Elixir Supplier 740-741
740 คงได้แต่ต้องโทษตัวเอง
“บางที เราน่าจะเชิญหมอเฉินมาที่นี่ด้วยอีกคน” เธอพูด ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปากของเธอ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า คำพูดของเธอนั้นออกจะเสียมารยาทอยู่สักหน่อย “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เธอไม่ควรพูดออกมาว่า เธอต้องการให้หมอคนอื่นมาดูอาการลูกชายของเธอ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เธอไม่มั่นใจในฝีมือการรักษาของหมอหลี่ มันก็ไม่ต่างกับการที่ผู้ชายพูดถึงผู้หญิงอีกคนต่อหน้าภรรยาของเขาเอง
“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา” หมอหลี่โบกมือแสดงให้รู้ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ
หลังจากที่เป็นรักษาคนมาเป็นเวลานาน เขาก็เลิกใส่ใจอะไรหลายๆอย่าง รวมไปถึงความคิดที่คนอื่นมีต่อตัวเขาด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่มาดูอาการของชายหนุ่มถึงที่โรงพยาบาลแบบนี้
“ฉันคิดว่า ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก” หมอหลี่พูด “ลองโทรหาหมอเฉินดูแล้วกัน แต่ฉันคิดว่า เขาก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
“ได้ค่ะ” เธอพูด
“เดี๋ยวนะ ฉันจะโทรไปหาเขาให้เองแล้วกัน” หมอหลี่กดโทรไปหาหมอเฉิน
“ไม่ ไม่ใช่ให้มาเล่นหมากรุกกับฉัน ช่างเถอะๆ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปรับนะ” เขากดวางสาย หลังจากที่คุยไปได้สักพัก “ฉันคุยกับเขาแล้ว เธอก็ให้คนขับรถไปรับเขาได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูด
เธอรีบจัดการสั่งคนให้ขับรถไปรับหมอเฉินทันที หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น หมอเฉินที่ร่างกายผอมบางและแก่ชราก็มาถึงที่โรงพยาบาล
“นี่ แกแพ้เกมส์หมากรุกอีกแล้วใช่ไหม?” หมอหลี่พูดขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าหมอเฉิน
“ฮึ่ม!” หมอเฉินไม่ได้ตอบอะไร “เขาอยู่ที่ไหน”
“เขาอยู่ในห้องของโรงพยาบาลค่ะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าตอบ พร้อมกับเดินนำเขาไปที่ห้องพิเศษของทางโรงพยาบาล “ทั้งสองช่วยหยุดเถียงกันก่อนจะได้ไหมคะ?”
โฮ่วชื่อต๋าเพิ่งจะหลับไป เขาแทบจะไม่ได้นอนหลับเลย เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อาการเจ็บจะกำเริบขึ้นมา และเมื่อมันกลับมา เขาก็จะต้องทรมานอย่างแสนสาหัส และอยากจะตายให้พ้นๆไป
หมอเฉินเดินเข้าไปที่เตียงเพื่อจับดูชีพจรของเขา
“หืมม ชีพจรของเขาดูแปลกๆนะ” เขาขมวดคิ้วและพูดออกมา “เส้นเลือดที่ท้องกับหัวของเขามีการอุดตัน ทั้งที่อายุของเขาไม่น่าจะมีอาการแบบนี้เลยด้วยซ้ำ”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” หมอหลี่พูด “แกช่วยเขาได้ไหม?”
“ฉันสามารถลองรักษาปัญหาที่ท้องของเขาได้ แต่ปัญหาที่หัวของเขา ฉันก็หมดปัญญา” หมอเฉินพูด “ฉันว่า ตั้งแต่นี้ไปเธอน่าจะคอยจับตาดูเขาหน่อยนะ เขาทำเรื่องไม่ดีมามากพอแล้ว”
“ค่ะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าพูด
เธอต้องการให้หมอทั้งสองช่วยรักษาลูกชายของเธอ ถึงจะไม่ใช่ในเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา เธอก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อชายชราทั้งสองอยู่ดี
“พอเขาตื่นขึ้นมา ฉันจะฝังเข็มให้เขา” หมอเฉินพูด
เมื่อเขาเห็นว่าโฮ่วชื่อต๋าไม่น่าจะตื่นขึ้นในเร็วๆนี้ เขาจึงกลับออกไปพร้อมกับหมอหลี่
“นี่ ช้าๆหน่อยสิ” หมอหลี่พูด
“อะไร?” หมอเฉินถามด้วยท่าทีไม่พอใจ “อย่ามาขอให้ฉันทำเรื่องแบบนี้อีกนะ แกก็รู้ ว่าโฮ่วชื่อต๋าเป็นคนยังไง”
โฮ่วชื่อต๋ามีชื่อเสียงไม่ดีอยู่ในปักกิ่ง เขาต่างไปจากกั๋วเจิ้งเหอ และไม่สามารถเทียบได้กับซูเสี่ยวซวีที่เป็นที่รักของผู้คนเลย หมอเฉินไม่ได้รู้สึกอยากจะช่วยเด็กที่ถูกตามใจคนเสียคนแบบโฮ่วชื่อต๋าเลยสักนิด
“เอาน่า แกก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาดี ฉันขอแค่ให้แกช่วยครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” หมอหลี่พูดขอโทษเขา “แต่อาการของเด็กนั่นก็แปลกมากเลยนะ”
“สมควรแล้วล่ะ” หมอเฉินพูด
“นี่ รู้สึกว่าแกจะขี้โมโหขึ้นกว่าเดิมนะ” หมอหลี่พูด “หรือจะทะเลาะกับเมียมา?”
“ไม่ใช่” หมอเฉินพูด
“ฉันเพิ่งจะได้ชาดีมา” หมอหลี่พูด “จะไปดื่มด้วยกันที่บ้านฉันไหม?”
“ไม่ ขอบคุณ” หมอเฉินพูด เขาจากไปโดยไม่อยู่คุยต่อ
ตาแก่ดื้อด้าน! หมอหลี่รู้สึกมึนงงที่เพื่อนของเขากลายเป็นคนขี้โมโหง่าย
โชคดีที่หมอเฉินยังยอมรับปากว่าจะช่วยรักษาโฮ่วชื่อต๋าให้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี หมอหลี่รู้จักเพื่อนของเขาดี เขารู้ว่า หมอเฉินเป็นหมอที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของความรู้เกี่ยวกับเส้นเลือด แน่นอนว่าแค่ดีกว่าเขานิดหน่อยเท่านั้น
…
หลังจากที่ฟ้ามืดได้ไม่นาน หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน ซึ่งเร็วกว่าทุกวัน เขาจำเป็นต้องทำยาสองตัวสำหรับใช้รักษาคนไข้ในวันพรุ่งนี้
ยาตัวแรกเป็นยาที่ช่วยสงบจิตใจ ซึ่งจะช่วยทำให้จิตใจของคนไข้สงบลงและช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ยาอีกตัวหนึ่งก็คือ ซุปเป่ยหยวน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน ยาทั้งสองตัวนี้จะช่วยรักษาปัญหาของคนไข้ได้
หวังเย้าเคยทำยาสองตัวนี้ออกมาแล้วหลายครั้ง เขาจึงคุ้นเคยกับขั้นตอนวิธีการทำเป็นอย่างดี ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่ไม่ว่าเขาจะเชี่ยวชาญมากแค่ไหน เขาก็ยังใช้เวลาเท่ากับทุกครั้งที่เขาเคยทำให้ครั้งก่อนๆ
ในขณะเดียวกัน ที่โรงแรมหนึ่งในตัวเมืองเหลียนชาน คนไข้ผู้เป็นชายสูงวัยกำลังคุยกับลูกชายของเขาอยู่
“พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” ลูกชายของชายชราถาม
“พ่อรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะ” ชายชราพูด “อาการปวดหัวไม่ได้มากเท่าแต่ก่อน ดูเหมือนว่าการรักษาจะได้ผล”
ตั้งแต่ไปรักษาที่คลินิกของหวังเย้า เขาก็ไม่มีอาการปวดศีรษะอีก ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกพอใจกับการรักษาครั้งนี้มาก
“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นพ่อก็อย่านอนดึกมากนะครับ” ลูกชายของเขาพูด
“อืม ลูกก็เหมือนกัน” ชายชราพูด “ลูกคงจะเหนื่อยมาก”
ในคืนนั้น ชายชราเข้านอนค่อนข้างเร็ว แต่แล้วอาการปวดศีรษะก็กำเริบขึ้นมาในตอนกลางดึก ที่ต่างออกไปก็คือ มันไม่ได้รุนแรงเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเป็นมา และมาเป็นพักๆเท่านั้น ถึงเขาจะนอนหลับไม่สนิทไปตลอดทั้งคืน แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับก็น้อยกว่าทุกครั้ง
ด้านนอกเริ่มสว่างขึ้น
“ผ่านไปอีกคืนหนึ่ง!” ชายชรานวดขมับของเขา
ถึงเขาจะนอนหลับไม่สนิท แต่เขาก็ถือว่าได้นอนมากกว่าทุกที
“เมื่อคืนพ่อนอนหลับไหมครับ?” ลูกชายของเขาถามในระหว่างที่ทานอาหารเช้าด้วยกัน
“อืม พ่อหลับไปจนถึงเที่ยงคืนน่ะ” ชายชราพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” ลูกชายของเขาพูด “รอที่นี่นะครับ ผมจะไปเอายามาให้”
“อืม” ชายชราพูด
ไม่นาน ลูกชายของชายชราก็ไปถึงที่หมู่บ้านตอนก่อนแปดโมงเช้า เขารอคอยหวังเย้าอยู่ที่ด้านนอกคลินิก ปกติหวังเย้ามักจะลงมาจากเขาในเวลานี้
“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอหวัง” ชายวัยกลางคนพูด
“อรุณสวัสดิ์ครับ มาเช้าจังเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ผมเพิ่งจะมาถึงเมื่อกี้นี้เอง” ชายวัยกลางคนพูด
หวังเย้าเอายาที่เขาทำขึ้นมาเมื่อคืนให้กับชายวัยกลางคน “กินยาสองตัวนี้ให้หมดภายในสามวันนะครับ”
“ได้ครับ ผมจะจำเอาไว้” ชายวัยกลางคนพูด
เขาจ่ายเงินให้กับหวังเย้า ตัวซุปเป่ยหยวนไม่ได้ราคาแพงมากนัก หลายๆครอบครัวสามารถจ่ายไหว แต่ราคาของยาสงบจิตนั้นทำให้ชายวัยกลางคนต้องตกใจเล็กน้อย เพราะมันถือว่าแพงสำหรับเขา
“เรายังต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกไหมครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
“ครับ ให้กลับมาอีกสามวันหลังจากนี้” หวังเย้าพูด
ในเมื่อเขากับพ่ออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว การจะอยู่ต่ออีกสามวันก็ไม่ถือว่ามากมายอะไร แล้วเขาก็อยากให้พ่อของเขาหายดีด้วย
หลังจากที่ชายคนนั้นออกไป หวังเย้าก็ตรวจคนไข้อีกสามคน มันเป็นเช้าที่ไม่รีบร้อน
…
ในขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลในปักกิ่ง หมอเฉินกำลังให้การรักษาโฮ่วชื่อต๋าอยู่ เขาเพิ่งจะทำการฝังเข็มให้กับชายหนุ่มเสร็จ
“โอ้ พระเจ้า!” โฮ่วชื่อต๋าร้องออกมา เขากลับตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย! มันเจ็บมากเลย! ตาเฒ่านี่รู้วิธีฝังเข็มแน่นะ?”
เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ ทำให้โฮ่วชื่อต๋าพูดอะไรออกมาโดยไม่คิด แม่ของเขาไม่ได้ห้ามปราม และไม่ได้เอ่ยขอโทษหมอเฉินด้วย
“ฮึ่ม” หมอเฉินพูดเสียงเย็น เขาจัดการเก็บข้าวของก่อนจะเดินออกไป “สมแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้”
“รอเดี๋ยว โจวชวน!” หมอหลี่รีบเข้าไปรั้งเพื่อของเขาเอาไว้ แต่หมอเฉินก็ปัดมือเขาออก
“เฮ้อ” หมอหลี่ถอนหายใจ
“จะทำยังไงดีล่ะคะ หมอหลี่?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าถาม
“ฉันคิดว่า ฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” หมอหลี่พูด
“แต่ฉันปล่อยให้ชื่อต๋าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอกนะคะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าพูด
เธอเป็นกังวลมาก ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอไม่ต้องการเห็นลูกชายของเธอต้องทรมานแบบนี้ และอยากรับความเจ็บปวดมาไว้กับตัวเองแทน
“ขอโทษด้วยนะ” หมอหลี่พูด
“ไม่นะ แล้วฉันจะทำยังไงดี?” เธอพูด
“ฉันรักษาเขาไม่ได้ แต่มีคนหนึ่งที่ฉันรู้จักน่าจะรักษาเขาได้” หมอหลี่พูดแล้วหันไปมองโฮ่วชื่อต๋าที่อยู่ในสภาพน่าอดสู
“ใครที่รักษาเขาได้เหรอคะ? แล้วคนคนนั้นอยู่ที่ไหน?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าถาม
“เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า หวังเย้า แต่เขาไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่งหรอกนะ” หมอหลี่พูด
“เขาอยู่ที่ไหนเหรอคะ?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าถาม
“อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง” หมอหลี่พูด
“อะไรนะ?” เธอรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับ “หมู่บ้านเล็กๆอย่างนั้นเหรอ?”
741 กฎเกณฑ์มากมาย
“เธอคงคิดว่า ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนั้นไม่น่าจะมีหมอเก่งๆอยู่ล่ะสิ?” หมอหลี่ถามเสียงเย็น
“เอ่อ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าพูด
“ฟังนะ เธอต้องทำตัวให้ดี” หมอหลี่พูด “เธอกำลังจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แล้วหมอหนุ่มที่อยู่หมู่บ้านนั้นก็มีกฎเกณฑ์หลายอย่างด้วย”
“เขาคือคนที่รักษาผู้เฒ่ากั๋วกับเสี่ยวซวีใช่รึเปล่าคะ?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋านึกขึ้นได้ว่าหมอหลี่กำลังพูดถึงใครอยู่
ปักกิ่งเป็นเมืองใหญ่ แต่ในบางสังคมกับเล็กแคบ ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลซูกับตระกูลกั๋วนั้นมีอยู่ไม่มากนัก และตระกูลใหญ่เหล่านั้นต่างก็รู้เรื่องของหวังเย้าดี พวกเขาบางส่วนต้องการทำความรู้จักกับหมอที่ทั้งอายุน้อยและมากความสามารถคนนี้ แต่มันกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะพวกเขาต้องเข้าหาเขาผ่านทางตระกูลซูหรือไม่ก็ตระกูลกั๋วที่ต่างก็เป็นตระกูลที่มากด้วยอำนาจ
“ใช่” หมอหลี่พูด “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา ว่าเขาจะยินดีรักษาลูกชายของเธอรึเปล่า”
หลังจากที่หมอหลี่กลับมาถึงที่บ้านแล้ว เขาก็หยิบห่อใบชามาห่อหนึ่ง จากนั้น เขาก็ออกไปข้างนอกเพื่อไปที่บ้านของหมอเฉิน
หมอเฉินกำลังฟังงิ้วปักกิ่งอยู่ที่ลานบ้านของเขา
“วันนี้ไม่เล่นหมากรุกเหรอ?” หมอหลี่พูด
“มาทำไม?” หมอเฉินพูดเสียงเย็น
“ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ฉันแค่อยากจะมาขอบใจเรื่องที่ช่วยรักษาโฮ่วชื่อต๋าน่ะ” หมอหลี่พูดพร้อมกับวางห่อชาเอาไว้บนโต๊ะ
“อืม” หมอเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก
“ดื่มชากันสักหน่อยนะ” ภรรยาของหมอเฉินเดินออกมาพร้อมกับกาน้ำชา
“ขอบคุณ” หมอหลี่พูด กลิ่นชาที่ลอยมานั้นหอมมาก “อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะ ฉันรู้ว่าเด็กนั่นนิสัยแย่แค่ไหน แต่เขาก็เป็นคนในครอบครัวของฉัน ฉันคงมองดูเขาตายไปต่อหน้าไม่ได้หรอก”
“เขาไม่ใช่หลานแท้ๆของแกสักหน่อย” หมอเฉินพูด
“ฉันรู้ แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นครอบครัวอยู่ดีนั่นแหละ” หมอหลี่พูด
“ยังไงฉันก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้ หาคนอื่นมารักษาแทนเถอะ” หมอเฉินพูด
“ฉันรู้ว่าแกรักษาเขาไม่ได้ แล้วฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน” หมอหลี่พูด “ฉันบอกให้แม่ของเขาพาเขาไปรักษาที่อื่น แกไม่ต้องสนใจเรื่องเขาอีกแล้วนะ ฉันบอกทางพวกเขาไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็นยังไง”
“แกบอกให้แม่ของเขาไปหาหวังเย้าเหรอ?” หมอเฉินลุกนั่งตัวตรง
“ใช่” หมอหลี่พูด “หมอหนุ่มคนนั้นมีความสามารถมากกว่าพวกเรา คนที่เรารักษาไม่ได้ อาจจะหายได้เมื่ออยู่ในมือเขา”
“แกนี่มันหน้าไม่อายยิ่งกว่าเดิมอีกนะ!” หมอเฉินว่ากล่าว
“เฮ้ย มาว่าฉันหน้าไม่อายแบบนี้ได้ยังไง?” หมอหลี่ถามอย่างไม่พอใจ “ฉันมาที่นี่ก็เพื่อเอาชาดีดีมาให้ แต่ดูที่แกทำสิ ฉันไม่ได้ไปติดหนี้แกสักหน่อย”
“การที่แกให้ฉันไปรักษาโฮ่วชื่อต๋าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ทำไมต้องไปวุ่นวายกับหมอหวังด้วยล่ะ? จำคำพูดก่อนที่เขาจะกลับไปไม่ได้หรือไง?” หมอเฉินถาม
หมอหลี่ไม่สามารถตอบคำถามของหมอเฉินได้
“แกก็รู้ว่า โฮ่วชื่อต๋าเป็นชิ้นงานที่โสโครกน่ารังเกียจ ลองไปถามใครก็ได้ดูสิว่าเขาทำลายผู้หญิงมาแล้วกี่คน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเกิดในตระกูลมีอำนาจล่ะก็ เขาก็คงจะไปอยู่ในคุกหรือไม่ก็โดนทุบตีจนตายไปนานแล้ว” หมอเฉินยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “ไปซะ ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าแกอีกแล้ว”
“ทั้งสองคนทะเลาะอะไรกันเหรอ?” ภรรยาของหมอเฉินเดินเข้ามา เธอตบเบาๆไปที่ไหล่ของสามี “คุณไม่พอใจอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก กลับไปที่ห้องของเธอเถอะ” หมอเฉินพูด
“เมียแกไม่สบายเหรอ?” เมื่อเห็นว่าภรรยาของหมอเฉินกลับเข้าไปในตัวบ้านแล้ว หมอหลี่ก็ถามขึ้นมา
“เธอนอนไม่ค่อยหลับน่ะ” หมอเฉินพูด
“แล้วให้เอายาให้เธอกินรึยังล่ะ?” หมอหลี่ถาม
“ให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่” น้ำเสียงของหมอเฉินอ่อนโยนลง เมื่อเขาเอ่ยถึงผู้เป็นภรรยา
“อยากจะให้ฉันดูอาการของเธอให้ไหมล่ะ?” หมอหลี่ถาม
“ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ” หมอเฉินพูด “พออากาศเย็นลงกว่านี้อีกหน่อย ฉันว่าจะพาเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน”
“แกจะไปที่ไหนเหรอ?” หมอหลี่ถาม
“ฉันอยากจะพาเธอไปหาหมอหวังน่ะ” หมอเฉินพูด
“เป็นความคิดที่ดี” หมอหลี่พูด
หลังจากที่คุยกับหมอหลี่ได้สักพัก หมอเฉินก็หายโมโห ถึงยังไงพวกเขาก็คบหากันมานานกว่าสามสิบปีแล้ว แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ยังเป็นแพทย์แผนจีนเหมือนกัน พวกเขารู้จักนิสัยของกันและกันดี และมักจะพูดคุยกับแทบจะทุกเรื่อง แน่นอนว่า พวกเขามักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งด้วยเช่นกัน ยิ่งพวกเขาแก่ตัวลง อารมณ์ของพวกเขาก็ยิ่งแปรปรวนง่าย ในบางครั้ง พวกเขาก็มักจะทำตัวเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
“คืนนี้ อยากจะไปดื่มที่บ้านฉันสักหน่อยไหม?” หมอหลี่ถาม
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ เราไปที่ประจำของเรากันดีกว่า” หมอเฉินพูด
“โอเค งั้นไปกันเถอะ” หมอหลี่พูด
…
หวังเย้ามีแขกคนหนึ่งมาหาที่คลินิกของเขา เขาก็คือ เจิ้งเหว่ยจวิน
ทำเลและแบบที่จะใช้สร้างบริษัทยาหนานชานถูกวางเอาไว้แล้ว พวกเขาเพียงแค่ต้องเลือกวันสำหรับเริ่มการก่อสร้างเท่านั้น
ในเมื่อมีตระกูลเจิ้งกับตระกูลซุนรับผิดชอบในเรื่องการก่อสร้าง การก่อสร้างโรงงานจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว เจิ้งเหว่ยจวินมาหาหวังเย้าก็เพราะเขามาทำธุระที่จังหวัดฉีพอดี
“หมอหวัง การก่อสร้างอาคารหลักของโรงงานจะเสร็จก่อนสิ้นปีนี้นะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “การผลิตของเราจะเริ่มในวันที่ 1 พฤษภาคมปีหน้า”
“ดีครับ” หวังเย้าพูด
เมื่อพวกเขาเริ่มต้นก่อตั้งบริษัท แต่ละคนก็ได้รับหน้าที่ต่างกันไป ตระกูลเจิ้งรับผิดชอบในเรื่องการทำเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งบริษัทยา, การรับคน, และการขายในอนาคต ส่วนหวังเย้ารับผิดชอบแค่เรื่องของการผลิตยาและช่วยเหลือทางเทคนิคเท่านั้น
“จริงสิ ผมมีของจะให้คุณด้วย” หวังเย้าหยิบเอากล่องไม้ขนาดเล็กที่สลักคำว่ายาเอาไว้ออกมา และมอบมันให้กับเจิ้งเหว่ยจวิน
“มันคืออะไรเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“มันคือใบสั่งแพทย์ปรุงยาน่ะ” หวังเย้าตอบ “ความหมายของมันก็คือ ผมจะพยายามรักษาคนที่มีเจ้ากล่องนี้อยู่อย่างสุดความสามารถ”
“ขอบคุณครับ!” เมื่อได้รู้ถึงคุณค่าของมัน เจิ้งเหว่ยจวินก็เก็บกล่องไม้เอาไว้ด้วยความระมัดระวัง
ครู่ต่อมา ก็มีคนไข้มารักษากับหวังเย้า เจิ้งเหว่ยจวินจึงกลับออกไป
ใบสั่งแพทย์ปรุงยา! เมื่อกลับขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เจิ้งเหว่ยจวินก็หยิบกล่องไม้ออกมาดูใกล้ๆ สิ่งนี่จะเป็นประโยชน์อย่างมาก!
เขาคิดว่า บางทีหวังเย้าอาจจะไม่เข้าใจว่ากล่องไม้อันนี้มีความหมายและสำคัญสำหรับพวกเขายังไง ด้วยความสามารถของหวังเย้าแล้ว เขาสามารถรักษาได้แม้กระทั่งคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง!
ตอนบ่ายแก่ๆ มีรถสองคันที่เต็มไปด้วยต้นไม้ได้ขับเข้ามาในหมู่บ้าน
“สวัสดีครับ หมอหวัง” หลี่ชื่อหยูพูด
“สวัสดี แล้วก็ขอบคุณมากนะครับ” หวังเย้าพูด
“ยินดีครับ ความจริง ผมต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำ” หลี่ชื่อหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
หลายเดือนที่ผ่านมา หวังเย้าได้สั่งซื้อต้นไม้ไปเป็นจำนวนมาก และมันทำให้รายได้ของเขาเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
“พอผ่านไปได้สักหลายปี หมอก็จะขายต้นไม้พวกนี้ใช่ไหมครับ?” หลี่ชื่อหยูถาม
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้ปลูกพวกมันเพื่อเอาไว้ขาย” หวังเย้าพูด
“โอเค ยังไงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมอยู่แล้ว” หลี่ชื่อหยูพูด “แล้วพรุ่งนี้ หมอว่างไหมครับ?”
“ว่างครับ ทำไมเหรอ?” หวังเย้าถาม
“หลายวันมานี้ แม่ของผมปวดหัวมาก” หลี่ชื่อหยูพูด “หมอที่โรงพยาบาลก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมเลยอยากจะพาเธอมารักษาที่คลินิกของหมอน่ะ”
“ไม่มีปัญหาครับ พาแม่ของคุณมาได้ทุกเมื่อเลย” หวังเย้าพูด
“แน่นอนครับ ขอบคุณมาก” หลี่ชื่อหยูพูด
หลังจากหลี่ชื่อหยูกลับไปแล้ว หวังเย้าก็ไปมาระหว่างตีนเขากับยอดเขา พร้อมทั้งแบกต้นไม้ขึ้นไปข้างบนด้วย และเขาใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ
ฉันจะปลูกต้นไม้อีกรอบ หวังเย้าคิด
ซานเซียนกระโดดพร้อมทั้งกระดิกหางอยู่รอบๆต้นไม้ที่หวังเย้าขนขึ้นมา มันดูจะชอบต้นไม้มาก หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะหวังเย้าหรือเนินเขาหนานชาน
หวังเย้าเริ่มปลูกต้นไม้ในตอนเช้าตรู่ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น เขาขุดหลุมที่พื้น, ปลูกต้นไม้, และรดน้ำพวกมัน โดยมีซานเซียนกับต้าเซี่ยคอยช่วย
หวังเย้าไม่ได้เปิดคลินิกในตอนเช้า และเขาก็ได้แจ้งไว้บนหน้าเวยป่อของเขาแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาที่คลินิกของเขาในเช้าวันนี้อยู่ เขาเป็นชายอายุประมาณสามสิบ
“นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงไม่มีคนอยู่ที่นี่เลยล่ะ?” ชายคนนี้เดินทางมาจากปักกิ่ง เขาก็คือคนที่แม่ของโฮ่วชื่อต๋าสั่งให้มาที่คลินิกของหวังเย้า “ฮึ่ม!”
เขาไม่รู้ว่าหวังเย้าได้แจ้งเอาไว้ที่หน้าเวยป๋อ ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่รออยู่ที่ด้านนอกคลินิก ถึงแม้ว่าในหมู่บ้านจะเย็นกว่าที่ตัวเมือง แต่ช่วงเวลาระหว่างวันก็ยังถือว่าร้อนอยู่ดี เขายืนรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ด้านนอกคลินิก และคอยดูเวลาอยู่ตลอด
“ทำไมหมอยังไม่มาสักที?” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
เขาใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเจอชาวบ้านในหมู่บ้าน และสอบถามเรื่องราวต่างๆ
“คุณมาหาหวังเย้าเหรอ?” ชาวบ้านถาม “วันนี้เขาไม่มาเปิดคลินิกหรอก คุณไปตามดูในเวยป๋อของเขาสิ เขาประกาศเอาไว้ว่าเขาไม่อยู่”
“อะไรนะ? หมอบ้านนอกมีเวยป๋อกับเขาด้วยเหรอ?” ชายคนนั้นเข้าไปในเวยป๋อและค้นหาบัญชีเวยป๋อของหวังเย้า เขาพบว่า หวังเย้าได้ประกาศเอาไว้ว่า เขาจะไม่เปิดคลินิกในตอนเช้า “แล้วฉันจะทำยังไงล่ะทีนี้?”
เขาเดินทางไกลมาจากปักกิ่ง แม่ของโฮ่วชื่อต๋าบอกกับเขาว่า เขาต้องขอให้หวังเย้ามารักษาลูกชายของเธอให้ได้ ตัวเขาสามารถรอได้ แต่โฮ่วชื่อต๋ารอไม่ได้
บางทีฉันน่าจะไปหาเขาที่บ้านดู ชายคนนั้นคิด
เขาถามชาวบ้านอีกคนว่าหวังเย้าอาศัยอยู่ที่ไหน ชายบ้านก็บอกที่อยู่ของหวังเย้าให้กับเขา และยังบอกอีกด้วยว่า หวังเย้าไม่ชอบให้ใครไปกวนพ่อแม่ของเขา และเขาจะไม่รักษาคนที่ไปที่บ้านของเขาด้วย
“เอาจริงเหรอเนี่ย? แปลกคนจริงๆ!” เขาถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่หมอเก่งๆในปักกิ่งก็ยังไม่มีกฎแปลกๆแบบนี้เลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น