หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1143-1148
บทที่ 1143 จับ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
จิตทะเลสาบสวรรค์ราวกับดวงดาวพริบพราวต่อเนื่อง ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่ผิวทะเลสาบโดยรอบ เปล่งความผันผวนที่น่ากลัวและครอบงำของคลื่นหลิงออกมา
มู่เฉินมองไปที่จิตทะเลสาบเปล่งประกาย ใบหน้าก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน ความสามารถในการโจมตีของจิตทะเลสาบเหล่านี้ ทำให้เขาผวาอยู่หน่อยๆ
ตามการคาดการณ์ของเขาการโจมตีทุกครั้งคล้ายกับการโจมตีโดยจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากอยู่กลางทะเลสาบ จิตเหล่านี้ก็ยิ่งขยายพลังจนน่ากลัวมากยิ่งขึ้น!
หลังจากได้สัมผัสพลังจิตเหล่านี้ เขาก็รู้ซึ้งว่าการรับการชำระล้างในทะเลสาบสวรรค์ยากเย็นเพียงใด
นั่นเป็นเพราะแม้แต่ขั้นต่ำสุดของการชำระล้างก็ต้องเก็บจิตทะเลสาบให้ได้สามสิบดวง ถ้าต้องการขั้นสมบูรณ์ที่สุดก็ต้องเก็บถึงร้อยดวงเลยทีเดียว!
ตอนนี้กระทั่งจิตดวงเดียวยังยากที่จะจัดการ แล้วถ้าจะเอาสามสิบดวงคงจุกจนพูดไม่ออกแน่
แม้หัวใจจะคร่ำครวญกับพิธีชำระล้างนี้ แต่มู่เฉินก็ไม่ได้ย่อท้อสักนิด ม่านตาสีดำวูบไหวด้วยความแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง เขาผ่านประสบการณ์นับไม่ถ้วนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าการชำระล้างในทะเลสาบสวรรค์จะยากเย็นเพียงใด คนอย่างมู่เฉินก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
ฮึ่ม!
เมื่อดวงตาของมู่เฉินฉายแววใจเด็ด จิตทะเลสาบก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง วินาทีถัดมาก็ระเบิดออกพร้อมแสงกว้างหมื่นจั้งราวกับลูกแสงซัดลงมาหามู่เฉินอย่างดุเดือด
การปะทะที่ดูเรียบง่ายกลับบรรจุไปด้วยความผันผวนรุนแรง ทำให้เวิ้งน้ำโดยรอบสาดซัดออกไป
การปะทะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ!
“ปล่อยให้มันโจมตีม่านแสงไม่ได้อีกแล้ว”
ดวงตามู่เฉินวาวแสง ป้ายมังกรทองคำเป็นวัตถุเดียวที่สนับสนุนการเดินทางในทะเลสาบสวรรค์ ถ้าถูกทำลายก็หมายความว่ากระบวนการที่นี่จะจบลง
ตู้ม!
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ พื้นผิวร่างกายของมู่เฉินก็ระเบิดออกด้วยแสงสีทองพร่างพราว ขณะเดียวกันเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ก้องกังวาน ก่อนที่จุดจื้อจุนไห่จะปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังพร้อมกับคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลพุ่งพรวดออกมา
มู่เฉินกำมือแน่น หอกสงครามมังกรแดงเผยขึ้น ปลายหอกสั่นสะท้านด้วยประกายไฟสีแดงที่แล่นแปลบปลาบออกมา ทำให้ดูราวกับมังกรพุ่งเข้าหาจิตทะเลสาบ
ปัง!
พลังสองสายปะทะกันอย่างหนักหน่วง คลื่นกระแทกกระจายออกมาบ้าคลั่ง ทำให้ผิวทะเลสาบใกล้เคียงบีบตัวเป็นสูญญากาศ
ครืน!
แต่ครั้งนี้จิตทะเลสาบไม่สามารถโจมตีมู่เฉินได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าหอกสงครามจะส่งเสียงครวญครางจากการปะทะ แต่ก็ยังสามารถผลักจิตทะเลสาบถอยร่นไปร้อยจั้ง
มู่เฉินไม่มีริ้วความยินดีบนใบหน้า แต่กลับเพิ่มสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นไปอีก นั่นเป็นเพราะเมื่อจิตทะเลสาบถูกกระแทกกลับไป มันก็พุ่งมาข้างหน้าอีกครั้งด้วยท่าทางที่ดุร้ายยิ่งกว่าเดิม!
คราวนี้น้ำเชี่ยวกรากโถมตัวขึ้นราวกับมังกรวารีโฉบลง
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเทลงไปในหอกสงครามต่อเนื่อง ก่อนหอกจะกลายเป็นลำแสงสีแดงเข้มยิงออกไป
ขณะเดียวกันดวงตาที่สามก็เปิดขึ้นที่กลางหน้าผากของมู่เฉิน แสงสีดำรวมตัวเป็นลำแสงยิงออกไป เล็งไปที่จิตทะเลสาบประสานพลังกับแสงสีแดงเข้ม
ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธเสมือนมหสวรรค์ทั้งสอง จิตทะเลสาบก็ถูกผลักร่นไปอีกครั้ง ความสว่างไสวเหมือนจะได้รับผลกระทบจนหม่นแสงลงเล็กน้อย
“จัดการยากจริงๆ” มู่เฉินขมวดคิ้วกับภาพตรงหน้า ไม่คิดว่าอาวุธเสมือนมหสวรรค์สองชิ้นจะทำให้จิตทะเลสาบสูญเสียพลังได้เล็กน้อยเท่านั้น
ซ่า ซ่า!
แต่ก่อนที่มู่เฉินจะได้ไตร่ตรองกับเรื่องนี้ จิตทะเลสาบดูเหมือนจะคลั่งขึ้นจากการถูกตีกลับไปมาหลายครั้ง ยามนี้มันราวกับหมาบ้าพุ่งเข้าหามู่เฉิน
เผชิญหน้ากับความบ้าคลั่งนี้ มู่เฉินก็เปิดการตอบโต้ด้วยหอกสงครามมังกรแดงและเนตรดับชีวิต เพื่อผลักมันออกไปอีก
ปัง! ปัง!
คลื่นกระแทกป่าเถื่อนกวาดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำในทะเลสาบหนาแน่นดันตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันดุเดือดซึ่งกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่ประกายแสงของจิตทะเลสาบจะเริ่มจางและช้าลง
เมื่อเทียบกับก่อนหน้าจิตทะเลสาบดวงนี้มืดมนนัก ซึ่งดูเหนื่อยล้าอย่างมากจากการต่อสู้
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เขาหายใจกระชั้นขึ้น บนหน้าผากก็มีเหงื่อไหลออกมา
ชัดว่าเขาหมดพลังไปมากในการเผชิญหน้ากับจิตทะเลสาบ แต่โชคดีที่ทะเลสาบสวรรค์เต็มไปด้วยพลังงานหลิง เขาสามารถฟื้นตัวได้ในขณะที่ต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเขาคงม่อยไปแล้วเช่นกัน
ฮึ่ม ฮึ่ม
จิตทะเลสาบสวรรค์สั่นไหวไม่หยุด แต่ชัดว่าตอนนี้มันไม่ได้ทรงพลังเหมือนก่อนหน้า ทันใดนั้นก็เปลี่ยนทิศทางหนีไปเนื่องจากตระหนักได้ว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเพียงใด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมันจะต้องหมดแรงและถูกจับอย่างแน่นอน
แม้มันจะเป็นเพียงรูปแบบพลังงาน แต่ก็มีสติปัญญาอยู่บ้าง
“จะไปไหน?”
ทว่ามู่เฉินที่เหน็ดเหนื่อยมาหนึ่งชั่วโมงก็ไม่คิดปล่อยให้มันหนีไปได้ง่ายๆ เขาเตรียมการพร้อมไว้แล้ว ดังนั้นลำแสงหลิงห้าสายก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วราวกับตาข่าย พันธนาการรอบจิตทะเลสาบก่อนที่จะดึงกลับมา
จิตทะเลสาบดิ้นรนบ้าคลั่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ถูกมู่เฉินดึงกลับมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกลุ่มแสงแวววาวขนาดเท่ากำปั้นทารกตกลงมาในมือเขา
เมื่อแสงหลิงแวววาวรวมตัวกันก็ก่อตัวเป็นก้อนอัญมณีโปร่งใสในมือของมู่เฉิน อัญมณีนี้ดูเหมือนจะมีของเหลวจากทะเลสาบสวรรค์อยู่ข้างในพร้อมกับความผันผวนที่บริสุทธิ์และไร้ขอบเขตเล็ดลอดออกมา
“นี่คือรูปแบบแท้จริงของจิตทะเลสาบเหรอ?” มู่เฉินจ้องมองก้อนอัญมณีก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ ของขี้ปะติ่วนี้สร้างปัญหาให้เขามากเลยทีเดียว
มู่เฉินเก็บจิตทะเลสาบสวรรค์อย่างระมัดระวัง แม้ว่าสุดท้ายจะได้มา แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขมากนักเนื่องจากไม่พอใจกับอัตราการเก็บเกี่ยวนี่มาก
ในหนึ่งชั่วโมงเขาได้รับเพียงหนึ่งดวงเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเหนื่อยมาก อัตรานี้แม้ว่าจะใช้เวลาทั้งวันในการตามล่าก็หาได้ไม่กี่ดวงเท่านั้น ถ้าเขาอยากจะได้สามสิบดวงก็ต้องใช้เวลาห้าถึงหกวัน… และถ้าต้องการได้รับการชำระล้างสมบูรณ์แบบเขาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน!
ถ้าเป็นเวลาปกติ มู่เฉินก็ไม่สนใจที่จะทำอย่างช้าๆ แต่เขาไม่รู้ว่าทะเลสาบสวรรค์จะเปิดนานแค่ไหน ดังนั้นเขาต้องรวบรวมจิตทะเลสาบเหล่านี้ให้เร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้และเริ่มการชำระล้าง
ขณะที่มู่เฉินครุ่นคิดก็เงยหน้าขึ้นเห็นร่างแสงบนท้องฟ้า แต่ละคนบินไล่จับจิตทะเลสาบกันอลหม่าน
ทว่าสภาพดูน่าสมเพชอย่างยิ่ง เผชิญหน้ากับจิตทะเลสาบดุร้ายนอกเหนือจากจอมยุทธ์บางคนแล้ว ส่วนใหญ่ถูกบีบให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
ดังนั้นบางคนจึงจับกลุ่มกันเพื่อตามล่า แต่ประสิทธิภาพจะช้าลงและการสูญเสียจะยิ่งมากขึ้น
บางคนยอมแพ้หลังจากล้มเหลวหลายครั้งก่อนที่จะค้นหาสถานที่ฝึกฝน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดชำระล้างอีกและเลือกที่จะเพาะบ่มขุมพลังที่นี่แทน
ตอนนี้ทั้งทะเลสาบสวรรค์คึกคักมากเลยทีเดียว
มู่เฉินเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนสายตาและพึมพำ “ข้าต้องคิดหาวิธีอื่นแล้วแหละ”
หากเขายังใช้วิธีก่อนหน้าต่อไปก็คงจะเกินทนถ้าต้องการรวบรวมจิตทะเลสาบสวรรค์สามสิบดวง
ทว่าหากเขาต้องการจิตทะเลสาบก็ต้องทำให้พลังงานหมดไปก่อนที่จะจับพวกมันได้โดยไม่มีทางเลือกอื่น
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัว แต่มู่เฉินไม่ได้ใจร้อน เขานั่งบนเรือล่องลอยบนสายน้ำไปอย่างช้าๆ เขาได้เห็นจิตทะเลสาบเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบเคลื่อนไหว เขาเลือกที่จะสังเกตอย่างเงียบๆ
จิตทะเลสาบสวรรค์ไม่ใช่รูปแบบพลังงานปกติ พวกมันเกิดจากทะเลสาบสวรรค์โดยมีสติปัญญาอยู่บ้าง ดังนั้นจึงต้องมีรูปแบบอยู่ภายใน
เวลาผ่านไปภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน ก่อนครึ่งวันจะผ่านไปในพริบตา
ถึงจุดหนึ่งที่มู่เฉินจดจ่ออยู่ก็เกิดประกายแวววาวในดวงตา ทันใดนั้นมือเขาก็กำแน่นขณะที่รอยยิ้มแขวนอยู่ที่มุมปาก
เขาโบกมือขณะยืนขึ้นบนเรือและบ่นพึมพำกับตัวเอง “หวังว่าจะได้ผลนะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้ามู่เฉินหลังจากเข้ามาที่นี่ หากสิ่งที่เขาสังเกตเห็นมีประโยชน์ก็คงเป็นไปได้ที่จะรวบรวมจิตทะเลสาบสวรรค์สามสิบดวง
อาจมากถึงที่ว่าถ้าเป็นไปอย่างราบรื่นเขาอาจจะคว้าขั้นสมบูรณ์ของการชำระล้างก็ได้!
บทที่ 1144 เก็บเกี่ยวยิ่งใหญ่
มู่เฉินยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำ
ขณะสายตามองทะเลสาบสวรรค์ที่มีชีวิตชีวา ทว่าเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่เดียวแต่หัวเรือกลับเคลื่อนเข้าไปในส่วนลึก
เขาต้องการทดสอบว่าความคิดของตนเองถูกต้องไหม
เนื่องจากคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต ทะเลสาบสวรรค์จึงเต็มไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว ยิ่งลึกลงไปแรงกดดันก็จะหนาแน่นมากขึ้น ป้ายศิษย์ธรรมดาไม่สามารถเข้ามาลึกมากได้ แต่โชคดีที่มู่เฉินมีป้ายมังกรทองคำซึ่งทำให้เขาเดินทางได้อย่างอิสระในทะเลสาบสวรรค์
ขณะที่เขามุ่งหน้าไปลึกขึ้น จำนวนผู้คนก็ลดลงเช่นกันก่อนที่เขาจะเลือกสถานที่เงียบสงบปักหลัก
เขานั่งลงบนเรือนิ้วทั้งสิบขยับเบาๆ สัญลักษณ์หลิงยิ่งพวยพุ่งออกจากปลายนิ้วยิงออกไปรวมเข้ากับชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาสิบกว่าลมหายใจค่ายกลก็ก่อร่างขึ้นที่เบื้องหน้าแล้ว
ค่ายกลนี้ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตี เนื่องจากเป็นค่ายกลบรรจบจิต
นี่เป็นเหยื่อล่อที่เขาสร้างขึ้นจับปลาจิตทะเลสาบ
จากการสังเกตเมื่อสักครู่มู่เฉินตระหนักว่าการปรากฏตัวทุกครั้งของจิตทะเลสาบจะเป็นสถานที่ที่มีคลื่นหลิงหนาแน่นมาก เห็นได้ชัดว่าจิตเหล่านั้นมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีคลื่นหลิงหนาแน่นโดยสัญชาตญาณเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของมัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้มู่เฉินก็ไม่ต้องออกค้นหาพวกมันอย่างขมขื่น เพราะเขาสามารถตั้งค่ายกลที่มีพลังงานหลิงหนาแน่นเพื่อล่อจิตทะเลสาบเข้ามาในกับดัก
แน่นอนว่าเมื่อมีเหยื่อก็ต้องมีอวน
มู่เฉินมองไปที่ค่ายกลบรรจบจิตก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เส้นสายผนึกจะบินฉวัดเฉวียนออกมารวมเข้ากับชั้นบรรยากาศอีกครั้ง
เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งบินออกไปอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลก็ถักทอขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทว่ามู่เฉินไม่ได้เปิดใช้งานทันที กลับซ่อนไว้ก่อนที่จะสร้างค่ายกลขึ้นอีกหลายชั้น
ค่ายกลเหล่านี้อยู่ในระดับเทียนเท่านั้น ดังนั้นมู่เฉินต้องชดเชยคุณภาพด้วยปริมาณ แน่นอนว่าหากต้องการจัดการกับจิตทะเลสาบที่เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแค่ค่ายกลระดับนี้อย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ
ดังนั้นหลังจากสร้างค่ายกลระดับเทียนสิบกว่าค่ายกล มู่เฉินก็หายใจเข้าลึกใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกจากมือ เต้นระริกบนท้องฟ้าก่อนที่จะรวมเข้ากับชั้นบรรยากาศด้านนอกค่ายกลค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ค่ายกลนี้ทำให้มู่เฉินเสียเวลาไปพอสมควร เพราะนี่คือค่ายกลระดับจงซือที่ไม่สมบูรณ์—ค่ายกลย์เก้าเทพมังกรประหาร
เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งผนึกสุดท้ายรวมเข้ากับชั้นบรรยากาศ มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าพวกมันเริ่มเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
เขามองขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แม้ว่าสถานที่จะดูสงบ แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามีถ้ำมังกรซึ่งแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ไม่สามารถรอดพ้นจากความตายได้
“ตอนนี้ก็มาดูกันว่าจะได้ผลหรือไม่”
ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกายด้วยความคาดหวัง จากนั้นก็สะบัดนิ้ว แสงเบ่งบานจากค่ายกลบรรจบจิตที่อยู่ชั้นในสุดก่อนที่แรงดูดจะระเบิดออกมา
ซ่า ซ่า
น้ำในทะเลสาบโดยรอบเริ่มกระเพื่อม คลื่นหลิงที่มองเห็นได้พุ่งไปรวมตัวกันในค่ายกลบรรจบจิตอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากคลื่นหลิงในทะเลสาบสวรรค์มีมหาศาลผลของค่ายกลบรรจบจิตจึงดีมากเช่นกัน ในช่วงเวลาสิบกว่าลมหายใจน้ำทะเลสาบภายในค่ายกลก็ถึงขนาดรวมตัวเป็นผลึกพร้อมกับปล่อยหมอกหลิงออกมา
คลื่นหลิงบริเวณนี้บริสุทธิ์และหนาแน่นกว่าสถานที่อื่นๆ ในทะเลสาบสวรรค์
มู่เฉินพยักหน้ากับภาพนี้ เหยื่อถูกตั้งเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาดูว่าปลาจะมาติดอวนไหม หากไม่ได้ผลเขาก็ต้องกลับไปใช้วิธีดั้งเดิมในการไล่จับจิตทะเลสาบสวรรค์ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำ
มู่เฉินนั่งรอบนเรือเงียบๆ ก่อนที่จะหลับตาลงช้าๆ สร้างค่ายกลปกปิดคลื่นพลังของตัวเองไว้จากรอบตัว เพื่อที่จิตทะเลสาบสวรรค์จะไม่ค้นพบ
ในส่วนลึกของทะเลสาบสวรรค์ช่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นเป็นครั้งคราว
ขณะที่เวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น มู่เฉินเริ่มขมวดคิ้วกับภาพนี้ หรือว่าเขาคิดผิด?
“รออีกหน่อยแล้วกัน”
ทว่ามู่เฉินก็ระงับความกังวลในใจและรอต่อไป
สิบนาทีผ่านไป แต่สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบก็ทำเอาเขาเริ่มผิดหวัง ขณะที่มู่เฉินกำลังจะยอมแพ้ท่าทางก็เปลี่ยนไปเมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวจากน้ำในทะเลสาบที่เบื้องหน้า
ซ่า ซ่า
ริ้วแสงปรากฏขึ้นในระยะไกล พุ่งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ความปีติแล่นพล่านในดวงตาของมู่เฉิน เนื่องจากเขารู้ว่านี่คือจิตทะเลสาบสวรรค์
จิตทะเลสาบบินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงเอิบอาบ ดูเหมือนจะอดทนไม่ได้ขณะพุ่งไปที่ค่ายกล
มู่เฉินดีใจมากในหัวใจ ความคิดของเขาได้ผลจริงด้วย
จิตทะเลสาบบินเข้ามาปรากฏที่นอกค่ายกล แต่ทันใดนั้นมันก็ช้าลงราวกับว่าสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
เวลาเดียวกันหัวใจของมู่เฉินก็โลดมาที่คอหอย จิตทะเลสาบดวงนี้เหมือนจะสัมผัสได้ถึงความผันผวนแปลกประหลาดรอบๆ น้ำในทะเลสาบ
มันบินวนไปรอบๆ ค่ายกลด้วยอาการลังเล คลื่นหลิงหนาแน่นที่ปล่อยออกมาจากค่ายกลบรรจบจิตคล้ายกับอาหารอันโอชะที่ยั่วยวน
มันยึกยักอยู่รอบค่ายกลพักหนึ่ง สุดท้ายสติปัญญาน้อยนิดที่มีก็ไม่สามารถละทิ้งสิ่งล่อใจเบื้องหน้า พุ่งเข้าสู่ค่ายกลทันที
ฮึ่ม ฮึ่ม
เมื่อมันเข้ามาได้ก็กลืนกินคลื่นหลิงแข็งแกร่งพร้อมกับเสียงฮึมฮัมเปล่งออกมาราวกับว่ามีความสุข
ขณะที่จิตทะเลสาบกำลังกลืนกินพลังงานอย่างเพลิดเพลิน รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้ามู่เฉิน ในที่สุดปลาก็ติดกับดัก ตอนนี้ได้เวลาเก็บแหแล้ว!
ตู้ม!
เพียงแค่คิดค่ายกลจำนวนมากรอบๆ ค่ายกลบรรจบจิตก็ถูกกระตุ้น ทันใดนั้นลวดลายหลิงก็ปรากฏขึ้นห่อหุ้มค่ายกลบรรจบจิตเอาไว้
การระเบิดของคลื่นหลิงกะทันหันทำให้จิตทะเลสาบตกใจ มันกลายเป็นริ้วแสงพยายามหลบหนี
ทว่าตอนนี้สายเกินไปที่มันจะหนีแล้ว
จิตทะเลสาบชนกับชั้นแรก ค่ายกลระดับเทียนแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที ชั้นที่สอง… ชั้นที่สาม… ก็ตามมา
เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ก็แอบเดาะลิ้น โชคดีที่เขาเตรียมตัวดี ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถดักจิตทะเลสาบสวรรค์ได้
ปัง! ปัง!
ชั้นของค่ายกลแตกสลายภายใต้ผลกระทบ ทว่าความเร็วของจิตทะเลสาบก็ค่อยๆ ช้าลงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามันเหนื่อยล้าจากค่ายกลระดับเทียน
เพียงหนึ่งนาทีค่ายกลระดับเทียนทั้งหมดก็พังทลายลง
ทว่ามู่เฉินไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไพ่ตายของเขาคือค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารที่สร้างไว้ชั้นนอกสุด
โฮก!
เมื่อจิตทะเลสาบมาถึงชั้นนอกสุด ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก็ถูกกระตุ้น คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกลายเป็นมังกรพุ่งเข้าปะทะ
ปัง!
คลื่นถาโถมจากการปะทะ จิตทะเลสาบได้รับความเสียหายอย่างหนักก่อนที่จะถูกผลักกลับ แม้แต่แสงมันวาวโดยรอบก็จางลง
เห็นได้ชัดว่าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารแข็งแกร่งกว่าค่ายกลก่อนหน้ามาก
หัวใจของมู่เฉินสงบลงเมื่อเห็นภาพนี้ ตอนนี้จิตทะเลสาบเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว ไม่อาจหนีไปได้อีก
ตู้ม! ตู้ม!
ในเวลาต่อไป มันยังคงโจมตีไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถแข่งกับค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารได้และถูกผลักกลับไปหลายครั้งพร้อมกับแสงมันวาวรอบตัวจืดจางลง
เมื่อการปะทะครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น จิตทะเลสาบก็หดตัวลงครึ่งหนึ่ง
มู่เฉินลุกขึ้นยืนไปปรากฏตัวขึ้นเหนือจิตทะเลสาบ ด้วยการตบคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออก ผูกจิตทะเลสาบก่อนที่เขาจะกำหมัดแน่นบีบอัดลงย่างรวดเร็ว กลายเป็นก้อนอัญมณี
ก้อนอัญมณีพลิ้วลงในมือมู่เฉินก่อนที่เขาจะโยนมันขึ้นลงด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา สร้างค่ายกลที่ถูกทำลายไปก่อนหน้าออกมาใหม่
นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีจิตทะเลสาบเข้ามาตามเส้นทางนี้อีกครั้งแล้ว
หนึ่งชั่วโมงถัดมา
จุดที่มู่เฉินอยู่ก็เริ่มคึกคักยิ่งขึ้น จิตทะเลสาบทีละดวง…ทีละดวงถูกล่อลวงและตกหลุมพราง
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกับดัก จิตทะเลสาบที่ไม่ได้มีสติปัญญามากนักก็ตกหลุมพรางด้วยตัวเอง
ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงมู่เฉินก็ได้ก้อนอัญมณีมาสิบสามดวงแล้ว!
แม้แต่มู่เฉินที่มีจิตใจสงบยังอดยิ้มแย้มไม่ได้ ด้วยความเร็วนี้การรวบรวมจิตทะเลสาบสวรรค์สามสิบดวงก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ขณะที่มู่เฉินกำลังตั้งใจเก็บเกี่ยวจิตทะเลสาบจำนวนมาก ความผันผวนของค่ายกลก็กระจายออกไป ซึ่งดึงดูดความสนใจของหลายคนเข้ามา
เมื่อพวกเขาเห็นว่ามู่เฉินจับจิตทะเลสาบได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ค่ายกล ดวงตาแต่ละคนก็แทบหลุดออกจากเบ้า ความตกใจและความโลภก็กะพริบในดวงตาพวกเขา
ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียสติเพราะความโลภ พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าค่ายกลเหล่านั้นน่ากลัวเพียงใด แม้แต่จิตทะเลสาบสวรรค์ที่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังไม่สามารถหนีออกมาได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาให้เมื่อยปาก
ดังนั้นแม้ว่าดวงตาของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ก็ทำได้เพียงมองดูและไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไป
แต่ชัดว่านี่ไม่ได้เป็นกับทุกคน
ตู้ม!
มู่เฉินที่ได้รับจิตทะเลบสาบอีกดวงก็สะบัดมือเก็บเข้ามา ทว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหวแต่ยืนขึ้นมองไปที่พื้นที่ห่างไกลด้วยความเฉยเมย
ร่างแสงสีทองพาดผ่านเข้ามาปรากฏที่เบื้องหน้าเขาในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
คนคนนั้นยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำ ซึ่งเป็นคนหน้าตาคุ้นเคยยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนนั้น
นั่นคือเซี่ยหยู่
เซี่ยหยู่ยืนอยู่บนเรือมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มพลางปรบมือเบาๆ “ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถจับจิตทะเลสาบสวรรค์ด้วยวิธีนี้ เปิดหูเปิดตาจริงๆ”
มู่เฉินมองเซี่ยหยู่โดยไม่มีสีหน้าใดๆ และไม่ตอบคำพูดของเขา
เซี่ยหยู่ไม่โกรธมู่เฉินกลับยิ้มอ่อนโยน “มอบก้อนจิตทะเลสาบครึ่งหนึ่งที่เจ้าได้ให้ข้าซะ ไม่งั้นข้าจะทำลายค่ายกล แล้วเจ้าจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างราบรื่นอีก”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าพลางเงยหน้าขึ้นชี้ไปทางอื่น
“ไสหัวไป”
เผชิญหน้ากับการคุกคามของเซี่ยหยู่ มู่เฉินเอ่ยคำตอบแบบตรงและแรงอย่างที่สุด
บทที่ 1145 สู้กับเซี่ยหยู่
“ไสหัวไป!”
ภายใต้การห่อหุ้มของคลื่นหลิง เสียงคำรามเย็นชาของมู่เฉินกวาดออกไปราวกับคลื่นน้ำ กระทั่งน้ำในทะเลสาบก็ยังซัดเป็นคลื่น
ผู้ชมโดยรอบหลบหลีกเกลียวคลื่น ขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาแปลกประหลาดและตกใจ
เห็นชัดพวกเขาไม่คิดเลยว่าเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อย่างเซี่ยหยู่ มู่เฉินจะตอบกลับแบบทั้งตรงและแรงโดยไม่ไว้หน้าเซี่ยหยู่แม้แต่น้อย
นั่นเซี่ยหยู่นะ! องค์รัชทายาทแคว้นเซี่ย จอมยุทธ์รุ่นใหม่อันดับสี่ของทวีปเชียวนะ!
แม้แต่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ในทวีปเทียนหลัวก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเซี่ยหยู่ได้ นอกจากนี้ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้มาจากฐานะ แต่มาจากการต่อสู้เลือดเดือดที่ในอดีต
เมื่อเผชิญกับคนเช่นนี้ แม้แต่จาโหลหลัว ซูชิงหยิงและคนอื่นๆ ก็ต้องต่อสู้อย่างจริงจัง
“มู่เฉินบ้าระห่ำเกินไปแล้ว…” บางคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงต่ำแฝงแววเยาะเย้ย แม้ว่ามู่เฉินจะโดดเด่นขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ยังขาดอีกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์เจนสนามอย่างเซี่ยหยู่
“ใช่ แต่มู่เฉินก็ไม่ง่ายเช่นกัน ในเมื่อไปไกลขนาดนี้ได้ตั้งแต่อายุเพียงนี้”
“ฮ่าๆ เขาจะธรรมดาได้อย่างไรในเมื่อรับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำ? ถ้าเซี่ยหยู่คิดสู้จริงๆ ข้าคิดว่าชนะหรือแพ้ก็คาดเดาลำบาก” มีคนหลายคนไม่ชอบขี้หน้าเซี่ยหยู่ ดังนั้นจึงมีความคิดเห็นแง่ดีเกี่ยวกับมู่เฉิน
“ตลกล่ะ! ตัวตนของมู่เฉินในฐานะศิษย์ระดับมังกรทองคำจะเทียบกับเซี่ยหยู่ได้ยังไง? ข้าคิดว่าเขาอาจแค่โชคดีพบช่องโหว่ในประตูมังกรทะยานสวรรค์”
“…”
ขณะที่เสียงสนทนาผู้คนดังก้อง เซี่ยหยู่ก็ยืนกอดอกมองไปที่มู่เฉิน ก่อนจะค่อยๆ ถอนรอยยิ้มบนใบหน้าทีละน้อย
“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้พบพวกเย่อหยิ่งต่อหน้า” เซี่ยหยู่หลุบตาขณะพูดเสียงเบา
“ถ้างั้นเจ้าก็ได้พบแล้ว” มู่เฉินตอบกลับแบบสบายๆ เซี่ยหยู่จ้องหาเรื่องเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำถ้ามีโอกาสก็จะโจมตีอย่างโหดเหี้ยม ถ้าไม่ใช่ความจริงที่เขาต้องการรับการชำระล้างในทะเลสาบสวรรค์เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาคงซัดเซี่ยหยู่เต็มเหนี่ยวไปแล้ว ยิ่งตอนนี้เซี่ยหยู่ยังพยายามคิดปล้นจิตทะเลสาบ มู่เฉินก็ไม่คิดยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว!
แสงเย็นเยือกวูบวาบในดวงตาของเซี่ยหยู่ก่อนจะพยักหน้า “ดี ในเมื่อแกเรียกร้องความตาย ข้าจะช่วยให้สมหวัง ถึงตอนนั้นข้าจะสงเคราะห์ส่งศพกลับไปที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ให้”
“ยังไม่แน่เลยว่าใครจะส่งศพใครกลับ” มู่เฉินยิ้มขณะตอกหน้า
“ดูเหมือนค่ายกลรอบตัวเหล่านี้จะทำให้แกมีความมั่นใจมากนะ” เซี่ยหยู่เยาะเย้ย ในมุมมองของเขา เหตุผลที่มู่เฉินกล้าท้าทายเป็นเพราะการห้อมล้อมด้วยชั้นค่ายกลจำนวนมาก แต่มันไม่รู้หรือไงว่าฝ่ายตรงข้ามต้องเข้าสู่ขอบเขตค่ายกลถึงจะปลดปล่อยพลังได้?
เผชิญกับหลิงเจิ้นซือที่วางค่ายกลไว้ คนมีสมองก็ไม่คิดทะเล่อทะล่าเข้าไปหรอก ดังนั้นหากมู่เฉินพูดยั่วยุคิดให้เขาพุ่งเข้าไปในค่ายกลก็ผิดคาดไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลชั้นนอกสุด ทำให้เกิดความหวาดกลัวแม้กระทั่งตัวเขา หากเขาเข้าไปต่อให้เป็นความมั่นใจในตัวเอง เซี่ยหยู่ก็ไม่รู้สึกว่าจะสามารถทำลายค่ายกลได้ง่าย
ประจันหน้ากับการเยาะเย้ยของเซี่ยหยู่ มุมปากมู่เฉินก็เผยรอยยิ้มเหยียดคล้ายกัน “แกกล้าท้าทายข้า แต่กลับขี้ขลาด รัชทายาทแคว้นเซี่ยน่าสังเวชจริงๆ”
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เย็นชาลงหลายส่วนพลางจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาคมกริบเหมือนใบมีด ราวกับว่าเขาต้องการสับอีกฝ่ายเป็นพันชิ้น!
ทว่ามู่เฉินไม่ใส่ใจกลับยิ้มบาง “ในเมื่อองค์ชายใหญ่แคว้นเซี่ยอ่อนขนาดนี้ งั้นครั้งนี้ข้าก็จะเสียเปรียบให้หน่อยละกัน ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าข้ารังแกเจ้าด้วยค่ายกล”
เมื่อพูดจบเรือมังกรทองคำก็ลอยออกมาจากขอบเขตของค่ายกล
มู่เฉินไม่ได้ประเมินความสามารถของตัวเองสูงล้ำที่ออกจากแนวป้องกันของค่ายกล นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าเซี่ยหยู่ไม่มีความกล้าที่จะเข้ามานี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียเวลามาก ซึ่งมู่เฉินไม่ต้องการให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากนี่คือช่วงเวลาทองคำ เขาต้องเก็บทุกวินาทีเพื่อจับจิตทะเลสาบ นอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถอยู่ในค่ายกลได้ตลอด หากเขาบังคับเซี่ยหยู่มากเกินไปและทำให้อีกฝ่ายใช้วิธีการชั่วร้ายโดยการดึงดูดจิตทะเลสาบบางส่วนให้เข้ามาปะทะกับค่ายกล งานนี้มู่เฉินอาจจะพังยับเยินก็ได้
ดังนั้นเขาจึงเลือกก้าวออกไป ทิ้งปราการค่ายกลไว้ข้างหลังเพื่อเป็นการปกป้อง
“คึๆ มู่เฉินปล่อยค่ายกลแล้ว…เขามั่นใจอะไรขนาดนั้น” เมื่อผู้ชมเห็นภาพนี้ต่างก็อดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะการก้าวออกจากแนวป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ต้องการความกล้าหาญและมั่นใจในตนเองมากจริงๆ
“เป็นเพราะเซี่ยหยู่ขี้แหยนะสิ เขาเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ย แต่กระนั้นก็ยังขี้ขลาด มิน่าเขาถึงด้อยกว่าจาโหลหลัว ซูชิงหยิงและจู้เยี่ยน” มีคนส่ายหัวพลางพูดขึ้น
“ใช่สิ…”
ชัดว่าการกระทำของมู่เฉินทำให้ได้รับคำชม ขณะเซี่ยหยู่ถูกตำหนิ
เมื่อเซี่ยหยู่ได้ยินคำพูดจากที่ไกลเหล่านั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่คิดว่าการที่มู่เฉินก้าวออกมาก่อนจะทำให้เขาตกอยู่ในจุดน่าเกลียดชังเช่นนี้
แม้ว่าเขาจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ แต่คนอื่นๆ อาจบอกว่าเขาไม่สมควรได้รับชัยชนะ และถ้าเขาแพ้ก็จะกลายเป็นหินรองเท้าให้มู่เฉินก้าวขึ้นไป ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรเขาแพ้ไปครึ่งทางแล้ว
“ไอ้เจ้าเล่ห์!” ใบหน้าของเซี่ยหยู่มืดมนลงเนื่องจากไม่คิดว่าความลังเลเล็กน้อยของตนเองจะทำให้ตกอยู่ในแผนของมู่เฉิน แม้ว่ามู่เฉินจะอายุน้อยแต่ก็เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแม้แต่เซี่ยหงก็แพ้คามือ มิหนำซ้ำยังถูกหลอกให้ประทับตราในใบแจ้งหนี้ด้วย
มู่เฉินยิ้มบาง ในเมื่อเซี่ยหยู่ต้องการให้เขาหยุดใช้ไพ่ตาย แกก็ต้องจ่ายราคาในการแลกเปลี่ยนเช่นกัน!
แม้ว่าความคิดเห็นของสาธารณชนจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับเขา แต่เซี่ยหยู่ก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในใจ ก่อนที่จะมองมู่เฉินอย่างไม่แยแสพร้อมกับจิตสังหารกะพริบอยู่ในดวงตา
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหยู่วางแผนที่จะทำให้มู่เฉินเป็นง่อยอยู่ที่นี่แล้ว
เซี่ยหยู่ทิ้งแขนลงข้างลำตัว คลื่นหลิงไร้ขอบเขตปะทุออกมาจากร่างกายคล้ายกับภูเขาไฟพร้อมกับกวาดคลื่นออกมาทำให้น้ำในทะเลสาบถูกผลักออกไป พื้นที่รอบตัวกลายเป็นสุญญากาศ
คลื่นหลิงอันทรงพลังถูกปล่อยออกมา
เมื่อผู้ชมรู้สึกถึงแรงกดดันคลื่นหลิง ใบหน้าก็เปลี่ยนไป ระดับของความกดดันอยู่ในขอบเขตระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มและใกล้เคียงกับจุดสูงสุดแล้ว
เซี่ยหยู่คู่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อมู่เฉินแล้ว
“ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าแผนทุกประเภทเป็นเรื่องตลกต่อหน้าความแข็งแกร่งแท้จริง”
ใบหน้าเซี่ยหยู่ฉายความไม่แยแส จากนั้นก็เหยียดมือตรงก่อนที่จะกระแทกลงไปหามู่เฉินจากระยะไกล
ครืน!
เมื่อมือของเซี่ยหยู่กดลงมา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็รวมตัวกันอยู่ใต้ฝ่ามือกลายเป็นมังกรขนาดใหญ่เอิบอาบด้วยกลิ่นอายสูงส่ง ราวกับว่าเป็นจักรพรรดิ ณ ที่แห่งนี้
“แคว้นเซี่ย ฝ่ามือโอรสสวรรค์!”
ฝ่ามือควบแน่นด้วยกลิ่นอายมังกรของแคว้นเซี่ยซึ่งคล้ายกับจักรพรรดิปกครองโลก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าธรรมดาความกล้าก็ยังแตกสลายด้วยฝ่ามือนี้
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหยู่เปิดเผยความแกร่งกร้าวทรงพลังทันทีที่ออกกระบวนท่า
ตู้ม ตู้ม!
มังกรตัวใหญ่กลายเป็นตราประทับมังกรแหวกผ่านมิติพุ่งเข้าหามู่เฉิน ช่างดูสูงส่งและครอบงำ
มู่เฉินเงยหน้าขึ้น ฝ่ามือของเซี่ยหยู่อาจดูเรียบง่าย แต่พลังที่รวบรวมอยู่นั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ
“แคว้นอ่อนแอกล้าที่จะประกาศตัวเองว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์เรอะ?”
ใบหน้าของมู่เฉินสงบลง ถ้าแคว้นเซี่ยสามารถครองทวีปเทียนหลัวได้ทั้งหมดรัศมีก็คงจะน่ากลัว แต่น่าเสียดายที่แคว้นเซี่ยเป็นเพียงผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นในทวีปเทียนหลัวเท่านั้น ซึ่งยังอ่อนหัดเกินไปที่ต้องการกดดันผู้คนด้วยรัศมี
โฮก!
มู่เฉินประกบมือ ทันใดนั้นเกลียวแสงสีทองก็พร่างพราวออกมาจากร่างก่อนที่ทุกคนจะเห็นเงามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงปรากฏขึ้นด้านหลังมู่เฉิน เมื่อเทพอสูรทั้งสองอุบัติขึ้น พลังอำนาจที่ไม่อาจพรรณนาได้ก็กระจายออกไป
นี่เป็นรัศมีจากมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง จักรพรรดิแห่งเผ่ามังกรและหงส์ฟ้า พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในจุดสูงสุดของมหาพันภพ ดังนั้นพลังอำนาจจึงน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘รัศมีเทียนจื่อ’ ของแคว้นเซี่ย
“ฝ่ามือมังกรหงส์ปกครองสรรพสิ่ง”
มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงสถิตอยู่ในม่านตาของมู่เฉิน ขณะที่เขาผลักฝ่ามือออกไป จิตวิญญาณเทพอสูรทั้งสองที่อยู่ข้างหลังก็รวมตัวเข้าหาฝ่ามือเขา ยิงออกไปในลักษณะของลำแสงสีทอง
ครืน!
ฝ่ามือทั้งสองกวาดข้ามมิติโดยแต่ละฝั่งมีมังกรอยู่ภายใน เปล่งกลิ่นอายสูงส่งขณะที่ปะทะกัน
พลังสองสายที่น่ากลัวปะทะกัน
จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงทะยานออกมาปะทะกับมังกรฝ่ายตรงข้าม
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ทะเลสาบแปรปรวน แต่ใบหน้าของเซี่ยหยู่กลับไม่น่าดูเอาเลย เนื่องจากเขาเห็นว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง มังกรของเขาอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
แม้มังกรที่เขาได้รับการฝึกฝนจะทรงพลัง แต่ก็อ่อนแอกว่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงอย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นหลิงของเขาแข็งแกร่งกว่ามู่เฉิน มังกรของเขาคงจะพังทลายไปนานแล้ว
“ไม่คิดว่าแกจะมีจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง!” ใบหน้าของเซี่ยหยู่มืดมน แต่ในส่วนลึกกลับปะทุด้วยความโลภ หากเขาได้รับจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและให้มังกรของเขาได้กลืนกินละก็จะต้องเพิ่มพลังในการต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
“วันนี้มู่เฉินต้องตาย!”
ดวงตาของเซี่ยหยู่เปล่งประกายด้วยเจตนาฆ่า จากนั้นเขาก็โบกมือเรียกมังกรที่อ่อนแอลงอย่างรวดเร็วกลับก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไป เกลียวแสงมากมายระเบิดออกข้างหลังก่อนที่ร่างขนาดใหญ่จะควบแน่นอย่างรวดเร็ว
ร่างนั้นสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิสีทองพร้อมมงกุฎราวกับเป็นผู้ปกครองที่เปล่งรัศมีสูงส่ง
เมื่อผู้ชมเห็นภาพนี้ม่านตาก็หดลงทันทีขณะที่อุทาน “นั่นคือ…ร่างราชันฟากฟ้า?”
อันดับที่สี่สิบห้าของคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง—ร่างราชันฟากฟ้า!
บทที่ 1146 ร่างราชันฟากฟ้า
ครืนๆๆๆ!
ส่วนลึกของทะเลสาบสวรรค์เสียงไร้ขอบเขตสะท้อนออกมาขณะคลื่นยกตัวขึ้น ร่างเทห์สวรรค์ครอบงำควบแน่นอยู่ที่ด้านหลังเซี่ยหยู่ ทำให้มวลน้ำในทะเลสาบกวนตัวขึ้นราวกับพายุทอร์นาโด
แรงกดดันที่ส่งความเย็นเยียบไปตามแนวกระดูกสันหลังแผ่ออกมา ทำให้ผู้ชมฉายความกลัวบนใบหน้า
นั่นเป็นเพราะนี่คือร่างเทห์สวรรค์ที่เซี่ยหยู่ฝึกฝน ร่างราชันฟากฟ้าจัดอยู่ในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างในอันดับที่สี่สิบห้า
แม้จะอยู่ในขั้วอำนาจทรงพลัง ร่างเทห์สวรรค์ระดับนี้ก็ถูกมองเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักต่างๆ ดังนั้นจึงรู้ได้ว่านี่น่ากลัวขนาดไหน
“เซี่ยหยู่สมกับเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ยอย่างแท้จริง ฮ่องเต้เซี่ยให้ความสำคัญกับเขามาก!” บางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาด้วยความอิจฉาพร้อมกับแววริษยาแวบในดวงตา ในแง่ของความคุ้มค่าร่างเทห์สวรรค์เช่นนี้อาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงของแท้!
ท่ามกลางดวงตาแดงก่ำนับไม่ถ้วน เซี่ยหยู่ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าร่างราชันฟากฟ้าเขม่นมองมู่เฉินอย่างเย็นชา ช่วงเวลาที่เขาเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมา พลังของเขาก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
ในตอนนี้เขาสามารถทำลายจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้ด้วยการพลิกฝ่ามือ กระทั่งระยะเต็มก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน แม้กระทั่งฝ่ายตรงข้ามทรงพลังยิ่งกว่าก็ต้องล่าถอยเมื่อเผชิญกับพลังยิ่งใหญ่ของร่างราชันฟากฟ้า
ท้ายที่สุดแล้วการได้รับการจัดอันดับที่สี่สิบห้าก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าทรงพลังเพียงใด
การรับรู้ถึงอากาศครอบงำจากร่างราชันฟากฟ้า แม้แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาอยู่ชั่วครู่ เมื่อตัดสินจากผลกระทบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ร่างเทห์สวรรค์ธรรมดาที่เขาเคยพบในอดีตจะเทียบเคียงได้
เซี่ยหยู่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงสมกับอันดับสี่ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของทวีปเทียนหลัว
ถือได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง
เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส แต่ก็ไม่พูดให้มากความ เขากระทืบฝ่าเท้า ร่างราชันฟากฟ้าก็กวาดดวงตาครอบงำไปที่มู่เฉิน
ตู้ม!
ร่างราชันฟากฟ้ายื่นมือออกมาปกคลุมท้องฟ้าพลางเหวี่ยงไปที่มู่เฉิน
ไม่มีทักษะใดอยู่เบื้องหลังฝ่ามือ เพราะพลังที่อยู่เบื้องหลังอย่างเดียวก็สามารถทำร้ายจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้แล้ว ดังนั้นกระบวนท่างดงามทั้งหมดจึงไร้ประโยชน์เบื้องหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง
เมื่อฝ่ามือกดลงน้ำในทะเลสาบก็ถูกบีบแล้วกระฉอกออกอย่างรวดเร็วกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศขนาดใหญ่
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นขณะที่ฝ่ามือโอบล้อมรัศมีหนึ่งพันจั้งปิดผนึกเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังคงสงบสติอารมณ์โดยไม่ตื่นตระหนก
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึกก่อนที่มิติจะแปรปรวนอยู่ข้างหลัง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปภายใต้สายตาตกใจนับไม่ถ้วน
ครืน!
คลื่นหลิงทรงพลังพุ่งออกมาจากทะเลพลังของเขา ก่อนที่ประกายแสงสีทองจะเบ่งบานระหว่างสวรรค์และโลก จากนั้นทุกคนก็เห็นร่างเงาสีทองขนาดใหญ่ควบแน่นอยู่ด้านหลังมู่เฉิน
ร่างสีทองนั้นมีดวงตะวันทรงกลดอยู่ด้านหลังศีรษะ แม้ว่ามันจะไม่โอ่อ่าเหมือนร่างราชันฟากฟ้า แต่ก็มีความรู้สึกลึกลับเล็ดลอดออกมาซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกไม่อาจหยั่งรู้ได้
เมื่อร่างสีทองปรากฏขึ้นก็โบกมือออกไป คลื่นหลิงรวมตัวกันที่ฝ่ามือมันกลายเป็นแสงสีทองหมื่นจั้งปะทะกับฝ่ามือของร่างราชันฟากฟ้า
ปัง ปัง ปัง!
จังหวะที่ปะทะกัน สวรรค์และโลกก็ราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงเสียดแก้วหูดังขึ้นโอบล้อมทั่วบริเวณพร้อมกับน้ำพุร้อนดันตัวลอยขึ้นโดยรอบ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
คลื่นกระแทกรุนแรงทำให้ทุกคนต้องหดตาลง พวกเขาหวาดผวาเนื่องจากเห็นว่าร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินไม่ได้รับความเสียหายใดเมื่อรับฝ่ามือจากร่างราชันฟากฟ้าของเซี่ยหยู่
“เป็นไปได้ยังไง?! มู่เฉินฝึกร่างเทห์สวรรค์อะไร? ทำไมถึงทรงพลังมากขนาดนี้?!”
“ดูจากพลังที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างราชันฟากฟ้าเลย มู่เฉินมีไพ่ตายแท้จริง!”
“แต่ทำไมร่างเทห์สวรรค์นี้ไม่ค่อยคุ้น…”
“…”
ความโกลาหลปั่นป่วน ท้ายที่สุดแล้วร่างเทห์สวรรค์ที่สามารถเทียบเคียงกับร่างราชันฟากฟ้าได้หายากมาก นั่นเป็นเพราะร่างเทห์สวรรค์ใดๆ ที่เหนือกว่าร่างราชันฟากฟ้ามีน้อยมากจนแม้แต่บางขั้วอำนาจระดับสูงยังไม่มีครอบครอง
ดวงตาของเซี่ยหยู่จับจ้องไปที่ร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่ด้านหลังมู่เฉินพร้อมกับความตกตะลึงและประหลาดใจปะปนในดวงตา
แม้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินจะไม่คุ้นตา แต่เซี่ยหยูรู้สึกว่ามีความค่อนข้างคุ้นเคยด้วยเหตุผลบางอย่าง ราวกับว่าเขาเคยเห็นมาจากที่ไหนสักแห่ง
“ร่างเทห์สวรรค์นี้…” ดวงตาของเซี่ยหยู่วูบไหว อึดใจหัวใจก็สั่นสะท้าน “ดูคล้ายกับร่างเทห์สวรรค์ลึกลับที่จาโหลหลัวฝึกฝน”
ครั้งหนึ่งเขาเคยสู้กับจาโหลหลัวและได้เห็นร่างเทห์สวรรค์ของอีกฝ่าย นั่นเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ไม่ได้ถูกจัดอันดับ แต่พลังอำนาจที่มีทำให้แม้แต่เซี่ยหยู่เองก็หวังอยากจะครอบครอง
ตอนที่ปะทะกับจาโหลหลัวเขาก็แพ้ให้กับร่างเทห์สวรรค์นี้ แต่ตอนนี้เขาได้เห็นร่างเทห์สวรรค์ที่คล้ายกันบนร่างมู่เฉิน
ทว่าเซี่ยหยู่ก็มีเพียงความสงสัย แม้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินจะคล้ายกับจาโหลหลัวอยู่บ้าง แต่รัศมีกลับมีความแตกต่าง
“น่าจะไม่ใช่ร่างเทห์สวรรค์เดียวกัน!” ใบหน้าของเซี่ยหยู่เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ระงับความคิดที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมด เขาไม่เชื่อว่าด้วยภูมิหลังของมู่เฉินจะสามารถครอบครองร่างเทห์สวรรค์ทรงพลังเช่นนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นร่างเทห์สวรรค์เดียวกัน คนอย่างเซี่ยหยู่ก็ไม่กลัว เพราะแม้แต่ร่างเทห์สวรรค์ที่เหมือนกันก็ยังแสดงพลังอำนาจที่แตกต่างกันเมื่ออยู่ในมือจอมยุทธ์คนละคน
มู่เฉินสามารถเปรียบได้กับจาโหลหลัวได้เหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้เลยในความคิดของเซี่ยหยู่
เซี่ยหยู่ค่อยๆ ถอนความตกใจบนใบหน้าขณะมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับไอสังหารพล่านในดวงตา “หากนี่คือความมั่นใจของแก ข้าบอกได้เลยว่ายังไม่พอ”
“ก็ลองดูสิ” มู่เฉินตอบกลับแบบใจเย็น
เซี่ยหยู่เค้นเสียงเย็นชาก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นคมกริบ อึดใจร่างเขาก็เคลื่อนไหวไปปรากฏบนไหล่ของร่างราชันฟากฟ้าก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไปอย่างหนักหน่วง
ฮึ่ม
ระลอกคลื่นกระจายออกไปใต้เท้าเทลงสู่ร่างเทห์สวรรค์
มอ!
ลวดลายแสงแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนร่างขนาดใหญ่ ก่อนที่มันจะอ้าปากส่งเสียงคำรามผิดแผกพร้อมกับคลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกคลื่นเสียงก่อตัวเป็นตราศักดิ์สิทธิ์ขนาดร้อยจั้ง
ตราศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นราวกับมงกุฎของราชัน เผด็จการอย่างยิ่งพร้อมกับพลังที่สามารถปราบปรามภูเขาได้
ทุกตราศักดิ์สิทธิ์สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้ ด้วยจำนวนดังกล่าวแม้แต่ขั้นเก้าระยะเต็มก็อาจถูกสังหารได้หากประมาท
“ผนึกอมตะราชัน!”
เซี่ยหยู่คำราม ตราศักดิ์สิทธิ์หมุนคว้างออกมาราวกับพายุปกคลุมไปที่มู่เฉิน
สายตาของเซี่ยหยู่เย็นเยือกลง หลายปีที่ผ่านมามีจอมยุทธ์หลายคนสิ้นชีวิตจากกระบวนการโจมตีนี้ของเขา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังเคยถูกเขาสังหาร
เนื่องจากผนึกอมตะราชันมีความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต่อให้ถูกทำลายพวกมันก็จะรวมเข้ากันใหม่และเริ่มการโจมตีไม่หยุดหย่อน เว้นแต่จะถูกทำลายทั้งหมดในครั้งเดียว แต่ก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่ามู่เฉินไม่สามารถทำได้ด้วยพลังในตอนนี้
ดังนั้นมู่เฉินจะต้องตาย!
โดยปกติเซี่ยหยู่จะไม่ใช้ทักษะนี้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ทว่ามู่เฉินนั้นผิดประหลาดเกินไป ทำให้เซี่ยหยู่ตัดสินใจที่จะใส่จนเต็มพิกัด
ความผันผวนของการทำลายล้างปกคลุมท้องฟ้า ดวงตามู่เฉินก็หดเกร็ง นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนไม่มีที่สิ้นสุดจากตราศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
ถ้าเขาถูกปิดล้อมด้วยการโจมตีนั้นก็อาจตายคาที่ ถ้าเขาเลือกที่จะตอบโต้ก็จะเหนื่อยจนแทบขาดใจ
สายตาของมู่เฉินวูบไหวก่อนที่จะยื่นมือออก วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว
ฮึ่ม!
ดวงตะวันสีทองลอยขึ้นมาจากร่างเทพสุริยะก่อนที่จะระเบิดกลายเป็นของเหลวกวาดออกมา
ร่างเทพสุริยะยื่นมือออกมา กระแสสีทองก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นกงล้อสีทองที่มีลวดลายโบราณสลักอยู่ราวกับมีพลังเหลือล้น
“เปิดแปดตะวัน กงล้อแสงสวรรค์!”
มู่เฉินคำรามในใจขณะที่เกลียวแสงสีทองไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากกงล้อ
ในเมื่อข้าเผชิญหน้ากับมันไม่ได้ งั้นก็ส่งกลับไปให้เจ้าของดีกว่า ให้เซี่ยหยู่ได้ลิ้มรสผนึกอมตะราชันของตัวเอง!
ครืน!
ตราศักดิ์สิทธิ์ปะทะกับกงล้อสีทอง ทันใดนั้นกงล้อก็หมุนทวนเข็มนาฬิการาวกับว่าเวลาหยุดลงในขณะนั้น
ม่านตาเซี่ยหยู่หดเกร็งลงฉับพลัน เนื่องจากเห็นว่าตราศักดิ์สิทธิ์ที่เล็งเป้าหมายไว้ที่มู่เฉินในตอนแรก หันกลับมาแล้วทะยานเข้ามาในทิศทางของเขาพร้อมกับแรงผลักดันที่ดุร้ายยิ่งขึ้น
“นรกแล้ว!”
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เขียวคล้ำทันที
ขณะที่มู่เฉินใช้ทักษะเทห์สวรรค์เปิดแปดตะวันโจมตีเซี่ยหยู่
อีกพื้นที่หนึ่งจาโหลหลัวที่กำลังจับจิตทะเลสาบก็เงยหน้าขึ้นมองไปทิศทางนั้น
“เปิดถึงคลื่นแปดตะวันแล้วรึ?”
จาโหลหลัวคลึงก้อนอัญมณีของจิตทะเลสาบในมือ ก่อนที่มุมปากของเขาจะโค้งขึ้นโดยไม่มีอุณหภูมิใดๆ จากนั้นก็หันกลับพุ่งไปยังทิศทางที่มู่เฉินและเซี่ยหยู่ปะทะกัน
“ถึงเวลากำจัดมันแล้ว”
บทที่ 1147 การต่อสู้ที่รุนแรง
ตู้ม! ตู้ม!
น้ำในทะเลสาบสวรรค์ไหลย้อนกลับ ผนึกอมตะราชันนับไม่ถ้วนระดมยิงย้อนกลับไปหาเซี่ยหยู่
“ไอ้เวร!”
เมื่อมองการโจมตีที่ย้อนกลับมา เซี่ยหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสบถ เขากัดฟันกรอดด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะรับการโจมตีของเขาได้ง่ายขนาดนี้
และการเผชิญกับผนึกอมตะราชันที่พุ่งกลับมา แม้แต่เซี่ยหยู่ก็ยังไม่กล้าที่ดูถูกพลังของตนเอง เพราะเขารู้ชัดเจนว่าหากตราเหล่านั้นโจมตีเข้าใส่ กระทั่งเขาเองก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ
“โฮก!”
ดังนั้นเขาจึงกระทืบเท้า ร่างราชันฟากฟ้าอ้าปากกว้างแผดเสียงคำราม คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเพื่อมไหวออกมา
“เสียงคำรามราชัน!”
คลื่นกระแทกที่รุนแรงทำให้รอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในมิติ ตราศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็พังทลายลงเมื่อสัมผัสกับคลื่นกระแทก
ปัง ปัง ปัง!
ในเวลาไม่กี่อึดใจผนึกอมตะราชันก็ถูกลบออกทั้งหมด น้ำในทะเลสาบรอบๆ ก็เต็มไปด้วยหลุมน้ำที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม
เมื่อผู้ชมเห็นพลังทำลายล้างเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งที่เซี่ยหยู่แสดงออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้
“ร่างเทห์สวรรค์ที่แกฝึกฝนมีต้นกำเนิดเดียวกันกับของจาโหลหลัวจริงด้วย!” เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างมืดมน เขาสามารถยืนยันได้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินเหมือนกับของจาโหลหลัวจากการแลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่
เนื่องจากมีดวงตะวันทรงกลดและพลังที่เหมือนกัน
ทว่าร่างเทห์สวรรค์ของจาโหลหลัวมืดมนคล้ายกับหลุมดำลึกและไม่อาจหยั่งรู้ได้ ขณะที่ของมู่เฉินสว่างไสวและยิ่งใหญ่ราวกับดวงอาทิตย์
ใบหน้าของมู่เฉินสงบเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เซี่ยหยู่เคยปะทะกับจาโหลหลัวมาแน่นอนแล้ว ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเคยเห็นร่างเทห์สวรรค์ของจาโหลหลัว
“ส่งวิธีฝึกร่างเทห์สวรรค์ลึกลับของเจ้ามา ไม่เพียงแต่ข้าจะเสนอราคาที่น่าพอใจให้ นอกจากนี้แกยังได้ชื่อว่ามิตรกับแคว้นเซี่ยของข้าอีกด้วย” เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาลุกโชน ในอดีตสาเหตุที่เขาพ่ายแพ้จาโหลหลัว เนื่องมาจากร่างเทห์สวรรค์ลึกลับที่อีกฝ่ายได้รับการฝึกฝนซึ่งครอบงำมากกว่าของเขา จากการคาดการณ์ของเขาพลังของร่างลึกลับนี้น่าจะเข้าสู่สามสิบอันดับแรก!
นั่นคือการจัดอันดับที่น่ากลัวแม้แต่ในแคว้นเซี่ยร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดก็เป็นร่างเทพราชันของบิดาเขาที่อยู่ในอันดับสี่สิบเท่านั้น
หากเขาสามารถได้รับทักษะฝึกฝนร่างลึกลับของมู่เฉิน เขาก็มั่นใจที่จะผงาดเหนือกว่าจาโหลหลัวและแม้แต่จู้เยี่ยน ก้าวขึ้นเป็นเจ้าทำเทียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัว
ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเวลาที่เขาข้ามเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน พลังของร่างเทห์สวรรค์ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างแท้จริง ยิ่งร่างเทห์สวรรค์มีอำนาจมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นเขาต้องได้รับร่างลึกลับนี้มาให้ได้!
“เอายังไง? ไม่ว่าจะราคาเท่าไรแคว้นเซี่ยของข้าก็ยินดีจ่าย!” เซี่ยหยู่จับจ้องไปที่มู่เฉิน
ทว่าเผชิญหน้ากับแววโลภมากของเซี่ยหยู่ มู่เฉินก็ไม่พูดอะไร เขากระทืบเท้าโดยไม่แสดงออกใดๆ รัศมีสีทองลอยอยู่บนฝ่ามือของร่างเทพสุริยะ ก่อร่างเป็นคทาสีทองขนาดใหญ่ในพริบตา
“เปิดเจ็ดตะวัน คทาขวางฟ้า!”
นิ้วของมู่เฉินชี้ออกไป คทาทะลุผ่านมิติราวกับพายุทองคำพุ่งเข้าหาร่างราชันฟากฟ้า
ชัดเจนว่านี่คือคำตอบของเขา
“ไอ้สามหาว! ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าจะซัดแกให้เดี้ยงก่อนแล้วก็เอาทักษะลึกลับของแกมา!” เมื่อเซี่ยหยู่เห็นฉากนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายทันที
ตู้ม!
เขาวาดตราประทับด้วยมือทั้งสองข้าง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นข้างหลังพร้อมกับพลังงานไร้ขอบเขตพุ่งเข้าสู่ร่างราชันฟากฟ้า
“ทักษะเทห์สวรรค์ คทาราชัน!”
คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกพร้อมกับลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างราชันฟากฟ้ากลายเป็นคทาเปล่งประกายแวววาวไม่มีที่สิ้นสุด
ทะเลสาบสวรรค์แหวกออกจากกันเมื่อกระบวนท่าโจมตีครั้งใหญ่สองสายปะทะกัน
ครืน! ครืน!
ทันใดนั้นเสียงราวกับฟ้าฟาดก็โหมกระหน่ำไม่รู้จบ คลื่นหลิงรุนแรงพัดออกมาทำให้เกิดคลื่นขนาดหมื่นจั้งในทะเลสาบสวรรค์โดยรอบ
เมื่อผู้ชมเห็นกระบวนท่าฟาดฟันดุร้าย พวกเขาก็อึ้งไปด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาตระหนักว่าร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่ใต้เท้าของมู่เฉินยังคงพราวไปด้วยประกายสีทองโดยไม่จางลงแม้แต่น้อย
“มู่เฉินสามารถสู้กับเซี่ยหยู่ถึงขั้นนี้ได้หรือเนี่ย?!” มีคนอดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะตอนนี้เซี่ยหยู่ได้ดึงพลังทั้งหมดออกมารวมทั้งทักษะเทห์สวรรค์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เปรียบอย่างชัดเจน
“ร่างเทห์สวรรค์ร่างนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน!” มีคนสายตาเฉียบแหลมสามารถบอกได้เหตุผลสำคัญที่มู่เฉินสามารถต่อสู้กับเซี่ยหยู่ถึงระดับนี้ได้ด้วยพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้น ก็เพราะร่างเทห์สวรรค์ลึกลับของเขา
“ถ้าการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปและเซี่ยหยู่ไม่มีกระบวนท่าอื่นๆ อีก เขาก็คงทำอะไรมู่เฉินไม่ได้แล้วจริงๆ…” ใครบางคนถอนหายใจขณะที่มองมู่เฉินด้วยสายตาตกตะลึง เนื่องจากการที่สามารถต่อสู้กับเซี่ยหยู่ได้อย่างทัดเทียมด้วยพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้น บ่งบอกว่ามู่เฉินทรงพลังเพียงใด
“หลังจากการต่อสู้นี้อันดับห้าบนทำเนียบจะเป็นของมู่เฉินแน่นอน”
ขณะที่มู่เฉินและเซี่ยหยู่ต่อสู้กัน
ลำแสงสีทองก็พุ่งทะยานออกมาจากระยะไกล
จาโหลหลัวยืนบนเรือมังกรทองคำโดยสองมือไพล่หลัง กระจกทองแดงลอยคว้างอยู่ แสงหลิงวูบไหวบนกระจกซึ่งแสดงให้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและเซี่ยหยู่
“ร่างเทพสุริยะที่มันฝึกฝนแตกต่างจากของข้า ดูเหมือนว่าร่างนั่นมีความลึกซึ้งอย่างแท้จริง ต่อให้การฝึกคล้ายกันแต่ก็ชำระร่างเทห์สวรรค์ที่แตกต่างกัน” จาโหลหลัวมองไปที่ร่างเทพสุริยะในกระจกขณะที่สายตาวูบไหว
“ดูเหมือนเซี่ยหยู่จะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจัดการกับมู่เฉิน เมื่อคลื่นหลิงของเจ้านั่นหมดลงอย่างสมบูรณ์ ข้าก็จะเคลื่อนไหวฆ่ามันได้” จาโหลหลัวยิ้มบาง เขาไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับมู่เฉินอย่างยุติธรรมและปะทะกันตรงๆ เขาคิดจะฆ่ามู่เฉินในขณะที่อีกฝ่ายอ่อนแอ
จาโหลหลัวไม่สนใจสำหรับคนนอกจะมองว่าเขาชนะการต่อสู้แบบไร้ศักดิ์ศรี! ในโลกนี้คนที่ยืนหยัดสุดท้ายเท่านั้นที่จะชนะ!
เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ จาโหลหลัวก็ควบคุมเรือมังกรทองคำเตรียมเข้าสู่สนามรบก่อนที่เซี่ยหยู่จะสังหารมู่เฉิน
ฟิ้ว!
ทว่าสายตาของจาโหลหลัวก็ต้องหดเกร็งทันที สองนิ้วแตะออกไปบนมิติที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าขณะที่กระบี่ยาวที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกอย่างน่ากลัว ฉีกท้องฟ้าเข้ามา
เคร้ง!
ดัชนีปะทะกับกระบี่ยาว ทำให้กระบี่แตกเป็นน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในเวลาเดียวกันภาพเงาก็ปรากฏขึ้นในอากาศอย่างลึกลับ
“หุ่นเงา?” จาโหลหลัวมองไปที่ร่างนั้นพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมองไปยังระยะไกล มีคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำแล้วพุ่งมาเบื้องหน้าเขาในช่วงสั้นๆ
เมื่อเห็นการมาถึงของคนผู้นี้ คิ้วของจาโหลหลัวก็เลิกขึ้น เนื่องจากเขาพบว่านางก็คือหญิงสาวลึกลับที่อยู่ข้างมู่เฉิน—หลินจิ้ง
“เฮ้ ทำตัวดีๆ หน่อย ไปหาจิตทะเลสาบสวรรค์โน้นไป อย่าวิ่งวุ่นวาย” หลินจิ้งโยนไข่มุกดำที่ปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณในมือ ขณะมองไปที่จาโหลหลัวและพูดขึ้น
จาโหลหลัวหรี่ตามองไปที่หลินจิ้ง ก่อนจะหยุดสายตาจ้องไข่มุกดำแล้วม่านตาหดเกร็ง
นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงรัศมีอันตรายที่มาจากไข่มุกนั่น
ไข่มุกชิ้นนี้เป็นอาวุธมหสวรรค์?! ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ทำไมนางถึงมีของล้ำค่าเช่นนี้เหมือนเป็นของธรรมดาได้?!
สายตาจาโหลหลัววูบไหว จากนั้นก็หยุดการควบคุมเรือพลางยิ้ม “แม้ว่าเจ้าจะหยุดข้าได้ มันก็ตายอยู่ดี”
เซี่ยหยู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่าย แม้จะมีร่างเทพสุริยะมู่เฉินก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ทว่าเมื่อหลินจิ้งได้ยิน นางก็ยิ้มอ่อน “งั้นเรามาพนันกันหน่อยไหมล่ะ?”
“ฮ่าๆ”
จาโหลหลัวยิ้มแต่ไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจจะวางเดิมพัน แต่เขาก็หยุดเคลื่อนไหวลงแล้วเนื่องจากเขารู้ว่าต่อให้เขาฝ่าการขัดขวางของหลินจิ้งไปได้ สมรภูมิตรงนั้นก็จบลงแล้ว
“แม้ว่าเจ้าจะขัดขวางข้า แต่ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้… เซี่ยหยู่เชิญคนมาช่วยก่อนหน้านี้” จาโหลหลัวเงยหน้าขึ้นมองระยะไกลด้วยความหมายลึกซึ้ง
เวลาเดียวกันอีกสองจุดในทะเลสาบสวรรค์
จู้เยี่ยนก็ปรากฏตัวต่อหน้าเซียวเซียว แต่ไม่ได้ขยับ เขาเพียงแค่หยุดเซียวเซียวไม่ให้ไปยังทิศทางของมู่เฉิน
อีกจุดหนึ่งใบหน้าของจิ่วโยวเย็นชาลงขณะมองไปที่ซูชิงหยิงที่มาปรากฏตัวต่อหน้า ซูชิงหยิงยักไหล่ใส่อย่างไม่ยี่หระ “เซี่ยหยู่จ้างข้าแพงมากเพื่อขัดขวางเจ้า ข้าไม่ต้องการลงมือหนัก ดังนั้นรบกวนเจ้าอยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม?”
สายตาของจิ่วโยวเต็มไปด้วยแววเย็นเยือก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับ นางจ้องไปที่ซูชิงหยิง “เซี่ยหยู่-ตาย-แน่!”
บทที่ 1148 ตราราชันไศลนที
ตึง!
คลื่นกระแทกรุนแรงกวาดหายนะในทะเลสาบสวรรค์ คลื่นทุกลูกทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดถึงกับหนังหัวชาหนึบ พวกเขารู้ว่าหากถูกกระบวนท่านี้เข้าคงตายคาที่แน่ แม้ว่าจะใช้ทุกทักษะที่มีออกมาก็ตาม
ดังนั้นสามารถเห็นได้ว่ามู่เฉินน่ากลัวเพียงใด แม้ว่าจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นก็ตาม
หลายคนทอดถอนหายใจในใจขณะที่มองไปที่สมรภูมิดุเดือด ขณะนี้มีร่างเทห์สวรรค์ใหญ่โตสองร่างที่เอิบอาบคลื่นทรงพลังพร้อมกับการโจมตีด้วยคลื่นหลิงจำนวนมากซัดไปหาอีกฝ่าย
การโจมตีเหล่านั้นทำให้โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พลังงานหลิงที่มีก็หมดลงมาก ตอนแรกเมื่อเซี่ยหยู่เห็นว่าไม่สามารถเอาชนะมู่เฉินได้อย่างรวดเร็ว เขาก็เลิกใช้ความเร็วและเลือกที่จะทำให้คู่ต่อสู้หมดแรง
เพราะเขาอยู่ในขั้นเก้าระยะเต็มแล้วโดยอยู่ห่างจากระดับตี้จื้อจุนเพียงก้าวเดียว ในแง่ของความหนาแน่นพลังงานหลิงของเขาเข้มข้นกว่ามู่เฉิน
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเขาเชื่อว่าจะสามารถทำให้มู่เฉินหมดแรงได้
ทว่าความคิดมักดีเสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ตระหนักว่าร่างเทพสุริยะที่อยู่ใต้เท้าของมู่เฉินยังคงเปล่งประกายแวววาว
พลังงานของอีกฝ่ายดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดและเทียบได้กับเขาเลยทีเดียว
“เป็นไปได้ยังไง?!”
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เขียวคล้ำ เขาไม่รู้ว่าหลังจากรวมกับเพลิงอมตะคลื่นหลิงของมู่เฉินก็มีลักษณะไม่มีวันหมดสิ้น ดังนั้นความยากลำบากในการทำให้มู่เฉินเหนื่อยล้าเกินจินตนาการของเซี่ยหยู่ไปไกล
“ร่างเทห์สวรรค์ของมันทรงพลังมากเกินไปบวกกับพลังกายก็น่ากลัวยิ่งกว่า ถ้าต้องการฆ่ามัน ก็ต้องแยกมันออกจากร่างเทห์สววรค์แล้วจัดการทันที!”
แต่เซี่ยหยู่ก็ไม่ใช่ธรรมดา เขายังหาทางได้แม้แต่ในเวลานี้ หนึ่งในเหตุผลหลักที่มู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาได้ก็เนื่องมาจากร่างเทพสุริยะลึกลับ
ตราบใดที่เขาสามารถแยกมู่เฉินออกจากร่างเทพสุริยะได้ เซี่ยหยู่เชื่อว่าจะสามารถฆ่ามู่เฉินได้ไม่ยาก
แต่เขาจะต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อแยกมู่เฉินออกจากร่างเทห์สวรรค์ ซึ่งนี่ทำให้เขาลังเล ตอนแรกเขาเตรียมใช้ทักษะนี้กับจาโหลหลัว ถ้าเขาใช้ตอนนี้อนาคตก็จะถูกจาโหลหลัวตั้งระวังไว้
ความลังเลเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เซี่ยหยู่จะปัดออกไปอย่างเด็ดขาด ตราบใดที่เขาสามารถจับมู่เฉินและได้รับร่างเทห์สวรรค์นี้ การเก็บเกี่ยวก็จะคุ้มค่า
ฮา
ด้วยการตัดสินใจนี้ เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างน่าขนพองสยองเกล้าก่อนที่เขาจะกัดลิ้นพ่นเลือดออกมาพร้อมกับแสงสีดำเปล่งออกมาจากเลือด
แสงสีดำสนิทขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตราหยกสีดำที่มีภูเขาและแม่น้ำสลักอยู่กำลังเปล่งความหนักหน่วงอันทรงพลังจนแม้แต่มิติก็พังทลาย
“นั่นคือ…สมบัติล้ำค่าของแคว้นเซี่ยตราราชันไศลนที?” เมื่อผู้ชมเห็นตราหยกดำนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็ฉาบด้วยความตกใจขณะอุทาน
“เป็นไปได้ยังไง?! ตราราชันไศลนทีเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลางที่สามารถควบคุมได้โดยจอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนเท่านั้น นอกจากนี้นั่นก็เป็นสมบัติของฮ่องเต้เซี่ยทำไมเขาถึงมอบให้เซี่ยหยู่? ถ้าเซี่ยหยู่สูญเสียไปละก็จะเป็นผลกระทบใหญ่ต่อขุมกำลังของแคว้นเซี่ยเลยนะ!”
“นั่นไม่ใช่ตราราชันไศลนทีของจริง! น่าจะเป็นแบบจำลองที่ชำระโดยฮ่องเต้เซี่ย แม้ว่าการใช้งานจะจำกัด แต่ความสามารถก็เทียบได้กับอาวุธมหสรรค์ขั้นต่ำ!” มีสายตาแหลมคมบางคู่แยกแยะออกมาได้
“แม้ว่าจะเป็นของจำลอง แต่ความสามารถก็ยังน่ากลัว ดูเหมือนว่าเซี่ยหยู่ตัดสินใจฆ่ามู่เฉิน ถึงเอาไม้ตายนี้ออกมา!” มีคนถอนหายใจ เซี่ยหยู่ซ่อนสิ่งนี้ไว้ลึกมาก แต่ตอนนี้เขาถูกบังคับให้นำออกมา
เมื่อความวุ่นวายระเบิดขึ้น มู่เฉินก็มองไปที่ตราหยกดำก่อนที่จะหดดวงตา ที่แท้นั่นก็คือสมบัติประจำแคว้นเซี่ย แบบจำลองของตราราชันไศลนทีหรอ?
ดูเหมือนว่าเซี่ยหยู่ก็มีไม้ตายอยู่ในมือ!
“แกน่าจะภูมิใจที่บังคับให้ข้ามาไกลขนาดนี้!” เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างมืดมน จากนั้นเขาก็วาดตราประทับขึ้นก่อนที่ตราหยกดำจะสั่นเบาๆ ภาพสลักบนตราหยกราวกับกลายเป็นภาพเหมือนจริง
“ตราราชันไศลนที ม่านไศลนที!”
เซี่ยหยู่สะบัดนิ้วบนตราหยกเสียงก็ดังกระหึ่มออกมา จากนั้นทุกคนก็เห็นภาพเหมือนพุ่งออกไปเป็นแนวกั้นกดลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มร่างเทพสุริยะไว้
เมื่อม่านล้อมรอบตัว มู่เฉินก็สามารถรู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงของเขากับร่างเทพสุริยะถูกตัดขาดจากกัน
ดังนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่ปล่อยออกมาจากมู่เฉินจึงอ่อนแอลงอย่างมาก
สายตาของมู่เฉินกลายเป็นเคร่งเครียด ม่านนี้แปลกเกินไป กระทั่งตั้งระวังไว้ แต่ม่านก็ยังคลี่ผ่านแนวป้องกันของเขา ห่อหุ้มร่างเทพสุริยะได้
“อาวุธมหสวรรค์ที่มุ่งเป้าไปที่ร่างเทห์สวรรค์โดยเฉพาะเรอะ?” มู่เฉินตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาวุธประเภทนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าตราราชันไศลนทีทรงพลังเพียงใด หากสามารถปิดผนึกร่างเทห์สวรรค์ของอีกฝ่ายตอนสู้กัน นั่นเท่ากับว่าจะอยู่ยงคงกระพันในสมรภูมนี้
มิน่าล่ะชื่อเสียงของฮ่องเต้เซี่ยในทวีปทวีปเทียนหลัวถึงได้โด่งดังมาก ที่แท้ก็เพราะมีอาวุธมหสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้… แม้แต่แบบจำลองก็มีพลังมาก ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการได้ว่าตราของแท้จะทรงพลังเพียงใด
“มู่เฉินสายไปที่จะเสียใจ!” เซี่ยหยู่มองสีหน้าของมู่เฉินที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มประหลาด ตอนนี้มู่เฉินไม่สามารถหลบจากเงื้อมมือของเขาได้อีกต่อไป
สายตาของมู่เฉินวูบไหว แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป แต่ในใจเขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมากเกินไป ตราราชันไศลนทีทรงพลังอย่างแท้จริง แต่ตัวเขาก็มีพัดเทพสายลมเหมือนกัน ถ้าเขานำพัดออกมาก็จะสามารถลบม่านนี้ลงได้
ทว่ามู่เฉินไม่คิดจะใช้เนื่องจากเก็บไว้เป็นไม้เด็ด เขาไม่ต้องการนำออกมาที่นี่ เพราะจะเก็บไว้ใช้กับจาโหลหลัว
ตู้ม!
ขณะที่ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในใจมู่เฉิน เซี่ยหยู่ก็ไม่ลังเลกระทืบเท้าลงไป ร่างราชันฟากฟ้าที่อยู่ใต้เท้าระเบิดออกมาพร้อมกับแสงหลิงนับไม่ถ้วน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ขยายขนาดดูราวกับเหมือนยักษ์ขนาดเล็ก นอกจากนี้พื้นผิวร่างกายยังปกคลุมไปด้วยลวดลาย ความผันผวนที่น่ากลัวกระเพื่อมออกมา
แกร็ก
เซี่ยหยู่ค่อยๆ กำหมัดแน่น เสียงแตกเสียดแก้วหู เมื่อมองไปที่มู่เฉินรอยยิ้มน่ากลัวก็ปรากฏบนใบหน้า มู่เฉินสูญเสียการสนับสนุนจากร่างเทห์สวรรค์ ส่วนเขาสามารถพึ่งพาร่างราชันฟากฟ้าได้ ดังนั้นทั้งคู่ไม่อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไป
ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว
ปัง!
เซี่ยหยู่ยิ้มและพุ่งออกมาเป็นริ้วแสง ยิงตรงไปที่มู่เฉิน ภาพซ้อนปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคลื่นเสียงเจาะแก้วหู
“หมัดราชัน!”
เซี่ยหยู่คำรามขณะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมา ขณะนี้เขาคล้ายกับดวงอาทิตย์เอิบอาบด้วยแรงกดดันคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าทรงเกียรติปรากฏบนดวงอาทิตย์ประหนึ่งจักรพรรดิ
ความกดดันที่น่ากลัวห่อหุ้มลงมา ทำให้มู่เฉินรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบินฉวัดเฉวียนอยู่บนพื้นผิวร่างกายส่งเสียงคำรามออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงอันตรายเช่นกัน
ถ้ามู่เฉินถูกกระบวนท่านี้ซัด แม้จะมีพลังกายแข็งแกร่งก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทุกคนถอนหายใจ พวกเขาทั้งหมดคิดว่ามู่เฉินคงจะจบชีวิตที่นี่แล้ว
หมัดราชันขยายออกไปอย่างรวดเร็วในดวงตาของมู่เฉิน ไอความตายทำให้ม่านตาของมู่เฉินหดลง แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือมู่เฉินไม่ได้ถอยหนี ตรงกันข้ามเขายังยืนมั่นอยู่ในตำแหน่งเดิม
“กลัวจนขาแข็งเลยเรอะ!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากเซี่ยหยู่
มู่เฉินไม่ได้ใส่ใจ เขารู้สึกได้ถึงไอความตายก่อนที่จะหลับตาลงท่ามกลางสายตาหวาดผวานับไม่ถ้วนราวกับว่ายอมแพ้
“เขายอมแพ้แล้ว” หลายคนถอนหายใจ หลังจากสูญเสียร่างเทห์สวรรค์ก็ชัดที่มู่เฉินจะรู้ตัวว่าไม่สามารถต่อสู้กับเซี่ยหยู่ได้
ทว่าขณะที่ทุกคนมีความคิดเช่นนั้น จังหวะนั้นมู่เฉินก็ลืมตาโพลง เส้นเลือดพล่านไปทั่วม่านตา
รัศมีการสังหารที่ไม่อาจจินตนาการได้รวมตัวกันรุนแรงภายในร่างกายของมู่เฉิน
เขารู้สึกได้ถึงไอความตายอีกครั้งจากหมัดของเซี่ยหยู่
หากเขาต้องการฝ่าสถานการณ์นี้ เขาก็ต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของตนเท่านั้น!
มู่เฉินค่อยๆ กำหมัดแน่น รัศมีการสังหารรุนแรงพุ่งออกมา ยามนี้แม้แต่ทะเลสาบสวรรค์ก็ดูเหมือนว่าถูกย้อมด้วยรัศมีสังหาร
มู่เฉินยกกำปั้นขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ ชกออกไป
ทว่าเมื่อหมัดที่ดูธรรมดาเหวี่ยงออกไป น้ำในทะเลสาบก็ระเบิดขึ้นกะทันหัน
รัศมีการเสียสละตัวเองกลายเป็นปีศาจทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
สังเวยร่างกายปีศาจของข้า ทำลายอดีตและปัจจุบัน!
หมัดปีศาจพลีชีพ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น