Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1116-1117
GGS:บทที่ 1116 คอนเสริต
“อาจิ้งจะจัดคอนเสริตวันเสาร์นี้ มีใครสนใจจะเข้าร่วมบ้างรึเปล่า” ณ บริษัทหยุนหยินการบันเทิง ในห้องประชุม หวังซือหยาได้จัดงานประชุมกับดาราในสังกัดของเธอ
“คุณซูจะจัดคอนเสริตเหรอ” หยินหนิงหนิง โจวเสวี่ย หลูจิงยี่ และคนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็มองหวังซือหยาอย่างนิ่งกริบในทีนทีที่ได้ยิน
นั่นก็เพราะซูจิ้งในตอนนี้มีสถานะที่สูงมากๆในทุกๆด้านจนทำให้ทุกคนนึกสงสัยว่าเขาจะมานั่งจัดคอนเสริตแบบนี้อีกทำไม เรื่องนี้ทำให้ทุกคนสงสัยจนตอบสนองไม่ถูก
“ฉันขอเข้าร่วมค่ะ” หยินหนิงหนิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที การที่เธอมีวันนี้ได้นั้นก็เป็นเพราะซูจิ้งที่ทำให้เธอเฉิดฉายในวงการได้ขนาดนี้ และด้วยฝีมือในการร้องเพลงของเธอในตอนนี้นั้นคาดได้ว่าอีกไม่ถึงปีก็จะกลายเป็นราชินีเพลงคนใหม่แล้ว นี่ทำให้เธอมั่นใจได้ว่าสามารถช่วยซูจิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“เยี่ยม ต้องรบกวนเธอแล้วนะ” หวังซือหยาพยักหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผม ผม ผมก็ต้องการช่วยด้วยครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรได้มากแค่ไหน” หลูจิงยี่พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มอายๆ เขานั้นเป็นนักแสดงไม่ใช่นักร้อง แถมฝีมือการร้องเพลงก็ธรรมดามากๆ ถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ว่าทำอะไรในครั้งนี้ได้บ้างแต่ก็อยากจะเข้าร่วมเหมือนกัน
ถึงแม้นี่จะฟังดูตลกไปสักหน่อย แต่ว่าเหล่านักร้องทั้งหลายในที่นี้รู้สึกหวั่นไหวที่ได้ยินว่าซูจิ้งจะจัดคอนเสริตและหยินหนิงหนิงจะเข้าร่วม
เหล่านักร้องต่างก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก เพียงแค่ได้มีโอกาสร่วมงานนี้แน่นอนว่าชื่อเสียงของพวกเขานั้นต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็รู้ดีถึงฝีมือการเล่นกู่จิ้งของซูจิ้งที่สูงล้ำ ตลอดจนฝีมือการร้องเพลงของหยินหนิงหนิงเองที่สูงกว่าใครในที่นี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นไม่อยากจะเข้าร่วมแต่ด้วยฝีมือนั้นกลัวแต่จะไปดึงทั้งสองไว้มากกว่า
“ทุกคนต้องไปร้องเพลงด้วยนะบอกไว้ก่อน” หวังซือหยาพูดออกมาพร้อมทั้งมองทุกคนในห้องทำให้ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าที่เปี่ยมสุขออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าหวังซือหยานั้นห่วงใยความรู้สึกของทุกคนจริงๆ
“แต่ว่า….ขอบอกไว้ก่อนนะว่านอกจากหนิงหนิงแล้ว คนอื่นๆจะไม่ได้ขึ้นคอนเสริตจริงๆหรอกนะ เห็นเขาบอกว่าแค่จะให้ขึ้นคอนเสริตแค่ในนามเท่านั้น” หวังซือหยาบอกออกมา
“ไม่ได้ขึ้นคอนเสริตจริงๆแต่ขึ้นคอนเสริตแค่ในนามเหรอ…..แล้วจะให้พวกเราไปในนามใครอะไรยังไงกันล่ะ” โจวเสวี่ย หยินหนิงหนิง หลูจิงยี่ และคนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็อึ้งๆและงงๆไปตามๆกัน
“เรื่องนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน น่าจะต้องรอซูจิ้งส่งคนมาบอกอีกทีหนึ่ง แต่ที่แน่ๆคือฉันมั่นใจได้ว่าคอนเสริตของซูจิ้งในครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอเองก็รู้เพียงว่าคอนเสริตในครั้งนี้ต้องสร้างความตะลึงพรึงเพลิดแค่เท่านั้นเอง
นั่นก็เพราะในตอนนี้ ซูจิ้งไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งแล้ว เขานั้นยังมีเบื้องหลังที่ทรงพลังอย่างมาก ต่อให้ดาราอันดับหนึ่งของวงการก็ยังต้องนอบน้อมต่อเขา
อีกอย่างตัวซูจิ้งเองนั้นได้ทำเรื่องเหลือเชื่อเอาไว้มากมายไม่ว่าจะ หมอเทวดาทั้งด้านการแพทย์และการเสริมความงาม
แถมยังช่วยเธอในการผลิตผงเสริมความงาม ผงกระชับทรวงอก ผงลดน้ำหนัก ชุดชั้นในกระชับสัดส่วน ผงลบเลือนรอยแผลเป็น และการศัลยกรรมแบบพิเศษ เธอเองก็ใช้สิ่งเหล่านี้ในการช่วยเหลือดาราที่มีปัญหาร้ายแรงจากสภาพร่างกายจนทำให้เธอได้รับเพื่อนกลับมามากมายด้วยเช่นกัน
หากมองจากมุมนี้แบบได้เลยว่าความสำเร็จของเธอนั้นมีซูจิ้งอยู่เบื้องหลังในทุกๆอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือ ซูจิ้งไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเธอเลย
การจัดคอนเสริตในครั้งนี้เธอจึงอยากจะช่วยทำให้มันดีที่สุด ต่อให้เขานั้นเป็นพ่องานจริงๆแต่ยังไงซะเมื่อถึงเวลาเปิดคอนเสริต เขายังไงซะก็ต้องออกไปหน้าเวทีไม่มีเวลามาจัดการเรื่องราวต่างๆอยู่แล้ว
ในบ้านพักหลังหนึ่ง มู่หรงเซียนเอ๋ออยู่ในชุดอยู่บ้านกำลังนั่งซ้อมเล่นกู่จิ้งอยู่ เธอกำลังเล่นเพลงฟีนิกซ์คู่รักที่ซูจิ้งได้บรรเลงเอาไว้
ตอนนั้นเองตัวแทนของเธอก็ได้เปิดเข้ามาและรอจนกว่ามู่หรงเซียนเอ๋อจะบรรเลงจบก่อนที่จะพูดออกมมาว่า “เซียนเอ๋อ ซูจิ้งจะจัดคอนเสริตน่ะ เธอสนใจจะเข้าร่วมรึเปล่า”
“ในเมื่อเขาคิดจะจัดแน่นอนว่าฉันต้องไปสิ ว่าแต่เขานึกยังไงถึงได้จัดคอนเสริตกันนะ” มู่หรงเซียนเอ๋อตาเป็นประกายในทันทีที่ได้ยิน
นับตั้งแต่ที่เธอได้พบกับซูจิ้งวิทยาลัยการดนตรีไฮ่หลัน เธอประทับใจซูจิ้งเมื่อได้ฟังเพลงฟินิกส์คู่รักในครั้งนั้นอย่างฝังใจ แถมเพลงบรรเลงกู่จิ้งแต่ละเพียงของเขานั้นสำหรับเธอแล้วเรียกได้ว่าน่าประทับใจไม่รู้ลืมเลยสักเพลง
ถ้าจะบอกให้ชัดๆเธอเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันแต่พอเธอรู้ตัว เวลาซูจิ้งเป็นข่าวที่ไรเธอเองก็อดที่จะสนใจอย่างตามติดไม่ได้สักที
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอโดนข่าวป้ายสี ซูจิ้งยังออกโรงมาเองเพราะเชื่อมั่นในตัวเธอและช่วยเธอให้ได้รับความยุติธรรมจากเรื่องป้ายสีเหล่านั้น ยิ่งทำให้เธอประทับใจและสนใจในเรื่องราวของซูจิ้งเข้าไปอีก
เรียกได้ว่าต่อให้ไม่มีวาสนาต่อกัน แต่ขอแค่เธอได้ชื่นชอบในความสามารถในความมหัศจรรย์พันลึกและความอัศจรรย์ของชายคนนี้ก็เพียงพอต่อเธอแล้ว
เธอรู้ดีว่าซูจิ้งเองนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่ว่าการที่สามารถได้เล่นเวทีกับซูจิ้งได้นี่ทำให้เธอเองอดที่จะใจเต้นแรงและยิ้มออกมาอย่างร่าเริงจนหน้าหมั่นไส้ไม่ได้เลยจริงๆ
“เซียนเอ๋อเอ้ย จะรีบดีใจไปทำไมเนี่ย ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงไปเลยนะ” เมื่อเห็นหน้าตาของมู่หรงเซียนเอ๋อในตอนนี้ ผู้จัดการของเธอก็อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ นั่นก็เพราะตอนนี้น่าตาของมู่หรงเซียนเอ๋อนั้นแดงเป็นลูกมะเขือเทศพร้อมใช้ฝ่ามือของเธอปิดหน้าปิดตาราวกับคิดอะไรไปไกลแล้ว
“ช่วงนั้นเองดูเหมือนจะไม่มีงานอะไรใช่รึเปล่า แถมการที่เจ้มาถามแบบนี้แสดงว่าต้องดูกำหนดการต่างๆมาแล้วด้วย ช่วงนั้นไม่ได้มีอะไรจริงๆใช่ไหม”
“ช่วงนั้นก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆนั่นแหล่ะ เห็นว่าคอนเสริตของซูจิ้งนั้นจะจัดในช่วงวันเสาร์หน้า และวันนั้นเธอยังไม่มีอะไรนะ” ตัวแทนสาวของเธอพยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วเธอนั้นรู้ดีว่าต่อให้มู่หรงเซียนเอ๋อรับงานไว้เธอก็จะยกเลิกงานเหล่านั้นอยู่ดี เธอจึงจัดการเคลียตารางให้ว่างไว้แล้วตั้งแต่เธอได้ยินเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้บอกมู่หรงเซียนเอ๋อออกไป
“ว่าแต่เจ้ยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมซูจิ้งถึงได้จัดคอนเสริตได้กัน” มู่หลงเซียนเอ๋อถามออกมา
“เห็นเขาบอกว่าอยากจะตอบแทนบรรดาแฟนคลับน่ะ แต่ฉันว่าเขาไม่มีทางทำเพียงแค่นั้นอย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่าเขานั้นน่าจะใช้คอนเสริตนี้เพื่อประชาสัมพันธ์อะไรบางอย่างนะ ก็ตอนตัวแทนของเขาโทรมานั้นเห็นบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาที่คอนเสริตก็ได้ ขอแค่มีเวลาเข้าร่วมในนามของตัวเองก็พอ” ตัวแทนของมู่หรงเซียนเอ๋อพูดออกมา
“ห้ะ แล้วนี่เขาจะให้ฉันร้องเพลงโดยไม่ต้องไปที่นั่นอ่ะนะ” มู่หรงเซียนเอ๋อมีท่าทีสงสัยในทันที
“อันนี้ฉันไม่รู้จริงๆ เห็นตัวแทนบอกว่าจะมาอธิบายให้ฟังทีหลัง” ตัวแทนของมู่หลงเซียนเอ๋อพูดออกมา
“ไม่เอาอ่ะ ยังไงฉันก็จะไปเข้าร่วม” มู่หรงเซียนเอ๋อตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม นี่เองเมื่อตัวแทนของเธอที่เห็นท่าทางของมู่หรงเซียนเอ๋อก็อดที่จะสายหน้าออกมาด้วยความเอ็นดู
นั่นก็เพราะเธอเองเห็นท่าทีที่มู่หรงเซียนเอ๋อมีต่อเรื่องของซูจิ้งในทุกๆครั้งแล้วทำให้เธอรู้สึกจะอดเอ็นดูสาวน้อยน่ารักคนนี้ไม่ได้จริงๆ นั่นก็เพราะทุกๆครั้งที่ได้อ่านข่าวซูจิ้ง เธอมักจะอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และหัวเราะชอบใจถึงขนาดเอารูปของเขาไปอวดน้องสาวของตัวเองบ่อยๆ
มู่หรงเซียนเอ๋อนั้นจะให้เรียกว่าเป็นพวกตาถึงตาสูงก็ว่าได้ โดยปกติแล้วเธอไม่ได้สนใจใครแบบนี้เลยสักนิด นี่ขนาดว่าซูจิ้งมีแฟนแล้วนะแต่เธอก็ยังเป็นได้ถึงขนาดนี้
หากซูจิ้งยังไม่มีแฟนล่ะก็ เธอนั้นคิดว่ามู่หรงเซียนเอ๋อกับซูจิ้งนั้นเป็นคู่ที่เหมาะสมกันแบบสุดๆไปเลย
พอคิดถึงว่าทั้งสองนั้นมีความสามารถในการเร่งกู่จิ้งในระดับที่สูงทั้งคู่ และสามารถเล่นกันได้อย่างเข้าขาขนาดนั้นแล้ว ทั้งคู่นั้นช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยกเลยจริงๆ หากว่าทั้งสองได้เป็นคู่รักกันจริงล่ะก็ต้องเป็นตำนานบทหนึ่งในวงการบันเทิงได้อย่างแน่นอน
“คอนเสริตของซูจิ้งงั้นเหรอ” นาหลันเฟยที่ได้ยินข่าวนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งไปพักใหญ่เลยทีเดียว
“ใช่ ถึงแม้ว่าวันเสาร์หน้าพวกเราจะติดที่ต้องไปถ่ายรายการทีวีก็จริง แต่ตัวแทนของเขาเองก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปถึงงานก็ได้ ขอแค่มีเวลาว่างสักพักหนึ่งก็พอ” ตัวแทนของนาหลันเฟยพูดออกมา
“ไม่ต้องไปถึงในงานเหรอ…อย่าบอกนะว่าเขาจะถ่ายทอดสดแทน” สิ่งที่แตกต่างระหว่างการดูคอนเสริตกับการถ่ายทอดสดนั้นมันช่างแตกต่างกันมากนัก ไม่อย่างนั้นผู้คนจะขวนขวายหาบัตรเข้าดูคอนเสริตไปทำไมกันล่ะ ต่อให้มันจะเป็นการถ่ายทอดสดหรือสตรีมก็ตามแต่ความรู้สึกนั้นมันก็ยังต่างกันอยู่ดี
ต่อให้เธอนั้นจะสามารถมีส่วนร่วมในการร้องเพลงผ่านการถ่ายทอดสดและสตรีมนั้นก็ตามแต่แน่นอนว่านั่นจะทำให้ผู้ชมรู้สึกแย่เสียมากกว่า
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ตัวแทนของเขาบอกเพียงว่าจะมาคุยรายละเอียดด้วยตัวเองทีหลัง” ตัวแทนของนาหลันเฟยพูดออกมา
“งั้นเอาเป็นตอบตกลงไปก่อนก็แล้วกัน ตอนที่ฉันเองเกือบจะโดนดีดออกจากวงการในตอนนั้นเองเขานั้นก็เป็นคนช่วยฉันเอาไว้ กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันก็ไม่ได้มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธอะไร แถมเป็นไปได้ว่าคราวนี้เขาอาจจะเล่นเพลงใหม่ด้วย” นาหลันเฟยส่งสายตาที่เป็นประกายออกมาในทันทีตอนที่เธอพูดเรื่องเพลงใหม่ของซูจิ้ง เพราะเธอนั้นรู้สึกได้ว่าในครั้งนี้เป็นไปได้มากเหมือนกันที่จะได้ฟังเพลงใหม่จากซูจิ้ง
เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเพลงบรรเลงกู่จิ้งของซูจิ้ง ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเคืองซูจิ้งตอนที่เขาเหน็บแนมสไปเดอร์แมนเอาไว้
แต่เธอก็ต้องเปลี่ยนมุมมองต่อซูจิ้งตอนที่เขานั้นเข้าไปช่วยผู้คนจากกองเพลิง ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะคิดว่าเขานั้นทำตัวถือดีอวดตัวเกินไปเพราะว่าเพิ่งจะได้รับฉายาว่าเป็นคุณชายสี่
แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้รับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำไปนั้นคือตัวตนของเขาจริงๆ แถมยังปฏิบัติตัวดีอีกด้วย นี่ทำให้เธออ่านซูจิ้งไม่ออกว่าซูจิ้งนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจเรื่องราวต่างๆของซูจิ้งยกเว้นเพียงเรื่องของกู่จิ้งเท่านั้น เพราะว่าสำหรับเธอแล้ว เรื่องดนตรี ถือว่าต้องมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด
ที่สำคัญที่สุดคือในด้านเพลงบรรเลงกู่จิ้งแล้ว ซูจิ้งถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเหนือผู้คนอย่างไม่มีใครทัดเทียม และนี่ได้ทำให้ใครก็ตามที่ได้เล่นคอนเสริตร่วมกับซูจิ้งถือได้ว่าเป็นเกียรติเลยทีเดียว
GGS:บทที่ 1117 ชิงตั๋ว
เหล่าผู้คนในวงการบันเทิงนั้นต่างก็ได้รับคำเชิญจากซูจิ้งมากมาย และส่วนใหญ่แล้วยอมไว้หน้าและเข้าร่วมคอนเสริตนี้
แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกันเพราะตัวแทนของซูจิ้งนั้นบอกว่าไม่จะเป็นต้องเข้าร่วมคอนเสริตจริงๆ แค่เข้าร่วมในนามก็พอ
นั่นก็เพราะถึงแม้ว่าสมัยนี้เทคโนลียีเกี่ยวกับการถ่ายทอดจะรุดหน้าขนาดไหนก็ตาม แต่หากไม่ได้สัมผัสบรรยากาศที่มีผู้คนรายล้อมแล้วมันจะไปได้อารมณ์ยังไง แล้วอย่างนี้คนดูจะยอมอย่างนั้นเหรอ
ด้วยการที่ซูจิ้งได้ไปเชิญชวนดาราตั้งมากมายทำให้ในตอนนี้ข่าวคราวเกี่ยวกับคอนเสริตของซูจิ้งแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้เองที่ซูจิ้งเริ่มโพสเรื่องคอนเสริตนี้ในไมโครบลอกของเขา
“โว้…พี่จิ้งจะจัดงานคอนเสริตจริงๆด้วย”
“ในที่สุดพี่จิ้งก็ยินยอมทำตามคำเรียกร้องได้สักที ไม่เพียงฉันจะดีใจเท่านั้นนะ ฉันยังอดทนรอคอนเสริตนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าฉันนึกว่าเขาจะไม่จัดคอนเสริตแล้วซะอีก เพราะเขาไม่ได้ต้องการเงินทองจากค่าบัตรหรือคิดจะหากินกับแฟนคลับแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ”
“แต่บางเรื่องฉันก็อยากให้เขาคิดจะหาประโยชน์จากเราบ้างจริงๆนะ ฉันคิดว่าแบบนั้นยังจะดีซะกว่าที่เขาขายตั๋วแบบถูกๆ”
“ห้ะ บรรทัดบนนี่พูดมาราวกับว่าไม่รู้จักพี่จิ้งอย่างนั้นแหล่ะ พี่จิ้งจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ฉันว่าคอนเสริตในครั้งนี้เขาน่าจะจัดเพื่อตอบแทนพวกเราที่คอยสนับสนุนเขามาตลอดนา ฉันมีความรู้สึกว่าอย่างนั้น”
“นั่นสิเพราะค่าตั๋วครั้งนี้ก็ค่าสิบหยวนเองนะ พวกเราสามารถซื้อได้เง่ายๆอยู่แล้ว”
“เอาจริงๆที่ฉันกังวลก็คือว่าฉันกลัวจะซื้อตั๋วไม่ทันซะมากกว่า ด้วยการที่พี่จิ้งนั้นโด่งดังขนาดนี้แน่นอนว่าทันทีที่ตัววางขายต้องหมดไป ต่อให้เขาขายเป็นร้อยเป็นพันฉันก็ไม่เสียดายหรอก
แต่ประเด็นคือไอ้พวกซื้อตั๋วไปกักตุนแล้วเอามาปล่อยเป็นตั๋วผีนี่แหล่ะ ฉันกลัวว่าไอ้พวกนั้นมันจะเหมาไปหมดแล้วมาขายแพงกว่าที่พี่จิ้งขายได้พันเท่าหมื่นเท่ามากกว่าถ้าหากว่าต้องเสียเงินแพงขนาดนั้นจริงๆล่ะก็ฉันยอมที่จะจ่ายแพงให้พี่จิ้งซะยังดีกว่า”
“คุณเศรษฐีบรรทัดข้างบนนั่นลองคิดถึงความรู้สึกของพวกเด็กนักเรียนบ้างก็ดีนะ พวกเราเหล่าเด็กนักเรียนนักศึกษาเข้าไม่ถึงกับราคานั้นจริงๆ พวกเราขอเสี่ยงที่จะได้ตั๋วมาด้วยโชคและความเร็วดีกว่า”
“ระบบขายตัวออนนไลน์เริ่มแล้วนะ เตรียมตัวแย่งกันได้”
“เฮ้ ก่อนหน้านี้มีใครสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่าทำไมพี่จิ้งถึงบอกให้ใส่ชื่อจริงเวลาซื้อตั๋วน่ะ ถึงแม้ว่าปกติระบบซื้อออนไลน์จะผูกไว้กับชื่อผู้ใช้ไว้ก็จริงแต่นั่นก็ยังแปลกอยู่ดี หรือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เหล่าแฟนคลับเข้าถึงตั๋วได้น่ะ”
“หืมมม ทำไมล่ะ ไม่ใช่ว่าไมโครบลอกมีระบบตรวจสอบชื่อจริงเอาไว้แล้วหรอกเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าพี่จิ้งจะให้โอกาสคนที่ใช้ชื่อตรงกับไมโครบลอกก่อนหรอกนะ”
“เมื่อกี่นี่พึ่งจะเห็นพี่จิ้งออกมาย้ำอีกครั้งว่าตอนซื้อตั๋วนั้นให้ใช้ชื่อจริงโดยไม่จeเป็นต้องตรงกับไมโครบลอกก็ได้”
ด้วยการที่แฟนคลับของซูจิ้งจะพลาดตั๋วคอนเสริตจึงได้กุลีกุจอเปลี่ยนชื่อตัวเองในรายละเอียดผู้ใช้ในไมโครบลอกเป็นการใหญ่ ก่อนที่จะทำการใช้ชื่อจริงนี้ในการซื้อตั๋วอีกครั้ง
แม้แต่ชาวเน็ตคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนคลับของซูจิ้งเองก็ได้ทำการเปลี่ยนรายละเอียดในประวัติเป็นชื่อจริงด้วยเช่นเดียวกัน
นั่นก็เพราะถึงแม้พวกเขานั้นจะไม่ได้สนับสนุนซูจิ้งอะไรมากนักแต่พอนึกถึงจะได้ฝังการบรรเลงกู่จิ้งแบบสดๆแล้วก็รู้สึกอดเสียไม่ได้ไปกันหมัด โดยเฉพาะค่าตั๋วชมคอนเสริตในครั้งนี้มีราคาแค่สิบหยวนเท่านั้น
“โอ้…พี่.จิ้งจะจัดคอนเสริตล่ะ” ในหาพักมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ เต็งมินถังได้ดีใจจนกระโดดโลดเต้นในทันที
“ซูจิ้งจะจัดคอนเสริตจริงๆเหรอ” เพื่อนร่วมหอของเต็งมินถังที่ได้ยินก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ในทันที นั่นก็เพราะเต็งมินถังนั้นที่ได้ว่าแฟนคลับอันดับหนึ่งของซูจิ้ง แถมซูจิ้งเองก็ยังตอบข้อความกับเขาอยู่บ่อยๆด้วย
ส่วนคนอื่นๆนั้นเพียงรับรู้แค่ว่าซูจิ้งนั้นดังมากและไม่ได้ตามติดชีวิตซูจิ้งแบบเต็งมินถังเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ทั้งสาม ล้วนแล้วแต่ชื่นชอบในผลงานในการบรรเลงกู่จิ้งของซูจิ้งเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าหากซูจิ้งจัดคอนเสริตขึ้นจริง พวกเขานั้นย่อมเข้าร่วมอย่างแน่นอน
“ระบบขายตั๋วออนไลน์จะเริ่มแล้วนะ”
“รีบๆเลย พวกเราช่วยกันซื้อจะได้มีโอกาสซื้อมากยิ่งขึ้น”
ทั้งสี่คนรีบทำการเข้าไปในเว็บที่ขายตั๋วของซูจิ้งในทันทีพร้อมใช้ชื่อจริงอย่างไม่คิดอะไรมาก พวกเขาพร้อมในการแย่งชิงครั้งนี้แล้ว
ตอนนั้นเอง เต็งหมินถังก็ได้โทรหาปันเสวี่ยด้วยเช่นกัน ปันเสวี่ยที่ได้ยินดังนั้นถึงกับโดดเรียนเพื่อที่จะเข้าร่วมในการแย่งชิงครั้งนี้เลยทีเดียว
ณ โรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุน ที่ห้องเรียนห้องหนึ่งของชั้นม.ต้นปีที่สาม ภายในชั้นนั้นนักเรียนต่างก็พากันแสดงความครึกครื้นวี๊ดว๊ายกระตู้วู้ในทันทีที่รู้ว่าซูจิ้งจะจัดคอนเสริต
“หยาน้อย เธอเองได้ตั๋วมาแล้วใช่รึเปล่า” นักเรียนจำนวนหนึ่งได้หันไปหาซือหยาในทันทีที่ตั้งสติกันได้
“ก็ได้มานิดหน่อยอ่ะ” ซูยาพยักหน้าพร้อมกับสบตาเหล่าเพื่อนๆทุกคนที่จ้องมองเธอมาราวกับเห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้าจนตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเหมือนกัน
เธอเองก็รู้ว่าเพื่อนของเธอนั้นต้องการอะไร แต่ต่อให้โทรโกหกว่าไม่มีหรือบอกความจริงไปว่าไม่ได้ขึ้นมา ก็ไม่มีใครเชื่อเธอหรอกว่าเธอนั้นจะไม่มีตั๋วในคอนเสริตครั้งนี้
“งั้นนับฉันไปด้วยสิ”
“ฉันด้วย”
จริงตามที่เธอคาด ทุกคนต่างก็ขอให้เธอพาพวกเขาไปด้วยอย่างไม่ต้องถามย้อน
“นี่พวกเธอคิดว่าตั๋วของพี่จิ้งเป็นกระดาษชำระรึไงเนี่ย นึกจะขอได้แบบนี้ไม่ดี้เลยนะ ฉันไม่ยอมให้พวกนายหรอก หากอยากได้ก็ไปแย่งซื้อออนไลน์นู่น” ถังเซี่ยวหยูพูดออกมา
“หยูน้อยยยใจร้ายอ่า….”
“หยูน้อยเธอไม่น่าจะกล้าพูดคำนี้ออกมานา ฉันว่าเธอเองก็ได้ตั๋วมาจากหยาน้อยแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะว่าหากเป็นเรื่องนี้เธอเองต้องถามหาตั๋วก่อนใครเพื่อนเลย”
“หี ป่าวย่ะ ฉันเองก็จะซื้อออนไลน์เหมือนกัน” ถังเสี่ยวหยูพูดออกมาลั่นห้องอย่างเสียงดังฟังชัดทันทีที่โดนย้อน นี่แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ
ซูหยาเองก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้เหมือนกัน เธอเองก็ได้ลองคุยกับพี่ชายของเธอแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเพื่อนเธอเองก็เป็นแฟนคลับตัวยง
อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งได้ให้ตั๋วเธอมาแล้วก็จริงแต่ให้มาเพียงแค่ไม่กี่ใบเท่านั้น พร้อมทั้งบอกกลับมาว่าให้แย่งกันซื้อแบบออนไลน์เอาถึงจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับที่แท้จริง
พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า หากทุกคนใช้ชื่อจริงล่ะก็ มีโอกาสที่ทุกคนจะได้ตั๋วนี้ด้วยมือตัวเอง หลังจากนั้นพี่ชายของเธอก็มอบตั๋วมาเพิ่มอีกไม่กี่ใบพร้อมกับบอกไว้ว่าคนไหนจองไม่ได้ค่อยให้ตั๋วพวกนี้ไปทีหลัง
เมื่อได้เห็นท่าทางของถังเสี่ยวหยูแล้วทุกคนจึงทำได้เพียงถอดใจและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาพร้อมทำการเข้าไปเตรียมตัวซื้อตั๋วของซูจิ้งโดยใช้ชื่อจริงของตัวเองในทันที พร้อมกับต้องท่าเตรียมพร้อมกดแย่งซื้อตั๋วในทันที่
ในตอนนี้ทั่วทั้งประเทศนั้นต่างก็เกิดปรากฎการณ์นั่งมองหน้าคอมพิวเตอร์หรือไม่ก็มือถือกันอย่างตาไม่กระพริบ แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นเตรียมพร้อมในการที่จะกดซื้อตั๋วงานคอนเสริตของซูจิ้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
เหตุการณ์สร้างปรากฏการณ์จนทำให้คนที่ไม่สนใจถึงกับต้องออกมาโพสต์ถามว่าก็อีกแค่ตั๋วคอนเสริตจะไปอะไรกันนักหนาเลยทีเดียว
ในความเป็นจริงนั้น ปรากฏการณ์นี้ก็ไม่ได้แปลกตาแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่ากับดาราบางคนแล้ว การที่จะมีการจัดแสดงอะไรแบบนี้
ตั๋วที่เข้าชมงานก็หมดลงเพียงชั่วเวลาสั้นๆเช่นเดียวกัน และไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย ต่อให้ดาราคนนั้นจัดคอนเสริตแบบถี่ๆยังไงหรือค่าตั๋วจะแพงขนาดไหน แต่สุดท้าย ตั๋วเข้าชมก็แทบจะหมดลงในพริบตาอยู่ดี
ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นมีชื่อเสียงมากมายพร้อมทั้งฝีมือการดนตรีที่เหนือล้ำกว่าใคร และเหนือสิ่งอื่นใดแล้วก็คือ เขานั้นไม่เคยจัดคอนเสริตมาก่อนและด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ไม่มีความจำเป็นเลยสักนิดว่าต้องจัดคอนเสริตด้วยซ้ำ
ด้วยการที่เป็นโอกาสอันยากยิ่งที่จะได้เห็นการแสดงสดของซูจิ้งด้วยตาตัวเองแบบนี้ บอกได้เลยว่ายากเย็นราวกับคำกล่าวที่ว่าไปวัดไม่ถูกหากหาหมู่บ้านไม่เจอเลยทีเดียว
“เริ่มแล้ว”
“จัดไป”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทั่วทั้งประเทศได้กดแย่งชิงตั๋วคอนเสริตของซูจิ้ง แทบจะพร้อมๆกันเลยทีเดียว
“เยี่ยม ได้ล่ะ”
“เน็ตฉันก็ไม่ได้แย่นะแต่ทำไมไม่ได้ล่ะ”
“น่าจะเป็นเพราะกดซื้อพร้อมๆกันนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันได้ล่ะเออ”
“ฮ่าฮ่า ฉันได้ด้วยเหมือนกัน คราวนี้จะได้เห็นพี่จิ้งตัวเป็นๆแล้ว”
“ของฉันเน็ตก็ไม่ได้สะดุดอะไรนะแต่ทำไมฉันไม่ได้กัน อย่าบอกนะว่าระบบตัดฉันออกน่ะ”
“ฉันก็เหมือนกัน เมื่อกี้ฉันเช็ดดูแล้วเน็ตไม่ได้สะดุดเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังแย่งตั๋วมาไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”
“อย่าพึ่งโวยวายไป ดูเหมือนว่าใต้ไมโครบลอกของพี่จิ้งเองก็มีคนออกมาพุดทั้งได้และไม่ได้ตั๋วเหมือนกัน”
“ไอ๊หยา….เครื่องเจ๊งอีกแล้ว” ด้วยการที่คอมพิวเตอร์ของเต็งหมินถังนั้นไม่ได้ดีเด่อะไรแถมยังใช้มานานแรมปีจึงไม่แปลกที่จะเครื่องค้างแต่อย่างใด แต่ที่เขาเซ็งๆอยู่นั้นเป็นเพราะว่าเครื่องดันมาข้างตอนจองตั๋วคอนเสริตพอดี
“พวกเราไม่มีใครได้ตัวเลยแหะ แต่ฉันก็ว่าฉันกดแทบจะในทันทีที่ตั๋ววางขายแล้วนะ” เหล่าเพื่อนร่วมห้องพักของเต็งหมิงถังออกมาบ่นอุบในทันทีที่รู้ผล
พวกเขาต่างก็คาดกันไว้ในตอนแรกว่าตั๋วสมควรจะหมดโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แต่นี่เพียงแค่พริบตาเดียว ตั๋วดูเหมือนว่าจะหมดลงแล้ว นี่พวกเขานั้นยังเร็วไม่พออีกเหรอเนี่ย
เต็งหมิงถังเองที่ได้ยินดังนั้นเขาก็รีบทุบคอมพิวเตอร์ตัวเองเป็นก่อนใหญ่ สักพักเกิดจอฟ้าขึ้นค้างในทันที ฉากนี้ทำให้แทบจะร้องไห้ออกมาเลยก็ว่าได้
ในขณะที่เขากำลังจะถอดใจไปแล้ว อยู่ๆเครื่องคอมพิวเตอร์ก็รีสตาร์ทตัวเอง ก่อนที่จะกลับมาเปิดเครื่องอย่างไหลลื่นราวกับซื้อเครื่องใหม่ เขาจึงได้รีบเข้าไปในเว็บซื้อตั๋วในทันที
ตอนนั้นเองเมื่อหน้าเว็บขึ้นมาก็ได้มีข้อความแจ้งเตือนว่าเขานั้นได้รับตั๋วสี่ใบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังเป็นตั๋วแบบที่นั่งสี่คนติดกันซะด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันได้ตั๋วแล้วววว” เต็งหมินถังได้ร้องแร่แห่กระเชอขึ้นมาในทันที พร้อมทั้งกระโดดลอยตัวไปมาด้วยความดีใจ
“ห้ะ จริงดิ”
“ไม่จริงน่า ไม่เพียงเธอจะได้ตั๋วแถมเป็นตั๋วแถวหน้าเรียงติดกันอีก กับคอมเจ๊งกระบ้งของเธอเนี่ยนะ ไม่มีทางอ่ะ”
“ยังไงก็ได้มาแล้วน่า…จะสงสัยไปทำไม”
ในเวลลาเดียวกันนั้นเอง ทั่วทั้งประเทศต่างก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน บางคนซื้อตั๋วได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ บางคนนั้นกดให้ตายซ้ำแล้วซ้ำอีกยังไงก็ไม่ได้ บางคนไม่ว่างที่จะซื้อช่วงเวลาดังกล่าว มากดซื้อทีหลังก็ยังได้
จนในที่สุด ตั๋วก็ได้ขายหมดลง คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้นั้นถึงกับนำเรื่องนี้มาเป็นกระทู้พูดคุยกันอย่างจริงจัง
และคนเหล่านั้นก็เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่า คนที่ได้นั้น ล้วนแล้วแต่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนคลับของซูจิ้งตั้งแต่ยังไม่ดังเลยด้วยซ้ำ
ส่วนความยากง่ายนั้นดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับว่าเป็นแฟนคลับที่ติดตามเขามานานแค่ไหน ยิ่งนานก็ยิ่งง่าย คนที่ไม่เคยตามก็อย่าหวังว่าจะได้
สำหรับเหล่าแฟนคลับแล้ว ระบบนี้เป็นอะไรที่สุดยอดแบบสุดๆ แต่กับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับแล้ว บอกได้เลยว่า พวกเขาก่นด่าสาปแช่งระบบนี้ในทันทีที่รู้เรื่องนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น