หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1209-1210
บทที่ 1209 พิธีเทพธิดาลั่ว
วังหลวงลั่วเสิน
ชัยภูมิที่นี่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำลั่วไหลเชี่ยว ที่ตั้งอยู่ตรงจุดตัดของแม่น้ำ มีสายน้ำไหลหลั่งไม่สิ้นสุดราวกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
พิธีเทพธิดาจะจัดขึ้นที่นี่
ดังนั้นทั่วบริเวณจึงเต็มไปด้วยการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด โดยมีกองทัพประจำการอยู่ทุกด้านของแม่น้ำ มีกระทั่งนักรบขี่กระเรียนสายฟ้าตั้งกระบวนทัพเป็นแนวป้องกันบนท้องฟ้า แม้แต่แมลงวันสักตัวก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้
สามารถมองเห็นผู้คนจำนวนมากชุมนุมทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่ทอดยาวสุดสายตา
พวกเขาเหล่านี้เป็นประชาชนของตระกูลลั่วเสินซึ่งกำลังรอการปรากฏตัวของจักรพรรดินีองค์ใหม่
พวกเขาต้องการเป็นสักขีพยานในพิธีเทพธิดาลั่ว เพื่อเฝ้ามองจักรพรรดินีก้าวขึ้นสู่บัลลังก์
บริเวณนี้ได้กลายเป็นจุดสนใจของทั้งเมืองลั่วเสินหรือกระทั่งทั้งตระกูล
ตึง!
ขณะที่ทุกคนกำลังรออย่างตื่นเต้น เสียงระฆังโบราณก็ดังขึ้น
ฟิ้ว!
เมื่อระฆังดังกังวาน ริ้วแสงก็พุ่งออกมาจากวังลั่วเสิน ก่อนที่จะพลิ้วลงเหนือแท่นที่ลอยบนผิวแม่น้ำ
นี่เป็นแท่นพิธีที่เหมือนว่าถูกปั้นมาจากหยกขาว ระยิบระยับแพรวพราวอย่างยิ่ง แต่ความสนใจผู้คนไม่ได้อยู่ที่แท่นพิธีเลย กลับเป็นหญิงสาวที่อยู่บนนั้น
นางยืนบนแท่นพิธี เรือนผมสีเงินยวงพร่างพราวภายใต้แสงตะวัน ใบหน้าไร้ที่ติราวกับประติมากรรมชิ้นเอกของโลก
ซ่าๆๆ!
เมื่อนางปรากฏตัวผู้คนทั้งหมดก็คุกเข่าลงราวกับนาข้าวที่ล้มลงเมื่อถูกพายุพัดใส่ ดวงตาที่มองเงาร่างบนแท่นพิธีทั้งลุกโชนและอัดแน่นด้วยความนับถือ
“ถวายบังคมองค์จักรพรรดินี!”
เสียงกึกก้องดังขึ้นในเมืองลั่วเสินสะท้อนไปมาเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นดวงตาโชติช่วงด้วยความเชื่อมั่นของประชากรตระกูลลั่วเสิน ขั้วอำนาจอื่นๆ ที่มาเข้าร่วมพิธีเทพธิดาลั่วก็มีท่าทางเปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่คิดว่าตระกูลลั่วเสินที่กำลังจะล่มสลาย ไม่กี่ปีผ่านมาจะกลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้
นี่ทำให้พวกเขาต้องทอดถอนหายใจ จากนั้นก็มองดูร่างเงาบนแท่นพิธีด้วยความหลงใหล ยามนี้พวกเขาต้องยอมรับว่าบางคนในโลกมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่สามารถดึงดูดผู้คนทั้งหมดไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีองค์ใหม่ของตระกูลลั่วเสินอยู่ในประเภทนั้น
ลั่วหลีกวาดมองไปผู้คนที่คุกเข่าเบื้องหน้าก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่กลิ่นอายสูงศักดิ์ก็ลุ่มหลงในหัวใจของทุกคน
“นายหญิง!”
ที่ด้านหลังลั่วหลี เงาร่างสองร่างที่หนุ่มแน่นคุกเข่าลงบนพื้น มือข้างหนึ่งแตะหน้าอก พวกเขาเฝ้ามองร่างอรชรเบื้องหน้าด้วยดวงตาสุกสว่างและความรักความเทิดทูนฉายในส่วนลึกของดวงตา
ลั่วหลีหันไปมองทั้งสองคน พวกเขาเป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลลั่วเสิน ถ้ามู่เฉินอยู่ที่นี่ก็จะสามารถจดจำทั้งสองได้ทันที เนื่องจากพวกเขาเป็นคนที่ติดตามลั่วเทียนเสินไปยังสำนักศึกษาเป่ยชาง
ลั่วชิงหยาและลั่วซิว
ช่วงเวลาหลายปีพวกเขาก็เติบโตขึ้นมากเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ด้วยวัยของพวกเขาแม้ว่าลั่วหลีจะให้การสนับสนุนทรัพยากร แต่ก็ปฏิเสธความโดดเด่นของพวกเขาไม่ได้
“จะต้องมีบางคนคิดทำลายพิธีเทพธิดาลั่วแน่นอน ข้าหวังว่าเจ้าสองคนจะสามารถขัดขวางพวกเขาได้” ลั่วหลีเอ่ยเสียงเบา
ภายใต้การสั่งการของนาง ลั่วชิงหยาและลั่วซิวแทบจะควบคุมกองทัพทั้งหมดของตระกูลลั่วเสิน พวกเขาทั้งสองมีอำนาจมากในกองทัพ
“ถ้าพวกข้ายังอยู่จะไม่ยอมให้หน้าไหนมาปรากฏตัวต่อหน้าท่านได้” ลั่วชิงหยายิ้มไม่มีการสั่นคลอนในเนื้อเสียงของเขาสักนิด
“แม้ตายพวกข้าก็จะใช้ศพขัดขวางศัตรูไว้ ไม่ให้มารบกวนท่านแน่” ลั่วซิวยิ้มกว้าง ทว่ารอยยิ้มกลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ลั่วหลียิ้มขณะที่ส่ายหัวเบาๆ “อย่าตายเลย”
ลั่วชิงหยาและลั่วซิวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ จากนั้นก็ผงกหัวรับแล้วทะยานกลับไปยังกองทัพ ครั้งนี้พวกเขาไม่ปล่อยกระทั่งแมลงวันเข้ามารบกวนลั่วหลีได้อย่างแน่นอน แม้จะต้องใช้ราคาชีวิตของพวกเขาจ่ายก็ตาม
หลังจากที่พวกเขาไปแล้วลั่วหลีก็กวาดสายตาไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ตรงนั้นเป็นกลุ่มคนที่นำโดยผู้อาวุโสสามคน ทั้งสามปล่อยพลังงานที่ผันผวนทรงประสิทธิภาพ บ่งบอกได้ว่าพวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น!
ทว่าลั่วหลีไม่มีความยินดีในสายตาสักนิดขณะที่มองผู้อาวุโสทั้งสาม ในทางตรงกันข้ามกลับมีไอเย็นยะเยือกวาบขึ้นในดวงตาของนาง เนื่องจากพวกเขาทั้งสามคนมาจากตระกูลสาขา
ในตระกูลลั่วเสินพวกเขามีอำนาจสูงสุดนอกเหนือจากราชวงศ์
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้จงภักดีต่อราชวงศ์ ตรงกันข้ามมีแต่คนพยายามลดบทบาทของราชวงศ์ หากไม่ใช่ลั่วทียนเสินยังยืนหยัด คนพวกนี้คงจะเข้ายึดบัลลังก์แล้ว
ดังนั้นในพิธีเทพธิดาลั่วนี้ ไม่เพียงแต่ลั่วหลีจะพึ่งพาพวกเขาไม่ได้ นางยังต้องคอยระวังพวกเขาด้วย
“ท่านลุงเทียนหลง” ลั่วหลีเรียกเสียงเบา
ที่เบื้องหลัง ชายวัยกลางคนที่แข็งแกร่งกำยำข้างลั่วเทียนเสินก้าวออกมาโค้งคำนับให้ เขาคือลั่วเทียนหลงหนึ่งในจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นของราชวงศ์
เมื่อก่อนเขาและบิดาของนางเป็นเพื่อนรักกัน ทว่าหลังจากที่บิดาของลั่วหลีเสียชีวิต ความวุ่นวายในตระกูลทำให้เขาผิดหวังจนแยกตัวออกไป แต่เมื่อลั่วหลีกลับมา นางลองไปเชิญเขาด้วยตัวเองหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจออกจากการปลีกวิเวกกลับมาที่ตระกูล
“ฝากท่านช่วยเฝ้าดูคนพวกนั้นอย่างใกล้ชิดด้วย” ลั่วหลีพูดกับลั่วเทียนหลง
ลั่วเทียนหลงเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นคนเดียว ดังนั้นจึงค่อนข้างตึงมือสำหรับเขาที่คอยกันจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามคนไว้ แต่สถานการณ์ปัจจุบันตระกูลลั่วเสินไม่มีตัวช่วยมากนัก เขาเป็นคนสุดท้ายที่นางขอให้ช่วยได้แล้ว
เมื่อลั่วเทียนหลงได้ยินคำพูดของนาง เขาก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ขอบคุณมาก” ลั่วหลีเผยยิ้มกว้างออกมา
ลั่วเทียนหลงหัวเราะ “ความช่วยเหลือยิ่งใหญ่ที่สุดของพ่อเจ้าคือการมีลูกสาวที่โดดเด่น ข้าเชื่อว่าด้วยมือของเจ้าตระกูลลั่วเสินจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม! ดังนั้นเจ้าให้ข้าทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ!”
เขาทะยานออกไปพลิ้วตัวลงระหว่างกลุ่มคนกับแท่นพิธึ จากนั้นก็จ้องมองไอ้งั่งสามคนด้วยจิตสังหารเข้มข้นที่ฉายขึ้นบนใบหน้าเพื่อเป็นการเตือน
ที่นั่นผู้อาวุโสทั้งสามมองลั่วเทียนหลงโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทางใด ก่อนที่จะหันไปมองร่างเงาบนแท่นพิธีด้วยสายตาซับซ้อน
หลังจากที่ลั่วเทียนหลงไปประจำตำแหน่งแล้ว ลั่วหลีก็หันไปหาลั่วเทียนเสินและพยักหน้าให้
“เริ่มเลยเจ้าค่ะ”
ลั่วเทียนเสินสูดหายใจลึกๆ การวางแนวป้องกันของลั่วหลีค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ ทว่าเขารู้ว่านี่ไม่ใช่พวกเดียวที่พวกเขาจะต้องป้องกัน ซึ่งลั่วหลีก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
พิธีเทพธิดาลั่วในครั้งนี้อาจเป็นครั้งที่อันตรายที่สุดในช่วงหลายปี
แต่ไม่ว่าจะอันตรายเพียงใดก็ไม่มีทางให้พวกเขาถอยอีกแล้ว
แสงหลิงหนาแน่นคลี่กระจายออกจากแท่นพิธี แท่นดอกบัวก่อตัวขึ้นใต้ฝ่าเท้าของลั่วหลี นางนั่งลงพร้อมกับเรือนผมสีเงินพลิ้วไหวไปกับสายลม ช่างเป็นภาพงดงามยิ่งนัก
ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองสายตาคาดหวังนับไม่ถ้วน ประชาชนทุกผู้ทุกนามล้วนปรารถนาให้นางประสบความสำเร็จ เพราะนี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลลั่วเสิน
ดังนั้นครั้งนี้นางจะล้มเหลวไม่ได้!
ลั่วหลีสูดหายใจลึก อึดใจก็กัดลิ้นโดยไม่ลังเล เลือดกลั่นไหลออกมาหยดลงมาจากท้องฟ้าทิ้งตัวสู่แม่น้ำลั่ว
ตู้ม!
เมื่อเลือดกลั่นไหลเข้าไป แม่น้ำทั้งสายก็กลายเป็นสีแดงแล้วเริ่มกวนตัว ประกายไฟสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากแม่น้ำ ก่อนที่พวกมันจะลอยขึ้นไปอาบไล้ร่างลั่วหลี
ทันใดนั้นชุดสีขาวของนางก็ถูกย้อมสีแดงเข้ม
สีแดงเข้มลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นเปลวไฟล้อมรอบร่างลั่วหลีพร้อมกับเสียงท่องคาถาโบราณดังขึ้นในฟ้าดิน
ทุกคนมองไปที่เปลวไฟสีแดงเข้ม หัวใจของพวกเขาก็เกร็งแน่น นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่า…
พิธีเทพธิดาลั่วได้เริ่มขึ้นแล้ว
บทที่ 1210 ดอกไม้เทพธิดาลั่ว
ฟู่ ฟู่!
เปลวไฟสีแดงเข้มแผดเผาห่อหุ้มร่างลั่วหลีไว้ มองจากที่ไกลนางดูราวกับเปลวไฟสีแดงเข้มที่ลุกโชนระหว่างชั้นฟ้าและชั้นดิน
แปะ
ทว่าขณะที่เปลวไฟล้อมรอบตัว เลือดกลั่นก็หลั่งไหลจากมือลงสู่แม่น้ำ
แม่น้ำลั่วเสินเกิดจากบรรพบุรุษผู้กล้าของตระกูล—ลั่วเสินหลังจากที่เสียชีวิตลง แม่น้ำนี้บรรจุพลังของลั่วเสินเอาไว้ แต่ต้องใช้สายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของราชวงศ์ในการกระตุ้น
เมื่อเลือดสดหยดลงไปในแม่น้ำ สีแดงก็เริ่มเข้มลึกขึ้นพร้อมกับเกลียวเพลิงสีแดงเข้มเต้นระริกพล่านเข้าหาร่างของลั่วหลี
ลั่วเทียนเสินยืนอยู่ทางด้านขวามือของลั่วหลีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขามองแม่น้ำลั่วที่อยู่เบื้องล่าง เล่าขานกันว่ายิ่งสายเลือดราชวงศ์ของตระกูลลั่วเสินบริสุทธิ์มากก็จะทำให้เกิดการสั่นพ้องจากแม่น้ำ โดยให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในพิธีได้รับพลังที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ลั่วหลีคือผู้สืบเชื้อสายตรงในปัจจุบันที่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขาทดสอบตั้งแต่นางแรกเกิด ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่าพิธีเทพธิดาลั่วครั้งนี้จะไม่เหมือนกับในอดีต
ลั่วเทียนเสินหรี่ตาลงมองไปที่ท้องฟ้าไกลออกไปด้วยแสงเย็นเยือก เขารู้ว่าศัตรูกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่ หากลั่วหลีทำให้พิธีเทพธิดาลั่วครั้งนี้เกินความคาดหมาย พวกศัตรูจะต้องลงมือทำลายอย่างแน่นอน
เขาไม่มีทางปล่อยให้พวกมันประสบความสำเร็จได้
นั่นเป็นเพราะลั่วหลีเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางตระกูลลั่วเสินที่นางพากเพียรรวมเป็นหนึ่งก็จะถูกทำลาย ในเวลานั้นตระกูลลั่วเสินก็จะถูกลบเป็นหน้าประวัติศาสตร์
แม้ว่าเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ก็ยังมีอาการบาดเจ็บมากมายในอดีตทิ้งไว้ ทำให้พลังของเขาลดลงตามบารมี มิฉะนั้นเขาคงทำให้ไอ้ลูกหมาสามตัวนั้นเชื่องไปแล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องบอกให้พวกที่พยายามขัดขวางพิธีเทพธิดาลั่วรู้ว่าแม้แต่เสือที่กำลังจะตายก็ยังมีเขี้ยวคม!
เมื่อความคิดนี้พุ่งเข้ามาในสมอง ใบหน้าของลั่วเทียนเสินก็เหี้ยมเกรียมด้วยรังสีสังหารที่พล่านในใจ
ซ่า!
ทันใดนั้นแม่น้ำลั่วก็เดือดปุด ก่อนที่ฟองอากาศสีแดงเข้มจะปรากฏขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำนี้ ทำให้ทุกคนพุ่งความสนใจมาทันที
ปัง!
ฟองอากาศแตกออก ริ้วแสงสีแดงเข้มลอยขึ้นก็ค่อยๆ ถักทอเป็นดอกไม้สีแดงขนาดเท่าฝ่ามือ
เปลวไฟร้อนระอุเต้นระริกบนดอกไม้ เหมือนจะมีโครงร่างบางบนทุกกลีบดอก แม้ว่าภาพจะพร่าเลือน แต่ก็เป็นความงามที่ทำให้ทุกคนมึนเมา
ขณะที่ดอกไม้เบ่งบาน สายเลือดที่ยิ่งใหญ่และโบราณก็เปล่งออกมา
เมื่อลั่วเทียนเสินและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ของตระกูลเห็นดอกไม้นี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยความยินดีท่วมท้น
“นั่นคือ…ดอกไม้เทพธิดาลั่ว!”
สมาชิกราชวงศ์บางคนอดส่งเสียงฮือฮาออกมาไม่ได้ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกตะลึง
พิธีเทพธิดาลั่วจะแสดงสัญญาณตามความบริสุทธิ์ของสายเลือด ซึ่งในตำนานสิ่งที่บริสุทธ์ที่สุดก็คือดอกไม้เทพธิดาลั่ว!
ดอกไม้เทพธิดาลั่วว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นจากเลือดบรรพบุรุษของพวกเขาลั่วเสินที่ละร่างไว้ในส่วนลึกของแม่น้ำ เฉพาะสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นได้
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของตระกูล การปรากฏของดอกไม้เทพธิดาลั่วสามารถนับได้ด้วยมือเดียว ไม่มีใครคาดหวังว่าจะได้มาเป็นประจักษ์พยานในวันนี้
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นทั้งสามคนจากตระกูลสาขาก็เผยท่าทางไม่อยากเชื่อและหวาดผวาบนใบหน้าเมื่อเห็นภาพนี้
“ทำไม…เป็นดอกไม้เทพธิดาลั่วได้?!” พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันขณะพูดเสียงตะกุกตะกัก พวกเขารู้ดีว่าสายเลือดของลั่วหลีบริสุทธิ์มาก แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่านางจะสามารถกระตุ้นดอกไม้เทพธิดาลั่วในพิธีครั้งนี้ได้
ใบหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปไม่หยุด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ พิธีเทพธิดาลั่วครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว หากนางสามารถได้รับมรดกของลั่วเสินจริงๆ ละก็ นางจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนและคงก้าวเกินจินตนาการของพวกเขาในอนาคตอีก
ไม่มีใครรู้ว่าลั่วหลีจะกลายเป็นเทพธิดาลั่วคนที่สองของตระกูลลั่วเสินหรือไม่
ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงตำแหน่งของนางจะไม่มีวันสั่นคลอน กระทั่งตระกูลสาขาของพวกเขาก็ต้องโค้งคำนับต่อนาง นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือตาแก่อย่างพวกเขาที่พยายามลากลั่วหลีลงมาจะต้องถูกจัดการแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แสงชั่วร้ายก็วาบผ่านดวงตาของพวกเขา
ขณะที่ฝ่ายอื่นๆ ของตระกูลลั่วเสินมีความคิดต่างกันไป ประชาชนที่มองดูดอกไม้สีแดงเข้มก็ส่งเสียงโห่ร้อง
พวกเขาทุกคนมีสายเลือดบางจางของเทพธิดาลั่วเสินไหลอยู่ในร่างกาย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกได้ถึงความเคารพนับถือที่มาจากส่วนลึกสายเลือด
ฉากนี้ไม่เคยปรากฏในพิธีเทพธิดาลั่วที่ผ่านมา ดังนั้นทุกคนจึงบอกได้ว่าพิธีในครั้งนี้จะต้องพิเศษน่าตระการตาแน่นอน
ภายใต้เสียงโห่ร้อง ดอกไม้เทพิดาลั่วก็ตกบนร่างลั่วหลี ทันทีนั้นเปลวไฟสีแดงเข้มที่ห่อหุ้มร่างของนางก็ขยายออก
ฟู่ ฟู่!
เสาเพลิงขนาดหลายร้อยจั้งพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเติมบรรยากาศด้วยกลิ่นเลือด
เมื่อเปลวไฟแผ่กระจายออก ทุกคนก็สามารถรู้สึกได้ว่าในร่างกายของลั่วหลีที่ถูกเปลวไฟห่อหุ้มเริ่มเปล่งความผันผวนคลื่นหลิงที่ทรงพลังออกมา
ขุมพลังของนางเริ่มไต่ขึ้นไปสู่ขอบเขตของระดับตี้จื้อจุน
เมื่อสังเกตเห็นการเติบโตขุมพลังของลั่วหลี ลั่วเทียนเสินก็ถอนหายใจโล่งอก
“ฮ่าๆ สมเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของตระกูลลั่วเสิน แค่พิธีเทพธิดาลั่วยังทำให้เกิดความปั่นป่วนขนาดนี้ได้” ทว่าทันทีที่ลั่วเทียนเสินถอนหายใจโล่งอก จู่ๆ เสียงหัวเราะก็ดังก้องขึ้น
ใบหน้าของลั่วเทียนเสินเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปหาที่มาของเสียง “ตระกูลเสี่ยเสิน—เสี่ยหลิงจื่อ!”
ท้องฟ้าสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานราวกับคลื่นโลหิตพล่านไปในภูมิภาคนี้
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีแดงเลือดปรากฏตัวขึ้นจ้องมองไปที่ลั่วเทียนเสิน รอยยิ้มฉายในดวงตาสีแดงเข้ม เขาประสานมือ “ได้ข่าวว่าตระกูลลั่วเสินกำลังทำพิธีเทพธิดาลั่ว ตระกูลเสี่ยเสินจึงมาที่นี่เพื่อเป็นประจักษ์พยาน”
วาบ!
กองทัพทั้งสองที่ประจำการอยู่ข้างแม่น้ำลั่วก็ระเบิดคลื่นทรงพลัง ลั่วชิงหยาและลั่วซิวมองแขกไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเย็นยะเยือก คลื่นหลิงพวยพุ่งในร่างกายของพวกเขาค่อยๆ หลอมรวมกับกองทัพที่เบื้องหลัง ปลดปล่อยรัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลังสองสายออกมา
ทั้งสองคนเป็นจั้นเจิ้นซือ!
ทว่าการควบคุมของพวกเขาอยู่ในระดับวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือเท่านั้น
ความโกลาหลแตกออก ทุกคนมองร่างเงานั้นด้วยความโกรธเกลียด ชิงชังและความหวาดกลัว ชัดว่าพวกเขาคุ้นหน้าแขกคนนี้ เนื่องจากคนที่มาก็คือประมุขตระกูลเสี่ยเสิน…เสี่ยหลิงจื่อ!
ชื่อเสียงเหม็นเน่าของเขาในดินแดนซีเทียนเล็กสามารถทำให้เด็กน้อยร้องไห้จ้าได้เลยทีเดียว
“ไสหัวไป! ตระกูลลั่วเสินไม่ต้อนรับแก!” ลั่วเทียนเสินจ้องไปที่เสี่ยหลิงจื่อขณะที่ตะเบ็งเสียง
คลื่นหลิงมหึมากวาดออกไป ทำให้มิติบิดเบือนอย่างรุนแรงพร้อมกับแรงกดดันที่น่ากลัวปกคลุมสวรรค์และโลก
“ฮ่าๆ ไม่มีซอกมุมไหนในดินแดนซีเทียนเล็กนี้ที่ตระกูลเสี่ยเสินไม่สามารถไปได้” ได้ยินเสียงคำรามของลั่วเทียนเสิน เสี่ยหลิงจื่อก็ยิ้มเยาะ
เมื่อเขาโบกมือ คลื่นโลหิตก็พวยพุ่งที่ด้านหลัง ร่างเงาห้าร่างก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งเมื่อปรากฏตัวก็ทำให้ทุกคนต้องสูดลมหายใจเย็นเข้าไปลึกสุดปอด
นั่นเพราะทั้งห้าคนมีความผันผวนของคลื่นหลิงที่ทรงพลังรอบตัว… นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นห้าคน!
“นั่นคือผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลเสี่ยเสิน ไม่คิดว่าครั้งนี้จะมากันหมดเลย!” ฝูงชนกลายเป็นความโกลาหลตามด้วยเสียงหวาดกลัว
ใบหน้าของลั่วเทียนเสินเขียวคล้ำ ดูเหมือนว่าตระกูลเสี่ยเสินตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำลายพิธีเทพธิดาลั่ว ถึงกับนำจอมยุทธ์ชั้นสูงทั้งหมดออกมา!
นอกจากนี้เขายังสามารถสัมผัสได้คลุมเครือถึงคลื่นหลิงที่ลึกซึ้งและทรงพลัง ซึ่งเขาคาดว่าน่าจะมาจากตระกูลลี่เสินและตระกูลกู่เสิน เพียงแค่ความขัดแย้งของพวกเขากับตระกูลลั่วเสินไม่ชัดเจน แต่ลั่วเทียนเสินรู้ว่าเมื่อไรที่พวกตนแสดงความอ่อนแอออกมา คนพวกนั้นก็จะไม่ลังเลที่จะเหยียบย่ำซ้ำเติม!
คราวนี้ตระกูลลั่วเสินตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว
เสี่ยหลิงจื่อยิ้มมองไปที่ลั่วเทียนเสิน ก่อนจะหันเหความสนใจไปที่ลั่วหลี “ตราบใดที่เจ้าเห็นด้วยที่จะให้ลั่วหลีแต่งเข้าตระกูลเสี่ยเสิน ตระกูลของข้าก็จะให้การสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่ตระกูลเจ้า”
“ลั่วเทียนเสิน ข้ามาด้วยความตั้งใจอันเป็นสันติ อย่าย้อมพื้นด้วยเลือดเลย”
ลั่วเทียนเสินมองเสี่ยหลิงจื่อโดยไม่มีริ้วอารมณ์ใด “ในเมื่ออยากจะรู้คำตอบนัก งั้นข้าจะบอกให้”
เขายกมือขึ้นโบกพร้อมกับเสียงเย็นที่เต็มไปด้วยไอสังหารระเบิดดังก้อง
“ค่ายกลแม่น้ำลั่ว!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น