจอมยุทธ์ทรงพลังที่เป็นกลางเข้าร่วมด้วย ทำให้ตอนนี้ค่ายของพวกนางไม่ได้อ่อนแอไปกว่าค่ายของหลิงเฟยจื่อเลย


ในเวลาเพียงครึ่งเดือนลั่วหลีเริ่มต้นจากการไม่มีอะไรจนมีค่ายใหญ่ที่ไม่อ่อนแอกว่าหลิงเฟยจื่อ วิธีดังกล่าวทำให้ผู้คนต้องถอนหายใจชื่นชมไม่หยุด


ดังนั้นทุกคนที่นี่จึงรู้สึกเคารพลั่วหลี ไม่มีใครดูถูกความเป็นสตรีเพศของนาง


มีชายสวมเสื้อสีเขียวอมฟ้าที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นและไม่ธรรมดายืนอยู่ข้างหลังลั่วหลี เขากวาดมองทุกคนที่พลุ่งพล่านด้วยเจตนาการต่อสู้ก็ยิ้ม “จักรพรรดินีลั่วเก่งกล้าสมชื่อนัก ครึ่งเดือนก่อนเรามีกองกำลังเพียงสิบคน ตอนนี้กลับสามารถประกาศสงครามกับหลิงเฟยจื่อได้เลยทีเดียว”


ชายคนนี้ชื่อว่าหลู่เฟิ่งเซียน เขามีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นในทวีปซีเทียน ว่ากันว่าภายในสองสามปีนี้เขาก็จะสามารถโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้แล้ว


เขาเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่เข้าร่วมกับลั่วหลี


“หลิงเฟยจื่อเจ้ายศเจ้าอย่างและพึ่งพาชื่อเสียงของตำหนักซีเทียน ในแง่ของความสามารถข้าไม่คิดว่านางจะเปรียบกับจักรพรรดินีลั่วได้” ข้างหลู่เฟิ่งเซียน ชายร่างกำยำก็พูดออกมา


เขามีชื่อว่าชื่อเถิงขุยที่มีความสามารถรองลงมาจากหลู่เฟิ่งเซียนเท่านั้น


“เมื่อไรที่จักรพรรดินีลั่วออกคำสั่ง ข้าก็จะบุกทะลวงค่ายพวกมัน!” ยืนอยู่ด้านหลังเถิงขุยเป็นชายร่างสมส่วน ริ้วแสงสีทองวูบไหวที่กลางหว่างคิ้ว ซึ่งบางครั้งเปล่งเสียงคำรามของพยัคฆ์ออกมาด้วย


ขณะที่พูดเขาก็จ้องมองที่หลู่เฟิ่งเซียนด้วยการยั่วยุในดวงตา แต่เมื่อหันไปมองร่างที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาก็เผยความชื่นชมในแววตาออกมา


ชื่อของเขาคือหยูหู่หรือที่รู้จักกันในฉายาราชันพยัคฆ์แห่งทวีปซีเทียน เขามีพละกำลังมาก เมื่อไรที่เขาต่อสู้ แม้แต่หลู่เฟิ่งเซียนก็ไม่สามารถจัดการกับเขาได้


ทั้งสามคนมีชื่อเสียงล้นเหลือในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นและตอนนี้ทั้งหมดยอมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลั่วหลี โดยกำลังรอคำสั่งจากนาง


หลู่เฟิ่งเซียนสัมผัสได้ถึงการยั่วยุในดวงตาของหยูหู่ก็อดแสยะยิ้มไม่ได้ เขาเหลือบมองร่างลั่วหลี แม้แต่คนอย่างเขาที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงเหมือนต้นหญ้าก็ยังไม่สามารถทนต่อการดึงดูดของลั่วหลี ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์ยังคิดมอบตำแหน่งธิดาเทพให้กับนาง


ดังคำกล่าววีรบุรุษชอบสาวงาม ผู้คนจำนวนมากอยู่ภายใต้คำสั่งของลั่วหลี มีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ ทว่าส่วนใหญ่รู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่านางทุกทาง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแสดงออก


เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขาลั่วหลีก็หันมาพลางคลี่ยิ้ม “พวกเจ้าสามคนไม่ต้องทะเลาะกันหรอก ณ จุดนี้เราใช้แม่ทัพต้านแม่ทัพ ใช้กองทัพต้านกองทัพ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”


“เรายินดีรับฟังคำสั่งของเจ้า!”


พวกหลู่เฟิ่งเซียนต่างประสานมือตอบรับ


จอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก็ตอบรับเช่นกันทำให้ดูตระการตามาก


“นังแพศยานั่น!”


เมื่อได้ยินขวัญกำลังใจของค่ายลั่วหลี ใบหน้าของหลิงเฟยจื่อก็เย็นเยือกลงขณะกัดฟันกรอด


ในฐานะศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ นางประหนึ่งเจ้าหญิงแห่งทวีปซีเทียน ในอดีตไม่รู้ว่ามีใครกี่คนที่ห้อมล้อมตัวนาง แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อลั่วหลีปรากฏตัว ชื่อนี้ก็เริ่มติดอยู่บนริมฝีปากของจอมยุทธ์ชั้นสูงเหล่านั้น


มิหนำซ้ำเมื่อไม่นานมานี้จักรพรรดิสัประยุทธ์ยังออกราชโองการ ให้ลั่วหลีดำรงตำแหน่งธิดาเทพซึ่งมีตำแหน่งสูงส่งกว่านาง


เรื่องนี้ปลุกความอิจฉาในหัวใจของหลิงเฟยจื่อ ดังนั้นเป้าหมายหนึ่งเดียวของนางในการเข้าสู่สนามรบครั้งนี้ก็คือปราบลั่วหลีและสร้างความอับอายให้


นางต้องการให้ทุกคนในทวีปซีเทียนรู้ว่าลั่วหลีเป็นรองนาง!


“สู่หยู สู่กว่าง สู่เฉิน ข้าจะปล่อยหลู่เฟิ่งเซียน เถิงขุยและหยูหู่ให้พวกเจ้าสามคนจัดการ” หลิงเฟยจื่อสูดหายใจลึกๆ ก่อนที่ปรายตามองจอมยุทธ์สามคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง


ทั้งสามมาจากสำนักสู่ซึ่งเป็นขั้วอำนาจชั้นยอดที่ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักซีเทียนและทั้งสามคนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ พวกเขามีชื่อเสียงมากกว่าหลู่เฟิ่งเซียนและคนอื่นๆ เสียอีก


เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเฟยจื่อ ทั้งสามคนก็เบะปากแต่ก็พยักหน้าในที่สุด ถึงยังไงหลิงเฟยจื่อก็เป็นศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ ดังนั้นนางจึงมีสถานะสูงส่ง


“หึ ข้าขอดูหน่อยว่าคนที่ลั่วหลีดึงมารวมตัวแบบรีบเร่งจะแข่งกับตำหนักซีเทียนยังไง!” หลิงเฟยจื่อเค้นเสียง ในแง่คุณภาพนางแข็งแกร่งกว่าเนื่องจากกลุ่มของนางเป็นการรวมตัวของผู้สนับสนุนจากตำหนักซีเทียน ดังนั้นจักรพรรดิสัประยุทธ์จึงให้ทรัพยากรพวกเขาตามสมควร ทำให้ชื่อเสียงและพลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าฝ่ายลั่วหลีโดยธรรมชาติ


เมื่อพูดจบนางก็โบกมือ ร่างกลายเป็นลำแสงทะยานออกไปพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ตามหลังมา ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ ทั้งสองฝ่ายก็มาประจันหน้ากันแล้ว


ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นสายตาเย็นชามองหลิงเฟยจื่อนิ่ง ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองจะยกมือเรียวขึ้น จากนั้นก็สะบัดลงเบาๆ พร้อมกัน


“ลุย!”


เมื่อเสียงของพวกนางดังขึ้น คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างหลายร้อยบินฉวัดเฉวียนออกมาพร้อมกับซัดพลังโจมตีนับไม่ถ้วน


ตู้ม ตู้ม!


การประจัญบานรุนแรงทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น


วาบ วาบ!


จอมยุทธ์ทรงพลังบางคนในค่ายทั้งสองบินผ่านคลื่นกระแทก เข้าปะทะกับศัตรูที่หมายตัวไว้แล้วปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาทันทีโดยไม่ลังเล


ส่วนพวกหลู่เฟิ่งเซียนก็ถูกจอมยุทธ์ทรงพลังสามคนของฝ่ายตรงข้ามขัดขวาง ทั้งสองฝ่ายต่างเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาต่อสู้ โดยไม่พูดให้มากความ


ลูกเพลิงระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า ทุกลูกเต็มไปด้วยอันตราย พลังทำลายล้างทำให้เทือกเขาพังทลายลง


เมื่อลูกเพลิงปกคลุมทั่วท้องฟ้า ลั่วหลีและหลิงเฟยจื่อก็ยืนประจันหน้ากัน


“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวิธีรวบรวมพวกขี้แพ้เอาไว้” หลิงเฟยจื่อพูดเสียงเย็นขณะที่จ้องมองลั่วหลี


“เจ้าเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการมากเกินไป ดังนั้นจึงมีคนที่เกลียดเจ้าเยอะแยะ พูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้ข้าสามารถรวบรวมคนได้อย่างรวดเร็ว” ลั่วหลียิ้มอ่อน


“ก็แค่กลุ่มบัดซบ” หลิงเฟยจื่อขมวดคิ้ว นางไม่อยากเห็นท่าทางไม่แยแสของลั่วหลีจึงพูดขึ้นทันที “หึ ข้าว่าตอนนี้มู่เฉินคงคุกเข่าร้องขอชีวิตที่เบื้องหน้าพี่ใหญ่หลิงจั้นจื่อแล้ว”


นางรู้ว่าลั่วหลีเป็นกังวลกับมู่เฉินมาก ดังนั้นนางรู้ว่าสามารถกวนอารมณ์อีกฝ่ายโดยเริ่มต้นจากชายคนนั้น


อย่างที่นางคาดไว้ รอยยิ้มของลั่วหลีหุบลงอย่างช้าๆ ขณะจ้องมองหลิงเฟยจื่อด้วยดวงตานิ่งสงบ


ภายใต้สายตาที่ดูสงบนั้น หลิงเฟยจื่อกลับรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือก นางรู้ว่าคำพูดของตนทำให้อีกฝ่ายโกรธมากเลยทีเดียว


“บางครั้งการพูดสิ่งที่ผิดและการทำสิ่งที่ผิดก็มีราคาต้องจ่าย… ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถจ่ายไหวนะ”


เสียงเรียบนิ่งของลั่วหลีดังขึ้นโดยไม่มีความผันผวน แต่เมื่อเสียงดังก้องออกไปคลื่นหลิงทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากร่างของนางปกคลุมทั่วท้องฟ้า


ในเวลาเดียวกันร่างงดงามก็ปรากฏขึ้นด้านหลังพร้อมกับแรงกดดันที่ไร้รูปแบบปกคลุมมิติทั้งหมดนี้


เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลง ก่อนที่เขาจะยิ้มเสียงเบา


“ร่างเทพวารี… ดูเหมือนว่าหลิงเฟยจื่อทำให้ลั่วหลีโกรธซะแล้ว…นางซวยแน่”


บทที่ 1266 พลังอำนาจของลั่วหลี

ร่างเงาก่อตัวขึ้นด้านหลังลั่วหลี


แสงพริบพราวมหาศาลระเบิดออกรวมตัวกันเป็นเงาร่างตระการตา


ร่างเงานั้นดูเหมือนกับลั่วหลีทุกประการ เพียงแค่มีรัศมีเทพที่ทำให้นางดูราวกับเทพธิดาก็มิปาน


ร่างเงานั้นมีความงดงามหาที่เปรียบมิได้ราวกับว่าคือความงามของโลก


เมื่อแสงแวววาวไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ก็ทำให้การโรมรันพันตูโดยรอบสงบลง สายตามั่วเมานับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปที่หญิงสาวที่มีเรือนผมสีเงินยวง


“ช่างเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่งดงามจริงๆ”


ผู้คนนับไม่ถ้วนพึมพำ


แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ยังอึ้งไปในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่พวกเขาจะถอนหายใจ “สมกับเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ลือกันว่างดงามที่สุดในโลก”


ร่างเทพวารีมีชื่อเสียงด้านความงามมาตั้งแต่โบราณกาล


ว่ากันว่ามีข้อกำหนดเข้มงวดในการฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์นี้ ประการแรกผู้ฝึกจะต้องเป็นสาวพรหมจารีพร้อมด้วยพรสวรรค์และรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้รับการปลูกฝังแล้ว ร่างเทห์สวรรค์และร่างผู้ฝึกก็จะเปลี่ยนไป


ในสมัยโบราณลั่วเสินพึ่งพิงสิ่งนี้ขึ้นเป็นเทพธิดาแห่งมหาพันภพโดยมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่โดดเด่นมากมายอยู่ใต้อาณัติของนาง ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าเทพธิดาแห่งมหาพันภพเปี่ยมเสน่ห์แค่ไหน


ดังนั้นแม้กระทั่งจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ยังอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานด้วยความชื่นชม เมื่อพวกเขาเห็นร่างเทห์สวรรค์ของลั่วเสินนี้


ขณะที่พวกเขาร้องอุทานชื่นชม ดวงตาของทุกคนก็จ้องมองหญิงสาวด้วยความมึนเมา อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำว่า “งดงามจริงๆ”


ขณะที่ทุกคนกำลังปลาบปลื้มกับร่างเทพวารีที่น่าทึ่ง


หลิงเฟยจื่อก็กัดริมฝีปากแน่นมองไปที่ลั่วหลีด้วยความอิจฉาตาร้อน


“ร่างเทพวารี? หึ ก็เป็นแค่ร่างเทห์สวรรค์ที่ชนะแค่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่คู่ควรกับอันดับเลย!” หลิงเฟยจื่อเอ่ยเยาะเย้ย


บนตารางทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ร่างเทพวารีอยู่ในอันดับที่สิบเอ็ดซึ่งเป็นการจัดอันดับที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะร่างเทห์สวรรค์ระดับนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ตำหนักซีเทียนก็ไม่ได้ครอบครอง


ฮึ่ม!


ยามนี้หลิงเฟยจื่อไม่ต้องการให้ลั่วหลีได้รับความสนใจทั้งหมด ดังนั้นนางจึงวาดตราประทับ ทันใดนั้นแสงหลิงนับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกมา ก่อร่างเวทสวรรค์ขึ้น


น่าตกใจนักที่ร่างเวทสวรรค์ของหลิงเฟยจื่อก็มีรูปร่างเหมือนสตรีที่มาพร้อมกับดวงจันทร์สุกสกราวประดับอยู่ด้านหลังศีรษะ


“นี่คืออันดับที่สามสิบในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง…ร่างมหาจักรพรรดินีรึ?!”


เมื่อหลิงเฟยจื่อเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนทันที แม้ว่าอันดับร่างนี้จะด้อยกว่าร่างเทพวารี แต่ก็มีชื่อเสียงอย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากอยู่ในอันดับสามสิบ! ซึ่งเป็นสิ่งที่มีเพียงตำหนักซีเทียนเท่านั้นที่จะครอบครองได้


หลิงเฟยจื่อยืนบนร่างมหาจักรพรรดินีพลางก้มมองลั่วหลีด้วยสายตาเย็นชาเอ่ยเย้ยหยัน “วันนี้ข้าจะให้ทุกคนเห็นว่าร่างเทพวารีของเจ้าเป็นเพียงเปลือกเปล่าไม่มีพลังอะไร!”


ฮึ่ม!


โดยไม่ลังเล ฝ่าเท้าของนางก็แตะลงไป ดวงจันทร์ที่แขวนอยู่ด้านหลังร่างมหาจักรพรรดินีก็ระเบิดแสงจันทร์มหาศาล


แสงจันทร์พุ่งทะลุผ่านมิติกวาดไปที่ร่างเทพวารี ในเส้นทางผ่านของแสงที่ดูอ่อนโยนกลับทิ้งร่องรอยมากมายไว้


ขณะที่แสงจันทร์บรรจุด้วยไอสังหารครอบคลุมพื้นที่ ลั่วหลีก็เงยหน้ายกมือขึ้นเบาๆ ร่างเทพวารียกมือขึ้น กลุ่มแสงหลิงเข้มข้นแตกออกเป็นกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วน


เมื่อกลีบดอกไม้เหล่านั้นล่องลอยไปมาและสัมผัสกับแสงจันทร์ กลีบดอกไม้ก็กลายเป็นดอกไม้ตูมล้อมแสงจันทร์เอาไว้


ในเวลานี้ภาพกลีบดอกไม้ตระการตาฉายบนท้องฟ้า


ผู้คนอุทานออกมาในการเผชิญหน้าที่สวยงามเช่นนี้ แต่พวกเขารู้ว่านี่อันตรายแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกลีบดอกไม้หรือแสงจันทร์ก็เต็มไปด้วยไอมรณะอย่างไม่น่าเชื่อ


เมื่อหลิงเฟยจื่อเห็นว่าลั่วหลีสามารถแก้ไขการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย ใบหน้านางก็ดิ่งลงหลายส่วน แม้ว่าหัวใจจะเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ การปะทะก่อนหน้าทำให้นางเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นแล้ว


“ดูเหมือนว่าทักษะทั่วไปจะไม่สามารถทำอะไรกับนางได้”


หลิงเฟยจื่อขบฟันพร้อมกับไอเย็นยะเยือกวาบผ่านในดวงตา นางไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างมหาจักรพรรดินียื่นมือเรียวบางออกมา ทว่าไม่ได้เคลื่อนที่ไปในทิศทางของลั่วหลี แต่เอื้อมไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ด้านหลัง


เมื่อมือสัมผัสกับดวงจันทร์รัศมีเย็นเยือกน่าอัศจรรย์ก็ปะทุออกมา ราวกับอาวุธเทพที่สามารถแยกสวรรค์และโลกออกเป็นสองส่วน


คว้าดวงจันทร์อยู่ในมือ หลิงเฟยจื่อก็วาดกระบวนท่าเร็วรี่ก่อนที่เสียงเย็นจะเปล่งสะท้อนออกมา “ทักษะเทห์สวรรค์ เทพธิดาจันทรา!”


ชี่!


ร่างมหาจักรพรรดินีกุมดวงจันทร์ไว้แล้วเหวี่ยงลง แสงจันทร์ปกคลุมทั่วบริเวณ รัศมีใบมีดกว้างนับหมื่นจั้งพวยพุ่งออกมาจากดวงจันทร์ซัดเข้าใส่ลั่วหลี


ภายใต้รัศมีแหลมคม กระทั่งมิติก็ถูกเฉือนแยกออกเป็นชิ้นๆ จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนรู้สึกถึงความเย็นเยือกเจาะกระดูก ใบหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนไป


รัศมีคมชัดราวกับสายฟ้าฟาด ปรากฏที่เบื้องหน้าร่างเทพวารีในอึดใจต่อมา


ลั่วหลียังคงมีท่าทางสงบนิ่งโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้จะเกิดการโจมตีที่น่ากลัว ความสง่างามนี้ทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น


เมื่อรัศมีคมชัดฟันลงมา ร่างเทพวารีก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว แสงหลิงระเบิดออกที่เบื้องหน้า แม่น้ำระยิบระยับไหลลงไปเกิดเป็นคลื่นเชี่ยวกรากปะทะกับรัศมีคมชัด


ปัง!


แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นถูกฉีกออกขณะที่รัศมีแหลมคมก็แตกสลายไป


แววตาของหลิงเฟยจื่อเย็นเยือกลง นางหมุนมือ อึดใจต่อมารัศมีแหลมคมหลายร้อยสายก็ระเบิดออกมาราวกับพายุฝนที่มาพร้อมกับไอสังหารล้อมรอบลั่วหลี


ซ่า ซ่า!


คลื่นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของแม่น้ำแสงยังคงไหลออกมาจากมือร่างเทพวารีแล้วรวมตัวกัน ก่อร่างเป็นแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่ารัศมีคมชัดจะเฉือนลงมาอย่างไร ก็ถูกคลื่นซัดทำลายจนไม่เหลือหลอ


ในเวลาไม่กี่นาทีหลิงเฟยจื่อก็ปล่อยกระบวนท่านับร้อยแล้ว แต่ละครั้งก็สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้เลยทีเดียว


แต่สุดท้ายการโจมตีเหล่านั้นก็ไม่สามารถเจาะผ่านแม่น้ำที่ปกคลุมรอบร่างเทพวารีได้


สายตาตกตะลึงใจพุ่งตรงไปที่การต่อสู้ดุเดือดระหว่างหญิงสาวสองคน การโจมตีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังมีท่าทางเปลี่ยนไป หญิงสาวทั้งสองคนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแน่นอน มากจนสามารถเผชิญหน้ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้เลยทีเดียว


แต่ตัดสินจากสถานการณ์ตอนนี้ แม้การโจมตีของหลิงเฟยจื่อจะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถผ่านการป้องกันของร่างเทพวารีได้


“แกรู้จักแต่วิธีป้องกันเท่านั้นรึ?”


เมื่อเห็นว่าความพยายามของตนไร้ประโยชน์ ใบหน้าของหลิงเฟยจื่อก็ไม่น่าดู นางไม่คิดว่าร่างเทพวารีจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่การโจมตีของนางก็ไม่สามารถผ่านการป้องกันนั้นได้


“ข้าแค่ต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของร่างมหาจักรพรรดินีน่ะ” ลั่วหลียิ้มขณะพูดต่อ


“แต่ดูเหมือนว่าถึงจะไม่ธรรมดาก็ไม่มีอะไรที่น่าทึ่งเลย”


หลิงเฟยจื่อรู้สึกโมโหจนต้องหัวเราะ “นังหน้าด้าน!”


ลั่วหลียิ้มไม่ใส่ใจที่จะเถียงกับหลิงเฟยจื่อ มือของนางเริ่มวาดกระบวนท่า


ซ่า ซ่า


แม่น้ำแสงพราวไหลบ่าราวกับมังกรวารีขนาดใหญ่ขดตัวไปรอบๆ ร่างเทพวารี


ร่างเทพวารียื่นมือออกมาอย่างช้าๆ คว้าแม่น้ำที่ส่องประกาย ก่อร่างเป็นกระบี่ยาวทันที


เมื่อร่างเทพวารีวาดกระบี่ รัศมีกระบี่คมชัดก็ทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้แต่ภูเขาที่อยู่เบื้องล่างก็แยกออกเป็นสองส่วน!


“ให้มาไม่ให้กลับจะเสียมารยาท ในเมื่อเป็นแบบนี้เจ้าก็รับเพลงกระบี่ของข้าด้วย หากเจ้ารับได้ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้เอง” ลั่วหลียิ้มบางพูดด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ


“งั้นก็เตรียมพ่ายแพ้ได้เลย!”


หลิงเฟยจื่อหัวเราะด้วยความโกรธ ก่อนที่จะกัดฟันเยาะเย้ย


แม้จะพูดไปแบบนั้น ดวงตานางก็เคร่งเครียดลง เนื่องจากนางรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงในขณะนี้


ลั่วหลียิ้มสดใจก่อนที่กระบี่ยาวจะเสือกแทงออกมาพร้อมกับแสงกระบี่ไร้ขอบเขตกวาดไปทั่วสวรรค์และโลก


“ทักษะเทห์สวรรค์ กระบี่แม่น้ำลั่ว!”


ในอดีตลั่วหลีฝึกฝนวิทยายุทธเทพที่รู้จักกันในชื่อเพลงกระบี่ลั่วเสิน แม้ว่าชื่อจะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันมาก


เมื่อเสียงของลั่วหลีดังก้อง แสงกระบี่ไม่มีที่สิ้นสุดก็เปล่งประกายออกมา ทั่วทั้งฟ้าดินเหมือนเต็มไปด้วยเสียงน้ำสดชื่น ทว่าในเสียงนี้ก็อัดแน่นด้วยรัศมีคมกริบที่น่ากลัวอย่างยิ่ง


ทุกคนที่เฝ้ามองก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรง เมื่อพวกเขามองไปที่คลื่นเชี่ยวกราก หัวใจก็สั่นไหว


รัศมีกระบี่กินพื้นที่สามหมื่นลี้ แสงกระบี่สาดส่องไปทั่ว


ยามนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมร่างเทพวารีถึงอยู่ในอันดับสิบเอ็ดบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)