หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1121-1122

 บทที่ 1121 ศิษย์ระดับมังกรทองคำคนที่สี่

เกาะหินโดดเดี่ยวเอิบอาบด้วยรัศมีโบราณ


ล้อมรอบด้วยซากปรักหักพัง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นที่นี่


ตึก


เสียงฝีเท้าดังกึกก้องพร้อมกับร่างร่างหนึ่งเดินออกจากด้านข้างเกาะหิน เมื่อร่างเงานี้ปรากฏขึ้นก็ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่แห่งนี้เดือดพล่าน


ขอบฟ้ากลายเป็นสีแดงเข้ม รอยเท้าของเขาละลายก้อนหินเป็นลาวาพร้อมกับพลังทำลายล้างที่น่ากลัว


คนผู้นี้มีผมสีแดงเพลิงราวกับเปลวไฟลุกโชติช่วงในระยะไกล เขายืนอยู่บนยอดเขาโดดเดี่ยวมองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็อุทานด้วยความประหลาดใจขณะที่หันหน้าออกไปด้านนอกวังโบราณก็เห็นเสาแสงทองคำพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า


เขาไม่ประหลาดใจกับลำแสงนี้เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งได้รับมาเช่นกัน


“ศิษย์ระดับมังกรทองคำอีกคน? หรือจะเป็นซูชิงหยิง? นางเต็มใจที่ใช้แมลงวิญญาณสู้ด้วยรึ?” เขายิ้มด้วยความประหลาดใจ แต่จากนั้นก็ไม่ใส่ใจอะไรมาก ฝ่าเท้ากระทืบลงไป เสาลาวาก็ทะยานขึ้นไปบนทองฟ้า เงาเขาหายวับไปในลาวา


ในเวลาเดียวกัน


ที่หอหินปรักหักพังอีกมุมหนึ่งของวังโบราณ ร่างสองร่างก็ยืนเผชิญหน้ากัน ความผันผวนของคลื่นหลิงอันน่าอัศจรรย์แผ่ออกมา ทำให้มิติถึงกับแปรปรวนไปหมด


นี่เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง


ผู้ชายรูปร่างสูงบางสวมชุดสีดำ ใบหน้าหล่อราวกับเทพสลัก ดวงตาลึกซึ้ง รอยยิ้มอ่อนโยนซึ่งทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มประดับบนใบหน้า


ยามนี้เขากำลังจ้องมองหญิงสาวงดงามที่อยู่ในระยะไกลด้วยสายตาอ่อนโยน


ร่างสะคราญโฉมสวมชุดสีสันสดใส ผมยาวเป็นลอนทำให้ดูน่าหลงใหล นางมีเอวเล็กคอดกิ่วรับกับช่วงขาเรียวยาว แต่นางกลับสวมผ้าคลุมหน้าบางๆ ปกปิดรูปลักษณ์ที่น่าทึ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงทรงเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ


หญิงสาวแผ่รัศมีเย็นเยือก ทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความงามของนาง แต่เป็นความจริงที่นางได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำต่างหาก


“สวัสดี แม่นาง ข้าชื่อจาโหลหลัวแห่งตำหนักเทพปีศาจ ไม่ทราบว่าเจ้ามาจากไหน? ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหญิงงามทรงพลังอย่างเจ้าในทวีปเทียนหลัวเลย” จาโหลหลัวยิ้มบาง


ตอนที่เขาได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำ ไม่นานความชื่นชมก็พังทลายและคนที่ทำลายก็เป็นหญิงสาวลึกลับตรงหน้านี้


นี่ทำให้จาโหลหลัวรู้สึกสงสัยจนต้องติดตามนางมาเพื่อพยายามที่จะค้นหาตัวตนของนาง ดูว่าสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนางได้ไหม


แต่ตอบสนองต่อคำถามอ่อนโยนของเขา หญิงสาวกลับกวาดสายตาเย็นชาให้และพูดอย่างเฉยเมย “ถ้าเจ้ายังตามก้นข้ามาอีกละก็ ข้าจะแปลความว่าเจ้าต้องการสู้กับข้า”


เมื่อได้ยินคำพูดไม่ไยดีของนาง ท่าทางของจาโหลหลัวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปพลางเงยหน้าขึ้นมองเสาแสงสีทองที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าห่างไกล


“ศิษย์ระดับมังกรทองคำอีกคนเรอะ? จะเป็นซูชิงหยิง? หรือเซี่ยหยู่?” จาโหลหลัวมองแสงสีทองพร้อมกับริ้วความประหลาดใจวูบไหวในดวงตา


หญิงสาวลึกลับก็เหลือบมองไปที่เสาแสงทองคำ แต่นางไม่ได้ให้ความสนใจมาก เท้าแตะพื้นเตรียมเคลื่อนตัวออกไป


“แม่นาง…” จาโหลหลัวร้องออกมาอีกครั้งที่เห็นนางกำลังจะไป


แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ แสงเย็นก็วาววับในนัยน์ตาของหญิงสาวลึกลับ ก่อนที่นางจะสะบัดนิ้ว ลำแสงสีรุ้งก็ยิงออกมาเล็งเป้าไปที่หน้าผากของจาโหลหลัว


การจู่โจมกะทันหันทำให้ดวงตาจาโหลหลัวหรี่แคบลง เขาไม่กล้าชักช้าเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายลึกลับเพียงใด ทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้า แสงสีทองแผ่ซ่านออกมาปกคลุมร่างกายทั้งหมด ทำให้ดูเหมือนไม่สามารถทำลายได้


ปัง!


เมื่อลำแสงอยู่ห่างออกไปจากหน้าผากครึ่งชุ่นก็ถูกขัดขวางโดยแสงสีทอง แต่พลังงานน่าอัศจรรย์ที่บรรจุอยู่ภายในก็ยังทำให้ร่างของจาโหลหลัวกระตุก


เขาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเงางดงามพุ่งออกไปไกลในพริบตา


“น่าสนใจ” จาโหลหลัวยิ้มบางขณะมองไปที่ทิศทางนั้นด้วยสายตาลึกซึ้ง หญิงสาวลึกลับคนนี้มีภูมิหลังไม่แน่ชัด แต่ความแข็งแกร่งของนางเป็นสิ่งที่ขั้วอำนาจธรรมดาไม่สามารถเลี้ยงดูได้อย่างแน่นอน


ทว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของนางในการมาที่วังสวรรค์บรรพกาล หวังว่าจะไม่ขัดแย้งอะไรกับเขานะ ไม่งั้นคงจะปวดหัวน่าดู


“ท่านประมุขบอกว่าข้าอาจจะได้พบกับจอมยุท์ที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะเช่นกัน ตราบใดที่ข้าสังหารอีกฝ่ายได้ ข้าถึงจะได้รับวิธีวิวัฒนาการร่างเทพสุริยะ” จาโหลหลัวยืนมือไพล่หลัง เสื้อคลุมสีดำปลิวไปตามสายลม ความเย็นเยียบวูบไหวในดวงตา


“หวังว่าคนที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะจะไม่อ่อนแอเกินไป ไม่งั้นคงจะน่าเบื่อจริงๆ ร่างเทพสุริยะของข้าต้องการเลือดสดของเจ้ามาสังเวย”


จาโหลหลัวส่ายหน้าแบบไม่แยแส ก่อนจะก้าวออกไป มิติสั่นสะท้านร่างเขาก็หายไป


เสาทองคำทะยานขึ้นสู้ท้องฟ้าจากประตูมังกรทะยานสวรรค์ราวกับทะลุผ่านฟ้าดินและมีมังกรตัวใหญ่ขดอยู่รอบๆ ส่งเสียงคำรามของมังกรสะเทือนไปทั่วปฐพี


ผู้คนตกตะลึงเมื่อมองฉากนี้ จากนั้นก็ฟื้นจากความตกใจขึ้นมาพลางอุทานลั่น


“นั่นคือเสามังกรทองคำใช่ไหม?”


“เป็นไปได้ยังไง?! มู่เฉินได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำเรอะ?!”


“แม้แต่ซูชิงหยิงยังทำไม่สำเร็จ มู่เฉินที่มีขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าทำได้อย่างไร?”


“เขาเป็นสัตว์ประหลาดแท้จริง!”


“…”


เสียงอุทานดังลั่น ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้านี้ การระเบิดนี้น่ากลัวเกินไปในสายตาพวกเขา


ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะทำในสิ่งที่ซูชิงหยิงทำไม่สำเร็จได้


ฉินจิงเจ๋อ หลิ่วกุย หวังทงเสียนรวมทั้งจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัวก็มีสีหน้าแข็งทื่อ ความไม่เชื่อพล่านไปทั่วดวงตา


เมื่อพิจารณาจากพลังภายนอกพวกเขาไปไกลกว่ามู่เฉินหลายขุม โดยเฉพาะฉินจิงเจ๋อซึ่งมีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุด แต่ก็ได้รับการประเมินเป็นศิษย์ระดับเจียวทองคำเท่านั้น


พวกเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ซูชิงหยิง ขณะนี้หญิงสาวกำหมัดแน่น ความตกตะลึงฉายบนใบหน้า


นางผ่านมาแล้วดังนั้นจึงรู้เกี่ยวกับการทดสอบของประตูและรู้ว่าศิษย์ระดับมังกรทองคำยากแค่ไหน แม้แต่นางก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ แต่สุดท้ายนางไม่เต็มใจที่จะยอมสูญเสีย ดังนั้นจึงเลือกถอยกลับรับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรเขียวแทน


ทว่านางไม่คิดว่ามู่เฉินจะนำหน้านาง ได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำไป


นั่นหมายความว่ามู่เฉินต้องมีไพ่ตายทรงพลังที่สามารถเผชิญหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้!


“เจ้านั่น!” ซูชิงหยิงกัดฟัดกรอด ครั้งนี้นางมองพลาดไป ตอนแรกนางคิดว่าจะเป็นหญิงสาวอ่อนวัยที่น่ากลัวที่สุด แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะน่าเกรงขามเช่นกัน


“เขาได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำจริงๆ”


ขณะที่ทุกคนตกตะลึง หลินจิ้งก็เงยหน้าหัวเราะคิกคัก ท่าทางไม่ได้ดูแปลกใจ เพราะแม้แต่มารดาของนางก็ยังประเมินผู้ชายคนนี้ไว้สูงมาก ดังนั้นหลินจิ้งจึงไม่เชื่อว่าแค่ป้ายมังกรทองคำจะทำให้เขาล้มเหลวได้


จิ่วโยวยิ้มพลางพยักหน้าไม่มีความแปลกใจเช่นกัน


ที่ด้านหลังพวกนางเหล่าจอมยุทธ์ภูมิภาคทางเหนือก็อึ้งกิมกี่ราวกับว่าเห็นผี แม้พวกเขาจะรู้ว่ามู่เฉินมีไพ่ตายเต็มแขนเสื้อ แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำ


เฉวียนหมิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใบหน้าแข็งทื่อไป หากมู่เฉินได้ตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำด้วยความสามารถที่มี นั่นก็หมายความว่าเขาซ่อนความสามารถไว้ลึกและความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏภายนอก


ความจริงนี้ทำให้เขาแตกเหงื่อพลั่ก ก่อนหน้าเขายังต้องการจะเป็นหัวหน้ากลุ่มย่อยนี้ แต่ตอนนั้นมู่เฉินไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะแข่งขัน มิฉะนั้นขุมพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดที่มีคงไม่พอแน่


ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน แสงสีทองบนท้องฟ้าก็คงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นภาพเงาของมู่เฉินและรังสีสีทองควบแน่นเป็นป้ายทองคำโบราณเบื้องหน้า


มู่เฉินมองไปที่ป้ายมังกรทองคำก็คลี่ยิ้มก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ภายใต้สายตาที่กวาดผ่าน ทุกคนก็บ่ายหน้าหลบไม่กล้ามองตรงๆ ที่เขาอีกแล้ว


ฉากนี้บ่งบอกทุกคนว่ามู่เฉินเป็นพวกพยัคฆ์ซ่อน พลังที่เขาครอบครองน่าสะพรึงพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังขั้นเก้าระยะเต็มด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงระยะปลายเลย


ในโลกนี้พลังคือสิ่งที่ได้รับการเคารพเสมอ


ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่นมู่เฉินที่มีขุมพลังอีกครึ่งก้าวบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าอีกแล้ว


ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความคิดของผู้คน เขายังไม่ได้เปิดใช้งานป้ายมังกรทองคำกลับมองไปหาหลินจิ้งและจิ่วโยวและพยักหน้าให้พวกนาง


หญิงสาวทั้งสองพยักหน้า พุ่งตัวออกมาในเวลาเดียวกัน ทะยานเข้าสู่ประตูมังกรทะยานสวรรค์


บทที่ 1122 เข้าสู่เขตชั้นใน

เบื้องหน้าประตูมังกรทะยานสวรรค์


มู่เฉินมองหญิงสาวสองคนที่เข้าไป ก็ยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าสงบรอคอยทั้งสอง เขาไม่ได้สนใจกับสายตาพิลึกพิลั่นที่จ้องมองมา


สายตาของผู้คนวูบไหว แม้ว่าพวกเขาจะคันปากอยากถามว่ามู่เฉินได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าเปิดปากพูด เพราะตอนนี้มู่เฉินไม่ใช่จอมยุทธ์ที่มีพลังเท่าเดิมแค่ภายนอกเท่านั้น


แต่ซูชิงหยิงกลับยิ้มแล้วพูดว่า “พี่มู่ดูเหมือนจะมีพัฒนาการด้วยใช่ไหม? ยินดีด้วยนะ”


นางรู้สึกได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่เปล่งออกมาจากมู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหมายความว่าเขาได้พัฒนาในประตูมังกรทะยานสวรรค์ บรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าเรียบร้อยแล้ว


โดยปกติแล้วระดับจื้อจุนขั้นเก้าไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไรของนาง แต่ถ้าเป็นมู่เฉินนางก็ชักผวาหน่อยๆ


นอกจากนี้ซูชิงหยิงมั่นใจว่าเหตุผลข้อนี้ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉินเอาชนะศิษย์ระดับมังกรทองคำได้ เขาจะต้องมีไพ่ตายทรงพลังอย่างอื่นอยู่ในมือแน่นอน


เมื่อได้ยินเสียงซูชิงหยิง มู่เฉินก็ยิ้มพลางพยักหน้า “ขอบคุณ”


ซูชิงหยิงไม่ได้เสียใจกับการตอบแบบเฉยชาของมู่เฉิน นางยังคงหรี่ตายิ้มถาม “ศิษย์ระดับมังกรทองคำยากที่จะจัดการ ไม่รู้ว่าพี่มู่เอาชนะได้อย่างไร?”


พวกฉิงจิงเจ๋อ หลิ่วกุยก็เงี่ยหูฟัง


เมื่อได้ยินมู่เฉินก็ตอบเสียงราบเรียบว่า “โชคดีน่ะ”


ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารเป็นไพ่ตายของเขา ดังนั้นจึงไม่มีทางมาเปิดเผยที่นี่ หากคู่ต่อสู้รู้เรื่องพวกนี้ คงไม่มีใครให้เวลาเขาสร้างค่ายกลตอนประมือกันในอนาคตแน่


“หลอกผีไปเถอะ!”


ทุกคนสบถด่าในใจเมื่อได้ยินคำตอบ คำพูดที่ว่าเอาชนะศิษย์ระดับมังกรทองคำได้ด้วยโชคเอาไปหลอกได้แค่ผีจริงๆ แต่พวกเขาก็ทำอะไรเขาที่คิดจะปกปิดความลับไม่ได้


ซูชิงหยิงยิ้ม นางไม่คาดหวังอยู่แล้วว่ามู่เฉินจะเปิดเผยไพ่ตายตั้งแต่ต้น แต่หลังจากเหตุการณ์นี้การประเมินมู่เฉินในใจนางก็เพิ่มขึ้น คนที่คว้าตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำมาได้ ต่อให้อาศัยโชคจริงๆ ก็ต้องมีบางอย่างที่พิเศษกว่าคนอื่น


จุดนี้ซูชิงหยิงที่เคยต่อสู้กับศิษย์ระดับทองคำมาก่อนรู้ดีกว่าใคร


หลังจากบทสนทนานี้ ทั่วบริเวณก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ผู้คนจะเริ่มทะยานเข้าไปในประตูอีกครั้ง ทำให้ดูคึกคักยิ่งนัก


มู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังรักษาสีหน้าสงบนิ่งรอคอยจิ่วโยวและหลินจิ้ง


เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดสายตาเขาก็เคลื่อนไหว เนื่องจากเห็นเกลียวแสงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับร่างร่างหนึ่งอยู่ภายใน ซึ่งนี่ก็คือจิ่วโยว


ที่เบื้องหน้าจิ่วโยว รังสีควบแน่นเป็นป้ายโบราณที่ภาพเจียวทองคำอยู่ด้านบน


นี่คือป้ายเจียวทองคำ


ความโกลาหลระเบิดในฝูงชนอีกครั้งเมื่อมองไปทางจิ่วโยวด้วยความตะลึงพรึงเพริด ภายนอกนางดูมีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าเท่านั้น แต่ได้รับป้ายเจียวทองคำ ซึ่งฉินจิงเจ๋อเป็นคนเดียวที่ได้รับมาก่อน สำหรับหลิ่วกุยและคนอื่นๆ ก็ได้รับป้ายเจียวขาวเท่านั้น


นั่นหมายความว่าพลังของจิ่วโยวเหนือชั้นกว่าหลิ่วกุย หวังทงเสียนและคนอื่นๆ เสียอีก


มู่เฉินพยักหน้าไม่ได้แปลกใจอะไร เนื่องจากจิ่วโยวได้รับมรดกจากวิหคอมตะโบราณ มิหนำซ้ำยังได้รับคำแนะนำส่วนตัวจากราชินีวิหคอมตะด้วย ดังนั้นนางจึงมีไม้เด็ดทรงพลังเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่มู่เฉินไม่ประหลาดใจกับเรื่องที่นางได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับเจียวทองคำ


“ไม่รู้ว่าหลินจิ้งจะได้ตำแหน่งไหน?” มู่เฉินมองไปที่ประตูด้วยความสนใจ กระทั่งเขาก็ไม่สามารถตรวจสอบความลึกลับของหลินจิ้งได้อย่างเต็มที่ นางมีอาวุธล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน มิหนำซ้ำยังนำตุ๊กตาน้ำแข็งที่เทียบเท่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มออกมาได้ง่ายๆ แม้ว่าหลินจิ้งจะไม่เคยลงมือเอง แต่มู่เฉินก็ไม่เชื่อว่าธิดาของเทพจักรพรรดิสงครามแห่งแคว้นหวูจะอ่อนแอกว่าเขา


เขาไม่ได้รอนานประมาณสิบกว่านาทีเสาแสงขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับมังกรทองส่งเสียงคำราม


นี่คือเสามังกรทองคำอีกเสา!


ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง สีหน้าท่าทางหลุดโลกไปเลย เห็นได้ว่าพวกเขาไม่คิดที่จะมีศิษย์ระดับมังกรทองคำอีกคนปรากฏขึ้นในเวลาที่ต่อจากมู่เฉินไม่นาน!


หรือว่าความยากของประตูมังกรทะยานสวรรค์ลดลงแล้วเหรอ?


ทุกคนมีความคิดนี้แวบเข้ามาในใจแต่แล้วก็ถูกระงับ เพราะยังมีจอมยุทธ์ทรงพลังมากมายเข้าไปในประตูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อตัดสินจากผลลัพธ์ก็พิสูจน์ถึงความยากลำบากในบททดสอบ


แต่ละคนเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสาสีทอง แสงควบแน่นเป็นเงาร่างสะคราญโฉม ซึ่งจะเป็นใครได้นอกจากหลินจิ้ง?


“นั่นนาง”


ทุกคนหดตาลงด้วยความตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นหลินจิ้งเรียกตุ๊กตาน้ำแข็งทรงพลังต่อกรกับซูชิงหยิงมาก่อนและรู้ว่านางไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่านางจะได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองไปด้วย


นั่นหมายความว่ากลุ่มมู่เฉินมีศิษย์ระดับมังกรทองคำสองคนและเจียวทองคำหนึ่งคน? ความจริงข้อนี้ทำให้ดวงตาทุกคู่แดงก่ำด้วยความอิจฉา


ในวังโบราณตอนนี้ ขั้วอำนาจทั้งหมดที่เข้ามามีมากเพียงใด? นอกจากนี้ต่างยังเป็นขั้วอำนาจที่มีชื่อเสียงไม่น้อย แต่สมาชิกที่พวกเขารวบรวมมากลับไม่สามารถสู้กับทั้งสามคนได้


เมื่อซูชิงหยิงเห็นภาพนี้ก็หดตาลงพร้อมกับความครั่นคร้ามวูบไหวในนัยน์ตาขณะมองไปที่ทั้งสาม ถ้าพวกเขาอยู่เดี่ยวๆ นางอาจไม่กลัว แต่เมื่อทั้งสามอยู่รวมกัน แม้แต่นางก็ต้องหลีกเลี่ยงที่จะปะทะด้วย


“สุดยอดมาก”


มู่เฉินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้หลินจิ้ง


หลินจิ้งมองไปที่ประตูอย่างพร้อมกับความปรารถนาแรงกล้า “ใช้ได้ แม้แต่ตุ๊กตาน้ำแข็งของข้าก็ไม่สามารถจัดการกับเจ้านั่นได้ ข้าเลยต้องจัดการเอง”


มู่เฉินรู้ว่านางหมายถึงศิษย์ระดับมังกรทองคำ จากการคาดเดาของเขาต่อให้หลินจิ้งนำตุ๊กตาระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มออกมา ก็ยังยากที่จะเอาชนะศิษย์ระดับมังกรทองคำ ดูท่าสุดท้ายหลินจิ้งก็ได้ลงมือเอง


ดังนั้นเขาสามารถสรุปได้ว่าพลังการต่อสู้ของนางเทียบได้กับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแน่นอน


องค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวูไม่อาจหยั่งรู้ได้อย่างแท้จริง


หลังจากการท้าทายของจิ่วโยวและหลินจิ้ง พวกนางก็กลับมายืนเคียงข้างมู่เฉิน ในเวลานี้สมาชิกพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือก็มีผลลัพธ์กันทุกคนแล้ว ทว่าพวกเขาอยู่ในระดับธรรมดา กระทั่งจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเฉวียนหมิงก็ได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับเจียวขาวเท่านั้น ซึ่งเทียบไม่ได้กับมู่เฉิน จิ่วโยวและหลินจิ้งเลย


“ในเมื่อได้รับตำแหน่งแล้วก็ไปกันเถอะ” เมื่อเห็นว่าพรรคพวกได้รับตำแหน่งเรียบร้อย มู่เฉินก็ไม่คิดอ้อยอิ่งอยู่ต่อ


หลังจากที่เขาได้รับป้ายมังกรทองคำก็ไม่มีใครในกลุ่มพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือตั้งแง่กับมู่เฉินอีกแล้ว แม้แต่เฉวียนหมิงก็ยังถอนความเย่อหยิ่ง ดูสุภาพขึ้นมากเลยทีเดียว


ดังนั้นเมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของมู่เฉินก็พยักหน้าเห็นด้วย


มู่เฉินพยักหน้าให้จิ่วโยวและหลินจิ้ง จากนั้นก็หันไปประสานมือคำนับซูชิงหยิง เขากำป้ายมังกรทองคำ เกลียวแสงระเบิดออกมาห่อหุ้มร่างเขาไว้แล้วเจาะผ่านค่ายกลพุ่งเข้าไปในเขตชั้นในของวังสวรรค์บรรพกาล


ด้านหลังพรรคพวกก็ติดตามมา


ทั้งกลุ่มจากไปอย่างรวดเร็วและหายไปภายใต้การถอนหายใจของฝูงชน


เมื่อฉินจิงเจ๋อ หลิ่วกุยและคนอื่นๆ มองกลุ่มของมู่เฉินที่จากไปก็พรูลมหายใจยาวเหยียด เนื่องจากพวกเขารู้ว่าจากนี้ชื่อของทั้งสามจะเขย่าทวีปเทียนหลัว


ด้วยความแข็งแกร่งที่แสดงให้ประจักษ์โดยมู่เฉินและหลินจิ้ง พวกเขาคงสามารถต่อสู้กับซูชิงหยิง เซี่ยหยู่ จาโหลหลัว พวกสัตว์ประหลาดต่างๆ ได้เลยทีเดียว


การประจันหน้ากันในวังสวรรค์บรรพกาลจะต้องดุเดือดเลือดพล่านแน่นอน


ซูชิงหยิงเฝ้ามองพวกมู่เฉินที่หายไปก่อนจะบิดขี้เกียจพึมพำกับตัวเอง “มู่เฉิน…เป็นคนที่น่าสนใจ ในอนาคตเราคงได้พบกันอีก ถึงตอนนั้นข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าทำยังไงถึงได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำ!”


พูดจบนางก็หมดความสนใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เท้าแตะเบาๆ เสียงครางกระหึ่มก็เปล่งมาจากแมลงวิญญาณที่ด้านล่าง ป้ายมังกรเขียวก็เปลี่ยนเป็นแสงสีฟ้าอมเขียวพานางเคลื่อนย้ายเข้าสู่ค่ายกล


เมื่อจอมยุทธ์หัวกะทิทยอยเข้าสู่เขตชั้นในแล้ว ทุกคนก็ไม่รีรอเข้าไปในประตูกันอย่างรวดเร็วเพื่อได้รับป้ายระบุตัวตน เพื่อเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล


การเข้าไปในเขตชั้นในเท่านั้นถึงจะได้รับการพิจารณาว่ามาถึงวังสรรค์บรรพกาลแล้ว ในเวลานั้นถ้าพวกเขาโชคดีอาจจะเป็นเหมือนปลาคาร์พกระโจนเข้าสู่ประตูมังกร บางทีอาจสามารถต่อกรกับพวกสัตว์ประหลาดและสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปเทียนหลัวเลยก็ได้


ทันทีที่คิดได้ร่างแสงนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าไปในค่ายกลขนาดใหญ่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)