Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1052-1053

 GGS:บทที่ 1052 สุดยอดสวนสัตว์ (7)


ในสวนสัตว์จงหยุนในตอนนี้นั้น ฟานเว่ยเชินและซิ่วจงหงได้พาผู้เข้าชมกลุ่มแรกไปยังพื้นที่ต่อไป กลุ่มที่ตามมานั้นก็ได้รีบเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว

คนที่มากลุ่มแรกแต่มัวแต่ปลื้มปลิ่มกับตะพาบน้ำยักษ์เองก็พยายามที่จะตามมาให้ทัน แต่พวกเขานั้นก็ต้องถูกมนต์สะกดจากมวลหมู่ผีเสื้อเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับคนกลุ่มแรกนี้มีบางคนเหมือนกันที่ยังไม่อยากจะออกมาจากสวนผีเสื้อเลยแม้แต่น้อยแต่ก็ออกมาตามมารยาท พวกเขายังคิดที่จะวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากเดินครบแล้ว

ผู้เข้าชมกลุ่มแรกได้เดินผ่านทางโค้งมาจนกระทั่งถึงพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไทรจีน ด้วยต้นไม้เหล่านี้ทำให้พื้นที่ในบริเวณนี้กลายเป็นสีเขียวจนรู้สึกดีแบบสุดๆ

หลังจากพวกเขาเดินไปได้สักเจ็ดถึงแปดนาทีก็ได้เจอกับพื้นที่ถัดไป จากที่พวกเขาได้มองดูแล้วก็พบว่าพื้นที่ส่วนนี้คือสวนที่ขนาดใหญ่มาก


ในคราวนี้พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาในการมองหาสัตว์ประจำพื้นที่แม้แต่น้อยนั่นก็เพราะทันที่เข้าไปถึง พวกเขาก็ได้เห็นสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ไกลๆ

พวกมันน่าจะมีน้ำหนักตัวประมาณสักยี่สิบหรือสามสิบชั่งเห็นจะได้ ขนของพวกมันนั้นมีสีน้ำเงินเทาและมีความสูงประมาณสักยี่สิบสามเซนติเมตร

สีของมันเวลาอยู่นั่นร่มนั้นก็ดูออกจะเป็นดำเลยทีเดียว มันมีหงอนอยู่ที่ด้านหน้าของหัว มีจุดสีแดงที่ปลายปาก และมีปีกที่สั้น บ่งบอกได้ว่าพวกมันนั้นไม่สามารถบินได้

ขาของมันนั้นดูแข็งแรงและมีสีเหลือง และในทุกๆตัวก็ได้มีกระจุกขนที่ตั้งชันอยู่ที่ตูดของพวกมัน


หลายๆคนที่เห็นเองก็มีความรู้สึกสับสนในทันที นั่นก็เพราะพวกมันนั้นดูคุ้นเคยก็จริงแต่พอนึกดีๆแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าพวกมันคือสัตว์อะไรกันแน่

“นกนี่คือนกอะไรกัน นกกระจอกเทศเหรอ”

“ไม่ใช่นะ ฉันเคยเห็นนกกระจอกเทศมาแล้ว พวกมันไม่ได้มีลักษณะแบบนี้”

นกเหล่านี้นั้นมีเพียงไม่กี่คนที่จดจำมันได้ในทันทีที่เห็น พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนในวงการสวนสัตว์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเฉินฮง เฉินเจียเหยา และคนอื่นๆในตอนนี้พวกเขาต่างก็นิ่งอึ้งไป บางคนมีท่าทีแสดงออกมาว่าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเสียยิ่งกว่าตอนที่ได้เห็นหนูจิงโจ้เสียอีก


“พระเจ้า!!!” เฉินฮงได้ขยี้ตาของตัวเองก่อนที่จะมองนกเหล่านี้อีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าภาพที่เห็นยังคงเหมือนเดิมก็ทำให้เขาตกตะลึงและมีท่าทีว่าไม่เชื่ออย่างที่เห็นจนแสดงออกมาให้ทุกคนได้รับรู้

“โดโด้ นั่นมันนกโดโด้…ใช่….รึเปล่า” เชินเจียวเหยากลืนน้ำลายของตัวเองอย่างยากลำบาก สำหรับหญิงสาวที่มีท่าทางมั่นหน้าเพราะว่าตัวเธอนั้นเป็นคนที่สวยคนหนึ่งแล้ว ท่าทางของเธอนี้เรียกได้ว่าคัดกับตัวตนที่เธอแสดงออกมาอยู่เป็นประจำ

“ไม่มีทาง” เมื่อจูเจียนฮัวและหลิวหยินได้ยินคำว่าโดโด้ก็ตกอยู่ในสภาวะสายตาแทบจะถลนออกมาในทันที

“โดโด้คือ?” โจวหลันได้ถามออกมาอย่างสงสัย

“ฉันก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้นะ จำได้แค่ว่ามันเป็นนกอีกสายพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เอาเป็นขอถ่ายรูปไว้ก่อนแล้วกัน” ฉินซูหลานพูดออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้นก่อนที่จะหยิบสมาร์ทโฟนออกมาถ่ายอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคอยเงี่ยหูฟังคำบรรยายของเฉินฮงและฟานเว่ยเชินไปด้วย

ราวกับจะบ่งบอกว่าหากไม่รู้ในสิ่งที่เห็นก็ต้องคอยฟังจากผู้เชี่ยวชาญถึงจะดีที่สุด คนอื่นที่ไม่รู้ว่าพวกมันคือนกอะไรก็เลยถามจากคนนำทางของพวกเขา แต่หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา


“เอาล่ะนะ ผมขอแนะนำสัตว์ตัวนี้ให้ทุกคนได้รู้จักกันหน่อยก็แล้วกัน ทุกคนอาจจะเคยผ่านๆตาเจ้านกตัวนี้มาแล้วบ้าง ผมบอกได้เลยว่าสำหรับคนที่รู้จักนกพันธุ์นี้แล้วย่อมแน่นอนว่าอยากได้พวกมันเอาไว้ในครอบครองอย่างที่สุด และถูกต้องแล้วครับ ตามที่ได้ยินกันนี่คือนกที่มีชื่อว่าโดโด้ นอกจากนั้นมันยังมีชื่ออย่างเป็นทางการก็คือเมาลิเตียนโดโด้” ฟานเว่ยได้เริ่มอธิบายให้ทุกคนได้รับฟัง

“นกพันธุ์นี้นั้นเป็นสัตว์ถิ่นที่อาศัยอยู่เฉพาะบนเกาะเมาลี หลายๆคนเองก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อนี้นะครับ แม้แต่มาร์กทเวนที่เป็นนักเขียนหนังสือชื่อดังก็ยังยกย่องไว้ว่าเกาะเมาลีนี้เป็นเกาะที่พระเจ้าสรรสร้างขึ้นมา เพราะพวกมันสวยอย่างมากจนได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดินเลยทีเดียว


ด้วยการที่นกโดโด้นี้อยู่ที่สรวงสวรรค์แห่งนั้นโดยไม่มีศัตรูทางธรรมชาติและด้วยการที่มันได้อยู่ท่ามกลางแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ที่สุด

ด้วยการที่มีชีวิตอยู่ในรูปแบบนี้มาอย่างยาวนานราวกับหนูที่ได้ไปอยู่ในถังข้าวสารแบบนี้ ทำให้พวกมันวิวัฒนาการตัวเองจากเดิมที่บินได้ ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจนไม่สามารถบินได้อีกต่อไป

จนในที่สุดนกโดโด้นี้จึงพบได้เพียงที่นั่นเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อสองร้อยปีก่อนที่มนุษย์ได้เข้าไปพบที่นั่น นกโดโด้นี้ก็ถือได้ว่าสูญพันธุ์ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมนุษย์ที่ไปนั้น พวกมันไม่ได้ล่าเพื่อกินแต่เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น และด้วยการล่าที่สนุกสนานนี้ทำให้พวกมันเป็นที่รู้จักในฐานะสัตว์สูญพันธุ์พอๆกับไดโนเสาร์ และมีเพียงนกโดโด้ตัวนี้เท่านั้นที่ถูกรู้จักมากที่สุดในมวลหมู่นกทั้งหลาย”


เพียงไม่กี่คำพูดของฟานเว่ยเชินได้พูดออกมานั้นก็สามารถครอบคลุมได้ถึงที่มา สาเหตุของความหายากและการสูญพันธุ์ได้อย่างลึกซึ้ง

และนี่ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับคนที่อยากรู้เรื่องนกนี้กับผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ พวกเขาที่ได้ยินนั้นหลายๆคนเองก็นึกถึงว่าหากว่าคนบนเกาะเมาลีได้รู้ว่านกโดโด้ของตัวเองมาอยู่ที่สวนสัตว์จีนแบบนี้ พวกเขาจะทำหน้ากันยังไง


“อ้อ อีกเรื่องนึง ในเดือนสิงหาคมปี2016นั้น โครงกระดูกของนกโดโด้ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดนั้นถูกประมูลออกไปด้วยราคา4.4ล้านหยวน” ฟานเว่ยได้พูดออกมาเพื่อโยนเชื้อไฟให้กับความตระหนักของทุกคนในทันที

ทุกคนที่ได้ยินต่างก็สะดุ้งเฮือกกันเกือบหมดนั่นก็เพราะเพียงโครงกระดูกเล็กๆกับขายได้ในราคากว่าสี่ล้านหยวน แล้วหากว่าเป็นตัวเป็นๆล่ะ ไม่ใช่ว่าราคาของนกนี่จะสูงเสียดฟ้าเลยเหรอ

“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว นี่ฉันจะบ้าตายแล้วเนี่ย”

“พระเจ้าเถอะ ซูจิ้งไปได้มันมาจากไหนกันเนี่ย”

“อย่าถามถึงราคาของนกโดโด้ที่เราเห็นเลย ฉันว่าแม้แต่ชาวเมาลีเองหากรู้เรื่องนี้ก็ต้องตื่นเต้นจนถึงกับต้องทรุดอย่างแน่นอน ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าพวกเขาจะยอมซื้อพวกมันกลับไปด้วยราคาเท่าไหร่กัน”


“ฉันว่าไม่เพียงแต่ชาวเมาลีหรอก ประเทศอื่นเองก็น่าจะอยากซื้อมันจนเนื้อเต้นอย่างแน่นอน เพียงแค่ได้มันไว้สักตัวไม่ก็คู่หนึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้เมืองๆหนึ่งกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวได้แล้ว เพราะพวกมันนั้นหายากยิ่งกว่าแพนด้ายักษ์ของเราซะอีก”

“ห้ะ จะไปขายได้ยังไงกัน พวกมันนั้นสมควรจะต้องถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับแพนด้าแดงสิ อย่างมากก็ให้ยืมได้แค่นั้นเอง เอาจริงๆนะแค่ยืมไปปีสองปีก็เพียงพอแล้วล่ะ”


“เห็นมะ บอกแล้วว่ามาที่นี่คุ้มค่าแน่นอน” ฉินซูหลานหัวเราะออกมา

“ช่ายยยมันคุ้มค่าจริงๆ” โจวหลันในตอนนี้นั้นยอมรับแต่โดยดีแล้วว่าเธอดีใจจริงๆ ความรู้สึกขุ่นเคืองของเธอนั้นได้หายไปแล้ว

ในตอนนี้เธอนั้นมีท่าทีตื่นเต้นอย่างมากจนหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมาและถ่ายรูปพวกมัน ก่อนที่เธอจะให้ฉินซูหลานถ่ายรูปของเธอกับนกโดโด้ให้ด้วย


ตอนนี้ในใจของเธอนั้นไม่ได้สนใจเรื่องสวนสนุกอีกต่อไปแล้วนั่นก็เพราะสวนสนุกแบบนั้นที่ไหนๆก็เหมือนๆกัน แต่กับการที่จะได้เห็นสัตว์หายากและสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วมีเฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

โจวหลันเองก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าซูจิ้งนั้นจะนำสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาจัดแสดงเท่านั้นเองและออกมาทำนู่นนี่นั่นด้วยตัวเอง เพราะไม่งั้นแล้วแค่สัตว์เลี้ยงของเขานั้นย่อมไม่เพียงพอเพราะไม่ว่าสวนสัตว์ที่ไหนก็มีสัตว์แบบนั้น

แต่ตอนนี้เธอถึงกับต้องม้วนความคิดเหล่านั้นพับเก็บไปในที่สุด อย่างที่เขาว่ากันว่า ความคิดของมนุษย์ปถุชนคนธรรมดา จะไปเทียบได้กับความคิดของเทพเจ้าได้อย่างไร


“แม่…เอ๊ยยย แบบนี้ชื่อเสียงของซูจิ้งได้ขึ้นไปสุดฟ้าแน่ๆ” ชายหนุ่มเจาะหูที่ตอนนี้กำลังมีเหงือไหลออกมาจากหน้าผากจนเปียกโชกได้สบถออกมาเบาๆ

“เอาจริงๆเลยนะ ตอนนี้ฉันคิดว่าซูจิ้งนั้นเป็นเทพของจริงแล้วล่ะ นี่ต้องเป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งๆที่พวกเราสืบเรื่องของหมอนั่นซะขนาดนั้นแต่ยังไม่ได้อะไรกลับมาเลย” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งรู้สึกละอายใจเล็กนายที่ต้องพูดออกมา เขารู้สึกเสียใจอย่างมากในตอนนี้ที่ต้องไปหาเรื่องกับคนเทพๆแบบนี้ หากว่านับรวมกับเรื่องราวที่ซูจิ้งทำไว้ก่อนหน้านี้มารวมกับเรื่องเขานั้นมีสัตว์สูญพันธุ์มากมายเหล่านี้ไว้ในครอบครองได้ล่ะก็ คนธรรมดาเช่นพวกเขาจะทำอะไรได้

“อย่าเพิ่งรีบถอดใจยอมแพ้แบบนั้นสิ อย่างน้อยๆเราก็ต้องรายงานให้นายน้อยของพวกเราได้รับรู้ไว้ก่อน” หนุ่มสวมแว่นมาดสุขุมที่มีความรู้สึกไม่ต่างกันนั้นได้พยายามจะพูดปลุกใจพวกพ้องของตน

นั่นก็เพราะสำหรับเขาแล้วฮัวหยุนชูคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่และใส่ใจตัวเขาตลอดเวลา นี่ทำให้เขานั้นตัดสินใจติดตามฮัวหยุนชูไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นแบบไหนก็ตาม


หลังจากข่าวของนกโดโด้รวมถึงเหล่าสัตว์หายากและสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วทั้งหลายได้ถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกอินเตอร์เนต นี่ทำให้ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมายังสวนสัตว์เมืองจองหยุนแห่งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย

แน่นอนว่าเหล่าผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าเองก็ตื่นเต้นจนแทบคลั่งในทันที


เอี้ยป๋อที่เห็นข่าวนี้เองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน แต่ถึงแม้ระบบสื่อสารในตอนนี้จะรวดเร็วขนาดไหนก็ตาม แต่ตัวเขานั้นก็ยังคงต้องติดแหงกอยู่ในรถที่กำลังไหลไปอย่างช้าๆบนท้องถนนจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว


GGS:บทที่ 1053 สุดยอดสวนสัตว์ (8)


 


หลังจากฟานเว่ยเชินและซิ่วจงหงได้แนะนำประวัติของนกโดโด้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงจะบอกว่านี่จะเป็นแค่เพียงสัตว์ที่ซูจิ้งได้เพิ่มเติมเข้ามาในสวนสัตว์จงหยุนเท่านั้น


แต่ด้วยการคงอยู่ของสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเกือบสูญพันธ์และสูญพันธุ์ไปแล้วเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนบนโลกอินเตอร์เน็ตพูดคุยกันอย่างไม่ขาดสาย


“พระเจ้า สวนสัตว์จองหยุนในตอนนี้ชื่อเสียงสุดหยั่งถึงเลยจริงๆ”


“นอกจากจะมีสัตว์สายพันธุ์หายากถึงหกชนิดแล้ว ยังมีสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าสูญพันธุ์อีกตั้งหกสายพันธุ์ อย่างนกยูงขาว ตะพาบน้ำยักษ์ หนูป่าออสเตรเลียเท้าขาว หนูจิ้งโจ้ เต่าบกยักษ์เซเชล ผีเสื้อเซเชล และนกโดโด้นั่นอีก”


“พระเจ้าเถอะ ไม่ใช่ว่าซูจิ้งมีเทคโนโลยีโคลนนิ่งที่รุดหน้าจนฟื้นคืนสายพันธุ์ที่สาบสูญขึ้นมาหรอกนะ”


“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า เรื่องนั้นไม่น่าจะทำได้เร็วขนาดนี้หรอก”


“ไม่มีทางหรอก ต่อให้เป็นซูจิ้งก็ตาม”


“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในตอนนี้สวนสัตว์เมองจงหยุนนั้นเปรียบได้ดั่งสรวงสวรรค์ไปแล้ว ต่อให้ไม่ม่สัตว์สูญพันธุ์เหล่านั้น ก็บอกได้เลยว่าบรรยากาศของที่นั่นในตอนนี้ดีมากๆ”


“ฉันเองในตอนแรกก็ไม่คิดอยู่แล้วว่าซูจิ้งนั้นจะทำเพียงสวนสัตว์ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะเล่นใหญ่ซะขนาดนี้ นี่ขนาดเขาไม่ได้มาด้วยตัวเองยังทำให้ที่นั่นกลายเป็นที่เล่าขานได้เลย”


 


ที่โรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่ง เมืองจงหยุน ในห้องเรียนแห่งหนึ่ง ได้มีเสียงพูดคุยกันโวกเวกจนลั่นห้อง


“ซูหยา พี่ของเธอทำเรื่องใหญ่อีกแล้วนะ” เด็กชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น


“อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องสวนสัตว์นั่นล่ะก็ฉันรู้แล้วนะ” ซูหยาพูดตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


“เฮ้เฮ้เฮ้ พวกเราก็ดูอยู่ด้วยกันนี่นา รู้พร้อมกันยังมีหน้ามาทำเหมือนรู้มานานแล้วซะอีก” ถังเสี่ยวหยูค่อนแคะออกมา


“ก็แหม่ จะไม่ให้ทำท่าแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ที่นั่นมีสัตว์สูญพันธุ์ตั้งหลายชนิดเลยนะ”


“ว่าแต่ ในเมื่อมันได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วก็ควรจะหาไม่เจอแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วพี่ของเธอไปหาพวกมันมาจากไหนกัน แถมนี่ตั้งห้าชนิดเลยนะ”


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หากเธออยากรู้ก็คงต้องถามเองแล้วล่ะ”


“เอานะ อย่างน้อยฉันก็ยังรู้จักตัวหนึ่งนั่นคือนกโดโด้ ฉันเคยเห็นพวกมันในหนังสือเรียนอยู่ มันเป็นสายพันธุ์ที่สูญสิ้นไปแล้วจริงๆ”


“สงสัยว่าตำราเรียนคงต้องเปลี่ยนเนื้อหาแล้วล่ะ”


 


ณ บริษัทจิ้เชิงการท่องเที่ยว หลิวฉิงกำลังทำงานอยู่ที่นั่น


ปู่ของเขานั้นแก่มากแล้วและพ่อของเขาเองก็ตายไปเมื่อไม่นานมานี้เอง ด้วยการที่ตัวเขาเมื่อก่อนวันๆเอาแต่เล่นเกม ไม่เคยสนใจธุรกิจครอบครัวนี้เลยแม้แต่น้อยทำให้เขาอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก จนคิดที่จะธุรกิจของครอบครัวเหมือนกัน


จนกระทั่งเขาได้ไปเห็นข่าวเกี่ยวกับสวนสัตว์เมืองจองหยุน เมื่อได้เห็น เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำตาโตและคิดขึ้นมาว่า “พี่จิ้งทำเรื่องใหญ่อีกแล้ว แต่…..ฉันไม่ว่างพอที่จะไปเห็นด้วยตาตัวเองเลย”


หลิวฉิงในตอนนี้อยากจะร้องไห้ออกมา เขาเองก็เคยได้ยินข่าวที่ว่าซูจิ้งเข้าซื้อสวนสัตว์มาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อได้เห็นข่าวนี้ทำให้หลิวฉิงเองรู้สึกปวดใจกับสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญอยู่และไม่สามารถไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ได้


แต่เพื่อปู่และแม่ของเขานั้นยังไงซะเขาก็ต้องอดทนให้ได้ แต่เมื่อเขาได้เห็นภาพสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วทั้งหกชนิดก็ทำให้ความอดทนของเขานั้นใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว


 


“ถ้าฉันไม่ได้ไปตอนนนี้ฉันก็คงไม่ได้ไปที่นั่นอีกแล้ว ฉันอยากจะเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นบ้างจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ต่อให้อยากจะไปตอนว่างแต่ตอนนั้นก็คงสายไปแล้ว” หลิวฉิงได้กัดฟันเล็กน้อยและสงบจิตใจตัวเองลง


หลังจากนั้นเขาได้เรียกผู้จัดการเข้ามาเพื่อให้เรียกใครอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาประชุมด้วยกัน


ในกลุ่มคนเหล่านี้รวมถึงโจวมิน จ้าวเหยา และคนอื่นๆที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับซูจิ้ง หลิวฉิงได้บอกพวกเขาเกี่ยวเรื่องสวนสัตว์เมืองจงหยุนและให้คอยติดตามที่นั่นเอาไว้ นั่นก็เพราะเขาเชื่อว่าหลังจากนี้สวนสัตว์จงหยุนแห่งนี้จะไม่ใช่สวนสัตว์เล็กๆอีกต่อไป ไม่นานที่นี่จะต้องสวนสัตว์ที่ได้รับความนิยมแม้แต่ในระดับโลก หากว่าในครั้งนี้พวกเขายังพลาดโอกาสในการเป็นผู้แทนอีกล่ะก็พวกเขาคงต้องปิดบริษัทอย่างแน่นอน


ในตอนนี้บอกได้เลยว่าในตอนนี้หลิวฉิงได้ทุ่มหมดหน้าตักไปกับสวนสัตวง์ของซูจิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม โจวมินและจ้าวเหยาที่ได้เดินออกจากห้องประชุมไปแล้ว


ทั้งสองได้กระซิบคุยกันว่า


“พรุ่งนี้วันเสาร์ เราจะไปที่ไหนกันดีล่ะ” โจวมินพูดออกมา


“แน่นอนว่าต้องเป็นสวนสัตว์จงหยุน ฉันซื้อตั๋วไว้แล้วน่ะ


ในตอนนี้อาจิ้งนับวันยิ่งสุดยอดจนห่างชั้นกับพวกเราเสียเหลือเกิน เขาทำได้ขนาดนำสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมาให้โลกได้ยลโฉมแบบนี้


ช่างยากที่จะเชื่อจริงๆเลยนะว่าผู้ชายที่เก่งขั้นเทพแบบนี้จะเรียนจบมาจากรุ่นเดียวกับพวกเรา” จ้าวเหยาพูดออกมา


“อืม แต่ฉันก็อยากจะไปนะแต่ไม่มีบัตรเนี่ยสิ”


“หึหึหึ ฉันเตรียมไว้ให้นายแล้วล่ะ”


“สุดยอดดดดด จ้าวเหยา นายนี่มันทั้งหล่อ เท่ และฉลาดเฉลียวโดยแท้”


“ช่วยเงียบหน่อยได้รึเปล่า” หลิวฉิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้นมาเล็กน้อย ตอนที่ได้ยินทั้งสองพูดคุย เขารู้สึกเหมือนตัวเองก็ลังโดนเพื่อนของเขาโรยเกลือใส่แผลของตัวเองยังไงอย่างนั้น


นั่นก็เพราะตัวเขานั้นไม่ว่างที่จะไปที่นั่นต่อให้อยากจะไปแค่ไหนก็ตาม การที่มีคนมาพูดในสิ่งที่เขาอยากจะทำแต่ทำไม่ได้แบบนี้มันน่าเจ็บใจแบบสุดๆ


“คุณหลิว คร้าบ จะให้พวกผมสองคนช่วยทำอะไรรึเปล่าครับ” โจวมินและจ้าวเหยาที่เห็นเพื่อนของตัวเองดูวุ่นๆก็อดจะถามออกมาไม่ได้


“เอาเป็นพรุ่งนี้ก็ทำงานล่วงเวลาด้วยการทำตามที่ฉันบอกในที่ประชุมไปก็แล้วกัน” หลิวฉิงพูดออกมา


“………………….” โจวมินและจ้าวเหยาต่างก็มองหน้ากันและอยากจะร้องไห้ออกมาในทันทีด้วยซ้ำ ทั้งสองไม่รู้เลยจริงๆว่าไปทำอะไรให้หลิวฉิงจนเรื่องออกมากลายเป็นแบบนี้ไปได้


 


“ไอ้หมอนี่ทำเรื่องได้ไม่หมดไม่สิ้นจริงๆ แถมนับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน” หลังจากที่ฮัวหยุนชูได้เห็นข่าวนี้ก็ได้พูดออกมาพร้อมทั้งหรี่ตามองข่าวนี้อย่างไม่สบอารมณ์


“มันทำได้ยังไงกัน นี่หมอนี่ยังเป็นปถุชนคนธรรมดาอยู่รึเปล่าเนี่ย” ฟูฮงซิ่วมีความคิดที่สับสนและพยายามปะติดปะต่ออะไรบางอย่าง


“ฉันรู้สึกว่าหมอนี่ในตอนนี้มีความพยายามเร่งการเติบโตของตัวเองแปลกๆนะ เป็นไปได้ว่าอาจถูกกดดันด้วยอะไรบางอย่าง หากเรารู้ว่ามันคืออะไรล่ะก็ นั่นน่าจะเป็นจุดอ่อนของซูจิ้ง” หยวนหยินหนิงพูดออกมาหลังจากใช้ความคิดอยู่นาน


ข่าวสวนสัตว์ของซูจิ้งนั้น เพียงไม่นานก็ได้รับกันไปแทบจะทั่วทั้งโลก แม้แต่ประเทศที่เป็นที่อยู่ของสัตว์สูญพันธุ์อย่างออกสเตรเลีย เกาะเซเชล เกาะเมาลี ก็ยังได้รับรู้และตื่นตกใจยิ่งกว่าใคร


“พระเจ้าช่วยยยย!!! นี่ประเทศจีนไปได้หนูจิงโจ้กับหนุป่าออสเตรีเลียเท้าขาวมาจากไหนกัน


“นั่นสิ สัตว์สองพันธุ์นี้สูญพันธุ์มากว่าร้อยปีแล้วนะ”


“พวกนั้นต้องเอาไปจากพวกเราแน่ๆ เราต้องดำเนินการทำเรื่องให้พวกนั้นส่งคืนมา”


“แต่พวกเราได้ประกาศว่าพวกมันสูญพันธุ์มานานนับร้อยปีแล้วนะ ไม่มีทางเลยที่พวกนั้นจะรอมานับร้อยปีเพื่อมาจัดแสดงสวนสัตว์แบบนี้”


 


ณ เกาะเซเชล


“เป็นไปได้ยังไง เต่าบกยักษ์และผีเสื้อของพวกเรายังหลงเหลืออยู่งั้นเหรอ”


“ไม่มีทาง ต้องเป็นข่าวแกล้งกันไม่ก็ข่าวปลอมแน่ๆ”


“แต่จากวิดีโอและภาพถ่ายนี่มองยังไงก็ของจริงนะ”


“แล้ว…เราสามารถนำมันกลับมาได้รึเปล่า”


“เราจะไปขอคืนได้ยังไงกันในเมื่อเราไม่เคยตอบรับคำขอของคนอื่นเลยนะ”


 


ณ เกาะเมาลี


“พระเจ้า… มีนกโดโด้อยู่ที่จีน แถมยังมีตั้งหลายตัวแน่ะ”


“เป็นไปได้ยังไงกัน ก็นกโดโด้มีอยู่แค่เฉพาะเกาะของเรานี่นาแถมพวกมันสูญพันธุ์ไปหมดแล้วด้วย แล้วอยู่ๆประเทศจีนถึงมีพวกมันล่ะ”


“เรื่องนี้ไม่รู้เลยจริงๆ แถมไม่ว่ามองยังไงก็ไม่มีทางนึกออกเลยว่าทำไมนกโดโด้ถึงไปอยู่ที่นั่น จะบอกว่าอยู่ก็โผล่ออกมางั้นเหรอ”


“ยังไงก็ช่าง นกโดโด้เป็นนกประจำชาติเรา การที่ประเทศเราไม่มีนกโดโด้แล้วแต่ชาติอื่นมีนี่เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้”


“ถึงจะบอกว่านกนี่เป็นของประเทศเราก็จริง แต่….. เราจะไปขอเขามาตรงๆงั้นเหรอ”


“ฉันว่าน่าจะไม่ได้นะ ไม่ต้องพูดถึงการขโมยหรือปล้นฉิงเลยเพราะที่นั่นคือประเทศมหาอำนาจเลยนะ ไม่มีทางที่เราจะใช้กำลังทางด้านการทหารข่มขู่ได้เลย


สำหรับเรื่องขายนี่ฉันเองก็ไม่เห็นวี่แววเลยสักนิดว่าพวกเขาจะยอมขาย ที่เราทำได้นั้นก็เพียงแค่หยิบยืมมาเท่านั้นเอง”


 


สวนสัตว์จงหยุนนั้น แต่เดิม ก็เป็นเพียงแค่สวนสัตว์ธรรมดา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นั่นได้ปรับปรุงแล้ว เพียงเปิดขึ้นมาวันแรก ก็ทำให้ทั่วทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนอย่างอดเสียไม่ได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)