หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1083-1084
บทที่ 1083 ปะทะขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า
โฮก!
แขนทั้งสองของหลงปี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับเกล็ดแข็งตั้งชันบนผิวหนัง ขณะที่ยืนจังก้าอยู่กลางลานประลองอย่างภาคภูมิใจ เสียงคำรามของมังกรแผ่วเบาดังก้องอยู่ในท่อนแขนของเขา
สายตานับไม่ถ้วนมองแขนมังกรคู่นั้นด้วยความเคารพ นี่คือไพ่ตายที่สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้หลงปี้ โดยที่มีจอมยุทธ์ชั้นแนวหน้ามากมายของภูมิภาคทางเหนือพ่ายแพ้ให้กับแขนคู่นี้
มู่เฉินยืนนิ่งเบื้องหน้าหลงปี้ ดวงตาทั้งสองปิดลง รอบร่างหมุนเวียนด้วยคลื่นหลิง ขณะที่มิติเกิดความผันผวนก็แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดา
ตู้ม!
ทว่าหลงปี้จ้องมองมู่เฉินอย่างไม่แยแส ก่อนที่แสงจะพุ่งออกมาจากดวงตา เขากระทืบฝ่าเท้าลงไปรุนแรง
ตึง!
เมื่อหลงปี้กระทืบเท้าลง พื้นดินก็สั่นสะเทือนแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับรอยแตกกระจายออกไป เศษหินน้อยใหญ่ดันตัวขึ้น ซึ่งอัดแน่นด้วยคลื่นกระแทกทรงพลังที่สามารถฉีกสิ่งที่กีดขวางออกจากกันได้
หลงปี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพโดดเด่นเพียงแค่ขยับตัว ทุกคนรู้ว่าขนาดจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดนับสิบคนยังถูกเป่าเป็นฝุ่น หากพวกเขาเข้าขัดขวางพลังสายนี้
รอยแยกพล่านเข้ามา มู่เฉินลืมตาขึ้นช้าๆ ส่วนลึกของดวงตาวูบไหวด้วยแสง จากนั้นก็ก้าวออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลออกมา รอยแตกกระจายออกจากฝ่าเท้าในเวลาเดียวกัน ก่อให้เกิดริ้วคลื่นขนาดมหึมาและทรงพลัง
เขาเลือกเผชิญกับการโจมตีดุเดือดของหลงปี้ด้วยวิธีเดียวกัน!
รอยแตกสองฝั่งกระจายออกมา ก่อนจะปะทะกันอย่างดุเดือดบนลานประลอง
ครืน!
ช่วงเวลาที่ปะทะกัน เศษหินก็ปลิวว่อนไปทั่ว ลานประลองขนาดใหญ่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตก ก่อนที่จะแยกออกเป็นสองฝั่ง
แรงกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกมา มู่เฉินและหลงปี้ได้รับผลกระทบเป็นคนแรก ร่างทั้งสองกระตุกพลางถูกผลักกลับไป
ตึง! ตึง!
มู่เฉินถูกผลักถอยหลังไปหลายก้าวทิ้งร่องลึกๆ ไว้บนพื้นในทุกย่างก้าว แม้แต่เท้ายังฝังลงไปในแผ่นหิน
สำหรับหลงปี้ถอยไปก้าวเดียวก็ทรงตัวได้
เห็นได้ชัดว่าหลงปี้ทรงพลังกว่าในการปะทะกันกระบวนท่าแรก ทว่าทุกคนรวมถึงหลงปี้ก็ต้องหดดวงตากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้
แม้ว่าพลังที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเหล่านั้น ไม่ใช่พลังทั้งหมดของหลงปี้ แต่แรงทำลายล้างก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าจะสามารถต้านทานได้ มู่เฉินไม่เพียงแต่ต่อต้านพลังทำลายล้างเท่านั้น เขายังเสียเปรียบแค่ก้าวถอยไปหลายก้าว
ดังนั้นตำแหน่งได้เปรียบของหลงปี้สามารถมองข้ามในทางปฏิบัติเลย
เทียนจิ้วและหลิงถงแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่แววตาจะหนักหน่วงขึ้น พวกเขารู้ว่าคงไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้สักเท่าไร ถ้าพวกเขาอยู่ในจุดเดียวกับมู่เฉิน
แต่ว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จด้วยขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า นี่ก็พิสูจน์ว่าพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาสูงกว่าการเพาะบ่มภายนอก
“น่าสนใจ”
หลงปี้จับจ้องไปที่มู่เฉินขณะยิ้ม แต่ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะกระจายกว้าง ร่างเงาก็พุ่งออกมาทันที
อากาศถูกบีบอัดระเบิดฉับพลัน ตัวเขาก็ราวกับเกลียวสายฟ้า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเขาได้คลุมเครือ
“เร็วมาก!” เสียงอุทานดังก้อง
สายตาของมู่เฉินหดเกร็งทันทีเมื่อเสียงสะท้อนใกล้เข้ามา จากนั้นก็ยกแขนไขว้เป็นกากบาทต้านรับไว้
ตู้ม!
มิติฉีกขาดเบื้องหน้า กำปั้นที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีแดงพุ่งออกมาด้วยพลังเข้มข้นที่สามารถทำลายเนินเขาให้กลายเป็นเศษหิน กระแทกลงบนแขนของเขา
ปัง!
อากาศระเบิดออก ร่างมู่เฉินราวกับได้รับการโจมตีหนักหน่วง ถลาไปเบื้องหลังแล้วปลิวออกไปพร้อมอากาศรอบตัวระเบิดเป็นลูกโซ่
หลงปี้หัวเราะเบาๆ เมื่อส่งมู่เฉินหงายหลังออกไป เขาไม่คิดจะให้มู่เฉินมีเวลาออกกระบวนท่า เสียงฟ้าคำรนดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเขาก็หายไป
ครืน!
หมัดคำรามแหวกอากาศพุ่งตรงไปที่หน้าอกของมู่เฉิน แม้แต่อากาศก็ยังถูกบีบอัดเป็นลอนโค้งที่เบื้องหน้ากำปั้นของเขา
เมื่อหมัดกำลังจะโจมตีโดนร่าง แขนเรียวก็ยื่นออกคว้ากำปั้นมังกรไว้
ฮึ่ม!
อากาศรอบด้านระเบิดเสียงต่ำอื้ออึงไปหมด ทว่าใบหน้าของจอมยุทธ์ทุกคนรอบด้านก็กระตุกในเวลานี้
นั่นเป็นเพราะบนท้องฟ้า ทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน หลงปี้ยังคงท่วงท่าวาดเพลงหมัดชกออกไป ขณะที่อุ้งมือของมู่เฉินต้านหมัดเอาไว้ นิ้วทั้งห้านั่นราวกับเหวลึก ไม่ว่ากำปั้นมังกรจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถเคลื่อนไปด้านหน้าได้อีกแม้แต่น้อย
หลงปี้มีสีหน้าเปลี่ยนไปเบาบาง สายตาจับจ้องมาที่มือของมู่เฉิน ในระยะใกล้เช่นนี้เขาสามารถมองเห็นลวดลายสีทองเข้มของกรงเล็บมังกรสวมทับบนท่อนแขนของมู่เฉิน แผ่ออกมาตามนิ้วมือ
เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากลวดลายสีทองเข้ม ทำให้แขนมังกรสีแดงเข้มของเขาจางลงเล็กน้อยจากแรงกดดันนี้
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลงปี้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่มีพลังมังกร”
“จริงรึ?!”
หลงปี้ขบฟัน พลังมังกรคือความแข็งแกร่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด แม้เขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉินได้พลังมังกรมาอย่างไร แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะเหนือกว่าเขาในเรื่องนี้
“ไอ้หนูอย่างเจ้ารู้ถึงพลังมังกรแท้จริงรึ! น่าขำ!”
สายตาหลงปี้เปลี่ยนเป็นดุร้าย เกล็ดมังกรบนแขนก็แดงเถือกขึ้น ราวกับว่ากลายเป็นหินหนืดที่แผดความร้อนแรงออกมา เสียงคำรามมังกรดังก้อง ประหนึ่งพลังทำลายล้างถูกปลุกขึ้นในแขนนี้
ฉ่า! ฉ่า!
แขนมังกรดูเหมือนลาวาไหลทะลักเมื่อมองจากระยะไกล เปล่งความทรงพลังพร้อมกับความผันผวนที่ทำให้แม้แต่เปลือกตาของจอมยุทธ์อย่างเทียนจิ้วยังกระตุกเล็กน้อย
“ไสหัวไป!”
หลงปี้คำรามพร้อมกับพลังทรงประสิทธิภาพระเบิดออกมาจากแขนจนสั่นคลอนไปหมด มือของมู่เฉินที่จับไว้ก็สั่นสะท้านสะบัดออกไป
หลุดจากพันธนาการของมู่เฉินไปได้ ดวงตาของหลงปี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ฝ่าเท้าก้าวออกมา กำปั้นราวกับมังกรสีแดงเริงระบำซัดไปทั่วร่างมู่เฉินพร้อมพลังทำลายล้าง
ทุกกำปั้นทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลงปี้ที่บ้าคลั่งในตอนนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นเหมือนกันยังไม่กล้าเผชิญหน้า
ปัง! ปัง!
พลังงานฉับพลันที่ระเบิดจากหลงปี้ปราบปรามมู่เฉินได้ทันท่วงทีอีกครั้ง เพลงหมัดนี้ทำเอามู่เฉินต้องล่าถอยด้วยสภาพทุลักทุเล การปะทะกันทุกครั้งเรียกเสียงครางจากเขา
จอมยุทธ์ทั้งสองโรมรันพันตูกันบนท้องฟ้าพร้อมกับความผันผวนของคลื่นพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มิติแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมที่เฝ้าดูการประลองนี้
ตึง!
การปะทะกันดุเดือดซัดใส่กันอีกครั้ง มู่เฉินไม่สามารถยึดจุดยืนได้อีกต่อไป เขาถูกกระแทกกลับทิ้งร่องลึกสองรอยไว้บนพื้นเมื่อร่อนลงมา
มู่เฉินทรงตัวได้มั่นคง ตอนนี้เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไปหมด เลือดเปรอะเปื้อนเต็มแขน แต่ท่าทางเขาไม่ปรากฏความท้อแท้ กลับมีวิญญาณแห่งการต่อสู้พลุ่งพล่านอยู่ในม่านตาสีดำสนิทราวกับไฟในเตาหลอม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า
แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้โหดหิน แต่มู่เฉินก็ปลื้มปีติที่ได้เห็นพัฒนาการของตัวเองภายใต้การต่อสู้ครั้งนี้
ระดับจื้อจุนขั้นเก้าที่ไกลเกินเอื้อมเมื่อในอดีต แต่ในเวลานี้หลงปี้ก็ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะนำพลังมังกรออกมาใช้เต็มกำลัง
ในที่สุดมู่เฉินก็รับรู้อย่างชัดเจนว่าการฝึกฝนอันขมขื่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ประโยชน์เมื่อลงประลองกับหลงปี้วันนี้
เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอ่อนแอเหมือนในอดีตอีกแล้ว
ฮา
อารมณ์พลุ่งพล่านเต็มหัวใจ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ส่วนโค้งเพิ่มขึ้นที่มุมปาก
“เจ้ายังยิ้มได้อีกเรอะ?” หลงปี้เค้นเสียงเย็นชา ขณะที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ามองลงมาที่มู่เฉิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหลงปี้ ดวงตางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นยากเกินหยั่ง ก่อนที่จะยิ้มบาง กำหมัดเข้าหากัน “ต่อไปข้าจะส่งเจ้าถลาออกไปด้วยหมัดเดียว หากข้าไม่สามารถทำได้ตามพูด ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้เอง”
“โอหังนัก!” ม่านตาหลงปี้หดลงขณะเอ่ยเยาะเย้ย
โฮก!
แต่ขณะที่พูดจบ เสียงคำรามอันพิสุทธิ์ของมังกรก็ดังก้องออกมาจากร่างมู่เฉิน ปกคลุมเส้นขอบฟ้าด้วยประกายสีทองเข้มที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างมู่เฉิน ก่อตัวเป็นมังกรขนาดร้อยจั้งที่เบื้องหลัง
เมื่อรูปลักษณ์เทพอสูรก่อตัวขึ้น แรงกดดันมังกรที่น่าอัศจรรย์ก็ระเบิดออกมาราวกับพายุ
แรงกดดันล้อมรอบทั่วบริเวณ ทำเอาเส้นขนทั่วสรรพางค์กายของหลงปี้ลุกชัน รูม่านตาหดลงเหลือเท่ารูเข็ม ก่อนที่เสียงอุทานแหลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัวระเบิดออก
“นี่คือมังกรแท้จริง?!”
บทที่ 1084 หนึ่งหมัดชิงราชัน
เสียงคำรามของมังกรก้องกังวาน
มังกรตัวมหึมาก็ขนดอยู่ด้านหลังมู่เฉิน กำจายแรงกดดันน่าอัศจรรย์ที่ทำให้ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“นั่นคือมังกรแท้จริงเหรอ?” แม้แต่เทียนจิ้วกับหลิงถงยังต้องร้องอุทาน มังกรแท้จริงเป็นจักรพรรดิเผ่ามังกรซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับเทียนจื้อจุน
“นั่นไม่ใช่มังกรของแท้แต่มีรัศมีของมังกรแท้จริง” ซุยนอนเปิดตาขึ้นจ้องมองมังกรตัวเขื่องพลางพูดขึ้นช้าๆ
“ถ้าการเดาของข้าถูกต้อง นี่น่าจะมาจากวิชากายามังกรหงส์ของมู่เฉิน ไม่คิดว่าผ่านไปแค่หนึ่งปี เขาจะสามารถฝึกฝนให้สูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์”
จอมพลทั้งสองหดเกร็งดวงตา พวกเขาตระหนักดีถึงวิชากายามังกรหงส์ของมู่เฉิน แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อปีก่อนมู่เฉินยังไม่ครอบครองแรงกดดันยิ่งใหญ่ของมังกรแท้จริง
“พิจารณาจากรัศมีเงามังกรแท้จริงตัวนี้ ข้าคิดว่านี่เปรียบได้กับระยะเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าทั่วไปเลยทีเดียว”
ทั้งสองถอนหายใจในใจ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมมู่เฉินจึงไม่กลัวหลงปี้ ที่แท้เขาก็มีไพ่ตายอยู่จริงๆ ด้วยเงามังกรแท้จริง เขาอาจสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นได้จริง
มั่นถัวหลัวนั่งบนบัลลังก์โดยไม่เปลี่ยนท่าทาง แต่เมื่อเห็นเงามังกรแท้จริง ริ้วความประหลาดใจก็วูบวาบในรูม่านตา
มั่นถัวหลัวทราบดีเกี่ยวกับรายละเอียดเชิงลึกของคัมภีร์หลงเฟิ่งที่มู่เฉินฝึกฝน การฉายภาพเงามังกรแท้จริงน่าจะทำขึ้นมากจากลวดลายมังกรแท้จริงบนร่างกายเขา ในอดีตแม้ว่าลวดลายมังกรแท้จริงจะสามารถให้ความแข็งแกร่งแก่มูเฉินได้ แต่ก็มีข้อจำกัดอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับเรียกขึ้นมาเป็นจิตวิญญาณและยังมีความแข็งแกร่งอย่างมาก
“เจ้านั่นผ่านประสบการณ์อะไรในปีที่ผ่านมาจนเติบโตขึ้นขนาดนี้?” มั่นถัวหลัวรู้สึกฉงนในใจ คัมภีร์หลงเฟิ่งยากทั้งการฝึกฝนและพัฒนา จากการประเมินถ้ามู่เฉินต้องการสร้างภาพเหมือนที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เขาจะต้องดูดซับแก่นโลหิตเทพอสูรจำนวนมหาศาล
หรือว่าเขาไปขุดซากเทพอสูรทั้งหมดของดินแดนเสินโซ่มา?
ขณะที่มั่นถัวหลัวครุ่นคิดอยู่ในใจ หลงปี้ก็มองการฉายภาพเงามังกรแท้จริงด้วยสายตาเคร่งขรึม ความกลัวอัดแน่นในส่วนลึกของดวงตา
เนื่องจากเขารู้ว่าภาพนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่มีรัศมีของมังกรแท้จริงผสมอยู่ด้วย
รัศมีนี้ทำให้พลังมังกรในร่างกายของเขาช้าลง ซึ่งเป็นการปราบปรามจากจักรพรรดิเผ่ามังกร ที่มีสายเลือดทรงพลังและทรงเกียรติ แขนมังกรของเขารับมาจากมังกรไฟ ถึงแม้จะมีสายเลือดที่ทรงพลังก็ยังด้อยกว่ามังกรแท้จริง
เขารู้สึกยากที่จะเชื่อว่ามนุษย์อย่างมู่เฉินจะสามารถครอบครองรัศมีของมังกรแท้จริงได้
ก่อนหน้านี้เขายังมองเหยียดต่อคำพูดของมู่เฉิน แต่ในเวลานี้เขาต้องเผชิญหน้าอย่างจริงจัง หากเขาประเมินพลังของอีกฝ่ายต่ำเกินไป เขาอาจพ่ายแพ้ในวันนี้ได้
ฮา
หลงปี้หายใจลึกระงับความกลัวในใจพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียดลงหลายส่วน เขากำกำปั้นอย่างช้าๆ แสงสีแดงเปล่งประกายบนแขนเพิ่มขึ้นทวีคูณพลางเกิดการขยายตัว
นิ้วขยายตัวเป็นกรงเล็บปกคลุมด้วยเกล็ดหนาแน่นสูง เมื่อมองจากระยะไกลก็ดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป พวกมันกลายเป็นกรงเล็บดุร้ายของมังกรไฟไปแล้ว
ขณะที่หลงปี้เร้าพลังไปยังจุดสูงสุด มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ภาพมังกรแท้จริงก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นคมกริบทันที
ฮึ่ม!
แสงสีทองพร่างพรายระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน ทำให้ดูประหนึ่งเป็นเทพสงครามสีทอง เขากำมือแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป
หมัดนี้ช้าและหนักราวกับว่าแบกน้ำหนักของภูเขาสูงตระหง่านไว้
นอกจากนี้เมื่อมู่เฉินเหวี่ยงหมัดออกไป เกลียวแสงสีทองบนร่างก็เคลื่อนไปบนกำปั้น
แสงสีทองควบแน่นทำให้กำปั้นดูราวกับว่าถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำ มวลลมกระเพื่อมปลดปล่อยออกมาจากหมัด มิติถึงกับแตกเป็นเสี่ยง
“หมัดมังกรแท้จริง!”
เสียงคำรามดังกึกก้องออกมาจากหัวใจของมู่เฉิน ขณะที่พายุผันผวนบนกำปั้น แสงสีทองแวววาวพุ่งพรวดออกมาก่อตัวเป็นภาพหมัดทองคำ
โฮก!
ภาพเงามังกรแท้จริงแผดเสียงคำราม จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในภาพหมัด ทันใดนั้นเกล็ดสีทองเข้มก็ปรากฏขึ้น ซึ่งขยายพลังของหมัดให้มากขึ้น มิติแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย รอยแตกกระจายออกไปคล้ายกับลายบนกระดองเต่า
ผู้ชมมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าอย่างจอมพลเทียนจิ้วก็ยังมีความหวาดกลัวหนาแน่นในสายตา
พวกเขาสามารถสัมผัสถึงรัศมีคุกคามหนาแน่นสูงที่มาจากหมัดเรียบง่ายของมู่เฉิน
ครืน! ครืน!
กำปั้นประหนึ่งทองคำพุ่งไปปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลงปี้ แสงสีทองเบ่งบาน ปิดกั้นเส้นทางล่าถอยทั้งหมด
เมื่อพายุจากหมัดโอบล้อม ความมันวาวสีทองก็อัดแน่นเต็มม่านตาของหลงปี้ ดูราวกับพลังอำนาจล้นเหลือระหว่างสวรรค์และโลก พลังที่น่าสะพรึงทำให้เส้นขนของเขาลุกชันไปหมดแล้ว
“ไม่ง่ายหรอกที่คิดจะเอาชนะข้า!”
เมื่อถูกห่อหุ้มด้วยพลังที่น่ากลัว หลงปี้ก็คำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธพวยพุ่งในดวงตาพลางซัดฝ่ามือออกไปโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
แสงสีแดงระเบิดลั่น มังกรไฟตัวมหึมาก็ส่งเสียงครางกระหึ่มจากหมัดพร้อมกับเปลวไฟโหมกระหน่ำเผาไหม้สวรรค์
ครืน!
พลังงานสองสายปะทะกันเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ภายใต้สายตาที่สั่นสะท้านนับไม่ถ้วน สร้างดวงอาทิตย์เจิดจ้าด้วยประกายแสงสีทองและสีแดง ในเวลาเดียวกันมิติในระยะหลายหมื่นจั้งก็บิดเบี้ยวจากผลกระทบอันน่ากลัว
ปัง! ปัง!
ลานประลองบนจัตุรัสเหลือเพียงขี้เถ้าจากผลกระทบที่เกิดขึ้น
ผู้ชมต้องถอยกันออกไปจ้าละหวั่น
เมื่อเห็นคลื่นกระแทกอันน่าสะพรึงกลัว มั่นถัวหลัวก็สะบัดนิ้ว แสงหลิงก่อตัวเป็นม่านขนาดมหึมาล้อมรอบใจกลางจัตุรัสปิดกั้นคลื่นที่พุ่งมา
ด้วยการเคลื่อนไหวของมั่นถัวหลัว จอมยุทธ์รอบข้างก็หายใจโล่งอก ก่อนที่จะจ้องมองไปที่จัตุรัส ช่วงเวลาเดียวกันแสงสีทองรุนแรงก็ห่อหุ้มแสงสีแดงเอาไว้
ใบหน้าของหลงปี้เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาประเมินความน่ากลัวหมัดมู่เฉินต่ำไป
ตู้ม!
ทว่าก่อนที่เขาจะตอบสนอง ระลอกคลื่นสีทองก็พรั่งพรู ทำให้เขารับแรงกระแทกเต็มอัด ร่างลอยกลับไปอย่างน่าสมเพช
ฟิ้ว!
ทุกคนมองด้วยสีหน้าหวั่นไหว ตรงนั้นร่างของหลงปี้ถูกซัดออกไปพร้อมกับการระเบิดของอากาศที่ด้านหลังดังกึกก้องอยู่เรื่อย แม้แต่มิติก็พังทลาย
ตึง!
หลงปี้ถอยออกไปหลายหมื่นจั้ง ก่อนที่ตบฝ่ามือไปที่ด้านหลังทำลายมิติจนทรงตัวได้ เขาไม่แม้แต่เช็ดรอยเลือดที่มุมปาก กลับมองบนลานประลองที่อยู่ไกลออกไปด้วยใบหน้ามืดครึ้มลง
เขาถูกซัดออกมาด้วยหมัดเดียวของมู่เฉิน
สีหน้าหลงปี้ไม่น่าดูเลย เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะซัดเขาจนถลาออกมาด้วยหมัดเดียวจริงๆ
ขณะที่หลงปี้ยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าดูไม่จืด จัตุรัสเบื้องล่างก็ร้อนระอุ ผู้ชมต่างตะลึงเมื่อมองหลงปี้ที่อยู่ไกลออกไป
ผู้ชมมองหน้ากันและกันก่อนจะหายใจเข้าลึก หมัดของมู่เฉินส่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นออกไปไกลหลายหมื่นจั้ง
หากเป็นคนอื่น พวกเขาอาจจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาก็พุ่งเข้าหาใจกลางจัตุรัส เมื่อเมฆฝุ่นตกลงมาเงาร่างหนึ่งก็ฉายชัดเจนในครรลองสายตา
มู่เฉินยังรักษาท่าทางการชก เลือดหยดลงมาจากกำปั้น ซึ่งเป็นผลสะท้อนมาจากการโจมตีรุนแรงที่ปล่อยออกมาเมื่อสักครู่
ภาพเงามังกรแท้จริงที่สง่างามเลือนหายไป แม้แต่ความผันผวนของจิตวิญญาณทรงพลังรอบร่างมู่เฉินก็หดกลับไป เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์
เขายิ้มมองไปที่หลงปี้บนท้องฟ้าไกล “ท่านจอมยุทธ์รู้สึกยังไงกับหมัดนี้?”
หมัดนี้ได้รวบรวมพลังทั้งหมดในร่างกายของเขาซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยภาพเงามังกรแท้จริง พลังที่อยู่เบื้องหลังหมัดเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าตัวจริงยังต้องขยาด
หลงปี้ยืนอยู่จ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่ยิ้มแย้ม คิดจะโจมตีอีกสักตั้ง แต่สุดท้ายก็ระงับความตั้งใจนั้นลง เพราะเขารู้ว่าตนเองไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะมู่เฉินอีกต่อไป
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้ไพ่ตาย แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้เช่นกัน ถ้าพวกเขาถูกบีบไปจนถึงขั้นตอนนั้น ก็จะกลายเป็นศึกมรณะทันที ในเวลานั้นแม้แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเดินออกมาจากการประลองได้อย่างมีชีวิตสมบูรณ์
หลังจากครุ่นคิดสั้นๆ เขาก็ประสานมือพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตำแหน่งจอมพลเป็นของเจ้าแล้ว”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น