Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1066-1067

 GGS:บทที่ 1066 ประลอง(1)


“หืม…ทำไมอาจารย์ถึงบอกมาแบบนี้ล่ะ” ซูจิ้งเองที่ได้ยินก็ต้องนิ่งอึ้งไป

“…..นั่นก็เพราะเจ้านักต่อสู้สมัยราชวงศ์จินที่หมอนั่นอวดอ้างและใช้ในการกำหราบเสี่ยวไจ๋นั้นมาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์ของฉันเอง” ฮู่ฮงหยุนพูดออกมาอย่างถอดถอนหายใจ

“ห้ะ ทำไมผมไม่รู้จักหมอนั่นเลยล่ะ” ซูจิ้งถามออกมา

“หมอนั่นพึ่งจะเข้าร่วมกับเราเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เขาเข้ามานั้น เขาเองก็ได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งรูปแบบที่สองและหนึ่งจากวิดีโอที่เจ้าสอนไว้บนอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว

และเมื่อหมอนั่นเข้ามา เขาเองก็มีกระบวนเรียนรู้ที่รวดเร็ว ร่างกายของเขาเองก็แข็งแกร่ง นี่ทำให้เขานั้นดูมีความเหมาะสมกับสายนี้มากขึ้นทุกวัน

ฉันเองก็มีความรู้สึกชอบพอในความสามารถของชายคนนี้จนรับเข้าเป็นศิษย์ในและได้ให้เขาดูวิดีโอที่เจ้าให้ข้าไว้ ชายคนนี้เองก็ได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งกระบวนท่าที่สามได้ด้วยเหตุนี้

ไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและดัดแปลงในแบบฉบับของตนเอง จนข้าเองก็รู้สึกมีความสุขอย่างมากและคิดว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว

ไม่คิดเลยว่าเขาจะไปท้าประลองเสี่ยวไจ๋จนกำราบเสี่ยวไจ๋ได้ และเมื่อตอนที่ฉันจะไปเอาเรื่องหมอนั่นก็ปฏิเสธการเป็นอาจารย์ของฉันไปแล้ว” ฮู่ฮงหยางพูดออกมาด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองแบบสุดๆ


ซูจิ้งเองในที่สุดก็เข้าใจได้สักทีว่าทำไมนักศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จีนคนนั้นถึงได้รู้เพลงหมัดวัวคลั่งกระบวนท่าที่สามมาจากไหน

แต่แทนที่จะเรียกจากตัวบุคคล หมอนั่นกลับเรียนรู้จากวิดีโอที่เขาทิ้งเอาไว้ให้อาจารย์ฮู่ฮงหยาง ดูเหมือนว่าชายคนนี้มีเป้าหมายนี้อยู่แต่แรกอยู่แล้ว

เขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เลยเพราะมัวแต่ยุ่งจนไม่ว่างไปโรงเรียนฝึกศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์นานมากแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะสังเกตเรื่องนี้ได้นานแล้ว

“ฉันขอโทษจริงๆอาจิ้ง เฮ้ออออ เป็นฉันที่ทำให้เพลงหมัดที่ยิ่งใหญ่นี้หลุดรอดออกไป” ฮู่ฮงหยุนรู้สึกละอายใจในสิ่งที่ตัวเองทำ นั่นก็เพราะความผิดพลาดของเขาไม่เพียงจะทำให้เสี่ยวไจ๋พ่ายแพ้ ซูจิ้งเสียชื่อเสียง แถมนี่ยังมีโอกาสทำให้วิทยายุทธที่ทรงพลังถูกใช้ในทางที่ผิดอีกด้วย


“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อตอนนี้โรงเรียนเองก็โด่งดังจนมีคนเข้าไปเรียนมากมาย ไม่ช้าก็เร็วกระบวนท่าที่สามนั่นก็ต้องหลุดรอดออกไปอยู่ดี” ที่ซูจิ้งกล้าพูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะว่าสำหรับเขาแล้วเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขาแล้วจึงได้เผยแพร่ออกมา

ถึงแม้ในตอนแรกจะเป็นการเปิดเผยแค่กระบวนท่าที่หนึ่งและสองเท่านั้นก็จริง แต่ในตอนนี้เหล่าผู้มีอัจฉริยะภาพในการต่อสู้ต่างหลั่งไหลไปที่โรงเรียนศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์อยู่แล้ว

จึงไม่แปลกหากว่ากระบวนท่านี้จะหลุดรอดออกมาจากการเก็บรักษา เอาจริงๆสำหรับซูจิ้งแล้วการที่กระบวนท่าที่สามนี้เล็ดรอดออกมาแบบนี้กลับดีกับเขามากกว่า นั่นก็เพราะนี่จะทำให้ค่าการใช้ประโยชน์จากขยะห้วงเวลาฯที่เขาได้รับนั้นมากขึ้นอย่างแน่นอน


“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไอ้เรื่องที่หมอนั่นบอกว่าผมไปลักลอบเรียนเพลงหมัดวัวคลั่งมาจากพวกนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

นี่คือเหตุผลที่หมอนั่นกล้าจะไปท้าประลองกับเสี่ยวไจ๋เพื่อให้ได้การยอมรับกับผู้คนในเรื่องนี้” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างสบายๆ

“ผมขอโทษครับอาจารย์ ผมคิดเพียงว่าหากผมชนะจะสามารถลบล้างคำพูดนี้ได้” เสี่ยวไจ๋ที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสำนึกผิดในสิ่งกระทำลงไป

“อย่าโทษตัวเองไปเลยน่า นายเองก็เก่งจริงอย่างที่คิดเห็นล่ะ เพียงแต่ฝั่งนั้นแกร่งกว่านายนิดหน่อยเท่านั้น อีกอย่างอาจารย์ฮู่ก็บอกไม่ใช่เหรอว่าหมอนั่นดัดแปลงเป็นแบบฉบับของตัวเองไปแล้วน่ะ แน่นอนว่าเพลงหมัดนั้นสมควรจะดีกว่าเพลงหมัดวัวคลั่งไม่เหรอ”


“จะว่าไปแล้วเรื่องนั้นก็จริงเหมือนกัน เพลงหมัดของหมอนั่นแตกต่างจากของเสี่ยวไจ๋ที่เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งอย่างลึกซึ้ง แต่ถึงมันจะดูทรงพลังกว่าแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ดูแกร่งกว่าเสี่ยวไจ๋เลยนะ”

“ได้ยินมาว่าช่วงนั้นหมอนั่นหนักขึ้นสิบชั่งนะ” ฮู่เฟยหยุนพูดออกมา

“ไม่เพียงเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของหมอนั่นพัฒนาขึ้นมาก นับวันยิ่งดูทรงพลังยังไงก็ไม่รู้” ไคหวูเฟิงพูดออกมา

“นอกจากนั้นยังดูฉลาดและหล่อขึ้นจนพวกเราอิจฉาเลย” จี้เสี่ยวติงพูดออกมาเพิ่มเติม

“นั่นไง นั่นไม่ใช่เรื่องปกติ ฉันเชื่อว่าเขานั้นได้เก็บซ่อนความแข็งอกร่งของตัวเองไว้ตั้งแต่ต้น ฉันเชื่อว่าต่อให้ตอนนั้นเสี่ยวไจ๋ใจเย็นแล้วยังไงก็ชนะหมอนั่นไม่ได้” ซูจิ้งได้พูดสิ่งที่เขาคิดออกมา เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่แน่ใจเท่านั้น

“ถ้าเป็นอย่างนั้น…. เจ้าจะชนะเขาได้รึเปล่า” ฮู่ฮงหยางพูดออกมาโดยมีฮู่เฟยหยุน ไคหวูเฟิงและจี้เสี่ยวติงมองไปที่ซูจิ้งด้วยสายตาที่เป็นกังวลเพราะการจะล้มคนๆนั้นได้ก็คงมีเพียงซูจิ้งคนเดียวเท่านั้น

ต่อให้ซูจิ้งนั้นจะไม่เคยมีใครชนะเขาได้ก็ตาม แต่กับนักศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินคนนั้นเองก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถท้าทายโลกหล้าออกมาแล้วเหมือนกัน แถมยังวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าหมอนั่นยังซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้อยู่อีก นี่จะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่อย่างนั้นหรือ

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมชนะแน่นอน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ นั่นก็เพราะเขานั้นต้องคอยต่อกรสัตว์ประหลาดที่ออกมาจากขยะห้วงเวลาฯอยู่บ่อยครั้งเขายังไม่เคยพลาดท่าเลย

ถึงแม้สัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะอยู่ในระดับอ่อนแอที่สุดในห้วงเวลาฯที่พวกมันจากมาไม่ต่างจากธุลีดิน แต่เมื่อมาอยู่บนโลกใบนี้พวกมันเปรียบได้ดั่งภัยพิบัติล้างโลก นี่จึงเป็นเหตุที่เขาเชื่อว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถทำอะไรเขาได้

“เยี่ยม พูดถึงไก่ไก่ก็มาแหะ ฝั่งนี้เองก็เหมือนจะเคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน” จี้เสี่ยวติงที่หยิบโทรศัพท์ออกมาดูเพราะมีเสียงเตือนนั้น เมื่อเขาได้เห็นข้อความก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด

“เกิดอะไรขึ้น” มีใครคนหนึ่งในกลุ่มถามออกมา

“หมอนั่นไปท้ากับนักศิลปะการต่อสู้แห่งหนึ่งโดยท้าชนแบบหนึ่งต่อสี่สิบและหนึ่งต่อห้าสิบ” ไจเสี่ยวติงได้พูดออกมาด้วยสายตาจ้องเขม็ง

นี่ทำให้บรรยากาศภายในห้องนิ่งสนิทไปในทันที ต่อให้พวกเขาไม่อยากจะตกใจแต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินว่าศัตรูของเขาท้าประลองกับนักศิลปะการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสี่สิบและหนึ่งต่อห้าสิบ

การทำแบบนี้เท่ากับว่าหมอนั่นท้าทายซูจิ้งโดยตรง นี่ทำให้หลายๆคนที่ออกมาพูดถึงเรื่องการประลองที่ซูจิ้งกำจัดคนไปกว่าสี่สิบคนด้วยตัวคนเดียวได้อยู่บ่อยๆนั้นต้องนิ่งเงียบไป เพราะในตอนนี้สติดังกล่าวถูกท้าทายและมากกว่าที่ซูจิ้งทำไว้อีกประมาณหนึ่งโหล นี่ทำให้พอฟังแล้วรู้สึกว่าชายคนนี้ทรงพลังมากกว่าเป็นไหนๆ

นี่จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกพูดถึงบนโลกอินเตอร์เน็ตเลยแม้แต่น้อย

“พระเจ้า หนึ่งต่อสี่สิบและหนึ่งต่อห้าสิบ นี่เขาแกร่งกว่าซูจิ้งจริงๆ”

“ฉันบอกแล้วว่าหมอนี่คือของจริง แถมเขาเองยังเรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งที่แท้จริงผิดกับซูจิ้งที่ลักลอบเรียนรู้มา”

“ตำนานของซูจิ้งที่ถูกเรียกว่าเทพอวตาลต้องจบลงแต่นี้แหล่ะเมื่อต้องเจอกับเพลงหมัดวัวคลั่งที่แท้จริงแบบนี้ ตอนนี้เรามาลองดูกันดีกว่าว่าซูจิ้งจะหล่นลงมาจากฟ้าอีท่าไหน”

“อย่าให้มันมากนักเลย หากพี่จึ้งได้ประลองล่ะก็ยังไม่รู้เลยว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ”

“เหอะ ไอ้คนที่พูดมานี่ช่างไร้สาระจริงๆ พี่จิ้งของนายชนะคนได้ห้าสิบคนแบบนี้รึเปล่าล่ะ”

“ไอ้แฟนคลับพวกนี้ของซูจิ้งนี่ช่างดื้อดึงจริงๆ เรามาลองดูกันดีกว่า”


แฟนคลับของซูจิ้งในตอนนี้เองก็ออกมาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่กับอีกฝ่ายที่กล้าออกมาท้าทายซึ่งๆหน้าแบบดีกว่าแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่พวกเขาจะหวั่นไหวไม่น้อย

มีใครบ้างที่จะไม่คิดว่าคนที่ตัวเองเทิดทูนจะแข็งแกร่งและเก่งกาจกัน แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่อยากจะให้คนที่พวกเขาเทิดทูนต้องอับอาย

ถึงแม้พวกเขาจะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของซูจิ้ง แต่อีกฝ่ายเองก็กร่างได้ชนะซูจิ้งแบบนี้ทำให้อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เหมือนกัน

ด้วยการกระทำของศัตรูของซูจิ้งในครั้งนี้ทำให้เหล่าแฟนคลับของซูจิ้งหวันไหวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ภายใต้ไมโครบลอกของซูจิ้งเองก็มีการพูดคุยกันเรื่องนี้อย่างไม่ขาดสาย บ้างก็เห็นด้วยที่จะสู้ บ้างก็กังวล บางคนเองก็เขื่อว่าชนะใสๆ


“พี่จิ้ง เอายังไงดี” ฮู่เฟยหยุนในตอนนี้มีท่าทีร้อนลน แม้แต่ฮู่ฮงหยาง ไคหวูเฟิง และจี้เสี่ยวติงเองก็มีท่าทีกังวลและร้อนลนไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงเสี่ยวไจ๋เท่านั้นที่ไม่ได้มีความรู้สึกทุกร้อนอะไรเพราะเขานั้นรู้ฝีมือซูจิ้งดี

“โรงเรียนของหมอนี่มีชื่อว่าอะไรน่ะ จินเชาหวู่นี่อยู่ที่นั่นรึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเรียม

“มันเรียกว่าสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จิน พึ่งจะเปิดเมื่อไม่นานนี้เอง” ไจเสี่ยวติงพูดออกมา

ซูจิ้งไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็แค่ส่งข้อความในไมโครบลอกของตัวเองเท่านั้น ส่วนข้อความนั้นคือ “สตรีมสดเย็นวันนี้ ณ สำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จิน”

ความจริงแล้วเขาเองก็คิดว่าจะไปเพียงเพื่อสืบสวนเกี่ยวกับสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินนี่เท่านั้น เขาเชื่อว่าที่นั่นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

แต่ก่อนจะสืบสวนเขาก็อยากจะขอเก็บเกี่ยวอะไรบางอย่างสักหน่อย เพราะยังไงซะ ค่าการใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่ที่เขาได้มาก็มาจากเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ และในครั้งนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง


GGS:บทที่ 1067 ประลอง(2)


 


หลังจากเห็นซูจิ้งที่ไม่พูดอะไรซักคำแถมยังมีท่าทางอยากเตะก้นใครสักคนแบบนี้ ทำให้ฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน  และไคหวูเฟิงต่างก็รู้สึกประหลาดใจ นี่ขนาดอีกฝั่งคือสัตว์ประหลาดที่สู้กับคนได้ที่เดียวสี่สิบและห้าสิบคนเลยนะ เขาไม่กลัวเลยรึไงกัน


“อาจิ้ง นี่จะดีจริงๆรึ” ฮู่ฮงหยางถามออกมาอย่างสงสัย


“อย่ากังวลไปเลยครับ หมอนั่นไม่ใช่คู่มือของผมหรอก” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร พลางคิดอะไรบางอย่าง


เขานั้นไม่ได้คิดที่จะไปกวาดล้างสุดยอดสำนักราชวงศ์อะไรนั่นแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้คือเขาจะลากคนที่อยู่เบื้องหลังสำนักนั่นได้ยังไงมากกว่า


และด้วยสิ่งที่ซูจิ้งโพสต์ไปนี้ทำให้ชาวเว่ยป๋อทั้งหลายคุยกันให้ทั่ว


“โว่…พี่จิ้งจะลงมือเองเลยแหะ”


“นั่นสิ แถมยังจะสตรีมตอนเย็นนี้อีกด้วย เราไปที่สำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินกันเถอะ เพื่อจะได้เห็นช็อตเด็ดกับเขาบ้าง”


“เห็นด้วย ในเมื่อพี่จิ้งกล้าไปแล้วเราจะกลัวอะไร”


“แต่… คราวนี้อีกฝ่ายแข็งแกร่งมากเลยนะ เรียกได้ว่าระดับพระเจ้าเลย ฉันกังวลจริงๆว่าเขาจะแพ้”


“จะมากังวลอะไรกันตอนนี้เนี่ย เชื่อมั่นในตัวพี่จิ้งเซ่…”


 


ข่าวการสตรีมของซูจิ้งในตอนนี้ไม่ได้จบอยู่แค่การพูดคุยในไมโครบลอกเท่านั้น ไม่นานข่าวการสตรีมก็ไปเข้าหูสื่อหลักจนเผยแพร่ไปทั่ว ทำให้ทั้งชาวเน็ตและแฟนคลับต่างก็ตื่นเต้นกันไปหมด


บางคนก็คิดว่าเขานั้นกล้าเผชิญหน้า บ้างก็ว่าเขาตายแน่ บ้างก็ว่าเขากล้าหาญ บ้างก็เฝ้าการล่วงหล่นของเขาในฐานะพระเจ้าในร่างมนุษย์(เทพอวตาร)


แน่นอนว่าเหล่าผู้คนที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงหมัดวัวคลั่งต่างก็สนใจการสตรีมนี้เป็นพิเศษ ไม่ว่าซูจิ้งจะเป็นคนที่คิดค้นเพลงหมัดนี้หรือจะขโมยมาก็ตาม หรือแม้แต่จินเชาหวู่ผู้นี้คือตัวแทนของเพลงหมัดวัวคลั่งที่แท้จริงก็ตาม ไม่นานพวกเขาก็จะได้รู้สักที


 


“เหอะ ซูจิ้ง หมอนี่มันกล้าที่จะท้าทายสำนักเราอย่างนั้นเหรอ มันจะกล้ามากเกินไปแล้ว” ณ สำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จิน ชายชาวเกาหลีคนหนึ่งที่ยังหนุ่มแน่นได้พูดออกมาในขณะที่เขาเห็นข่าวนี้ในช่วงการหยุดพักระหว่างการฝึกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว


คนๆนี้คือจินชิซู คนที่เคยอยู่ที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์และพ่ายแพ้ไปให้กับซูจิ้งอย่างราบคาบ ตอนที่เสี่ยวไจ๋นั้นได้พ่ายแพ้ให้กับจินเชาวู่


เขาได้เห็นเพลงหมัดวัวคลั่งของจินเชาวู่แล้วก็มีความรู้สึกว่าเพลงหมัดวัวคลั่งของจินเชาวู่นั้นต้องเป็นเพลงหมัดวัวคลั่งที่แท้จริงอย่างแน่นอน และเป็นซูจิ้งที่ลักลอบเรียนรู้แล้วอ้างตัวว่าเป็นคนคิดค้น เขาจึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับโรงฝึกสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวง์ศ์จินในทันที


“ก็ดีแล้วนี่นาที่มันมาหาที่ตายด้วยตัวเอง” ชายชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนได้สบถออกมา ชายคนนี้คือคนที่ขัดแย้งกับซูจิ้งเมื่อตอนที่เขาต้องการสร้างโรงกำจัดขยะของตัวเอง และชายคนนี้ได้ท้าซูจิ้งสู้และพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป


ถึงแม้ว่าซูจิ้งนั้นจะสร้างสถิติในการต่อสู้กับคนกว่าสี่สิบคนด้วยตัวคนเดียวในหอประลองจิงฮงก็ตาม


 


แต่เมื่อชายคนนี้ได้รู้ว่ามีคนที่สร้างสถิติได้สูงกว่าและมีเรื่องขัดแย้งกับซูจิ้งเขาจึงได้มาเข้าร่วมในทันที หลังจากที่เขาได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ของสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินแห่งดีไปได้สักระยะ


เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาในทันที และนี่เองทำให้เขานั้นศรัทธาในสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินอย่างที่สุด


ทั้งคิมชิซูและคิมูระ ต่างก็มาที่นี่ไม่เพียงจุดประสงค์ในการทำธุรกิจเท่านั้น ทั้งสองมาที่นี่เพื่อเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ของชาติตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองได้ประฝีมือกับเพลงหมัดวัวคลั่งของซูจิ้งจนแพ้พ่ายหมดรูปไปแล้ว ไม่เพียงธุรกิจจะไปไม่ได้ดี แม้แต่โรงฝึกที่ทั้งสองต่างก็หมายมั่นปั้นมือไว้ก็ถอยหลังลงคลองอย่างรวดเร็ว


จนในที่สุดทั้งสองก็ไม่มีแม้แต่ธุรกิจของตัวเองเหลืออยู่ในมืออีกต่อไป แม้แต่ค่าเช่าห้องยังไม่มีความสามารถจะจ่ายได้ด้วยซ้ำ


นี่จึงทำให้ทั้งสองตัดสินใจเข้ามาอยู่ในสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินได้อย่างรวดเร็ว โดยทั้งสองดูเหมือนว่าจะยังไม่ยอมเกี่ยวกับทางสายนี้จึงเลือกที่จะยอมเป็นบันไดให้จินเชาวู่เหยียบเพื่อให้เขาต่อสู้กับซูจิ้งแทน


ด้วยคำมั่นของจินเชาวู่ที่บอกไว้ว่าหากเขาจัดการซูจิ้งได้เมื่อไหร่ จะไปช่วยเผยแพร่เพลงหมัดวัวคลั่งให้ที่ญี่ปุ่นและเกาหลี


“หึหึหึ คราวนี้ถึงตาแกต้องอับอายบ้างแล้ว” ใบหน้าของจั่วเยียนแสดงออกมาถึงความตื่นเต้น เขาได้ติดตามจินชิซูมาเข้าร่วมกับสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินด้วยเช่นเดียวกัน


“เฮ้เฮ้ ไปบอกพี่จินว่าไม่ต้องไปท้าทายสำนักการต่อสู้อื่นแล้ว บอกเขาว่าให้กลับมาจัดการซูจิ้งดีกว่า” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมา


“ในที่สุดเราก็จะได้เห็นช็อตเด็ดที่พี่จินจะเอาชนะซูจิ้งได้อย่างราบคาบแล้ว คราวนี้ชื่อเสียงของพี่จินจะต้องขรจขจายไปทั่วอย่างแน่นอน แล้วหลังจากนั้นพี่จินจะกลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งงงงง”


“ถ้าอย่างนั้นการที่พวกเราเลือกเข้าสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินนี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว”


 


ศิษย์ในสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินต่างก็คุยเรื่องนี้กันด้วยความตื่นเต้น พวกเขาต่างก็เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินที่เขาได้ร่ำเรียนมา


นั่นก็เพราะเมื่อตอนที่พวกเขาได้เข้าร่วม พวกเขาต่างก็ได้ประจักษ์ความแข็งแกร่งของสำนักฯด้วยตาตัวเอง หรือก็คือพวกเขารู้จักความน่ากลัวนี้ยิ่งกว่าใคร


“ซูจิ้งไม่น่าจะสู้กับหมอนี่ได้นี่นา หรือว่าเขาแกล้งทำเป็นกล้าที่จะเผชิญหน้ายอมรับความพ่ายแพ้กัน” โอฉิงซงได้เลื่อนข่าวการสตรีมของซูจิ้งดูอย่างรวดเร็ว


ในช่วงที่ผ่านมานี้ ถึงแม้ว่าหวางหยานจะไม่ได้ใส่ใจซูจิ้ง แต่ซูจิ้งเองนับวันกลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและมีช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์


นี่ทำให้เขานับวันยิ่งอิจฉาซูจิ้งมากยิ่งขึ้น แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ถอดถอนหายใจไปเท่านั้น เขาเองก็กลัวเหมือนกันว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครหยุดซูจิ้งได้อีกแล้ว


จนกระทั่งจินเชาวู่ปรากฎตัวออกมา นี่ทำให้เขานั้นรู้สึกได้ราวกับได้เห็นแสงท่ามกลางคืนที่มืดมิด นี่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นได้ด้วยความหวังอย่างแท้จริง


เขาถึงกลับตื่นเต้นในทันทีที่เห็นข่าวของชายผู้ไม่ธรรมดาผู้นี้และคาดหวังไว้ว่าสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินล้วนแล้วแต่มีผู้ไม่ธรรมดาและสามารถล้มล้างซูจิ้งให้หายไปจากโลกได้


“พี่สาม อาจิ้งไปท้าทายสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินแบบนี้ไม่ห่วงเขาหน่อยเหรอ” หวังซือหยาพูดกับหวังจ้าวด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเป็นกังวล


“เอาจริงๆนะ ฉันว่าเธอก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรเรื่องหมอนั่นเลยนา…. อาจิ้งนั้นเป็นสัตว์ประหลาดเพียงหนึ่งเดียวบนโลกหล้า


ความแข็งแกร่งของเขานั้นประเมินมิได้ แต่ก็ไม่แปลกที่เธอจะกังวลเพราะอีกฝ่ายก็ได้ชื่อว่าสัตว์ประหลาดเหมือนกัน และความแข็งแกร่งของหมอนั่นพวกเขาก็ยังไม่ได้เห็นทั้งหมด จะบอกว่าฉันไม่กังวลเลยก็กระไรอยู่อ่ะนะ” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะกังวล


“ทำไมฉันรู้สึกว่าหมอนี่เล็งเป้าหมายที่ซูจิ้งได้นะ” หวังซือหยาพูดออกมา


“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ซูจิ้งเองก็ทำอะไรเหนือความคาดหมายของพวกเราไปทุกๆครั้งเลยนะ พวกเราทำอะไรเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ทำได้เพียงเฝ้าดูเท่านั้น” หวังจ้าวพูดออกมา


 


ในตอนเย็น ซูจิ้ง ฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน ไคหวู่เฟิงจี้เสี่ยวติง และหวู่หลง ได้ไปยังสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จิน


ที่นั่นเองก็มีคนรออยู่ก่อนแล้ว แม้แต่นักข่าวเอง ทันทีที่เหล่านักข่าวเห็นซูจิ้งต่างก็ถ่ายรูปกันไม่หยุด นั่นก็เพราะในการประลองครั้งนี้ ไม่ว่าซูจิ้งจะชนะหรือแพ้ก็ตามจะต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ได้อย่างแน่นอน


เมื่อเข้าไปถึงข้างใน พวกเขาก็ได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนของสำนัก เขาดูแข็งแกร่งอย่างมาและร่างกายแทบจะเปลือยเปล่า ชายคนนั้นนั่งลงอยู่กลางสนามประลองเพื่อรอคอยการมาถึง


เมื่อเขาได้เห็นซูจิ้ง สายตาของเขาก็เปล่งประกายและลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งการต่อสู้ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะรอศึกครั้งนี้นานมากแล้ว ที่ข้างสนามก็ได้มีจินชิซู จั่วเยียน คิมูระ และคนอื่นๆนั่งเชียร์เจ้าสำนักของพวกเขาอย่างเหี้ยมหาญ


“จินชิซู จั่วเยียน แล้วก็คิมูระเหรอ ทำไมไอ้พวกนั้นมาที่นี่ได้กัน นี่มันรังงูรังหนูชัดๆ” จี้เสี่ยวติงจ้องมองไปที่สามคนนั้นอย่างรังเกียจ


“ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเข้าร่วมกับสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินล่ะนะ แถมดูจากสภาพร่างกายแล้ว พวกนั้นเองก็น่าจะได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งแล้วเหมือนกัน” ไคหวูเฟิงพูดออกมา


“ฉันว่าศิษย์สำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินแห่งนี้คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะ” ฮู่ฮงหยางกราดตามองเหล่าลูกศิษย์ของสำนักแล้วก็ได้พูดออกมา


ชายคนนี้ได้รับเหล่านักศิลปะการต่อสู้ฝีมือเยี่ยมมาเข้าสำนัก และเท่าที่ดูทุกคนก็น่าจะได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งจนถึงกระบวนท่าที่สองแล้วเป็นอย่างน้อย


นี่จะทำให้คนเหล่านี้มีทั้งประสาทสัมผัสทั้งห้าและความแข็งแกร่งของร่างกายสูงกว่าคนทั่วไป


ซูจิ้งเองก็มองไปยังเหล่าผู้ที่เคยพ่ายแพ้ให้เขาเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาทำเพียงนำสมาร์ทโฟนของตัวมาตั้งให้พร้อมและเริ่มการสตรีมเท่านั้น


โดยเขาขอให้จี้เสี่ยวติงในการเป็นตากล้องให้ ก่อนที่จะค่อยๆเดินไปบนสนามประลองอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)