Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 932-937
GGS:บทที่ 932 ความรักระหว่างแม่กับลูกสาว
“แม่คะ เป็นเรื่องอยากนะคะที่จะมีคนแบบพี่ชายมายอมช่วยเราแบบนี้ ทำไมไม่ยืมเงินพี่เขาล่ะคะ หากได้เงินก้อนนี้มาแม่จะได้หาย” สาวน้อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอนั้นไม่ยอมรับเงินก้อนนี้
“อาการของแม่ไม่เป็นอะไรหรอกน่า อย่าไปฟังหมอเลย หมอแค่จะหลอกเอาเงินเราเท่านั้นแหล่ะ” หญิงวัยกลางคนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเนื้องอกไม่เป็นอะไรได้ยังไงกันคะ ถ้าไม่รีบผ่าตัดมันจะสายไปได้นะ” สาวน้อยพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า แม่ไม่ต้องการยืมเงินก้อนนี่จริงๆ กลับไปเถอะค่ะท่าน” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างสุภาพ เธอนั้นกลัวว่าซูจิ้งจะยอมให้เธอยืมเงินจริงๆ
ซูจิ้งทำได้เพียงถอนหายใจออกมา แทนที่จะเดินจากไปเขานั้นกลับเดินตรงไปก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นที่หญิงวัยกลางคนคนนั้นซ่อนเอาไว้ นี่ทำให้หญิงวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีในทันทีก่อนที่จะตรงเข้ามาแย่งแต่เขาก็หลบได้อย่างง่ายดาย
ซูจิ้งมองไปยังกระดาษนั้นและได้เห็นข้อความที่อยู่ในกระดาษนั้น ตัวอักษรนั้นไม่ได้สวยงามแต่อย่างใด แต่เป็นตัวอักษรที่เขียนด้วยมือที่ลายมือนนั้นค่อนข้างแย่ บางตัวก็เขียนผิดๆถูกๆ
ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางคนผู้นี้เองก็ไม่ได้รับการศึกษาที่ดีสักเท่าไหร่นัก โดยข้อความนี้เขียนเอาไว้ว่า “หนี่น้อย เมื่อลูกได้เห็นจดหมายนี้แล้วแม่คงจากไปแล้ว แม่ยังไม่เคยบอกลูกเลยว่าแม่นั้นฝันเอาไว้ว่าอยากไปเที่ยวรอบโลก ตอนนี้แม่ก็คงถึงเวลาได้ไปเที่ยวแล้วล่ะ อาจจะเป็นที่ไหนสักทีหนึ่งที่แม่จะได้พบพ่อของลูกและพูดบางอย่างกับเขา โปรดอภัยให้แม่ด้วยที่ไปโดยไม่จากลา อภัยให้แม่ด้วยที่แม่เป็นแม่ที่เห็นแก่ตัว ลูกควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ แม่ก็ได้แต่หวังว่าอีกไม่กี่ปีลูกน่าจะเจอกับผู้ชายดีๆแล้วแต่งงานไป…”
จดหมายสั่งเสียนี้ถูกเขียนเอาไว้ยังไม่จบดีนัก นี่แสดงว่าเธอนั้นน่าจะเขียนจดหมายแต่ถูกขัดขวางในระหว่างที่เขามาที่นี่กับลูกสาวเธอ
สาวน้อยเองก็ได้แย่งจดหมายนี้จากมือของซูจิ้งเพื่อที่จะอ่านได้ๆชัด ถึงจะเห็นมันเพียงแค่ครึ่งเดียวแต่เธอนั้นก็น้ำตาไหลพรากออกมาในทันที เธอร้องไห้พลางเกาะแขนของผู้เป็นแม่แล้วพูดออกมาว่า “แม่จะไปไหน แม่ไม่ต้องการหนูแล้วเหรอ หนูไม่ให้แม่ไป หนูจะทำยังไงถ้าไม่มีแม่ล่ะ”
“ลูกจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้นะถ้าไม่มีแม่น่ะ เป็นแม่ที่คอยชุดรั้งชีวิตลูกเอาไว้ ลูกทั้งทำงานและเป็นขอทานในตอนนี้ แล้วลูกจะไปมีชีวิตที่ดีได้ยังไงกัน แม่ขอโทษลูกจริงๆ” หญิงวัยกลางคนเองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
“แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิ หนูจะดูแลแม่ พี่ใหญ่เขาให้เรายืมเงินนี่แล้ว เมื่อแม่ดีขึ้นแล้วเดี๋ยวอะไรก็ดีตามเองนั่นแหล่ะ” สาวน้อยพูดพลางร้องไห้หนักกว่าเดิม
“อาการของแม่ไม่หายอยู่แล้ว แล้วแม่จะไปก่อหนี้ก่อสินอีกทำไม หนี่น้อย ฟังแม่นะ ปล่อยแม่ไปซะ ลูกยังอ่อนเยาว์นักย่อมมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ หากลูกมีชีวิตที่ดีขอแค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว” หญิงวัยกลางคนร้องไห้ออกมาหนักยิ่งกว่าเดิมจนทำให้เกิดภาพที่น่าเศร้าสร้อยขึ้นมา
“ไม่นะแม่อย่าจากหนูไปนะ” สาวน้อยเกาะแขนของแม่เธอไว้นั่น
“พูดจบกันรึยัง” ซูจิ้งเองที่มีน้ำตาคลอจนเริ่มแดงในตอนนี้รีบพูดตัดบทในทันทีเขากลัวที่จะต้องร้องไห้ออกมาจริงๆ
“ลองฟังผมก่อนก็แล้วกันแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป เริ่มจากผมนั้นขอแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกันครับ”
ก็ไม่แปลกที่สองแม่ลูกนี้จะไม่รู้จักซูจิ้ง เพราะด้วยระดับของซูจิ้งแล้วนั้นยังไม่ถึงขึ้นที่จะเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศได้อยู่ดี อีกอย่างหนึ่งทั้งคู่ก็ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมากว่าสองสามปีแล้วแน่นอนว่าใครจะไปมีความสนใจในข่าวคราวโลกภายนอกทั้งๆที่ชีวิตตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ซูจิ้งจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ทำการแนะนำตัวกับสองคนนี้เท่านั้น เพราะเขาคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้เรื่องนี้จบลงได้โดยเร็วและง่ายที่สุด
สองแม่ลูกได้ตกตะลึงทันทีเมื่อซูจิ้งแนะนำตัวจนต้องเผลอหยุดร้องไห้ในทันที แถมยังเข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อให้แน่ใจว่าใช่ซูจิ้งตัวจริงรึเปล่า
หลังจากแน่ใจแล้วทั้งสองก็ได้แต่เพียงทำตาเบิกกว่าง โดยเฉพาะสาวน้อยที่ประหลาดใจกว่าใคร เพราะไม่คิดว่าแฟนของพี่สาวที่ช่วยเธอนั้นจะเป็นดาราชื่อดังและเจ้าของบริษัทอันใหญ่โต
ยิ่งได้เห็นข่าวที่ซูจิ้งนั้นได้ช่วยคนเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นช่วยคนจากกองเพลิง ช่วยคนจากเครื่องบิน หรือแม้แต่การบริจาคเงิน
นี่ทำให้หญิงวัยกลางคนผู้นี้รู้สึกเสียใจจริงๆกับความคิดไม่ดีก่อนหน้าที่คิดว่าซูจิ้งนั้นต้องการหาประโยชน์จากลูกสาวเธอ
“เอาล่ะที่นี้พอเข้าใจกันแล้วนะว่าผมนั้นบริจาคเงินไปกว่าหลายสิบล้าน เพราะฉะนั้นเงินเพียงไม่กี่หมี่นหยวนนี้ไม่ใช่อะไรสำหรับผมเลย
อย่างที่เขาว่ากันว่าการช่วยเหลือคนนั้นดีกว่าก่อเจดีย์เจ็ดชั้น แค่ได้ช่วยคนได้เท่านี้ผมก็ถือว่าเป็นโชคแก่ตัวเองแล้ว ผมไม่ต้องการเงินคืนแต่อย่างใด” ซูจิ้งพูดออกมา
“เรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไงกัน” หญิงวัยกลางคนเองได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งดีๆที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเองราวกับตัวเองได้ฝันไป
“ไม่ต้องรู้สึกแย่หรอกน่า เงินนี้เองก็ถือว่าไม่ได้อะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย นี่อาจเป็นชะตาที่ให้ลูกสาวของคุณนั้นได้เจอผมก็ได้ ต่อให้คุณนั้นไม่คิดถึงตัวเองก็ขอให้คิดถึงลูกของตัวเองเอาไว้ให้มากๆ คุณคิดจริงๆเหรอว่าหากปล่อยลูกของคุณไว้คนเดียวจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ” ซูจิ้งพูดออกมา
“แม่ ฟังพี่ใหญ่เขาเถอะนะ” สาวน้อยเองก็ขอร้องอย่างสุดเสียง
“ก็ได้” หญิงวัยกลางคนเองที่ถูกลูกของเธอขอร้องจนแทบจะไปกอดขาเธอในตอนนี้ก็ยอมที่จะได้รับการช่วยเหลือนี้จนได้ ความจริงแล้วเธอเองนั้นก็กลัวว่าจะมีคนทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวของเธอเหมือนกันหากปล่อยให้อยู่คนเดียว
เอาจริงๆแล้วตอนนี้เธอเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเพียงคิดถึงภาพของลูกสาวของตัวเองที่จะต้องจมจ่อมอยู่กับความเศร้าเสียใจแล้วทำให้เธอนั้นนึกเปลี่ยนใจในทันที
“คุณซู อาการป่วยของฉันนั้นรักษาไม่หายหรอกนะ หากคุณสัญญาว่าเมื่อฉันเป็นอะไรไปแล้วอย่าได้บังคับลูกสาวของฉันให้ชดใช้แทนฉันล่ะก็ หากฉันหายดีจริงๆจะรีบทำงานหาเงินใช้หนี้ทีหลัง” หญิงวัยกลางคนพูดออกมา
“อย่ากังวลไปเลยน่า ต่อให้คุณหายดีแล้วผมก็ไม่คิดจะเอาเงินคืนแม้แต่น้อย คุณคิดว่าระหว่างเงินหมื่นหยวนกับชื่อเสียง ผมอยากได้สิ่งใดมากกว่ากัน”
ซูจิ้งได้พยักหน้าให้หญิงวัยกลางคนทีหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาต้องการประโยชน์จากอย่างหลังมากกว่า ซึ่งหญิงวัยกลางคนเองก็เข้าใจในทันทีและตอบรับการช่วยเหลือโดยไม่อิดออดแต่อย่างใด
นี่ทำให้สาวน้อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้าง และในที่สุดทั้งสองก็ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้ว ซูจิ้งก็ได้วางถุงอาหารที่เขาได้ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะ ถึงแม้หญิงวัยกลางคนจะดูอิดออดในเรื่องนี้ไปบ้างแต่การยอมรับไมตรีจิตแบบนี้เองก็ดีกว่าโดนบังคับขู่เข็ญอยู่ดี แถมลูกสาวของเธอเองก็เหมือนจะไม่ได้กินอะไรดีๆมานานแล้วเหมือนกัน
อาหารมื้อกลางวันมื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในชีวิตของสองแม่ลูกเลยทีเดียว ทั้งสองที่ร่างกายเปรียบได้ดั่งต้นไผ่ที่ผอมแห้งที่กินอาหารได้เท่ากับผู้ชายตัวใหญ่โตได้สองสามคนเลยทีเดียว
โดยเฉพาะกับสาวน้อยที่ตอนนี้ปากนั้นเต็มไปด้วยอาหารจนแก้มบวมตุ่ยเป็นกระรอกราวกับว่ากลัวใครจะแย่งไปนี่ทำให้ซูจิ้งถึงกับรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้ในทันที ในตอนนั้นเองเขาก็คิดอะไรดีๆขึ้นมาได้
ซูจิ้งใช้เวทย์สัมผัสแห่งใบไม้ฯกับหญิงวัยกลางคน ถึงแม้จะรักษาเนื้องอกไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายของเธอนั้นมีสุขภาพดีขึ้นและร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น นี่จะช่วยร่างกายของเธอหายได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นซูจิ้งและสาวน้อยได้ทำการส่งแม่ของสาวน้อยกลับไปยังพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดในทันที
“พี่ซู ฉันจะตอบแทนพี่ทีหลังนะ” ที่หน้าห้องผ่าตัด สาวน้อยได้จ้องหน้าของซูจิ้งและพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
“ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องหรอก อีกอย่างหลังการผ่าตัดนั้นยังต้องมีค่าพักฟื้นอีกนะ ค่าใช้จ่ายโดยรวมแล้วน่าจะอยู่ที่หนึ่งแสนหยวนเลยทีเดียว เธอจะจ่ายเงินคืนฉันไหวเหรอ” ซูจิ้งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันจะทำงานอย่างหนักตลอดทั้งชีวิตเลย จะได้จ่ายคืนพี่ได้เร็วๆ” สาวน้อยพูดออกมา
“ไม่เอาอ่ะ แต่เอาเป็นว่าฉันหากเธออยากจะจ่ายเงินคืนฉันจริงๆล่ะก็ ฉันว่าฉันสอนวิธีหาเงินให้เธอดีกว่านะ เดี๋ยวฉันสอนวิธีหาเงินให้เธอแล้วหากเป็นไปได้ด้วยดี นอกจากเธอจะใช้หนี้ฉันได้แล้วเธออาจจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมอีกด้วยนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชวนน่าพิศวง
“จริงเหรอ ทำยังไงอ่ะ” สาวน้อยจ้องมองซูจิ้งด้วยดวงตาที่เปล่งประกายในทันที
เธอนั้นรู้จักซูจิ้งผ่านการอ่านรายละเอียดของซูจิ้งจากอินเตอร์เนต เธอรู้ว่าซูจิ้งนั้นไม่ใช่คนทั่วไปอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะเขานั้นเป็นปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ เทพเจ้าโรงครัว ปรมาจารย์กู่จิ้ง ปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ และปรมาจารย์ด้านอื่นๆอีก บางคนก็ถึงกับเรียกเขาว่าพระเจ้าเลยทีเดียว แน่นอนว่าทักษะที่เขาสอนนั้นต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน
GGS:บทที่ 933 อาหารมื้อใหญ่
“ทักษะที่ฉันจะสอนเธอนี้มันมหัศจรรย์มากๆเลยนะบอกไว้ก่อน ทักษะนี้สามารถทำให้เธอนั้นกินได้มากแบบสุดๆแถมยังกินเร็วกว่าเดิมอีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือตัวเธอนั้นจะไม่เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือความดันเลยแม้แต่น้อย จะให้เรียกสั้นๆก็คือทักษะจอมเขมือบ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างจริงจัง
สาวน้อยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นหน้าเธอก็แดงเป็นลูกตำลึงก่อนจะพูดออกมาว่า “พี่ซู นี่พี่กำลังแกล้งฉันเพราะเห็นท่าทางฉันตอนกินใช่รึเปล่าเนี่ย เกินไปแล้วนะ”
“ฮี่ฮี่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า เอาจริงๆนี่เธอกินยังไม่เท่ากับครึ่งมื้อที่ฉันกินเลยนา… จะอายไปทำไมกัน นับประสาอะไรกับมื้อ มื้อใหญ่จริงๆต้องนู่เลย หมั่นโถว 30 ลูก” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วหนูจะกินหมั่วโถว 30 ลูกได้ยังไงกันล่ะ” สาวน้อยพูดออกมาด้วยสายตาตื่นตกใจ
“ถ้าใช้วิธีของฉันล่ะก็เธอกินได้แน่นอน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธออยากจะให้ฉันสอนรึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อยากค่ะ หนูอยากเรียน” สาวน้อยในตอนนี้เชื่อใจซูจิ้งอย่างมากแบบสุดๆ เอาจริงๆไม่ว่าซูจิ้งพูดอะไรมาเธอยอมทำตามโดยไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
เธอนั้นสนใจอย่างมากว่าเธอจะกินหมั่วโถว 30 ลูกได้ยังไงทั้งๆที่เธอนั้นตัวผอมแห้งซะขนาดนี้ ซูจิ้งเองก็ยังถามความเห็นอีกสองสามเรื่องเพื่อขอความเห็นชอบจากสาวน้อย แน่นอนว่าเธอนั้นยินยอมหมดในทุกเรื่อง
เธอเชื่อใจซูจิ้งแบบหมดใจจริงๆจนซูจิ้งเองก็รู้สึกแปลกใจกับความกระตือรือล้นแบบแปลกๆของเธอ
หลังจากคุยกันต่ออีกสักพักจนตอนนี้สาวน้อยใจจดจ่อกับซูจิ้งจนละสายตาจากประตูห้องผ่าตัดไปแล้ว ในตอนนี้เธอก็ได้แนะนำตัวเองว่าเธอชื่อว่าจูซิ่วหนี่ เมื่อปีก่อนนั้นเธอยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งเมืองจงหยุน แต่เธอเองก็ไม่ได้ไปมาปีกว่าๆแล้ว หรือก็คือเธอหยุดเรียนกลางคัน
เธอและน้องสาวของซูจิ้งหรือก็คือซูหยาเองก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นแต่ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด
ตอนที่บ้านของเธอนั้นเกิดเรื่องทางโรงเรียนเองก็พยายามหาทุนมาสนับสนุนเหมือนกันแต่นั่นก็ยังไม่พอต่อการผ่าตัดซึ่งแพงมาก
ถึงแม้ว่าต่อมาซูจิ้งจะบริจาคเงินในวันครบรอบร้อยปีโรงเรียนแต่ตัวเธอเองก็ออกมาแล้วทำให้เธอได้พลาดโอกาสนั้นไป
การพูดคุยของทั้งสองคนนั้นรื่นไหลอย่างมากจนเมื่อรู้สึกตัวการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นจูซิวหนี่ก็รีบไปถามผลการผ่าตัด หมอผ่าตัดจึงแจ้งให้เธอทราบว่าการผ่าตัดสำเร็จและเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อได้ยินดังนั้นจูซิวหนี่ร้องไห้ออกมาทันทีด้วยความดีใจ
หลังจากแม่ของจูซิวหนี่รับทราบผลการผ่าตัดเองก็มีความสุขอย่างมากเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการพักฟื้นเองก็สำคัญไม่แพ้กัน แน่นอนว่าช่วงนี้เธอไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้อีกระยะหนึ่ง
ซูจิ้งเองก็ได้รักษาแม่ของจูซิวหนี่ด้วยเวทย์สัมผัสแห่งใบไม้ฯอีกครั้งเพื่อให้เธอฟื้นตัวเร็วขึ้น และได้จ้างนางพยาบาลสองคนให้ช่วยดูแลแม่ของจูซิวหนี่ ส่วนตัวจูซิวหนี่เองซูจิ้งซูจิ้งจะรับไปดูแลสักพักหนึ่ง แม่ของจูซิวหนี่ในตอนนี้ก็เชื่อใจซูจิ้งอย่างมากเธอเลยไม่ได้ว่าอะไร
ซูจิ้งพาจูซิวหนี่ไปยังที่ตั้งของสำนักงานชาร์คทีวี ระหว่างทางเขาก็พาจูซิวหนี่ไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว และได้จูซิวหนี่ดื่มน้ำแก้วหนึ่ง
จูซิวหนี่ก็รับไปดื่มโดยไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใดว่าเธอได้กลืนบางสิ่งลงไปแล้ว ถึงแม้ซูจิ้งจะไม่อยากปิดบังเรื่องนี้แต่เขาก็กลัวว่าเธอจะขยะแขยงมันจนไม่อยากจะกลืนลงไป เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ไม่เห็นก็ถือว่าสะอาดหมดจด จะบอกว่าโกหกเพราะหวังดีก็ได้อยู่เหมือนกัน
เมื่อกวงหยวนเห็นซูจิ้งเข้าไปหาก็ได้ยิ้มรับด้วยความยินดียิ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณซูครับ หนิงหนิงและกวนจูจิวที่คุณพามานั้นสุดยอดมากเลย
ช่วงนี้มีคนเข้ามาดูช่องของทั้งสองอย่างไม่ขาดสายเลยครับ โดยเฉพาะหนิงหนิงเธอนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะเซ็นสัญญากับช่องของผมอย่างแน่นอนครับ”
แน่นอนว่าเรื่องของสองคนนี้นั้นไม่มีจุดด่างพร้อยแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าทั้งสองก็คือหยินหนิงและวูจูนั่นเอง หยินหนิงหรือหนิงหนิงนั้นในตอนนี้สวยชนิดที่ร่างเดิมของเธอเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย และยังดีสวยงามชนิดที่น่าหลงไหลไม่เหมือนสตรีมเมอร์คนอื่นๆที่สวยผ่านกล้องเท่านั้น คนพวกนั้นช่างไม่เป็นธรรมชาติและโดนจับได้เมื่อดูไปนานๆอย่างแน่นอน
ความหล่อเหลาของวูจูในตอนนี้เองก็ไม่ต้องพูดถึง เขานั้นเป็นชายในฝันของใครหลายๆคนในตอนนี้ แต่สิ่งที่ดึงดูดสองคนได้มากที่สุดนั่นก็คือความสามารถ หากไม่มีความสามารถชั้นยอดของทั้งสองคนนั้นแน่นอนว่าต่อให้มีคนนิยมในความหล่อและสวยแต่ไม่นานก็จะเบื่อกันไปซะก่อน
“เซ็นสัญญาเหรอ ผมว่าเรื่องนั้นจะไม่จำเป็นนะ ผมมีความตั้งใจจะพาทั้งสองเข้าวงการบันเทิงน่ะ แต่ไม่ต้องกลัว ยังไงซะผมก็ตั้งใจจะให้ทั้งสองสตรีมแบบนี้อยู่ถ้าทั้งคู่ยังอยากทำ แต่ผมไม่อยากให้ทั้งสองนั้นมีการสตรีมเป็นอาชีพหลักของทั้งคู่เท่านั้นเองน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นี่คือสิ่งที่เขานั้นมุ่งหวังไว้แต่เดิมนั่นก็เพราะว่าเขารู้สึกเสียดายที่อุตส่าห์ให้หนังแปลงโฉมไปทั้งทีแต่จบแต่การเป็นสตรีมเมอร์แบบนี้
อย่างแรกถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นสตรีมเมอร์แต่ต้น แต่สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว อย่างที่สองหากทั้งสองเซ็นสัญญากับชาร์คทีวีจะเป็นต้องให้เงินเป็นล้านหยวนหากต้องการไปปรากฎตัวที่ช่องทางการสื่อสารแบบอื่น ด้วยสถานะของทั้งสองในตอนนี้ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ที่นี่เท่านั้น
อีกอย่าง หากทั้งสองสามารถเป็นที่นิยมได้จริงๆ ไม่เพียงจะนำพาค่าการใช้ประโยชน์ขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศมาให้แก่เขาแล้วยังสามารถทำเงินให้กับพวกเขาเองได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าเงินที่ได้มาจากการเป็นผู้จัดการดาราจะน้อยเมื่อเทียบกับเงินของเขาที่มีอยู่แล้วก็ตาม แต่การได้เป็นผู้จัดการดาราดังแน่นอนว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ชื่อเสียงของเขาเองไปในตัว ถือได้ว่ามีแต่ได้ไม่มีเสีย
“อ้อ เป็นอย่างนั้นเองเหรอครับ” กวงหยวนเองได้ยินแบบนี้ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ถึงแม้จะผิดกับความตั้งใจของเขาไปบ้างแต่เขาก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด
อย่าว่าแต่ซูจิ้งเลย แม้แต่เขาเองก็เล็งเห็นถึงข้อนี้เหมือนกัน เขาจึงเข้าใจในเรื่องนี้ดี หนิงหนิงและกวนจูจิวนั้นนอกจากหน้าตาแล้วทั้งสองยังถือได้ว่าเป็นคนที่มีทักษะขั้นสูง ยิ่งพวกเขานั้นได้เซ็นสัญญากับซูจิ้งด้วยแล้วแน่นอนว่าอนาคตย่อมไม่สิ้นสุด แน่นอนว่าไม่สมควรจะหยุดอยู่ที่ช่องสตรีมของเขาอย่างแน่นอน
“อ้อ แล้วก็ความจริงวันนี้ที่ผมมานั้นเป็นเพราะว่าจะพาสตรีมเมอร์คนใหม่มาแนะนำให้คุณรู้จักน่ะ สาวน้อยคนนี้คือจูซิวหนี่ ซิวหนี่คนคนนี้คือบอสกวงนะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“สวัสดีค่ะบอสกวง” จูซิวนี่เองก็รู้สึกประหม่าในทันที ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าซูจิ้งพาเธอมาที่นี่ทำไมกัน
“ฮ่าฮ่า เรียกฉันว่าพี่กวงก็พอ” กวงหยวนเองก็หัวเราะออกมาพลางมองสำรวจไปยังจูซิวหนี่ไปด้วยในตัว เขาเองก็รู้สึกมหัศจรรย์ในตัวซูจิ้งเหมือนกันว่าสายตาของเขาเป็นยังไงกันแน่
เพราะในมุมมองเขานั้นสาวน้อยคนนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติในการเป็นสตรีมเมอร์เลยสักนิด ถึงสาวน้อยคนนี้จะดูน่ารักก็จริงแต่ก็ไม่ได้เพียงพอต่อการเป็นสตรีมเมอร์แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเวลาเธออายหรือประหม่าจะดูน่ารักมากก็ตาม แต่เพียงแค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อการจะนำมาสตรีมอย่างแน่นอน
“บอสคะ สาวน้อยคนนี้…” เลขาฯสาวของกวงหยวนได้เดินเข้ามากระซิบข้างๆหู
“โอ้ เป็นเธอคนนี้เหรอ” กวงหยวนนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าซูจิ้งนั้นได้มีข่าวออกมาว่าได้ให้ความช่วยเหลือสาวน้อยคนหนึ่งและรับอุปการะมาสักระยะ
กลายเป็นว่าสาวน้อยคนนี้คือคนในข่าว ดูเหมือนว่าซูจิ้งเองที่พาเธอมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือเธอก็แล้วกัน นี่ทำให้กวงหยวนเองก็รูสึกประทับใจในตัวซูจิ้งเพิ่มขึ้นไปอีกในความดีที่ดียิ่งๆขึ้นไปของซูจิ้ง
“อ้ะ ก่อนที่นายจะเข้าใจผิดไป ฉันเองไม่ได้พkสาวน้อยคนนี้มาเพียงเพราะอยากช่วยสาวน้อยเพียงอย่างเดียวนะ ฉันพบว่าสาวน้อยคนนี้เองก็มีความสามารถที่ทรงพลังเลยนะ
ฉันรับรองได้เลยว่าเมื่อเธอได้สตรีมล่ะก็ต้องดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน ไม่สิหากพูดอย่างนั้นก็คงเวอร์เกินไป เอาเป็นว่าแค่พลุไฟสดใสดวงไม่ใหญ่ก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอครับ เธอมีความสามารถอะไรกัน” กวงหยวนเองรู้สึกสนใจในทันที เขาอยากรู้จริงๆว่าสาวน้อยคนนี้จะมีความสามารถสุดยอดแบบไหนกันแน่ เลขาฯของกวงหยวนเองก็ยังตั้งมองไปยังจูซิวหนี่เพื่อประเมินอีกครั้งแต่ก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นอะไรได้
ก่อนหน้านี้บอสของเธอนั้นให้เธอจับตาดูข่าวของซูจิ้งที่พึ่งจะเป็นข่าวในวันนี้ เธอเองก็ตรวจสอบเป็นอย่างดีแล้วว่าสาวน้อยคนนี้เป็นเพียงนักเรียนมัธยมคนหนึ่ง เธอมาจากครอบครัวธรรมดาและพื้นเพเองก็เหมือนคนทั่วไป
เธอนั้นไม่เจอความสามารถพิเศษของสาวน้อยคนนี้แม้แต่น้อย หากว่าเธอมีความสามารถพิเศษจริงๆทำไมก่อนหน้านี้ไม่ใช้ความสามารถนั้นช่วยเหลือครอบครัวตัวเองได้กัน ต่อให้ต้องแสดงข้างถนนก็ยังดีกว่าไปเป็นขอทานแบบนั้น
“เดี๋ยวก็รู้แหล่ะน่า” ซูจิ้งพูดจบก็กัดฟันยกกระเป๋าใหญ่ใบหนึ่งขึ้นมา ข้างในนั้นมีหมั่นโถวร้อนๆที่เพิ่งจะได้มาระหว่างทาง หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ซิวหนี่ กินพวกนี้ให้หมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะ”
“ห้ะ” จูซิวนี่ตกใจจนนิ่งอึ้งไปในทันทีพลางนึกไปว่าตัวเองฟังผิดไป ถึงแม้ซูจิ้งบอกว่าจะสอนเธอเกี่ยวกับวิธีการกินจะ แต่นี่เขายังไม่ได้สอนอะไรเธอเลยนะ แล้วเธอจะไปกินซาลาเปาเยอะขนาดนี้ได้ยังไง
กวงหยวนและเลขาสาวเองก็ตกใจไม่ต่างกัน และยิ่งอึ้งในท่าทางของจูซิวหนี่เมื่อกี้อีกด้วยว่าแม้แต่ตอนอึ้งเองเธอก็ยังดูน่ารักไม่หยอก
สาวน้อยคนนี้เนี่ยนะ ผอมแห้งขนาดนี้อย่างมากก็ได้แค่สามลูกเท่านั้นแหล่ะ ซาลาเปาขนาดนี้เลี้ยงคนได้ทั้งออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ
GGS:บทที่ 934 เวลาและกาลอวกาศ
“คุณซู…คุณซูไม่ได้พูดจริงใช่รึเปล่าครับ” กวงหยวนถามออกมาในทันที
“คุณซูคะ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” เลขาฯสาวของกวงหยวนเองก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาเช่นด้วยกัน การที่จะให้สาวน้อยครอบครัวยากจนแบบนี้ ต่อให้นี่เป็นการช่วยให้เธอนั้นจ่ายค่ายาให้แม่และช่วยเหลือตัวเองก็ตาม แต่เขาก็ไม่ควรจะรังแกเธอแบบนี้
“นี่พวกนายคิดอะไรกันเนี่ย สาวน้อยคนนี้มีทักษะด้านการกินจริงๆ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พี่ซู ให้หนูลองก็ได้ค่ะ” จูซิวหนี่เองนั้นศรัทธาในตัวซูจิ้งอย่างแรงกล้า พอนึกถึงสิ่งที่ซูจิ้งทำให้เธอตั้งมากมายขนาดนี้แล้ว เธอจะปล่อยให้คนอื่นมาดูแคลนซูจิ้งได้อย่างไร หากว่าเธอพยายามอย่างหนักเธออาจจะกินได้จริงๆก็ได้นะ
จูซิวหนี่หยิบหมั่นโถวขึ้นมาและกินในทันที เธอกินเร็วอย่างมาก หลังจากนั้นก็ลูกที่สอง ลูกที่สาม อย่างรวดเร็ว
จูซิวหนี่เองก็รู้สึกความผิดปกติได้เหมือนกัน หากเป็นสามปีก่อนเธอเองแค่เห็นกองหมั่นโถวแบบนี้ลูกเดียวเธอก็อิ่มตื้อแล้ว
แต่ในตอนนี้เธอเองก็กินไปกว่าสามลูกแล้วแต่เธอยังไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย นี่เธอกินเข้าไปแล้วสามลูกจริงๆเหรอ?
จูซิวหนี่ยังคงกินต่อไปอย่างรวดเร็ว สี่ลูก ห้าลูก หกลูก จนทำให้กวงหยวนและเลขาฯสาวถึงกับมองด้วยหน้าตาโง่งม
ตอนแรกทั้งคู่ต่างก็คิดว่าสาวน้อยคนนี้ไม่น่ากินได้จนหมดและก็แทบจะอยากด่าซูจิ้งออกมาที่ให้สาวน้อยต้องมาทำแบบนี้
แต่หลังจากที่เห็นภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า กองหมั่วโถวที่ต่อให้ทั้งสองช่วยกันกินก็ยังไม่หมดแต่กับสาวน้อยคนนี้กับกินหมดไปหกลูกแล้วแถมยังมีท่าทีเหมือนกับไม่ได้กินอะไรไปเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทีกินเร็วขึ้นเรื่อยๆเสียอีก นี่จะน่าประหลาดเกินไปแล้ว
ความน่าประหลาดนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ลูกที่แปด ลูกที่เก้า ลูกที่สิบ … เพียงพริบตาเดียวหมั่นโถวกว่าสามสิบลูกก็หายไปหมดจด แต่ถึงกระนั้นท้องของจูซิวหนี่เองก็ป่องออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สาวน้อยคนนี้เองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอึดอัดแม้แต่น้อย หน้าของเธอเองก็ยังดีสบายๆแถมยังแสดออกมาว่าประหลาดใจด้วยซ้ำ
“พี่ซู หนูกินหมี่นโถว30ลูกได้จริงๆด้วย หนูเองยังไม่คิดว่าจะกินหมดได้เลยนะ” จูซิวหนี่เองไม่อยากเชื่อเหมือนกัน นี่ซูจิ้งยังไม่ได้สอนอะไรเธอด้วยซ้ำแล้วเธอจะกินหมั่นโถวกองโตหมดได้อย่างไร
“สาวน้อย เธอยังรู้สึกสบายดีอยู่รึเปล่า” เลขาฯสาวถามออกมาด้วยท่าทีกังวล
“ยังปกติดีอยู่ค่ะ” จูซิวหนี่พยักหน้ายืนยัน
“สุดยอด สุดยอดอะไรอย่างนี้” กงหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความมหัศจรรย์ ถึงแม้ว่าการสตรีมสาวน้อยกินจุจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ระดับการกินจุของจูซิวหนี่นั้นหาได้ยากยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยท่าทางการกินที่ดูเป็นธรรมชาติและออกรสออกชาติแบบนี้ หากจับแต่งหน้าแต่งตัวอีกสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะอยู่แค่ในระดับกลางๆ แต่กับวงการนักกินจุแล้วถือได้ว่าเธอต้องสวยที่สุดอย่างแน่นอน
ด้วยจุดเด่นมากมายเหล่านี้แล้วต้องสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมอย่างแน่นอน ดังที่ซูจิ้งพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ต่อให้ไม่ดังเป็นพลุแตก แต่อย่างน้อยก็เปรียบได้ดั่งพลุเล็กๆน่ารักๆ
“ถ้าหากว่าเธอบอกว่ายังสบายดีอยู่แบบนี้ พี่สาวคนนี้คงจะรู้สึกอิจฉาแล้วล่ะ” เลขาฯเมื่อเห็นว่าจูซิวหนี่นั้นไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาจริงๆ
นั่นก็เพราะว่าเพื่อรักษาสภาพหุ่นของตัวเองให้ดีขนาดนี้ได้ตลอดเวลาทำให้เธอนั้นต้องคอยควบคุมอาหารอย่างหนัก และต้องปฏิเสธอาหารอร่อยๆมากมายที่เธอชื่นชอบ เมื่อได้เห็นว่าสาวน้อยตรงหน้ากินไปมากมายขนาดนี้แล้วยังเฉยๆอยู่นี่ต่อให้เธออิจฉาก็ไม่แปลกแต่อย่างใด
ไม่สิ มีอะไรบางอย่างแปลกๆ จูซิวหนี่นั้นมาจากครอบครัวที่ยากจะแล้วเธอจะไปหาโอกาสกินจุแบบนี้มาจากไหนกัน
ซูจิ้งเองก็ราวกับรู้ความคิดของเลขาสาวจึงได้พูดออกมาว่า “ซิวหนี่นั้นสามารถกินเยอะมากๆ แต่ตัวเธอนั้นยังสามารถรักษาหุ่นให้อยู่ในสภาพปกติได้อยู่ หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือเธอเป็นพวกกินแล้วไม่อ้วนน่ะ”
นี่ทำให้ทั้งกวงหยวนและเลขาของเขารู้สึกอิจฉาจริงๆ ช่างเป็นกระเพาะอาหารที่ทรงพลังเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าข้ออ้างของซูจิ้งนั้นจะฟังดูแปลกๆไปอยู่บ้าง แต่มันก็ยังพอจะฟังขึ้นได้ในทันทีเหมือนกัน
แน่นอนว่าแมลงที่อยู่ในน้ำที่จูซิวหนี่ดื่มไปก่อนหน้านี้นั้นนั่นคือแมลงพุงโตที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าแห่งทะเลสาบนางฟ้า
ความสามารถของแมลงพุงโตตัวนี้ก็คือการเพิ่มอัตราการเผาผลาญ กระบวนการย่อย และกระบวนการดูดซับสารอาหาร
นั่นก็หมายความว่าไม่ว่าสิ่งมีชีวิตที่เจ้าหนอนนี่อาศัยอยู่กินไปมากมายแค่ไหนก็จะไม่ได้พลังงานไปแต่อย่างใด นี่คือสิ่งที่แมลงพุงโตแน่นอนว่ามันนั้นอันตรายแบบสุดๆ มันสามารถทำให้ร่างที่มันอาศัยอยู่หิวโหยจนไปหาอาหารกินตลอดเวลา
แต่กับกรณีของจูซิวหนี่นั้นต่างออกไปเพราะแมลงตัวนี้ได้ทำพันธะสัญญากับเขาเรียบร้อยแล้วแน่นอนว่ามันต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด
เขาสั่งเอาไว้ว่าให้แมลงพุงโตนี้ปิดโหมดคำสั่งบังคับหิวนี้ไปเลย และไม่ต้องบังคับให้เจ้าของร่างหาอาหารกินอีก แต่ให้ใช้การจับสัมผัสเอาว่าหากเจ้าของร่างกินอาหารปกติก็ไม่ต้องทำอะไร
แค่ดูดกลืนให้พอประทังชีวิตอยู่ได้ก็พอ แต่หากเจ้าของร่างกินมากเมื่อไหร่ก็ดูดซับให้เต็มที่แต่ห้ามมีผลเสียต่อร่างกายเจ้าของร่างก็พอ
เอาจริงๆซูจิ้งก็อยากเก็บไว้ใช้เองเหมือนกันหากไม่ติดว่ามันน่าขยะแขยงไปหน่อย นั่นก็เพราะหากเขาใช้เจ้านี่ล่ะก็จะไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องการกินอาหารจำนวนมากอีกต่อไป สามารถกินได้ตามเท่าการ
สามารถเพลิดเพลินไปกับความอร่อยของอาหารได้อย่างหนำใจโดยไม่ต้องใส่ใจว่าร่างกายต้องรับปัญหาหนักจากการกินแค่ไหนก็ตาม
“เอ่อออ… หนู…” จูซิวหนี่อยู่ๆก็ทำสีหน้าแปลกๆ ดูเหมือนร่างกายจะบิดไปบิดมาเล็กน้อย
“เป็นอะไรเหรอ เธอยังกินไม่พอเหรอนั่น” เลขาสาวถามออกมาเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของสาวน้อย
“ไม่ค่ะ หนูอยากไปห้องน้ำ” จูซิวหนี่พูดออกมาด้วยท่าทีอายๆเล็กน้อย
“ไปเถอะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่เป็นอย่างนี้เพราะแมลงพุงโตนั้นสามารถเร่งอัตราการย่อยอาหารได้ แน่นอนว่าด้วยหมั่นโถวกองขนาดนั้นก็ต้องออกมาเร็วแบบนี้แหล่ะ
เจ้าหนูก่อนหน้านี้เองก็กินแล้วก็ถ่ายไว้มากมายเหมือนกัน
ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่กระบวนการดูดซับของแมลงพุงโตนี้ก็สูงเช่นเดียวกัน ต่อให้กินหมั่นโถวไปมากกว่านี้ก็ไม่ได้เพียงพอต่อความต้องการของมันแต่อย่างใด
มันก็เหมือนกับที่เขาบอกว่าความทรมานเพียงเล็กน้อยนั้นย่อมพอทน แต่ทนนานนักก็ไม่ไหวเหมือนกัน เอาจริงๆแต่เขาเห็นเธอกินก็อยากเข้าห้องน้ำตามไปเหมือนกัน
หลังที่จูซิวหนี่ตรงดิ่งไปห้องน้ำ ซูจิ้งก็จัดการคุยเรื่องสัญญากับกงหยวน เอาจริงๆเรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันก็ได้ด้วยซ้ำเพราะว่ากวงหยวนนั้นศรัทธาในตัวซูจิ้งอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ผิดคำพูดของตัวเองต่อให้ไม่มีสัญญาก็ตาม
หลังจากผ่านไปสักพัก จูซิวหนี่ก็ได้กลับมา หลังจากเธอกลับมานั้นทั้งกวงหยวนและเลขาของเขาต่างก็รู้สึกังวลในอาการของสาวน้อยเพราะนึกว่าจะไปแหวะออกมา
แต่กลายเป็นว่าทั้งสองต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นท้องของจูซิวหนี่นั้นกลับมาเป็นปกติและดูเธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมา
เมื่อถามดูก็พบว่าเธอนั้นแค่เข้าห้องน้ำตามปกติเท่านั้น นี่ทำให้ทั้งสองนั้นถึงกับบ่นอิจฉาอยู่ในใจว่าร่างกายของสาวน้อยคนนี้ทำจากอะไรกันแน่ นี่ร่างกายเธอย่อยหมั่นโถว30ลูกด้วยความเร็วสุดยอดขนาดนี้ได้เลยเหรอเนี่ย
ซูจิ้งได้ให้จูซิวหนี่ลงลายเซ็นในสัญญา ด้วยการที่เธอเองนั้นเชื่อใจซูจิ้งแบบสุดๆเธอก็เซ็นโดยแทบจะไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ
ซูจิ้งเห็นดังนั้นก็เลยบอกให้เธออ่านดีๆก่อน อย่างน้อยก็ดูช่วงเวลาที่เธอต้องทำการสตรีมก็ยังดี
“เอาล่ะพรุ่งนี้ก็ลองสอนการสตรีมกับเธอด้วยก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา ด้วยการที่จูซิวหนี่นั้นมีจุดขายอยู่ที่การกินจุและกินเร็ว แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการทักษะอะไรอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็ยังมีเรื่องที่เธอต้องเรียนอยู่นั่นก็คือวิธีการที่จะทำให้ได้ของขวัญจำนวนมากนั่นเอง
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะสอนเธอเรื่องนี้เอง” เลขาสาวพยักหน้ารับในทันที เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชมจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเห็นสาวน้อยคนนี้สตรีม
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงของโทรศัพท์ของซูจิ้งดังขึ้น เมื่อเห็นเป็นวูจูเขาก็รีบรับสายในทันที
วูจู่นั้นได้พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก เขาจับความได้เพียงว่า “คุณซูคุณว่ารึเปล่า เรามาคุยกันหน่อยได้รึเปล่าครับ ผมครุ่นมาได้สักพักแล้วว่าอยากให้คุณช่วยทำหน้าของผมกับเป็นอย่างเดิมได้รึเปล่า
คุณคิดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่อ ผมคิดว่าผมในตอนนี้น่าจะได้เงินมากพอที่จะจ่ายค่าศัลยกรรมแล้ว แล้วตัวสัญญาเองผมก็อยากจะเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน ถ้าคุณไม่ทำผมก็ไม่ทำแล้ว”
GGS:บทที่ 935 สร้างได้ก็ทำลายได้
“รู้สึกว่าส่วนแบ่งตามสัญญานี่นายจะไม่พอใจสินะ ว่าแต่ขอถามหน่อยเถอะว่านายเคยหาเงินได้มากขนาดนี้ก่อนที่จะทำสัญญากับฉันด้วยเหรอ” ซูจิ้งถามออกมา
“เป็นเพราะตอนนั้นผมไม่ได้คิดให้ดีต่างหากตอนเซ็นสัญญา ตอนนั้นผมไม่ได้อ่านให้ถี่ถ้วนเลยไม่ได้คิดให้ดีก่อนว่าผมได้น้อยเกินไป
ตอนนี้ผมสตรีมเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวันก็ได้เงินเยอะแยะแล้วแล้วทำไมผมต้องแบ่งเงินให้คุณด้วยล่ะ หากคุณไม่เห็นด้วยล่ะก็เรามาพบกันที่ศาลก็แล้วกัน” วูจู่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ก็ดี ในเมื่อนายคิดอย่างนั้นล่ะก็ ในเรื่องส่วนแบ่งนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าเราหาที่คุยกันก่อนแล้วมาคุยกันเรื่องยกเลิกสัญญาก็แล้วกัน” ซูจิ้งขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วยเขาเลยตัดความในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
“ยกเลิกสัญญา?” วูจูนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่เขานั้นจะยิ้มออกมาในทันที ตอนแรกนั้นเขาอยากจะเปลี่ยนสัญญาในเรื่องส่วนแบ่งเฉยๆ แต่ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ล่ะก็เข้าทางเสียยิ่งกว่าเดิมเพราะว่าเขานั้นจะไม่ต้องแบ่งเงินที่ตัวเองได้อีกในอนาคต ด้วยหน้าตาและความนิยมของเขาในตอนนี้นั้นเปรียบได้ดั่งแม่น้ำฮวงโฮที่ไปได้ไม่สิ้นสุด
“ใช่ ในเมื่อนายต้องการเราก็ต้องมีข้อตกลงกันหน่อยน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“ตอนนี้ผมกำลังว่างเลย หรือจะให้ผมไปหาคุณเลยดี” วูจู่พูดออกมา
“เอาอย่างนั้นแล้วกัน” ซูจิ้งรีบจบบทสนทนาในทีนที เขารีบทำการนัดหมายกับวูจู่ให้เจอกันไม่ไกลจากที่นี่ ด้วยการที่หมอนี่อยากจะยกเลิกสัญญาเร็วๆจึงทำให้เขารีบไปที่นั่นไปทันที
“เกิดอะไรขึ้น” กวงหยวนถามออกมาในทันที เขาได้ยินน้ำเสียงของปลายสายลางๆแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาแต่อย่างใด แต่แค่น้ำเสียงเขาก็รู้ได้เลยว่าต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
“เป็นกวนจิวจูน่ะ หมอนั่นยากจะเปลี่ยนสัญญา ฉันรำคาญก็เลยว่าจะยกเลิกสัญญาไปแทนน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
“ได้ดีเพียงนิดหน่อยก็ก่อวอดเลยเหรอ?” กวงหยวนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา ต่อให้หมอนั่นจะมีความสามารถดีขนาดไหนก็ตามแต่หากไม่ใช่ซูจิ้งที่มีชื่อเสียงไปขุดออกมาจากโคลนตมนั้นย่อมไม่มีทางดังได้ขนาดนี้อย่างแน่นอน
คนพวกนี้ช่างไร้ซึ่งวิสัยทัศน์และจิตสำนึกกันจริงๆ คนพวกนี้ไม่รู้จักซูจิ้งกันจริงๆสินะ ไม่ว่าจะเป็นปูมหลังของเขาและเงินทอง แค่ได้ส่วนแบ่งเล็กๆจากเขาก็ถือได้ว่ามีอนาคตที่สดใสแล้ว
ทั้งๆที่ซูจิ้งช่วยเขาให้โด่งดังเป็นพลุแตกแต่หมอนี่กลับไม่อยากตอบแทนซูจิ้งเลยสักนิด แถมยังกลับกล้วเผชิญหน้าตรงๆแบบนี้ในทันทีเสียอีก
หากซูจิ้งนั้นเกลียดหมอนี่ขึ้นมาจริงๆล่ะก็คงไม่มีทางอยู่รอดได้อย่างแน่นอน หมอนี่ไม่รู้เลยรึไงว่าไม่ว่าใครก็ตามที่กล้ามาตอแยซูจิ้งจบไม่สวยเลยสักราย
ถึงแม้ว่ากวงหยวนจะไม่รู้ว่ากวนจิวจูคือวูจู่ก็ตาม เขาเองก็ใช้บรรทัดทานของคนธรรมดาเท่านั้น เพียงแค่นี้เขาก็โกรธแทนซูจิ้งเรียบร้อยไปแล้ว ด้วยประสบการณ์ของเขาทำให้เจอคนแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“คุณซู คุณต้องการจะจัดการหมอนี่หรือไม่ครับ” กวงหยวนถามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองในตัวกวนจิวจู
“ไม่จำเป็น ในเมื่อหมอนั่นไม่อยากร่วมงานก็แต่ปล่อยหมอนั่นไปก็พอ” ซูจิ้งส่ายหัวในขณะที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นมาและได้เตรียมการไว้แล้วเหมือนกัน
นี่ทำให้กวงหยวนไม่พูดอะไรออกมา เขาเองก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าหากซูจิ้งไม่จัดการให้เด็ดขาดแล้วเห็นว่านี่เป็นเรื่องเล็กๆล่ะก็ คนอย่างกวนจิวจูต้องมาแว้งกัดทีหลังเป็นแน่
ณ ห้องคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ซูจิ้งได้เข้ามาเพื่อพบวูจู ซูจิ้งในตอนนี้นั้นใส่หน้าการแปลงโฉมและแว่นตากันแดด มีบริกรสาวคนหนึ่งเข้ามาเพื่อบริการก็อดไม่ได้ที่จะจ้องไปยังใบหน้าของวูจู วูจูเองเห็นดังนั้นก็มองกลับไปพลางยักคิ้วให้จนทำให้บริกรสาวจิตใจหวั่นไหวและใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที
ปริกรสาวเองก็อดไม่ได้ที่จะเล่นหูเล่นตากับวูจูเหมือนกัน ถึงแม้จะมีคำกล่าวที่ว่าผู้หญิงนั้นสนใจผู้ชายที่ความสามารถ แต่ยังไงซะเรื่องหน้าตาก็ยังถือว่าเป็นอาวุธขั้นสุดยอดของผู้ชายอยู่ดี
เพียงแค่หน้าตาดีก็ทำให้สาวๆต่างหลงไหลได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะหน้าตาของซูจูในตอนนี้แล้วยิ่งแล้วใหญ่ ต่อให้หมอนี่ไม่สตรีมก็ยังจีบสาวได้ไม่ยากเย็นอย่างแน่นอน
“คุณซู คุณนำสัญญามาหรือเปล่าครับ” วูจูนำสัญญาของตัวเองออกมา
“แน่นอน” ซูจิ้งนำสัญญาออกมาและทำการเผาทิ้งในทันที วูจูในตอนนี้รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจอย่างมาก เอาจริงๆเขานั้นก็ไม่คิดว่าเรื่องจะง่ายดายขนาดนี้
ตอนแรกที่เขามานั้นเขายังหวั่นๆอยู่ว่าซูจิ้งจะแค่พูดไปเพราะความใจร้อนและไม่มีทางที่จะยกเลิกสัญญาอย่างแน่นอน
ถ้าซูจิ้งยังยืนยันแบบนั้นเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันทำได้เพียงต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเท่านั้น เอาจริงๆต่อให้ขึ้นศาลเขาก็ไม่แน่ใจแม้แต่น้อยว่าจะสามารถทำอะไรได้
เพราะซูจิ้งนั้นมีเหตุผลอย่างที่สุดที่ไม่ต้องยกเลิกสัญญาได้นั่นก็คือสัญญาก่อนหน้านี้นั้นถูกกฏหมายแบบสุดๆเพราะเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสถานะของซูจิ้งนั้นสูงกว่าเขามากๆ หากซูจิ้งไม่ยอมเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
แต่ในตอนนี้ซูจิ้งกลับยอมเผาสัญญาแบบง่ายๆโดยไม่คิดอะไรมาก เมื่อเห็นดังนั้นเขาเองก็รีบเผาสัญญาในทันทีเช่นเดียวกัน
“เรียบร้อยนะ?” ซูจิ้งถามออกมา
“เรียบร้อยครับ คุณซูนี่ช่างดีจริงๆ ฮ่าฮ่า เป็นผมเองที่ผิดเองในวันนี้” วูจูหัวเราะออกมา
“มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่นา ฉันก็อยากรู้หมือนกันว่าถ้านายไม่มีเงินแล้วนายจะทำยังไง แต่นายต้องอย่ากลับมาหาฉันง่ายๆล่ะ ฉันคงเบื่อแย่หากว่านายขาดเงินแค่วันเดียวจะกลับมาอ้อนวอนขอร้องฉัน” ซูจิ้งพูดออกมาพลางยิ้มเยอะ
“แค้ก” วูจูถึงกับสำลักออกมาในทันทีที่ได้ยินเมื่อได้ยินคำพูดของซูจิ้ง แต่เขาเองก็เลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงเพราะแค่นี้เขาก็ถือได้ว่าได้กำไรมากแล้ว และคิดไปว่าแค่ซูจิ้งนั้นไม่เคืองเขามากจนระรานเขาไปตลอดเวลาล่ะก็ แต่ให้ไม่มีเงินแต่ด้วยตัวเขาในตอนนี้การทำเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
“เอาล่ะ ในสัญญานี้สิ้นสุดไปแล้วก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องทำให้นายให้เป็นเหมือนเดิมแล้วล่ะนะ” ซูจิ้งพูดออกมาพลางแสยะยิ้ม
“ทำให้เป็นเหมือนเดิม…?” วูจู่อึ้งนิ่งไปในทันที เขาไม่รู้ว่าซูจิ้งนั้นหมายถึงอะไรกันแน่
“แหงล่ะ อย่าบอกนะว่าฉันจะบอกให้นายอยู่ในสภาพนี้ทั้งๆที่นายไม่ได้เซ็นสัญญากับฉัน” ซูจิ้งพูดในขณะที่แสยะยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม
วูจู่ที่เห็นรอยยิ้มอำมหิตของซูจิ้งในตอนนี้ถึงกับลุกขึ้นยืนในทันที แล้วเขาก็พูดออกมาว่า “คุณหมายความว่ายังไง ผมช่วยให้คุณได้รับเงินกว่าแสนหยวนไปแล้วนะ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนี่ ตอนนี้เราสมควรจะไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว”
“หึ หึ นายจะบอกว่าวิธีการศัลยกรรมของฉันมีค่าเพียงแค่แสนหยวนเนี่ยนะ นายทำให้ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้รังแกนายแม้แต่น้อย ฉันก็แค่คืนรูปลักษณ์เดิมของนายให้ก็เท่านั้น
นี่สิถึงจะเรียกว่าไม่ติดค้างกันจริง นี่สิถึงจะเรียกว่าพอๆกันกับเงินที่เล็กน้อยที่นายหามาให้ฉันได้ และหลังจากที่ฉันเปลี่ยนรูปลักษณ์ของนายให้เป็นแบบเดิมแล้วเราก็ไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างช้า
วูจู่นั้นไม่รู้สึกมึนงงในคำพูดของซูจิ้งจริงๆไม่แน่ใจว่าซูจิ้งหมายถึงอะไรกันแน่ จะบอกว่าด้วยรูปลักษณ์ของเขาในขณะนี้ยังจะสามารถกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีกอย่างนั้นเหรอ
เท่าที่เขารู้มานั้นการผ่าตัดศัลยกรรมนั้นมีอันตรายและการจะทำให้รูปร่างของเขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้จากรูปลักษณ์เดิมของเขานั้นยิ่งยากไปกันใหญ่
หากพูดถึงอัตราความสำเร็จแล้วบอกได้เลยว่ายากเสียยิ่งกว่ายากที่จะทำได้ ไม่ต้องพูดถึงการกับสู่รูปลักษณ์เดิมเลย เขาว่าจะน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ต่อให้สำเร็จจริงล่ะก็แน่นอนว่าตัวเขาจะไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป เขาไม่มีทางจะกลับไปอยู่ในรูปลักษณ์นั้นอีกต่อไปแล้ว
คิดได้ดังนั้นวูจู่ตั้งท่าเตรียมหมุนตัวและวิ่งหนีออกไปในทันที เขาไม่มีอะไรที่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว แต่เพียงเขาก้าวเท้าออกไปได้เพียงก้าวเดียว เขาก็รู้สึกเวียนหัวจนหัวหมุนตาลายและหมดสติไปในทันที
หลังจากผ่านไปนานพอสมควร บริกรสาวก่อนหน้านี้ที่วูจู่เล่นหูเล่นตาด้วยได้กลับที่นี่อีกครั้งโดยความหวังที่ว่าจะได้เห็นหน้าหนุ่มงานอีกครั้ง ตอนนี้ใจเธอเต้นระรัวในขณะนึกถึงใบหน้าทรงเสน่ห์ในช่วงก่อนหน้านี้ที่เธอมา
แต่เมื่อเธอเข้ามานั้นก็พบว่าหนุ่มหล่อใบหน้าทรงเสน่ห์ก่อนหน้านี้ไม่อยู่เสียแล้ว แม้แต่ชายหนุ่มใส่แว่นกันแดดก่อนหน้านี้เองก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน
ในตอนนี้เหลือเพียงร่างอันใหญ่โตเทอะทะนอนกองอยู่กับพื้นที่มีใบหน้าใหญ่โตและสิวขึ้นเต็มหน้า เธอจ้องอยู่พักนึงก็รู้สึกได้เลยว่าต้องเป็นพวกหื่นกามอย่างแน่นอน
“ท่านคะเป็นอะไรรึเปล่าคะ” บริกรรีบเข้าไปถามอาการในทันที
วูจู่เองเมื่อโดนเขย่าตัวแรงๆก็เริ่มได้สติขึ้นมา เขาสังเกตรอบๆก็ไม่เห็นซูจิ้งอีกต่อไปแล้ว รู้ตัวแค่ว่าตัวเองนั้นนอนกับพื้น นี่เองก็สมควรเป็นฝีมือเป็นซูจิ้งเช่นเดียวกัน พลางคิดออกมาว่าซูจิ้งนั้นเหี้ยมโหดจริงๆ นี่ถึงกับตีหัวเขาจนสลบเลยเหรอเนี่ย
คิดได้ดังนั้นเขาเองก็ได้หันไปหาบริกรสาวก่อนที่จะพูดออกมาว่า “น้องสาว ชายคนที่ฉันดื่มด้วยไปแล้วเหรอ”
“ใครเป็นน้องแก อย่ามาลามปามนะ” บริกรสาวตะเบ็งเสียงใส่วูจู่ในทันทีพลางขมวดคิ้ว ก่อนที่จะทำท่าขนลุกและหน้าตาแสดงออกว่าขยะแขยงออกมา
เหมือนกับคำพูดที่ว่าต่อให้ใช้คำพูดเดียวกัน แต่ถ้าเปลี่ยนจากหนุ่มหล่อรวยเป็นคนจนหน้าเกลียดพูดก็จะกลายเป็นการคุกคามทางเพศในทันที
เมื่อบริกรเห็นว่าไอ้หนุ่มหน้าตาลามกนี้ไม่เป็นไรเธอเองก็ไม่อยากจะใส่ใจหมอนี่และรีบจากไปในทันที
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” วูจู่ในตอนนี้ถึงกับมึนตึบในทันที ด้วยรูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ไม่มีทางที่จะมีสาวไหนไม่ชอบเลยนี่นา แถมก่อนหน้านี้เธอยังเล่นหูเล่นตากับเขาเสียอีกทำไมถึงเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้กัน
วูจูนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงคิดว่าตัวเองหน้าตาคงมอมเป็นหมาเพราะนอนอยู่กับพื้นแบบนี้จึงได้หยิบกระจกส่องหน้าขึ้นมา
แต่ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าตัวเองในกระจกก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งในทันที เขาหมดแรงจนกระจกหลุดมือหล่นพื้นในทันที หลังจากนั้นพักใหญ่เขาก็กู่ร้องออกมาดังลั่นจนทำให้ห้องนั้นสั่นสะเทือนในทันที
GGS:บทที่ 936 สตรีมเมอร์ที่ซูจิ้งแนะนำ
ซูจิ้งนำหนังแปลงโฉมที่นำคืนมาจากวูจู่มาถือเล่นในมือและทำการโทรหาหยินหนิงหนิงในทันที
หลังจากนั้นสักพัก หยินหนิงหนิงก็รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่กำลังสนุกและสดชื่นโดยเธอรับด้วยคำว่า “คะ คุณซู”
“โอ้ เป็นยังไงบ้าง”ซูจิ้งถามออกมา
“จะบอกว่ายังไงดีล่ะคะ จะบอกว่าชินแล้วก็ไม่เชิงเพราะทุกๆวันมีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันประหลาดใจได้ทุกวันเลย ราวกับว่าตอนนี้ฉันอยู่ในความฝันเลยค่ะ” หยินหนิงหนิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้ออ…ไม่ใช่ทุกคนที่คิดเหมือนเธอเลยจริงๆนะ วูจู่ตอนนี้มีปัญหากับฉันแล้วนะตอนนี้และต้องการเปลี่ยนสัญญา ฉันก็เลยยกเลิกสัญญาไปแล้ว
แล้วเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง หากเธอว่าสัญญาของฉันมีปัญหาล่ะก็ฉันสามารถยกเลิกให้ก็ได้นะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“ไม่ค่ะ ไม่ ไม่ ฉันไม่มีปัญหากับสัญญาเลยสักนิด ที่ฉันเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะคุณซูค่ะ ต่อให้คุณซูต้องการมากกว่านี้อีกสิบเท่าฉันก็ยินดียิ่ง” หยินหนิงหนิงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีจริงๆที่ได้เธอมาร่วมงาน” ซูจิ้งหัวเราะออกมา
หลังจากวางสายไป กวงหยวนเองก็ได้โทรหาซูจิ้งและถามว่าจะให้เขาสั่งแบนกวนจิวจูเลยดีรึเปล่า เพราะเขาเองก็เกลียดคนไม่รู้จักบุญคุณคนแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าซูจิ้งยอมยกเลิกสัญญาก็หมอนั่นแล้วด้วยยิ่งแล้วไปกันใหญ่ ถึง
แม้ซูจิ้งจะไม่สนใจแต่กับเขาแล้วนั้นแทบจะไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับคนแบบนี้และไม่อยากให้ช่องของเขามีคนแบบนี้มาใช้ประโยชน์แต่อย่างใด
ซูจิ้งนิ่งคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอกไปว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องไปกดดันเขามากนัก เขานั้นมีความสามารถที่ดีอยู่แล้วเพียงแต่ขาดคนสนับสนุนที่ดี
เขาอยากจะให้หมอนั่นลองเปรียบเทียบดูว่าการที่เขามีซูจิ้งสนับสนุนกับไม่มีเป็นอย่างไร ซูจิ้งเองก็อยากรู้ว่าหมอนั่นจะไปได้อีกกี่น้ำเหมือนกัน
หลังจากวางสายจาะกวงหยวนไป ซูจิ้งก็ได้เข้าไปยังไมโครบลอกของตัวเองและทำการโพสต์ข้อความแนะนำช่องสตรีมของหยินหยิงหยิงและจูซิวหนี่(ช่องสตรีมเมอร์หนิงหนิงและซิวหนี่)
เหล่าแฟนคลับของซูจิ้งเองที่ไม่ได้เห็นข้อความเตือนจากไมโครบลอกเขามานานรีบกดเข้าไปดูในทันทีที่เห็น
“พี่จิ้งโพสต์แล้วเย้”
“หืม เขาไปแนะนำช่องสตรีมให้ดูแหะ”
“สตรีมเมอร์ที่แนะนำโดยพี่จิ้งอย่างนั้นเหรอ น่าสนใจแหะ”
ถึงแม้หยินหนิงหนิงและจูซิวนี่จะไม่ได้สตรีมอยู่ในตอนนี้ ต่อคนที่เข้ามาตามการแนะนำของซูจิ้งก็ได้ลองไปดูวิดีโอย้อนหลังของทั้งสองคน ถึงแม้จะมีของหยินหนิงหนิงคนเดียวก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเขาเข้าไปดูวิดีโอย้อนหลังของหนิงหนิงและต้องประหลาดใจในทันที
“พระเจ้า สวยมากเลยคนๆนี้”
“ถ้าเทียบกับพี่สะใภ้ฉือชิงและมู่หลงเซียนเอ๋อแล้วถือว่าไม่เลวเลยนะ”
“ถึงแม้ว่าจะดูฝืนๆแต่กับเรื่องรูปร่างหน้าตาแล้วถือได้ว่าไม่เลวเลย”
“ฉันลองดูไปแล้วเหมือนกันนะ มีวิดีโอตอนที่เธอลบเมคอัพและล้างหน้าจนเห็นหน้าสดแล้วนะ แถบไม่ต่างกับตอนแต่งหน้าเลย”
“สตรีมเมอร์สาวอีกคนเองก็ดูน่ารักดีนะ แต่ดูๆไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา”
“นั่นสิ ฉันดูจากรูปโปรไฟล์แล้วก็ออกจะดูผอมแห้งแรงน้อยอยู่นะ ดูธรรมดาจริงๆ”
“เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่สาวน้อยที่พี่จิ้งไปช่วยเมื่อวานหรอกเหรอ”
“จริงด้วยแหะ พอแต่งตัวสวยๆแทบจำไม่ได้เลย พี่จิ้งก็คงจะช่วยเธอเฉยๆรึเปล่า”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในเมื่อพี่จิ้งตั้งใจโฆษณาแบบนี้ แน่นอนว่าพวกเราก็ย่อมสนับสนุนอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าทั้งคู่สตรีมตอนสองทุ่มพรุ่งนี้สินะ แน่นอนว่าพวกเราต้องเข้าไปดูอย่างแน่นอน”
ถ้าให้พูดตามตรงแล้วนั้นเหล่าแฟนคลับของซูจิ้งนั้นบอกได้เลยว่ารอซูจิ้งกันจนเหนื่อยเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าตัวซูจิ้งนั้นไม่ได้เล่นละครทีวี เล่นหนัง ออกรายการโชว์ หรือคอนเสริต ทำให้พวกเขานั้นยากนักที่จะได้พบเห็นซูจิ้งออกมาแสดงฝีมือ
ส่วนใหญ่แล้วเขานั้นสามารถพบเจอซูจิ้งก็ต่อเมื่อเป็นข่าวเท่านั้นเอง นี่จึงทำให้พวกเขานั้นรอจนเหนื่อยกับชายที่เปรียบได้ดั่งพระเจ้าของพวกเขาคนนี้
ยิ่งช่วงที่ซูจิ้งไม่ได้ก่อเรื่องแล้วนั้นบอกได้เลยว่าแทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตาซูจิ้งเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเมื่อเขานั้นออกมาโพสต์สนับสนุนใครแบบนี้เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเห็นดีด้วย
ณ โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุน ในระหว่างช่วงพัก มีสาวน้อยคนหนึ่งที่เห็นหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นมาจึงได้เปิดโทรศัพท์ดูในทันที
เธอเปิดดูก็เห็นเป็นซูจิ้งโพสต์ลงในไมโครบลอกของตัวเองเธอจึงได้เปิดดูไมโครบลอกของซูจิ้งในทันทีก็เห็นว่าซูจิ้งนั้นส่งข้อความแนะนำสตรีมเมอร์สองคน
เมื่อกดเข้าไปดุนั้นทำให้เธอประหลาดใจกับความสวยงามของสตรีมเมอร์หนิงหนิงอย่างมาก ส่วนซิวนี่นั้นเธอก็รู้สึกธรรมดาๆเท่านั้นเอง ดีไม่ดีจะหน้าตาแย่กว่าเธอด้วยซ้ำ
“สายตาของซูจิ้งนี่ไม่ดีเลยแหะ” สาวสวยคนนั้นบ่นพึมพำออกมา ในฐานะสตรีมเมอร์ของชาร์คทีวีเหมือนกันแล้วเธอนั้นดำเนินการสตรีมแบบเป็นไปได้ด้วยดีมาโดยตลอด
แต่ในครั้งสุดท้ายนั้น ถังเสี่ยวหยูใช้สัตว์เลี้ยงของซูจิ้งออกมาร่วมสตรีมจนเธอมีชื่อเสียงขึ้นมาทำให้เธอนั้นเกลียดซูจิ้งจนจดขึ้นใจได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเธอนั้นรู้ตัวดีว่าสู้ซูจิ้งไม่ได้อยู่แล้ว เธอเลยเลือกที่จะสนับสนุนคนที่หาเรื่องซูจิ้งแทน
“หยิงน้อย นั่นมันจูซิวหนี่ไม่ใช่เหรอ เธอไปอยู่กับซูจิ้งได้ยังไง” มีเด็กสาวคนนั่งผ่านมาเห็นรูปของจูซิวหนี่พอดีเลยทักออกมา
“จริงเหรอ ใช่คนที่ออกจากโรงเรียนเราไปรึเปล่า” หยิงฮัวถามออกมาพลางตกใจ
“ใช่แล้วล่ะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะไปกลายเป็นสตรีมเมอร์เหมือนเธอแถมยังเป็นคนที่ซูจิ้งแนะนำด้วยเสียอีก”
“เข้าใจล่ะ” เสี่ยวหยิงนึกเอะใจขึ้นมาในทันทีด้วยการซูจิ้งนั้นทำตัวเป็นคนดีแน่นอนว่าเขานั้นต้องช่วยเหลือจูซิวหนี่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามในสายตาของเธอแล้ว จูซิวหนี่มีหน้าตางั้นๆและนิสัยที่แสนขี้อายมากๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทักษะเลยเธอนั้นไม่มีเลยสักอย่าง
ไม่ว่าซูจิ้งจะผลักดันเธอขนาดไหนก็ไม่มีทางทำให้เธอไปได้ไกลอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เธอเองก็ว่างซะด้วยคงจะต้องไปป่วนสักหน่อยแหะ
แล้วเธอก็จำได้ดีว่าจูซิวหนี่นั้นผ่านประสบการณ์ทุกข์ยากมามากมายขนาดไหน แน่นอนว่าคนที่เข้าไปดูจูซิวหนี่สตรีมนั้นย่อมเห็นใจเธอ แต่กลับเธอแล้วไม่มีทางซะหรอก
“หยาน้อย ดูนี่สิ พี่ของเธอแนะนำให้ดูสตรีมเมอร์สองคนล่ะ” ที่ห้องเรียนอีกห้องหนึ่ง ถังเสี่ยวหยูรีบเรียกให้ซูหยาดูไมโครบลอกของซูจิ้งในทันที
“ดูต้องดู ฉันต้องดูให้ได้อย่างแน่นอน” ซูหยาที่หยิบโทรศัพท์ออกมาดูถึงกับพูดดังลั่นจนทำให้คนอื่นๆเองอดไม่ได้ที่จะเปิดดูไมโครบลอกของซูจิ้งตามไปด้วย
“สตรีมเมอร์ที่ชื่อหนิงหนิงนี่สวยจริงๆเลยนะ”
“นี่มันจูซิวหนี่ไม่ใช่เหรอ คนที่เลิกเรียนไปกลางคันน่ะ”
“ใช่เธอจริงๆด้วย เธอออกไปกลางคันเมื่อปีก่อน เธอเป็นคนดีนะ เสียดายจริงๆที่เกิดเรื่องแย่ๆกับครอบครัวของเธอ”
“ตอนนี้พี่จิ้งลงมีช่วยแล้ว แน่นอนว่าเรื่องทุกอย่างต้องเรียบร้อยอย่างแน่นอน”
“คืนพรุ่งนี้ฉันต้องดูอย่างแน่นอน และจะช่วยเธอด้วย”
สำหรับหนิงหนิงนั้นเหล่าผู้ชายนั้นตื่นเต้นและดูกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ
สำหรับจูซิวหนี่นั้นทุกคนต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อนของพวกเขาให้ก้าวผ่านเรื่องร้ายๆไป
“นี่อาจิ้งไปแนะนำสตรีมเมอร์คนอื่นได้ยังไงกัน กับฉันเขายังไม่พูดถึงเลยนะ” เย่หลินบ่นอุบในทันทีที่เห็นไมโครบลอกของซูจิ้งด้วยความอิจฉา
เธอนั้นรู้สึกเซ็งๆไปด้วยพร้อมแสดงความน้อยใจออกมาพลางคิดไปว่าแค่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันคงยังไม่เพียงพอสินะถึงได้สนับสนุนคนอื่นแทนที่จะเป็นญาตของตัวเองแบบนี้
เอาจริงๆเธอก็ไม่ได้อะไรมากเพราะเธอเองก็เพียงแต่อิจฉานิดๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้นั้นเธอได้เงินรางวัลมาหนึ่งล้านหยวนจากแฟนคลับพันธุ์แท้ของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนทำให้เธอยังมีความสุขอยู่เต็มหัวใจ แต่เรื่องนี้เองเธอก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ให้รางวัลหนึ่งล้านหยวนกับเธอนั้นก็คือซูจิ้งนั่นเอง
“ถ้าจะให้ดีสตรีมเมอร์ควรจะสวยและมีทักษะดีๆล่ะนะ เพราะว่าการสตรีมนั้นจะไม่เหมือนกว่าการพูดคุยผ่านข้อความทั่วๆไป
โดยเฉพาะกับซิวหนี่เองยิ่งดูธรรมดาเข้าไปใหญ่ ดูเหมือนซูจิ้งเองอยากจะแค่ช่วยเธอเฉยๆล่ะนะ สาวน้อยคนนี้ก็ดูน่าสงสารจริงๆ พรุ่งนี้สงสัยต้องหาคนไปช่วยเธอสักหน่อยแหะ” เย่หลินพูดพึมพำกับตัวเอง
ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นได้แนะนำสตรีมเมอร์สองคนนี้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกองไฟเล็กๆในทันที ในสายตาของประชาชีนั้นหลายๆคนแต่นอนว่าต้องการที่จะดูการสตรีมในคืนพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
แม้แต่มู่หรงเซียนเอ๋อ นาหลันเฟย เลาชง หลินชิหยู กัวปี้ถิงและดาราคนอื่นๆที่คอยตามไมโครบลอกของซูจิ้งอยู่นั้นได้รีบเคลียตารางงานของตัวเองในทันที แน่นอนว่าทุกคนนั้นไม่ใช้ชื่อจริงของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ก็อาจจะใช้เพียงส่วนหนึ่งของชื่อเท่านั้น
แม้แต่เหล่านักข่าวก็ยังตีข่าวเรื่องนี้ในทันทีที่ทราบข่าวยิ่งทำให้มีคนอยากดูเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเขานั้นได้พิมพ์ข่าวไว้โดยมีหัวข้อประมาณว่า “น่าตกตะลึง ซูจิ้งตกหลุมรักสตรีมเมอร์สองคน” นี่ทำให้ทุกๆคนในประเทศสนใจการสตรีมครั้งนี้แบบจริงจัง
วันถัดมา เวลาสองทุ่ม หนิงหนิงและซิวหนี่ได้ทำการสตรีม
GGS:บทที่ 937 ร้อนแรง
เวลาสองทุ่ม หยินหนิงหนิงได้ทำการสตรีม
ด้วยการแนะนำจากซูจิ้งทำให้มีคนมาคอยดูเธออย่างแน่นขนัด ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับของซูจิ้ง เสี่ยวหยิง ซูหยา ถังเสี่ยวหยู นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมที่หนึ่งเมืองจงหยุน เย่หลิน เย่ปิง ญาติๆของซูจิ้ง และเหล่าชาวเน็ตมากหน้าหลายตา
“ช่างสวยจริงๆ เธอคนนี้งามแบบสุดๆเลย”
“ยิ่งมองก็ยิ่งสวย สวยงามจนไม่อยากจะละสายตาไปไหนเลย”
“นี่นายตกหลุมรักสตรีมเมอร์เนื่ยนะ”
“แล้วยังไง หนิงหนิงไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำตัวให้สวยงามเลยนะ ดูรอยยิ้มนั่นสิ มองยังไงก็เป็นความงามจากภายในจริงๆนะ”
“ขอต้อนรับแจ๊คกี้ เหลียงไป่ เสี่ยวหยิว และเพื่อนใหม่ทุกๆคนนะคะ เมื่อวานนี้เหลียงไป่ต้องการให้ฉันร้องเพลง “ก้าวสู่ความสำเร็จ” แต่ฉันลืมร้องไปเลย งั้นขอเป็นเพลงเปิดการสตรีมของวันนี้แทนก็แล้วกันนะคะ”
พูดจบหยินหนิงหนิงก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ช่างเป็นยิ้มที่สวยงามและหวานหยาดเยิ้มจนทำให้เหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ติดตามหลงมัวเมาไปกับรอยยิ้มนั้น
ส่วนแฟนคลับประจำของเธอในตอนนี้ต่างกระหน่ำส่งของขวัญกันรัวๆ
หยินหนิงหนิงได้เล่นเพียงด้วยเปียโนและร้องเพลง “ก้าวสู่ความสำเร็จ” ออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าผู้คนที่เคยเข้ามาฟังเป็นครั้งแรก ด้วยทักษะการร้องเพลงที่ดีมาก ดีซะจนอยากฟังต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อฟังเสียงของเธอควบคู่ไปกับการจ้องมองความงามของหนิงหนิงทำให้เพียงนี้กลายเป็นเพลงที่สวยงามในทันที แค่นี้ก็สร้างเพลิดเพลินให้กับผู้ชมได้อย่างดีเลยจริงๆ
“ดีจริงๆที่ได้มาฟัง ดีจริงๆที่ได้มาฟัง ดีจริงๆที่ได้มาฟัง”
“สาวสวยและเพลงหวานๆ”
“ตราบใดที่ชาร์คทีวียังไม่ล่มสลาย ฉันจะติดตามเธอไปตลอดชีวิตจ้า”
“ฉันอยากให้เธอร้องเพลง “หมายความว่ายังไง” จัง”
การสตรีมในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่สำหรับวงการสตรีมเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศต่างเข้ามาดูช่องสตรีมช่องนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อมีคนมากมายขนาดนี้แน่นอนว่าสตรีมเมอร์นั้นไม่มีทางตอบสนองได้ทุกคนอย่างแน่นอน หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นสตรีมเมอร์โดยส่วนใหญ่ต่างก็จะให้ความสำคัญกับแฟนคลับพันธุ์แท้ของตัวเองเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยแฟนคลับเก่าๆของเธอที่คอยสนับสนุนของรางวัลมาให้เธอมาโดยตลอด
หลังจากที่หนิงหนิงร้องเพลงเสร็จไปแล้ว เธอเองก็ได้ตามกฎนี้เป็นอย่างดี นี่ทำให้เหล่าคนดูที่เพิ่งจะเข้ามารับชมนั้นไม่มีสิทธิ์มีเสียงในทันที
นี่ทำให้หลายๆคนอดใจไม่อยู่จนต้องส่งของขวัญชุดใหญ่บ้างชุดน้อยๆบ้างตามสะดวกของแต่ละคน ทำให้บรรยากาศในห้องสตรีมของหยินหนิงหนิงนั้นดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก
“สตรีมเมอร์คนนี้อยู่ในระดับชั้นยอดเลยนี่นา” เย่หลินรู้สึกอัศจรรย์ใจในทันที
“สวยงามจริงๆเธอคนนี้ ฉันส่งของขวัญด้วยดีกว่า” เย่ปิงในตอนนี้ฮอร์โมนพุ่งพล่านจนอดใจไม่อยู่แล้ว
“ใจร่มๆก่อนน่า อย่าไปเสียงเงินเปล่าเลย” เย่หลินลูบหัวเย่ปิงเบาๆเชิงยอกเย้า
“เหอะ เสียเงินเปล่าเหรอ ทำไมพี่ไม่ไปบอกแฟนคลับขั้นเทพของพี่ที่เสียเงินให้พี่คนนั้นซะล่ะ” เย่ปิงทักท้วงออกมา
“พวกเขานั้นเป็นแฟนคลับพันธุ์แท้นะ แล้วนายล่ะ นายแค่ส่งของขวัญชิ้นเล็กๆให้มันก็แค่เสียเงินเปล่าๆ” เย่หลินพูดออกมาก่อนที่จะเอาเรื่องนี้ไปเทียบกับธุรกิจเครือข่ายแบบMLMที่เย่ปิงเผลอเกือบถลำลึกไปก่อนหน้านี้
เย่ปิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาได้เติมเงินเข้าชาร์คทีวีเพื่อซื้อชองขวัญนิดหน่อยให้หยิงหนิง หยิงหนิงเห็นดังนั้นเองก็ได้กล่าวขอบคุณออกมา นี่ทำให้เขานั้นรู้สึกชื่นใจแบบสุดๆไปพักใหญ่
แฟนคลับของซูจิ้งก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับการแสดงของหยิงหนิงเช่นเดียวกัน
“พี่จิ้งมีสายตาแหลมคมจริงๆ สตรีมเมอร์ที่พี่แนะนำมาสุดยอดไปเลย”
“นอกจากจะสวยแล้ว เธอนั้นมีฝีมือดีมากๆเลย ถ้าคนไหนบอกไม่ชอบออกมานะฉันจะโกรธจริงๆด้วย”
“โอ้…ต้องขอบคุณพี่จิ้งจริงๆที่แนะนำให้มาดีการสตรีมของสาวงามผู้นี้ ผมชอบมากเลย จะเริ่มส่งของขวัญแล้วนะ”
หยินหนิงหนิงในตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และเรียกได้ว่าเป็นตัวดูดเงินของซูจิ้งได้อย่างดีเลย ตอนนี้เหล่าแฟนคลับคนใหม่ของเธอได้ส่งของขวัญมาอยู่เรื่อยๆไม่ขาดสาย
ทำให้แฟนคลับพันธุ์แท้หลายๆคนเองก็ส่งของรางวัลให้เธอมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก จรวดที่เป็นหนึ่งในของรางวัลราคากลางๆถูกส่งออกมาเป็นว่าเล่นราวกับว่ามันไม่เสียเงินซื้อเลยก็ว่าได้
แม้แต่ หยิงฮัวที่เขามาดูการสตรีมด้วยยังรู้สึกอยากจะส่งไปด้วย เลยเหมือนกัน เธอยอมรับในฝีมือของหนิงหนิงผู้นี้จริงๆว่าเป็นสตรีมเมอร์ชั้นยอด
“ซิวหนี่พึ่งจะเริ่มการสตรีมวันนี้เป็นวันแรก เธอเป็นน้องสาวแสนดีของฉัน ฉันหวังว่าทุกคนจะให้การสนับสนุนเธอด้วยเหมือนกันนะคะ
อ้อ หากทุกคนไม่อยากไปหาช่องของเธอก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เธออยู่ที่นี่กับฉันแล้ววันนี้ คุณสามารถดูเธอผ่านช่องสตรีมของฉันได้ค่ะ”
พูดจบ หนิงหนิงก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเปิดการสตรีม หลังจากล็อคอินเสร็จแล้ว ซูหนี่ได้รีบแนะนำตัวขึ้นมาในทันที
“ไหนอ่ะ ขอดูหน่อย”
“นี่ฉันไม่อยากจะพลาดเลยนะเนี่ย”
“ถึงเหมือนว่าซูหนี่จะไม่ได้ดูดีนัก แต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธอนั้นจะมีความสามารถสุดยอดแบบไหนกันแน่”
“ในเมื่อเธอเป็นน้องสาวอันแสนดีของหนิงหนิงล่ะก็ พวกเราเองก็พร้อมจะสนับสนุนเธออย่างแน่นอน”
เหล่าแฟนคลับของหยินหนิงหนิงบางคนรู้สึกเสียดายที่หยินหนิงหนิงหยุดเพียงเท่านั้น บางคนยังคงส่งของขวัญออกมาราวกับว่าต้องการสร้างแรงจูงใจให้หนิงหนิงของพวกเขากลับมา
อีกหลายๆคนเองก็เริ่มสนใจในตัวสตรีมเมอร์คนใหม่ที่กำลังจะขึ้นแสดงความสามารถ นี่ถึงกับทำให้เสี่ยวหยิง ซูหยา ถังเสี่ยวหยู เย่หลิน และคนอื่นๆหันควับในทันที
จูซิวหนี่อยู่ในชุดสาวเดี่ยวตัวน้อยๆที่แสดงให้เห็นถึงช่วงบ่าอันสวยงาม เธอแต่งหน้าอ่อนและผมยาวสลวยดูแล้วก็น่ารักดี เมื่อเทียบกับเธอในชุดนี้กับชุดขอทานที่ใส่เมื่อวันก่อนแล้วทำให้เธอดูต่างจากเดิมมากๆเลยทีเดียว
“ทั้งสวยแล้วก็น่ารักจริงๆ”
“สาวงามข้างบ้านสินะ”
“ว่าแต่เธอมีทักษะอะไรเหรอ ดูเหมือนจะไม่มีเครื่องดนตรีซะด้วยสิ”
“เดี๋ยวนะ ไอ้กองภูเขาข้างๆนั่นคืออะไรอ่ะ”
“ฉันอ่านไม่ผิดใช่รึเปล่าว่านั่นคือแฮมเบอร์เกอร์”
ทุกคนในตอนนี้ถึงกับพูดไม่ออกในทันทีเมื่อเห็นสาวน้อยน่ารักนั่งอยู่ข้างกองแฮมเบอร์เกอร์ นี่เป็นการโฆษณาแบบไหนกันเนี่ย แค่มาเริ่มสตรีมครั้งแรกก็มีคนมาลงโฆษณาแล้วเนี่ยนะ จะไม่เกินไปหน่อยเหรอ
“สวัสดีค่ะทุกคน ยินดีต้อนรับสู่ช่องสตรีมของแน ฉันชื่อซูหนี่ อยู่ชั้นม.ปลายค่ะ”ซูหนี่พูดออกมาด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“เธอออกจากโรงเรียนไปแล้วไม่ใช่เหรอ” มีผู้ชมคนหนึ่งถามออกมาราวกับว่าเขามุ่งประสงค์ร้ายต่อเธอหรือแค่ถามมาเพราะอยากรู้เฉยๆก็ไม่ทราบได้
“เรื่องนั้นพี่ซูช่วยเหลือฉันเอาไว้น่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขานั้นคุยกันยังไงจนทำให้ฉันนั้นได้กลับมาเรียนอีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ตัวฉันนอกจากวันหยุดแล้ว ในช่วงกลางวันฉันจะกลับมาเรียนอีกครั้ง และในตอนกลางคืนจะทำการสตรีม” จูซิวหนี่ตอบออกมา
ด้วยคำตอบนี้ทำให้หลายๆคนที่กำลังดูสตรีมรู้สึกดีมากๆ เพราะคำถามก่อนหน้านี้ทำให้บรรยากาศในห้องสตรีมรู้สกอึดอัดเล็กน้อย
ด้วยคำถามแบบนี้ทำให้สตรีมเมอร์หน้าใหม่เองถึงกับไปไม่เป็นมานักต่อนักแล้ว ในกรณีของจูซิวหนี่นี้กลับต่างกัน ตัวเธอนั้นมีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่าคนอื่นมากนัก
แต่ตัวเธอนั้นก็รู้ปัญหาของตัวเองดีเสียยิ่งกว่าใครจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาในทันทีเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดไปกว่านี้
“ความจริงแล้วตัวฉันนั้นไม่ได้มีทักษะอะไรเลยสักอย่าง มีเพียงเรื่องเดียวที่ฉันนั้นพอจะเอาไปสู้กับคนอื่นเขาได้คือการกินจุค่ะ วันนี้ฉันจะมากินแฮมเบอร์เกอร์ 30 ลูกให้ดูกัน”
“อะไรนะ นี่ฉันได้ยินถูกแล้วใช่รึเปล่า”
“งั้นก็ฉันจะเริ่มเลยนะ อ้อ บอกไว้ก่อนนะว่าแฮมเบอร์เกอร์ที่ว่าก็คือกองที่อย่างข้างๆฉันนี่แหล่ะ”
“จะเป็นไปได้ยังไงกันที่สาวน้อยแบบนี้จะกินแฮมเบอร์เกอร์ 30 ลูกได้ แค่สามลูกแนก็อิ่มแล้ว”
“สาวน้อย อย่าทำเป็นเล่นนะ”
เหล่าผู้ชมในตอนนี้ต่างก็พิศวงงงงวยกันไปหมด บางคนก็คิดว่าสาวน้อยคนนี่คงมีทักษะด้านการกินอยู่บ้าง แต่บางคนคิดว่าเธอทำไม่ได้อย่างแน่นอน เธอน่าจะเหมาะกับการร้องเพลงมากกว่าแค่ร้องเพียงนิดหน่อยก็เพียงพอที่จะได้ของขวัญแล้ว
เธอสมควรจะใช้ปากที่ดีจิ้มลิ้มน้อยๆนั่นในการคุยมากกว่าจะมากินจุแบบนี้ เอาจริงๆผู้ชมส่วนใหญ่นั้นคิดว่าเธอเหมาะกับการพูดคุยมากกว่า เพียงแค่นั้นเธอก็น่าจะหาแฟนคลับพันธุ์แท้ได้เลยทีเดียว
แต่ในขณะที่ทุกคนนั้นกำลังคิดแย้งไปต่างๆนาๆ เมื่อทุกคนรู้ตัวเธอก็เริ่มกินแฮมเบอร์เกอร์เสียแล้ว
จูซิวหนี่ไม่ได้เปิดให้โอกาสให้ใครทักท้วงอีกต่อไป เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาชิ้นหนึ่งก่อนที่จะนำมันออกมาจากห่อ ความจริงแล้วเธอนั้นชอบกินแฮมเบอร์เกอร์มาก แต่เธอเองก็กลัวอ้วนไม่น้อยเลยจึงไม่กล้ากินมากเกินไป ต่อมาหลังจากที่แม่ของเธอป่วยหนักยิ่งทำให้เธอนั้นไม่มีโอกาสจะได้กินพวกมันเลยสักชิ้นเดียว
แต่ตอนนี้เธอสามารถกินเท่าไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องสนใจว่าจะทำให้เธออ้วนอีกต่อไป ไม่ต้องกลัวอ้วนหรือโรคอย่างอื่นที่มาจากการกิน นี่สิคือความสุขที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
“กินแล้วนะคะ”
“ห้ะ เร็วโคตร ชิ้นแรกหมดแล้วเรอะ”
“ชิ้นที่สองหมดแล้ว”
“ชิ้นที่สามหมดแล้วแถมยังจะต่ออีก”
“666666666666666666666666666666666”
“ฉันไม่ได้ตาฝาดไปรึเปล่า”
“ชิ้นที่สี่หมดแล้ว”
“ชิ้นที่ห้าหายวับไปกับตา”
“ชิ้นที่หกหมดแล้วนะคะ”
“นี่ยังจะกินอีกเร๊อะ”
“พระเจ้าช่วย เธอกินต่อจริงๆด้วย”
เสี่ยวหยิง ซูหยา ถังเสี่ยวหยู เย่หลิน และผู้ชมคนอื่นๆเองต่างตกตะลึงกันไปหมด แม้แต่แฟนคลับของหยินหนิงหนิงเองก็จ้องมองจนแทบไม่อยากจะไปไหน
เราผู้ชมบางคนถึงกับไปตามให้คนอื่นมาดู เมื่อข่าวของสาวน้อยจอมเขมือบแพร่ออกไปแม้แต่สตรีมเมอร์คนอื่นเองก็ยังต้องสะเทือนกันไปหมด แม้แต่หยินหนิงหนิงเองที่หลบออกไปอยู่นอกห้องก็ยังต้องรีบกลับเข้ามาในทันที ส่วนในช่องสตรีมของจูซิวยี่นั้นร้อนแรงด้วยข้อความแทบจะเต็มหน้าจอ
“กินจุสุดๆไปเลย”
“ประเด็นคือสาวน้อยยังดูสบายๆอยู่เลยนะ”
“หากว่าเธอกินได้อีกชิ้นฉันส่งจรวดให้เลยนะ”
“ถ้าเธอกินได้อีกสามชิ้นฉันยอมส่งเครื่องบินให้เลย”
จูซิวหนี่ไม่พูดอะไรออกมา ด้วยร่างๆเล็กๆของเธอกับวิธีการกินที่รวดเร็วและเยอะชนิดที่ไม่มีใครขาดคิดนี้ต่างก็ทำให้ผู้ชมนั้นรู้สึกประทับใจแบบแปลกๆ
มีแฟนพันธุ์แท้ของช่องอื่นที่เห็นจูซิวนี่กินไม่หยุดด้วยท่าทางน่ารักแบบนี้ถึงกับประทับในจนส่งของขวัญระรัวกันเลยทีเดียว
“อะไรกัน” วูจู่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และดูช่องสตรีมของชาร์คทีวีในช่องหยินหนิงหนิงและจูซิวหนี่ถึงกับโวยวายออกมา
ตอนแรกที่เขาเห็นเพียงหยินหนิงหนิงนั้นก็เพียงแค่ทำให้ระลึกถึงตอนที่เขายังสตรีมได้แบบเป็นที่นิยมอยู่เมื่อไม่กี่วันก่อน
พูดได้เลยว่าหากเขานั้นไม่ละโมบเกินไปล่ะก็เขาคงไม่ทำเรื่องผิดพลาดขนาดนี้ เขาเองพยายามติดต่อซูจิ้งอีกครั้งแต่ซูจิ้งก็บล็อคเบอร์เขาไปเรียบร้อยแล้ว นี่เขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูจิ้งทำอีท่าไหนถึงผ่าตัดเขาให้กลับมาอยู่สภาพเดิมได้รวดเร็วขนาดนี้ มันเหมือนกับว่าเขานั้นไม่เคยมีหน้าตาที่ดูดีแบบตอนสตรีมมาก่อน
“ฉันไม่เชื่อ หากว่าแกโกรธได้ฉันก็โกรธได้เหมือนกัน ฉันเองก็มีฐานแฟนคลับอยู่นะ แถมทักษะของฉันเองก็ดีขึ้นก่าแต่ก่อนแล้วด้วย ต่อให้ฉันไม่หล่อเหลาแต่ฉันก็ไม่ยอมจมง่ายๆหรอก” วูจู่กัดฟันในทันทีก่อนที่จะเริ่มทำการสตรีม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น