Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1104-1109

 GGS:บทที่ 1104 สยองขวัญ


หลังจากที่สายลับของอเมริกาได้ปล่อยวิดีโอของเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมาทำให้ประชาคมโลกได้เปลี่ยนความคิดของตัวเองที่มีต่อจีนและซูจิ้งในทันที

อเมริกาเองที่รู้เรื่องก็รีบออกมาตอบโต้โดยการจัดแถลงการณ์ออกมาว่า “คนทั้งสามที่อยู่ในวิดีโอนั้นไม่ใช่สายลับของCIA วิดีโอนี้เป็นของปลอมและถูกทำขึ้นมาใส่ร้ายอเมริกาเพื่อลดความน่าเชื่อถือลงเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจะนี้แล้วบรรดาผู้นำประเทศทั้งหลายนั้นไม่ได้โง่แต่อย่างใด มีเพียงประชาชนในประเทศอเมริกาเองไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อมั่นในประเทศตนเองมากพอที่จะเชื่อว่าวิดีโอนี้คือของปลอม


แต่ยังไงซะ ด้วยการที่เนื้อหาของวิดีโอนี้ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่ใช่การจัดฉากแม้แต่น้อยเพราะมันมีรายละเอียดมากพอที่จะดูออก แถมตัวตนของสายลับทั้งสามคนที่เปิดเผยความลับของCIAออกมาได้อย่างแม่นยำนั้นช่วยทำให้คนส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง

และด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนต่างก็เชื่อว่าการที่ประเทศอเมริกาออกมาป่าวประกาศว่าสถาบันของซูจิ้งสามารถผลิตปฏิสสารนั้นมีลับลมคมใน

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ทำให้ประชาคมโลกหันมายืนอยู่ข้างประเทศจีนในทันที แต่ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้พวกเขานั้นเกิดความเคลือบแคลงในความมั่นใจของอเมริกาด้วยเช่นกัน และนี่จะทำให้หลายๆประเทศเลือกที่จะไม่สนับสนุนอเมริกาและคอยดูท่าทีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป


ประเทศรัสเซีย ณ ห้องแล็บวิจัยแห่งหนึ่ง

ชายคนหนึ่งที่เป็นนักเขียนโปรแกรมได้ทำการวิเคราะห์เอกสารอยู่ ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้น หลังจากเขารับสาย อยู่ๆริมฝีปากของเขาก็ขมวดแน่น หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการเปิดอินเตอร์เน็ตดูจนพบวิดีโอของสายลับอเมริกา พร้อมทั้งชื่อของสายลับอเมริกาที่ถูกส่งเข้าไปสืบราชการลับในรัสเซีย และในนั้นก็มีชื่อของเขาที่ใช้เป็นนามแฝงอยู่

ชายวัยกลางคนคนนี้ได้ผละจากงานทั้งหมดในทันที เขาไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับผู้คนที่เข้ามาถามเขาเกี่ยวกับความคืบหน้าหรือขอความเห็นจากเขาเกี่ยวกับงานวิจัยเลยแม้แต่น้อย

เขาตรงไปที่คอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งก่อนที่จะทำการคัดลอกข้อมูลต่างๆจากคอมพิวเตอร์เข้ายูเอสบีดิสก์พร้อมทั้งโกยเอกสารบางอย่างยัดใส่กระเป๋าของตัวเอง ก่อนที่จะรีบเร่งออกจากห้องวิจัยในทันทีที่เสร็จสิ้น

เขาเดินออกมาจากห้องวิจัยอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังพยายามที่จะไม่ให้เร็วจนเด่นสะดุดตาผู้คนจนเกินไป เขาลงไปที่ชั้นหนึ่งลงไปยังห้องโถงใหญ่และกำลังจะเดินไปถึงทางออกอยู่แล้ว

ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยพุ่งเข้ามาหาเขาในทันที และในทันทีที่เห็นเขาก็รีบวิ่งไปอีกทางแต่กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าตนเองโดนล้อมกรอบไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เขากำลังวิตกกับสถานการณ์จนหน้าถอดสีนั้น อยู่ๆเขาก็ได้หมดสติลงเพราะว่าถูกหน่วยรักษาปลอดภัยเข้ามาช็อตไฟฟ้าจากด้านหลัง


ในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์ที่คล้ายๆกันนี้ก็ได้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ จะต่างกันก็ตรงที่เมื่อสาบลับของอเมริการในประเทศอังกฤษเมื่อรู้ว่าตนเองถูกเผยสถานะแล้วเขาได้ซ่อนตัวในทันที กว่าที่ทางอังกฤษจะรู้เรื่องเกี่ยวกับชายคนนี้จนเริ่มไล่ล่านั้นก็เรียกได้ว่าช้าเกินไปแล้ว

ถึงแม้ว่าการที่ประเทศๆหนึ่งโดนสายลับจากประเทศอื่นมาสอดแนมนี้จะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ด้วยการที่รัสเซียและอังกฤษเองนั้นไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับอเมริกา นั่นทำให้เหตุการณ์ไม่ได้ส่งผลให้ทั้งสองประเทศคิดจะเอาคืนอเมริกาแต่อย่างใด จะบอกว่าในฐานะประเทศมหาอำนาจแล้ว การร่วมกลุ่มกันเอาไว้ยังซะก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของพวกเขา

อย่างไรก็ตามด้วยเหตุการณ์จะทำให้เหล่าประเทศมหาอำนาจเชื่อมั่นแล้วว่าคนที่อยู่ในวิดีโอที่อ้างตัวว่าเป็นสายลับของอเมริกานั้นคือเรื่องจริง

และด้วยเหตุนี้ การที่อเมริกานั้นบอกว่าประเทศจีนสามารถผลิตปฏิสสารได้และต้องการให้ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียและอังกฤษร่วมมือกดดันนั้นล้มเลิกไปโดยปริยายเพราะทั้งสองประเทศจะไม่เชื่อในสิ่งอเมริกาบอกอีกต่อไป


“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้พวกเลวระยำสามตัวนั่นกันแน่เนี่ย” ผอ.ของCIA(ซีไอเอของอเมริกา)ได้พูดออกมาด้วยความโกรธจนอยากจะทุ่มคอมพิวเตอร์ที่กำลังเล่นวิดีโอที่สายลับทั้งสามคนออกมาพูดทิ้งในทันที

“เป็นไปได้รึเปล่าว่าพวกมันจะถูกจีนซื้อตัวไปแล้ว หรือว่าพวกเขาโดนตามล่าจนทำอะไรไม่ได้แล้วเลยคิดทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ออกมา หรือจะเป็นเพราะพวกเราไม่สามารถพาพวกเขาออกมาได้เลยเลือกที่จะหักหลังพวกเราแทน”

“น่าจะเป็นจีนได้ตัวไปมากกว่าครับ” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของผอ.ซีไอเอได้พูดออกมาด้วยท่าทางประหม่าอย่างมาก เพราะทั้งสามคนนี้คือคนของเขานั่นเอง

“แล้วทำไมคนของแกถึงได้โดนไอ้พวกจีนควบคุมได้รวดเร็วแบบนี้กัน ห้ะ นี่ยังเรียกพวกมันว่าสายลับได้อีกอย่างนั้นเหรอ” ผอ.ซีไอเอได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอาฆาต


“ผมส่งคนไปจับตัวสามคนนับกลับมาแล้วครับ ตอนนี้เราเองกำลังหาวิธีควบคุมความเสียหายที่เกิดจากสามคนนั่นอยู่” ชายวัยกลางคนได้พูดออกมา

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผอ.ซีไอเอคนนี้จะเกิดเลยสักนิด นั่นก็เพราะการทรยศของสายลับสามคนที่พวกเขาส่งไปปฏิบัติภารกิจในจีนนั้นได้ส่งผลเสียต่อประเทศอย่างร้อยแรง

ด้วยการติดตามและสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดซีไอเอก็สามารถจับตัวสายลับสามคนที่ทรยศพวกเขาจนได้ อย่างไรก็ตาม ทีมที่เข้าไปจับกุมตัวนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในระหว่างที่พวกเขาเข้าไปจับกุมตัวคนทรยศอย่างราบรื่นนั้น ได้มีกล้องตัวหนึ่ง จับภาพกระบวนการควบคุมตัวเอาไว้ได้อย่างชัดเจนทุกกระบวนการ พร้อมกับภาพของทุกคนที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้


หลังจากนั้น วิดีโอดังกล่าวได้ถูกปล่อยไปบนโลกอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนบนโลกสามารถเข้าถึงและเรียนรู้กระบวนการต่างๆของหน่วยงานระดับโลกว่าซีไอเอนั้นโดยปกติแล้วเขาทำงานกันยังไง

ชาวเน็ตที่เห็นวิดีโอนี้เองก็อดที่จะตื่นเต้นและสนุกเพลิดเพลินกับวิดีโอนี้ไม่ได้ พวกเขานั้นรู้สึกได้ราวกับว่าพวกเขากำลังได้ดูหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

เพียงแต่ว่า นี่ ไม่ใช่การถ่ายหนังแต่อย่างใด ทำให้ทุกฉากเหตุการณ์ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ทำให้ทั่วทั้งโลกได้รู้ว่าสามคนนี้คือสายลับของอเมริกาจริงๆ และทำให้น้ำหนักของเรื่องราวที่ทั้งสามเคยถ่ายทอดออกมาก่อนหน้านี้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น


ณ ทำเนียบขาว ผอ.หน่วยงานความมั่นคงและซีไอเอของอเมริกาต่างก็ตกอยู่ในสภาพหงุดหงิดอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าพวกเขานั้นรู้ได้ทันทีว่ากำลังโดนหลอกให้ทำนู่นทำนี่ราวกับลิงที่วิ่งไล่ตามกล้วยก็ไม่ปาน

พวกเขาในตอนนี้ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนโกหกต่อหน้าสาธารณชนต่อไปเท่านั้น พร้อมทั้งออกมาแก้ตัวอย่างสีข้างแดงเถือกว่าวิดีโอดังกล่าวเองก็เป็นการจัดฉากเพื่อลดความหน้าเชื่อถือของอเมริกา


ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เริ่มทำการสืบสวนสายลับผู้ทรยศทั้งสาม

“ได้เรื่องอะไรจากไอ้เวรพวกนี้บ้าง” ผอ.หน่วยงานความมั่นคงได้ออกมาอย่างเคร่งเครียดทันทีเมื่อเข้าไปในห้องสอบสวน

ในห้องกระจกชายสองคนและหญิงอีกหนึ่งคนถูกจับนั่งใส่กุญแจมือที่ถูกยึดเอาไว้กับโต๊ะ โดยมีผอ.ความมั่นคงและผอ.ซีไอเอมองผ่านกระจกอยู่นอกห้องด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความโกรธแบบสุดๆ

แน่นอนว่าห้องกระจกนี้เป็นห้องกระจกแบบมองเห็นได้ด้านเดียวทำให้คนข้างในไม่เห็นข้างนอก แต่คนข้างนอกเห็นคนข้างใน


“พวกนั้นบอกว่าที่ตัดสินใจทรยศเป็นเพราะว่าพวกเราไม่รักษาสัญญาตามที่พูดเอาไว้แถมยังทิ้งสามคนนี้เอาไว้ที่นั่นเพื่อเป็นการตัดพวกเขาทิ้งเพราะรู้มากเกินไปค่ะ” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดออกมา

“ทั้งสามคนนี้เหมือนจะโดนล้างสมองจริงๆเลย” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งได้พูดออกมาพลางถอนหายใจ

“พวกเราต่างก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าไอ้การล้างสมองนั่นไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเราได้คัดเลือกคนที่ถูกฝึกมาเพื่อรับมือกับเรื่องแบบนี้แล้ว สามคนนี้จะโดนล้างสมองในเวลาสั้นๆได้ยังไง” ผอ.ของซีไอเอได้พูดออกมาพร้อมคิ้วที่ขมวดแน่น

“พวกเราก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน”

“หาวิธีปลุกพวกมันให้ตื่นจากการล้างสมองหรือไม่ก็ล้างสมองพวกมันซ้ำอีกทีก็ได้ ไม่ต้องให้พวกมันรับรู้อะไรมากนัก เอาแค่ทำให้พวกมันพูดออกมาให้ได้ว่าวิดีโอที่พวกมันปล่อยออกไปก่อนหน้านี้เป็นของปลอมก็พอ” ผอ.ซีไอเอได้พูดการตัดสินใจของตัวเองออกมาในทันที

“รับทราบ” คนกลุ่มหนี่งได้พยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มลงมือทำบางอย่าง

แต่ในตอนนั้นเอง อยู่สายลับทั้งสามคนก็ได้ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าไล่เลียงไปแทบจะพร้อมกัน หลังจากสั่นสะท้านไปได้สักพัก ทั้งสามคนก็ได้เปิดปากของตัวเองกว้างและได้แลยลิ้นออกมาพร้อมทำเสียงหืดหอบราวกับกำลังขาดอากาศหายใจ

“ดูพวกมันสิ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย” ผอ.เอ็นเอสเอ(หน่วยงานความมั่นคง)ได้พูดออกมาในทันทีที่เห็นสามคนนี้อาการแปลก

เขาได้รีบเรียกทีมแพทย์เข้ามาในทันทีเพื่อเช็คอาการเพราะกลัวว่าสามคนนี้จะถูกพิษ อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็พบว่าสามคนนี้ไม่ได้ถูกพิษแต่อย่างใดแถมสภาพร่างกายยังดีแบบสุดๆ

อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังทำการตรวจสอบนั้นทั้งสามได้มีท่าทีแปลกๆอีกครั้ง คราวนี้ทั้งสามลงไปนอนราบกับพื้น มือทั้งสองข้างลู่ไปกับลำตัว ทั้งสามพยายามที่จะเลื้อยไปมาราวกับเป็นงูเลยก็ว่าได้

ฉากนี้ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ซีไอเอทั้งหลายอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะท่าทางที่ทั้งสามทำนั้น ราวกับคนที่เสียสติเลยก็ว่าได้


แต่โดยไม่มีใครคาดคิด ทั้งสามคนนี้ไม่เพียงจะไม่หยุดเท่านั้น ทั้งสามยิ่งทำการเลื้อยไปเรื่อยๆจนมาถึงในจุดหนึ่ง ทั้งสามกลับเลื้อยได้จริงๆ และในตอนนี้เองที่ผิวหนังของทั้งสามก็นุ่มนิ่มและเละเหลวราวกับสามคนนี้ได้เลียนแบบงูทำการลอกคราบออกมา เป็นตอนนี้เองที่ทุกคนเริ่มรู้สึกตัวถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

ทีมแพทย์ได้เข้าไปทำการตรวจสอบอีกครั้ง แต่พวกเขากลับไม่พบว่านอกจากท่าทางอันแปลกประหลาดเหล่านี้แล้ว นอกนั้นร่างกายของทั้งสามไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด

และในตอนนี้เองก็ได้เกิดเรื่องนรกแตกขึ้นมานั่นก็คือมีอะไรบางอย่างสีแดงๆโผล่ออกมาจากปากของทั้งสามอย่างไม่มีใครตั้งตัว สิ่งนั้นก็คือหัวงูสีแดงตัวใหญ่ยักษ์คับปาก

“เห้…..”

“พระเจ้าช่วยกล้วยทอด….”

เหล่าทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ที่เข้าไปตรวจสอบถึงกับกรี๊ดแตกออกมาพร้อมๆกันจนแทบจะพังประตูออกไปจากห้องนี้ให้พ้นๆไป

อย่างไรก็ตามเมื่องูตัวใหญ่ยักษ์ทั้งสามค่อยๆเลื้อยออกมาจากปากของสายลับทั้งสามคนอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดนั้น ร่างของสายลับทั้งสามค่อยรีบแบนลงจนเหลือแต่ผิวหนัง

ฉากนี้ราวกับว่าทุกอย่างนอกจากผิวหนังอย่างเนื้อเยื่อ โครงกระดูกและเครื่องในได้อันตรธานหายไปเสียเฉยๆ ด้วยฉากนี้ ต่อให้เหล่าเจ้าหน้าที่ของซีไอเอจะถูกฝึกฝนจิตใจมาดียังไงก็ต้องสยองขวัญฝังลากลึกในจิตใจในทันที เรียกได้ว่ากลัวจนขี้หดตดหายและเสียสติไปเลยก็ว่าได้

เจ้าหน้าที่ซีไอเอได้หยิบปืนของตัวเองออกมากระหน่ำยิงงูทั้งสามตัวนี้อย่างบ้าคลั่งราวกับว่ากลัวที่ตัวจะต้องตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ไม่นานงูทั้งสามก็ได้ตกตายในทันที แต่ยังไงซะ เรื่องสยองขวัญนี้ก็ได้ฝังลึกเข้าไปในจิตใจจนยากจะรักษาได้ไปอีกนานแสนนานเรียบร้อยแล้ว

“….เข้า…เอ่อ…ใครก็ได้เข้าไปดูว่าพวกมันคือตัวตัวอะไรกันแน่ แล้วบอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ข้างในนั่น” ผอ.ซีไอเอนั้นในตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะแสดงความรู้สึกออกมายังไงดีเหมือนกัน นั่นก็เพราะตัวเขาเองแม้จะอยู่ด้านนอกก็ตาม

แต่กับฉากที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขานั้นทั้งตกตะลึง สยองขวัญ โกรธ อึ้ง และทำตัวไม่ถูกจริงๆ


ในขณะที่ซีไอเอกำลังหวาดผวาไปกับฉากปรากฏตัวอันน่าสยองขวัญของงูแดงยักษ์สามตัว เงาสายฟ้าสายหนึ่งได้นำข้อมูลทั้งหมดของซีไอเอออกมามอบให้กับเจ้านายของมัน

เงาสายนั้นได้มอบข้อมูลทุกอย่างให้กับซูจิ้งในทันทีที่มาถึง

ซูจิ้งที่ตอนนี้อยู่ห่างไกลจากอเมริกามากมายนักได้สบถออกมาในทันทีที่ได้เห็นข้อมูลเหล่านี้


GGS:บทที่ 1105 เปิดเผยข้อมูลลับสุดยอด


“ฉือหลิน” ซูจิ้งได้เรียกหลัวฉือหลินขึ้นมาในทันที

“มีอะไรให้รับใช้ครับนายท่าน” หลัวฉือหลินได้ตอบรับคำเรียกของซูจิ้งในทันที

“นายไปหาตัวใครก็ได้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอดนี้ได้ หลังจากนั้นใช้ผงแปลงโฉมที่ฉันจะให้ปลอมตัวเป็นมันคนนั้นซะ หลังจากนั้นก็ทำการปล่อยข้อมูลนี้ออกไปให้ทั่วอินเตอร์เนตในทันที”

ที่ซูจิ้งพูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะหลัวฉือหลินนั้นสามารถเข้าออกอเมริกาได้อย่างรวดเร็วเป็นว่าเล่นโดยที่ไม่มีทางถูกเปิดเผยตัวตนเลยแม้แต่น้อยหากเจ้าตัวไม่ต้องการ

ซูจิ้งได้มอบผงแปลงโฉมที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯวิถีแห่งจอมปีศาจให้กับหลัวฉือหลินมากพอดู นี่แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่คนไม่กี่คน

“แล้วไอ้คนที่ผมต้องปลอมตัวนี่ให้ทำอะไรกับพวกมันครับ” หลัวฉือหลินได้ถามออกมาเพื่อไม่ให้บกพร่องต่อความต้องการของซูจิ้ง

“ฆ่าและลบมันไม่ให้เหลือแม้ผุยผง” ซูจิ้งพูดออกมา

“รับทราบ” หลัวฉือหลินไม่ถามอะไรอีกต่อไปและไปทำงานของเขาในทันที

แน่นอนว่าการปฏิบัติงานของหลัวฉือหลินนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องกังวล


โลกภายนอกในตอนนี้กำลังพูดถึงวิดีโอที่สายลับคนหนึ่งของอเมริกาที่ได้ถูกจับได้ในรัสเซียได้ออกมาพูดเกี่ยวกับภารกิจลับอย่างสงครามต่อต้านญี่ปุ่น

ตอนนี้เองที่สำนักข่าวของอังกฤษที่ชื่อว่าดิการ์เดี้ยนได้โยนระเบิดลูกใหญ่ใส่อเมริกาอีกลูกหนึ่ง

นั่นก็คือโครงการลับของอเมริกาที่มีชื่อเรียกว่าปริซึม มันมีรายละเอียดเกี่ยวกับการที่เอ็นเอสเอกดดันให้บริษัทด้านโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่างเวริซันให้มอบบันทึกของผู้ใช้ทั้งหมดที่มีการใช้งานนับหลายร้อยล้านคนให้กับเอ็นเอสเอ และเรื่องนี้เคยถูกสำนักข่าวของอเมริกาอย่างวอชิงตันโพสออกมาแฉเรื่องนี้เมื่อปีก่อน

หากว่ารัฐบาลทำสำเร็จก็จะทำให้ทั้งเอ็นเอสเอและเอฟบีไอสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างของประชาชนไม่ว่าจะเป็นอีเมลล์ ข้อความสนทนา วิดีโอ ภาพถ่าย และข้อมูลเฉพาะบุคคลอย่างอื่นได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ประชาชนใช้งานผ่านบริษัทใหญ่ยักษ์อย่างไมโครซอฟท์ กูเกิ้ล แอปเปิ้ล ยะฮู ตลอดจนสามารถสอดส่องพฤติกรรมของผู้ใช้ รวมถึงที่อยู่

ทันทีที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปได้ทำให้ประชาชนทั้งในอเมริกาและทั่วทั้งโลกแสดงความไม่พอใจในทันที

“ฉิบหาย เรื่องจริงเหรอเนี่ย”

“ในเมื่อทั้งดิการ์เดี้ยนและวอชิงตันโพสต์ออกมารายงานในทำนองเดียวกันแบบนี้ล่ะก็ ยังไงซะเรื่องนี้ก็คงจะมีมูลอยู่บ้างแหล่ะ

สโนวเด็นคนนี้ เขาเป็นนักวิเคราะห์ของซีไอเอที่เข้าถึงโครงการนี้ได้ และที่เขาออกมาแฉนี่ก็เป็นเพราะว่าเขานั้นไม่อยากจะให้สังคมต้องคอยถูกสอดแนมจากรัฐบาล ชายคนนี้ช่างกล้าหาญจริงๆ”

“นี่มันหมายความว่าใครก็ตามที่ใช้งานไมโครซอฟท์ กูเกิ้ล แอปเปิ้ล ยะฮู และค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งหลายต้องโดนสอดแนมเลยนี่หว่า”

“แม่…เอ๊ย โคตรน่ากลัวเลย พวกเราถูกสอดแนมตลอดมาเลยเหรอเนี่ย”

“พวกมันกล้าทำกับพวกเราอย่างนี้ได้ยังไง พวกมันคิดว่าตัวเองใหญ่ที่สุดในโลกรึไงกัน”

ทั้งประชาชนของสหรัฐและประชาสังคมโลกต่างก็ประนามการกระทำของอเมริกาในทันที ประธานธิบดีของอเมริกาได้รีบตอบสนองต่อท่าทีของประชาคมโลกนี้โดยการออกมาเผยข้อมูลของโครงการนี้

ประธานาธิบดีของอเมริกาได้ออกมาชี้แจงว่าโครงการนี้จัดตั้งขึ้นมาไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสอดแนมประชาชนของสหรัฐแต่อย่างใด

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ในการสอดส่องหาตัวผู้ก่อการร้ายและเสริมสร้างความมั่นคงของอเมริกาเท่านั้น และโครงนี้เองก็ได้ผ่านการพิจารณาของสภาครองเกรสอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเอฟบีไอ

ประธานธิบดียังได้พูดประโยคที่เป็นการป้องกันตัวเองออกมาอีกว่า “พวกคุณไม่มีทางที่จะได้รับความปลอดภัยที่เต็มร้อยพร้อมทั้งอิสระภาพที่เต็มร้อยในเวลาเดียวกัน จะดีกว่าถ้าพวกคุณจะยอมถูกจับตาดูแล้วโลกนี้ดีขึ้น”

ผอ.ซีไอเอเองก็ได้ออกตัวในเรื่องนี้ว่า “มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าพวกเรานั้นจะทำการสอดส่องประเทศพันธมิตร คนที่ฉลาดนั้นย่อมรู้ว่าสิ่งนี้มันดีต่อความมั่นคงของโลกใบนี้”

ผอ.ของเอ็นเอสเอได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “มีเพียงคนที่ไม่ใช่อเมริกันเท่านั้นที่จะถูกสอดแนมในโครงการนี้ กระบวนการนี้ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวดและช่วยลดการได้มาและเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมายตลอดจนข้อมูลที่ชาวอเมริกันทำหลุดไปอย่างไม่ต้องการและไม่ได้ตั้งใจ…”


แต่ ไม่ว่ารัฐบาลอเมริกาจะพยายามแก้ต่างยังไง แต่เสียงส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถยอมรับความหวังดีแบบยัดเยียดนี้ได้

สหภาพยุโรปได้แสดงความไม่พอใจต่ออเมริกาอย่างเด่นชัด และได้ทำการกล่าวโจมตีอเมริกาอย่างรุนแรง พร้อมทั้งแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเด็ดคาดว่า การที่อเมริกามาทำการสอดแนมพันธมิตรอันดีกันแบบนี้เป็น การละเมิดความไว้วางใจ อย่างรุนแรง พร้อมทั้งประกาศกร้าวว่าการกระทำของอเมริกาในเรื่องนี้อาจจะนำไปสู่ วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่รุนแรง

ในการนี้เจ้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงได้ขอให้อเมริกาทำการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที

ในวันเดียวกันนี้ โฆษกของรัฐบาลเยอรมณีได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับการกระทำของอเมริกาว่าเป็นการเริ่มต้นสงครามเย็นอีกครั้ง พร้อมทั้งประธานธิบดีของผรั่งเศสได้เรียกร้องให้อเมริกานั้นหยุดการสนามสหภาพยุโรปในทันทีพร้อมคำขู่ว่าจะระงับการเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐในทุกด้าน

แม้แต่องคกรสิทธิพลเมืองของอเมริกาที่ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการ โดยได้จัดตั้งทีมทนายยื่นฟ้องแบบกลุ่มต่อรัฐบาลอเมริกาเรียกร้องเงินกว่า 3 พันล้านดอลล่าหเพื่อเป็นค่าทำขวัญให้ประชาชนทั่วประเทศ

รวมทั้งชาวเน็ตจากทั่วทั้งโลกได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน


ในขณะที่อเมริกากลายเป็นเป้าหมายการโจมตีจากคนทั่วทั้งโลกนั้น ภาพลักษณ์ของรัฐบาลอเมริกา ในตอนนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงพร้อมทั้งโดนแรงกดดันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ทำให้รัฐบาลอเมริกาได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างว่ารัฐบาลอเมริกานั้นตกเป็นเหยื่อของการมุ่งร้ายทางโลกไซเบอร์ ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ที่อเมริกากำลังประสบอยู่นี้เป็นเพราะไปสอดแนมประเทศอื่นก่อนแล้วโดนจับได้ก็ตาม

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เอ็นเอสเอ เอฟบีไอ และซีไอเอ เป็นองค์กรที่ได้รับแรงกดดันมากที่สุด องค์กรเหล่านี้ได้กล่าวโทษสโนว์เด็นว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศต้องเสียหายและตราหน้าว่าเป็นคนทรยศของประเทศ และทำการไล่ล่าพร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศที่ให้ที่กบดานส่งตัวให้อเมริกาในทันที

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สโนวเด็นได้ปล่อยข้อมูลฉาวของอเมริกาไปแล้วอยู่ๆก็หายตัวไปอย่างกระทันหันอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครหาร่องรอยของสโนวเด็นได้เลย

“ทุ่มเทกำลังทั้งหมด ยังไงพวกเราก็ต้องลากตัวมันออกมาให้ได้” ผอ.ซีไอเอได้ทุบโต๊ะออกมาด้วยความโกรธอย่างที่สุด เขานั้นรู้สึกได้เลยว่าในช่วงที่ผ่านมานี้พวกเขาต้องประสบโชคร้ายอย่างต่อเนื่อง

เรื่องแรก สายรับสามคนที่ส่งไปล้วงข้อมูลกลับถูกล้างสมองแล้ว ไม่เพียงจะไปเข้าข้างศัตรูแถมยังทรยศหักหลังประเทศของตนหันกลับมาแว้งกัดพวกเขาซะเอง จนทำให้แผนการที่พวกเขาคิดจะใส่ร้ายสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯต้องล้มพับไปไม่เป็นท่า เรื่องนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของซีไอเอเละไม่เป็นท่า


ถึงแม้พวกเขาจะตามจับตัวสายลับสามคนกลับมาได้และเตรียมที่จะล้างสมองเพื่อให้มาแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น กลับต้องเกิดเหตุประหลาดสยองขวัญอย่างการที่สายลับทั้งสามกลายร่างเป็นงูยักษ์ต่อหน้าต่อตาทำให้เจ้าหน้าที่ชั้นยอดหลายคนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

มาตอนนี้ยังมีเรื่องนักวิเคราะห์ชั้นยอดของตัวเองได้ปล่อยข้อมูลลับสุดยอดออกไปจนทำให้รัฐบาลอเมริกาต้องพบกับเหตุการณ์อันยากลำบากแบบนี้

เรียกได้เลยว่าพวกเขานั้นได้รับโชคร้ายอย่างต่อเนื่องจนต้องรับกันไม่ทันเลยทีเดียว

ผอ.ซีไอเอนั้นรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่การที่สายลับของเขาทำการขายประเทศตัวเอง ตลอดจนการที่สโนวเด็นทรยศประเทศเผยข้อมูลลับสุดยอดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศจีนเป็นแน่

แต่ไม่ว่าเขาคิดยังไงก็ตามก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวเหล่านี้เข้าด้วยกันได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขารู้สึกนี้มันเป็นเพียงลางสังหรณ์เหมือนตอนที่ตัวเขาต้องทำอะไรบางอย่างภายใต้การจับตามองจากศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว

“เราแกะลายเป้าหมายจนทราบแล้วว่ามันอยู่ที่รัสเซียครับ แต่ระหว่างการเข้าจับกุม อยู่ๆหมอนั่นมันได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมา

“แกะรอยต่อไป ยังไงซะมันก็ต้องอยู่ที่รัสเซียนั่นแหล่ะ….หรือว่าไอ้พวกรัสเซียจะได้ตัวมันไปแล้วกัน หากว่ารัสเซียได้ตัวไอ้เวรนั่นไปจริงล่ะก็ แน่นอนว่าพวกมันต้องคุ้มครองไอ้เวรนั่นอย่างเต็มที่เพื่อจะได้รับข้อมูลของพวกเรามากกว่านี้ ….ต่อให้ประธานธิบดีกดดันรัสเซียไปพวกนั้นต้องไม่มีทางปล่อยสโนวเด็นให้พวกเราอย่างแน่นอน…คงต้องใช้วิธีการอื่นแล้วสินะ” ผอ.ซีไอเอได้แสดงความเห็นของตัวเองออกมาในทันที

ในขณะที่ปฏิบัติการจับตัวสโนวเด็นยังคงดำเนินการอยู่นั้น ตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงประตูดังขึ้นมา

เมื่อผอ.ซีไอเอให้คนที่เคาะประตูเข้ามานั้น หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก เธอคนนี้ได้เปิดประตูและเร่งเข้าหาผอ.ซีไอเออย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือว่า “ผอ.คะ….สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีแล้ว มีข้อมูลลับสุดยอดอย่างอื่นหลุดออกมาค่ะ”

“ห้ะ ข้อมูลอะไรอีกล่ะ” ผอ.ซีไอเอถามออกมาด้วยหน้าที่นิ่งเงียบ

“ท่านดูด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ” หญิงวัยกลางคนได้เปิดข่าวในอินเตอร์เน็ตข่าวหนึ่งให้ผอ.ซีไอเอดู ทันทีที่เขาได้เห็นข่าวนี้ ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างผอ.ซีไอเอได้จับจ้องข่าวนี้ด้วยสายตาที่ไม่กล้าจะกระพริบ

เช่นเดียวกับผอ.ซีไอเอที่มองข่าวนี้อย่างนิ่งๆไม่มีการขยับแต่อย่างใด หากจะสิ่งใดเปลี่ยนไปล่ะก็ ก็คงจะเป็นสีหน้าที่ในตอนนี้ต่างก็ซีดเผือดเพราะไม่มีเลือดไปเลี้ยงที่ใบหน้าสักหยดเดียว


GGS:บทที่ 1106 เพียงหนึ่งข้อความ


ข้อมูลลับสุดยอดที่ถูกปล่อยออกมาในครั้งนี้ก็คือข้อมูลของเครือข่ายสายลับของซีไอเอที่แอบแฝงไปอยู่ยังทั่วทุกมุมโลก พร้อมทั้งวิดีโอบันทึกการกระทำอันโสมมของซีไอเอที่ได้ก่อเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นการลักพาตัว ขมขู่ ทรมาน และสังหาร เหล่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงเหล่าบุคคลสำคัญของแต่ละประเทศที่ได้หายตัวไปอย่างปริศนา

ข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธที่ซีไอเอได้พัฒนาขึ้นมา แผนกลยุทธจัดทำขึ้นเพื่อขยายเครือข่ายสายลับของซีไอเอให้ครอบคลุมในทุกสายงานในทุกประเทศทั่วโลก และโครงการนี้มีคนเพียงแค่ห้าคนในโลกนี้เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้


ทันทีที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปนั้นทำให้ทั่วทั้งโลกต้องเคลื่อนไหวในทันที เครือข่ายสายลับของอเมริกาที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลกนั้นทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี สำหรับคนที่รู้ตัวก่อนก็ได้หายตัวเข้ากลีบเมฆในทันทีเช่นเดียวกัน

และเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นพูดคุยในอินเตอร์เน็ตอย่างดุเดือด

“พระเจ้าช่วย นี่มันโสมมเกินไปแล้ว”

“เป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินที่จะให้อภัย ฉันคิดว่าวิดีโอแบบนี้จะมีเฉพาะกับตอนเรื่องโอฉิงหยุนเท่านั้น ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าพวกมันจะกล้าทำเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว”


“ซีไอเอมันยังจะกล้าแก้ตัวอยู่อีกรึเปล่า”

“ฉันรู้จักสายลับจากในหนัง ในหนังนั้นคนพวกนี้ช่างหล่อ เท่ และเก่งกาจอย่างหน้าหลงใหล ไม่คิดเลยว่าความจริงแล้วคนพวกนี้มันช่างโหดร้ายเกินความเป็นมนุษย์ไปแล้ว”

“มีไอ้เวรตะไลบางคนบอกไว้ว่าภารกิจหลักของซีไอเอก็คือการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับรัฐบาลอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นด้านการฑูต ด้านธุรกิจ องค์กรก่อการร้าย บุคคลกรทางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในทางลับและในทางแจ้ง รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองระหว่างประเทศ และรายงานสิ่งเหล่านั้นให้ประธานาธิบดีได้รับรู้เอาไว้


ถ้าหากว่าดูแค่ข้อความนี้บอกได้เลยว่าซีไอเอนั้นเป็นหน่วยข่าวกรองที่เท่และมีแต่คนอยากจะขวนขวายเข้าไปให้ได้ และไม่ได้มีความรู้สึกว่าเป็นองค์กรที่ทำแต่เรื่องระยำตำบอนได้ขนาดนี้เลยจริงๆ”

“…ว่าแต่การที่ข้อมูลลับสุดยอดถูกเปิดเผยออกมามากมายขนาดนี้ ไอ้พวกซีไอเอต้องคลั่งแน่ๆ ใครกันนะที่กล้าทำเรื่องแบบนี้”


“ฉันว่าในหมู่คนระดับสูงของซีไอเอคงจะมีคนทรยศนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็แทบจะไม่มีทางเลยที่จะเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอดแบบนี้ได้ คราวนี้องค์กรสายลับระดับโลกคงต้องล่มสลายแล้ว”

“ทำไมตอนที่มีคนถามออกมาว่าใครกันที่กล้าทำเรื่องแบบนี้….ทำไมฉันถึงนึกถึงซูจิ้งได้กันนะ”

“ฉันว่าน่าจะแค่คิดไปเองแหล่ะน่า ต่อให้ซูจิ้งจะเจ๋งขนาดไหนก็ตาม แต่เขาน่าจะไม่มีทางเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอดของซีไอเอแบบนี้ได้หรอก”

“ฉันเองก็คิดว่าเป็นแบบนั้นล่ะนะ ฉันได้ยินมาว่าซูจิ้งนั้นโดยปกติแล้วจะอยู่แต่ที่บ้านทั้งวัน แถมเขานั้นหากว่าออกไปข้างนอกล่ะก็มีแต่คนเข้าไปคุยอย่างอุ่นหนาฝาคลั่ง นับประสาอะไรหากว่าเขาไปอเมริกาล่ะก็ ดีไม่ดีโดนคุมตัวตั้งแต่ขึ้นสายการบินของอเมริกาแล้ว”

“แต่ว่าฉันว่าหากพูดถึงเรื่องนี้ล่ะก็ มีโอกาสที่กลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศจนเป็นคนลงมือเหมือนกันนะ นั่นก็เพราะตอนนี้อเมริกากำลังตกที่นั่นลำบากทำให้พวกเขานั้นไม่ต้องเหนื่อยแก้ต่างข้อกล่าวหาอะไรเลยแม้แต่น้อย”


ด้วยการที่อเมริกานั้นตกอยู่ในสถานะที่เลวร้ายแบบสุดๆ ทั้งยังกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีจากประชาคมโลกจนเสียหายอย่างหนัก

แต่ละประเทศที่ก่อนหน้านี้อยู่อเมริกาตอนที่หาเรื่องจีนเกี่ยวกับเรื่องปฏิสสารนั้นไม่มีใครยืนอยู่ข้างเดียวกับอเมริกาในเรื่องนี้อีกต่อไป

ยกเว้นบางประเทศที่กระหายในเทคโนโลยีอย่างเช่นญี่ปุ่นที่ยังคงหาโอกาสล้วงความลับของเมืองจีนและสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯอยู่อย่างไม่วางตา

และในตอนนี้เองที่ประเทศจีนและกลุ่มทุนห้วงเวลาฯได้เริ่มเคลื่อนไหวโดยการประณามการกระทำของอเมริกาพร้อมทั้งชี้ให้นานาประเทศเห็นพ้องต้องกันว่าอเมริกานั้นที่กล้าทำแบบนี้กับประเทศอื่นเป็นเพราะคิดว่าตัวเองนั้นเป็นเจ้าของโลกใบนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้อเมริกาเลิกกล่าวหาอย่างไร้สาระและคืนเรือบรรทุกสินค้าที่ถูกกักเอาไว้ที่ช่องแคบมะละกา

“ฮ่าฮ่าฮ่า โคตรสะใจจริงๆ ไม่คิดเลยว่าไอ้พวกมะกันจะมีวันนี้ได้เหมือนกัน” หวังจ้าวได้โทรหาซูจิ้งพร้อมทั้งพูดคุยด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นแบบสุด

“อย่าพึ่งรีบดีใจเร็วไปนักเลยน่า ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่นอนหรอกนา…” ซูจิ้งพูดพลางหัวเราะออกมา เขานั้นไม่มีทางบอกหวังจ้าวได้เลยจริงๆว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาเองที่ได้ลอบดำเนินการในเรื่องนี้

“ภายใต้แรงกดดันขนาดนี้แถมยังเรื่องวุ่นวายจนาดนั้น ไอ้พวกมะกันนั่นคงไม่กล้าที่จะทำตัวถือดีได้อีกหรอกน่า หรือว่านายไม่คิดอย่างนั้น” หวังจ้าวได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

“ฉันว่านายดูแคลนไอ้พวกนั้นมากเกินไปนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


สองวันถัดมา เรื่องราวยังคงเป็นไปตามที่ซูจิ้งคาดไว้ว่าอเมริกานั้นยังคงกล้าที่เผชิญหน้าแรงกดดันจากนานาประเทศเพื่อแสดงให้เห็นว่าอเมริกานั้นเหมาะสมกับคำว่าเจ้าโลก

นอกจากนั้นอเมริกายังคงกดดันกลุ่มทุนห้วงเวลาฯต่อไป อย่างไรก็ตามด้วยการที่อเมริกานั้นได้กลายเป็นเป้าหมายโจมตีจากนานาประเทศทำให้การกดดันนั้นทำได้เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น ซึ่งนั่นส่งผลต่อกลุ่มทุนกาลเวลาฯเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในวันนี้เอง ประธานาธิบดีที่หลีกหนีจากความไม่พอใจของฝูงชนชาวอเมริกาได้กลับเข้าไปทำงานในทำเนียบขาวแล้วอย่างไม่มีใครตั้งตัว

นี่ทำให้เจ้าหน้าที่หลายๆคนเองต้องเร่งรีบไปยังทำเนียบขาวพร้อมทั้งพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะที่ประธานธิบดีกำลังเดินไปยังโต๊ะประจำตำแหน่งของตนเอง

ในทันทีที่เขาได้เข้าไปในสำนักงาน เมื่อตอนที่เขาได้นั่งลงไปบนโต๊ะ ประธานาธิบดีก็ได้พบว่าบนโต๊ะอันโล่งโจ้งของเขาก่อนหน้านี่ อยู่ๆก็ได้มีซองจดหมายสีขาววางเอาไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“นี่มันอะไรกัน” ประธานธิบดีได้ถามกับผู้ช่วยของตนในทันทีที่เห็นซองจดหมาย

“….ไม่ทราบครับ…” ผู้ช่วยเองที่เห็นซองจดหมายนี้ก็รู้สึกแปลกๆเช่นเดียวกัน

“ใครเอาไอ้นี่มาวางไว้บนโต๊ะฉัน” ประธานาธิบดีได้ถามออกมาด้วยเสียงอันดังก้องในทันทีจนทำให้เจ้าหน้าที่ภายในทำเนียบขาวได้ยินกันทั่

“ไม่ทราบครับ” เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยได้มองหน้ากันไปมาก่อนที่จะพร้อมใจกันส่ายศรีษะของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

นี่ทำให้ประธานาธิบดีต้องนิ่งคิดไปพักหนึ่ง เขานั้นกำลังคิดว่าจะทิ้งมันไปดีหรือว่าจะเปิดมันดี ยิ่งเขาครุ่นคิดมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งตึงเครียดและน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น

จนในที่สุดเขาต้องใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองตบไปบนใบหน้าหนึ่งทีก่อนจะลากยาวลงไปถึงลำคอเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมาและตัดสินใจเปิดมันออกมาอ่านดู

จดหมายนี้ไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา ข้างในนีมีเพียงข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ด้วยน้ำหมึกสีแดงเลือด โดยเขียนเอาไว้ว่าให้หยุดยุ่งกับกลุ่มทุนห้วงเวลา ไม่เช่นนั้นซีไอเอจะต้องล่มสลายในไม่ช้า

“ไปหาตัวคนที่เอาจดหมายนี่มาวางไว้เดี๋ยวนี้” ประธานาธิบดีได้พูดออกมาด้วยอาการที่อยู่ไม่สุขในทันที นอกจากเนื้อหาจดหมายแล้ว การที่อยู่ๆจดหมายมาอยู่ในห้องทำงานของประธานาธิบดีได้แบบนี้แสดงว่าทำเนียบขาวแห่งนี้จะต้องมีช่องโหว่ในการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่ายังไงซะนี่คือทำเนียบขาว ไม่มีทางเลยที่จะมีคนเอาจดหมายมาวางโดยไม่มีใครสังเกตเลยได้อย่างแน่นอน

“พวกแกเอานี่ไปดูซะ” ประธานาธิบดีได้แสดงจดหมายให้คนที่เกี่ยวของดูในทันที

“มันจะมากเกินไปแล้ว คนที่เขียนจดหมายนี่คิดว่าตัวเองเป็นไครกัน”

“จากเนื้อหานี่แสดงว่าถ้าไม่เกี่ยวกับกลุ่มทุนห้วงเวลาฯล่ะก็คงจะเป็นจีนนั่นแหล่ะ”

“มันหมายความว่ายังไงว่าซีไอเอจะล่มสลายในไม่ช้า มันคิดว่าตัวเองมีความสามารถพออย่างนั้นเหรอ”

“คราวนี้น่าจะเป็นแค่การขู่เท่านั้นนะ”

“มันทำราวกับว่าซีไอเออยู่ในกำมือมันแล้ว ต้องเป็นไอ้พวกกลุ่มทุนห้วงเวลาแน่ๆที่กล้ามาทำแบบนี้ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ” ประธานาธิบดีได้สบถออกมา


จดหมายขมขู่แน่นอนว่าเป็นหลัวฉือหลินที่เป็นคนเอาไปวางโดยใช้สแตนด์สายฟ้า ด้วยทักษะที่ท้าทายสวรรค์นี้ต่อให้ทำเนียบขาวไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย แต่กับสแตนด์ของหลัวฉือหลินนั้น ไม่ได้ต่างจากสนามเด็กเล่นต่างเมืองเลยแม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่าจดหมายนี้จะไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด และก่อนที่อเมริการจะได้ตัดสินใจอะไรลงไป หลัวฉือหลินก็ได้กลับมารายงานซูจิ้งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว

“เจ้านายครับ พวกมันไม่สนใจคำเตือนของพวกเรา” หลัวฉือหลินรายงานให้ซูจิ้งฟัง

“เป็นไปอย่างที่คิด” ซูจิ้งที่ได้ยินคำรายงานก็ไม่ได้มีท่าแปลกใจแต่อย่างใดเพราะเขานั้นต้องการใช้จดหมายนั่นเป็นสื่อกลางของเขาเท่านั้น

เขาเองก็ไม่คิดว่าอเมริกาจะยอมทำตามเขาอย่างว่าง่ายอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะ การยินยอมโดยไม่เจ็บตัวถือว่าไม่ใช่อเมริกา

“ให้ผมกวาดล้างดีไหมครับ” หลัวฉือหลินถามออกมา

“ไม่ต้อง นายเองก็ได้ฆ่าไปหนึ่งแล้ว แถมต่อให้ฆ่าประธานาธิบดีไปได้และทำการสวมรอยได้สำเร็จก็จริง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถควบคุมอเมริกาได้แต่อย่างใด

ไอ้พวกมะกันนั่นเป็นพวกที่เรียกว่าไฟไปจี้ก็ไม่ยอมทำ ไม่มีทางเลยที่จะใช้แรงกดกันทำอะไรพวกมันได้

“แล้วทำยังไงต่อดีครับ” หลัวฉือหลินถามออกมา

“นายกลับไปอเมริกาก่อน ตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องทำแล้วจะเรียกนายกลับมาทีหลัง ตอนนี้ก็ปล่อยให้พวกมันอยู่ดีกันไปก่อนแล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและวาวตาที่ดูมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


GGS:บทที่ 1107 วัตถุบินได้ลึกลับ


 


ในขณะที่ข้อมูลของซีไอเอได้รั่วไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายจนเป็นสร้างความไม่พอใจให้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง


ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นซูจิ้งที่อยู่เบื้องหลังและเขาได้เริ่มดำเนินการตามแผนการของเขาในขั้นถัดไปแล้ว


ณ ช่องแคบมะละกา ช่องแคบที่ตั้งอยู่ระหว่างแหลมมลายูกับเกาะสุมาตรา อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย ตะวันตกและใต้ของมาเลเซีย ตะวันออกเฉียงเหนือและเหนือของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และทอดยาวเลยไปถึงทางด้านใต้ของสิงคโปร์ เรียกได้ว่าเป็นเขตชายแดนที่เกิดปัญหาความขัดแย้งกันบ่อยที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความสำคัญของช่องแคบที่ส่งผลต่อการขนส่งสินค้า


อเมริกาจึงเข้ามาเล่นบทคนดีโดยการส่งกองกำลังของตนเข้ามาควบคุมช่องแคบแห่งนี้ด้วยข้ออ้างที่ว่าเพื่อป้องกันและสกัดจับเหล่าโจรสลัดและผู้ก่อการร้าย แค่ความจริงนั้นก็คือต้องการเข้ามาแสดงอำนาจและคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้กับประเทศตนเอง


 


และอเมริกาก็ใช้เหตุผลในนี้ในการเข้ายึดเรือขนส่งสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศ โดยให้เหตุผลว่า “เป็นไปได้ว่าจะมีอาวุธปฏิสสารปะปนไปกับสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาจึงจำเป็นต้องยึดเอาไว้ตรวจสอบเพื่อความมั่นคงของประชาคมโลก” ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ไม่เพียงสินค้ามูลค่ากว่าหลายพันล้านหยวนต้องตกค้างอยู่ที่นี่ แม้แต่เรือที่ใช้ในการขนส่งเองก็ยังต้องถูกควบคุมไว้ที่ช่องแคบแห่งนี้ไปไหนไม่ได้เช่นเดียวกัน


ช่องแคบมะละกานั้นถือได้ว่าเป็นรอยต่อสำคัญที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย และเป็นช่องทางธรรมชาติที่เชื่อมต่อระหว่างแนวปะการังของทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเรีย และทวีปยุโรป


เหล่าประเทศที่พัฒนาแล้วต่างก็ใช้ช่างทางนี้ในการขนส่งน้ำมันและวัตถุดิบสำคัญมากมายเรียกได้ว่าในแต่ละวันนั้นไม่ว่างเว้นจากเรือขนส่งสินค้าเลยทีเดียว และด้วยการที่บริเวณนี้เป็นช่องทางทางธรรมชาติจึงถูกขนานนามในอีกชื่อหนึ่งว่า เส้นทางการค้าแห่งท้องทะเล


สำหรับประเทศจีนแล้ว ช่องแคบมะละกานี้ถือได้ว่าเป็น “เส้นทางแห่งชีวิตทางทะเล” เลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าประเทศจีนใช้เส้นทางนี้ในการขนส่งน้ำมันจากทะเลจีนใต้เป็นหลัก


หากว่าประเทศจีนต้องขนส่งน้ำมันผ่านช่างทางอื่นอย่างคลองซูเอสจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่าถึงสามเท่า และหากต้องใช้ช่างแคบคลองปานามา ประเทศจีนก็ต้องใช้เวลาในการขนส่งมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า


การที่มีประเทศที่เป็นมือที่สามอย่างอเมริกาเข้ามามีสิทธิควบคุมแบบนี้แน่นอนว่าต้องส่งผลต่อความมั่นคงทางการค้าของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย


ยิ่งไปกว่านั้น นักวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับท่าทีของอเมริกาที่ตรวจตราช่องแคบมะละกาเข้มงวดแบบนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเท่านั้น เรื่องน้ะส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศอย่างแน่นอน


 


ณ ท่าเรือของช่องแคบมะละกา เรือขนสินค้าขนาดกลางของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯได้ถูกกักเอาไว้อยู่ที่นี่โดยมีกองเรือของอเมริการายรอบเอาไว้อย่างแน่นหนา


โดยในตอนนี้กองทัพอเมริกาได้ทำการตรวจค้นตู้สินค้าอย่างละเอียดเพื่อหาอาวุธปฏิสสารที่ได้กล่าวอ้างเอาไว้ อย่างไรก็ตาม กองทัพอเมริกาไม่ได้พบสิ่งที่เรียกว่าอาวุธปฏิสสารแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะปล่อยเรือขนส่งสินค้าลำนี้ออกไปเลยแม้แต่น้อย


“ไอ้….ไอ้พวกโจร” ณ บริเวณชายฝั่งของท่าเรือ ลูกเรือของเรือขนส่งสินค้าที่ได้เห็นกองกำลังอเมริกาตรวจค้นเรือด้วยเรื่องไร้สาระอดที่จะแสดงออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจไม่ได้


พวกเขานั้นคือประชาชนที่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำหารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องจากท่าเรือของตัวเอง


 


ด้วยการที่อเมริกายกกองเรือมาพร้อมกล่าวอ้างเหตุผลอันไร้สาระในการตรวจค้นและไม่ได้มีท่าทีจะปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ หากว่าทหารเหล่านี้ทำให้สินค้าได้รับความเสียหายล่ะก็ จะให้พวกเขาทำยังไงกัน หากเกิดเรื่องแบบนั้นจริงๆล่ะก็ การขนส่งสินค้าที่พวกเขาตรากตรำทำงานหนักมาอย่างยาวนานจะจบลงโดยไม่ได้อะไรเลยในทันที


ด้วยเรื่องนี้อย่าว่าแต่พวกลูกเรือเลย แม้แต่กัปตันเองก็หงุดหงิดจนอยากจะหาปืนมาไล่ยิงทหารอเมริกาเหล่านี้ให้ตายๆไปซะให้พ้นๆในทันที


“ท่าดูจากข้อมูลลับของซีไอเอที่ถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆนี้ แสดงให้เห้นว่าอเมริกานั้นเป็นพวกที่คอยละลานชาวบ้านอย่างลับๆมาโดยตลอด และในครั้งนี้เองก็เป็นไปได้ว่าการที่พวกเรานั้นโดนอเมริกาตรวจค้นแบบนี้เป็นเพราะเป้าหมายของพวกมันในครั้งนี้เป็นพวกเรา”


“นี่ขนาดจีนเองยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยพวกเราเอาสินค้ากลับมาได้เลยเหรอ”


“ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเรานั้นเน้นการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีมากกว่าการใช้กำลังน่ะ แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือต่อให้พวกเราใช้กำลังเพื่อนำเรือสินค้ากลับมาพวกเราก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำมันให้สำเร็จได้ ต่อให้เราร่วมมือกับตัวแทนประเทศจีนที่อยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะชนะได้โดยง่าย ต่อให้แข็งแกร่งพอจะล้มคนได้แต่ก็ไม่มีทางรอดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรือรบอยู่ดี”


 


“…นี่หมายความว่าการที่กลุ่มทุนห้วงเวลาตกเป็นเป้าหมายของอเมริกาแบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าการถูกโจนสลัดปล้นเสียอีก….ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกพวกเราคงไม่รับขนสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯมาอย่างแน่นอน”


“เอาน่า ถึงเรื่องมันจะมาถึงขนาดนี้แล้วแต่ฉันได้ยินมาว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาฯเองได้ทำประกันสินค้าล็อตนี้เอาไว้แล้ว ต่อให้มันเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจริงล่ะก็ ฉันไม่อยากคิดเลยว่าชีวิตนี้จะเหลืออะไรอีก ต่อให้ขายบริษัทได้สองสามรอบก็ยังไม่พอที่จะชดใช้ค่าเสียหายเลยด้วยซ้ำ”


“เรื่องนั้นก็พูดยากนะ ไอ้พวกประกันอาจจะใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับท่าทีของอเมริกาในการเบี้ยวไม่จ่ายประกันก็ได้ ยังไงซะฉันก็ยังหวังไว้อยู่ดีว่าไม่เกิดอะไรขึ้นกับสินค้า เพราะนี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”


 


แต่ในตอนนั้นเอง เสียงสัญญาณเตือนภัยของเรือรบสหรัฐก็ได้ดังขึ้นมา ในขณะเดียวกัน มีใครบางคนได้เห็นวัตถุประหลาดปรากฎขึ้นอยู่บนท้องฟ้า จากที่เห็นกันเพียงไม่กี่คนจนร้องทักออกมาจนในที่สุด แทบจะทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังวัตถุนั้นแทบจะเป็นตาเดียว


สิ่งที่ทุกคนได้เห็นอยู่ตอนนี้ก็คือวัตถุบินได้ลึกลับที่ทุกคนต่างก็รู้จักกันในนามยูเอฟโอ วัตถุชิ้นนี้จะมองว่าเหมือนคนก็ดูเหมือน แต่ด้วยการที่มันลอยอยู่กลางอากาศอยู่่นิ่งๆราวกับเป็นฉากหนึ่งที่เห็นได้บ่อยจากในหนังแนวไซไฟนี้ทำให้ไม่มีใครในที่นี้คิดว่าเป็นมนุษย์แต่อย่างใด ผู้คนที่เห็นต่างก็นิ่งอึ้งไปพร้อมที่ทีที่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง


“….ฉัน…ไม่ได้ตาฝาดไปใช่รึเปล่า….ไอ้นั่นมันอะไรกัน”


“….ยูเอฟโอ…ใช่รึเปล่า”


“กองเรืออเมริกาส่งสัญญาณเตือนดังลั่นขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่ของของอเมริกาแน่ๆ”


ในขณะที่ผู้คนในท่าเรือที่เห็นต่างก็อึ้งๆทำอะไรไม่ถูกนั้น กองทัพอเมริกาเองก็ได้เตรียมพร้อมรบอย่างเต็มรูปแบบในทันที


พวกเขาพยายามที่จะติดต่อสื่อสารกับยูเอฟโอที่เห็นพร้อมทั้งส่งตัวแทนออกมาพูดผ่านเสียงตามสายเพื่อให้วัตถุที่ลอยอยู่บนฟากฟ้านี้ให้ระบุตัวตนออกมา นั่นก็เพราะบริเวณดังกล่าวเองไม่ใช่น่านน้ำของอเมริกา ต่อให้อเมริกาจะมั่นหน้าขนาดไหนก็ต้องมีการหวาดวิตกกันบ้าง


แต่เพียงไม่สิ้นเสียงตามสายนี้ดี วัตถุดังกล่าวก็ได้ทำการโจมตีใส่เรือรบของอเมริกาจากสิ่งที่คล้ายแขนที่ยื่นออกมาทั้งสองข้าง สิ่งที่ยิงออกมานี้ราวกับว่าเป็นปืนคลื่นพลังงานที่เคยเห็นจากฉากหนังเลยด้วยซ้ำ


ทันทีที่ลำแสงได้ตกกระทบไปบนเรือรบของอเมริกาก็ได้เกิดเสียงดังลั่นตามมาด้วยการระเบิดของเรือที่โดนยิงจนแตกกระจายกลายเป็นดอกไม้ไฟในทันที เรียกได้ว่าสูญสิ้นในพริบตา


เรือรบอเมริกาลำอื่นที่เห็นฉากนี้ต่างก็เร่งตอบสนองในทันที ปากกระบอกปืนของเรือรบที่เตรียมพร้อมเล็งเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ถูกสั่งยิงอย่างทันควัน


 


แต่ด้วยการที่วัตถุดังกล่าวลอยอยู่บนฟ้าทำให้การเคลื่อนไหวของมันนั้นคล่องแคล่วอย่างน่ากลัว มันได้ทำการหลบหลีกห่ากระสุนได้อย่างง่ายดาย


แต่ด้วยการที่ห่ากระสุนที่ถูกยิงเข้าใส่นั้นมากมายพอราวกับจะคลอบคลุมท้องฟ้าได้ ต่อให้วัตถุบินได้นี้หลบหลีกยังไงก็ยังถูกยิงใส่อยู่ดี


อย่างไรก็ตาม กระสุนที่สมควรจะโดนวัตถุลอยฟ้านี้กลับระเบิดก่อนที่จะสัมผัสพื้นผิวของมัน จนเมื่อห่ากระสุนได้หยุดลง วัตถุดังกล่าวไม่ได้มีร่องรอยความเสียหายปรากฎขึ้นเลยแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่าวัตถุชิ้นนี้สมควรจะมีโล่พลังงานบางอย่างในการปกป้องตัวเองเอาไว้


ในตอนนี้เอง วัตถุบินได้นี้ได้ทำการโจมตีอีกครั้งหนึ่ง ลำแสงที่ยิงออกมาแต่ละครั้งได้ทำให้เรือรบของอเมริกาต้องระเบิดเลอะราวกับเต้าหู้โดนทุบในทุกๆครั้งไป


“ตูม….ตูม…..ตูม….ตูม….”


หลังจากที่กองเรืออเมริกาได้ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง เรือขนส่งสินค้าในบริเวณดังกล่าวเองถึงแม้จะได้รับความเสียหายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายจนทำให้เรือต้องจมแต่อย่างใด


หลังจากเสร็จสิ้นการระเบิดเละของกองเรืออเมริกา วัตถุบินลึกลับนี้ไม่ได้มีท่าทีรั้งรอแต่อย่างใด ราวกับว่าเมื่อมั่นใจว่ากองเรืออเมริกาถูกกำจัดหมดแล้วก็ได้ทำการบินหายลับไปในทันที ปล่อยให้เหล่าผู้คนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างก็มีท่าทีโง่งมอย่างช่วยไม่ได้


แต่ในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ยังพอมีใครบางคนที่ตั้งสติและทำการถ่ายทั้งรูปและวิดีโอแล้วส่งขึ้นไปบนอินเตอร์เนตในทันที


เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เพียงซูจิ้งจะไม่พยายามปกปิดร่องรอยเหมือนดังแต่ก่อน เขายังให้ทั้งซูฉือและหลัวฉือหลินคอยจัดการใครก็ตามที่สั่งปกปิดเรื่องนี้อีกด้วย


เหล่าผู้คนที่เห็นข่าวนี้ทีแรกต่างก็พูดติดตลกออกมาว่าระวังพวกรัฐบาลจะไปหาเพื่อปกปิดเรื่องราวต่างๆ เพราะยังไงซะคนพวกนี้สามารถสืบสวนย้อนกลับหรือแม้แต่สั่งบล็อคผ่านทางอินเตอร์เน็ตและสัญญาณเคเบิลได้อยู่แล้ว และเรื่องนี้รัฐบาลบางประเทศก็ได้ดำเนินการค้นหาต้นตอเพื่อปกปิดเรื่องในครั้งนี้แล้วจริงๆ


อย่างไรก็ตาม ด้วยความร่วมมือของซูฉือและหลัวฉือหลินแล้ว พวกเขาสามารถเจาะทำลวงระบบต่างๆที่คอยปิดกั้นข้อมูลเหล่านี้อย่างง่ายดายโดยไม่เผยตัวตนออกมาเลยแม้แต่น้อย


และด้วยความร่วมมือนี้เองทำให้เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแทบจะในทันทีที่วิดีโอและภาพถ่ายเหตุการณ์นี้เผยแพร่เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต


“ไอ้ฉิบ….นี่มันคือยูเอฟโอที่ล่ำลือกันชัดๆ”


“จริงดิ ไม่ใช่ว่านี่เป็นฉากหนังหรอกเหรอ”


“น่าจะของจริงนะ ฉากแบบนี้ไม่น่าเอาไปฉายในโรงได้แน่ๆ”


“ของจริงเสียยิ่งกว่าจริง แถมกองเรืออเมริกาที่เห็นเละตุ้มเป้ะนั่นเองก็จริงยิ่งกว่าสิ่งใดด้วย”


“เจ้าวัตถุบินลึกลับนั่นน่าจะมีเกราะพลังงานที่เคยเห็นในหนังแนววิทยาศาสตร์แน่ๆถึงได้ป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมดแบบนี้ โคตรน่ากลัวเลย นี่แสดงให้เห็นว่าวัตถุนี้เป็นของสิ่งมีชีวิตนอกโลกแน่ๆ เพราะโลกเรานั้นยังไม่มีวิทยาการในระดับนี้ได้”


“เป็นไปได้รึเปล่าว่ามันมาที่นี่เพื่อสำรวจโลกของเรา”


 


“ประเด็นคือหากว่านี่เป็นยานบินของสิ่งมีชีวิตต่างดาวจริงล่ะก็ ทำไมอยู่ๆมันถึงไปอยู่ที่ช่องแคบมะละกาแล้วกล้าที่จะทำลายกองรบของมนุษย์กันล่ะ แล้วทำไมอยู่ๆก็ได้หายไป”


“ถ้าหากจะให้พูดล่ะก็คงบอกได้เพียงว่าช่วงนี้อเมริกานี่โคตรซวยเลยจริงๆล่ะนะ”


 


ในขณะที่ชาวเน็ตได้พูดคุยเรื่องนี้กันอย่างบ้าคลั่งนั้น รัฐบาลของอเมริกาที่ได้ข่าวนี้ต่างก็ตกตะลึงและแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาในทันที


อเมริกาที่ในตอนนี้กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการที่ข้อมูลลับสุดยอดของซีไอเอถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว มาในตอนนี้ อเมริกายังต้องมาเจอกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นไม่เว้นวันแบบนี้ หากว่าไม่บอกว่าโคตรซวยล่ะก็ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเรียกว่าอะไร


อเมริกาได้ทำการสืบสวนเรื่องนี้ในทันที แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสืบสวนยังไงก็ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุบินได้ลึกลับที่ถล่มกองเรือรบของตนเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าอยู่มันก็มา และอยู่ๆมันก็หายไปได้ในทันทีที่ต้องการ


ราวกับว่าเห็นการกระทำของอเมริกาแล้วก็อดที่จะออกมาตบกะโหลกสักทีเสียไม่ได้ ยังไงอย่างนั้น


GGS:บทที่ 1108 จู่โจม


ไม่นานหลังจากการที่มีวัตถุบินได้ลึกลับปรากฏตัวให้เห็นและหายไปอย่างไม่เจอร่องรอย

ทั่วทั้งโลกต่างก็ต้องมีเรื่องให้ตื่นตระหนกกันอีกครั้ง นั่นก็เพราะว่าได้มีวัตถุประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์แต่มีร่างกายเป็นเหล็ก ได้ทำการโบยบินไปมาเหนือก้อนเมฆอย่างรวดเร็วบนน่านฟ้าของกรุงวอชิงตันในอเมริกา

ในขณะที่ผู้คนกำลังแตกตื่นนั้น อยู่ๆเจ้าสิ่งนั้นก็ได้ลดความเร็วลงแล้วเข้าไปจับเครื่องบินบังคับลำหนึ่งที่บินเข้ามาใกล้


ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีสัตว์ประหลาดที่เป็นเงาสายฟ้าได้ปรากฎกายออกมาจากเรื่องบินของเล่นนั้น มันเอ่ยปากพูดออกมาว่า “นายท่าน ท่านอยู่ที่นี่เอง”

วัตถุประหลาดรูปร่างมนุษย์ที่มีผิวเป็นเหล็กนี้ก็คือชุดเกราะเหล็กของไอร่อนแมนและแน่นอนว่าผู้ที่อยู่ข้างในนี้ก็คือซูจิ้งนั่นเอง

ในช่วงที่เกิดเรื่องต่างๆมากมายนี้ ซูจิ้งได้ให้เหล่านักวิทยาศาสตร์สุดแสนจะอัจฉริยะของเขาได้เจาะระบบของเกราะเหล็กตัวหนึ่ง และในตอนนี้ มีเพียงซูจิ้งเท่านั้นที่สามารถใช้ชุดเกราะนี้ได้


“ฉันไม่คิดเลยว่าชุดเกราะของไอร่อนแมนจะดีขนาดนี้เลยนะเนี่ย นอกจากจะหลบเลี่ยงจากเรดาห์ได้แล้วยังแทบจะไร้ตัวตนเลย เอาล่ะตามฉันมาช่วยกันหน่อย” หากว่าซูจิ้งร่วมมือหลัวฉือหลินในร่างสายฟ้านี้ล่ะก็ เรียกได้ว่านี่จะกลายเป็นฝันร้ายของรัฐบาลอเมริกาอย่างไม่ต้องสงสัย

“ได้ครับ” เพียงสิ้นเสียง สแตนด์สายฟ้าก็ได้เคลื่อนย้ายตัวเองจากเครื่องบินบังคับไปยังชุดเกราะไอร่อนแมนในทันที

“ตอนนี้เรดาห์ของอเมริกาสมควรจะตรวจจับพวกเราได้แล้ว เตรียมตัวจู่โจมได้” ซูจิ้งพูดออกมาก่อนที่จะเร่งความเร็วของตัวเองจนเกิดเสียงของโซนิคบูมตามมาจนดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า


ณ พิวเจ็ตซาวน์ ที่นี่คือช่องทางน้ำที่ไหลผ่านเข้ามาในแผ่นดินจากมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านช่องแคบฮวนเดฟูกาซึ่งตั้งอยู่บริเวณอเมริกาเหนือ

ที่นี่มีฐานทัพร่วมของอเมริกาที่มีชื่อว่า ลูวิสแมคคอร์ด ตั้งอยู่ ฐานทัพแห่งนี้ถูกจัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2010 โดยจัดตั้งขึ้นในบริเวณป้อมลูวิสซึ่งเป็นหนึ่งในกองทหารที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดของอเมริกา รวมเข้ากับกองกำลังแมคคอร์ดที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาระเบียบให้กับน่านฟ้าทั่วโลก

ที่ฐานทัพร่วมแห่งนี้ในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นศูนย์ฝึกทหารและหน่วยระดมพล

นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของกองกำลังพิเศษที่ 1 กองทหารพรานที่ 75 กองทหารที่ 6 กองพลทหารราบที่ 189 และกองผลสนับสนุนภาคสนามที่ 404

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของกองทหารมากมายขนาดไหนก็ตาม ตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ต้องหูผึ่งในทันทีเพราะว่ามีสัญญาณเตือนภัยดังระงมไปทั่วทั้งฐานทัพ ในก็เพราะว่าตอนนี้ฐานทัพแห่งนี้ได้ตรวจพบวัตถุไม่ปรากฏสัญชาติอยู่ในเขตน่านฟ้าของอเมริกา และกำลังพุ่งตรงมายังฐานทัพแห่งนี้ด้วยความเร็วสูง


“ไอ้นั่นมันอะไรกัน”

“มันเล็กมากครับ น่าจะเป็น เครื่องบินไร้คนขับแน่ๆ แต่นี่ไม่ใช่เครื่องบินของฝ่ายเราอย่างแน่นอน”

“ลองใช้วิทยุติดต่อมันดูสิ”

“ไม่มีสัญญาณตอบกลับครับ”

“สอยมันลงมา”

ในตอนนี้เองที่เครื่องบินรบจำนวนหนึ่งได้ทะยานออกจากฐานทัพแห่งนี้และพุ่งตรงไปยังวัตถุไม่ปรากฏสัญชาตินี้ในทันที


ไม่นาน เหล่าเครื่องบินรบก็ได้เห็นวัตถุเป้าหมายอยู่ไกลลิบตา ถึงแม้จะยังไม่เห็นว่าสิ่งนี้คืออะไรกันแน่ แต่เครื่องบินทุกลำก็ได้ล็อคเป้าวัตถุเป้าหมายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเริ่มยิงมิสไซล์ไปยังเป้าหมายไล่ๆกันไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มิสไซล์ของทัพฟ้าอเมริกาจะถึงตัวเป้าหมาย มิสไซล์ทั้งหมดราวกับว่าถูกกีดขวางด้วยอะไรบางอย่างก่อนที่จะระเบิดออกก่อนที่จะถึงเป้าหมาย

และตอนนั้นเอง เครื่องบินทุกลำก็ได้เห็นวัตถุที่ใช้ในการต่อต้านมิสโซล์ได้อย่างชัดถนัดตา

“แม่…เอ๊ย อะไรวะนั่น”

“ฉันต้องตาฝาดไปแน่ๆ ไอ้นั่นมันเหมือนคนเลยนี่หว่า”

“….ไม่…ไม่ใช่ว่า…มันเป็นชุดเกราะไอร่อนแมนที่อยู่ในหนังหรอกเหรอ” ยังไม่ทันจะพูดจบดี เหล่านักบินก็ได้ยินเสียงระเบิดดังอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของตน เครื่องบินรบได้ถูกโจมตีจนทำให้ปีกของเครื่องบินหลุดลอยออกจากตัวเครื่องทำให้ตัวเครื่องเสียการทรงตัวและล่วงหล่นราวกับนกปีกหัก

นักบินได้ทำการดีดตัวออกมาได้ทันก่อนที่จะกางร่มชูชีพแล้วเตรียมตัวที่จะลงพื้นในทันที

“อะไรก็ช่าง ยิงมันทิ้งเดี๋ยวนี้” ผู้บัญชาการของภารกิจได้รีบพูดเตือนสติลูกน้องของคนในทันที


เป็นตอนนี้เองที่การรบบนฝากฟ้าได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร็ว ความคล่องตัว อาณุภาพทำลายล้าง และวิธีการโจมตี ทุกอย่างล้วนแล้วแต่รู้สึกได้ในทันทีว่าอาวุธของทั้งสองฝ่ายนั้น อยู่คนระดับกันอย่างสิ้นเชิง

ถ้ะพูดให้ฟังเข้าใจได้ง่ายๆก็คงจะเป็นตอนที่เครื่องบินรบโจมตีชุดเกราะเหล็กนี้ ชุดเกราะดูเหมือนจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อชุดเกราะนี้เริ่มทำการโจมตี เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้เครื่องบินรบร่วงลงได้ และด้วยเหตุนี้เอง เพียงไม่ถึงสองนาทีดี เครื่องบินรบก็ได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น

หลังจากทำลายเครื่องบินรบได้แล้ว เกราะเหล็ก ก็ได้มุ่งตรงไปยังที่ตั้งของฐานทัพจนปรากฎอยู่เหนือฐานทัพอเมริกาเพียงชั่วพริบตา

ในตอนนี้ ไม่มีใครเลยที่สนใจที่จะดูจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพเหตุการณ์สู้รบเมื่อสักครู่นี้อีกต่อไป ทุกๆคนต่างก็เหงยหน้ามองฟ้าจับจ้องไปเป็นทางเดียว และทุกคนได้รู้ในทันทีว่าสิ่งที่เห็นกับตาตัวเองนี้ ไม่ว่ามองยังไงแล้วมันก็คือไอร่อนแมนนั่นเอง

“พระเจ้าช่วย ไอร่อนแมน”

“เป็นไปได้ยังไงกัน นี่ฉันฝันไปอยู่รึเปล่า”

“ถ้านี่คือไอร่อนแมนจริงก็สมควรจะอยู่ฝั่งเราไม่ใช่เหรอ ถ้าใช่จริงก็ไม่สมควรจะโจมตีพวกเดียวกันเองแบบนี้สิ”

“ตอนนี้มันคือศัตรู ลากมันลงมาสิโว้ย”


ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเลยที่จะไม่รู้จักอาณุภาพของเกราะเหล็กที่อยู่ตรงหน้าว่าน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าด้วยชุดเกราะชุดนี้ สามารถกวาดล้างฐานทัพได้อย่างง่ายดายแทบจะไร้รอยขีดข่วน

อย่างไรก็ตาม ฐานทัพแห่งนี้เองก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดฐานทัพที่เต็มไปด้วยกองทหารที่มีฝีมือฉกาจพร้อมทั้งอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยกว่าใคร

การที่คนที่อยู่ในชุดเกราะเหล็กนี้เลือกที่จะมาหาเรื่องกับสุดยอดกองทัพตรงๆแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมมีความเสี่ยงที่จะตกตายโดยง่ายเช่นเดียวกัน

ต่อให้ชุดเกราะนี้จะบินได้แต่ยังไงซะก็ไม่มีทางป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะต่อสู้กับกองทัพของอเมริกาตรงๆอยู่แล้ว เขาได้สแตนด์สายฟ้าของหลัวฉือหลินเข้าไปในฐานทัพนี้แทน

ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังไปทั่วฐานทัพร่วมแห่งนี้อย่างต่อเนื่องและไล่เลี่ยกันไป แถมยังเกิดเสียงไฟฟ้าที่เกิดการลัดวงจรขึ้นชนิดที่ดังจนต้องหันไปมอง นี่ทำให้อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายที่มีไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบ พังจนใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

ในขณะเดียวกันนั้น ซูจิ้งเองก็ไม่ได้อยู่รอดูผลงานเฉยๆแต่อย่างใด เขาได้กระหน่ำยิงลำแสงออกจากมือทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่องจนเกิดระเบิดไปทั่วเช่นเดียวกัน

เพียงไม่นานทุกคนก็ได้ยกธงขาวย้อมแพ้และไม่คิดจะต้อต้านอีกต่อไป ซูจิ้งเองก็ไม่ได้คิดที่จะไล่ฆ่าทหารเหล่านนี้ เขานนั้นไม่เพียงจะไม่โจมตีโดนทหารเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาได้มุ่งเน้นในการทำลายอาวุธและยุทโธปกรณ์ทั้งหลายเท่านั้น


ในทันทีที่ข่าวนี้ได้ไปถึงทำเนียบขาว เหล่าทหารของอเมริกาต่างก็ตื่นตัวในเรื่องนี้กันทันที พวกเขาได้เห็นวิดีโอที่ได้บันทึกฉากเหตุการณ์นี้เป็นมุมกว้างเอาไว้และถูกเผยแพร่บนโลกอินเตอร์เนตกันทุกคน

“พระเจ้า ไอร่อนแมน นี่มันหนังภาคใหม่รึเปล่า”

“หึหึหึ นี่ไม่ใช่หนังหรอก และไอ้ฉากที่เห็นบรรลัยยับนั่นก็คือฐานทัพร่วมลลูวิสแม็คคอร์ดของพวกเรา”

“ฉิบ… เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าประเทศเรานั้นเป็นประเทศที่พัฒนาชุดเกราะสุดล้ำนั่นขึ้นมาหรอกเหรอ”

“โคตรมหัศจรรย์เลยจริงๆที่ได้เห็นชุดเกราะนี้ในชีวิตจริงแบบนี้ ฉันฝันมาตลอดเลยนะว่าจะได้ใส่ชุดเกราะแบบนี้บ้าง”

เสียงจากชาวอเมริกัน

“เกิดอะไรขึ้น โลกนี้มีไอร่อนแมนตัวเป็นๆแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ต่อให้นั่นเป็นไอร่อนแมนจริงๆก็ควรจะเข้าข้างพวกเราไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ทำไมเขาถึงได้โจมตีกองทัพสหรัฐกันล่ะ”

“ฉันฝันมาตั้งแต่เด็กเลยนะว่าจะได้เห็นชุดเกราะเหล็กของไอร่อนแมนในชีวิตจริงแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าอยู่ๆจะกลายเป็นศัตรูไปได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

….

เสียงจากชาวเน็ตจีน

“ไอร่อนแมน ไอร่อนแมนจริงๆด้วย”

“แถมไอร่อนแมนคนนี้ยังไประเบิดฐานทัพอเมริกาจนเลอะเถอะทำได้ดีจริงๆ”

“ไอร่อนแมนได้พิทักษ์ความถูกต้องเหมือนอย่างที่ฉันเคยใฝ่ฝันว่าจะเป็นจริงๆด้วย”

“คนในชุดนั่นต้องหล่อและรวยมากแน่ๆ”

“เฮ้ นายได้ยินรึยังว่าวันนี้ไอ้พวกมะกันนั่นซวยซับซวยซ้อนจนไม่รู้จะบอกว่ายังไงดีแล้ว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่ใช่เรื่องของความซวยหรอก เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง ลองนึกดูสิว่าไอ้พวกนั้นทำเรื่องเลวทรามเอาไว้มากมายขนาดไหน ไหนจะเรื่องข้อมูลลับที่ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไหนจะโดนโจมตีจากวัตถุบินได้ใม่รู้จักที่มา ไหนจะโดนโจมตีจากไอร่อนแมนอีก นี่เรียกได้เลยว่าอเมริกานี่พบเจอกับบเรื่องน่าเหลือเชื่อไม่ขาดสายเลยนะนั่น โชคดีจริงๆ”

“ฉันว่าตอนนี้อเมริกาน่าจะมีปัญหากับกองกำลังลึกลับแล้วล่ะ”


ในขณะที่ผู้คนทั่วทั้งโลกกำลังพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่กับอเมริกานั้น ในตอนนี้กลับต้องอยู่ในสภาวะราวกับว่ากำลังถูกกดดันจากสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างหนักหน่วง

ประเทศอเมริกาในตอนนี้ประกาศสภาวะฉุกเฉินและเตรียมตัวอย่างเต็มรีบแบบ รัฐบาลพยายามสืบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเต็มความสามารถแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย

ไม่กี่วันถัดมา ฐานทัพอเมริกาอีกแห่งก็ได้ถูกไอร่อนแมนโจมตีอีกครั้ง ทิ้งแม้ความเสียหายของฐานทัพจะไม่ได้ใหญ่หลวงเกินการซ่อมแซม แต่เรื่อบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาถูกทำให้จมลงอย่างง่ายดาย

ไม่เพียงเท่านั้น ไอร่อนแมนยังได้ทำลายเครื่องบินเล็กพร้อมทั้งอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่างๆที่อยู่ที่นั่นจนราบเป็นหน้ากองอย่างไม่เหลือชิ้นดีโดยที่ไม่ได้ทำอันตรายต่อทหารโดยตรงแต่อย่างใด


ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่อเมริกาที่ต้องรู้สึกหมดอาลัยตายยาก เรื่องนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกอยู่กันไม่สุขในทันที เหตุผลก็ผลไอร่อนแมนคนนี้สามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินโดยใช้แค่บินทะลุตรงกลางลำเรือจากดาดฟ้าลงไปใต้น้ำในทีเดียวเท่านั้น

นี่เรียกได้ว่าทั้งน่าอัศจรรย์และทรงพลาณุภาพในเวลาเดียวกัน


GGS:บทที่ 1109 เหตุผล


หลังจากเสร็จจากการโจมตีอเมริกาแล้ว ซูจิ้งได้จากไปโดยเขาได้กับวัตถุบินลึกลับและชุดเกราะไอร่อนแมนเอาไว้ในกระเป๋ามิติ ส่วนหลัวฉือหลินเองในตอนนี้อยู่สถานะที่ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนพบเห็นได้อยู่แล้วจึงสามารถหลบที่ไหนก็ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ต่อให้อเมริกาจะควานหาคนที่ใส่ชุดเกราะไอร่อนแมนมากมายขนาดไหนก็ไม่เจออะไรเลยแม้แต่ปลายขน


เหตุการณ์นี้ทำให้เป็นครั้งแรกนับแต่ก่อตั้งประเทศเลยก็ว่าได้ที่ทำให้อเมริกาต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ตื่นตระหนกกันไปทั้งประเทศ

ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลลับของซีไอเอนั้น อเมริกายังถือตัวว่าเป็นสุดยอดผู้มีอำนาจของโลกใบนี้และก็พอที่จะใช้อำนาจของตนทำเรื่องต่างๆอย่างตามใจ

มาถึงตอนนี้ ไม่เพียงจะถูกเพ่งเล็งจากประชาคมโลกในสิ่งที่อเมริกาได้กระทำลงไป แถมกองทัพที่ตนภูมิใจกลับถูกทำลายลงอย่างไม่เหลือท่า ทำให้ตอนนี้ไม่เหลือเค้าโครงของสุดยอดประเทศที่มีอำนาจที่สุดของโลกอีกต่อไป และอยู่ในสภาพที่จะล่มสลายได้ทุกเวลา

ต่อมา ประเทศจีน ได้เริ่มกดดันประเทศอเมริกาอย่างเต็มเรื่องแบบในเรื่องที่อเมริกาได้ทำการข่มเหงกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเมื่อก่อนหน้านี้


ประเทศจีนได้ป่าวประกาศให้ประชาคมโลกได้รับรู้ว่าเหตุผลอเมริกากดดันกลุ่มทุนห้วงเวลาฯนั้นเป็นเพราะว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาฯได้กลายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของประเทศจีนและยังคงมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าจะกลายเป็นบริษัทที่นำพาประเทศจีนไปสู่ยุคสมัยใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

นี่จึงเป็นเหตุผลที่อเมริกาคิดจะหาเรื่องอย่างไม่ลดละและไม่มีเหตุผลที่ดีพอ

หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ อเมริกา ไม่มีทางเลยที่จะยอมรับท่าทีของจีนที่แสดงออกมา อย่างไรก็ตาม อเมริกาในตอนนี้แทบจะไม่ได้ต่างจากผู้ป่วยติดเตียงที่รอวันตายเท่านั้น อเมริกาถือว่านี่เป็นทางลงที่ดีที่สุดแล้วจึงรีบคว้าเอาไว้ในทันที โดยการส่งฑูตเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

หลังจากเจรจากันแล้ว ในที่สุดอเมริกาก็ได้ทำการประนีประนอมเรื่องดังกล่าว และคนที่ชนะในครั้งนี้ก็คือประเทศจีนและซูจิ้ง


ด้วยการที่อเมริกาในตอนนี้ไม่เพียงยากที่จะกดขี่ประเทศใดได้เหมือนดังแต่ก่อน ไม่สิต้องบอกว่าแค่ป้องกันตัวเองก็ยังจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำจึงไม่สามารถทำตัวกร่างได้แบบเมื่อก่อนอีกต่อไป

ที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดก็คือหลังจากอเมริกาประกาศที่จะไม่กีดกันทางการค้ากับกลุ่มทุนห้วงเวลาฯอีกต่อไป ในวันถัดๆมานั้นการโจมตีฐานทัพอเมริกันก็ได้หยุดลงอย่างไม่เห็นวี่แววแต่อย่างใด

เรื่องราวเหล่านี้ทำให้แม้แต่ประชาคมโลกเองก็ยังสังเกตได้ ก่อนหน้านี้อเมริกาส่งสายลับเข้าไปจับคนองสถาบันวิจัยของอเมริกา ถึงแม้จะสำเร็จ แต่ก็จบลงด้วยการทรยศหักหลังประเทศ

กองพบเรืออเมริกาเองที่ไปกักกั้นเรือสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเอง ไม่เพียงจะหายไปเพียงหนึ่งกอง แต่เรียกได้ว่าหายไปยันฐานทัพของอเมริกาเลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกที่จะทำให้ประชาคมโลกจะสงสัยจนจับมาเป็นประเด็นพูดคุย


“ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันแน่ ไม่ใช่ว่าประเทศจีนนี่จะรอจังหวะให้เกิดเรื่องแบบนี้ถึงกล้าออกมาแสดงท่าทีหรอกเหรอ พวกนั้นจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว”

“ก็จริง แต่นี่ก็หมายความว่าประเทศจีนได้คาดการไว้อยู่แล้วว่าอเมริกาต้องเกิดเรื่องอย่างข้อมูลลับถูกเผยแพร่และกองทัพอเมริกาแตกพ่ายด้วยนา คงไม่ใช่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทั้งหมดมีจีนอยู่เบื้องหลังหรอกนะ”


ความเห็นของชาวเน็ตประเทศจีน

“นี่ไม่ใช่ว่าประเทศเราจะมีกองกำลังลึกลับอยู่หรอกเหรอ”

“ทำไมฉันถึงไม่กล้าเถียงเรื่องนี้เลยนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ คนเดียวที่ฉันนึกออกก็คือท่านเทพฯซูจิ้งของพวกเรานั่นแหล่ะ เรียกได้เลยว่าใครก็ตามที่หาเรื่องเขานี่ศพไม่สวยเลยสักราย”

“ไม่มีทางหรอกน่า ต่อให้ซูจิ้งจะเทพขนาดไหนแต่เรื่องที่เกิดขี้นนี่มันราวกับท้าทายสวรรค์จริงๆนะ”

“ไม่มีโอกาสเหรอ เอ็งลองคิดดีๆสักนิดสิว่าเขานั้นทำอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นขี่อินทรีย์ทอง ช่วยคนจากกองเพลิง เป็นเจ้าของระบบปัญาประดิษฐ์ รักษาคนจากอาการALS สร้างไฟที่ไม่มีวันดับมอด และเรื่องราวมหัศจรรย์อีกมากมาย เอาจริงๆเลยนะในความคิดของฉันแล้วถ้าอยู่ๆจะมีข่าวออกมาว่าเขานั้นไปตบกะโหลกผู้นำหน่วยงานรัฐบาลอเมริกาสักทีฉันเองก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด


ใครจะไปรู้ล่ะ เจ้าวัตถุบินลึกลับนั่นกับชุดเกราะไอร่อนแมนเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในงานวิจัยของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯก็ได้นะ”

“นี่นายจะบอกว่าเป็นเพราะอเมริกาเข้ามากดดันให้กลุ่มทุนห้วงเวลาฯอยู่แต่ในประเทศ เขาเลยออกมาเคลื่อนไหวจนทำให้อเมริการต้องยอมประนีประนอมเนี่ยนะ ไม่มีทาง ถ้าทำได้จริงเขาก็บ้าเกินไปแล้ว”

“ไม่มีทางหรอกน่า นายก็คิดไปซะเวอร์วังเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่านั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม แต่นี่แสดงให้เห็นว่าต่อให้เป็นโชคร้ายแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่จิ้งก็ต้องหายวับไปในทันที”


ถึงแม้ผู้คนจะพูดกันไปอย่างหลากหลายแต่ไม่มีใครเลยที่จะรู้ความจริงที่เกิดขึ้น ร่องรอยของวัตถุบินลึกลึบและชุดเกราะไอร่อนแมนนั้นไม่ว่าจะสืบยังไงก็สืบไม่เจอ

หากมองจากผลลัพท์ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าต้องมีจีนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน แต่ประเด็นคือตอนนี้อำนาจของจีนที่แสดงออกมานั้นไม่ได้แสดงออกมาเลยสักนิดว่าตัวเองอยู่เบื้องหลัง และแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายแต่แรกเริ่มและยากจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง

นี่จึงทำให้ประชาคมโลกเองอดจะทำการสืบสวนถึงขุมพลังที่แท้จริงให้แน่ชัดอีกครั้งไม่ได้ เพราะหากว่าประเทศจีนนั้นมีความแข็งแกร่งพอที่จะทำเรื่องแบบนี้จริงล่ะก็ พวกเขาจะได้ไม่ไปหาเรื่องกลับจีนอีกต่อไป


ในห้องประชุมของเหล่าผู้นำหน่วยงานรัฐบาลอเมริกา ประธานาธิบดีอดไม่ได้ที่จะนำจดหมายขู่ออกมาอ่านอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดใส่ใจกับจดหมายนี้แม้แต่น้อย แต่พอมาในตอนนี้ เขาได้หยิบมันออกมาอ่านอย่างนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ถ้ายังไม่เลิกกีดกันกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาสล่ะก็ สิ่งที่เกิดกับซีไอเอจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น….”

ประธานาธิบดีได้อ่านข้อความนี้ซ้ำๆจนหน้าเขาในตอนนี้แสดงออกมาอย่างบูดบึ้ง ในฐานะที่เขาเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาคิดแต่เพียงจะหาวิธีการพัฒนาประเทศและควบคุมโลกใบนี้ให้ได้ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าความคิดของตัวเองจะทำให้ประเทศมาอยู่ในจุดนี้ได้

คนอื่นๆที่เห็นท่าทางของประธานาธิบดีก็อดไม่ได้จนเริ่มการพูดคุยออกมา


“จะเป็นไปได้รึเปล่าว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นประเทศจีนทำการแก้แค้นพวกเรา”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็มันก็ควรจะประกาศสงครามกับพวกเราตั้งแต่ตอนขอเข้าไปตรวจสอบแล้วนะ”

“เพียงความคิดนั้นไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอก อย่าว่าแต่หลักฐานเลย พวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัตถุบินกับชุดเกราะไอร่อนแมนนั่นมากจากไหน แม้แต่จดหมายนั่นเรายังไม่รู้เลยว่ามาอยู่ในห้องประธานาธิบดีได้ยังไง แล้วเราจะเอาอะไรไปบอกได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีจีนอยู่เบื้องหลัง”

“เหนือสิ่งอื่นใดเลยนะ หากว่านี่เป็นฝีมือประเทศจีนจริงล่ะก็ แสดงว่าพวกมันมีอำนาจทางการทหารที่เหนือล้ำกว่าใครในโลกแล้ว แล้วพวกเราจะไปทำอะไรได้”

“ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับจีนหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้มีกองกำลังที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ในโลกนี้แล้ว และเหนือล้ำกว่าพวกเรามากนัก”

ในระหว่างที่มีการพูดคุยอยู่นั้นเอง อยู่ๆประตูก็ได้เปิดออกมาและได้มีชายหนุ่มชายยุโรปไม่ก็อเมริกาที่ไม่คุ้นหน้า หลังจากปิดประตูแล้ว ชายคนคนนี้ได้เข้ามานั่งยังที่นั่งที่วางอยู่อย่างไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวอะไรราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเอง

ประธานาธิบดีและผู้นำหน่วยงานรัฐบาลคนอื่นๆเองได้มองหน้าชายคนนี้ด้วยความโง่งมพักใหญ่ จนในที่สุด ชายวัยกลางคนตัวสูงได้ถามออกมาอย่างดุร้ยว่า “แก…เป็น…ใคร”

ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองหน้ากันไปมาแต่ไม่มีใครมีท่าทีแสดงท่าจะรู้จักแต่อย่างใด ชายตัวสูงที่ดูหน้าเกรงขามคนนี้ก็ได้แสดงหน้าตาทีดุร้ายแล้วพูดออกมาต่อว่า “ใครให้มันเข้ามาที่นี่ ใครก็ได้ลากตัวมันออกไปเดี๋ยวนี้”

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการตอบสนองจากบอดี้การ์ดที่อยู่นอกห้องประชุมแต่อย่างใด ชายตัวสูงที่ดูหน้าเกรงขามจึงได้หยิบโทรศัพท์เพื่อเรียกคนให้มาลากคนๆนี้ออกไป ถึงแม้ว่าเขาเองยังคงสงสัยอยู่ว่าชายแปลกหน้าคนนี้จะผ่านบอดี้การ์ดที่เข้มงวดและแข็งแกร่งที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกได้ยังไงก็ตาม


ไม่นานหลังจากอีกฝั่งของโทรศัพท์รับสายและที่ปลายสายได้รับคำสั่งแล้ว ไม่นาน ก็ได้มีกองกำลังติดอาวุธเต็มอัตราศึกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

ตอนแรกทุกคนในห้องต่างก็คิดว่าการที่ใช้กองกำลังที่เต็มอาวุธแบบนี้มาจับคนๆเดียวค่อนข้างจะเกินไปหน่อย แต่ไม่ทันที่จะคิดต่อ กองกำลังเหล่านั้นกลับมารุมล้อมเหล่าผู้นำหน่วยงานรัฐบาลและใช้อาวุธชี้มาที่พวกเขาในทันที

ประธานาธิบดีและผู้นำหน่วยงานรัฐบาลคนอื่นๆเองได้มองกันด้วยสายตาที่โง่งมอยู่นานก่อนที่จะเริ่มโวยวายออกมา ตอนนี้พวกเขาไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“แก…แกเป็นใครกันวะ” ชายที่ดูอาวุโสคนหนึ่งถามออกมาอย่างโกรธเคือง

“แกเป็นคนเขียนจดหมายข่มขู่นั่นงั้นเหรอ” ประธานาธิบดีรีบถามออกมาก่อนที่จะหยิบจดหมายขึ้นมาแสดงให้ดูอย่างสั่นเทาด้วยความโกรธเคือง

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฉันให้คนของฉันเขียนแล้วไปวางบนโต๊ะของแก รวมถึง เรื่องข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการณ์ลับต่างๆของซีไอเอ วัตถุบินลึกลับที่ช่องแคบมะละกา และเกราะไอร่อนแมนนั่น ทุกอย่าง มีฉันอยู่เบื้องหลัง” ชายหนุ่มชาวยุโรปไม่ก็อเมริกาได้พูดออกมาอย่างช้าด้วยท่าทีที่ไม่หวั่นเกรง ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างก็มีอาการตกตะลึงจนดวงตาแถบจะทะลักออมาจากเบ้า


“อ้อ แต่อย่าเข้าใจผิดซะว่าฉันทำไปนั้นไม่ได้ต้องการให้พวกแกยอมรับการประนีประนอมอะไรนั่นแต่อย่างใด ที่ฉันออกมาทำแบบนี้เพราะว่าต้องการส่งสัญญาณเตือนพวกแกให้พวกแกเป็นคนเสนอการประนีประนอมเรื่องนี้ก็เท่านั้นเอง เอาเถอะ ยังไงซะกับคนภายนอกแล้วก็คงไม่เห็นถึงความต่างของมันล่ะนะ”

สิ่งที่ชายคนนี้พูดออกมาทำให้ประธานนาธิบดีและผู้นำหน่วยงานรัฐบาลคนอื่นๆสับสนในทันที ไม่ได้ข่มขู่ให้ยอมรับการประนีประนอม แต่ข่มขู่เพื่อให้เสนอการประนีประนอมอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกัน นี่มันราวกับว่าเรื่องการประนีประนอมจะเกิดขึ้นต่อให้ไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ตามงั้นเหรอ

แต่ยังไม่ทันทีคนเหล่านี้จะทำความเข้าใจอะไรได้ ประธานาธิบดีและผู้นำหน่วยงานของรัฐบาลทุกคนต่างก็รู้สึกหัวหมุนวิงเวียนและสิ้นสติสัมปชัญญะไปในที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)