หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1167-1168
บทที่ 1167 ศึกแรกกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน
โฮก!
ภายในโถงนักรบสังหารวิญญาณคำรามลั่นพร้อมกับรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มพวยพุ่งขึ้นมาจากศีรษะ ก่อตัวเป็นกลุ่มเมฆหนาทึบสีแดงเข้ม
ขนาดของรัศมีจั้นยี่ไปไกลเกินกว่ากองทัพใดๆ ที่มู่เฉินเคยบัญชาการ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ไม่กล้าดูถูก
มิติพังทลายลงพร้อมกับรอยแตกร้าวแผ่กระจายออกราวกับใยแมงมุม แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและครอบงำของรัศมีจั้นยี่
ผู้อาวุโสจั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูหินที่มีท่าทางไว้ตัวก่อนหน้าก็ถูกลบออกอย่างสมบูรณ์จากฉากน่าตกใจนี้
สายตาเขาเลื่อนขึ้นลงด้วยความไม่เชื่อระหว่างกลุ่มเมฆรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มและมู่เฉินที่ได้รับการคุ้มครองจากกองทัพสังหารวิญญาณ
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามู่เฉินจะมีความสามารถควบคุมกองทัพชั้นยอดได้จริงๆ
“เป็นไปได้ยังไง?!”
เสียงแหบของผู้อาวุโสจั่วแฝงความสั่นเครือ
สถานการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะรู้ตัวสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่เขาคิดว่าสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดายก็ระเบิดขึ้นด้วยพลังที่น่ากลัว
“ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้วนะ โชคดีที่ข้าบัญชาการกองทัพนี้ได้เต็มรูปแบบ” มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วที่การแสดงออกเปลี่ยนไป ความตื่นเต้นก็พล่านขึ้นในใจของมู่เฉิน
เมื่อก่อนทางเลือกเดียวของเขาคือหนีเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่วันนี้เขากลับสร้างความหวาดกลัวบนใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยการเผยไพ่ตายขึ้น
มู่เฉินจับป้ายกองทัพไว้แน่น แม้ตอนนี้จะต้องอาศัยกองทัพสังหารวิญญาณเพื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เขาก็มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
“ไอ้แก่ ตอนนี้ยังคิดจะมาขัดขวางข้าต่ออีกเหรอ?” มู่เฉินยิ้มตาหยี
“ไอ้เด็กบ้าหลงตัวเอง ข้าผ่านโลกมามากมายและนี่ก็เด็กเกินไปที่จะข่มขู่ข้าด้วยกองทัพ นอกจากนี้ใครจะรู้ว่าไอ้จอมเจ้าเล่ห์อย่างแกจะแค่ทำมั่นหน้าไหม?” ดวงตาของผู้อาวุโสจั่วมืดครึ้ม
เขาตกตะลึงกับไพ่ตายของมู่เฉิน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น จะถูกข่มขู่จากคำพูดของมู่เฉินได้อย่างไร?
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น”
เมื่อได้ยิน มู่เฉินก็ยิ้มพลางเอ่ย “งั้นก็ขอให้แกช่วยลิ้มลองพลังของกองทัพสังหารวิญญาณดูละกัน”
ตู้ม!
พูดจบมู่เฉินก็ก้าวออกไป เคลื่อนตัวเข้าไปในกองทัพสังหารวิญญาณก่อนจะนั่งลงหลับตา เขาปลดปล่อยคลื่นจิตหลอมรวมกับเมฆสีแดงเข้มไร้ขอบเขต
โฮก! โฮก!
เสียงคำรามดังก้องอยู่ในห้วงแห่งจิตเขาเมื่อคลื่นจิตหลอมรวมกับรัศมีจั้นยี่ ในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่น่าสยดสยองภายใต้การควบคุมของตนเอง
ครืน!
คลื่นสีแดงก่ำพัดออกไป มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ กดทับไปยังผู้อาวุโสจั่ว
แม้ว่าการโจมตีจะดูเรียบง่าย แต่มีเพียงผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทาน ตามการคาดการณ์ของมู่เฉิน ถ้าตอนนี้เป็นจาโหลหลัวและจู้เยี่ยนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า พวกเขาจะไม่มีแม้แต่ศพทิ้งไว้ต่างหน้า
นั่นเพราะคลื่นสีแดงอัดแน่นด้วยรัศมีจั้นยี่น่าสะพรึงกลัวของกองทัพสังหารวิญญาณ
คลื่นสีแดงเข้มขยายในม่านตา ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วก็ดูเคร่งขรึม เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่มีอยู่ในคลื่นสีแดงเข้ม แม้แต่เขาก็ไม่สามารถประมาทได้
“ไอ้สารเลว!”
ผู้อาวุโสจั่วกัดฟันแน่น งานง่ายๆ นี้กลายเป็นการรับหม้อไปได้แล้วเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสจั่วยื่นฝ่ามือออกจากแขนเสื้อ ผิวดูนุ่มนวลราวกับเด็กทารก ระหว่างนิ้วทั้งห้าก็มีประกายแสงราวกับหยก
เมื่อฝ่ามือยื่นออกมาก็ขยายขนาดเป็นพันจั้งพลางกดลง มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ กระแทกเข้ากับคลื่นสีแดงเข้มที่พุ่งเข้ามา
ตู้ม!
พลังงานสองสายซัดกันเปรี้ยงปร้างพร้อมกับเสาหินในโถงแตกระเบิด ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปทำให้มิติบิดเบี้ยวและแตกเป็นเสี่ยงๆ
พลังทำลายล้างของการปะทะที่ดูเรียบง่ายนี้เกินกว่าที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มออกกระบวนท่าวิทยายุทธระดับเสินทงเสียอีก
ร่างกายของผุ้อาวุโสจั่วสั่นสะท้านจากคลื่นกระแทก ก่อนที่จะถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมด้วยสีหน้ามืดมน
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบในการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่
ถ้าเขามีพลังในจุดสูงสุดก็ไม่กลัวกองทัพสังหารวิญญาณนี้ จะสู้หรือจะถอยก็ทำได้ตามต้องการ แต่เนื่องจากได้จ่ายราคามหาศาลสำหรับการเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล ทำให้พลังของเขาเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งในจุดสุดยอด
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต้านทานรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงได้อย่างสมบูรณ์
ตู้ม! ตู้ม!
มู่เฉินยังคงมึนเมากับพลังที่น่ากลัวของรัศมีจั้นยี่ที่โหยหา เขาสะบัดแขนเสื้อเมฆสีแดงเข้มร้อนระอุก็ม้วนตัวพลางควบแน่นเป็นหอกสีแดงเข้มจำนวนนับไม่ถ้วน
หอกถูกปกคลุมด้วยลวดลายจั้นเหวิน ซึ่งมีหลายแสนเล่มและทุกเล่มก็บรรจุด้วยพลังที่สามารถข่มขู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้
“ไป!”
มู่เฉินตวัดนิ้ว พายุหอกก็ทะยานออกไปพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสจั่ว
“รูปแบบฟ้าดิน!”
แสงสีแดงเจาะทะลุฟ้าดิน ราวกับว่าระยะทางไม่เป็นอุปสรรค ผู้อาวุโสจั่วก็ไม่กล้าผ่อนคลาย เขากระทืบเท้าพร้อมเสียงคำราม คลื่นหลิงระหว่างสวรรค์และโลกรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นภูเขาสูงตระหง่านที่เบื้องหน้า
ภูเขาระยิบระยับด้วยห้าสีก่อตัวจากคลื่นหลิงบริสุทธิ์ที่อยู่ระหว่างสวรรค์และโลกด้วยรูปแบบที่แท้จริง ราวกับว่าได้สร้างภูเขาคลื่นหลิงขึ้นมาจากความว่างเปล่า
ซึ่งนี่เป็นกลยุทธ์เอกลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ภูเขานั้นคล้ายกับโล่ปิดกั้นหอกอย่างสมบูรณ์
ทว่าภูเขาก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อจากการโจมตีและสุดท้ายก็พังทลายลง
“ไอ้เวร คิดว่าข้าจะจัดการแกไม่ได้จริงเรอะ?” หลังจากถูกมู่เฉินโจมตีใบหน้าของผู้อาสุโสจั่วก็เปลี่ยนมืดครึ้ม เขาเค้นเสียงเย็น ฝ่ามือที่ราวกับหยกก็พลิกขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็ชี้นิ้วออก
เมื่อเขาพลิกมือ มู่เฉินก็รู้สึกว่าฟ้าดินหดขนาดลง ขณะที่ความมืดปกคลุม เสามหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าซัดใส่ตัวเขาที่ได้รับการปกป้องจากกองทัพสังหารวิญญาณ
ความแข็งแกร่งของการโจมตีจินตนาการไม่ได้ หากมู่เฉินไม่มีกองทัพสังหารวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี
“เฮ้ ถ้าแกอยู่ในจุดสุดยอดอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะเอาชนะ แต่ในสถานะปัจจุบันที่มีแกทำอะไรได้บ้าง?” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเขารู้ว่าเสานั้นถูกสร้างขึ้นจากดัชนีของผู้อาวุโสจั่ว
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึก อึดใจดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับคำราม “กองทัพสังหารวิญญาณ—ฆ่า!”
ตู้ม!
นักรบสังหารวิญญาณสองพันนายลืมตาโพลง เงยหน้าขึ้นมองเสามหึมาพร้อมกับรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มพุ่งออกมาจากดวงตากวาดล้างไปทั่วท้องฟ้า
ปัง!
รัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มกวาดออก เสาก็ระเบิด
ความมืดจางหายไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉินก็พบว่าได้กลับมาสู่ห้องโถง ความมืดโดยรอบเมื่อครู่ราวกับภาพลวงตา เขาเห็นนิ้วของผู้อาวุโสจั่วสั่นเทิ้มมีเลือดไหลออกมา
การควบคุมรูปแบบฟ้าดินด้วยนิ้วเดียวที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นี่คือระดับตี้จื้อจุนแท้จริง
ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกายด้วยความอิจฉา ถ้าไม่ใช่รัศมีจั้นยี่ของกองทัพสังหารวิญญาณครอบงำเกินไป เขาคงไม่สามารถหนีรอดออกมาได้
ในการปะทะกันสั้นๆ เขาก็ได้สัมผัสกับพลังของระดับตี้จื้อจุนด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจะเผชิญหน้าได้
แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะจบศึก
มู่เฉินเลียริมฝีปากพลางยิ้มบางให้ผู้อาวุโสจั่ว “แม้ว่าข้าอยากจะสัมผัสกับพลังระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกสักหน่อย แต่เวลาของข้ามีค่ามาก ดังนั้นถึงเวลาที่จะจบลงแล้ว”
มู่เฉินกัดปลายนิ้วแล้ววาดไปในมิติก่อร่างอักขระโบราณ
“ค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ!”
อักขระโลหิตตกลงไปในเมฆสีแดงเข้ม ทันใดนั้นแสงมันวาวก็พุ่งออกมา ก่อตัวเป็นค่ายกลสงครามขนาดใหญ่อย่างคลุมเครือ
เมื่อผู้อาวุโสจั่วเห็นค่ายกลสงครามนี้ ใบหน้าก็น่าเกลียดลงอย่างสมบูรณ์
นั่นเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความตายจากมัน
บทที่ 1168 ร่างเวทสวรรค์
ซ่า ซ่า!
เกลียวแสงสีแดงพวยพุ่งออกมาจากเมฆแดงก่ำเหนือกองทหารสังหารวิญญาณ เชื่อมโยงกันและกัน พร้อมกับมีความผันผวนน่ากลัวเล็ดลอดออกมา
พร้อมด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด ตราประทับในมือมู่เฉินก็เปลี่ยนแปลง รัศมีจั้นยี่รวมตัวกันถักทอเป็นค่ายกลสงครามขนาดใหญ่ในโถง
นั่นคือค่ายกลสงคราม!
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกองทัพนี้เรียกว่าค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ!
มู่เฉินไม่แปลกตากับค่ายกลสงครามนี้ เนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแปดคนถูกล้างผลาญด้วยค่ายกลนี้ แสดงให้เห็นว่ามันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แม้ว่ากองทัพสังหารวิญญาณจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด แต่ผู้อาวุโสจั่วก็ไม่อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งแปดคนที่ถูกกำจัด
ดังนั้นเมื่อแสงสีแดงปกคลุมไปทั่วโถง ค่ายกลสงครามที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏ ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วก็มืดครึ้มลงผิดปกติ
เปลือกตาเขาสั่นระริก ลึกลงไปในสายตาเผยให้เห็นความหวาดผวา
สถานการณ์นี้ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเขา เขาไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยที่สามารถกระทืบจมดินได้ง่ายๆ จะกลายร่างเป็นพยัคฆ์ร้าย
เขารู้สึกถึงไอแห่งความตายที่มาจากค่ายกลสงคราม ซึ่งเขาอาจตายได้หากไม่ระวัง
ผู้อาวุโสจั่วรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลกร้ายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากตัวเขากำลังถูกบีบจากจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มไปที่ขอบเหวความตาย
แต่ไม่ว่าในใจเขาจะรู้สึกเป็นเรื่องตลกเพียงใด เขาก็รู้ดีว่าหากไม่ทำอะไรเพื่อตอบโต้ เขาได้ตายที่นี่จริงๆ
“ไอ้เวร อย่าทำเกินไปนัก!”
ผู้อาวุโสจั่วคำราม จากนั้นก็กระทืบเท้า คลื่นหลิงระเบิดออกจากร่างกายรวมตัวเป็นเงาเบื้องหลังที่ราวกับสามารถเอื้อมจับท้องฟ้าได้
ขณะที่เงาแสงนั้นหายใจทั่วทั้งสวรรค์และโลกก็ถูกยับยั้ง
มู่เฉินมองไปที่ร่างเงาขนาดใหญ่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่านี่น่าจะเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ผู้อาวุโสฝึกฝน
เมื่อร่างเทห์สวรรค์ปรากฏ ผู้อาวุโสจั่วก็อ้าปากคำราม ฉากไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้น ร่างขนาดใหญ่ถูกดูดเข้าไปในปากของเขา
ผู้อาวุโสจั่วกลืนกินร่างเทห์สวรรค์ของตัวเองเหรอนั่น?!
ตู้ม! ตู้ม!
ขณะที่มู่เฉินกำลังประหลาดใจ ร่างกายของผู้อาวุโสก็เริ่มขยาย ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็นร่างสูงพันจั้งปกคลุมไปด้วยลวดลายที่ประกอบขึ้นจากคลื่นหลิง
ฮา!
ผู้อาวุโสจั่วยืนตระหง่านระหว่างสวรรค์และโลก ลมหายใจพรูออกปากพร้อมกับพายุฟ้าคะนองป่าเถื่อน
ในตอนนี้ผู้อาวุโสจั่วราวกับเป็นราชันผู้สร้างที่นี่
“นี่ก็คือร่างเวทสวรรค์ในตำนานที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งได้เรอะ?” มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วก็อดหายใจเข้าลึกไม่ได้
กล่าวกันว่าเมื่อเข้าสู่ขอบเขตระดับตี้จื้อจุนร่างเทห์สวรรค์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงและสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างกายของพวกเขาได้ ซึ่งนั่นจะไม่ได้เรียกว่าร่างเทห์สวรรค์ แต่เป็นร่างเวทสวรรค์
ร่างเวทสวรรค์ วาจากฎฟ้าดิน
“สกัดคลื่นหลิง!”
ผู้อาวุโสจั่วชี้ไปที่มู่เฉินขณะคำราม
ความผันผวนแปลกประหลาดแพร่กระจายออกไป มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหลิงในภูมิภาคนี้เกิดการปฏิเสธเขา นี่ทำให้เขาไม่สามารถดูดซับคลื่นหลิงระหว่างฟ้าดิน
“นี่คือวาจากฎฟ้าดินของระดับตี้จื้อจุนเรอะ?”
ใบหน้าของมู่เฉินกลายเป็นเคร่งเครียด ถ้าเขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มธรรมดาๆ แค่วาจาของจอมยุทธ์ระดับนี้แม้แต่กฎฟ้าดินก็ต้องทำตาม ซึ่งทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้
มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับตี้จื้อจุนกับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มอย่างแท้จริง
ทว่าโชคดีที่เขาไม่ได้ตั้งใจพึ่งพาคลื่นหลิงในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่เลือกใช้รัศมีจั้นยี่ ซึ่งชัดว่าผู้อาวุโสจั่วยังไม่สามารถแยกเขาออกจากรัศมีจั้นยี่กองทัพสังหารวิญญาณได้
“สายฟ้า!”
ผู้อาวุโสจั่วคำราม สายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในบริเวณนี้ซึ่งบรรจุด้วยพลังทำลายล้างกวาดเข้าหามู่เฉิน
เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่กล้าผ่อนคลาย เข้าควบคุมรัศมีจั้นยี่ทันทีเพื่อสร้างการป้องกันคล้ายกับกระดองเต่าปกป้องเขาพร้อมกับค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
การโจมตีดุร้ายเข้าโรมรันอย่างต่อเนื่อง ชั้นรัศมีจั้นยี่ถูกผลักกลับ แต่กระนั้นเมฆโลหิตก็ยังพุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ลม! ไฟ! ภูเขา!”
ผู้อาวุโสจั่วปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงขึ้น คลื่นหลิงทั่วบริเวณก็เริ่มเคลื่อนไหวจากการถูกสั่งการ ก่อตัวเป็นการโจมตีที่น่ากลัวกวาดไปยังมู่เฉิน
ภายใต้การโจมตีนี้ รัศมีจั้นยี่ก็ถูกผลักกลับมาอย่างต่อเนื่อง
แต่มู่เฉินไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว แม้ว่าผู้อาวุโสจั่วจะใช้ร่างเวทสวรรค์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายการป้องกันของรัศมีจั้นยี่
ผู้อาวุโสจั่วก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน ใบหน้าเขาจึงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มด้วยความไม่เต็มใจผสมด้วยความโกรธในดวงตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะไม่สามารถปราบปรามมู่เฉินได้ แม้จะใช้มีร่างเวทสวรรค์ก็ตาม
ในที่สุดการโจมตีก็ค่อยๆ อ่อนลง
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วอย่างไม่แยแส จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ เมฆสีแดงเข้มเริ่มสลายเผยให้เห็นค่ายกลสงครามสีแดงเข้มที่เสร็จสมบูรณ์
“ในเมื่อเจ้าโจมตีไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงตาข้าบ้าง ตาเฒ่าจั่วลองลิ้มรสค่ายกลสงครามข้าดูหน่อย”
มู่เฉินยิ้มแต่ในสายตากลับเย็นชาอย่างยิ่ง เขากำหมัดแน่น แสงโลหิตไม่สิ้นสุดก็พุ่งออกมาจากค่ายกลสงครามทำให้ทั่วบริเวณถูกย้อมด้วยสีแดง
แสงโลหิตกระจายออกมาอย่างต่อเนื่องพยายามที่จะห่อหุ้มร่างผู้อาวุโสจั่วไว้ภายใน
เมื่อเขาตกอยู่ในนั้น มู่เฉินก็จะกระตุ้นค่ายกลสงครามให้เปิดใช้งานเต็มที่
แสงสีแดงขยายในม่านตาผู้อาวุโสจั่วอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ไม่กี่อึดใจเขาก็หายใจเข้าลึก เริ่มหดตัวลงสู่ขนาดเดิม จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยว ร่างกลายเป็นริ้วแสงทะยานขึ้น
ปัง!
หลังคาโถงแตกออก จากนั้นมู่เฉินก็อึ้งไปเมื่อมองร่างแสงหายไปวับจากสายตา
ผู้อาวุโสจั่ว…หนีไปแล้ว?!
มู่เฉินตกตะลึงกับภาพนี้ นั่นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเชียวนะ? เลือกหนีแบบนี้เลยเรอะ?
มู่เฉินใช้เวลาพักใหญ่ฟื้นจากอาการตื่นตะลึงจากนั้นก็รู้สึกเซ็ง เขายังไม่ทันใช้ไพ่ตายกองทัพสังหารวิญญาณด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายตาเฒ่านั่นดันเลือกที่จะหลบหนี
นี่ทำให้มู่เฉินมีความรู้สึกเหมือนต่อยฝ้าย
“เด็ดขาดจริง…”
มู่เฉินถอนหายใจจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่มีความลังเลแท้จริง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อตนเองก็เลือกการกระทำที่มีเหตุผลที่สุด
ผู้อาวุโสจั่วอยู่ในสภาพย่ำแย่อยู่แล้ว หากสู้ต่อไปอาจทำให้มู่เฉินต้องจ่ายราคาบางส่วน แต่คนที่จะได้รับผลกระทบหนักสุดก็เป็นตัวเขาเอง บางทีอาจจะจบชีวิตลงด้วยซ้ำ
ดังนั้นหลังจากชั่งน้ำหนักผลประโยชน์แล้ว เขาจึงเลือกชีวิตเหนืองาน
ต่อให้ลู่หยวนจะลงโทษ ก็คงไม่เอาชีวิตไปแน่ แต่มู่เฉินกล้าที่จะพรากชีวิตเขาไป
“น่าเสียดาย”
มู่เฉินส่ายหัวด้วยความเซ็ง ตอนแรกเขาก็ต้องการสัมผัสว่าค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณทรงพลังเพียงใด
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน เพราะการสู้ศึกมรณะกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่ใช่เรื่องสบาย ดังนั้นจึงเป็นผลดีที่ผู้อาวุโสจั่วหลบหนีไป
บีบบังคับให้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหลบหนี หากข่าวนี้กระจายไปในทวีปเทียนหลัว คงจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โชคลาภยิ่งใหญ่
มู่เฉินถอนหายใจก่อนที่จะเรียกรัศมีจั้นยี่และยกป้ายขึ้นมาเก็บกองทัพสังหารวิญญาณจากนั้นเขาก็เดินมาที่เบื้องหน้าประตู
ร่างหลักของมั่นถัวหลัวน่าจะอยู่หลังประตูบานนี้
มู่เฉินร่างกายเกร็งขึ้นจากนั้นก็ไม่ลังเลยื่นมือออกมาดันประตูออก
เมื่อประตูเปิดรัศมีเวิ้งว้างก็พัดปะทะใบหน้าของเขา
มู่เฉินมองเข้าไปก็เห็นดอกไม้สีดำสนิทน่าหลงใหลที่ปลายห้องโถงที่เสียหาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น