Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 858-859
GGS:บทที่ 858 ดอกไม้ไฟสุดแสนจะน่าตกตะลึง (1)
งานเลี้ยงครบรอบร้อยปีของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุนก็ได้เข้ามาสู่ช่วงสุดท้ายจริงๆ
หลังจากที่บทเพลงบรรเลงกู่จิ้งของซูจิ้งที่มีชื่อว่า “หลงลืมแอ่งน้อยในบึงใหญ่” ได้จบลง ทุกๆคนต่างประทับเสียงบรรเลงกู่จิ้งเอาไว้จำฝังใจ
พวเขานั้นรู้สึกได้จนหมดใจว่าพวกเขานั้นคุ้มค่าแล้วที่ได้มาฟังบทเพลงนี้ หากพวกเขาไม่ได้มาฟังกับตัวเองแล้วรู้ข่าวเข้าทีหลังล่ะก็ต้องอิจฉาจนตายแน่ๆ
ในเมื่อมาถึงช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยงนี้แล้ว นั่นก็ย่อมหมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองเป็นการปิดท้ายตามธรรมเนียมปฎิบัติตามที่เคยมีมา
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ถือว่าเป็นเวลาที่ช้าเกินไป แต่ก็มีเด็กอีกหลายคนที่ยังอยู่นานไม่ได้ และต้องรีบกลับเพราะพรุ่งนี้ต้องมีเรียนแต่เช้า
จึงเป็นเรื่องดีที่จะรีบเริ่มการแสดงพลุไฟก่อนที่จะมีเด็กพลาดโอกาสนี้ไป
“คุณซู ดอกไม้ไฟของคุณซูพร้อมรึยังครับ” ครูหลิวได้รีบเข้ามาถามซูจิ้งในทันที เพราะเขาเองไม่อยากให้เด็กที่เสียเวลามาแล้วต้องพลาดโอกาสนี้ไป
“แน่นอนครับ ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ครูหลิวสามารถพาเด็กนักเรียนออกไปรอที่ข้างนอกได้เลย” ซูจิ้งพูดออกมา
“ได้ครับ” ครูหลิวได้ยินดังนั้นจึงส่งสัญญาณให้พิธีการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
เมื่อเห็นสัญญาณ พิธีการได้บอกทุกคนว่าให้เตรียมออกไปข้างนอกห้องประชุมและตรงไปยังลานกิจกรรมของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุน
ลานกิจกรรมที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแต่ว่าได้ถูกจัดตั้งอยู่นอกโรงเรียนที่ทางประตูฝั่งทิศตะวันออก โดยมีถนนกั้นโรงเรียนเอาไว้กับสนามกิจกรรม
ที่นั่นไม่เพียงจะมีสนามฟุตบอล แต่ยังมีสนามบาสเก็ตบอล บาร์โหนแบบต่างๆ มีแม้แต่บาร์ต่างระดับ และอุปกรณ์ประกอบกิจกรรมการแจ้งอื่นๆซึ่งดูๆไปแล้วก็ถือว่าดูใช้ได้เลยทีเดียว
ด้วยการที่บริเวณโดยรอบสนามไม่มีอาคารสูงใดๆเลย จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การจุดดอกไม้ไฟอย่างยิ่ง จึงถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถจุดดอกไม้ไฟได้อย่างถูกกฎหมายโดยไม่ต้องขออนุญาตใดๆ
โดยปกติแล้วการจุดดอกไม้ไฟนั้นจะไม่อนุญาตให้จุดในเขตเมืองแต่อย่างใด หากว่าจะมีการจุดบ้างนัดสองนัดก็คงไม่มีปัญหาเพราะยังซะพื้นที่แถบนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นเขตชานเมือง
แต่ด้วยการที่ครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงครบรอบร้อยปีของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจองหยุนทั้งที จุดแค่ดอกสองดอกคงเป็นไปไม่ได้
แต่ยังไงซะ ทางโรงเรียนก็ได้ไปทำเรื่องขออนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีปัญหาและสามารถเพลิดเพลินได้อย่างเต็มที่
ครูใหญ่และคณะจารย์ได้เดินนำเหล่าศิษย์และศิษย์ปัจจุบันออกไปจากหอประชุมมุ่งสู่ลานกิจกรรมเพื่อพอกันไปชมดอกไม้ไฟ
ถึงแม้ว่าเหล่านักเรียนจะทำหน้าเบื่อหน่ายขนาดไหนก็ตามแต่ก็ยังคงเดินไปอยู่ดี ซึ่งเรื่องนี้ซูจิ้งเองก็คิดไว้แล้ว ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
บนอินเตอร์เน็ตเองก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้ง บางคนก็ว่าน่าจะไม่ธรรมดา บางคนก็ว่าซูจิ้งไม่ใช่มืออาชีพ งานน่าจะล่มไม่เป็นท่า
บ้างก็ว่าน่าสนใจและเฝ้ารอดูว่าจะล่มอีท่าไหน แต่สำหรับนักเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุนแห่งนี้ สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ชาวเน็ตสักเท่าไหร่
ทุกคนต่างก็คิดว่าการแสดงก่อนหน้านี้อย่างเพลงหมัดออกกำลังกายยามเช้า และการเล่นเพลงหลงลืมแอ่งน้อยในบึงใหญ่นั้นไม่ได้เลวร้ายตามที่ทุกคนคิดแต่อย่างใด
ดังนั้นแล้วการแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้งเองก็สมควรไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิดเช่นเดียวกัน
ณ จุดกึ่งกลางสนามฟุตบอล ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตามรูปแบบมาตรฐานนั้น ตรงนั้นเองดูเหมือนว่าจะมีดอกไม้ไฟมากมายหลากหลายวางไว้อยู่ มีเพียงซูจิ้งยืนอยู่ตรงนั้น และคนอื่นๆได้ขึ้นไปนั่งชมอยู่บนสเตเดี้ยม
“คุณซู คุณเย่ โปรดเชิญมาข้างหน้าด้วยครับ” อาจารย์ใหญ่ได้เดินเข้ามาหาพ่อและแม่ของซูจิ้งเพื่อพาทั้งคู่ไปดูในจุดที่ชัดกว่าคนอื่น
“ไม่ล่ะ พวกเราขอดูอยู่ห่างๆ เว้นที่ว่างให้หนุ่มสาวได้ดูกันชัดๆดีกว่า” เย่ฉิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อย่าห่วงพวกเราไปเลยครับอาจารย์ใหญ่ ครูใหญ่ไปจัดการงานต่อเถอะครับ” ซูเซิ่นเชวี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราไปนะครับ” ครูใหญ่และหัวหน้านักเรียนและคณาจารย์คนอื่นๆเองเมื่อเห็นว่าทั้งสองทำยังไงก็ไม่น่าจะไปจึงได้แต่ยอมทำตาม แต่ก็ยังมีหลายๆคนที่เลือกที่จะยืนอยู่เป็นเพื่อนของทั้งคู่
มันก็จริงที่ว่าสถานะของทั้งคู่นั้นไม่เหมือนแต่ก่อน นั่นก็เพราะว่าลูกชายของทั้งคู่พึ่งจะบริจาคเงินกว่าสิบล้านหยวนให้กับโรงเรียนที่ทั้งสองคนสอนซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นทั้งสองคนได้หน้าไปเต็มๆ
อีกทั้ง ซูเซิ่นเชวี่ยและเย่ฉิงนั้น ถือได้ว่าเป็นคนที่ยึดมั่นในจรรยาของตัวเอง ต่อให้ลูกชายของตัวเองร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีนับหมื่นล้าน
แต่พวกเขาก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะครูต่อไป ไม่ยึดติดกับเงินทอง หรือเรียกร้องอะไรจากใคร
ทั้งคู่ชอบสอนและให้ความรู้กับคนอื่นๆ ซึ่งกับทั้งสองคนแล้วการที่ซูจิ้งรวยขึ้นมาแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ทำหน้าที่ครูได้อย่างเต็มที่
ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป ทำให้ทุกคนที่รู้ต่างก็นับถืออย่างแท้จริง
“หลีกหน่อยหลีกหน่อย” ถังเสี่ยวหยูได้เดินแหวกฝูงชนโดยลากซูหยาตามไปด้วยเพื่อที่จะเข้าไปให้ใกล้ซูจิ้งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เฮ้ มาก่อนได้ก่อนสิ จะมาแทรกกันทำไมเนี่ย” นักเรียนชายที่อยู่ข้างหน้าในตอนนี้เมื่อถูกเบียด เขาจึงแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา
“หยวนๆหน่อยน้า… ก็พวกเราตัวเตี้ยนี่นา อยู่ข้างหลังก็เห็นกันพอดี” ถังเสี่ยวหยูแสดงท่าทางออดอ้อนออกมา
หลังจากเห็นใบหน้าของถังเสี่ยวหยูที่อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์แล้ว ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นก็ส่องเป็นประกายออกมา
ใบของถังเสี่ยวหยูที่เขาเห็นนั้นช่างขาวกระจ่างและสดใสประดุจดั่งหยกขาว ช่างทรงพลังและน่ารักอย่างมาก
เมื่อซูหยาเห็นท่าทางตื่นตะลึงของชายหนุ่ม เธอเองก็หรี่ตามองอย่างรู้ทัน
ก่อนนี้เธอคิดอยู่ว่าจะใช้อำนาจในฐานะของน้องสาวของซูจิ้งเพื่อขึ้นไปอยู่หน้าๆ ก็คงมีคนยอมอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนเธอเองน่าจะไม่ต้องออกโรงอะไรแล้ว
และในขณะที่ซูหยายังไม่ได้ทำอะไรตามที่คิดนั้น ชายหนุ่มทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ได้เปิดทางให้กับทั้งคู่โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้ร้องขอแต่ประการใด โดยมีคนหนึ่งพูดกับพวกเธอว่า “เป็นซูหยากับถังเสี่ยวหยูนี่เอง ขึ้นหน้าไปได้เลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังเสี่ยวหยู และซือหยาจึงได้เดินนำหน้าไปแทน โดยมีคนอื่นๆเดินตามๆกันไปโดยไม่ได้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแต่ประการใด
“ดอกไม้ไฟที่คุณชายของเธอเตรียมไว้นี้มีความวิเศษวิโสยังไงเหรอ บอกกันหน่อยสิ” ลู่ชิงหยาอดไม่ได้ที่จะถามฉือชิงออกมา โดยตอนนี้ทั้งฉือชิง ลู่ชิงหยา หยางเว่ย จูเจียนฮัว และเป็งหมิง ได้นั่งรวมกลุ่มกันอยู่แถวหน้าของสเตเดี้ยมเรียบร้อยแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ” ฉือชิงส่ายหัวออกมาพลางยิ้มตอบ
“ทำไมมันแลดูเหมือนมีดอกไม้ไฟน้อยจัง คงไม่ใช่ว่าจุดไปได้ปังสองปังก็หมดแล้วนะ” หยางเว่ยค่อนแคะออกมา
“ฉันก็ว่างั้นนะ” จูเจียนฮัวเองก็คิดเหมือนกันว่ามันดูธรรมดาเกินไป
ต่อให้เป็นคนทั่วไปก็สามารถจัดการแสดงดอกไม้ไฟได้ เพียงต้องจัดเตรียมดอกไม้ไฟให้ครบ และจุดให้ได้ตามลำดับด้วยเวลาที่เหมาะสม ดอกไม้ไฟที่จุดออกมาก็จะมีความสวยงาม
และยิ่งดอกไม้ไฟที่จัดแสดงนั้น ยิ่งลูกใหญ่เท่าไหร่ก็จะยิ่งดูสวยงามและอลังการมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้มีการจุดแบบผสมผสานมากมายขนาดไหนก็ยากที่จะตกใจได้
“อืมมม ฉันว่าพวกมันรูปร่างแปลกๆนะ” เป็งหมิงพูดออกมา
“ดูแล้วสงสัยว่าจะเป็นดอกไม้ไฟยิงปิ้วๆธรรมดานะ ถึงฉันบริจาคเงินไปกว่าล้านหยวนแล้วแต่ฉันยังมีเงินเหลือพอที่จะซื้อดอกไม้ไฟช่วยนายได้อยู่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจียเจิ้งหนิงได้หัวเราะออกมาอย่างดัง
“ดอกไม้ไฟชุดเล็กนั้นมันไม่ค่อยจะดีนะฉันว่า เพราะวงมันแคบมาก ฉันว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้นะ” หยางตงและหลิวหยงพูดออกมาพลางหัวเราะตาม
“ในขณะเดียวกันคนที่กำลังทำการสตรีมอยู่ใจตอนนี้ก็ยังคงติดตามสตรีมซูจิ้งต่อไป และก็ได้มีคนติดตามดูการสตรีมนี้อยู่ในอินเตอร์เน็ตอย่างล้นหลามเช่นเดียวกัน
ในสำนักงานแห่งหนึ่ง เผิงเหวินซู่ได้เดินเข้ามาในห้องและเปิดจอคอมเพื่อรอดูฉากเด็ดๆที่เขาเฝ้ารอคอยและหวังอย่างมากที่จะได้เห็น”
“หัวหน้าคิดว่าดอกไม้ไฟที่ไอ้บ้านี่เอามาจัดแสดงคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่มีทางเทียบกับดอกไม้ไฟของเราที่เตรียมเอาไว้ใช้สำหรับงานเลี้ยงหรอกน่า” หญิงสาวอีกคนหนึ่งได้พูดสำทับออกมา
“ฮ่าฮ่า คนทั่วไปนั้นไม่มีทางเข้าใจความยากในการจัดแสดงดอกไม้ไฟอยู่แล้ว เรามารอดูกันดีกว่า” เผิงเหวินซู่พูดออกมาอย่างสบายอารมณ์ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ฉันกลัวแต่ว่าต่อให้ดอกไม้ไฟที่เขาเตรียมมาสวยขนาดไหนก็ตาม แต่ดอกไม้ไฟของเขาดูเล็กจริงๆ ฉันว่าดอกไม้ไฟที่ออกมาน่าจะเล็กแน่ๆเลย” หญิงวัยกลางคนที่ไว้ผมสั้นได้พูดออกมา
“พูดมามันก็จริงนะ ดอกไม้ไฟเล็กๆแบบนั้นจะไปทำอะไรได้ มันต้องเป็นดอกไม้ไฟรูปดาวตกที่เผยแพร่ว่อนอินเตอร์เน็ตเมื่อหลายวันก่อนสิ
นั่นแหล่ะคือสุดยอดดอกไม้ไฟที่ทุกคนต่างต้องการเห็น” ชายวัยกลางคนได้หัวเราะออกมาอย่างดัง นี่ทำให้คนที่อยู่รอบๆเขาต่างก็หัวเราะตามกันไปหมด
พวกเขาเองก็ได้เห็นภาพวีดิโอดอกไม้ไฟอันแสนวิจิตรที่ถูกถ่ายไว้ด้วยมือถือและถูกเผยแพร่อยู่บนอินเตอร์เน็ตก่อนหน้านี้มาแล้ว และพวกเขาตีค่ามันว่าเป็ฯของปลอม
โดยเผิงเหวินซู่นั้นได้จัดทำไมโครบลอคเพื่อวิเคราะห์วีดิโออันนั้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจนทำให้ไม่ว่าใครต่างกันเชื่อว่ามันคือของปลอมที่ใช้เทคนิคพิเศษทำขึ้นมา
ในขณะเดียวกันเหล่าบริษัทดอกไม้ไฟที่เคยติดต่อขอแสดงดอกไม้ไฟผ่านเว่ยเสี่ยวหยวนก่อนหน้านี้แต่ถูกปฏิเสธไปต่างก็รอได้ว่าซูจิ้งจะขายหน้าจากงานแสดงดอกไม้ไฟของเขามากน้อยขนาดไหน ทุกบริษัทต่างก็ดูแคลนและเชื่อว่าการแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้งไม่มีทางประสบความสำเร็จลงได้ และต่างก็คิดว่าซูจิ้งนั้นสมควรจ้างพวกเขาดีกว่าทำเองแบบนี้
ณ กลางสนามบอลในตอนนี้ที่ลานแสดง ซูจิ้งได้พูดด้วยเสียงอันก้องกังวานและทรงพลัง เสียงของเขาไม่ได้ดังมากแต่เสียงกลับส่งผ่านไปยังทุกคนที่อยู่บนสเตเดี้ยมโดยรอบได้อย่างน่าสงสัย
“ผมเชื่อว่าคืนนี้ผมจะทำให้ทุกคนได้จดจำเอาไว้ได้นานแสนนาน ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปี ผมก็ยังเชื่อได้ว่าทุกคนจะจำภาพที่สวยงามในยามค่ำคืนนี้ได้อย่างชัดเจน
ผมนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคน จะจดจำชื่อของดอกไม้ไฟเหล่านี้ไว้ ว่าสามารถสร้างภาพจำฝังใจให้ทุกคนตลาดชีวิต ดอกไม้ไฟพวกนี้ผมตั้งชื่อพวกมันเอาไว้ว่าดอกไม้ไฟวิเศษ หากอยากรู้ว่าทำไมผมถึงได้ตั้งชื่อพวกมันอย่างนั้นล่ะก็ เมื่อทุกคนได้เห็น ก็จะเข้าใจเอง”
หลังจากซูจิ้งพูดจบ เขา ได้ทำการจุดชนวนที่ได้เชื่อมไปยังสายที่ระโยงระยางและต่อเข้าไปยังดอกไม้ไฟรูปร่างประหลาดขนาดยักษ์
GGS:บทที่ 859 ดอกไม้ไฟสุดแสนจะน่าตกตะลึง (2)
“ปัง”
ดอกไม้ไฟโดยรอบซูจิ้งดังขึ้นมาแทบจะพร้อมกันไป หลังจากนั้นอยู่ๆก็ได้มีประกายแสงอยู่รอบๆตัวซูจิ้ง ประกายแสงนั้นมีอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน
และพวกมันค่อยๆขยายใหญ่จนสามารถมองให้เห็นได้ว่าพวกมันมีรูปร่างเป็นผีเสื้อ
ผีเสื้อจำนวนนับไม่ถ้วนได้บินร่องรอยสะเปะสะปะไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่านักเรียน ศิษย์เก่า และคณาจารย์โดยรอบ
ในตอนนี้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยแสงสว่างจากดอกไม้ไฟผีเสื้ออันสวยงาม ที่บินไปมาเริงร่าราวกับมีชีวิตอยู่จริง ในตอนนี้ดินแดนแห่งเทพนิยายได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคนเรียบร้อยแล้ว
“ไม่จริงน่า”
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ไม่ว่าจะเป็นจากต่อหน้า หรือผ่านการสตรีมอยู่ก็ตาม ทุกคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“พระเจ้า ฉันต้องฝันอยู่แน่ๆ”
“ช่างสวยงามจริงๆ งามจนทำให้ตาของฉันลายไปหมดแล้ว”
ใครกันที่เป็นคนเริ่มแนวคิดที่ว่าดอกไม้ไฟที่ใหญ่สะดุดตาถึงจะดึงดูดใจคนกัน แม้แต่ดอกไม้ไฟขนาดเล็กเองก็สามารถดึงดูดใจคนได้ไม่แพ้ดอกไม้ไฟชุดใหญ่เช่นเดียวกัน ตราบใดที่เข้าใจถึงแก่นแท้แห่งดอกไม้ไฟจริงๆ
ฉือชิง ลู่ชิงหยา ซูเซิ่นเชวี่ย เย่ฉิง ครูหลิว เจียเจิ้งหนิง หยางตง หลิวหยง และทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ทั้งในสตรีมและเห็นตาหน้าต่างก็ทำหน้าโง่งมกันไปหมด
ซูหยาและถังเสี่ยวหยูนั้นค่อนข้างที่จะจ้องมองด้วยความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่กับคนอื่นแล้ว ดอกไม้ไฟที่กลายร่างเป็นผีเสื้อแบบนี้พวกเขาไม่เคยเห็นที่ที่ไหนมาก่อน
ตอนนั้นทั้งสองได้เห็นในตอนช่วงโพล้เพล้ทำให้ไม่ได้เห็นผีเสื้อนั้นชัดสักเท่าไหร่แถมยังมีตัวเดียวอีก แต่คราวนี้ไม่เหมือนในวันนั้นที่นอกจากเป็นเวลากลางคืนแล้ว ผีเสื้อยังมีมากมายหลายตัวจนแทบไม่หวาดไม่ไหวแบบนี้
ตอนแรกที่ทั้งคู่เห็นผีเสื้อเหล่านี้โผล่ออกมาต่างก็กอดกันแล้วกระโดดดีใจก่อนใครเพื่อน นี่แค่ทั้งสองเห็นเพียงผีเสื้อเท่านั้น ไม่รู้ว่าเมื่อเห็นดอกไม้ไฟรูปแบบอื่นของซูจิ้งแล้วจะแสดงท่าทางออกมาเป็นยังไงบ้าง
“เป็นไปได้ยังไงกัน” เผิงเหวินซู่ที่กำลังดูการสตรีมอยู่ในตอนนี้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบที่จะต่อยเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์ด้วยความตกใจตั้งแต่แวบแรกที่เห็นดอกไม้ไฟผีเสื้อลอยออกมา
“พระเจ้า เกิดขึ้นได้ยังไงกันน่ะ” เหล่าคนที่อยู่รอบๆเผิงเหวินซู่เองก็จ้องมองจนตาแทบจะไม่กระพริบ
ด้วยการที่ทุกคนในที่นี้เป็นคนที่อยู่ในวงการดอกไม้ไฟหมดทุกคน ทำให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นน่าตกตะลึงมากกว่าคนทั่วไปจนออกไปในเชิงตกใจเสียมากกว่า
ถึงแม้จะรู้ดีว่านี่เป็นการสตรีมสดแต่พวกเขาก็ยากที่จะเชื่อได้ ในใจของทุกคนในตอนนี้พยายามหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาบอกว่าฉากที่เห็นอยู่นี่คือของปลอมแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา หรือหาเหตุผลมาอธิบายได้
เพราะทุกคนต่างก็เห็นกันอยู่ว่าเหล่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบจะๆกับตาก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน
ก่อนที่จะมีใครรู้สึกตัวว่ากำลังลืมหายใจและได้มีโอกาสสูดหายใจเข้าไปฟอดใหญ่นั้น ซูจิ้งได้หยิบดอกไม้ไฟรูปปราสาทออกมาอันหนึ่งและทำการจุดชนวนดอกไม้ไฟก่อนที่จะวางไว้ที่พื้น เมื่อชนวนได้ไล่ไปถึงที่ฐานของปราสาทและได้ปรากฎตัวเลขบางอย่างออกมาที่ฐานของปราสาท
หลังจากนั้นปราสาทได้ลอยขึ้นไปและบินอยู่นิ่งๆอยู่บนท้องฟ้า แทบจะเรียกได้ว่าสูงกว่าดอกไม้ไฟทั่วไปก็ว่าได้
เมื่อมันขึ้นไปถึงสุดฟ้ามันก็ได้ระเบิดจนเกิดประกายแสงไปทั่วท้องฟ้าโดยพุ่งออกไปเป็นวงกลมสมบูรณ์และค่อยร่วงลงมาเป็นสายพร้อมกันๆราวกับน้ำตกก็ว่าได้
และเมื่อต้นแสงล่วงลงมียังพื้น มันก็ได้เด้งขึ้นและกระดอนออกไปราวกับเป็นร่มขนาดใหญ่คลุมอยู่บนพื้น
ทุกคนที่เห็นในตอนนี้ได้แต่มองอยู่นิ่งๆเพราะกลัวเสียบรรยากาศ
“โอ้ พระ คุณ เจ้า….”
“ช่างสวยงามเหลือเกิน ราวกับดาวตกแน่ะ”
“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเทคโนโลยีการทำดอกไม้ไฟจะมาถึงขั้นนี้แล้ว”
“ดอกไม้ไฟที่ฉันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ถือได้ว่าไม่ได้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อยจริง ของพวกนั้นก็แค่พุ่งขึ้นไปแล้วก็ระเบิดจนเป็นประกายแสงเท่านั้นเอง”
“ฉันผิดเองที่ไปบอกก่อนหน้านี้ว่าก็อีแค่งานแสดงดอกไม้ไฟจะไปทำให้ใครสนใจได้ ฉันรู้แล้วล่ะว่าต้องเป็นงานดอกไม้ไฟนี่เท่านั้นถึงจะสะกดใจผู้คนได้”
“คุณพระคุณเจ้า นี่คือดอกไม้ไฟจริงๆอย่างนั้นหรอ เดี๋ยวนะ งั้นวีดิโอวันนั้นก็ของจริงน่ะสิ” เผิงเหวินซู่ในตอนนี้ตกใจจนเกือบตกเก้าอีกไปแล้ว
วีดิโอดอกไม้ไฟที่ถูกปล่อยมาในอินเตอร์เน็ตเมื่อไม่กี่วันก่อนเองก็มีลักษณะแบบนี้ เขานั้นได้ยืนยันนั่งยันนอนยันกับทุกคนแบบจริงจังไปแล้วว่ามันคือของปลอม แต่วันนี้เขากลับเห็นมันด้วยตาตัวเองนี่ช่าง…
ทุกๆคนที่อยู่โดยรอบเผิงเหวินซู่ในตอนนี้ต่างก็รำพึงรำพันออกมาว่าเป็นไปไม่ได้ราวกับพวกเขานั้นได้เตรียมตัวก่อนจะตกลงสู่ขุมนรกก็ไม่ปาน
“ดึ่ง ดึ่ง ดึ่งดึ้ง ดึ่ง ดึ่ง ดึ้งดึ่ง…” ในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งย่านชานเมือง โทรศัพท์ของชายหนุ่มคนหนึ่งได้มีเสียงดังขึ้น เมื่อเขาได้เห็นว่าใครโทรศัพท์มาหาเขาก็ได้รับสาย มีเสียงที่เขาคุ้นเคยได้พูดออกมาจากอีกฝั่งว่า “เปิดQQดูซะ ฉันส่งลิ้งวีดิโอไปให้นาย”
“วีดิโออะไรล่ะ” ชายหนุ่มคนนั้นถามออกมาแต่สายตาก็เปล่งประกายด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ฉันหาข้อพิสูจน์ให้นายได้แล้วว่านายพูดจริง มันเป็นวีดิโอดอกไม้ไฟ”
เมื่อชายหนุ่มได้เห็นดังนั้นเขาจึงได้เข้าQQดู เมื่อเขากดเข้าไปดูลิ้งวีดิโอดังกล่าว เขาได้จ้องมองไปสักพักก่อนที่จะได้ถามกลับไปในQQว่า “ไปได้วีดิโอนี้มาจากไหน เท่าที่ดูแล้วนี่ไม่ใช่วีดิโอที่ฉันถ่ายไว้ มันชัดกว่าเยอะโคตรๆราวกับเห็นตรงหน้าเลย”
“มันเป็นวีดิโอส่วนหนึ่งในการแสดงสุดยอดงานแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้ง เขานั้นได้จุดดอกไม้ไฟพวกนี้ที่โรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งของเมืองจงหยุน ตอนนี้ยังถ่ายทอดสดอยู่แลย”
“แหม่เอ๊ย เห็นไหมล่ะบอกแล้วว่าฉันนั้นไม่ได้ตาฝาดหรือฟันกลางวันทั้งนั้นแหล่ะ ฉันก็แค่ถ่ายวีดิโอไปก็เท่านั้น แถมยังใช้เทคนิคพิเศษไม่เป็นอีก
ที่นี้เชื่อกันรึยัง ไอ้คนที่โง่เรื่องเทคโนโลยีอย่างฉันแค่ใช้โทรศัพท์สมัยนี้เป็นก็บุญหัวแล้ว ไอ้เวรตะไลนั่นนอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังมากล่าวหาฉันเสียอีก ว่าแต่ช่วยส่งลิ้งสตรีมให้ฉันหน่อยสิ”
ชายคนนี้ได้ส่งลิ้งวีดิโอที่ซูจิ้งกำลังจัดการแสดงดอกไม้ไฟอยู่นี้ไปยังไมโครบลอกของเผิงเหวินซู่พร้อมพิมเอาไว้ว่า
“เฮ้พี่ชาย ตอนนี้พวกแกก็สมควรจะเชื่อฉันได้แล้วนะว่าวีดิโอของฉันเป็นของจริง หากพวกแกยังไม่เชื่อก็จงไปดูสตรีมของซูจิ้งที่กำลังทำการเปิดการแสดงดอกไม้ไฟอยู่ในตอนนี้ซะ
ฉันเองก็ได้เห็นแล้วว่าช่วงสองสามวันมานี้แถวบริเวณโรงงานดอกไม้ไฟที่ปิดไปแล้วมีความเคลื่อนไหวอยู่ ฉันขอเดาว่าวันนั้นซูจิ้งน่าจะกำลังทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ และเป็นฉันเองที่โชคดีได้เห็น”
คนอื่นๆเองที่เห็นข้อความนี้ก็ได้คลิ๊กเข้าไปดูลิ้งดังกล่าว และได้แห่กันไปถล่มไมโครบลอคของเผิงเหวินซู่ให้ออกมาพูดอะไรบ้าง
ตอนนี้ไมโครบลอคของเผิงเหวินซู่ดูดีมีชีวิตชีวาแบบสุดๆ
“ผู้เชี่ยวชาญห่….าอะไรวะ ดอกไม้ไฟนี่เป็นของจริงโว้ย”
“มันเป็นของที่พวกแกไม่มีปัญญาผลิตออกมาได้เลยบอกว่าของคนอื่นเป็นของปลอมสินะ”
“ไม่ใช่ของจริงหรอกน่า นี่ทุกคนเชื่อกันไปได้ยังไงเนี่ย”
“เฮ้เฮ้ โปรดเบิกตาอันมีดบอดของนายให้กว้างๆดูว่าข้างบนมีลิ้งที่กำลังแสดงการสตรีมการจุดดอกไม้ไฟแบบในวีดิโอนี้อยู่ เข้าไปดูก่อนแล้วค่อยมาพูดก็ไม่สายนะ”
“จริงๆนะ แถมยังเป็นดอกไม้ไฟสุดอลังการแบบเดียวกันอีก ที่สำคัญที่สุดการแสดงยังไม่จบด้วย เข้าไปดูกัน”
“ฉันโง่เอง นั่นมันของจริงนี่หว่า”
“เลิกคุยได้แล้ว ไปดูการสตรีมดีกว่า เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยไปถล่มเผิงเหวินซู่”
เมื่อเห็นข้อความนี้แล้ว เหล่าชาวเน็ตที่ติดตามเรื่องนี้ก็เข้าไปดูการสตรีมของซูจิ้งที่อยู่ห่างๆในทันที บรรยากาศในการแสดงดอกไม้ไฟตอนนี้ยังคงดำเนินต่อไป
ในช่วงเวลาถัดมาซูจิ้งได้ทำการจุดดอกไม้ไฟชุดที่สาม คราวนี้ดอกไม้ไฟนี้มีเพียงอันเดียว
ลักษณะของดอกไม้ไฟก่อนจุดนี้ลักษณะภายนอกของมันขนาดใหญ่มาก ใหญ่จนขนาดพอๆกับไหล่ของซูจิ้งได้ ความกว้างก็พอๆกับขนาดลำตัว และทั่วทั้งอันมีสีแดง
ที่สองข้างของมันมีบางอย่างยื่นออกมาราวกับเป็นปีก และดูเหมือนจะมีหัวรูปทรงมังกรอยู่ ใช่แล้ว มันคือรูปร่างของมังกรตามความเชื่อฝั่งตะวันตก และเห็นได้ทั่วไปในรูปแบบของเล่นต่างๆ
หลังจากได้จุดไฟไปแล้ว มังกรตัวนี้ได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โบยบินขึ้นไปสูงกว่ายี่สิบเมตรหรือมากกว่านั้น และทันใดนั้นมะก็ได้ระเบิดออก
ไม่เหมือนกับดอกไม้ไฟทั่วไป ประกายแสงที่ออกมานั้นกลับกลายเป็นมังกรไฟสีแดงฉานและกางปีกออกมา
ด้วยขนาดปีกที่กว้างกว่า 4-5 เมตร มันดูราวกับมังกรไฟที่มีชีวิตอยู่จริง
หลังจากมันสยายปีกออกมากลางอากาศแล้ว มันได้บินวนไปรอบๆ ก่อนที่จะกดหัวของตัวเองและทำให้ระดับความสูงของมันลดระดับลงมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันเพิ่งจะเห็นทุกคนและพยายามโฉบลงมาหมายจะงับหัวเล่น
ฉากนี้ทุกคนต่างก็ก้มหลบ บางคนก็ร้องกรี๊ดกร๊าด หลายๆคนถึงกับพยายามวิ่งหนีออกไปข้างนอกสนาม แต่มังกรตัวนี้ก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไรแก่ผู้ชมโดยรอบ
มันได้โผตัวกลับขึ้นไปอยู่ที่ระดับความสูง 20-30.เมตรก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะค่อยจางหายไป และทันทีที่มันหายไปก็ปรากฏประกายไฟกระจายไปทั่ว เปลี่ยนเป็นฝนดาวตกกำลังร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า
คราวนี้เหล่าคนดูไม่เพียงรู้สึกสับสน สงสัย ตกใจ และตื่นตะลึง ราวกับเพิ่งออกมาจากห้วงฝัน ทุกคนในตอนนี้ต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ดอกไม้ไฟแบบนี้จะไปมีอยู่บนโลกนี้ได้ยังไงกันล่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น