Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1040-1041
GGS:บทที่ 1040 ไม่ใช่บั่นทอน แต่เป็นการส่งเสริม
ชายหนุ่มหลายคนได้กลับมายังอะพาร์ตเมนต์ของพวกเขาหลังจากทำงานเสร็จ พวกเขาได้ชวนกันแวะซูเปอร์มาร์เก็ตแถวนั้นเพื่อหาขนมและเบียร์ดื่มเพื่อเป็นรางวัลประจำวัน
แต่ตอนที่กำลังจะคิดเงิน พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นบุหรี่ของซูจิ้ง
“เฮ้ นี่มันบุหรี่ของซูจิ้งที่ร่ำลือกันนั่นรึเปล่า”
“หืม? บุหรี่คัดพิเศษเหรอ”
“ฉันก็ว่าใช่นะ นายอาจจะไม่รู้เพราะมัวแต่วุ่นทั้งวัน นี่เป็นบุหรี่ที่ซูจิ้งร่วมมือกับภาครัฐในการผลิต วันนี้ทั้งวันมีการโฆษณาไปทั่วเลยทั้งช่องทีวีเล็ก ใหญ่ แม้แต่บนเน็ต
เห็นเขาบอกว่าด้วยการพัฒนาของซูจิ้งทำให้บุหรี่นี้ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกต่อไป ฉันว่าพวกภาครัฐต้องคุยโม้เพราะกลัวไม่มีใครซื้อมากกว่า
เท่าที่ดูฉันว่าภาครัฐอยากจะแทนที่บุหรี่ในท้องตลาดด้วยบุหรี่ของซูจิ้งทั้งหมดแหงๆ”
“ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่เท่ากับทำเงินให้หมอนั่นหรอกเหรอ”
“เอาน่า ลองดูเดี๋ยวก็รู้”
“ฉันไม่ซื้อหรอกนะ ที่ถูกสุดก็ต้องห้าสิบหยวนแน่ะ”
“ฉันก็ไม่เอานะ อุตส่าหาเงินมาทั้งวันเพียงเพื่อซื้อบุหรี่ซองเดียวแบบนี้ ฉันไม่หลงกลโง่ๆซื้อสูบแน่นอน”
ในที่สุดก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ใส่ใจมากเรื่องเงินและซื้อไปซองหนึ่ง หลังจากออกมาข้างนอก ชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแกะซองบุหรี่แล้วเอาออกมาสูบหนึ่งมวน
เมื่อจุด ควันของมันไม่ได้ดูแตกต่างอะไรกับบุหรี่ทั่วๆไป แต่เพียงเมื่อควันนั้นได้ลอยมาเตะจมูกเขาเท่านั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเพราะมันหอมมาก
เขาได้สูบบุหรี่ไปหนึ่งทีแล้วพ่นควันออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสดชื่นในทันที นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่สูบให้เต็มปอดอีกครั้งหนึ่ง เขาได้พยายามกลั้นลมหายใจอย่างที่สุดเพราะเสียดายหากต้องพ่นของดีออกมา จนถึงที่สุดก็ต้องพ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“โคตรสุด”
“ทำไมมันหอมขนาดนี้เนี่ย กลิ่นแบบนี้มันบุหรี่ชั้นดีชัดๆ”
“ขอมวนนึง”
“ฉันก็ด้วย”
“เฮ้เฮ้เฮ้ ใครกันที่บอกออกมาว่าไม่โง่พอที่จะซื้อน่ะ ยังมามีหน้ามาแย่งฉันสูบอีกเนี่ยนะ ไม่มีทางโว้ย อยากได้ไปซื้อเองนู่น” ชายหนุ่มพูดเสร็จก็ได้หันไปสูบต่ออย่างไม่แคร์และไม่คิดจะให้ใครแม่แต่น้อย
นี่ทำให้เพื่อนๆที่มานึกอยากอย่างที่สุด แต่เดิมพวกเขาแค่ต้องการจะแกล้งหมอนี่ตอนซื้อก็เท่านั้นเอง คิดไม่ถึงว่าคำพูดของตัวเองจะมาค้ำคอแบบนี้
ในที่สุดพวกเขาก็อดลนทนไม่ได้และกลับเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตและซื้อติดไม้ติดมือมาคนละซอง หลังจากนั้นทุกคนก็ได้หยิบขึ้นคนละมวน แล้วตัวกันสูบอย่างดูดดื่ม
“เทพซูนี่ยังไงก็เป็นเทพซูอยู่วันยังค่ำแหะ แม้แต่บุหรี่เขาก็ยังทำได้ดีแบบสุดๆ”
“บุหรี่นี่สมควรจะทำมาจากยาสูบคุณภาพดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงแพงนัก”
ถึงทุกคนจะพูดแบบนั้นแต่สิ่งที่ทุกคนในที่นี้ไม่รู้ก็คือบุหรี่นี้เป็นได้มาจากต้นพันธุ์ที่โตได้ไม่ดี เศษใบที่ร่วงหล่นระหว่างการผลิต และใบยาสูบที่อบไม่ได้คุณภาพเท่านั้นเอง นี่ถือได้ว่ายังห่างไกลจากคุณภาพสูงที่ถ้าจริงของใบยาสูบแห่งไชร์มากนัก
ถึงจะบอกว่าเป็นของคุณภาพไม่ดี แต่อย่างน้อยๆพวกมันก็ยังคงรักษาไว้ถึงสรรพคุณที่ไม่ทำร้ายร่างกายผู้สูบและรสชาติที่เหนือล้ำกว่าบุหรี่ทั่วไป
“บุหรี่ของซูจิ้งเหรอ?” ตอนที่โจวจือหยุนกำลังกลับบ้านหลังจากทำงานเสร็จแล้ว เขาได้เดินผ่านร้านข้าแห่งหนึ่งก็ได้เห็นโฆษณาบุหรี่ของซูจิ้งจึงอดไม่ได้ที่จะยืนมอง
“น้องชายคนนั้นน่ะไม่คิดจะลองดูสักกล่องเหรอ พี่ชายคนนี้ขอบอกตรงๆเลยนะว่าบุหรี่ยี่ห้อนี้สุดยอดมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครซื้อไปก็ต้องกล่าวชมกันทุกคน” พนักงานร้านที่เห็นโจวจือหยุนยืนมองป้ายโฆษณาอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“อืมมมมม ห้าสิบหยวนสินะ” โจวจือหยุนในตอนนี้คิดว่าจะซื้อมาสักซองอยู่เหมือนกัน ในฐานะแฟนคลับพันธุ์แท้ของซูจิ้งแล้วเขาย่อมอยากจะอุดหนุนซูจิ้งทุกเมื่อหากเขาสามารถ
แถมก่อนหน้านี้เขาเองก็ต้องประสบกับประสบการณ์ประทับใจจากการกินข้าวสีน้ำเงินมาแล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะซื้อบุหรี่นี่สูบอย่างไม่ต้องคิดมาก เพราะมันเข้าถึงได้ง่ายกว่า
ทันทีที่ได้บุหรี่มาหนึ่งซอง โจวจือหยุนก็หยิบขึ้นมาหนึ่งมวนในทันที และในทันทีที่เขาได้สูบเข้าไปหนึ่งฟืดในตอนจุด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างและสูบเข้าไปเต็มปอดในทันที พร้อมทั้งใบหน้าที่แสดงออกถึงความสดชื่นแบบสุดๆ
ในบาร์สำหรับของกินเล่นแห่งหนึ่ง คนขายได้จุดบุหรี่สูบอย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้น ภรรยาของเขาก็ได้รีบเข้ามาแตะไหล่ในทันทีพร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อให้บุหรี่ของซูจิ้งจะดียังไงก็ตามแต่นี่เวลางานนะคุณไม่ควรจะมาสูบแบบนี้ อีกอย่าง มันราคาซองละตั้งห้าสิบหยวนเลยนะ พวกเราไม่มีเงินพอที่จะสูบได้ทุกวันขนาดนี้หรอก
นึกถึงลูกของพวกเราที่กำลังเข้ามหาวิทยาลัยมั่งสิ ถ้าคุณยอมอดสักหน่อยล่ะก็เราจะเก็บเงินไว้ให้เขาได้อีกนิดหน่อยก็ยังดี ”
“ฉันไม่ได้ไร้วิสัยทัศน์ขนาดนั้นหรอกน่า ที่ฉันสูบนี่ไม่ใช่เพราะว่ามันเพลินหรอกนะ ฉันทำเพื่อธุรกิจล้วนๆเลย” เจ้าของร้านพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ห้ะ อย่างคุณเนี่ยนะทำเพื่อธุรกิจ” ฝ่ายภรรยาพูดพร้องถลึงตาใส่ในทันที
“ไม่เชื่อฉันเหรอ เดี๋ยวเราคอยดูแล้วกัน” เจ้าของร้านพุดออกมาพลางยักไหล่ทำหน้าเหรอหราใส่
ในตอนนั้นเองที่เป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนหลังเลิกงาน คนกลุ่มหนึ่งได้เปิดร้านเข้ามาเพื่อหาอะไรกินเล่นและนั่งพัก ทันทีพวกเขาเข้ามาก็ได้ทำท่าดมอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหันมาถามเจ้าของร้านว่า
“เฮ้ ลูกพี่ บุหรี่ที่ลูกพี่สูบนี่ยี่ห้ออะไรเนี่ย ทำไมถึงได้หอมนักล่ะ” ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะถามออกมาในทันทีที่ได้กลิ่นบุหรี่ มันหอมขนาดที่ว่าแม้แต่คนไม่สูบบุหรี่ก็ยังรู้สึกหอมได้
“บุหรี่ของซูจิ้ง” เจ้าของร้านพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ บุหรี่ที่ร่ำลือกันนี่เอง” ชายวัยกลางคนที่ได้ยินอดอุทานพร้อมส่งสายตาที่เปล่งประกายเสียไม่ได้
“มันหอมจนอดไม่ได้ที่จะสูดเข้าไปเต็มแปลกเลยทีเดียว”
“เห็นเขาว่ากันว่ามันไม่มีผลเสียต่อร่างกายด้วยนะ ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า”
“ก็ลองรุ่นห้าสิบหยวนดูสักกล่องสิ เดี๋ยวก็รู้”
เมื่อได้ยินดังนั้น แต่ละคนก็อดไม่ได้ที่จะซื้อกันไปคนละกล่อง ตอนแรกๆนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่แบ่งๆกันมาซื้อ แต่เพียงพักเดียว ก็มีคนมารอต่อแถวกันซื้อเต็มไปหมด
นี่เองก็ทำให้ภรรยาของเจ้าของร้านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชมเชยสามีตัวเองอยู่ในใจ ตอนแรกที่เธอไม่เชื่อก็ต้องยอมเชื่อคำพูดของเขาในที่สุด
แต่ทันทีที่เธอเห็นเขาทำท่าจะหยิบออกมาอีกมวนแล้ว นั่นเองก็ทำให้ความจริงที่เขาเก็บงำไว้เปิดเผยออกมา จนทำให้เธออดที่จะบิดหูคนที่เป็นสามีเสียเดี๋ยวนั้นเลยมิได้
“เลิกงานแล้ว เลิกงานสักที” หลังจากเสร็จงานแล้ว เฉาเล่ยอดไม่ได้ที่จะวิ่งออกไปในทันที
“อ้าวเฮ้ย จะรีบไปไหนล่ะนั่น” หวังเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หืม พี่ไม่ได้ยินเหรอว่าบุหรี่ของพี่จิ้งวางตลาดวันนี้น่ะ” เฉาเล่ยพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“บุหรี่ของซูจิ้ง….ห้ะ บุหรี่นั่นน่ะนะ” หวังเสี่ยวและจ้าวหมิงที่ได้ยินก็ตาเป็นประกายในทันที พวกเขาเองก็ได้พาซูจิ้งไปช่วยงานของพวกเขาอยู่บ่อยครั้งจนทำให้ได้มีโอกาสสูบอยู่บ้าง
พวกเขาต้องยอมรับในทันที่ได้สูบว่าบุหรี่ของซูจิ้งนั้นสุดยอดและหอมหวลตราตรึงใจจนมาถึงทุกวันนี้ เฉาเล่ยเองก็เคยฉีกยิ้มเพื่อขอจากซูจิ้งอยู่หลายครั้งแล้วแต่ว่าซูจิ้งนั้นไม่ยอมให้เขาสักที แม้แต่ยอมจ่ายเงินให้เขาก็ไม่เคยจะได้มาเลยสักซองเดียว
“ไปซื้อมาลองดูกันสักซองก็แล้วกัน” หวังเสี่ยวพูดออกมาในทันที ยังไงซะนี่เป็นช่วงเวลาเลิกงานของเขาแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
ทั้งหมดได้ตรงดิ่งไปยังร้านค้าที่ใกล้ที่สุดในทันที พวกเขาซื้อมากันคนละซองและรีบจุดสูบกันอย่างไว
“รสชาติเยี่ยม กลิ่นหอมยอด” หวังเสี่ยวพูดออกมาด้วยความสดชื่น
“ถึงแม้จะไม่ดีเท่าที่เคยสูบจากของซูจิ้งแต่รสชาติก็ดีทีเดียว” เฉาเล่ยเองก็พูดออกมาด้วยท่าทีสดชื่นเช่นเดียวกัน
“จริง แม้ไม่ดีเท่าแต่สุดยอดกว่าของทั่วไป” จ้าวหมิงเองก็กล่าวชมออกมา
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้สูบบุหรี่ที่ซูจิ้งพกอยู่นั้นนั่นก็คือใบไม้จากโลกแห่งเซียน หากมองกันด้วยเรื่องสรรพคุณล่ะก็แน่นอนว่าใบยาสูบแห่งไซร์นี้ยังถือว่าห่างไกลนัก บุหรี่ที่พวกเขาซื้อมานี้แห่งความสดชื่นแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ใบไม้แห่งโลกเซียนนั้นมีสรรพคุณในการเติมเต็มจิตวิญญาณ หากสูบนานๆเข้ายังช่วยเพิ่มปริมาณจิตวิญญาณได้เป็นอย่างดี นี่คือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามหากพูดถึงความหอมและรสชาติแล้วบอกได้เลยว่าใบยาสูบแห่งไชร์นี้ถือว่าเหนือล้ำกว่า
ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่คล้ายๆกันนี่ต่างก็เกิดขึ้นแทบจะทุกพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ทั่วทั้งประเทศ คนส่วนใหญ่นั้นทำได้เพียงไขว่คว้าและทดลองบุหรี่เกรดห้าสิบหยวนนี่เท่านั้น
แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เหล่าคนรวยหลายๆคนอย่างถังฮ่าว อันจือฮ่าว และผู้อาวุโสหวู่ต้องกักตุนกันไปกว่าสิบ ยี่สิบคอตตอน บางคนตอนไว้ร้อยคอตตอนเลยเห็นจะได้ และคนที่สามารถตุนได้ร้อยคอตตอนนั้นก็หนีไม่พ้นคนรวยอย่างผู้อาวุโสหวู่และอันจือฮ่าวนั่นเอง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะซื้อไปมากเท่าไหร่ แต่ละคนก็อดไม่ได้ที่จะสูบไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัวจนเกือบหมดเพียงไม่นาน พวกเขาต่างก็สงสัยกันว่าหากมีบุหรี่แบบนี้อยู่ในโลกล่ะก็สมควรจะทำออกมาขายตั้งนานแล้ว
หลายๆคนเองก็เริ่มเป็นแผนคลับพันธุ์แท้ของซูจิ้งจากการซื้อบุหรี่ของซูจิ้งสูบนี่แหล่ะ
แน่นอนว่าหากพูดถึงเรื่องนี้ล่ะก็ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง
GGS:บทที่ 1041 สะเทือนเลือนลั่น
ในขณะที่กลิ่นหอมของบุหรี่ของซูจิ้งได้ตราตรึงใจใครหลายๆคน หลายๆคนเองก็เริ่มจะรับรู้แล้วว่าบุหรี่ของซูจิ้ง ไม่เพียงสูบแล้วสดชื่นขึ้น บุหรี่ของซูจิ้งยังดูเหมือนว่าไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายจริงๆ
นั่นก็เพราะว่าใครก็ตามที่ไอทั้งเวลาสูบและได้กลิ่นจากควันของคนที่สูบต่างก็ไม่รู้สึกอะไรเลย กลับสดชื่นซะด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เหล่านักวิจัยทั้งหลายต่างก็ต้องนำไปทดสอบ ผลก็คือไม่มีสารพิษๆใดๆเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้บุหรี่ของซูจิ้งเป็นที่พูดถึงมากขึ้นไปอีก
หลายๆคนเองที่กังวลผลเสียจากควันบุหรี่ที่มีต่อคนใกล้ตัวแล้วอยากจะเลิกแต่ไม่สามารถเพราะสำหรับคนเหล่านี้การเลิกบุหรี่ไม่ต่างจากการตายทั้งเป็นนั้น
พวกเขานั้นต่างก็สรรเสริญซูจิ้งอย่างที่สุดในทันทีที่รู้เรื่องนี้ แถมบุหรี่ของซูจิ้งยังรสชาติดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยสูบมานี่อีก นี่ทำให้คนที่อยากเลิกแต่ยากจะทำได้หันมาสูบบุหรี่ของซูจิ้งอย่างไม่ต้องเลือกมากอีกต่อไป
เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ คำอดรนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
เอาจริงๆคือต่อให้ไม่มีเรื่องของสุขภาพมาเกี่ยวข้อง แต่พวกเขานั้นส่วนใหญ่แล้วติดบุหรี่จนบุหรี่ทั่วไปไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อีกแล้ว
หากแม้ว่าบุหรี่ของซูจิ้งดีต่อสุขภาพก็จริงแต่รสชาติไม่ได้เรื่องแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่การที่มันไม่มีผลเสียต่อสุขภาพนี้กลายเป็นสิ่งหนุนนำเท่านั้นเอง
มันก็เหมือนกับการได้กลิ่นอาหารที่หอมเย้ายวนแน่นอนว่าเมื่อได้ลิ้มรสย่อมยากจะอดใจไหว
บนโลกอินเตอร์เน็ตเองก็ต่างโฆษณาแทนซูจิ้งไปโดยปริยายเรียบร้อยแล้ว
“เพื่อสุขภาพที่ดี ฉันจะไม่สูบบุหรี่ทั่วไปอีกแล้ว ฉันจะสูบแต่บุหรี่ของซูจิ้งเท่านั้น”
“ถ้าบุหรี่ของซูจิ้งออกมาก่อนหน้านี้ล่ะก็ ฉันคงไม่เป็นปอดอักเสบอย่างแน่นอน”
“การได้สูบบุหรี่ของซูจิ้งถือว่าเป็นกำลังชีวิตอย่างแท้จริง”
“แต่ที่เสียไปหน่อยก็เรื่องราคาซองละห้าสิบหยวนนี่แหล่ะ”
“ฉันว่ามันก็เหมาะสมกับราคานะ บุหรี่ที่รสชาติดีและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วยแบบนี้ แพงอีกนิดยังว่าคุ้มเลย”
“ฉันได้ยินมาว่ารุ่นที่แพงกว่านี้จะรสชาติดีกว่านี้อีกนะ เสียดายมันแพงจนฉันเอื้อมไม่ถึงจริงๆ”
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่คิดจะสูบบุหรี่เพราะว่ามันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่หลังจากรู้ว่าบุหรี่ของซูจิ้งนอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและยังทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น
แถมฉันเองยังได้กลิ่นบุหรี่มันอยากจะอดใจจริงๆ ฉันเองก็จะลองดูด้วยเหมือนกัน”
เรื่องราวบุหรี่ของซูจิ้งนี้ยังเป็นที่พูดถึงกันในหมู่เพื่อนฝูงอีกด้วย โดยตอนนี้บุหรี่นี้ได้มีสโลแกนที่ชาวบ้านตั้งกันเองว่า “บุหรี่ที่มอบเป็นของขวัญได้”
นั่นก็เพราะหากเป็นบุหรี่ทั่วไปแล้ว การมอบบุหรี่ให้ไม่ต่างอะไรจากการสาบส่งให้ตายไปซะให้พ้นๆนั่นเอง
หลังจากฮัวหยุนชูและฟูฮงซิ่วได้รู้สถานการณ์ของบุหรี่ซูจิ้งก็ทำให้ทั้งคู่ต่างก็พูดอะไรกันไม่ออก นั่นก็เพราะนับวันบุหรี่ของซูจิ้งยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น
หากว่าคิดเรื่องที่ว่าเขาจะได้ส่วนแบ่งผลกำไร10%แล้วบอกได้เลยว่าซูจิ้งได้เงินเยอะแบบที่ไม่ต้องนับเลยทีเดียว
ถึงแม้ครอบครัวของทั้งสองจะเป็นที่รวยที่สุดติดอันดับโลกก็ตาม แต่หากไม่นับตระกูลล่ะก็ ทั้งสองก็ไม่ได้ต่างจากขยะไร้ค่าแต่อย่างใด
ในครั้งนี้ทั้งคู่เองก็ไม่คิดจะขโมยเมล็ดพันธุ์หรือแม้แต่สร้างปัญหาก่อกวนซูจิ้งแม้แต่น้อย
เหตุผลหลักๆก็คือรัฐบาลนั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธุรกิจยาสูบ แถมยังมีนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมอะไรก็ตามที่ดีต่อสุขภาพประชาชน หากครั้งนี้พวกเขากล้าทำอะไรก็ไม่ต่างจากการหาที่ตาย
ไม่เพียงแต่ธุรกิจยาสูบนี้ สินค้าต่างๆของซูจิ้งที่เคยออกมาก่อนหน้านี้นั้นก็ไม่มีอะไรที่ไม่ได้รับความนิยมเลยแม้แต่น้อย
ทั้งอวัยวะเทียม ระบบปัญญาประดิษฐ์ มือถือกาลเวลา เครื่องตัดเลเซอร์ ระบบ5จี รถกาลเวลา ข้าวสีน้ำเงิน และของอย่างอื่นอีก
เรียกได้ว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นจุดอ่อนของกลุ่มทุนกาลเวลา ถ้าจะให้บอกคือเหนือล้ำกว่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ไปไกลมาก
ด้วยเหตุนี้ทำให้เงินได้ของซูจิ้งนั้นสูงจนทะลุกราฟไปแล้ว เฉิงหนานที่คอยช่วยซูจิ้งเรื่องการตลาดนั้นไม่สามารถจะหาวิธีแสดงยอดผลกำไรที่กลุ่มทุนห้วงเวลาได้รับอีกต่อไป
นั่นก็เพราะต่อให้ไม่ต้องแสดงผลกำไรของกลุ่มทุนห้วงเวลาเลย แม้แต่เงินที่ซูจิ้งได้รับแต่ละเดือน ในตอนนี้ก็สูงเกินกว่าห้าหมื่นล้านหยวนเข้าไปแล้ว หากว่านี่คิดว่าบ้าเกินไปล่ะก็ยังถือได้ว่าน้อยไป
นั่นก็เพราะอัตราการเติบโตยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขนาดที่ว่าแม้แต่คนที่รวยที่สุดในโลกอย่างบิลเกตก็ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายก้อย
แต่เมื่อเธอได้เห็นว่าซูจิ้งนำเงินที่ได้มาเกือบทั้งหมดทุ่มลงไปกับสถาบันวิจัยของเขาอีกครั้งที่ทำให้เฉิงหนานถึงกับพูดไม่ออก
การกระทำของซูจิ้งนั้นไม่ได้ต่างจากหาเงินมาเผาเล่นแม้แต่น้อย นี่ทำให้เธอไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“ในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนมานี้ฉันสามารถผลิตปฏิสสารได้มากกว่าเดิมสามเท่า ค่าพลังงานของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาในตอนนี้ จาก 21600 เป็น 57600 หน่วย และนั่นเท่ากับเงินหนึ่งแสนล้านหยวน ส่วนค่าการใช้ประโยชน์ในตอนนี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนในตอนนี้จาก 65000 เป็น 102000 หน่วย” ซูจิ้งที่อยู่ในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้มองค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์อย่างภูมิใจราวกับทำอะไรบางอย่างได้สำเร็จ
ในตอนนี้เรียกได้ว่าทุกอย่างก้าวของเขานั้นทำให้ค่าทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเงินได้ของเขาที่พุ่งขึ้นชนิดที่หยุดยังไงก็หยุดไม่อยู่
นี่ส่งผลให้ค่าการใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว หรือจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือต่อให้นับจากนี้เขาไม่ทำอะไร ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์ก็ยังหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าก็เร็วมันจะขึ้นไปเหยียบที่หนึ่งล้านหน่วยตามที่เขาหวังไว้
อย่างไรก็ตาม ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์ในตอนนี้สำหรับเขาแล้วยังไม่ถือว่าน่าพอใจแต่อย่างใด
นั่นก็เพราะเขานั้นอยากจะให้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ยกระดับให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพราะไม่แน่ว่าในช่วงระหว่างที่กำลังรอให้ค่าทั้งสองได้ตามที่ต้องการอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น หากเป็นอย่างนั้นจริงเขาต้องเสียใจแน่ๆหากมัวแต่นั่งรอให้ถึงฝั่งฝันโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“ตอนนี้ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างแต่เนื่อง แถมธุรกิจของฉันก็ยังพัฒนาได้เป็นไปได้ด้วยดี
แต่ยังไงซะอีกไม่นานสมดุลในตอนนี้ก็จะถึงจุดอิ่มตัว ถึงจะบอกว่าถึงย่างก้าวคือการพัฒนาที่รวดเร็ว แม้เงินที่ฉันได้มาจะเพิ่มจากเดิมสองเท่า แถมอัตราการใช้ประโยชน์ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
อืม….หากว่าฉันเข้าใจวิธีการคำนวณค่าการใช้ประโยชน์ไม่ผิดล่ะก็ หากว่าฉันเพิ่มชื่อเสียงให้ขยะที่เก็บได้เหล่านั้นย่อมส่งผลที่ดีต่อทั้งโลก และนั่นจะทำให้ค่าการใช้ประโยชน์เพิ่มเร็วยิ่งขึ้น
ยิ่งชื่อเสียงแผ่ออกไป ค่าการใช้ประโยชน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบพุ่งพรวดแต่อย่างใด
หากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ วิธีการที่จะเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ที่ดีที่สุดนั่นก็คือการสร้างผลกระทบแบบฉับพลันสินะ อืม……” ซูจิ้งทำการวิเคราะห์อยู่ในใจ
เหตุผลที่เขาคิดเกี่ยวกับค่าการใช้ประโยชน์อย่างหนักนั่นก็เพราะว่าการยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯนั้นต้องใช้ค่าทั้งสองถึงหนึ่งล้านหน่วย
เขาจึงต้องหาวิธีการเพิ่มค่าทั้งสองอย่างสมดุลนั่นคือวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ค่าทั้งสองจะไม่ได้มีการคำนวนที่ขัดแย้งแถมยังหนุนกันก็ตาม แต่หากว่าค่าหนึ่งไปถึงหนึ่งล้านแล้วและต้องรอให้อีกค่าหนึ่งไปหนึ่งล้านด้วยนั้น นั่นน่าจะทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็น
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนแล้วกัน ตอนนี้ฉันจัดการขยะฯต่อดีกว่า” ซูจิ้งละทิ้งความคิดต่างๆออกไปจากจิตใจและเลือกที่จะจัดการขยะห้วงเวลาฯสุดยอดทหารกล้าจ้าวนักรบต่อ
หลังจากเสียเวลาจัดการไปอยู่สองวัน ในที่สุด ซูจิ้งก็ไม่สามารถทำความฝันที่จะประกอบหุ่นเกราะเบาได้ นี่ทำให้เขาถึงกับจิตตกในทันที
“เฮ้ออออ พอคิดถึงค่าการใช้ประโยชน์ที่สูงล้ำแล้วทำให้ฉันตัดใจทิ้งขยะพวกนี้ไม่ได้เลยจริงๆ ฉันคงต้องให้เสี่ยวไป๋ซ่อมพวกมันทั้งหมดสินะ
เรื่องนี้ช่างยอมรับได้ยากเลยจริงๆว่าขนาดขยะที่ทั่วไปที่สุดยังหาชิ้นส่วนมาประกอบให้ครบไม่ได้” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างถอดใจ
เขานั้นได้ค้นขยะกองนี้ซ้ำๆอย่างอดเสียดายไม่ได้จนในที่สุดเขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรหน้าสนใจ เขาจึงตัดใจสั่งย่อยขยะที่เขาไม่ต้องการในทันที
หลังจากนั้นก็ได้ของที่ใช้ได้ทั้งหมดไปเก็บเอาไว้ แต่ยิ่งเขาได้เห็นชิ้นส่วนหุ่นยนต์เกราะเบาแล้วก็ทำให้เขานั้นอดเสียดายไม่ได้จริงๆ
ในขณะเดียวกัน ในห้องคาราโอเกะหรูหราแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มสี่คนได้นั่งอยู่ในนั้น นอกจากฮัวหยุนชูและฟูฮงซิ่วแล้ว
นอกจากทั้งสองก็มีชายหนุ่มร่างอ้วนและชายสมส่วนที่ไว้หนวดเครานั่งอยู่ด้วย หากคนภายนอกได้เห็นทั้งสี่คนนี้ บอกได้เลยว่าพวกเขาจะต้องตกใจล้มพับไปในทันที
นั่นก็เพราะ ชายอ้วนที่ว่าคือหลี่เชิง หนึ่งในสี่นายน้อย แน่นอนว่าชายสมส่วนไว้เครานั่นก็คือหยวนหยินหนิงที่เคยเป็นหนึ่งในสี่นายน้อยแต่โดนซูจิ้งเขี่ยออกไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น