หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1125-1126

 บทที่ 1125 ผู้บัญชาการตำหนักสายลม

เมื่อทั้งสามก้าวเข้าไปในโถงสีฟ้าอมเขียว


แสงพร่างพราวก็ทำให้สายตาพวกเขาพร่ามัวไปก่อนที่จะปรับการมองเห็นได้ เบื้อหน้าเป็นโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่และยิ่งใหญ่


โถงปูด้วยหินสีฟ้าอมเขียว เสาสลักที่ดูเหมือนพายุเฮอริเคนขณะที่รองรับเพดานโถงไว้ ตรงกลางเป็นสระน้ำลึกที่มีดอกบัวผุดขึ้นบนผิวน้ำ หมอกสีฟ้าอมเขียวลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำกระจายไปทั่ว


ทั้งสามหายใจเข้าเล็กน้อยก่อนที่จะเพ่งสายตาพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป เนื่องจากพวกเขาสังเกตเห็นว่าหมอกนี้บรรจุด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์และหนาแน่น


“สระน้ำนี่…” ดวงตาของมู่เฉินสว่างวาบเมื่อมองไปที่สระน้ำพลางเลียริมฝีปาก


“นี่คือสระน้ำที่สร้างมาจากของเหลวจื้อจุน!” จิ่วโยวอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความตกตะลึงในนัยน์ตา นางอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดกับความมั่งคั่งของตำหนักสายลม แอ่งน้ำบริสุทธิ์เช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้ของเหลวจื้อจุนหลายร้อยล้านหยดในการเติม


แม้ว่าน้ำในสระจะตื้นเขินขึ้นมาก แต่ก็มีไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านหยดแน่นอนหากคิดกลั่นออกมา… ซึ่งจำนวนนี้ก็ยังมหาศาลสำหรับอาณาเขตกงเวทสวรรค์


“สมกับเป็นหนึ่งในเก้าตำหนักมั่งคั่งจริงๆ” มู่เฉินกล่าวชื่นชมแต่ไม่ได้ใจร้อนที่จะรวบรวมของเหลวจื้อจุน เขากวาดสายตามองไปรอบโถง


จากนั้นสายตาเขาก็จดจ่อไปในส่วนลึก มีเสาใหญ่โตมากสองเสาพร้อมกับเปล่งปลั่งด้วยเกลียวแสงมาจากด้านบน ซึ่งมีวัตถุสองชิ้นอยู่ในนั้น


พัดขนนกสีเขียวอมฟ้าและม้วนคัมภีร์หยกเขียว


สายตาของมู่เฉินจ้องไปที่พัดขนนกสีเขียวอมฟ้าเป็นชิ้นแรก ดวงตาก็อดหดลงไม่ได้ “นั่นคือ…อาวุธมหสวรรค์?!”


แม้ว่าพัดขนนกจะดูธรรมดา แต่มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่ออกมาจากวัตถุนั้นซึ่งไม่ใช่ระดับอาวุธเสมือนมหสวรรค์แน่นอน


ดังนั้นมันต้องเป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้!


ม้วนคัมภีร์หยกเขียวก็ต้องเป็นอะไรที่พิเศษ ไม่งั้นคงไม่ได้วางอยู่ข้างพัดขนนก


“สมชื่อวังสวรรค์บรรพกาล” จิ่วโยวถอนหายใจ ผู้บัญชาการตำหนักสายลมเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นกลับครอบครองอาวุธมหสวรรค์ของแท้ เพียงแค่สิ่งนี้อย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้ขั้วอำนาจสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือตาร้อนผ่าว เพราะแม้กระทั่งมั่นถัวหลัวยังได้อาวุธมหสรรค์จากมู่เฉินไปเท่านั้น


“ดูเหมือนว่าการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ไม่น้อยเลยนะ” ดวงตาของหลินจิ้งเปล่งประกายสดใสขณะหัวเราะร่าเริง


“สมบัติเป็นของดี แต่คงไม่ง่ายที่จะได้รับ” มู่เฉินส่ายหัวชี้ไปทางด้านหลังสระน้ำ ซึ่งมีบันไดหินพร้อมกับที่นั่งไล่เรียงสองข้างของบันได มีร่างเงานับไม่ถ้วนนั่งอยู่


แต่ละร่างสวมเสื้อคลุมเย็บปักประณีต บางคนเป็นเจียวเขียว บางคนเป็นเจียวทองคำ นอกจากนี้ยังมีสองมังกรขาวและหนึ่งมังกรเขียว…


ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของตำหนักสายลมที่มีศิษย์ระดับมังกรเขียวอยู่ในอันดับสูงที่สุด ดูจากที่นั่งเขาจะต้องมีสถานะสูงในตำหนักแห่งนี้แน่


ซากร่างของพวกเขาถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี สามารถมองเห็นเนื้อหนังหุ้มโครงกระดูกได้ ทว่าทั้งหมดก็ยังฉายความหวาดกลัวบนใบหน้าแข็งทื่อ


ตอนที่เผ่าปีศาจต่างมิติบุกเข้ามาพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากเทลงมา พวกเขาน่าจะตระหนักได้ แต่ก่อนที่จะทันป้องกัน ชีวิตก็ถูกพรากไปตลอดกาลแล้ว


“ก็แค่ซากศพเอง” หลินจิ้งไม่ได้สนใจ นางสะบัดมือ มวลลมคลื่นหลิงก็กวาดออก


เมื่อลมพัดผ่านซากศพเหล่านั้นก็กลายเป็นฝุ่นกระจายหายไป


ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจทั้งโถงก็ว่างเปล่า


ทว่าใบหน้าของทั้งสามกลับค่อยๆ เคร่งเครียดลงหลายส่วน เมื่อมองไปที่ปลายบันไดโดยมีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว


ร่างนั้นสวมชุดสีฟ้าอมเขียวอยู่ในวัยกลางคนพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูสง่างาม ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังเล็ดลอดออกมา


ทั้งสามมองไปที่ร่างเงานั้นมุมหางตาก็กระตุก ตามตำแหน่งและรัศมีบอกชัดเจนว่า… นี่คือเจ้าตำหนักสายลม


โถงปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน ทั้งสามก็นิ่งไม่ได้ขยับ แต่สายตาจับจ้องไปที่ผู้บัญชาการตำหนักสายลม นั่นเพราะพวกเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าที่เบื้องหน้าคือคนตายไปแล้ว…หรือติดเชื้อจากรัศมีปีศาจกัน


ไม่นานร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็สั่นเทิ้มภายใต้การจ้องมองของทั้งสาม ดวงตาที่ปิดมานับหมื่นปีเปิดขึ้นอย่างช้าๆ


ดวงตาคู่นั้นมีสีดำสนิทแฝงด้วยสีแดงก่ำดูน่ากลัวยิ่งนัก


“ง่า” หลินจิ้งอดกลอกตาไม่ได้


มู่เฉินและจิ่วโยวมองแรงใส่นางด้วยสายตาเคืองๆ “เจ้านี้ปากอีกาจริงๆ… สิ่งเลวร้ายที่เจ้าพูดดันเป็นจริงซะแล้ว”


ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาที่นี่ หลินจิ้งหวังว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมคงจะไม่กลายเป็นปีศาจร้าย ไม่คิดว่าคำพูดนั้นจะเป็นจริงเมื่อเข้ามา


“งั้นจะเผ่นไหม?” หลินจิ้งบึนปาก


มู่เฉินไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ลองกันก่อนดีไหม?”


เขามองไปที่สระน้ำที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นหลิง พัดขนนกสีฟ้าอมเขียวและม้วนคัมภีร์หยกก่อนจะเลียริมฝีปาก


แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังถูกล่อลวงด้วยสมบัติเหล่านี้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย พวกเขาเข้ามาในวังสวรรค์บรรพกาลเพื่อมองหาโอกาสใหม่และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากยอมแพ้ง่ายเมื่อสิ่งนั้นอยู่แค่เอื้อมมือ


“คิกๆ งั้นลองดูกันสักตั้ง!” ดวงตาของหลินจิ้งกะพริบด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่อยากออกไปโดยไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไร


จิ่วโยวพยักหน้าเห็นด้วย ในเมื่อทุกคนไม่อยากถอยไปก็รวมพลังลองกันสักตั้ง หวังว่าตอนนี้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะอ่อนลงจนต่ำกว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้ว


เมื่อทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน ดวงตาผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็เล็งมาที่มู่เฉินก่อนจะลุกขึ้นกระทืบเท้า


ตู้ม!


พายุสีดำกวนตัวใต้ฝ่าเท้าเขา ฉีกมิติพุ่งเข้าหาทั้งสามอย่างรวดเร็ว เส้นทางผ่านมิติพังทลาย


วาบ!


เมื่อพายุโจมตีเข้ามา แสงเย็นยะเยือกก็วูบไหว ตุ๊กตาน้ำแข็งของหลินจิ้งมายืนตรงหน้าเสือกแทงพายุด้วยกระบี่ยาว


รัศมีเย็นเยือกร้อยจั้งพวยพุ่งราวกับอสรพิษปะทะกับพายุสีดำจังใหญ่


ปัง!


จังหวะที่ปะทะกันอากาศก็ระเบิดออกพร้อมกับคลื่นกระแทกที่เห็นด้วยตาเปล่ากระหน่ำออกมาทำให้มิติโดยรอบกระเพื่อมพร้อมกับเสียงราวกับฟ้าคำรน


ครืน!


ร่างตุ๊กตาน้ำแข็งสั่นสะท้านก่อนจะถูกคลื่นกระแทกซัดออกไป ชนเข้ากับเสาหินหนาทำให้กลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา


แค่กระบวนท่าแรกตุ๊กตาน้ำแข็งซึ่งเทียบได้กับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็เสียเปรียบเต็มประตู


ใบหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไป พลังของผู้บัญชาการตำหนักสายลมเกินความคาดหมายไป


ตามการคาดการณ์แม้ว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะรักษาสภาพร่างกายได้จากรัศมีปีศาจแต่ก็น่าจะอ่อนแอลงมากเพราะผ่านมานับหมื่นปีแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่าแม้อ่อนแอลงก็ยังเกินกว่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มทั่วไป


ฮา


มู่เฉินสูดหายใจลึกสุดปอด ไอเย็นเยือกพรั่งพรูในนัยน์ตา เขากำมือหอกสีแดงก่ำก็ปรากฏอยู่ในมือพร้อมกับชุดเกราะสลักด้วยมังกรเพลิงเหี้ยมหาญสวมลงบนร่างกาย


นี่คือชุดเกราะสงครามมังกรแดงที่ได้มาจากเซี่ยหง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ตั้งแต่ได้รับ


ตู้ม!


สวมชุดเกราะไว้ หอกก็ชี้ปลายลง คลื่นหลิงรอบตัวมู่เฉินก็พวยพุ่งรุนแรง จนถึงจุดที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังหวาดกลัว


ตุ๊กตาน้ำแข็งลอยขึ้นไปกลางอากาศ กระบี่ยาวชี้ไปทางผู้บัญชาการตำหนักสายลม


ส่วนรอบร่างจิ่วโยวพลุ่งพล่านด้วยเพลิงผลึกใสสว่างไสว ทำให้อุณหภูมิร้อนระอุในทันที มากจนแม้แต่มิติก็บิดเบี้ยว


ใบหน้าของหลินจิ้งจริงจังขึ้นพร้อมกับเกลียวแสงสีขาวเต้นระริกที่ปลายนิ้วมือ ดูเหมือนจะกลายเป็นอักขระโบราณที่แปลกพิศวงเอิบอาบไปด้วยความผันผวนที่น่ากลัว


สามจอมยุทธ์หนึ่งหุ่นเงาปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังออกมา ซึ่งกระจายแรงกดดันส่วนใหญ่ที่พลุ่งพล่านมาจากผู้บัญชาการตำหนักสายลมออกไป


โฮก!


เผชิญหน้ากับการรวมตัวแบบนี้ แม้ว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะไม่เหลือสติสัมปชัญญะ แต่ก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม ดังนั้นเขาจึงเปล่งเสียงคำรามลั่น รัศมีปีศาจโดยรอบก็แกร่งกร้าวขึ้น


เมื่อรู้สึกถึงพลังงานพลุ่งพล่านในร่างกาย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ควบแน่นอยู่ในดวงตาของมู่เฉิน เขาไม่ลังเลกระทืบเท้าลงไป ร่างก็พุ่งออกมาเป็นสาย


“จัดการมัน!”


เวลาเดียวกันเสียงคำรามของมู่เฉินก็ดังก้องในโถงนี้


บทที่ 1126 วิธีมั่งคั่งของหลินจิ้ง

วาบ!


ขณะที่มู่เฉินคำรามก็พุ่งออกไปพร้อมกับหอกสีแดงในมือที่สั่นเทารุนแรง เขาเทคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลลงไป หอกเปลี่ยนเป็นลำแสงที่มีความยาวร้อยจั้งซัดไปที่หน้าอกของผู้บัญชาการตำหนักสายลม


บวกกับประสิทธิภาพของหอกและชุดเกราะสงครามมังกรแดง การโจมตีของมู่เฉินก็กร้าวแกร่งมากขึ้น กระบวนท่านี้สามารถฉีกร่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย


ลำแสงขยายใหญ่ขึ้นในม่านตาดำมืดของผู้บัญชาการตำหนักสายลม ก่อนที่แสงแวววาวสีดำจะระเบิดออกจากร่าง ช่างดูคล้ายกับควันพวยพุ่ง น่ากลัวอย่างผิดปกติ


ผู้บัญชาการตำหนักสายลมยื่นมือดำเมื่อมที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีปีศาจคว้าออกไปจับหอก ทำให้มิติตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


ฮึ่ม!


มิติแปรปรวนพร้อมกับเสียงครางกระหึ่ม ทว่าหอกแสงที่สามารถแทงร่างจอมยุท์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้อย่างง่ายดาย กลับถูกตรึงเอาไว้ด้วยมือสีดำจนไม่ขยับเขยื้อน


สายตาของมู่เฉินดิ่งลงเมื่อเห็นว่าหอกแสงถูกขัดขวางไว้ได้ นั่นเป็นเพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังน่ากลัวที่อยู่ในมือนั่น


มือนั่นราวกับหลุมดำ ไม่ว่าคลื่นหลิงจะรุนแรงเพียงใดก็ไม่อาจขยับเขยื้อน จนพลังเบื้องหลังต้องสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง


ผู้บัญชาการตำหนักสายลมจ้องมู่เฉินด้วยสายตาชั่วร้าย เผยรอยยิ้มหยันก่อนที่จะกำมือแน่น


ปัง!


ลำแสงถูกทำลายทันควัน


ผู้บัญชาการตำหนักสายลมยกกำปั้นขึ้นจากนั้นก็เหวี่ยงออกไปทางมู่เฉินพร้อมกับรัศมีสีดำวนอยู่รอบหมัด ทำให้มิติเบื้องหน้าระเบิดออก


ตู้ม!


เกลียวแสงสีดำปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินด้วยความเร็วเหนือแสง กระแทกเข้าที่หน้าอกมู่เฉินจังใหญ่


มู่เฉินได้รับผลกระทบหนักหน่วง ร่างปลิวออกมา เสาที่อยู่ในวิถีทางก็แตกเป็นเถ้าถ่าน


ร่างของมู่เฉินกระเด็นไปนับพันจั้นก่อนที่จะทรงตัวได้ คลื่นหลิงในร่างกายพวยพุ่งสับสนปนเป เขาก้มลงมองก็เห็นบนชุดเกราะสงครามมังกรแดงส่วนหนึ่งยุบลงไป


ภาพนี้ทำให้มู่เฉินหัวใจหวั่นไหว ผู้บัญชาการตำหนักสายลมทรงพลังมาก หากเขาไม่มีชุดเกราะนี้ คงได้รับบาดเจ็บหนักจากหมัดนี้หมัดเดียว


แต่ถึงกระนั้นอวัยวะภายในก็บอบช้ำ ความหวานตีขึ้นในลำคอ


ฮา


มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับกระแสเลือด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วน แต่จากหมัดเมื่อสักครู่เขาก็สัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพลังของอีกฝ่าย ผู้บัญชาการตำหนักสายลมดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในระดับตี้จื้อจุน แต่ก็ยังเหนือกว่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ตามการประมาณของเขาขุมพลังน่าจะอยู่ระหว่างสองระดับนี้


ดูเหมือนว่าช่วงเวลานับหมื่นปีทำให้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมอ่อนแอลงมาก


นี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่เขาไม่ใช่จอมยุทธ์ตี้จื้อจุน มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แม้จะมีตุ๊กตาน้ำแข็งร่วมสู้ด้วยก็ตาม


วาบ!


ขณะที่มู่เฉินผ่อนคลายในใจ ทันใดนั้นเขาก็ต้องหดดวงตาเมื่อเห็นมิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เบื้องหน้าก่อนที่เกลียวแสงสีดำจะพุ่งออกมาจากรอยแตกมิติ ผู้บัญชาการตำหนักสายลมปรากฏตัวที่หน้าเขา มือสีดำเมื่อมดูคล้ายกับกรงเล็บเทพความตายซัดลงบนศีรษะเขา


“ระวัง!”


เสียงตะโกนของหลินจิ้งดังก้อง ก่อนที่ไอเย็นเยียบจะพัดเข้ามา กระบี่น้ำแข็งสีฟ้าปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมู่เฉิน พุ่งเข้าปะทะกับฝ่ามือของผู้บัญชาการตำหนักสายลม


ปัง!


เมื่อกระบี่น้ำแข็งสัมผัสกับฝ่ามือก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ฝ่ามือถูกหยุดได้อึดใจเดียว จากนั้นก็ซัดลงมาต่อ


วาบ!


ทว่าขณะที่กำลังจะกดลงไปที่ศีรษะของมู่เฉินก็ทะลุผ่านไป ร่างเขากลายเป็นภาพซ้อน หลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็วภายใต้การขัดขวางในอึดใจนั้น


“ตู้ม!”


เกลียวแสงสีทองพร่างพราวระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน ร่างเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังพร้อมกับดวงตะวันสีทองลุกโชติช่วงจากร่างเทพสุริยะ


ครืน!


ฝ่ามือของร่างเทพสุริยะมีของเหลวสีทองที่บรรจุด้วยพลังมหาศาลไหลอยู่ เงาฝ่ามือขนาดใหญ่โจมตีร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม


ฝ่ามือนั้นมีพลังต่อสู้เหลือล้นทั้งจากมู่เฉินและร่างเทพสุริยะ


แสงสีทองระเบิดบนร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม ทำให้ร่างถลากลับไป เกลียวแสงสีดำแล่นแปลบปลาบบนร่างเป็นลอน แต่เห็นได้ชัดว่าแม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงเช่นนี้ ก็ไม่อาจทำให้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมได้รับบาดเจ็บหนักได้


ฉ่า! ฉ่า!


เมื่อมู่เฉินเปิดการโจมตี เพลิงผลึกใสก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวทำให้รัศมีปีศาจรอบตัวระเหยไป เหมือนมีเสียงคำรามต่ำพร่าดังออกมาเลือนราง


เมื่อเห็นฉากนี้ จิ่วโยวที่มีเพลิงผลึกใสลุกทั่วร่างก็ดีใจ ดูเหมือนว่าเพลิงอมตะของนางจะปราบปรามผู้บัญชาการตำหนักสายลมได้เล็กน้อย


ปุ!


แต่ความปีติยินดีก็คงอยู่วูบเดียว ก่อนที่เกลียวแสงสีดำทะมึนจะพุ่งออกมาจากร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมซึ่งดูราวกับน้ำหมึก เส้นทางผ่านแม้แต่มิติยังกลายเป็นสีดำมืดมิด ดับเพลิงที่ปกคลุมบนร่างกายทันที


เมื่อมู่เฉินและจิ่วโยวเห็นภาพนี้ก็ขมวดคิ้ว ผู้บัญชาการตำหนักสายลมต่อกรยากน่าดู


วาบ!


เกลียวแสงสีดำเชี่ยวกรากพุ่งขึ้นก่อนจะเฉือนลงมา ราวกับดาบขนาดใหญ่ซัดไปทางจิ่วโยว


“เสี่ยวปิงขวางไว้!”


หลินจิ้งตะโกนสั่ง ตุ๊กตาน้ำแข็งก็ปรากฏตัวเหนือร่างจิ่วโยว เบื้องหน้าอากาศเย็นควบแน่นเป็นเกราะน้ำแข็งหนา


หลินจิ้งกำมือแน่นเครื่องรางหยกหลายชิ้นปรากฏบนฝ่ามือ ก่อนที่จะเหวี่ยงออก เครื่องรางหยกเหล่านั้นติดบนร่างตุ๊กตาน้ำแข็ง รวมตัวกันเป็นชั้นหยกห่อหุ้มร่างตุ๊กตาน้ำแข็งไว้


ปัง!


ใบมีดสีดำปะทะเข้ากับตุ๊กตาน้ำแข็ง ชั้นหยกแวววาวแตกออกทีละชั้น แต่การแตกตัวของทุกชั้นใบมีดสีดำก็จะอ่อนลงส่วนหนึ่ง เมื่อโจมตีมาถึงร่างตุ๊กตาน้ำแข็ง ก็เพียงแค่ทิ้งรอยลึกไว้บนชุดเกราะเท่านั้น


เมื่อมู่เฉินกับจิ่วโยวเห็นภาพนี้ก็สูดอากาศลึกสุดปอด พวกเขาตกใจกับข้อเท็จจริงที่ตุ๊กตาน้ำแข็งสามารถต้านทานกระบวนท่าได้และไม่ถูกทำลาย ชัดว่า…ทั้งหมดเกิดจากเครื่องรางหยก


“นั่นคือ…เครื่องรางหยกอารักษ์?”


เปลือกตามู่เฉินกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ขณะมองไปที่เครื่องรางเหล่านั้น


เขาสามารถรับรู้ได้ว่าเครื่องรางหยกทรงพลังเพียงใด เพียงหนึ่งชิ้นก็สามารถต้านทานการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้ เครื่องรางเหล่านั้นถือว่าเป็นวัตถุที่สิ้นเปลือง แต่วิธีผลิตก็ยุ่งยาก ดังนั้นราคาจึงไม่ธรรมดา ถ้าคนธรรมดาสามารถครอบครองสักชิ้นหนึ่งในนั้น พวกเขาจะเก็บไว้เป็นไพ่ตายอย่างดี แต่สำหรับหลินจิ้งนางใช้ทีเป็นโหล…


การกระทำที่ฟุ่มเฟือยเหล่านั้นทำให้มู่เฉินรู้สึกปวดใจแทน


หลินจิ้งกลับสงบกับเรื่องแบบนี้ พูดแบบสบายๆ ว่า “การออกมาท่องยุทธภพครั้งนี้ข้าเตรียมการมาพร้อม… ต่อไปพวกเจ้าโจมตีเต็มกำลังเลย ข้าจะใช้ตุ๊กตาน้ำแข็งปกป้องให้ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราจะไม่สามารถจัดการมันได้!”


เมื่อมู่เฉินกับจิ้วโยวได้ยินคำพูดของหลินจิ้ง ทั้งคู่ก็พูดไม่ออกเป็นเวลานานก่อนจะยอมรับความจริงแบบหมดจดพูดพร้อมกันว่า “ยัยหีบทองเคลื่อนที่!”


เมื่อมีหีบทองเข้าร่วมศึกสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป มู่เฉินกับจิ่วโยวเทหมดหน้าตักโดยไม่สนใจใดๆ ปล่อยการโจมตีไปยังผู้บัญชาการตำหนักสายลมทุกทิศทาง ทำให้เกิดเสียงคำรามขึ้นจากเขา


เผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้บัญชาการตำหนักสายลม ตุ๊กตาน้ำแข็งก็ต้านทานได้ทุกครั้ง แต่ราคาที่จ่ายเท่ากับการบริโภคเครื่องรางที่ทรงพลังกองหนึ่ง


ผู้บัญชาการตำหนักสายลมไม่มีสติปัญญาหลงเหลือ จึงไม่รู้จักหลบหลีกตุ๊กตาน้ำแข็ง ดังนั้นเขาจึงไล่โจมตีแต่ตุ๊กตาน้ำแข็งโดยไม่สนว่าร่างอีกฝ่ายปกคลุมไปเครื่องรางที่เหมือนชั้นกระดองเต่า


ดังนั้นเผชิญกับหลินจิ้งที่โยนเครื่องรางหยกออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จอมยุทธ์ทรงพลังอย่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็ไม่สามารถทนต่อความเหนื่อยล้าได้ เกลียวแสงสีดำรอบตัวเริ่มร่วงโรยไปซึ่งเกิดจากฝีมือของมู่เฉินและจิ่วโยว


ถ้าสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป สุดท้ายผู้บัญชาการตำหนักสายลมคงจะเสียพลังจนต้องสลายหายไปจริงๆ


มู่เฉินกับจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันพลางถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกคิดว่าจะเป็นการต่อสู้เข้มข้น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องขบขันไปได้


ครืน!


เมื่อเวลาผ่านไปภายใต้การผลัดกันโจมตีของมู่เฉินกับจิ่วโยว ผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ทันใดนั้นเขาก็ชะงักก่อนที่จะถอยฉาก ยอมแพ้กับการโจมตีตุ๊กตาน้ำแข็ง


เมื่อมู่เฉินเห็นผู้บัญชาการตำหนักสายลมถอยห่างก็อึ้งไป ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนแปลงรุนแรง เนื่องจากเขาเห็นผู้บัญชาการตำหนักสายลมถอยไปที่ตั้งของพัดขนนกสีเขียว!


ความไม่สบายใจปกคลุมหัวใจของเขา


ขณะที่มู่เฉินรู้สึกไม่ดี ผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็โจนตัวขึ้นบนเสาหิน เขายื่นมือออกไปคว้าพัดขนนกสีเขียวไว้ในมือ


ตู้ม!


ทันใดนั้นพายุที่น่าสะพรึงก็ระเบิดออกจากพัดขนนก ราวกับว่าต้องการฉีกมิติออกจากกัน


นี่คืออาวุธมหสวรรค์ของแท้!


สีหน้ามู่เฉิน จิ่วโยวและหลินจิ้งเปลี่ยนไปมาก ไม่มีใครคิดว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะพุ่งไปหยิบอาวุธมหสวรรค์มาใช้


ด้วยพลังของเขาบวกกับอาวุธมหสวรรค์อีก แน่นอนว่าความแข็งแกร่งจะเทียบเคียงระดับตี้จื้อจุนอย่างแท้จริง!


ในเวลานั้นคงไร้ประโยชน์ไม่ว่าหลินจิ้งจะมีเครื่องรางป้องกันกี่ชิ้นก็ตาม


มู่เฉินขมวดคิ้วถอนหายใจ


“นี่เป็นปัญหาซะแล้ว”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)