Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1096-1097

 GGS:บทที่ 1096 ที่สุดแห่งห้วงเวลาและกาลอวกาศ


กุญแจนี้มีลักษณะคล้ายกุญแจรีโมทของรถยนต์ มันมีสีดำสนิท บนตัวกุญแจนี้เลื่อนลงได้ เมื่อลงแล้วกุญแจนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีแดง

และตอนที่ได้เลื่อนดูนั้นก็พบว่ามันมีเสียงสัญญาณออกมาและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนบางอย่าง ทั่วทั้งล่างของเขาหดเกร็ง ขนอกของเขาลุกชัน ซึ่งนี้ไม่ได้มาจากการที่เขาตกใจอย่างแน่นอน

ซูจิ้งรีบใช้พลังจิตของตัวเองเลื่อนให้กุญแจนี้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม ตอนนั้นเองแรงสั่นไหวก็ได้หายไป และความรู้สึกไม่ดีของเขาก็พลันหายไปในทันที

“เจ้านี่มันอะไรกัน” ตอนนี้ซูจิ้งอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มีความรู้สึกถึงรางร้ายแบบก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่เขานั้นรู้ดีว่าร่างกายของเขานั้นเหนือมนุษย์ขนาดไหนแต่กลับต้องรู้สึกถึงความรู้สึกแบบนี้ได้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

หากเป็นคนทั่วไปเมื่อรู้สึกถึงรางร้าย เป็นเขานั้นคงธรรมดา แต่กับยอดคนอย่างเขาแล้วการที่ต้องรู้สึกถึงรางร้ายแบบนี้ หากเป็นคนธรรมดามาเจอคงจะนิ่งแข็งค้างและอาจช็อคตายไปเลยก็ได้

ซูจิ้งได้ทำการถอยไปตั้งหลักไกลๆและไกลมาก แล้วเขาก็ได้ลองเลื่อนปุ่มอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่ามันคืออะไรกันแน่ โดยเขาให้หนูจำนวนหนึ่งเข้าไปใกล้กุญแจนี้ก่อนที่จะเลื่อนปุ่มอีกครั้ง

เขาพบว่าหนูทุกตัวในตอนนั้นเหมือนจะเป็นอำมพาตในทันที สติเลือนลาง จนกระทั่งหูของพวกมันมีเลือดไหลออกมา

หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีโดยประมาณ หนูทั้งหมดนั้นได้กลับมาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ และไม่ได้มีอาการบาดเจ็บรุนแรงตกค้างแต่อย่างใด แต่ยังเหลือไว้ซึ่งท่าทางมึนงง

ซูจิ้งประเมินแล้วว่าเจ้าสิ่งนี้สมควรเป็นอาวุธคลื่นเสียงแบบหนึ่ง โดยมันนั้นน่าจะใช้สำหรับหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูเป็นหลัก และไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายสักเท่าไหร่

“ช่างเป็นเทคโนโลยีที่สูงล้ำจริงๆ” ซูจิ้งได้วางรีโมตสีดำนี้เอาไว้กับปืนพลังงาน ถึงแม้ทั้งสองอย่างนี้จะไม่ได้ทรงพลังมากแต่แน่นอนว่าพวกมันใช้ประโยชน์ได้แน่นอน

“ขยะห้วงเวลาฯกองนี้มาจากห้วงเวลาฯไหนกันแน่นะ” ซูจิ้งใช้ความคิดของตัวเองเกี่ยวกับห้วงเวลาที่น่าจะมีสิ่งต่างๆอย่างศพเอเลี่ยน ปืนพลังงาน และอาวุธคลื่นเสียงอยู่พักใหญ่ แต่คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีเพราะว่ามันติดอยู่ตรงที่มีชื่อของสถานที่ที่เหมือนกับโลกนี้อย่างนิวยอร์คและลอสแองเจอลิส

ซูจิ้งเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้และได้ทำการจัดการขยะของเขาต่อไป ตอนนี้เขาเข้าไปจัดการขยะกองโลหะที่เต็มไปด้วยเศษซากโลหะที่ดูแปลกประหลาด

และด้วยการที่เสี่ยวไป๋ไม่สามารถซ่อมพวกมันได้ทำให้เขานั้นยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าพวกมันใช้ทำอะไรกันแน่


หลังจากเขาจัดการขยะต่อไปได้สักพักเขาก็ได้พบวัตถุประหลาดที่มีทรงปิระมิดฐานสามเหลี่ยม สีของมันนั้นสีดำสนิท แถมยังสามารถจับมันคลี่ออกไปได้อีกด้วย

ส่วนล่างของมันนั้นเหมือนจะกลวงโบ๋ และข้างในนั้นเองก็เหมือนจะมีแกนกลางบางอย่างอยู่

ซูจิ้งได้ทำการสำรวจมันอยู่ชั่วระยะหนึ่งแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ว่ามันใช้ทำอะไร ส่วนพื้นผิวของมันสองด้านเองดูเหมือนจะแตก และแกนกลางของมันเองก็เหมือนจะมีรอยแตกละเอียดยิบ

เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าปิรามิดฐานสามเหลี่ยมนี้มีร่องรอยเสียหายอย่างหนักแบบนี้จึงรู้สึกไม่แปลกใจหากว่ามันไม่สามารถทำงานได้

ซูจิ้งคิดได้ดังนี้จึงได้เรียกเสี่ยวไป๋ให้มาซ่อมปิรามิดฐานสามเหลี่ยมนี้ในทันที เมื่อเสี่ยวไป๋เริ่มซ่อมแซม ร่องรอยแตกทั้งหลายก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ

หลังจากผ่านไปสองนาที ปิรามิดฐานสามเหลี่ยมก็ดูใหม่เอี่ยมอ่องราวกับเพิ่งสร้างออกมาหมาดๆ

หลังจากซ่อมแซมปิรามิดฐานสามเหลี่ยมนี้เสร็จ ซูจิ้งก็ใช้พลังจิตพลิกหมุนมันดูอีกครั้ง หลังจากเขาลองกางมันออกดูก็พบว่ามันแตกต่างจากตอนแรกพอสมควร มุมของสามเหลี่ยมที่กางออกเชื่อมต่อกันได้รูปพอดี

และส่วนที่เป็นแกนกองเองในตอนนี้ก็ได้ส่องสว่างออกมาและส่องแสงออกเป็นสีน้ำเงิน

อากาศในบริเวณนั้นหมุนวันอย่างรุนแรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จนในที่สุดก็กลายเป็นแรงลมมหาศาลพัดขึ้นมาในทันที

ลมนี้รุนแรงมากจนซูจิ้งตั้งใช้ลำแขนของตัวเองมาบังหน้าเอาไว้และต้องฝืนเอนกายไปข้างหลังจนเท้าของเขาต้องจมอยู่ในดินเพื่อฝืนไว้ไม่ให้โดนลมดูดเข้าไป เรียกได้ว่าฝืนยืนอยู่อย่างยากเย็นเลยทีเดียว

แต่เสี่ยวไป๋นั้นเรียกได้ว่าโชคร้ายเลยทีเดียว ด้วยการที่มันเองก็ไม่ทันตั้งตัวจึงไม่สามารถหาที่เกาะได้ทัน จนในตอนนี้ตัวมันเองรู้สึกได้ถึงรางร้ายในทันทีเพราะมันนั้นกำลังถูกดูดเข้าไปยังแกนกลางสามเหลี่ยมของปิรามิดเรียบร้อยแล้ว

ซูจิ้งเองแม้จะไม่เห็นฉากนี้เพราะต้องใช้แขนตัวเองบังลมเอาไว้ แต่ตัวเขานั้นก็ยังรู้สึกได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น นั่นก็เพราะถึงแม้ว่าเสี่ยวไป๋จะมีสแตนด์ แต่ยังไงซะสแตนด์ของมันนั้นใช้ในการซ่อมแซมสิ่งของเท่านั้น

หากว่าต้องโดนโจมตีแม้จะเพียงแค่เบาๆนั่นก็แรงพอที่จะทำให้มันเจ็บหนักไม่ก็ตายได้ในทันที ซูจิ้งแน่นอนว่าต้องไม่ยินดีกับการตายของเสี่ยวไป๋อย่างแน่นอน

เขานั้นได้รีบปล่อยกระแสจิตของตัวเองออกมา แล้วใช้ขยะบางชิ้นคอยดันตัวของเสี่ยวไป๋เอาไว้ไม่ให้ถูกดูดเข้าไป ด้วยการที่กระแสจิตของซูจิ้งนั้นแข็งแกร่งพอที่จะยกของได้กว่า 750 กิโลกรัมทำให้เขานั้นสามารถฝืนยื้อได้อย่างสบาย และเมื่อซูจิ้งได้ตัวเสี่ยวไป๋มาแล้ว ตอนนั้นเอง แรงดึงดูทั้งหมดก็ได้หายไปในทันที และตอนนั้นเองขยะทั้งหลายที่ลอยวนก่อนหน้านี้ก็ได้ล่วงลงมายังพื้นทันใด

“เจ้านี่มันช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ” ซูจิ้งนั้นรู้สึกประหลาดใจในทันทีเมื่อได้เห็นฉากก่อนหน้านี้ ตอนแรกเขาก็ว่าแค่ปืนลำแสงและอาวุธคลื่นเสียงก่อนหน้านี้ถือว่าเทคโนโลยีล้ำยุคมากแล้ว

แต่เจ้าสิ่งนี้เรียกได้ว่าคนละระดับขั้นได้เลย หากว่าเขาเข้าใจไม่ผิดนั้นเจ้านี่คือเครื่องที่ปล่อยคลื่นแรงโน้มถ่วงออกมา หรือจะให้เรียกง่ายๆก็คือเครื่องทำหลุมดำนั่นเอง และเมื่อได้เห็นของสิ่งนี้ ซูจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคุ้นเคยออกมาอย่างบอกไม่ถูก

ซูจิ้งได้ทำการส่ายศรีษะไปมาเพื่อสลัดความรู้สึกคุ้นเคยนี้ออกไปก่อน เขาเก็บปิรามิดสีดำนี้ในกระเป๋ามิติแล้วทำการจัดการขยะต่อไป

คราวนี้เขาได้มาจัดการขะกองหิน ซึ่งในโดยส่วนใหญ่เป็นก้อนอิฐ พื้นผิวของมันนั้นมีสีแดง หลังจากจัดการหินและทรายไปเรื่อยๆนั้นเขาก็ได้พบชุดเกราะที่มีสีแดงเข้า

แต่ว่าขุดเกาะนี้เต็มไปด้วยรอยบิ่นและแตกจนเป็นชิ้นๆอย่างไม่ไยดีพร้อมทั้งรายสนิมขึ้น เรียกได้ว่านึกไม่ออกเลยว่าสภาพเดิมของมันนั้นมีหน้าตายังไงกันแน่

ซูจิ้งให้เสี่ยวไป๋เข้ามาซ่อมแซมชุดเกาะนี้ในทันที ด้วยการที่ชุดเกราะนี้ดูเหมือนจะเสียหายหนักมากทำให้เสี่ยวไป๋สามารถซ่อมแซมมันได้อย่างช้าๆเท่านั้น

เสี่ยวไป๋ใช้เวลากว่าสิบนาทีจึงทำให้มันกลับคืนสู่สภาพเกือบสมบูรณ์ได้ และใช้เวลาอีกสิบนาทีจึงซ่อมแซมได้เกือบทั้งหมด

ในตอนนี้เองที่ซูจิ้งได้จ้องมองชุดเกราะนี้ด้วยสายตาราวกับนึกอะไรออกบางอย่าง สายตาของเขาสาดส่องไปทั่วชุดเกราะนี้เพราะรู้ดีว่าชุดเกราะนี้ไม่ใช่ชุดธรรมดาอย่างแน่นอน

หากว่าเขานั้นสามารถใส่เกาะทั้งชุดนี้ได้ล่ะก็ เขาบอกได้เลยว่าตัวเขานั้นจะต้องเท่แบบสุดอย่างแน่นอน แต่ละชิ้นส่วนนั้นบอกได้เลยว่าออกแบบมาได้อย่างโดดเด่น

และเมื่อได้เห็นชุดเกราะในตอนที่เสี่ยวไป๋เกือบจะซ่อมเสร็จแล้วทำให้ซูจิ้งอดจะพูดออกมาไม่ได้ว่า “พระเจ้า นี่ไม่ใช่เกราะธรรมดา มันเป็นเกาะของไอร่อนแมน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยหัวใจที่สั่นไหวและตื่นเต้น

ชุดเกราะของไอร่อนแมนนั้นเป็นชุดเกราะต่อสู้ที่สามารถบินได้ แถมอาณุภาพของมันนั้นยังสูงล้ำเมื่อใช้ในการต่อสู้จริง เรียกได้ว่ามันเป็นชุดเกราะที่ผู้ชายหลายๆคนอยากได้เอาไว้ในครอบครองเลยทีเดียว

ไม่มีลูกผู้ชายคนไหนหรอกที่ได้เห็นชุดเกราะนี้แล้วจะอดที่จะแสดงความตื่นเต้นยินดีนี้เอาไว้ได้

“ขยะห้วงเวลาฯกองนี้มาจากห้วงเวลาฯไอร่อนแมนงั้นเหรอ…อาวุธคลื่นเสียงนั่นน่าจะเป็นอาวุธของสตาร์คที่สร้างเอาไว้โดยที่รัฐบาลไม่รับรู้….จำได้ว่าตอนภาคแรกนั้นตัวร้ายที่ชื่อโอบาไดห์ สเตนใช้อาวุธนี้ทำให้โทนี่สตาร์คขยับไม่ได้ ก่อนที่จะขโมยเตาปฏิกรที่หน้าอกออกไป

ห้วงเวลาฯไอร่อนแมนนั้นมีเรื่องราวหลักๆอยู่บนโลกใบนี้ นี่จึงไม่แปลกที่จะมีสถานที่ที่มีชื่อเดียวกันอย่างลอสแองเจอลิสและนิวยอร์คแต่อย่างใด

….ไม่สิ ฉันจำได้ว่าในห้วงเวลาฯไอร่อนแมนไม่มีสัตว์ประหลาดแบบนั้นนี่นา…ถ้าจะมีก็คงจะเป็นตอนที่สัตว์ประหลาดและเอเลี่ยนต่างใดที่บุกไปยังโลกตอนอเวนเจอร์

ใช่ๆ พวกนั้นถือปืนที่เป็นอาวุธลำแสง มิน่าพวกมันถึงดูไม่คุ้นเคยเลย…ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ เจ้าเครื่องมือทรงสามเหลี่ยมนั่นก็น่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจนส่งในกาแลกซี่….

พระเจ้าเถอะ นี่มันขยะห้วงเวลาฯอเวนเจอร์ชัดๆ” สมองของซูจิ้งในตอนนี้แล่นโลดอย่างรวดเร็ว เขาเก็บเกี่ยวข้อมูลทุกอย่างที่มีออกมาก่อนจะยืนยันสมมุติฐานของเยา

ในตอนนี้เองที่หัวใจของเขานั้นเต้นเร็วกว่าเดิม หากว่านี่เป็นเพียงขยะจากห้วงเวลาฯไอร่อนแมนแบบที่คิดในตอนแรก แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้มากแพงแล้ว นั่นก็เพราะแค่ในห้วงเวลาฯนั้นก็มีเทคโนโลยีที่ลำหน้ากว่าโลกนี้ไปไกลมากแล้ว

แต่ว่านี่คือขยะห้วงเวลาฯของทั้งจักรวาลมาเวลเลยนะ แน่นอนว่ามันต้องเหนือล้ำกว่าอย่างสุดจะคาดเดา

ซูจิ้งพยายามกดข่มจิตใจของตัวเอง ก่อนที่จะบังคับสายตาของตัวเองให้ละออกจากชุดเกราะไอร่อนแมนที่อยู่ตรงหน้า โดยเขานั้นเปลี่ยนไปจ้องมองขยะฯกองอื่นที่ยังไม่ได้จัดการพร้อมสายตาที่ทอประกายราวกับได้เห็นขุมทรัพย์กองโตอยู่ตรงหน้าของเขา


GGS:บทที่ 1097 เหตุฉุกเฉิน


หลังจากผ่านไปสักพัก ชุดเกราะไอรอนแมนก็ได้กลับสู่สภาพสมบูรณ์พร้อมและดูใช้งานได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ตอนที่ซูจิ้งสวมเกาะนี้เข้าไปเขาก็พบว่าชุดเกาะนี้ไม่ตอบสนองต่อเขาแม้แต่น้อย

เมื่อเขาลองคิดๆดูแล้วเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะชุดนี้น่าจะจดจำอัตลักษณ์ของโทนี่สตาร์คเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถใช้งานได้


“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องหาทางเจาะระบบป้องกันก่อนสินะ…คงต้องเอาเจ้านี้ไปที่สถาบันวิจัยห้วงเวลาฯดูก่อนแหล่ะเพื่อว่าจะมีใครสักคนที่เก่งพอที่จะสร้างเอไอที่คุมเจ้านี้ได้” ซูจิ้งคิดออกมา

ซูจิ้งคิดได้ดังนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนแต่อย่างใด เขาวางชุดเกราะไว้ข้างๆและทำการค้นหาขยะกองนี้ต่อ คราวนี้เขาได้พบกับชุดเกราะของไอรอนแมนรุ่นอื่นอีกหลายชุด แน่นอนว่าเขาได้ให้เสี่ยวไป๋ซ่อมแซมมันทุกชุด บางชุดชิ้นส่วนก็ครบ บางชุดก็ชิ้นส่วนอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น


ซูจิ้งจำได้ว่าในช่วงไอรอนแมนภาคสามนั้น โทนี่สตาร์คได้ทำการระเบิดชุดเกราะรุ่นต่างๆที่เขาได้สร้างเอาไว้เพื่อคลายความกังวลของตัวเองจนเกือบหมด

เป็นไปได้ว่าชิ้นส่วนพวกนี้จะมาจากช่วงเวลานั้นก็เป็นได้ หากไม่ใช่เพราะว่าเสี่ยวไป๋นั้นมีความสามารถในการซ่อมแซมที่ท้าทายสวรรค์ล่ะก็ ต่อให้โทนี่ระเบิดทิ้งเป็นผุยผงก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวไป๋ตนนี้

ซูจิ้งเก็บชิ้นส่วนชุดเกราะไอร่อนแมนทั้งหมด โดยเฉพาะเตาปฏิกรอาร์ค เขานั้นได้ดูแลพวกมันเป็นอย่างดี เพราะเจ้าสิ่งนี้มีค่าที่ประเมินไม่ได้เลยทีเดียว


ซูจิ้งยังคงจัดการขยะห้วงเวลาฯต่อไป แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้ดังขึ้นมา เมื่อมองดูก็พบว่าเป็นปันเฉียวจึงได้รีบรับในทันที

“ผมคิดว่ามีอย่างที่ต้องบอกหัวหน้าให้รับรู้ไว้ครับ” ปันฉางพูดออกมา

“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของฉันรึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมาด้วยหัวใจที่หดเกร็ง นั่นก็เพราะว่านอกจากสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแล้ว เขานั้นยังมีอีกที่หนึ่งที่เก็บซ่อนความลับของเขาไว้นั่นก็คือสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของเนี่เอง


“สถานการณ์ตึงเครียดเล็กน้อยครับ โอฉิงหยุนส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้เขานั้นขอลางาน แต่ผมคิดว่าคนที่ส่งมานั้นไม่ใช่เขาเพราะว่าโอฉิงหยุนนั้นไม่เคยขอลางานมาก่อน” ปันฉางพูดความคิดของตัวเองออกมา

ซูจิ้งขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าเป็นบริษัททั่วหรือสถาบันวิจัยอื่นๆล่ะก็คงไม่แปลกที่จะมีพนักงานบางคนลางานไปแบบนี้

แต่นี่คือสถาบันวิจัยห้วงเวลาและกาลอวกาศที่ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ไม่เคยขอลาหยุดแบบดื้อๆแบบนี้มาก่อน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะซูจิ้งทำการสะกดจิตสมบูรณ์เอาไว้ทำให้คนเหล่านี้ภักดีแบบสุดๆ พวกเขานั้นจะไม่มีทางที่จะขี้เกียจทำงาน นอกจากซูจิ้งจะเป็นคนสั่งเท่านั้น


แต่ตอนนี้ โอฉิงหยุนที่ถูกซูจิ้งสะกดจิตสมบูรณ์เอาไว้ได้ขอลาหยุดแบบนี้แน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา

ก่อนหน้านี้นั้นโอฉิงหยุนมีประวัติอาชญากรรมยาวเป็นหางเว่า เขามีหนี้สินมากมายไม่ว่าจากการกิน ดื่ม เที่ยวผู้หญิง ติดการพนัน แถมยังก้าวเข้าสู่วงการมืดอย่างเต็มตัวเรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่สะอาดอีกต่อไป

ต่อมาหลังจากที่ตระกูลหวูได้ช่วยหมอนั่นเอาไว้ หมอนั่นเองก็ได้ทำงานให้ตระกูลหวูและทำตามคำสั่งอย่างภักดีมาโดยตลอด


ในตอนที่ตระกูลวูต้องก่อนส่งคนเข้ามาสืบในสถาบันวิจัยกาลเวลาฯของซูจิ้งก็ได้เลือกโอฉิงหยุนเข้ามาสืบความลับ

เมื่อซูจิ้งรู้เข้า เขาไม่เพียงจะสะกดจิตสมบูรณ์โอฉิงหยุน เขายังสั่งโอฉิงหยุนอย่างเข้มงวดด้วยซ้ำว่าให้เขานั้นใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างปกติที่สุด และทำงานให้เขาอย่างจริงจัง

ซูจิ้งได้ลองโทรหาโอฉิงหยุนเช่นเดียวกัน แต่เขาได้ปิดเครื่องไป ซูจิ้งจึงได้ถามออกมาว่า

“ช่วงนี้หมอนั่นทำอะไรพิเศษอยู่รึเปล่า”

“ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะครับ…..แต่…”ปันฉางได้เว้นช่วงประโยคไปราวกับใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาต่อว่า

“ช่วงนี้เขาได้พบกับชาวต่างชาติสาวคนหนึ่งครับ ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นและดูมีความสุขในทุกๆวัน ผมเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้เหมือนกัน”

“เธอชื่อว่าอะไร” ซูจิ้งถามออกมา


“ผมก็ไม่รู้ชื่อเต็มเหมือนกันครับ เห็นโอฉิงหยุนเรียกเธอว่าเว่ยเว่ย เขาเคยส่งรูปของเธอมาไว้ที่กลุ่มงานเหมือนกัน เพื่อมาอวดพวกผม” ปันฉางพูดเสร็จก็ได้ส่งรูปให้ซูจิ้งดูในทันที

มันเป็นรูปของโอฉิงหยุนที่กำลังจับมือสาวน้อยชาวต่างชาติที่ดูสวยมากๆคนหนึ่ง และในภาพทั้งคู่เองก็ดูมีความสุขอย่างมาก

“เรื่องของโอฉิงหยุนเดี๋ยวฉันเป็นคนจัดการเอง นายกลับไปทำงานต่อก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา

หลังจากวางสายไปแล้ว ซูจิ้งได้โทรหาเว่ยเสี่ยวหยวนและหลัวฉือหลินพร้อมส่งรูปถ่ายเพื่อสืบหาข้อมูลในทันที

แต่ผลออกมาอย่างรวดเร็วว่าหญิงสาวคนนี้เพิ่งจะจบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมดาแห่งหนึ่งในอเมริกาก่อนที่จะเดินทางจากอเมริการมายังจีน ไม่ว่ายังไงก็ไม่พบอะไรที่หน้าสงสัยแม้แต่น้อย


“ดูเหมือนชาวต่างชาติคนนี้จะไม่ใช่ปัญหาแหะ นี่ฉันคิดมากเกินไปงั้นเหรอ แต่ไม่ว่ายังไงแล้วยังไงซะโอฉิงหยุนต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ” ซูจิ้งคิดขึ้นมา เขาให้หลัวฉือหลินไปยังบ้านของโอฉิงหยุนเพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง ปรากฎว่าที่บ้านของโอฉิงหยุนไม่มีคนอยู่แล้วไม่มีร่องรอยว่าโอฉิงหยุนไปไหนเลยด้วยซ้ำ

ซูจิ้งได้ขับรถกาลเวลา001ไปยังบ้านของโอฉิงหยุนด้วยตัวเอง หลังจากเข้าไปถึง เขาได้ฉันกระจกย้อนความที่ได้มาจากห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่า

หลังจากซูจิ้งเริ่มปล่อยพลังภายในเข้าไปแล้ว เขาใช้เวลาสักพักก็พบฉากที่โอฉิงหยุนยังอยู่ที่นี่ มันพึ่งจะย้อนเวลาไปประมาณไม่ถึงสองชั่วโมงดี

สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ โอฉิงหยุนและหญิงสาวต่างชาติที่ชื่อหยางหนิว ปรากฎขึ้นมา ทั้งสองอยู่ในชุดชั้นในอยู่บนเตียงเมื่อเช้านี้

ซูจิ้งเองนั้นตั้งจะรีบเลื่อนผ่านเวลานี้ไป แต่หญิงสาวคนนี้ก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขานั้นเริ่มรู้สึกสะกิดใจในทันที

หญิงสาวคนนี้อยู่ๆก็ถามโอฉิงหยุนว่าที่ทำงานมีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่า บางครั้งเธอเองค่อนข้างจะหวงตัวด้วยซ้ำราวกับว่าถ้าโอฉิงหยุงไม่บอกก็จะไม่ยอมให้แตะต้องตัวเธอ

บอกตรงๆว่าสาวชาวต่างชาติคนนี้นั้นสวยมากและดูดีแบบสุดๆ เธอมีสิ่งที่เรียกว่าเสน่ห์เย้ายวนและมารยาหญิงชั้นเลิศ หากเป็นผู้ชายทั่วไปล่ะก็คงทนไม่ไหว ไม่สิ ต้องเรียกว่ายินยามพร้อมใจพลีกายถวายชีวีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม โอฉิงหยุนนั้นได้ถูกซูจิ้งสะกดจิตสมบูรณ์มาตั้งนานแล้ว และซูจิ้งได้สั่งเอาไว้แล้วว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ห้ามเผยแพร่ความลับของสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของเขาให้ใครรู้เป็นอันขาด

แน่นอนว่าต่อให้โอฉิงหยุนจะโดนมารยาร้อยเล่มเกวียนมากมายขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางเลยที่จะทำให้เขาปริปากหรือใจอ่อนสักคำพูดเดียวก็ไม่มี


คราวนี้เองที่หญิงสาวชาวต่างชาติแสดงท่าทีผิดหวังเล็กน้อย น้ำเสียงอันเย้ายวนก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมา และแน่นอนว่าเธอ ไม่ยอมให้โอฉิงหยุนแตะต้องเธออีกต่อไป

ผลก็คือ โอฉิงหยุนเองไม่ได้มีท่าทีจะแตะต้องเธอแต่อย่างใด เขานั้นแต่งตัว แปรงฟัน ล้างหน้า เตรียมจะออกไปทำงานแล้ว ด้วยการที่เขาถูกสะกดจิตสมบูรณ์เอาไว้ทำให้เขานั้นมุ่งมั่นในการทำงานอยู่เป็นนิจ

ตอนนั้นเองที่หญิงสาวชาวต่างชาติได้จับจ้องไปข้างหลังของโอฉิงหยุนที่กำลังหันหลังให้เธอโดยเขานั่งใส่รองเท้าอยู่บนเตียง


ตอนนั้นเอง หญิงสาวชาวต่างชาติๆได้หยิบเข็มฉีดยาที่ซ่อนเอาไว้ออกมา ก่อนที่จะฉีดยาอะไรบางอย่างเข้าไปที่ลำคอของโอฉิงหยุนทำให้เขานั้นหมดสติไปในทันที

หลังจากผ่านไปสักพักก็ได้มีชายสองคนเข้ามา พวกเขานำตัวโอฉิงหยุนจับใส่กล่องแล้วช่วยกันยกออกไป หลังจากนั้นก็ได้ขับรถจากไปในทันที


“ยัยสาวต่างชาติคนนี้สมควรจะเป็นสายลับสาวที่เขาร่ำลือกันสินะ เท่าที่ดูนี่น่าจะมาด้วยเริ่องของสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯเป็นแน่” ซูจิ้งยกคิ้วขึ้นพลางทำความเจ้าใจกับสถานการณ์ที่เห็น

เจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยของซูจิ้งนั้นล้วนแล้วแต่คัดเลือกมาโดยซูจิ้ง แน่นอนว่านี่ถือได้ว่าเป็นมาตรการป้องกันภายในที่ดีที่สุด ยังไม่รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

ต่อให้มีสายลับมือฉกาจขนาดไหนก็ตามก็ไม่มีทางปะปนเข้ามาได้อย่างแน่นอน และหากว่าสายลับเหล่านี้แฝงตัวเข้ามาไม่ได้ล่ะก็ ทำไมพวกเขาจะไม่เลือกเข้าหาเจ้าหน้าที่แทนล่ะ


นี่คือเหตุผลที่เขาพอจะนึกออกว่าทำไมสายลับเหล่านี้ถึงได้เลือกเข้าหาโอฉิงหยุน แต่คนเหล่านี้คงจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

นั่นก็เพราะไม่เพียงโอฉิงหยุนจะไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ทำงานแล้ว เขายังหลงลืมตัวเองไปด้วยซ้ำเมื่อถึงเวลาที่กำหนดว่าตัวเองต้องทำงาน นี่ทำให้สาวสวยคนนี้ไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย คนพวกนี้คงรอไม่ไหวแล้วจึงได้ตัดสินใจลักพาตัวโอฉิงหยุนแทน

“….ตอนนี้โอฉิงหยุนตกอยู่ในอันตรายจริงๆ” ซูจิ้งคิดออกมาหลังจากเห็นฉากเหตุการณ์ผ่านกระจกย้อนความ เขายังได้เห็นแผ่นหมายเลขบางอย่างจึงได้ส่งให้หลัวฉือหลินทำการสืบสวน และให้ซูฉือทำการแกะร่องรอยในทันที


ถึงแม้ว่าโอฉิงหยุนนั้นเพิ่งจะเข้ามาอยู่กับเขาก็ตาม แต่เขาก็ยังมีเหตุผลสำคัญในการช่วยเหลือโอฉิงหยุน อย่างแรก ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถด้านปฏิสสารคนหนึ่ง ส่วนเหตุผลอีกอย่างคือเขานั้นใช้โอฉิงหยุนเป็นไม้กันหมาในเรื่องตะกูลหวู

นอกซะจากว่าคนที่มาจะเป็นของตระกูลหวูเองที่มาจับตัวโอฉิงหยุนไปเพราะไม่ต้องการให้ความลับของตนเข้าหูเขาล่ะก็ นี่จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปในทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)