Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 952-953
GGS:บทที่ 952 ปิดตาตัวเอง
เมื่อประตูพิพิธภัณฑ์ได้เปิดออก เฉินฮงและผู้อาวุโสซ่งได้ออกมากล่าวทักทายทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสซี่ ผู้อาวุโสหวู่และคนอื่นๆที่อยู่ในวงกร
คนที่ต่อแถวรออยู่นั้นอดใจไม่ไหวจึงได้พุ่งเข้าไปในพิพิธภัณฑ์โดยไม่รอพิธีเปิดแต่อย่างใด ทันทีที่พวกเขาได้เห็นของสะสมในพื้นที่ส่วนแรกนั้นต่างก็จ้องมองอยู่นานจนทำให้คนมาทีหลังต้องแทรกตัวเข้ามา
“พระเจ้าช่วย ทำไมถึงได้มีเครื่องลายครามราชวงศ์ถังเยอะขนาดนี้เนี่ย” โจวฉือเซียนได้มองไปรอบๆพื้นที่ส่วนแรกนี้ด้วยความตื่นเต้น
เขานั้นรู้ดีว่าสี่แต่ละสีที่ใช้สร้างลวดลายบนเครื่องลายครามพวกนี้หมายความว่ายังไง และนี่เองก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเครื่องลายครามราชวงศ์ถังนับร้อยชิ้นวางเอาไว้อยู่ที่เดียวกันแบบนี้
“เครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ถังพวกนี้สุดยอดเลยเหรอ” ชาวต่างชาติคนหนึ่งถามออกมา
“หากคุณไม่รู้อะไรล่ะก็อย่าเที่ยวไปพูดแบบนี้ที่ไหนนะ หม้อสามสีพวกนี้นั้นมาจากราชวงศ์ถัง ในยุคสมัยนั้นนิยมใช้หม้อแบบนี้กัน สีหม้อในสมัยนั้นประกอบไปด้วย เหลือง เขียว ขาว น้ำตาล น้ำเงิน ดำ และสีอื่นๆอีก แต่ที่นิยมที่สุดจะเป็นสีเหลือง เขียว แล้วก็ขาว
เหล่านักสะสมเรียกทั้งสามสีนี้ว่าสีประจำราชวงศ์ถัง และทั้งสามนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสีที่เรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมของชนชาติจีนเลยทีเดียว และสีเหล่านี้เองก็เป็นที่นิยมในประวัติศาสตร์ชาติจีนมาอย่างช้านานเกี่ยวกับเครื่องลายครามพวกนี้
พวกมันได้รับความนิยมขนาดที่ว่าแม้แต่ชาวต่างชาติในยุคสมัยนั้นก็ยังนิยมซื้อไปใช้จนกลายเป็นสินค้าส่งออกของจีนเลยทีเดียว
เหตุที่สีทั้งสามนี้เป็นที่นิยมนั่นก็เพราะว่าพวกมันเป็นสีที่สะดุดตา ส่องสว่างและทำให้เครื่องลายครามดูดีมีเอกลักษณ์
พูดอีกอย่างก็คือเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ถังพวกนี้เป็นไข่มุกแห่งยุคสมัย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันนั้นเป็นที่นิยมสำหรับนักสะสมในยุคปัจจุบัน
ถึงแม้จะไม่ได้นิยมเท่ากับเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวน หมิง และชิงก็ตามแต่ด้วยความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์นี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่บ้าง และบางชิ้นเองก็สามารถขายได้ในราคาสูงเลยทีเดียว”
อลันที่ได้รับฟังทำให้เขานั้นเข้าใจในเครื่องลายครามของจีนมากยิ่งขึ้น
“ทำไมถึงได้มีมากมายขนาดนี้เนี่ย” แอนนาอดโวยวายออกมาไม่ได้
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเยอะจัง” อลันเองก็แสดงท่าทางตื่นเต้นออกมาถึงขนาดที่ว่าอยากจะส่งหม้อสามสีพวกนี้กลับไปประเทศของเขาเลยจริงๆ
“เครื่องลายครามพวกนี้ล้ำค่าเหรอ” ชายหนุ่มเจาะหูเองก็แสดงท่าทางตื่นเต้นทันทีที่เห็นเอี้ยป๋อและโจวฉือเซียนกำลังยินคุยกับกลุ่มของชาวต่างชาติที่ทำท่าตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำอธิบาย ถึงแม้เขานั้นจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้พูดอะไรกันแต่ก็พอดูออกจากท่าทางที่คนกลุ่มนี้คุยกัน
“แน่นอนว่าล้ำค่า เครื่องลายครามเหล่านี้บางชิ้นถือได้ว่ามาจากยุคสมัยที่ดีที่สุดในช่วงราชวงศ์ถัง ชิ้นหนึ่งมีค่าค่าไม่น้อยไปกว่าหนึ่งล้านหยวน และบางชิ้นเท่าที่ฉันเห็นเองก็ไม่ต่ำกว่าสิบล้านอย่างแน่นอน
อย่างชิ้นตรงนั้นเกินกว่าร้อยล้านหยวนด้วยซ้ำ” ชายสวมแว่นเองก็ได้พูดออกมาในขณะที่จ้องไปยังเครื่องลายครามนับร้อยชิ้นที่อยู่ตรงหน้า ถึงกับต้องขยับแว่นแล้วขยับแว่นอีกในระหว่างที่พูดออกมา
ตอนนี้ดวงตาของเขามีท่าทีแปลกๆ เพียงแค่เขาเพิ่งจะเหยียบเข้ามาก็ได้พบเจอของล้ำค่าเช่นนี้ นี่เขายังประเมินซูจิ้งต่ำเกินไปสินะ เขาเองก็มีความรู้สึกว่าไม่แปลกใจเลยที่ซูจิ้งจะมีอะไรดีกว่าที่เขาคิดเยอะ
“ล้าน สิบล้าน มีแม้กระทั่งร้อยล้าน” ชายหนุ่มที่ถามชายแว่นถึงกับทำเสียงหายใจกระหืดกระหอบออกมาในทันทีที่ได้ยิน
เฉินฮงและผู้อาวุโสซ่งเมื่อเห็นทุกคนตื่นตาตื่นใจจนทำท่าทางตื่นเต้นออกมาแบบนี้ก็รู้สุขมีความสุขอย่างมาก ขนาดพวกเขาเองก็ยังตกตะลึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นด้วยซ้ำ
ในตอนนี้ทั้งสองคนได้เริ่มบรรยายเกี่ยวกับเครื่องลายครามแต่ชิ้น และเมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆจากผู้เฒ่าทั้งสองก็ยิ่งทำให้ผู้ที่เข้าชมเองประหลาดใจมากกว่าเดิม
แน่นอนว่าผู้อาวุโสหวู่ก็ตื่นเต้นด้วยเช่นเดียวกัน แต่ทันใดนั้น เขาเองก็ได้สะดุดตากับบางสิ่ง นั่นทำให้เขาเดินตัวแข็งทื่อตรงไปยังสิ่งที่สะดุดตาเขาอย่างไว
หลังจากเขานั้นจ้องมองไปยังภาพเขียนพู่กันจีนที่แขวนบนผนังเงียบๆอย่างต้องใจสักพัก เขาก็ได้บ่นพึมพำออกมาว่า “”นี่…มัน…ภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถัง…ไม่ใช่เหรอ”
“ภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถัง?” เอี้ยป๋อและโจวฉือเซียนได้ยินคำนี้ถึงกับหูผึ่งและปลีกตัวจากกลุ่มชาวต่างชาติมาตามต้นเสียงในทันที
“ใช่ และทั้งหมดที่แขวนอยู่ตรงนี้เป็นภาพเขียนที่มาจากราชวงศ์ถังทั้งสิ้น” เฉินฮงพูดออกมาพลางพยักหน้าโดยที่ไม่ละสายตาจากภาพเหล่านั้นแต่อย่างใด
“ห้ะ เป็นไปได้ยังไงกัน” ผู้อาวุโสหวู่เองที่ได้ยินดังนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ เขานั้นได้มองไปรอบๆก็ได้พบภาพเขียนพู่กันจีนจำนวนสิบสองภาพแขวนอยู่บนกำแพง พลางคิดในใจว่าทั้งหมดจากราชวงศ์ถังอย่างนั้นเหรอ
ยุคสมัยราชวงศ์ถังนั้นถือได้ว่าเป็นยุคสมัยที่ผ่านมาช้านานมาก อีกทั้งเกิดสงครามอยู่บ่อยครั้ง และภับพิบัติมานานับประการ นี่ยังไม่รวมถึงการสึกหรอของตัววัสดุอีก แน่นอนว่าการที่จะมีเหลือรอดมายังยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
ขนาดภาพเขียนพูดกันจีนที่เก็บเอาไว้โดยพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเองก็ยังมีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น และส่วนใหญ่แล้วนั้นล้วนได้รับความเสียหายมาแล้วทั้งสิ้น
ด้วยการที่เป็นหลักฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่หาได้ยากยิ่ง แน่นอนว่าย่อมเป็นที่ต้องการของนักสะสมเป็นธรรมดา
และในตอนนี้หลักฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ว่า ได้มาปรากฎตรงหน้าจำนวนกว่าสิบสองชิ้น นี่จึงไม่แปลกที่ผู้อาวุโสหวู่จะไม่อยากเชื่อว่าภาพเขียนพวกนี้มาจากสมัยราชวงศ์ถัง
“ไม่ใช่เพียงภาพเดียวแต่มากจนแขวนเต็มกำแพงแบบเนี้ยอ่ะนะ” เอี้ยป๋อพูดออกมาในขณะที่จ้องไปที่ภาพเขียนอย่างไม่ละสายตา
“เป็นไปไม่ได้น่า พี่เฉิน พี่ต้องพูดเล่นแน่ๆ” โจวฉือเซียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสูง
อลัน แอนนา และชายเจาะหูที่ได้ยินเสียงเสียงแปลกๆและพอจับใจความได้ก็ได้รีบเดินเข้ามาหาในทันที พวกเขารู้ถึงความสิ่งที่เป็นประเด็นในทันทีเมื่อเห็นภาพเขียนกว่าสิบสองชิ้นแขวนเอาไว้บนฝาผนัง
ทุกคนที่ตามมาต่างก็ไม่อยากจะเชื่อต่อให้เห็นภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังต่อหน้าตัวเองกว่าสิบสองชิ้นแล้วก็ตาม
พวกเขานั้นหายใจขาดช่วงไปบ้างเล็กน้อยในทันทีที่มีคนอื่นที่รู้เรื่องนี้ดีและได้เข้ามาเห็นแล้วทักออกมาดังลั่น ดูเหมือนว่าเฉินฮงจะพูดความจริงไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด
“เพราะเจ้า นี่มันงานเขียนของโอหยางฉุนไม่ใช่เหรอ หนึ่งในสี่ปราชญ์แห่งยุคคนนั้น!” เอี้ยป๋อได้หยุดยืนตรงหน้าภาพเขียนภาพหนึ่งในทันที
“จริงเหรอ” โจวฉือเซียนที่ได้ยินดังนั้นก็ได้ตรงไปภาพเขียนที่เอี้ยป๋อพูดในทันทีแล้วทำการจ้องไปยังภาพเขียนดังกล่าว ยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้นมากจนเห็นได้ชัดเจนก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ไม่ผิดแน่นี่มันงานภาพของปราชญ์โอหยางฉุน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นชุดงานเขียนของโอหยางฉุนกับตาตัวเองแบบนี้”
“ภาพนี้ช่างดูวิจิตร พิศดาร ราวกับดูมีชีวิตเลยจริงๆ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของคนๆนี้มาก่อนก็จริงแต่ดูจากกระดาษและภาพทิวทัศน์ที่วาดแล้วประเมินได้ว่าภาพนี้มาจากสมัยราชวงศ์ถังจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาพวาดที่สมบูรณ์แบบนี้”
ผู้อาวุโสหวู่ได้พูดออกมาในขณะที่เดินไปจ้องภาพวาดอีกชิ้นหนึ่ง ยิ่งเขาดูมากเท่าไหร่ก็ยิ่นตื้นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เขานั้นมีความรู้สึกที่ดีต่อภาพวาดไร้นามนี้เป็นพิเศษ หากซูจิ้งนำออกไปมูลเขาคิดว่าต้องได้ราคาสูงอย่างแน่นอน
“ถึงแม้ผู้วาดนี้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนวาดก็ตาม แต่ในภาพนั้นกลับปรากฏภาพขบวนเสด็จของจักรพรรดิ์ไท่ซานแห่งราชวงศ์ถังแบบนี้ทำให้น่าสนใจจริงๆ” หนุ่มแว่นได้จ้องไปที่ภาพๆหนึ่งในขณะที่กระพริบตาถี่ยิบ
“ภาพวาดขบวนเสด็จนี่มีค่าเหรอ” ถึงแม้ว่าชายเจาะหูจะไม่เข้าใจในความลึกซี้งของภาพนี้เขาก็ยังถามออกมา
“ไม่ใช่มีค่าแต่ภาพนี้ประเมินค่าไม่ได้” ชายแว่นพูดออกมา
“พระเจ้า ไม่ใช่ว่าภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี่หายากมากไม่ใช่เหรอ ทำไมที่นี่ถึงได้มีภาพวาดเยอะขนาดนี้ได้กัน” อลันพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นในขณะพุ่งมาที่นี่ในทันทีที่เห็นภาพนี้แต่ไกล
ภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี้แม้แต่ชาวอเมริกันเองก็ยังมีความชื่นชอบอย่างมาก ภาพที่พิพิธภัณฑ์ที่เขาสังกัดอยู่เองก็มีเหมือนกันแต่ว่าพวกมันนั้นไม่สมบูรณ์แต่แค่นั้นก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติได้แล้ว แต่นี่ เพียงพิพิธภัณฑ์เล็กๆแบบนี้กลับมีภาพเขียนหายากเยอะได้ขนาดนี้นี่มัน…
ผู้เข้าชมเองก็เริ่มทยอยเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้นเพราะของหลายๆอย่างในนี้พวกเขานั้นไม่ได้มีโอกาสได้เห็นของจริงเลยสักครั้งในชีวิต ที่เขาเคยเห็นพวกนี้ก็เพียงแค่ตอนนั่งจิบชามองผ่านทีวีก็เท่านั้น
แถมยิ่งฟังเรื่องราวต่างๆจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญคุยกันเรื่องภาพเขียนผู้กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี้ได้อีก ถือว่าคุ้มค่าแบบสุดๆ
“นี่เขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่ถึงได้หม้อสามสีกับภาพเขียนสมัยราชวงศ์ถังนี่มาได้กันเนี่ย” ตอนนี้หลายๆคนเองก็เริ่มคุยกันเรื่องเงินที่ต้องเสียออกมา
ก็จริงที่ฮัวหยุนชูนั้นจะถือว่าตัวเขานั้นมีดีอยู่กับตัว แต่นั่นเมื่อเทียบกับซูจิ้งแล้วซูจิ้งในตอนนี้ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย คนๆนี้ไม่สามารถดูถูกได้เลยจริงๆ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะมันประเมินได้ยากยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นภาพเขียนพู่กันจีนนี้เองก็ไม่สามารถซื้อขายได้ด้วยเงินเสียด้วยซ้ำ มันประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว ช่างมันเถอะ เราไปดูอย่างอื่นกัน” หนุ่มแว่นพูดออกมาแต่จริงๆแล้วเขาในตอนนี้แทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว
นี่เพียงแค่เดินเข้ามาในพื้นที่ส่วนแรกเองนะพวกเขายังตื่นเต้นได้ขนาดนี้ นี่ล้อกันเล่นใช่รึเปล่า หนุ่มแว่นในตอนนี้รู้สึกได้ราวกับว่าพื้นที่ส่วนแรกนี้เป็นเพียงประตูนรกจนทำให้เขาไม่อยากไปต่อเลยทีเดียว
GGS:บทที่ 953 ใจเต้น
“ในส่วนของสมบัติและเครื่องลายครามจากสมัยราชวงศ์ถังนี้ เพียงแค่หม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี่ก็อยู่เหนือพิพิธภัณฑ์ของฉันได้แล้ว ของสะสมสมัยราชวงศ์ถึงของคุณซูนี่ฉันว่าดีไม่ดีตอให้รวบรวมของจากยุคสมัยราชวงศ์ถังที่พบเจอจากที่ประเทศก็ยากจะมาเทียบเคียงได้เลย” เพียงหลังจากเห็นหม้อสามสีและภาพเขียนพูกันจีนเหล่านี้ ผู้อาวุโสซี่ก็แสดงท่าทางตื่นเต้นและถอนหายใจยาวๆออกมา เขาเองก็พยายามหาจุดด่างพร้อยในเรื่องนี้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แต่ก็ต้องยอมแพ้ นี่เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
“”ไง ที่นี้นายยังคิดว่าคุณซูไม่มีอะไรดีๆนอกจากรูปปั้นเทพธิดาแห่งเมืองแอตแลนติสอีกรึเปล่า” เอี้ยป๋อหันไปถามโจวฉือเซียนด้วยรอยยิ้มหลังจากปลื้มปลิ่มไปกับการได้เห็นหม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังอย่างหนำใจ
“…….” โจวฉือเซียนในตอนนี้เองที่ได้เห็นหม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังพวกนี้ถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เมื่อได้ยินคำถามนี้
ในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า “คุณซูนี่สุดยอดจริงๆ นี่ขนาดเขาปล่อยประมูลเครื่องลายครามออกไปมากมายขนาดนั้นแล้วยังเหลือของดีๆไว้เยอะขนาดนี้อีก แต่ฉันก็ยังคิดอยู่ดีว่าต่อให้เก็บไว้ดีมากมายขนาดไหนแต่ก็ไม่น่าเกินไปกว่านี้แน่นอน”
ไม่ไกลจากการสนทนาของทั้งสองคน ชายแว่นที่ได้ยินดังนั้นก็เห็นด้วยกับคำพูดของโจวฉือเซียน เขาเองก็คิดเหมือนกันว่าซูจิ้งนั้นมัวแต่ยุ่งเรื่องธุรกิจของตัวเองจนไม่น่าจะมีเวลาไปหาของสะสมได้อย่างแน่นอน
โรงประมูลของเขาเองนั้นก็ยังทยอยปล่อยสมบัติพวกนี้ออกไปประมูลอย่างต่อเนื่องนี่ก็สมควรจะหมดแล้วอย่างแน่นอน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สมควรจะมีตัวหลักในการจัดแสดงคือรูปปั้นแห่งแอตแลนติสนั่นเท่านั้น
ต่อให้มีสมบัติอย่างอื่นอยู่บ้างอย่างหม้อสามสีและภาพพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี้ที่เอามาจัดแสดงไว้ด้านหน้าแบบนี้น่าจะเอาไว้ใช้เป็นแนวหน้าสำหรับสร้างความรู้สึกดีเฉยๆเท่านั้น
อย่างที่เขาเรียกกันว่าประทับใจแต่แรกเห็น ในส่วนที่เหลือนั้นใครจะไปรู้อาจจะไม่มีอะไรดีเลยก็ได้
ด้วยการนำของเฉินฮงและผู้อาวุโสซ่งได้นับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินชมพิพิธภัณฑ์ต่อ ในคนกลุ่มนี้รวมถึงเอี้ยป๋อ โจวฉือเซียน ผู้อาวุโสหวู่ ผู้อาวุโสซี่ อลัน แอนนา และหนุ่มแว่น
ทั้งสองได้นำกลุ่มคนตรงไปยังมุมๆหนึ่งเพื่อไปยังพื้นที่จัดแสดงส่วนถัดไป สิ่งแรกที่ทุกคนได้เห็นก็คือกล่องแก้วขนาดกลางๆที่ตั้งไว้อยู่ตรงกลางทางเดิน
หลายๆคนที่เห็นในตอนนี้ถึงกับพูดไม่ออก ที่ดูตื่นเต้นมากที่สุดคงจะเป็นผู้อาวุโสซี่ที่ฝ่าฝูงชนออกมาทันทีเพียงแค่เห็นแวบแรก
เขาเข้าไปจ้องกล่องแก้วนี้ใกล้ๆพร้อมด้วยดวงตาที่เบิกโต ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เป็นมันจริงๆเหรอ เป็นไปได้ยังไง”
“พระเจ้า นี่มันของที่ร่ำลือกัน….” เอี้ยป๋อที่เดินตามมาติดๆก็แสดงสีหน้าตกตะลึง
“มัน…มีอยู่จริงเหรอ” โจวฉือเซียนเองก็แทบจะไม่เชื่อสายตาเช่นเดียวกัน
สื่งที่อยู่ในโหลนั่นก็คือแกะ ดูจากขนาดแล้วมันนั้นเหมือนจะเป็นแกะที่โตเต็มไวแล้ว มันนั้นที่แกะสลักจากหยกสีขาวทั้งตัว มันกระจ่างใสและดูมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิตอยู่จริง
ภายในร่างกายของมันเองก็มีสีแดงอยู่ตรงกลางและเส้นที่แผ่ออกมาราวกับเส้นเลือด ทำให้เจ้าแกะนี้ดูน่ากลัวแต่ก็สวยงาม
ถึงแม้ทั้งสามคนนั้นจะเคยเจอหยกแกะสลักแบบนี้มาแล้วอย่างหนูหยกเลือดและกระต่ายหยกเลือดมาก่อน และมูลค่าของสองชิ้นนั้นก็ถูกประมูลออกไปในราคาที่สูงริบลิ่ว
โดยเฉพาะผู้อาวุโสซี่เองนั้นเคยสัมผัสหยกหนูมาก่อนแล้วด้วยซ้ำตอนที่เขาเปิดพิพิธภัณฑ์ของตัวเขาเอง ขนาดแค่หยกหนูนั่นก็ทำให้เขาและผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน เพียงแค่หยกหนูนั่นก็ทำให้คนทั้งวงการหยกต้องตกตะลึงแล้ว
แต่ในตอนนี้ ที่นี่ ตรงหน้าของพวกเขานั้นหยกเลือดนี่จะไม่ใหญ่ไปหน่อยหรือไง นี่ต้องเสียหยกเลือดไปมากมายขนาดไหนในการแกะสลักแกะตัวนี้กันแน่
“พระเจ้า นี่มันหยกเลือดในตำนานไม่ใช่เหรอ” อลันที่เห็นหยกเลือดในตอนนี้เดินวนดูรอบๆกล่องแก้วราวกับเด็กๆ
“ฉันไม่เคยเห็นหยกเลือดก้อนใหญ่ขนาดนี้มาก่อน” แอนนาเองก็พูดออกด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างกัน
“เจ้าแกะหยกเลือดตัวนี้มีค่าแค่ไหนกัน” ชายเจาะหูในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะถามออกมาหลังจากเห็นทุกคนมีท่าทางตื่นเต้นจนออกนอกหน้า
“เคยมีของคล้ายๆกันนี้ออกมาให้ได้เห็นแล้วสองชิ้น หนึ่งคือหยกเลือดหนู อีกหนึ่งคือหยกเลือดกระต่าย และราคาของทั้งสองชิ้นนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า 300 ล้านหยวน แต่หยกก้อนเล็กๆยังราคาขนาดนั้น นายลองคิดเองแล้วกันว่าหยกเลือดก้อนใหญ่ขนาดนี้จะราคาขนาดไหน” หนุ่มใส่แว่นได้อธิบายออกมาด้วยที่ทีกระอักกระอ่วน ถึงแม้เขาจะพูดออกมาด้วยท่าทีสงบแต่มือของเขาที่กำลังขยับแว่นอยู่ตอนนี้กลับสั่นจนห้ามไว้ไม่อยู่
“ฉิบ…” หลายๆคนที่ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผู้อาวุโสหวู่เองก็อึ้งจนไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขาเพียงจ้องมองไปยังหยกแกะเลือดที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอิจฉาอย่างมาก เขานั้นเป็นนักสะสม ถึงแม้เขาจะชื่นชอบของสะสมไว้มากมายแต่ของสะสมที่เขาชอบมากที่สุดนั่นก็คือหยก
“ดูสิ ตรงนี้ยังมีหยกเลือดอยู่อีก” ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น เขานั้นไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปดูแกะหยกเลือดได้จึงตัดใจและคิดจะเดินดูรอบๆก่อน
นี่ทำให้เขาได้พบกับหยกเลือดก้อนอื่นๆอย่างหยกเลือดจั๊กจั่นที่เกาะอยู่บนต้นบอนไซ หยกเลือดผีเสื้อที่เกาะอยู่บนใบไม้ และหยกเลือดแมลงปอที่เกาะอยู่บนดอกบัว
หยกเลือดเหล่านี้ดูราวกับมีชีวิตจนทำให้ทุกคนที่มองถึงกับจิตใจผ่อนคลายได้เลย ถึงแม้ว่าหยกเลือดเหล่านี้จะไม่ได้มีค่าสูงเท่ากับแกะหยกเลือด
แต่ด้วยการที่พวกมันมีหลากหลายจนทำให้เกิดภาพทิวทัศน์ที่สวยงามได้เช่นเดียวกัน เกรงว่าหากรวมทุกก้อนเข้าด้วยกันจะไม่ใช่ราคาน้อยๆเลยทีเดียว
“ดูนั่นสิ นั่นมันรูปปั้นมีชีวิตนี่นา” บางคนที่เลือกที่จะเดินดูสิ่งต่างๆด้วยตัวเองนั้นก็ได้เห็นรูปปั้นจำนวนสามชิ้น
หนึ่งคือผู้หญิงที่อยู่ในชุดคลุม หนึ่งคือชายกำยำที่อยู่ในชุดเกราะ และหนึ่งคือหนุ่มหล่อที่มีดาบอยู่ในมือ
รูปปั้นทั้งสามดูมีชีวิตและสมจริงชนิดที่เห็นได้แม้แต่รูขุมขน ถึงแม้จะไม่ได้ดูดีเท่ากับรูปปั้นแห่งเมืองแอตแลนติสได้ก็ตาม
แต่หากดูในมุมมองของความสมจริงแล้วล่ะก็รูปปั้นนี้ถือได้ว่าดีกว่ามาก ถึงแม้ค่าของมันจะเทียบไม่ได้แต่ก็ไม่สามารถดูแคลนรูปปั้นทั้งสามนี้ได้เช่นเดียวกัน
“นี่คุณซูมีรูปปั้นระดับนี้ถึงสามชิ้นเลยอย่างนั้นเหรอเนี่ย นี่เขารู้จักศิลปินคนที่สร้างรูปปั้นนี่จริงๆสินะ แต่ศิลปินผู้ซึ่งมีฝีมือขนาดนี้แต่กลับไม่เป็นที่รู้จักได้ยังไงกัน
เขาคงไม่ได้อาศัยอยู่ในภูเขาและป่าลึกตลอดเวลาจริงๆหรอกนะ” ผู้อาวุโสซี่ได้พูดออกมาในขณะที่จ้องมองไปยังรูปปั้นทั้งสามด้วยความตื่นเต้น
“ตรงนี้ยังมีภาพเขียนพู่กันอยู่อีกสองชิ้นเหรอ หืม…พระเจ้า ภาพเขียนนี่มัน…” เอี้ยป๋อและโจวฉือเซียนที่ได้เดินดูส่วนอีกก็ได้อุทานออกมาทันทีในขณะที่มองไปยังภาพเขียนสองภาพที่แขวนเอาไว้
ภาพหนึ่งนั้นเป็นภาพของตึกราชวงศ์และสวนหลังวัง ในภาพนั้นประกอบไปด้วย ศาลา, ทางเดิน, สะพาน, ทะเลสาบ, สระน้ำ, ลำธาร, ถนนที่คดเคี้ยวราวกับเกลียวคลื่น, เพียงแค่มองก็ทำให้รู้สึกว่ารอบตัวมีสายลมและสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มันดูสง่างามและราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ราวกับว่าภาพนี้เป็นดินแดนเทพเซียนโบราณเลยก็ว่าได้
อีกภาพหนึ่งที่แขวนไว้คู่กันนั้นเป็นภาพของบึงน้ำที่มีน้ำกระจ่างใสจนเห็นก้นบ่อ เห็นได้แม้กระทั่งฝูงปลาที่ว่ายอยู่ก้นบึงในขณะที่มีดอกบัวบานที่ปากบึงที่ดูเด่นเป็นสง่า
มีแมลงตัวหนึ่งไปบินแตะผิวน้ำบนบึงเล่นจนทำให้เกิดหยดน้ำน้อยๆกระจายอยู่ในบึง ถึงแม้จะดูแล้วเป็นเพียงฉากธรรมดา แต่ภาพนี้กลับให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ภาพเขียนทั้งสองนี้นอกจากจะทำให้รู้สึกมหัศจรรย์แล้วยังแฝงไว้ด้วยแนวคิดทางศิลปะอันลึกซึ้ง
“นี่มันเหมือนจะเป็นตำราทางพุทธนะ” อลันและแอนนาหยุดอยู่ที่หน้าตำราโบราณเล่มหนึ่ง
“พระเจ้า ปะการังแดงจากทะเลน้ำลึกอันใหญ่มาก” หนุ่มแว่นแสดงถ้าที่ตกใจในทันทีเมื่อเห็นปะการังแดงอันใหญ่สุดๆที่อยู่ตรงหน้าเขา
“………….”
ทุกๆที่ในพิพิธภัณฑ์ในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยเสียงอุทานดังระงมไปทั่ว ในแต่ละของสะสมของซูจิ้งนั้นไม่มีตรงไหนเลยที่จะทำให้ผู้เข้าชมเดินผ่านโดยไม่รู้สึกมหัศจรรย์
โจวฉือเซียน เอี้ยป๋อ ผู้อาวุโสซี่ ผู้อาวุโสหวู่ อลัน แอนนา และหนุ่มใส่แว่นในตอนนี้นั้นเก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป พวกเขานั้นดูสิ่งต่างๆด้วยท่าทีตกตะลึง พยายามเก็บสงวนท่าที เมื่อไปดูสมบัติชิ้นอื่นก็ตกตะลึงทั้งๆที่พึ่งจะสงบในลงได้
ของทุกชิ้นที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์นี่ล้วนแล้วแต่เป็นของหายากในหมู่ของหายาก จะบอกว่าเป็นของที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ว่าได้ และแน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
เกินกว่าครึ่งของพิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์ของซูจิ้งนั้นเต็มไปด้วยสมบัติแบบนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น