Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 868-869
GGS:บทที่ 868 ของขวัญชิ้นที่สอง
หวังซวนจี้อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มหลังจากหายตะลึงจากของขวัญชิ้นนี้ ก่อนหน้านี้เขาได้ให้ซือหยาบอกซูจิ้งไปแล้วว่าไม่ต้องหาอะไรแพงๆมาให้เขา แต่ดูเหมือนว่าเขาก็จะไม่ยอมฟังง่ายๆ
แต่ยังไงซะเขาเองก็ตั้งในจะรับของชิ้นนี้ไว้อยู่ดี อย่างแรกเขาชอบของขวัญชิ้นนี้มากๆ อย่างที่สองซูจิ้งนั้นมีสมบัติมากมาย สำหรับคนทั่วไปแล้วงานไม้แกะสลักชิ้นนี้สมควรมีค่ามหาศาล แต่กับซูจิ้งนั้นสมควรไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น อย่างที่สาม ซูจิ้งนั้นยังไงก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดคนของเขา เขาจะมาหักหน้ากับเรื่องแค่นี้ได้ยังไง
“อาจิ้ง ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่าอะไรหรือ” หวังซวนจี้ถามออกมา
“ดินแดนแห่งภูตบนโลกมนุษย์” ซูจิ้งพูดออกมา
งานแกะสลักชิ้นนี้เขาเองก็ได้มาจากเผ่าเอลฟ์ที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริง
เมื่อวันก่อนนั้นตอนที่เขากำลังคัดเลือกขยะอยู่นั้น เศษงานชิ้นนี้ที่เขาเจอมันสวยมากจนอดใจไม่ไหวให้เสี่ยวไป๋ช่วยซ่อมให้
ตอนนั้นเองทำให้เขานั้นรู้สึกอัศจรรย์ในตัวเผ่าพันธุ์นี้จริงๆ พวกเขาที่อยู่ระหว่างธรรมชาติและเผ่ามนุษย์มาอย่างยาวนานจนสามารถสื่อออกมาในงานศิลป์ชิ้นนี้ได้ เขาจึงได้ตั้งชื่อผลงานชิ้นนี้ตามอารมณ์ศิลป์ที่สื่อออกมา
“เป็นชื่อที่ดีจริงๆ ขอบคุณของขวัญของนายชิ้นนี้มากๆ ฉันจะรับมันเอาไว้” หวังซวนจี้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ดีจริงๆ หากท่านไม่รับของขวัญผมชิ้นนี้ล่ะก็จนต้องขนกลับไปยังเมืองจงหยุนนี่ ผมคงต้องยุ่งยากไม่น้อยเลย” ซูจิ้งยักไหล่ออกมา ก่อนจะพูดออกมาว่า “งานชิ้นนี้มันหนักมากจนทำให้คนที่เห็นถึงกับพูดไม่ออกไปเลย หากว่าท่านผู้อาวุโสหาคนเคลื่อนย้ายเข้าบ้านไม่ได้จริงๆล่ะก็ บอกผมแล้วกันเดี๋ยวผมจะจัดการให้”
หลายๆคนในที่นี้รวมถึงซุนหยูเฮงรู้สึกสับสนไปในทันที่ว่า ทำไมซูจิ้งถึงได้พยายามดูแลสมบัติของเขาอย่างดี แต่เขาเองก็ดูเหมือนไม่เห็นค่าของพวกมันแม้แต่น้อย
ถึงจะเห็นอย่างนั้น แต่เขาก็สามารถหาของแบบนี้ออกมาได้เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่สองสามชิ้น แต่หลายชิ้นมากๆ เขาช่างเป็นคนที่พระเจ้ารักใคร่จริงๆ และดูเหมือนว่าคนธรรมดานี่ไม่มีทางได้สมบัติแบบเขามาได้แน่นอน
“เอาล่ะครับในเมื่อสมบัติชิ้นแรกผ่านไปแล้ว ต่อไป…” ซูจิ้งพูดออกมา
“ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าแค่ของชิ้นนี้ฉันก็พอใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้อะไรอีก” หวังซวนจี้ยกมือขึ้นเป็นปางห้ามญาติในทันที
หวังหลี่และหวังยี่ในตอนนนี้เริ่มมองซูจิ้งด้วยใบหน้าอึ้งๆ ลุงสี่นี่มาจากไหนกันเนี่ย แค่งานไม้แกะสลักชิ้นนี้ก็สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้กับโลกนี้ได้แล้ว แต่เขายังบอกว่ามีของขวัญจะให้อยู่อีก แล้วอย่างนี้พวกเขาที่ให้ของขวัญต่อจากลุงจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน
“ก็แค่ของขวัญชิ้นเล็กๆเองครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ของที่ออกมาจากมือของนายมีของที่เรียกว่าเล็กได้ด้วยเหรอ!” หวังจ้าวและหวังซือหยาบ่นอุบออกมา
“มันเป็นของชิ้นเล็กๆจริงๆนา” ซูจิ้งพูดพร้อมนำกล่องเล็กๆออกมากล่องหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาว่าเป็นเรื่องจริง พร้อมทั้งเปิดกล่องให้ดูของข้างใน
คนที่อยู่โดยรอบต่างเบิกตาเพื่อมองดูว่ามันคืออะไรกันแน่ก่อนที่จะพูดคุยกันระงมไปทั่ว
ของข้างในกล่องนี้มันทีดูธรรมดาจริงๆ ไม่สิธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดาซะอีก ข้างในนั้นเป็นไปป์ยาสูบสีดำที่ดูธรรมดามากๆ ละข้างๆกล่องนั้นมีใบไม้เล็กๆที่ถูกตัดครึ่ง เท่าที่เดากันน่าจะเป็นใบยาสูบ
“อาจริง ใบไม้นี่คือใบอะไรกัน” หวังจุ่นมองด้วยสายตาเป็นประกาย คนอื่นๆอย่างหวังซวนจี้ หวังจุ่น หวังเจิ้ง และคนอื่นๆในตระกูลหวังเองต่างก็มองด้วยสายตาที่เปล่งประกายไม่แพ้กัน
แต่กับคนอื่นๆนั้นพวกเขาต่างก็สังสัยว่าทำไมต้องถามออกมา พวกเขาแค่มองก็พอจะรู้ว่าใบที่วางข้างไปป์กับต้องเป็นใบยาสูบสิ จะเป็นอย่างอื่นไปได้ด้วยหรอ
มีเพียงหวังจ้าวเท่านั้นที่ดูอยู่เฉยๆไม่มีท่าทีอะไรออกมา
“ทำไมกับอีแค่ใบไม้พวกนายถึงได้ดูให้ความสนใจมันกันจังล่ะ” หลี่เทียนเฮอถามออกมาอย่างสงสัยใคร่รู้
“ก่อนหน้านี้ซูจิ้งได้ให้ใบไม้มาเพื่อที่จะเอาไว้ใช้ชงชาและทำเป็นยาสูบ ตอนที่ทำเป็นชานั้นนอกจากมันจะอร่อยมากแล้วมันยังช่วยฟื้นฟูจิตใจอีกด้วย
มันทำให้จิตใจรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังราวกลับว่ากลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้งถ้าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นคนเดียวด้วย แต่ตอนเอาไปทำเป็นยาสูบนี้ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
ถึงแม้ว่ามันจะสดชื่นเหมือนกันแต่รสชาติมันกลับเหมือนยาสูบทั่วไปฉันก็เลยคิดว่าน่าเสียดายเกินไปที่จะทำเป็นยาสูบ
ที่น่าสนใจมากกว่าหน่อยนึงก็คือฉันเลิกสนใจบุหรี่ทั่วไปไปเลย จนฉันเลิกบุหรี่ได้อย่างน่าประหลาดเหมือนกัน
แม้ตอนนั้นฉันจะติดบุหรี่อย่างหนักแต่รสชาติของพวกมันก็ยังกร่อยๆไม่เหมือนกับใบไม้ของซูจิ้งเลยสักนิดฉันเลยเบื่อจนเลิกสูบไปเอง” หวังซวนจี้พูดออกมาพลางทำท่าระลึกความหลังอย่างสดชื่น
“ขนาดนั้นเลยหรือ” หลี่เทียนเหอพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อขนาดไหนก็ตาม เขาเองก็อดใจไม่ไหวจนต้องถามออกมา
ใบไม้ที่ทำได้ทั้งชาและเป็นยาสูบ เมื่อดื่มก็ฟื้นฟูจิตใจ เมื่อสูบก็รู้สึกสดชื่น รสชาติที่ไม่ธรรมดาแถมยังเทียบได้กับบุหรี่ทั่วไปอีก หากมีใบไม้ที่เจ๋งขนาดนั้นอยู่บนโลกนี้จริง ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนล่ะ
“ไม่ ไม่ไม่ ไม่ใช่ครับ ใบไม้นี้ไม่เหมือนใบพวกนั้นครับ” ซูจิ้งส่ายหัวก่อนจะพูดออกมาว่า “ใบไม้นั้นเหมาะกับการดื่มชามากกว่าครับ ส่วนใบนี้สิถึงจะเหมาะกับการสูบยาของจริง”
“อาจิ้ง นี่นายยังกล้าเอาใบยาสูบมาให้พ่อทั้งๆที่เขาเลิกสูบไปแล้วเนี่ยนะ” หวังเจิ้งพูดออกมา
“พี่ใหญ่ยังมอบไปป์เลยไม่ใช่หรอ” ซูจิ้งพูดตรงประเด็นเพื่อลุกคาดในทันที
“อะฮึ่ม ไปป์ของฉันมันเป็นของโบราณต่างหากล่ะ มันเหมาะกับการเก็บสะสมไม่ใช่ไว้สูบสักหนอ่ย” หวังจุ่นพยายามแก้ตัวออกมา พลางมองไปยังหวังเจิ้งด้วยสายตาอาฆาตนิดหน่อย
“ฮ่าฮ่า เอาน่า ผมไม่มอบใบยาสูบธรรมดาให้หรอก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน เอาเป็นลองสูบดูเองก็แล้วกันครับ” ซูจิ้งส่งกล่องให้หวังซวนจี้
หวังซวนจี้รับมาอย่างว่าง่าย สิ่งแรกที่เขาทำก็คือยกกล่องขึ้นไปเพื่อสูดกลิ่นของใบยาสูบ ทันทีที่สูดเข้าไปหนังตาของเขาก็กระตุกเล็กน้อยนั่นก็เพราะว่ามันหอมมาก
เขาหันไปมองซูจิ้งอีกครั้ง ก่อนที่จะไม่รอช้ารีบหยิบไปป์ขึ้นมาแล้วใส่ใบยาสูบที่ซูจิ้งให้อย่างไม่รีรอ โดยมีหวังจุ่นจุดไฟให้เขาด้วยสายตาที่คาดหวัง
“อาเจิ้ง นายพอจะรู้รีเปล่าว่าเขาสูบอะไรกันแน่” หลี่เทียนเฮออดไม่ได้ที่จะถามหลี่เจิ้งที่อยู่ข้างๆ
“ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นเหมือนกันครับ มันดูต่างจากใบยาสูบที่ผมรู้จักทั้งหมดเลย” หลี่เจิ้งส่ายหัวออกมา
เขานั้นในฐานะ ผอ.ขององค์การยาสูบแห่งรัฐนั้น ต่อให้เขาไม่ได้เป็นคนปลูกก็จริง
แต่เขาเองก็รู้จักใบยาสูบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ เวอร์จิเนีย เตอร์กิช เบอร์เลย์ หรือแม้แต่ขั้นตอนการบ่มอย่าง บ่มไอร้อน บ่มแดด บ่มอากาศ
หากเป็นยาสูบในสายพันธุ์พวกนี้ ต่อให้ผ่านการบ่มมาแล้ว เขานั้นก็ต้องจำได้อย่างแน่นอน แต่เขาเองไม่คุ้นเคยกับใบยาที่ซูจิ้งนำมาเลยสักนิด
คนอื่นๆเองเมื่อได้ยินและได้เห็นดังนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความสนใจ เท่าที่ทุกคนฟังดูแล้วไม่ใช่เพียงใบนี้ไม่ใช่ใบยาสูบธรรมดา แต่ฟังดูเหมือนไม่ใช่ใบยาสูบ
มีบรรดาคนใหญ่คนโตหลายๆคนที่นำบุหรี่ราคามาแพงมามอบเป็นของขวัญเหมือนกันแต่หวังซวนจี้ไม่ได้มีท่าทีจะสูบแต่อย่างใด ไม่ว่าบุหรี่เหล่านั้นจะราคาแพงแค่ไหนก็ตาม
แต่นี่กับของซูจิ้งที่ดูธรรมดาสามัญมากๆแต่ท่าทางของหวังซวนจี้กลับทำท่าเหมือนอดยากมานานแบบนี้คงไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ
ตอนนี้หวังซวนจี้ได้สูบใบยาที่เผาไหม้ไปอย่างเต็มปอดและพ่นควันออกมา ท่าทางของเขาสดชื่นและไม่ได้มีท่าทีรู้สึกว่ายาสูบนี้ไม่ดีแต่อย่างใด
คนอื่นๆเองที่ได้กลิ่นก็อดไม่ได้จะสูดเข้าไปอย่างเต็มปอด มันราวกับว่าควันที่สูดเข้าไปในใจของพวกเขาก็รู้สึกบางอย่างก่อนที่จะหายไปในทันที
“พระเจ้า สุดยอด”
“กลิ่นนี่มันช่างหอมสดชื่นจริงๆ”
“ฉันสำรักตลอดเลยนะเวลาได้กลิ่นควันบุหรี่ แต่ควันนี้มันช่างให้ความรู้สึกดีจริงๆ”
“ทำไมมันหอมขนาดนี้เนี่ย นี่มันควันยาสูบจริงๆหรอ”
“หรือว่าจะเป็นใบยาเตอกริช?
“ไม่นะ ฉันเคยสูบใบยาเตอกริชมาแล้ว กลิ่นของมันไม่ได้หอมขนาดนี้”
ทุกคนในตอนนี้ต่างพูดถึงยาสูบของซูจิ้งกันไปหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่สูบบุหรี่หรือไม่ก็ตาม
กลิ่นหอมที่พวกเขาได้สูดเข้าไปนั้นมันหอมแต่มันก็ไม่เหมือนกลิ่นดอกไม้ ไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอม มันเหมือนกับกลิ่นของใบยาสูบแท้ๆแบบไม่ผ่านการเผา มันไม่เหมือนกลิ่นบุหรี่ทั่วไปด้วยเพราะพวกเขาหลายคนดมเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เกิดการสำลักออกมา
“ใบยาที่ดี” หวังซวนจี้อดไม่ได้จนต้องพูดออกมา
“เอ่ออออ… เพื่อนเอ๊ย ขอสักปื๊ดสิ” หลี่เทียนเหอในตอนนี้มองไปที่ไปป์ที่อยู่ในมือของหวังซวนจี้ พลางสบตาของหวังซวนจี้สลับกันไป เขาเองเมื่อได้กลิ่นเมื่อครู่นี้ไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ในฐานะคนที่สูบมานานเขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“คุณซู นี่มันใบยาสูบพันธุ์ไหนกันแน่ครับ” หลี่เจิ้งเองก็ถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ใบยาสูบนี้ได้ไปสะกิดความสนใจให้กับผอ.องค์การยาสูบแห่งรัฐและผู้จัดการของบริษัทยาสูบแบบเขาได้จริงๆ
GGS:บทที่ 869 ฉันไม่เชื่อ
ไม่เพียงแค่หลี่เจิ้งอยากจะรู้ธรรมดา เขาอยากรู้มากจนต้องออกโรงถามซูจิ้งด้วยตัวเอง ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย
ด้วยกลิ่นที่หอมหวนเกินกว่าที่ใบยาสูบทั่วไปจะเทียบได้ ต่อให้เป็นบุหรี่ชั้นสูงอย่างดีก็ตามก็ไม่มีทางเทียบยาสูบของซูจิ้งได้เลยสักนิด
ขนาดนี่เป็นกลิ่นที่เขาได้รับหลังจากที่หวังซวนจี้พ่นออกมานะกลิ่นยังดีขนาดนี้ แล้วถ้าหากสูบไปตรงๆนี่จะขนาดไหน
แล้วลองคิดดูว่าหวังซวนจี้ที่เป็นคนที่สูบบุหรี่มานานแล้วเลิกไปแล้ว ยังอดรนทนไม่ไหวกลับมาสูบอีก
แขกบางคนเคยซื้อบุหรี่อย่างดีมาฝากแต่หวังซวนจี้นั้นกลับโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แต่ในตอนนี้เขากลับสูบออกมาอย่างสบายอารมณ์ แสดงว่านี่คือของดีจริงๆไม่ใช่หรอกหรอ
“นี่คือใบยาสูบสายพันธุ์ที่ผมเพิ่งจะพัฒนาขึ้นมาน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเต็มปากถึงจะกระดากใจเล็กน้อยก็ตาม
ยังไงซะเรื่องที่ใบยาสูบแห่งไชร์ที่มาจากห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงนั้นไม่มีทางบอกให้ใครรู้ได้อยู่แล้ว เพราะบอกไปก็ไม่มีคนเชื่ออยู่ดี
“พัฒนาขึ้นมาเอง” หลี่เจิ้งถึงกับอัศจรรย์ในทันทีที่ได้ยิน เขารู้ดีกว่าใครว่าธุรกิจยาสูบนี้สร้างกำไรให้กับประเทศต่อปีไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
และแน่นอนว่าในทุกปีพวกเขาต่างทุ่มเทเงินทอง สรรหาอุปกรณ์ และคนที่มีความสามารถในการพัฒนาใบยาสูบชนิดใหม่ในทุกๆปีเช่นเดียวกัน
บอกได้เลยว่าองค์การของเขานั้นมีทั้งสุดยอดเทคโนโลยีและนักวิจัยที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศจีน
ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ความหวังที่จะทำให้เกิดพันธุ์ยาสูบที่หลากหลายก็ไม่เคยทำได้มาก่อน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ซูจิ้งได้นำใบยาสูบที่ดีกว่าใบยาสูบที่เขารู้จักมาทุกชนิด ดีกว่าบุหรี่นอกทุกๆยี่ห้อที่เขารู้จัก แถมยังบอกว่าปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาเองอีก
แล้วอย่างนี้จะให้คนอย่างเขาที่เป็นถึงผอ.องค์การยาสูบมายอมรับว่าตัวเองอ่อนด้อยกว่าซูจิ้งได้ยังไง
เมื่อหวังจ้าวและหวังซือหยาได้ยินซูจิ้งพูดแบบนั้นออกมา สายตาของทั้งสองเปล่งประกายออกมาในทันที พวกเขาจำได้เป็นอย่างดีว่าซูจิ้งนั้นอยากเข้าไปเอี่ยวในธุรกิจใบยาสูบ
ดูเหมือนว่าใบยาสูบที่ซูจิ้งนำมาเป็นของขวัญนี้น่าจะเป็นอันเดียวกับที่เขานั้นเคยพูดถึงก่อนหน้านี้
ใบยาสูบที่มีกลิ่นหอมรุนแรงแบบนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ ขนาดแม้แต่หลี่เจิ้งเองก็ยังต้องสนใจเลย ตอนนี้ดูเหมือนใบยาสูบของซูจิ้งนั้นจะได้รับความสนใจมากจริงๆ
หากว่าขายให้กับผอ.องค์การยาสูบได้โดยตรงล่ะก็ ราคาที่ได้ย่อมไม่น้อยอย่างแน่นอน
แต่ทั้งสองก็ยังจำได้ดีอีกว่าซูจิ้งนั้นต้องการจัดตั้งเป็นบริษัท ซึ่งสำหรับเรื่องนั้นแล้วทั้งสองก็คิดว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เรื่องนี้ต้องดูท่าทีของหลี่เจิ้งแล้วจริงๆ
“ลุงหวัง ขอผมลองหน่อยได้รึเปล่าครับ” หลี่เจิ้งเองก็ได้หันไปถามหวังซวนจี้เพราะอยากรู้จริงๆว่าสูบแล้วรู้สึกยังไง
หวังซวนจี้เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงหันไปมองซูจิ้ง พลางนึกอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะหันกลับมาสูบเต็มปอดอีกรอบหนึ่ง หลังจากพ่นออกมาแล้วเขาจึงได้พูดออกมาว่า “ก็ได้นะ ต่อขอหมดชุดนี้ก่อน”
“ไม่ต้องหรอกครับ” พูดเสร็จ หลี่เจิ้งได้หยิบซองบุหรี่ของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันเป็นบุหรี่ยี่ห้อหมีแพนด้า สุดยอดบุหรี่จีนที่ราคาสูงและหาซื้อได้ยากยิ่ง
แต่เหมือนกับหลี่เจิ้งไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิด เขาทำการหักส่วนก้นกรองออกแล้วทำการเทยาเส้นที่อยู่ข้างในออกจนหมด
หลังจากนั้นเขาได้หยิบใบยาสูบจากมือของหวังซวนจี้มาชิ้นหนึ่ง แล้วจัดการม้วนยัดเขาไปข้างในแล้วทำการจุดไฟสูบ หลังจากจุดเสร็จเขาก็สูบเข้าไปอย่างหนักจนเต็มปอดในทันที
เพียงคาบบุหรี่เข้าปาก หลี่เจิ้งได้สูบแบบไม่หยุดพัก จะบอกว่าเขาอัดเข้าแบบชุ่มปอดยาวเลยตั้งแต่แรกก็ว่าได้ บุหรี่ที่มีใส้ของใบยาสูบแห่งไชร์นั้นเพียงครู่เดียวก็เกือบหมดแล้ว
แม้แต่ควันบุหรี่ที่พ่นออกมา คนที่อยู่รอบข้างก็ยังแย่งกันสูดจนแทบจะหายไปทันทีเมื่อผ่านคนที่ควันนี้ลอยผ่านช่วงแรกไป
“ใบยาสูบนี่สุดยอดจริงๆ” หลังจากเขาสูบจนหมดมวนแล้ว
หลี่เจิ้งนั้นมองส่วนที่เหลืออย่างเสียดายและอดไม่ได้ที่จะหันไปถามซูจิ้งออกมาว่า “คุณซู คุณมีเมล็ดพันธุ์ของยาสูบนี้รึเปล่า แล้วมันปลูกยากไหม ค่าใช้จ่ายในการปลูกต้องเสียเท่าไหร่และราคาที่…”
“ใจล่มๆเลยเอ็ง นี่แกอายุเท่าไหร่แล้วห้ะ” หลี่เทียนเฮอเห็นลูกตัวเองทำตัวเสียมารยาทออกมาจึงอดไม่ได้ที่จะดุเขาไป
“จริง… จริงด้วย” หลี่เจิ้งได้สติจึงรีบสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะทำให้ใจสงบลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็แทบจะสงบสติตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เขาจะสงบสติไปได้ยังไงเมื่อเจอสิ่งที่เขาตามหามานานแสนนานแบบนี้
เขานั้นพูดออกมาหลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้มากที่สุดว่า “คุณซู บอกความจริงกับผมมาเถอะ ใบยาสูบนี่มีค่าจริงๆ
ถ้าองค์การยาสูบและประธานบริษัทยาสูบรู้เข้าล่ะก็ พวกเขาต้องซื้อและทำการปลูกอย่างรวดเร็วแน่นอน”
ซุนหยูเฮงที่ยังคงตราตรึงในกับควันมือสองที่เขาสูดเข้าไปนั้น เขาเองก็รู้ตื่นเต้นไม่น้อยจนทำให้แทบใจควบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน
ตระกุลซุนกับบริษัทยาสูบนั้นก็ถือได้ว่าเป็นคนกันเองทั้งนี้น ถ้าเขาสามารถได้พันธุ์ใบยาสูบนี้ไปล่ะก็ รับรองว่าต้องได้หน้าไม่น้อยอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่มีทางยอมให้ซูจิ้งได้หน้าด้วยพันธุ์ใบยาสูบแบบนี้อย่างแน่นอน เขากำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางชิงมายังไงดี
“ผมไม่ต้องการจะขายมันหรอกครับ” ซูจิ้งส่ายหัว
“ราคาที่บริษัทยาสูบของเราจะเสนอนั้นไม่มีทางน้อยๆอย่างแน่นอนครับ” หลี่เจิ้งพยายามอีกครั้ง
“หมื่นล้านได้ไหมครับ” ซูจิ้งพูดออกมา
“นี่…” หลี่เจิ้งถึงกับชะงักในทันที หมื่นล้าน นี่เขาจะใจกล้าเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่บริษัทของเขาเลย แม้แต่คนอื่นๆที่เป็นคนรวยในที่นี้ก็ยังไม่มีปัญญาพอจะเสนอเงินจำนวนนี้ได้
“ถ้าไม่ใช่ระดับพันล้านผมไม่สนแน่นอนครับ” ซูจิ้งพูดออกมา เขาเองนั้นประเมินราคาไว้แล้วว่าผลกำไรนั้นเกินกว่าพันล้านมากนัก แค่ราคาพันล้านที่พูดออกมายังถือได้ว่าเล็กน้อยมาก
ซูจิ้งจึงทำท่าคิดสักพักก่อนที่จะพูดออกมาว่า “งั้นเอางี้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมาแลกแทนอย่างเช่นการให้ผมนั้นสามารถตั้งบริษัทยาสูบของตัวเองได้ล่ะ”
“ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับเรื่องนี้ อย่าว่าแต่ผมเลย ถึงผมจะเป็นผอ.องค์การยาสูบก็ไม่สามารถเสนอได้ มิแต่ให้คนอื่นที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ยังไม่สามารถ เพราะว่าเรื่องนี้ค้านกับข้อกฎหมายจริงๆ” หลี่เจิ้งเองเมื่อได้ยินถึงกับยกมือยอมแพ้เลยทีเดียว
ซูนหยูเฮงนั้นเมื่อได้ยินถึงกับสบถออกมาพลางนึกว่า นี่เขาจะโลภมากเกินไปแล้ว อยากจะตั้งบริษัทยาสูบของตัวเองเหรอ เรื่องนี้แม้แต่พันล้านก็ไม่มีทางพอหรอกเว้ย
คนอื่นๆเองก็คิดเกี่ยวกับซูจิ้งในทำนองเดียวกัน ตอนนี้พวกเขานั้นพอจะรู้แล้วว่าซูจิ้งมาที่นี่ในครั้งนี้เพราะเหตุผลอะไรกันแน่ ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีความหมายมากกว่าการมาอวยพรวันเกิดผุ้นำตระกูลหวังสินะ
“หึหึหึ เหมือนผมจะลืมบอกไปอีกอย่างหนึ่งนะ” ซูจิ้งหัวเราะออกมาอย่างลำพองก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้ามันมีผลเสียต่อร่างกาย ไม่ว่ามันจะรสชาติดีขนาดไหนผมคงไม่นำมามอบให้ผู้อาวุโสหรอกนะ เหตุผลที่ผมนำมาเป็นของขวัญวันเกิดเพระว่ามันไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”
“ห้ะ” หลี่เจิ้งถึงกับมึนงงไปในทันทีที่ได้ยิน เขารีบพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้”
“อาจิ้ง นายจะล้อเล่นเกินไปแล้ว ใบยาสูบนั้นมีทั้งนิโคติน น้ำมันดิน สารฟอร์มอล์ดิไฮด์ และสารอันตรายอย่างอื่นอีก แล้วมันจะไม่มีอันตรายต่อร่างกายได้ยังไง” หวังเจิ้งเองพยายามยืนยันออกมาถึงกับร่ายยาวให้ฟัง
“ไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองดูเองก็ได้นะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
ให้พูดตามตรงเลยว่า แม้แต่หวังจ้าว หวังซือหยา และหวังซวนจี้ ผู้ที่เชื่อซูจิ้งอย่างหมดใจนั้นก็ยังอดสงสัยกับคำพูดของซูจิ้งไม่ได้
การสูบยาจะไม่มีผลเสียกับร่างกายได้ยังไง แม้แต่บุหรี่สมุนไพรจีนเองก้ยังมีสารพวกนี้อยู่เลย บุหรี่สมุนไพรพวกนั้นนอกจากจะไม่ได้ลดผลเสียต่อร่างกายแล้ว มันเพียงแค่ทำให้รู้สึกไม่อยากบุหรี่เท่านั้นเอง
จึงพอจะบอกได้ว่าบุหรี่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั้นยังไม่มีในโลกใบนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองไปยังรอยยิ้มละไมของซูจิ้งก็พลันนึกไปถึงตอนได้ไม้วิเศษนั่นมาจากเขาเมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาถึงกับตกใจจนตัวสั่นเลยทีเดียว
หากว่าเป็นไปตามที่ซูจิ้งพูดว่ามันไม่มีผลเสียต่อร่างกายล่ะก็มันก็สมควรจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“หลี่เจิ้ง นายให้ใครสักคนมารับยาสูบนี้ไปทดสอบหน่อยได้รึเปล่า” หวังซวนจี้พูดออกมาพร้อมมอบใบยาสูบชิ้นเล็กๆชิ้นหนี่งให้หลี่เจิ้งไป
“ได้ครับ” หลี่เจิ้งเองไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาเก็บใบยานี้อย่างดีและส่งให้คนขับนะไปส่งยังองค์การยาสุบที่อยู่ใกล้ๆ
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่าคนในงานนั้นยังพูดถึงเรื่องใบยาสูบนั้นอยู่ก็ตาม มีเพียงหลี่เจิ้งและซุนหยูเฮงเท่านั้นที่เหมือนกับมดที่อยู่ในกะทะร้อนที่นั่งไม่ติดที่เดินวนไปมา
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า คนขับรถของเขาก็ยังไม่ขับกลับมาสักที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น