Elixir Supplier 754-756
754 ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่น
หมอหวู่ไม่ใช่คนที่ชอบเสแสร้ง เขาไม่เหมือนบางคนที่ต้องการเงิน แต่กลับแกล้งทำเป็นไม่สนใจ คนแบบนั้นควรละอายใจมากกว่าจะเป็นเขา
“คนไข้อยู่ไหนครับ?” หมอหวู่ถาม
“เขาอยู่ข้างในค่ะ” คุณหลี่พูด
ภายในห้องคนไข้วีไอพี ลูกศิษย์ของราชายาได้พบกับคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง คนไข้ดูซีดเซียว แก้มของเขาตอบและร่างกายผอมแห้ง ร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่แสดงให้เห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่
“เขามีอาการยังไงบ้างครับ?” หมอหลี่ถาม
“ปวดหัว แล้วก็เจ็บที่หน้าอกกับท้องค่ะ” คุณหลี่พูด “ยาแก้ปวดใช้ไม่ได้ผลกับเขา”
“แล้วบรรเทาอาการด้วยวิธีไหนเหรอครับ?” หมอหวู่ถาม
“เราให้มอร์ฟีนเขาไปหลายโดสแล้ว” คุณหลี่พูด
หมอหวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวยาที่ใช้ระงับความเจ็บปวดนั้นถือว่าดี แต่ก็มีปัญหาตามมาคือผลข้างเคียงของมัน เช่น การเสพติด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้ป่วยเอง
“ฉันทนเห็นเขาทรมานไม่ได้หรอก” คุณหลี่พูด
จากการที่ต้องคอยเฝ้าดูแลลูกชาย ทำให้เธอดูซีดเซียวลงไปมากเช่นกัน แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกังวลเรื่องลูกชายของเธอเอง เธอทั้งกังวลและโมโห และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายขึ้นมา
“ผมขอตรวจดูอาการของเขาก่อนนะครับ” หมอหวู่เดินเข้าไปจับดูชีพจรของโฮ่วชื่อต๋า ที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพอ่อนแรงและผิดปกติ
เกิดรอยย่นขึ้นที่หว่างคิ้วของหมอหวู่ เขาตรวจดูบริเวณท้องและศีรษะ แล้วพูดเสียงกระซิบขึ้นมาว่า “เป็นไปไม่ได้”
เขาจับชีพจรของคนไข้อีกครั้ง แล้วตรวจสอบช่วงอกและหน้าท้องอีกรอบ
“ผมคงต้องรอจนกว่าอาการของเขาจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง” หมอหวู่พูดในขณะที่เขายืดตัวตรง
คุณหลี่ดูนาฬิกา “ได้สิ”
พวกเขารอคอยอยู่ภายในห้องเกือบหนึ่งชั่วโมง โฮ่วชื่อต๋าที่กำลังหลับใหลอยู่ๆก็มีปฏิกิริยาและกรีดร้องออกมา
หมอหวู่รีบเข้าไปหา จากนั้นก็จับข้อมือของเขาและสั่งให้คนอื่นๆช่วยกันยึดตัวเขาเอาไว้ เขาฟังเสียงภายในหน้าอกและท้องของชายหนุ่ม
“จับเขาเอาไว้” เขาพูดกับผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง
คุณหลี่สั่งการ มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอกและจับตัวโฮ่วชื่อต๋ากดไว้กับเตียง มันดูราวกับว่า เขาเป็นหมูที่กำลังรอการถูกเชือดยังไงยังงั้น
หมอหวู่หยิบเข็มเงินออกมา แล้วฝังมันลงไปที่หน้าท้องของชายหนุ่มด้วยความเร็วสูงสุด
อยู่ๆร่างกายของโฮ่วชื่อต๋าก็แข็งทื่อ
“เขาเป็นอะไรไปน่ะ?” คุณหลี่ตกใจ
“ไม่ต้องวิตกไปครับ” หมอหวู่หยิบเข็มเงินของมาหลายเล่ม จากนั้นเขาก็ฝังมันลงไปตามจุดต่างๆบนร่างกายของชายหนุ่ม
โฮ่วชื่อต๋าส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าของหมอหวู่เคร่งเครียดอย่างมาก เขาพูดด้วยเหงื่อเต็มใบหน้าว่า “คุณให้มอร์ฟีนกับเขาได้เลยครับ”
มอร์ฟีนในปริมาณมากถูกฉีดเข้าไป โฮ่วชื่อต๋าร้องโหยหวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหลับไป
“หมอหวู่ อาการลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?” คุณหลี่ถาม
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับไปว่า “ผมขอโทษด้วยครับ คุณผู้หญิง ผมรักษาเขาไม่ได้ คงต้องทำให้คุณผิดหวังแล้ว”
ถ้าเขามีความมั่นใจกว่านี้อีกสักหน่อย เขาอาจจะลองดูสักตั้ง โชคร้ายที่แม้แต่โรคเขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“อะไรนะ?” สีหน้าของคุณหลี่เปลี่ยนไปในทันที
“ผมรักษาโรคนี้ไม่ได้ครับ” หมอหวู่พูด
“แล้วคุณรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของฉัน?” คุณหลี่ถาม
“ครับ” หมอหวู่พูด
“มันคือะไร?” คุณหลี่ถาม
“มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในร่างกายของเขา ทำให้เส้นเลือดไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ” หมอหวู่พูด “อวัยวะภายในทำหน้าที่ได้มาสมบูรณ์ และสร้างความเจ็บปวดแก่ร่างกาย ที่ศีรษะของเขาก็มีอาการเดียวกันครับ”
“หมอเฉินกับหมอหลี่บอกว่า พวกเขากำจัดมันออกไปไม่ได้” คุณหลี่พูด
หมอหวู่รู้สึกไร้หนทาง เขาไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับคนไข้ที่มีอาการแบบนี้
“คุณพอจะรู้ไหม ว่าใครที่สามารถรักษาโรคนี้ได้?” คุณหลี่ถาม
หมอหวู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปว่า “อาจารย์ของผมน่าจะทำได้ แต่เขามีกฎเยอะมาก”
“หมอหวู่ คุณถือเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเขา คุณพอจะให้สิทธิพิเศษอะไรได้บ้างล่ะ?” คุณหลี่ถาม
“ไม่ครับ เรื่องนี้เราพูดกันชัดเจนแล้ว” หมอหวู่ส่ายหน้า ลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีสิทธิพิเศษบางอย่างอยู่ แต่เขาไม่มีทางใช้โอกาสสุดพิเศษนี้กับคนพวกนี้แน่
คุณหลี่ได้แต่ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ได้รับคำตอบ
“เสี่ยวโฮ่ว จ่ายเงินค่ารักษาให้หมอหวู่ที”
“ครับ คุณผู้หญิง”
“โอ้ คุณไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ในเมื่อผมรักษาให้ไม่ได้”
“คุณพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว” คุณหลี่พูด
สุดท้าย ลูกศิษย์ของราชายาก็ไม่รับค่ารักษา เขารับเพียงการเดินทางที่พวกเขาจัดหาให้เท่านั้น
“คุณผู้หญิงครับ?”
“ไปหาราชายา และทำตามกฎของเขา” เธอสูดลมหายเข้าลึก
“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ในทันที”
นี่เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ของพวกเขา
บนเนินเขาหนานชาน…
หวังเย้ากำลังทดลองสูตรยาตัวหนึ่งอยู่ มันเป็นยาสูตรพิเศษที่เขาคิดขึ้นมา
สมุนไพรรากได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี ถูกนำมาบดรวมเข้ากับดอกของต้นเซียงชิวหลัว และสมุนไพรตัวอื่นๆ
เขากำลังทำยาสูตรใหม่ออกมา
อืม รสชาติของมันใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลอะไรบ้าง เขาคิด เขามองดูขวดกระเบื้องสีขาวที่บรรจุตัวยาเอาไว้ จากนั้นก็ดึงจุกที่ปิดขวดกระเบื้องออก กลิ่นหอมของตัวยาลอยออกมาจากปากขวดในทันที
อืมม สูดลมหายใจเข้าลึกและรู้สึกได้ถึงความสดชื่น
ฉันจะลงไปข้างล่าง แล้วลองมันกับใครสักคนดีกว่า
หวังเย้าหยิบยาติดมือไปด้วยและลงไปจากเขา เขาไม่ได้เดินไปที่คลินิก แต่เลือกจะไปที่บ้านของหลิวจงชวนแทน
“หมอหวัง”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี อันซิน วันนี้วันหยุดเหรอ?”
“ใช่ค่ะ วันนี้เป็นวันเสาร์”
“อันซินกลับเข้าไปทำการบ้านข้างในเถอะ พี่มีเรื่องต้องคุยกับหมอหวัง” จงหลิวชวนพูด
“ได้ค่ะ” จงอันซินกลับไปที่ห้องของเขาด้วยท่าทีมีความสุข
“คุณไปถึงไหนแล้วล่ะ?” หวังเย้ารู้สึกได้ว่า หลายวันที่ไม่ได้พบเขา การหายใจของจงหลิวชวนเปลี่ยนไปอย่างมาก นี่คือผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกฝนวิธีการหายใจ
“เวลาที่ไม่มีอะไรทำ ผมก็มักจะเข้าไปในเงียบๆอยู่ในห้องคนเดียวครับ”
“ดีครับ เราไปดูคนที่อยู่บ้านหลังนั้นกันดีกว่านะ”
“ครับ”
ทั้งสองเดินไปที่บ้านอีกหลังหนึ่ง
ประตูเปิดออก
มีคนกำลังมา? ดวงตาเจี๋ยจื้อจายที่นอนอยู่บนเตียงเป็นประกายขึ้นมา หลังจากที่ต้องทนอยู่ในสภาพนี้มาได้หลายวัน เขาก็แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แม้แต่เนื้อหรือของมึนเมาก็ไม่มีให้ได้กิน ที่มากไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่ได้พบเจอผู้คนตลอดทั้งวัน ทำได้แค่นอนทรมานอย่างเดียวดายในเตียง
โอ้ วันนี้มีคนมาตั้งสองคนแน่ะ
“นายนี่เอง!” ทันทีที่เขาเห็นหน้าของหวังเย้า เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ราวกับว่า มีไฟกำลังแผดเผาอยู่ในหน้าอกของเขา แต่เขาก็ทำอะไรกับมันไม่ได้
“อืม สภาพของคุณไม่เลวเลยนะ!” หวังเย้ามองเขาและยิ้มออกมา
“เชี่ยเอ้ย!”
“ผมมีของมาให้คุณลองน่ะ มันจะช่วยคุณได้มากเลยล่ะ”
“สำหรับแพทย์ปรุงยาแล้ว คุณถือว่าน่าสนใจมากเลยล่ะ”
“ผมจะช่วยคลายจุดให้คุณขยับได้แล้วกัน” หวังเย้ายิ้ม
“อะไรนะ?” เจี๋ยจื้อจายตกตะลึง เขาจะปล่อยฉันไปงั้นเหรอ หรือว่าเขากำลังจะฆ่าฉันกันแน่?
หวังเย้าตบมือในอากาศสองสามครั้ง ความร้อนแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเจี๋ยจื้อจาย จากนั้นก็จางหายไป เขาค้นพบว่า ตัวเองสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้ว กำลังกายที่หายไปก็กลับคืนมาเหมือนเดิม
“เยส!” เขาร้องออกมา มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก
แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน
อ่า! เขารู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที
เขาคงจะลุกเร็วเกินไป จนทำให้หัวหมุน
“หลิวชวน คุณออกไปข้างนอกก่อนนะ”
“ครับ” จงหลิวชวนเดินออกไปด้านนอกทันที
“อะไร? นายอยากจะคุยกับฉันตามลำพังอย่างนั้นเหรอ?” เจี๋ยจื้อจายไม่รู้ว่าหวังเย้าคิดจะทำอะไร
“มาครับ ดมมันดู” หวังเย้าหยิบขวดกระเบื้องสีขาวออกมาและเปิดฝาขวดออก
“หืม?” เจี๋ยจื้อจายตกใจ
“ดมงั้นเหรอ? นายหมายความว่ายังไงกันแน่?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
อ้า! เขามึนหัว
เขาล้มลงไปกองกับพื้น กำลังกายและพละกำลังที่เพิ่งได้คืนมาหายไปราวกับว่าวที่ลอยไปตามลม
“เชี่ย! มันเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว?”
มันต่างไปจากครั้งก่อนที่เขาไร้เรี่ยวแรง แต่ครั้งนี้เขารู้สึกร้อน ภายในหน้าอกของเขารู้สึกได้ถึงความอึดอัด การหายใจของเขาเกิดการติดขัด แล้วเขายังปวดหัวมากด้วย
“หืม ทำไมถึงมีนกบินเข้ามาในบ้านได้ล่ะ? นั่นมันอะไรน่ะ?”
เขาขยี้ตาและรับรู้ได้ว่า ตนเองกำลังเห็นภาพหลอน
755 กลิ่นหรวนกู่(กระดูกอ่อน)
“มันได้ผล!” หวังเย้าเอาจุกไม้ปิดฝาขวด
เขาเดินเข้าไปสังเกตสภาพร่างกายของเจี๋ยจื้อจาย ก่อนจะยื่นมือออกไปจับชีพจร
“รู้สึกยังไงบ้าง?” หวังเย้าถามเสียงเบา
“ฟืดดด ซีดด ฟืดด” เจี๋ยจื้อจายรู้สึกหายใจลำบาก ถ้าเขายังพอมีแรงเหลือละก็ เขาคงจะจัดการสั่งสอนบทเรียนให้ไอ้หน้าอ่อนตรงไปนานแล้ว
เขาคิด แม่งเอ้ย! เขาใช้ฉันเป็นตัวทดลองยาและดูผลลัพธ์สินะ ไร้มนุษย์ธรรม! ยังจะมาถามอีกเหรอว่าฉันรู้สึกยังไง?
เพียงการสะบัดมือของหวังเย้าไม่กี่ครั้ง สายลมก็พัดพาเอากลิ่นลอยออกไปจากห้องจนหมด
จงหลิวชวนที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้ยินเสียงที่ดังจากด้านในตัวบ้าน จึงหันไปมองดู แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไป อยู่ๆเขาก็ได้กลิ่นหอมบางอย่างลอยมาตามลม จากนั้นเขาก็รู้สึกมึนหัว โชคดีที่ความรู้สึกนั้นมาไวไปไว
“หลิวชวน เข้ามาได้แล้ว!” หวังเย้าที่อยู่ด้านในส่งเสียงตะโกนออกไป
จงหลิวชวนได้ยินเสียงเรียกจึงเดินกลับเข้าไปด้านใน เขาเห็นเจี๋ยจื้อจายนอนกองอยู่ที่พื้นราวกับหมาตายตัวหนึ่ง “หมอ เขา…”
“อ่อ ผมแค่ใช้เขาเป็นตัวทดลองยาน่ะ” หวังเย้าส่ายขวดกระเบื้องที่อยู่ในมือ “ยาได้ผลดีทีเดียว”
“เมื่อกี้ ตอนที่ผมยืนอยู่ข้างนออก ผมก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วก็รู้สึกมึนหัว แต่ไม่นานก็หาย” จงหลิวชวนพูด
“อ่อ นั่นเป็นกลิ่นของยาน่ะ” หวังเย้าพูด “คุณได้กินยาสูตรพิเศษของผมไป เลยทำให้คุณต้านทานฤทธิ์ของยาตัวนี้ได้ เอาเขาลุกขึ้นมาแล้วมัดเขาไว้ ผมจะคอยดูว่าฤทธิ์ยาจะอยู่ได้นานแค่ไหน”
“ครับ หมอ” จงหลิวชวนตอบ
“เดี๋ยวนะ ฉันอยู่ในสภาพนี้แล้วยังคิดจะมัดฉันอีกเหรอ?” เจี๋ยจื้อจายถามอย่างอ่อนแรง
“กันไว้ดีกว่าแก้ยังไงล่ะ” หวังเย้าพูด “เอาล่ะ หลิวชวนคอยดูเขาเอาไว้นะ ถ้าเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเมื่อไหร่ให้บอกผมทันที”
หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องแล้ว จงหลิวชวนก็ถามขึ้นมาว่า “ยาตัวนี้มีชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”
“คุณคิดยังไงกับชื่อ ผงซื่อเซียง?” หวังเย้าเสนอขึ้นมา
“ฟังดูดีนะครับ แต่ดูเหมือนว่าผมจะเคยได้ยินชื่อนี้จากที่อื่นมาก่อนน่ะครับ” จงหลิวชวนพูด
“หืมมม ผมไม่อยากมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ซะด้วยสิ” หวังเย้าพูด “งั้นชื่อ กลิ่นหรวนกู่ เป็นยังไง?”
ตัวยาที่เกิดขึ้นมาจากความซุ่มซ่ามของเขาเอง กลิ่นเฉพาะตัวของยานั้นได้มาจากกลิ่นของดอกเซียงซิวหลัว
หลังจากนั่งอยู่ที่บ้านของจงหลิวชวนได้สักพัก หวังเย้าก็กลับไปที่คลินิกของเขา
…
ทางใต้ของซินเจียง กั๋วเจิ้งเหอมองออกไปยังถนนเส้นเล็กๆของเมืองที่ห่างไกลแห่งนี้ เขาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากผู้ว่าของเมืองไปสู่ผู้ว่าเขตในเวลาอันสั้น ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเกิดจากความพยายามของเขาทั้งสิ้น โดยที่เขาไม่ได้ใช้ชื่อเสียงของตระกูลเข้ามาช่วยเลย
เสียงมือถือของเขาดังขึ้น หลังจากที่ได้ฟังอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับไปว่า “แน่ใจเหรอ? เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ทำดีมาก ทำต่อไปก่อน”
หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย เขาถอนหายใจออกมา ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาพูดเสียงเรียบ “เข้ามา”
“ผู้ว่าเขตครับ เรื่องที่คุณสั่งไปเรียบร้อยแล้วนะครับ” ชายคนนั้นพูด
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูด “กลับไปทำงานของคุณต่อเถอะ”
เขตเล็กๆแห่งนี้มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอยู่ไม่มาก ในเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลมีรีสอร์ทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ วิลล่าบางหลังถูกสร้างไว้ใกล้กับตัวเนินเขา โดยไม่มีการทำลายต้นไม้และสภาพแวดล้อมเดิม มันเป็นโครงการที่กั๋วเจิ้งเหอรับผิดชอบหลังจากที่เขามาถึงที่นี่ ในตอนแรก เขาคิดจะพึ่งพาแค่ภูเขา, ความเขียวขจี, และสายน้ำที่ใสสะอาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนข้อมูลจะพิสูจน์ให้ได้เห็นว่า การสร้างวิลล่าขึ้นมาถือเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง
ผลจากความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนจึงเริ่มให้ความสนใจในเรื่องของคุณภาพชีวิตและการท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพวิวทิวทัศน์ในเมืองเล็กๆทำให้ผู้คนหลงเสน่ห์ ป่าเขาครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน ตั้งแต่ที่รีสอร์ทบนเนินเขาถูกสร้างขึ้นมา ก็เริ่มมีคนจากเมืองใกล้เคียงเดินทางเข้ามา และยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นในช่วงหน้าร้อน
กั๋วเจิ้งเหอขับรถไปยังวิลล่าหลังหนึ่งของรีสอร์ท
“สวัสดีครับ ผู้ว่า” ชายคนหนึ่งพูด
“คนอยู่ไหนเหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“อยู่ในห้องครับ” เขาพูด
“ถ้าไม่มีคำสั่งจากผม ห้ามให้ใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“เข้าใจแล้วครับ” ชายคนนั้นรับคำ
กั๋วเจิ้งเหอผลักประตูเข้าไปในห้อง ชายวัยสี่สิบที่หน้าตาและเสื้อผ้าล้วนธรรมดาอยู่ด้านใน
“สวัสดีครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
เมื่อเห็นกั๋วเจิ้งเหอ เขาก็รีบลุกขึ้นทันที “สวัสดีครับ ผู้ว่ากั๋ว”
“เชิญนั่งครับ อย่าประหม่าเลยครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ทำไมถึงได้อยากเจอผมเหรอครับ?”
“คือ ช่วงนี้ผมมีปัญหาใหญ่น่ะครับ” เขาพูด “หลังจากคิดอยู่นาน ผมก็คิดถึงผู้ว่าได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
“ปัญหาใหญ่? การปลูกสมุนไพรของคุณได้รับการสนับสนุนจากทางเขตมาตลอด แล้วจะมีปัญหาใหญ่ได้ยังไงล่ะครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถามเสียงกลั้วหัวเราะ
ชายตรงหน้าดูธรรมดาสามัย แต่ความเป็นจริง เขากลับมีค่าอย่างมาก เขาคือผู้ปลูกสมุนไพรที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเขต ในช่วงสิ้นปีของปีที่แล้ว เขาได้เข้าร่วมโครงการผลิตสมุนไพร และเขายังได้ร่วมลงทุนถึงยี่สิบล้านหยวน ตัวโครงการอยู่ภายใต้การดูแลของกั๋วเจิ้งเหอ และยังได้รับการสนับสนุนจากทางเขตด้วย การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
“คือ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องโครงการหรอกครับ” ชายคนนั้นพูด
“แล้วเรื่องอะไรเหรอครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ผมรู้สึกว่า ชีวิตของผมกำลังถูกคุกคามน่ะครับ”
“อะไรนะ?” สีหน้าของกั๋วเจิ้งเหอเปลี่ยนไป “จากใครครับ?”
“ผมไม่รู้ครับ” ชายคนนั้นส่ายหน้า “ช่วงหลังมานี้ผมถูกคนตามตลอด แล้วสมุนไพรบางตัวที่ผมปลูกอยู่ก็หายไปบางส่วนโดยที่ไม่มีใครรู้ด้วย”
“แล้วคุณได้แจ้งตำรวจรึยังครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“ครับ แต่ก็ไม่ได้ผล” ชายคนนั้นพูด
กั๋วเจิ้งเหอลุกขึ้นและเดินไปมาอยู่ภายในห้อง “คุณมีศัตรูที่ไหนรึเปล่าครับ?”
“ไม่มี ผมเป็นแค่คนปลูกสมุนไพรคนหนึ่งเท่านั้น” ชายคนนั้นพูด
“แล้วสมุนไพรที่หายไปคือต้นอะไรครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“เป็นสมุนไพรจำพวกโสมที่อายุได้สิบกว่าปีครับ” เขาพูด “ทั้งหมดเป็นโสมป่าและมีค่ามาก”
“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่า ตัวเองกำลังถูกคุกคามอยู่ล่ะครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“เอ่อออ ผมจะอธิบายยังไงดี?” ชายคนนั้นเกาหัว “ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกพิษกู่ครับ!”
“อะไรนะ?” กั๋วเจิ้งเหอตกตะลึง
ในระหว่างที่เขามีอำนาจอยู่ในพื้นที่นี้ เขาเคยได้ยินเรื่องพิษกู่มาบ้าง มันเป็นวัฒนธรรมที่มีอยู่ฉพาะในทางใต้ของซินเจียง และมันก็มีความลึกลับมาก มีคนไม่มากที่เคยพบเห็นพิษกู่ของจริง รวมไปถึงกั๋วเจิ้งเหอ ถึงเขาจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง
“พิษกู่อย่างนั้นเหรอครับ? แล้วคุณมีหลักฐานอะไรไหม?” เขาถาม
“สองวันมานี้ ผมรู้สึกไม่สบายท้องอยู่ตลอด แล้วผมก็ยังอ้วกหลายครั้งแล้วด้วย” เขาพูด “ทั้งยังมีหนอนออกมากับอ้วกของผมด้วย”
“แมลง? หรือว่าพยาธิ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“ไม่ครับ ไม่ใช่” ชายคนนั้นพูด “มันไม่ใช่พวกพยาธิ มีคนมาหาผม แล้วพูดกับผมว่าเขาต้องการภูเขาที่ผมดูแลอยู่ และต้องการให้ผมส่งภูเขาให้กับเขา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ตกลงน่ะครับ”
“แล้วเขาได้ข่มขู่อะไรคุณไหม?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“ไม่ครับ เขาแค่บอกให้ผมคิดให้ดีดีเท่านั้น” ชายคนนั้นพูด
กั๋วเจิ้งเหอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“ไม่รู้ครับ” ชายคนนั้นส่ายหน้า “ผู้ว่ากั๋ว ผมกลัวครับ ผมเคยให้คนสืบเรื่องนี้ดูแล้ว ท่าทางของพวกเขาเหมือนกับพวกเผ่าเมี่ยวเลยครับ”
“เผ่า?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“มันถูกเรียกว่า หุบเขาพันโอสถ ครับ คนที่อยู่ที่นั่นมีความสามารถพิเศษในเรื่องการปลูกสมุนไพรและทำยา” เขาพูด
“เอาล่ะ คุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดูก่อนนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคุณอีก ให้คุณรีบแจ้งตำรวจทันทีเลยนะครับ”
กั๋วเจิ้งเหอไม่คิดจะจัดการกับเรื่องนี้เอง แต่เขาจะยังคงให้ความร่วมมือบางส่วน ในเมื่อชายคนนี้มาขอความช่วยเหลือจากเขาโดยตรง ชายคนนี้เป็นคนท้องถิ่นและได้รับความนับถือจากคนในพื้นที่ กั๋วเจิ้งเหอจึงต้องแสดงให้คนที่อยู่ภายใต้เขาได้เห็นว่า เขานั้นรักและพูดเพื่อคนของเขา ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงดูแลจัดการคนเหล่านั้นไม่ได้
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” ชายคนนั้นพูด
“โอเคครับ ถ้าโรงพยาบาลช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ ผมจะบอกอีกที่หนึ่งที่คุณสามารถไปได้แทน แต่ถามเอ่ยชื่อผมเด็ดขาดนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
756 ทำไมต้องเป็นฉัน?
ผู้ว่ากั๋วบอกชื่อของหวังเย้ากับชายคนนั้น พร้อมทั้งบอกที่อยู่คลินิกให้เสร็จสับ
“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ” ชายคนนั้นจดชื่อที่อยู่เอาไว้
“ถ้าคุณรู้สึกไม่ค่อยสบาย ผมแนะนำให้คุณไปพบเขาให้เร็วที่สุดนะครับ” หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง กั๋วเจิ้งเหอก็พูดขึ้นมา
“ผมจะจำคำของคุณไว้” ชายคนนั้นพูด
เขาหยิบหมวกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสวมไว้และจากไป
“พิษกู่งั้นเหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอพูดคำนี้ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้
เขาจำได้ดีถึงตอนที่เขาถูกพิษและป่วยหนักอยู่ที่จังหวัดฉี เขาได้รับการรักษาจากหวังเย้า พี่สาวของเขาบอกว่า เขาถูกแมลงมีพิษที่หายากชนิดหนึ่งกัด ถ้าหวังเย้าไม่ได้มอบยาให้ เขาก็อาจจะไม่รอด
ผมหวังว่าเราจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้! กั๋วเจิ้งเหอคิด
แค่ก! แค่ก! หลังจากเดินออกมาจากวิลล่า ชายที่มาพบกับกั๋วเจิ้งเหอก็ไอออกมา เขารู้สึกราวกับว่า มีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ
แล้วเขาก็อาเจียนออกมา เขามองดูว่าสิ่งที่ติดอยู่ในลำคอของเขาคืออะไร แล้วเขาก็ต้องตกตะลึง ราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด
แต่เลือดที่ออกมานั้นไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุด เขายังมองเห็นหนอนแมลงที่เล็กพอๆกับเส้นด้ายกำลังดีดดิ้นอยู่ในกองอาเจียน เขาไม่ได้ตาฝาดอย่างแน่นอน
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?
เขารู้สึกว่ายังมีบางอย่างดิ้นไปมาอยู่ในลำคอ เขาจึงรีบวิ่งไปที่รถอย่างบ้าคลั่ง แล้วหยิบขวดน้ำดื่มออกมาจากตัวรถ จากนั้นก็พยายามล้างลำคอของเขา หลังจากน้ำหมดไปแล้วหนึ่งขวด เขาก็เปิดอีกขวดหนึ่ง เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งกลิ่นเหม็นภายในปากจางลง แต่มันก็ยังไม่จบแค่นี้
ไม่! มันยังอยู่ในนั้น!
ในลำคอของเขาไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่แล้ว เขาแค่คิดว่า เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างเท่านั้น
เขาตัดสินใจทันทีว่า เขาก็เลือกที่จะมุ่งหน้าไปที่คลินิกของหวังเย้า แทนการไปตรวจที่โรงพยาบาล เขาขึ้นนั่งบนรถยี่ห้อบีเอ็มของตนเอง แล้วขับออกไป
ใจเย็น! ใจเย็นเข้าไว้! มือของเขาสั่นไม่หยุด
เอี๊ยด! เขาเหยียบเบรกจนสุดเมื่อเห็นว่าเขาเกือบจะชนคน
“ขับรถเป็นรึเปล่าเนี้ย?” คนที่เกือบโดนชนถามเขาด้วยความโมโห
ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ได้ชนคน! เขาหยิบขวดน้ำออกมาและดื่มน้ำ เขาสตาร์ทรถอีกครั้งและพยายามขับออกไปช้าๆ
เมื่อเขากลับไปถึงที่บ้าน เขาก็จัดการเก็บกระเป๋าและออกจากบ้านหลังบอกกับคนที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เขาโทรเรียกแท็กซี่เพื่อให้พาเขาไปส่งที่สนามบิน เขาซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองเต๋า แต่เขายังต้องรออีกสองสามชั่วโมงก่อนที่เครื่องจะออก
เขานั่งรออยู่ภายในสนามบินด้วยความกังวล และดูเวลาอยู่ตลออด ทันทีที่มีการประกาศขึ้นเครื่อง เขาก็รีบเกินไปขึ้นเครื่องโดยไม่รอช้า เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเมืองเต๋าในช่วงเย็นของวัน
ฉันควรจะไปเช็กอินที่โรงแรมก่อน เขาคิด
หลังจากเช็กอินเรียบร้อยแล้ว เขาหาอะไรกินง่ายๆและเข้านอน เขาตื่นขึ้นมากลางดึกและวิ่งไปที่ห้องน้ำ
เขาเริ่มอาเจียนออกมา มื้อเย็นที่กินเข้าไปถูกขย้อนออกมาจนไม่เหลือ รวมถึงเลือดสีแดงเข้มด้วย แสงภายในห้องน้ำไม่ได้สว่างมาก แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นได้ว่า มีหนอนแมลงอยู่ภายในกองเลือดนั้น
ไม่!
เขากดชักโครกเพื่อชะล้างหนอนแมลงเหล่านั้น แล้วก็เริ่มทำการแปรงฟัน สุดท้าย เขาก็นั่งกุมศีรษะและร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายในห้องน้ำ
เขาสงสัยว่าเกิดเรื่องแบบนี้กับเขาได้ยังไง เขาเป็นแค่คนปลูกสมุนไพรก็เท่านั้น เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักอย่าง เขาเพียงต้องการชีวิตที่สงบสุข เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
“โอ๊ย!” อยู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บท้องขึ้นมา
โถ่เว้ย!
เขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เพียงนอนเงียบๆอยู่บนเตียงไปจนเช้า เขาเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมในตอนที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เขาเรียกแท็กซี่เพื่อให้พาเขาไปที่เหลียนชาน
“คุณจะไปเหลียนชานเหรอ?” คนขับแท็กซี่ถาม
“ใช่ เท่าไหร่เหรอ?” เขาถาม
“500 หยวน” คนขับตอบ
“ไม่มีปัญหา” เขาจ่ายเงินให้คนขับโดยไม่ลังเล เขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในระหว่างที่เขาเดินทางไปที่คลินิก ดังนั้น เขาจึงจ่ายเงินให้แท็กซี่ไป 600 หยวนและพูดว่า “ช่วยขับเร็วๆด้วย”
“ไม่มีปัญหา นั่งดีดีล่ะ” คนขับพูด
สองชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็เดินทางมาถึงเหลียนชาน คนขับไม่ได้เป็นคนเหลียนชาน ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าหมู่บ้านตั้งอยู่ที่ไหน เขาจึงเปลี่ยนไปนั่งแท็กซี่คันอื่นแทน เมื่อคนขับรู้ว่าเขาต้องการไปที่ไหน เขาก็ขับรถมุ่งหน้าไปทางใต้สุดของหมู่บ้านในทันที พวกเขาหยุดลงที่ด้านหน้าบ้านสไตล์อันฮุ่ยหลังหนึ่ง
“ถึงแล้ว” คนขับพูดแล้วชี้ไปที่บ้านหลังคาสีเทาและกำแพงสีขาว “คุณเป็นคนที่นี่เหรอ?”
“เปล่า” เขาพูด
“งั้นคุณมาหาหมอหวังงั้นเหรอ?” คนขับถาม
“ใช่” เขาตอบ
“หมอหวังน่ะเก่งสุดๆเลยล่ะ” คนขับพูดพร้อมกับชูนิ้วโป้ง
“คุณเคยมารักษาที่นี่เหรอ?” เขาถาม
“เปล่าหรอก แต่ตาแก่คนหนึ่งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันมารักษากับหมอหวังน่ะ” คนขับพูด “แขนขาของเขาใช่การไม่ได้มาหลายปี แต่พอหมอหวังรักษาให้แค่เดือนเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง เขาน่าทึ่งมาก!”
“อ่อ” เขาพูด
“เอาล่ะ ผมต้องไปแล้ว ขอให้โชคดี” คนขับพูด
“ขอบคุณ” เขาพูด
หลังจ่ายค่าโดยสารแล้ว เขาก็ลงจากรถแท็กซี่ เขาเดินตรงไปที่คลินิกและเคาะประตู
“เช้ามาได้เลยครับ” เสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านใน เสียงที่ได้ยินชัดเจนราวกับคนพูดยืนอยู่ข้างๆเขา
เขาเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านในที่ดูงดงาม อยู่ๆเขาก็รู้สึกสบายและสงบ ไม่นานเขาก็มองเห็นชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่ามองมาที่เขาด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ
หวังเย้ามองเห็นปัญหาของชายคนนั้นในอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องของกำลังขาที่อ่อนแรง, ใบหน้าดำคล้ำ, ตาไร้แวว, และหายใจถี่เร็ว
หืม? เขายังได้ยินเสียงแปลกๆจากในท้องของชายคนนั้นด้วย
“สวัสดีครับ หมอหวัง” ชายคนนั้นพูด
หวังเย้ารู้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่เป็นคนท้องที่ได้จากการฟังสำเนียงการพูด “เชิญนั่งก่อนครับ มีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ?”
“ผมปวดท้อง แล้วก็อ้วกครับ” เขาพูดด้วยอาการวิตกกังวล “ผมคิดว่า มีแมลงพิษอยู่ในท้องของผม”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าอาการของคุณเกิดจากแมลงพิษ?” หวังเย้าถาม
“ผมอ้วกออกมา แล้วในนั้นก็มีหนอนแมลงปนอยู่ด้วย” เขาตอบ
“อืม ผมก็ตรวจดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว หวังเย้าก็รู้ว่าชายคนนี้พูดถูก แมลงมีพิษกระจายอยู่เกือบทั่วทั้งอวัยวะภายในของเขาแล้ว
“คุณเริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม
“ได้ยี่สิบกว่าวันแล้วครับ” เขาพูด “ตอนแรก ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่อาการของผมก็แย่ลงเรื่อยๆ แล้วผมก็คิดได้ว่า ผมถูกพิษกู่เข้า”
“คุณมาจากที่ไหนครับ?” หวังเย้าถาม
“ทางใต้ของยุนนาน” เขาตอบ
“จากที่นั่นมาถือว่าไกลมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยความแปลกใจ “แล้วคุณมาหาผมที่นี่ได้ยังไง?”
“มีคนแนะนำผมมาน่ะ” เขาพูด
“แล้วทำไมคุณไม่ไปรักษากับราชายาดูล่ะครับ?” หวังเย้าถาม “เขาก็อยู่ที่ทางใต้ของยุนนาน แถมยังมีชื่อเสียงมากด้วย”
“ราชายาเป็นหมอที่เก่งคนหนึ่ง แต่เขามีกฎแปลกๆเยอะเกินไป” เขาพูด
เขาเคยคิดที่จะไปรักษากับราชายา แต่เขาก็รู้ว่า ถ้าราชายาอารมณ์ไม่ดี เขาก็จะไปรับตรวจ เขาบังเอิญได้รู้เรื่องของหวังเย้าจากกั่วเจิ้งเหอ ดังนั้น เขาจึงเลือกมาที่นี่แทน
“หมอ หมอคิดว่าที่ผมเป็นอยู่รักษาได้ไหม?” เขาถาม
“ได้สิครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ได้เป็นมะเร็งสักหน่อย แล้วแมลงพิษพวกนั้นก็ไม่ได้เข้าไปในสมองของคุณ”
“โอ้ ดีจริงๆ” เขาพูดออกมด้วยความโล่งอก ตอนนี้ความกังวลของเขาลดลงไปมาก
“รอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา” หวังเย้าพูด
“ได้ๆ” เขาตอบ
หวังเย้าเดินไปอีกห้องหนึ่ง และทิ้งให้ชายคนนั้นอยู่ภายในห้องตามลำพัง เขาจึงมีโอกาสได้มองดูรอบๆห้อง ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย อาจจะเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
เก้าอี้ดูเก่าๆ เขาคิด หมอน่าจะซื้อโต๊ะใหม่นะ
ครู่ต่อมา หวังเย้ากลับเข้ามาพร้อมกับขวดกระเบื้อง “นี่เป็นยาที่ผมทำให้คุณ กินสองครั้งเช้าเย็น หลังจากที่กินยาเข้าไปคุณจะมีอาการปวดท้อง แต่ไม่เป็นไรนะครับ หนอนแมลงตัวคุณจะหายไปภายในสามวัน หลังผานไปสามวันก็ให้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“ได้ ผมต้องจ่ายหมอเท่าไหร่?” เขาถาม
“ราคาอยู่ที่หนึ่งหมื่นหยวนครับ” หวังเย้าตอบ
“อะไรนะ?” เขาตกตะลึง เขาไม่คิดว่า ยาจะมีราคาแพงขนาดนี้
หรือเขาจะเป็นพวกต้มตุ๋น? เขาคิด
“คุณคิดว่ายามีราคาแพงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
ตัวยานั้นค่อนข้างชัดเจน มันมีส่วนผสมของหญ้าพิษและสมุนไพรราก และมันก็มีประสิทธิภาพสูง หวังเย้ามั่นใจมากว่า ยาตัวนี้สามารถกำจัดหนอนแมลงภายในร่างกายของชายคนนี้ได้อย่างแน่นอน แล้วชายคนนี้ก็ไม่สามารถไปหายานี้ได้จากที่อื่นอีก
“ผมจะจ่าย” เขาพูด
เขาเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว เขาต้องลองดูสักตั้ง ถึงมันจะแพงกว่าที่เขาคิดไว้ก็ตาม หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย เขาก็กลับออกไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น