Elixir Supplier 709-712
709 โทษตายละเว้นได้ แต่โทษหนักยากจะหนีพ้น
ปัญหาก็คือ ไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นหวังเย้ากำลังกระโดด ทุกคนในรถต่างเห็นภาพที่น่าอัศจรรย์นั้นเช่นเดียวกัน
“เขาไปไหนแล้วล่ะ?” คนที่อยู่ภายในรถถาม
“ฉันไม่ทันได้เห็นเลย” ชายอีกคนพูด
ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ อุณหภูมิภายในรถจึงเย็นลงเล็กน้อย ทำให้เหล่าคนที่อยู่ภายในรถตัวสั่นเพราะความเย็น
“ฉันล่ะเกลียดอากาศแบบนี้จริงๆ” ชายวัน 40 พูดพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเขา “ฉันว่าฉันต้องตายแน่ๆ”
ลูกน้องของเขามีท่าทีตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา
“หัวหน้าเป็นอะไรไหมครับ?” หนึ่งในชายสองคนถาม “หัวหน้าจะมาอาการกำเริบที่นี่ไม่ได้นะครับ”
“ฉันควบคุมมันไม่ได้หรอกนะ” ชายวัย 40 พูด
“อาการของหัวหน้ากำลังจะกำเริบเหรอ?” หนึ่งในชายสองคนถาม
อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นมา “ไปซะ!”
พวกเขาทั้งสามเริ่มมีอาการปวดศีรษะขึ้นมา พวกเขาที่ยืนอยู่ตรงถนนต่างก็เอามือกุมศีรษะเอาไว้เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น มันราวกับว่า มีคนเอาค้อนมาทุบศีรษะของพวกเขา มันเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายมากๆ
“เมื่อกี้ใครตะโกนออกมาน่ะ?” ชายผู้เป็นหัวหน้าถามขึ้นมา ในขณะที่เอายังเอามือกุมศีรษะที่ล้านเลี่ยนของตัวเองไว้อยู่
“เสี่ยวเย้า ลูกกลับมาได้ยังไงกันน่ะ?” จางซิวหยิงถาม
“แม่ พ่อ เป็นอะไรไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“เราไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ๊ะ?” จางซิวหยิงพูด
“ถ้มีคนแปลกหน้ามาที่บ้านอีก แม่ต้องโทรเรียกตำรวจนะครับ” หวังเย้ามองไปที่ชายทั้งสามด้วยสายตาเย็นเยียบ “ออกไปจากที่นี่ซะ!”
อยู่ๆพวกเขาทั้งสามก็รู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นคนหูหนวก ในตอนที่หวังเย้าตะโกนใส่พวกเขาอีกครั้งนั้น พวกเขาเพิ่งจะรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้ พวกเขาแทบจะยืนอยู่ไม่ไหว และน้ำตาไหลพราก
พวกเขารู้สึกราวกับกำลังจะหมดสติได้ทุกขณะ ดังนั้น พวกเขาจึงรีบร้อนวิ่งออกไปด้านนอก
ปัง! ชายที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเผลอเอาศีรษะของตัวเองโขกเข้ากับบ้านประตู
ในที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็ออกไปจากบ้านและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาต่างรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น และแต่ละคนก็ยังมีอาการมึนไม่หาย พวกเขาปวดศีรษะอย่างรุนแรง ราวกับว่าศีรษะของพวกเขากำลังจะระเบิด ตอนนี้ ให้พวกเขาตายเสียยังจะดีซะกว่า
“แม่ง!” อยู่ๆชายหัวล้านก็หยิบดาบออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย คนของเขาไม่มั่นใจว่า เขากำลังคิดจะทำอะไรหรือเขากำลังจะไปฆ่าใครเข้า
หวืด! ชายหัวล้านที่ถือดาบเอาไว้ชนเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง
“หัวหน้า! หัวหน้า!” คนของเขาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
พวกเขายังคงไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้ แต่ก็ยังพยายามจะเข้าไปช่วยชายหัวล้านให้กลับลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง
“ดีจริงๆ หัวหน้ายังไม่ตาย” หนึ่งในพวกเขาพูด “แกรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
อยู่ๆชายหัวล้านก็ลืมตาขึ้นมาและตะโกนออกมา “ฆ่ามัน!” แล้วเขาก็หมดสติไปอีกครั้ง
ลูกน้องทั้งสองต่างก็ยังยืนได้ไม่มั่นคง พวกเขาเอามือสองข้างกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ พวกเขายินดีที่จะเดินออกไปจากหมู่บ้านโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่คิดจะไปฆ่าใครเลยสักคน
ดูจากสภาพของพวกเขาในตอนนี้แล้ว พวกเขาได้แต่ช่วยเหลือตัวเองและไม่มีใครสนใจหัวหน้าของตัวเองเลย พวกเขาอยากจะออกไปจากหมู่บ้านนี้ให้เร็วที่สุด เผื่อว่าอาจจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้ขึ้นกับพวกเขา
พวกเขาเกาะกำแพงเพื่อพยุงตัวและเดินโซเซออกไปจากหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?” คนที่รออยู่ภายในรถมองดูชายทั้งสองคนเดินออกมาจากหมู่บ้าน ด้วยสภาพที่ราวกับหนูจมน้ำ
“ออกไปดูกันเถอะ” หนึ่งในพวกเขาพูด
คนทั้งห้าเดินออกมาจากรถเพื่อไปดูชายทั้งสอง ซึ่งมีใบหน้าซีดเซียวและมีเลือดออกจากจมูกของพวกเขา
“แล้วหัวหน้าล่ะ?” ชายคนหนึ่งถาม
“ข้าง…ข้างใน” ชายอีกคนพูด
คนทั้งห้าที่รออยู่ภายในรถตอนแรกมองไปเห็นหัวหน้าของพวกเขากำลังนอนอยู่ที่พื้น พวกเขาไม่แน่ใจว่าเขาตายหรือยัง มีดาบเล่มหนึ่งวางอยู่ข้างตัวหัวหน้าของพวกเขา สภาพของมันไม่ต่างจากโดนัททอดที่ถูกบิดจนกลายเป็นเกลียวเลย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ชายคนหนึ่งถาม
บนถนนที่มีความยาวเพียงแค่ 50 เมตร มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่กลางถนนและมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เสี่ยวเย้า?” จางซิวหยิงและหวังเฟิงฮวาเดินออกมาดูพวกเขาด้วยความเป็นห่วง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” หวังเย้าพูด “แม่กับพ่อเข้าไปอยู่ในบ้านเถอะ ข้างนอกนี้ให้ผมจัดการเองครับ”
หวังเย้าไม่คิดว่า ชายหัวล้านจะพกดาบติดตัวมาด้วย และมันทำให้เขามั่นใจมากว่า คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก
“อย่าไปทำใครแรงล่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด
“ผมรู้ครับ ผมไม่ฆ่าใครแน่” หวังเย้าพูด
พวกเขาไม่ตาย แต่พวกเขาต้องเจ็บตัว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาทำตัวเลวทรามที่หมู่บ้านของเขาได้ทั้งนั้น
“พาหัวหน้าของพวกนายออกไปจากที่นี่ซะ” หวังเย้าพูด เขาไม่ได้พูดเสียงดังมาก แต่น้ำเสียงของเขากลับดังทะลุเข้าไปในหูของคนเหล่านั้น ราวกับเสียงของฟ้าผ่า จนทำให้พวกเขาแทบจะหูหนวก
พวกเขาต่างยกมือขึ้นกุมหูของตัวเอง “นี่มันเชี่ยอะไรกันเนี่ย? สิงโตคำรามอย่างนั้นเหรอ?” หนึ่งในพวกเขาพูด
พวกเขาทั้งหมดช่วยกันยกตัวหัวหน้าของพวกเขาขึ้นมาจากพื้น และแบกเขาออกไปจากจุดนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ เมื่อขึ้นนั่งบนรถได้ พวกเขาก็รีบสตาร์ทรถและขับออกไปในทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า?” หนึ่งในพวกเขาเอ่ยถามในขณะที่มองไปที่หัวหน้าที่ยังไม่ได้สติของพวกเขา
ทุกคนที่อยู่ภายในรถต่างมีท่าทีตื่นตระหนก
“แกพูดว่าอะไรนะ? พูดดังกว่านี้หน่อยได้ไหม?” ชายอีกคนถาม “ฉันไม่ได้ยินที่แกพูดเลย”
“เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า?” เขาถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ยินที่แกพูดอยู่ดี ช่างมันเถอะ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง เราต้องไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเดี๋ยวนี้เลย” ชายอีกคนพูด
ในหูของพวกเขายังคงได้ยินเสียงวิ้งๆ และไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลย พวกเขาขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชานด้วยความเร็วสูง
“เป็นอะไรมาเหรอ?” แพทย์ในแผนกฉุกเฉินถาม
พวกเขาทั้งหมดต่างสวมชุดสูททั้งๆที่อากาศร้อนแบบนี้ และสภาพที่เปื้อนดินเปื้อนทรายของพวกเขา ทำให้แพทย์ต้องประหลาดใจ เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาว่า คนเหล่านี้อาจจะชอบเล่นดินเล่นทรายก็เป็นได้
“หมอ ผมไม่ได้ยินเลย!” ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกน
“อะไรเนี่ย!” แพทย์ตกใจ
“ฉันก็ไม่ได้ยิน!” ชายอีกคนตะโกน
“อะไรกัน?” แพทย์ประหลาดใจที่เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรเลย
เขาทำการตรวจพวกเขาทั้งหมด และพบว่า พวกเขามีความบกพร่องทางการได้ยิน พวกเขาไม่ถึงกับหูหนวก เพียงแต่ว่า การได้ยินของพวกเขาถูกจำกัด
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณเหรอ?” แพทย์ถาม
ความบกพร่องทางการได้ยินนั้นมักมีสาเหตุมาจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังมากเป็นเวลานาน แต่ลักษณะของพวกเขาแต่ละคน ดูไม่เหมือนกับคนที่ทำงานแบบนั้นเลยสักนิด
“พวกเราไปเจอเข้ากับปรมาจารย์กังฟูที่หมู่บ้านหนึ่งมาน่ะ” ชายคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีสบายๆ การได้ยินของเขาเป็นปกติดี
พันจวินที่เข้ามาในแผนกฉุกเฉินบังเอิญได้ยินเข้าพอดี เขาจังหันไปมองพวกเขา แต่ละคนมีรอบสักที่แขนและลำคอ และท่าทางก็ไม่น่าจะใช้พวกศิลปินที่รักในศิลปะเลยสักนิดเดียว
“หมอช่วยดูอาการหัวหน้าของพวกเราทีได้ไหม?” ชายคนหนึ่งถาม
“หัวหน้าครับ” แพทย์แผนกฉุกเฉินเอ่ยเรียกพันจวินทันทีที่เห็นเขาเดินมา
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ?” พันจวินถาม
“การได้ยินของพวกเขาได้รับความเสียหายครับ ผมคิดว่า พวกเขาน่าจะได้รับการกระทบกระเทือนด้วย ส่วนคนนี้อาการหนักที่สุดครับ” แพทย์ชี้ไปที่ชายหัวล้านที่นอนอยู่บนเตียง “แขนและซี่โครงข้างขวาของเขาหัก ผมยังสงสัยว่า อวัยวะภายในของเขาน่าจะได้รับความเสียหายและยังมีเลือดออกในช่องท้องของเขาด้วยครับ”
“หนักขนาดนั้นเลยเหรอ?” เหล่าชายหนุ่มที่รออยู่ข้างๆถาม
“ใช่ หนักมาก เขาอาจจะตายจากอาการพวกนี้ได้เลย” แพทย์พูด
“แล้วรออะไรอยู่ล่ะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด “ช่วยเขาเซ่!”
“ผมหรือว่าคุณกันแน่ที่เป็นหมอน่ะ?” แพทย์พูดอย่างไม่พอใจ
“โอเค คุณเป็นหมอ” ชายหนุ่มพูด “แล้วช่วยเร่งหน่อยไม่ได้เหรอ? ผมขอร้องล่ะ!”
“ต้องทำเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็อย่าเอาบัตรประชาชนของเขามาด้วยล่ะ” แพทย์พูด
“ส่งเขาไปตรวจ” พันจวินพูด
ผลตรวจออกมาอย่างรวดเร็ว กระดูกแขนขวาของชายหัวล้านหักสามท่อน และกระดูกซี่โครงหักอีกสาม ขาขวาของเขาก็กระดูกหักด้วยเช่นกัน เส้นเอ็นของเขาได้รับความเสียหายเล็กน้อย ในช่องท้องของเขายังมีเลือดออกอีกด้วย
“พระเจ้า อาการหนักสุดๆ” แพทย์พูด “เขาโดนรถชนมาเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก” ลูกน้องของชายหัวล้านพูด พร้อมกับกลืนน้ำลายลงไป
“พระเจ้า แค่พริบตาเดียว หัวหน้าของเราก็มีสภาพแบบนี้แล้ว ไอ้หนุ่มนั่นต้องเป็นปรมาจารย์กังฟูแน่ๆ” หนึ่งในลูกน้องของชายหัวล้านพูด
“เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน” แพทย์พูด “แล้วคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้ป่วย?”
“เอ่อ คือ เราทำงานให้เขาน่ะ” ชายหนุ่มพูด
“แล้วใครที่สามารถเซ็นในนามของญาติคนไข้ได้บ้าง?” แพทย์ถาม
พวกเขาทั้งหมดต่างก็มองหน้ากันไปมา
“เอ่อ หมอ รอแปบนึงนะ” ชายที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถพูด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกดโทรออก
“คุณหนาน ครับ ผมอาจิ่ว คุณเหวินได้รับบาดเจ็บหนักครับ” คนขับพูด
“อะไรนะ? เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาอยู่ที่ไหน?” คุณหนานถาม
“ตอนนี้ พวกเราอยู่กันที่ตัวเมืองของเขตเหลียนชานครับ คุณเหวินต้องเข้ารับการผ่าตัด ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะตาย ครับ…ได้ครับ…ผมจะเซ็นเอง” คนขับกดวางสายและเดินไปเซ็นเอกสาร
ชายหัวล้านถูกพาตัวเข้าห้องผ่าตัด
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครเหรอ?” นางพยาบาลถาม
เจ้าหน้าที่ต่างมองไปที่ชายหัวล้านที่มีร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและมีลายสักรูปมังกรที่ดูราวกับมีชีวิตอยู่ ซึ่งได้ดึงดูดความสนใจจากทั้งพยาบาลและแพทย์ที่ให้การรักษาเขา
“เขาคงจะเป็นพวกแก็งค์อันธพาล” แพทย์พูด
ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างก็ไม่มีใครชอบพวกอันธพาล พวกเขาไม่ต้องการเจอคนประเภทนี้และคนพวกนี้มักจะสร้างปัญหาให้กับทางโรงพยาบาลอย่างมาก
“เราเริ่มกันเลยไหม?” แพทย์ผู้รับหน้าที่ผ่าตัดเอ่ยขึ้นมา
710 ฉันอยากจะควักเอาหัวใจกับตับของมันออกมากิน
ที่ด้านนอกห้องผ่าตัด มีคนมารอกันอยู่หลายคน สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความกังวล
“พี่หนานพูดว่าอะไรบ้าง?”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า เราไม่ต้องกลับไป” อาจิ่วพูด “แต่ให้รอครอบครัวของเรามารับศพกลับไปแทน”
“เฮือก!” พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้ามืดมน
“แล้วยังไงต่อ?”
“พี่หนานจะมาวันนี้ แล้วก็จะไปที่หมู่บ้านนั้น”
“ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของพวกเรา เรากำลังข้ามเขตอยู่นะ”
“แม่งเอ้ย มันก็แค่เขตเล็กๆแค่นี้เอง”
ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น มีชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆที่ปลายสุดของทางเดิน
“ใช่จริงๆด้วย คนพวกนี้ไม่มีอะไรดีเลย ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับอาจารย์”
พันจวินโทรไปเล่าเรื่องทีเกิดขึ้นกับหวังเย้า คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความคิดที่เลวทราม พวกเขาทำทุกอย่างโดยไม่สนใจเรื่องกฎหมาย ถึงจะต้องเสียเงินมากมายแค่ไหนก็ตาม
“ครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณนะครับ” หวังเย้าพูด
คนพวกนี้มาจากจังหวัดอื่น!
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เหล่าคนที่อยู่ใต้ดินมักจะให้ความสำคัญเรื่องเขตแดนของแต่ละกลุ่ม คนที่อยู่ฝั่งเจียงหนานแทบจะไม่ไปฝั่งเจียงเป่ยเลย แต่ตอนนี้ คนเหล่านี้กำลังข้ามเขตของกลุ่มอื่นอยู่
น่าสนใจ!
ความปลอดภัยของคนในครอบครัวคือเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หวังเย้าเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้พ่อแม่ของเขาฟัง และขอให้พวกเขาระวังตัว สองสามวันต่อจากนี้ ทั้งสองจึงตัดสินใจจะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอะไรที่อาจจะตามมาทีหลัง
มันคือการป้องกันตัวเองโดยการอยู่เฉยๆ
หวังเย้าโทรไปหาเพื่อนคนหนึ่งของเขา เพื่อสอบถามเรื่องแก็งค์อันธพาลและขอให้ช่วยหาข้อมูลเพิ่มให้เขา
ในโรงพยาบาลเหลียนชาน
ชายหัวล้านเข้ารับการผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมง แล้วในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น
“พี่เหวิน พี่เป็นยังไงบ้าง?”
“เขาได้รับยาสลบไปตอนผ่าตัด ตอนนี้เขาเลยยังไม่ตอบสนองอะไร พาเขาไปที่ห้องพักก่อนเถอะ”
“โอ้ ได้ๆ”
“หมอ ตอนนี้เขาพ้นขีดอันตรายรึยัง?”
“ตอนนี้น่ะใช่ แต่เราก็ยังต้องค่อยสังเกตดูอาการของต่อไปอีกสักพัก๐
“พี่หนานกำลังมาแล้ว ถ้าเขามาที่นี่ เราจะตอบเขาว่ายังไงดีล่ะ?”
เหล่าลูกน้องทั้งหมดต่างกังวลกันมากขึ้นกว่าเดิม
ในคืนนั้น คนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลเหลียนชาน ชายผู้เป็นหัวหน้ามีอายุประมาณสามสิบปลายๆ เขามีเส้นผมที่เป็นประกายและใบหน้าขาวซีด
“พี่หนาน พี่หนาน!”
“อืม”
“เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“พี่เหวินเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จครับ”
“เรื่องเป็นมายังไง?”
“เราไปหาหมอที่หมู่บ้านนั้น แล้วก็ไปมีเรื่องกับเขาเข้าครับ” อาจิ่วพูด
“มีเรื่องงั้นเหรอ? พวกแกมีกันอยู่กี่คน?” ชายที่พวกเขาเรียกว่าพี่หนานพ่นควันบุหรี่ออกมา
“เอ่อ เรามีกันเจ็ดหรือแปดคนครับ”
“จะเจ็ดหรือจะแปด?”
“แปดครับ”
“แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ?”
“คนเดียวครับ”
“คนเดียว?”
“ครับ”
“แม่งเอ้ย!”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หนานชกอาจิ่วจนร่วงลงไปที่พื้น
“พวกแกมีกันอยู่แปดคน ส่วนมันมีแค่คนเดียวเนี่ยนะ” อาหนานพูดด้วยความโมโห “พวกแกมีมีด แต่พวกแกก็ยังปล่อยให้พี่เหวินมีสภาพแบบนี้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”
“ครับ” อาจิ่วรีบลุกขึ้นยืนและก้มหน้าลง
“เวลากิน, เวลาดื่ม, เวลาสนุกเฮฮา พวกแกเต็มที่ แต่พอมีเรื่องขึ้นมา พวกแกก็กลายเป็นพวกไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากคนตาย” เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่ทางเดิน
บริเวณโดยรอบไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเลย มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเข้าไปยุ่งกับคนพวกนี้
“แล้วตอนนี้ ไอ้นั่นมันอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่หมู่บ้านครับ”
“หมู่บ้านเหรอ?”
“ครับ”
“อืม งั้นก็ตามกฎเดิม เราจะไปเยี่ยมแก็งค์เจ้าถิ่นของที่นี่กันก่อน”
“อาชู่”
“ครับ พี่หนาน”
“ฉันจะปล่อยให้แกเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
“เข้าใจแล้วครับ”
“พวกแกไปหาที่พักแถวนี้แล้วกัน”
อาหนานอยู่พักที่ห้องพักคนไข้เพื่อดูแลพี่ชายของเขา
กลางดึกของคืนนั้น ตัวยาสลบเริ่มหมดฤทธิ์ แล้วชายหัวล้านก็เริ่มได้สติขึ้นมา
“พี่”
“อาหนาน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”
“ฉันได้ยินว่าพี่เกิดเรื่อง ฉันก็เลยมาที่นี่น่ะสิ พี่รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดี แล้วเรื่องไอ้หมอนั่นล่ะ?”
“พี่สบายใจได้ พรุ่งนี้ ฉันจะจัดการมันไม่ให้เหลือซากเลย”
“พ่อแม่ของมันด้วย พวกมันไม่ได้พูดความจริงกับฉัน”
“ได้ พี่ดูแลตัวเองดีดีเถอะ”
“ระวังด้วยล่ะ ไอ้หมอนั่นมันเป็นกังฟู”
“ฉันรู้ ฉันเอาปืนมาด้วย”
มันเป็นค่ำคืนที่สงบ แต่อบอ้าวเล็กน้อย
เช้าตรู่ของวันถัดมา พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นเหนือพื้นดิน
“เฮ้อ ร้อนจริงๆ!”
“ในที่สุด ฉันก็ถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกได้สักที”
กลุ่มแก็งค์จากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ไปหาเจ้าถิ่นของแก็งค์ใต้ดินในเขตนี้ หากพวกเขาคิดจะก่อเรื่องอะไร พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าเยี่ยมเขาที่เป็นเจ้าถิ่นก่อน เพราะมันคือกฎของใต้ดิน
“หวังเย้า? หมอหวังน่ะเหรอ?”
“ฉันเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ความจริงก็เคยเห็นตัวจริงมาแล้วด้วย” หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นยิ้ม
“เขาเคยรักษาแม่ของฉัน ยาของเขาได้ผลดีมาก ฉันก็เลยรู้สึกขอบคุณเขามากๆเลยน่ะ”
คำพูดของเขาได้แสดงจุดยืนออกมาอย่างชัดเจน
“ฉันเข้าใจ” อาหนานพูด “ราคาเท่าไหร่?”
“มันไม่ใช่เรื่องของเงินหรออกนะ” หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นพูด
“มันทำพี่ชายฉันเจ็บ ฉันต้องจัดการมัน”
เขาดีดนิ้ว มีคนเดินเข้ามาจากด้านหลังของเขาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่ง อาหนานคว้าถุงกระดาษมาแล้วโยนลงไปที่โต๊ะ
“แค่นี้มากพอที่จะปล่อยให้ฉันจัดการกับมันได้ไหมล่ะ?” อาหนานถาม
หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นหยิบถุงกระดาษขึ้นมาและเปิดมันออก
“ดี”
“ขอบคุณ”
อาหนานจากไปพร้อมกับคนของเขา
“พี่ คนพวกนี้เป็นใครเหรอ?”
“พวกคนที่ข้ามถิ่นน่ะสิ” หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นพูด
“รวบรวมคนออกไปข้างนอกกัน”
ในหมู่บ้านกลางเขา คลินิกเปิดทำการในตอนเช้า มันไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อวานเลย
หวังเย้าเริ่มนำยาเม็ดที่เขาได้ทำเอาไว้สำหรับรักษาตามอาการของคนไข้ออกมาใช้งานในวันนี้ เขาเรียกมันว่า เม็ดยาชิงฟู้
ในเม็ดยาไม่ได้มีส่วนผสมของสมุนไพรรากอยู่เลย ถึงแม้ว่าเม็ดยาจะให้ผลดีในการรักษา แต่ก็ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์
ในตอนที่เขากำลังตรวจคนไข้อยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รับบัตรคิวหรือเข้าคิว เขาเดินเข้ามาหาหวังเย้า
“สวัสดี หมอหวัง”
“สวัสดีครับ?”
“ฉันก็คุยกับหมอตามลำพังสักหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิครับ” หวังเย้าลุกขึ้นและเดินไปที่มุมมุมหนึ่งกับชายคนนั้น
“พี่ชายของผมมีจดหมายมาให้หมอ” ชายคนนั้นหยิบจดหมายออกมาและส่งมันให้กับหวังเย้า
“พี่ชายของคุณเป็นใครเหรอ?”
“ถ้าได้อ่านจดหมายแล้ว หมอก็จะรู้เอง”
หวังเย้าเปิดจนดหมายออกอ่าน
ภายในจดหมายมีเนื้อความที่เตือนให้เขาระวังตัวและบอกกับเขาว่า อีกฝ่ายมีอาวุธปืนมาด้วย
“ฝากขอบคุณพี่ชายของคุณด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ ขอตัว”
“เดินทางปลอดภัยนะครับ”
หลังจากได้รับจดหมายแล้ว หวังเย้าก็กลับไปตรวจคนไข้ต่อ
เขามีคนไข้สี่คนในตอนเช้า หลังจากรักษาพวกเขาเสร็จ หวังเย้าก็โทรไปหาหวังหมิงเปา
เพื่อนของเขาเดินทางมาถึงคลินิกในอีกสามสิบนาทีให้หลัง
“นายบอกว่า คนพวกนั้นมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?”
“ใช่ พวกเขามาขอให้ฉันรักษาหนึ่งในนั้น แต่ฉันปฏิเสธพวกเขาไป” หวังเย้าพูด
“ดังนั้น พวกมันก็เลยคิดจะใช้ปืนมาแก้แค้นนาย?”
“ใช่ ฉันอยากให้คุณลุงช่วยจับคนพวกนี้ให้หน่อยน่ะ”
“อืม ฉันจะลองกลับไปคุยกับพ่อดู”
ตอนกลางวัน คลินิกปิดทำการ
หวังเย้าไปที่บ้านของจงหลิวชวน
“สวัสดี ขอโทษที่มารบกวนนะ”
“ยินดีต้อนรับครับ นั่งก่อนสิ”
“เชิญดื่มชาค่ะ” จงอันซินเอาชามาให้กับหวังเย้า”
“ขอบคุณ”
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” จงหลิวชวนถาม
“มีเรื่องที่ผมจำเป็นต้องรบกวนคุณหน่อยน่ะครับ”
“บอกผมมาได้เลย”
“บ่ายนี้ผมจะออกไปข้างนอก แล้วผมก็อยากจะให้คุณช่วยดูแลคนที่บ้านของผมให้หน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
เขาพอจะเดาได้ว่า ในอดีตจงหลิวชวนเคยทำงานอะไรมาก่อน ดังนั้น จงหลิวชวนจึงเป็คนแรกที่เขาคิดว่าพอจะช่วยเขาได้
“ไม่มีปัญหาครับ ถ้าหมอมีปัญหาแบบนี้ ผมสามารถจัดการได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ” จงหลิวชวนพูด
“ผมจัดการเองได้”
“โอเค ปล่อยที่นี่ให้ผมดูแลเอง”
หลังจากที่หวังหมิงเปากลับไปแล้ว หวังเย้าก็ตัดสินใจเป็นฝ่ายที่เริ่มโจมตีก่อน เขาไม่สามารถฝ่ายรอเพื่อให้พวกเขามาหาถึงที่นี่ เขาต้องการรับรองความปลอดภัยของพ่อแม่เขา และเขารู้ว่า เมื่อมีจงหลิวชวนอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะปลอดภัย
“อันซิน รอพี่อยู่ที่นี่นะ พี่จะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“ค่ะ”
ที่ประตู หวังเย้าพูดว่า “ระวังด้วยล่ะ พวกเขามีปืน”
“ปืนเหรอ? พวกเขาเป็นใครกันครับ?”
“พวกเขามาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ หนึ่งในนั้นมาขอให้ผมรักษา แต่ผมปฏิเสธพวกเขาไป”
“ผมเข้าใจ”
ตอนกลางวัน หวังเย้าเดินทางไปที่โรงพยาบาลเหลียนชาน พันจวินบอกกับหวังเย้าว่า ชายหัวล้านรักษาตัวอยู่ที่ชั้นและห้องไหน
“พี่เหวิน พี่อยากกินอะไร? ฉันจะไปซื้อมาให้”
“ฉันอยากจะกินหัวใจของไอ้หมอนั่น”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเตียงยิ้ม
“แกไปเอามันมาให้ฉันที!” อาเหวินมองไปที่อาหนาน
ชายหนุ่มคิดในใจ อาการของเขาหนักมากจริงๆ!
711 ง่ายเกินไป
“สวัสดีค่ะ มีคนมาหาคุณตรงนั้นน่ะค่ะ” นางพยาบาลเดินเข้ามาพูดกับชายหนุ่มคนหนึ่งในแก็งค์ที่รออยู่ด้านนอก
“มาหาผมเหรอ?” ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะเขาไม่ได้มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวอาศัยอยู่ที่เหลียนชานเลยสักคน
“แล้วคนที่มาหาผมอยู่ที่ไหนล่ะ?” ชายหนุ่มถาม
“อยู่ใกล้กับบันไดตรงนั้นค่ะ” นางพยาบาลชี้ไปที่ปลายสุดทางเดิน
“อ่อ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มพูด เขาเดินตรงไปที่บันไดด้วยความสงสัย “ใครกัน?”
ครู่ต่อมา เขาก็หมดสติไป แล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่า ตัวเองถูกมัดอยู่ภายในห้องห้องหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับถือดาบเอาไว้ในมือ
“แกเป็นใคร? แล้วแกต้องการอะไรจากฉัน?” ชายหนุ่มในแก็งค์ของชายหัวล้านถาม
“ฉันต้องการให้แกตอบคำถามของฉัน” หวังเย้าพูด “เข้าใจไหม?”
“เข้าใจ” ชายหนุ่มพูด
เขาเข้าใจว่าสถานการณ์ของตัวเองในเวลานี้เป็นยังไง ดังนั้น เขาจึงไม่ร้องโวยวายออกมา เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเจอกับเรื่องแบบนี้
“ดี” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเริ่มตั้งคำถาม
“พี่หนานอะไรกัน? ฉันไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร” ชายหนุ่มตอบ เขากำลังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่
“เมื่อกี้ ฉันไม่น่าชมแกเลย” หวังเย้าพูด “ทำไมถึงไม่ตอบตามตรงล่ะ? ตอนนี้แกรู้สึกปวดที่ท้องของแกบ้างรึเปล่า?”
“หา?” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเขาก็เริ่มมีอาการปวดท้องขึ้นมา
“แกรู้สึกว่าท้องอืดด้วยไหม?” หวังเย้าถาม
“ความจริง…ก็ใช่” ชายหนุ่มพูด
“งั้นก็มองดูท้องของแกดีดีนะ ว่ามันพองออกรึเปล่า” หวังเย้าพูด
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าท้องของตัวเองตามคำพูดของหวังเย้า ซึ่งมันกำลังขยายตัวออกราวกับลูกโป่ง “แก…แกทำอะไรฉัน?”
“ท้องของแกจะขยายออกเรื่อยๆจนมันไม่สามารถขยายต่อไปได้อีก” หวังเย้าพูด “พอถึงตอนนั้น ฉันก็จะเอาดาบเล่มนี้จิ้มไปที่ท้องของแก แกก็น่าจะรู้ว่าในท้องของนายจะมีแรงดันสูงแค่ไหน ถ้ามันแตกขึ้นมา ไส้ของแกก็คงจะไหลทะลักออกมาจนหมด”
“แก…แกกำลังหลอกให้ฉันกลัวอยู่ใช่ไหม?” ชายหนุ่มถาม
“เดี๋ยวก็รู้” หวังเย้าพูด
“แกรู้สึกอุ่นๆในท้องไหม?” หวังเย้าถามเสียงเบา
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า ท้องของเขากำลังขยายออกเรื่อยๆ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว ที่หน้าผากและตามร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ จนเสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปหมด “แก…แกต้องการอะไรกันแน่?”
“ตอนนี้ ก็ตอบคำถามของฉันมา” หวังเย้าพูด
“ได้ๆๆ” ชายหนุ่มพูด
“กลิ่นอะไรน่ะ?” หวังเย้าขมวดคิ้ว “ดูแกสิ! เป็นถึงคนในแก็งค์อันธพาล ทำไมถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้?”
ชายหนุ่มฉี่ราดกางเกงของตัวเอง ทำให้เกิดกลิ่นฉุนไปทั่วห้อง
หวังเย้าเริ่มถามอีกครั้ง แล้วชายหนุ่มก็บอกเขาทุกอย่าง
“เขาเอาปืนมาด้วยเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ เขาเอาปืนมาด้วยสามกระบอก” ชายหนุ่มพูด
หลังจากได้ข้อมูลมาจนพอใจแล้ว หวังเย้าก็พยักหน้า “ขอบคุณ”
“ฉันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ชายหนุ่มถาม
ดวงตาของเขามืดลงพร้อมกับสติที่หลุดลอยไป
“เรียบร้อยแล้วเหรอ?” พันจวินที่รออยู่ข้างนอกถาม เขาเป็นคนจัดหาห้องนี้ให้กับหวังเย้า ถึงยังไงเขาก็เป็นถึงหัวหน้าแผนก มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาห้องว่างสักห้อง
“อืม ผมได้ข้อมูลมาหมดแล้ว ที่เหลือก็ทำตามแผนของพี่” หวังเย้าพูด
“โอเค ปล่อยให้ฉันจัดการที่เหลือเอง ระวังตัวด้วยล่ะ อาจารย์” พันจวินพูด
“อืม พี่ก็เหมือนกัน อย่าไปทำอะไรดึงดูดความสนใจพวกนั้นเข้าล่ะ” หวังเย้าพูด
“ไม่มีปัญหา” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว หวังเย้าก็ไปที่โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเหลียนชาน จากข้อมูลที่เขาได้มาจากชายหนุ่มคนนั้น พี่หนานและคนของเขาพักอยู่ที่โรงแรมนี้ และอีกไม่นาน พวกเขาก็จะไปแก้แค้นหวังเย้ากับครอบครัวของเขา
หวังเย้าไม่สนใจว่ามือของเขาแปดเปื้อนเพราะคนพวกนี้ เขาจะหวดพวกมันและทำให้พวกมันต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แต่พวกเขาก็อาจจะไม่ทันได้มีโอกาสเสียใจด้วยซ้ำ
พี่หนานและคนของเขาพักอยู่ในห้องห้องหนึ่งของโรงแรม
“พี่หนาน เราพร้อมแล้วครับ” หนึ่งในคนของเขาพูด
“ดี ไปกันได้แล้ว” พี่หนานพูด
เขาเปิดประตูออกไป
“หืม?” เขาพบว่า คนของเขาสองคนที่รออยู่ด้านนอกได้หายไป “พวกนั้นหายไปไหน?”
“บางทีอาจจะออกไปสูบบุหรี่ก็ได้” หนึ่งในคนของเขาพูด
“เป็นไปไม่ได้ พวกมันไม่ทางออกไปพร้อมกันหรอก” พี่หนานพูด “ระวัง!”
“สวัสดี พี่หนาน” อยู่เขาก็ได้ยินเสียงพูดของใครบางคน แต่เขากลับมองไม่เห็นใครเลย
“แกเป็นใคร?” พี่หนานเริ่มมีท่าทีกังวล
“ปกป้องพี่หนาน” หนึ่งในคนของเขาพูด
หวืด! ปัง! หนึ่งคน, สองคน, สามคน,… พวกเขาค่อยๆหมดสติไปทีละคน มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่หวังเย้าจะจัดการพวกเขาทั้งหมด
เหลือเพียงชายคนหนึ่งที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงจุดนั้น
“นายคือ พี่หนาน สินะ” หวังเย้าพูดในขณะที่จังจ้องไปยังชายผิวแทนที่ยืนอยู่ พี่หนานหน้าตาไม่เลวเลย แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา
“ใช่ ฉันเอง แกก็คงจะเป็น หวังเย้า สินะ” พี่หนานพูด
“ใช่ ฉันเอง ฉันได้ยินมาว่า นายกำลังคิดจะแก้แค้นฉันแทนพี่ชายของนาย ฉันก็เลยมาหานายที่นี่เพื่อเป็นการช่วยนายประหยัดเวลายังไงล่ะ” หวังเย้าพูด
“ดี ดีมาก!” พี่หนานหยิบปืนออกมา
แต่อยู่ๆ หวังเย้าก็หายตัวไป
มันอยู่ไหน?
“โอ๊ย!” พี่หนานร้องออกมา
อยู่ๆเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หลังและได้ทั่วลำตัวของเขา เรี่ยวแรงของเขาหดหายและทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
“ฉันทำร้ายพี่ชายของนาย เพราะเขาสมควรจะได้รับมัน” หวังเย้าพูด “ส่วนนาย ฉันได้หาข้อมูลของนายมาแล้ว มันทำให้ฉันได้รู้ว่า นายทำชั่วอะไรเอาไว้บ้าง และมันมากพอสำหรับการได้รับโทษถึงตายเลยทีเดียว แต่ฉันว่า โทษตายสำหรับนาย มันออกจะสบายไปสักหน่อย ฉันอยากจะให้นายต้องเสียใจและหวาดกลัวไปชั่วชีวิต”
หวังเย้าใช้พลังฉีโจมตีไปตามจุดต่างๆบนร่างกายของพี่หนาน พลังฉีของเขาได้เข้าไปทำลายเส้นเลือดทั้งหมดภายในร่างกายของพี่หนาน สุดท้าย หวังเย้าได้สะกัดจุดที่บริเวณศีรษะของพี่หนานด้วย
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พี่หนานจะไม่สามารถแบกของไว้บนบ่าของเขาได้ เขาจะไม่สามารถเดินหรือกินได้เหมือนคนปกติ เขาจะหัวศีรษะในเวลากลางคืนจนไม่สามารถนอนหลับได้ เขาจะรู้สึกอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ต่อไป
ส่วนลูกน้องของพี่หนานที่นอนกองกันอยู่ที่พื้นนั้น หวังเย้าก็ตัดสินใจลงโทษพวกเขาด้วยเช่นกัน หลังจากหวังเย้าจัดการกับคนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เขาก็โทรไปหาหวังหมิงเปา
เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงในเวลาไม่นาน พวกเขาพบปืนสามกระบอกและดาบอีกสิบเล่มอยู่ภายในห้อง อาวุธเหล่านี้สามารถจับพวกเขาไปอยู่ในคุกได้เป็นเวลานานทีเดียว
ส่วนพี่เหวินที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น อาการของเขาเลวร้ายมากกว่าที่ตาเห็นมาก
ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมด จะถูกหวังเย้าและเพื่อนๆของจัดการจนเรียบร้อย
ที่สถานีตำรวจ พี่หนานฟื้นขึ้นมาและเริ่มสบถด่าออกมาอย่างหยาบคาย “เชี่ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
เขาปวดหัว ปวดหลัง เขาอยากจะลุกขึ้นยืน แต่แขนของเขากลับไม่มีแรงเลย
“นี่มันอะไรกัน?” ตอนนี้ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว
ไม่นาน เขาก็พบว่า ร่างกายของเขาเกิดปัญหาหลายอย่าง ทั้งแขนขาที่ไร้เรี่ยวแรง, อาการปวดศีรษะ, และอาการคลื่นไส้อาเจียน มันจะต้องเป็นเพราะไอ้หวังเย้าแน่!
พี่หนานไม่ใช่แค่มีปัญหาทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่เขายังปกอาวุธปืน ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงในประเทศจีนอีกด้วย
เขาพยายามติดต่อกับคนรู้จักที่อยู่ด้านนอก เขาจำเป็นต้องวางเรื่องแก้แค้นไว้ก่อน และหันมาสนใจเรื่องการเลี่ยงการถูกตั้งข้อหาร้ายแรงแทน
ในขณะเดียวกัน หวังหมิงเปาก็เชิญเพื่อนคนหนึ่งของเขามาทานอาหารที่ร้านกลางเมืองเหลียนชาน
“ขอบคุณมากนะ” หวังหมิงเปาพูด
“ด้วยความยินดีอย่างมากเลยล่ะ” เพื่อนของเขาพูด “ตอนที่เราไปถึงที่นั่น พวกคนในแก็งค์ก็นอนกองกันอยู่ที่พื้นหมดแล้ว พวกเขาหมดสติและไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย มันเลยง่ายสำหรับเราในการพาตัวพวกเขาทั้งหมดไปที่สถานีตำรวจ”
“ดีแล้ว ที่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้พวกนายต้องตกอยู่ในอันตราย ฉันได้ยินมาว่า พวกนั้นมีปืนกันด้วยนี่นา” หวังหมิงเปาพูด
“ใช่ ปืนสามกระบอกพร้อมกับใส่กระสุนเอาไว้เรียบร้อย เรายังเจอดาบอีก 10 เล่มด้วย พอกลับมาคิดย้อนดูอีกที ฉันก็กลัวขึ้นมาอยู่เหมือนกัน” เพื่อนของเขาพูด
712 ฆ่าพวกมันซะ
ที่สถานีตำรวจ เหล่าแก็งค์อันธพาลถูกนำตัวไปสอบสวนทีละคน สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแปลกใจก็คือ ในระหว่างการสอบสวนนั้น ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่รู้ว่า ใครคือคนที่ทำให้พวกเขาหมดสติและลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น
“ผมเห็นเงาร่างหนึ่ง” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด
“แล้วรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมก็มองเห็นไม่ชัด” ชายหนุ่มพูด “ร่างนั้นเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายลม แล้วจากนั้น ผมก็หมดสติไป พอตื่นขึ้นมาอีกที ผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”
“แล้วพอจะบอกได้ไหม ว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันเป็นผีหรือเป็นคนกันแน่” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ภายในห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังถามด้วยคำถามเดียวกันนี้
“นายไม่เห็นจริงๆเหรอ?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมไม่เห็นอะไรเลย” ชายหนุ่มตอบ “ถ้าผมเห็นแล้วผมจะไปโกหกคุณตำรวจเพื่ออะไรล่ะ?”
นี่คือคดีที่แปลกประหลาดที่สุดตั้งแต่ที่พวกเขาทำงานมา คนเหล่านี้หมดสติไปโดยที่ไม่รู้ตัวคนทำ ถ้าพูดกันตามหลักการแล้ว การจะเห็นผีในตอนกลางวันแสกๆนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
มันจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่ๆ!
นี่เป็นความเชื่อของเหล่าคนในแก็งค์ที่ถูกจับตัวมา แต่ไม่ใช่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่สอบสวนพวกเขา ความเป็นไปได้ที่จะเจอผีหลอกตอนกลางวันนั้นสามารถถูกตัดออกไปได้เลย
หวังเย้ากลับไปที่หมู่บ้านกลางเขา สิ่งแรกที่ทำก็คือการไปพบกับจงหลิวชวน เขาอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งตรงตีนเขาตงชาน จากจุดที่เขาอยู่นั้น ทำให้เขาสามารถมองเห็นบ้านของหวังเย้าได้อย่างชัดเจน ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็จะสามารถไปถึงที่นั่นได้ในเวลาสั้นๆ
“ทำให้คุณต้องลำบากแล้วสินะ” หวังเย้าพูด การที่ต้องมาอยู่บนต้นไม้ในสภาพอากาศแบบนี้ไม่ใช่เรื่องสบายเลยสักนิด
“หมอหวังเกรงใจกันเกินไปแล้วล่ะครับ” จงหลิวชวนพูด “เรื่องทุกอย่างรวบรื่นดีไหมครับ?”
“ทุกอย่างราบรื่นดี” หวังเย้าพูด “พวกเขาถูกเชิญไปดื่มน้ำชาที่สถานีตำรวจกันหมดแล้วล่ะ”
“หมอหวังจะชะล่าใจไปนะครับ” จงหลิวชวนพูดด้วยความหวังดี “สองคนนี้มีเส้นสายกับทั้งเจ้าหน้าที่และหมู่แก็งค์อื่นๆอีก ผมได้ยินมาว่า พวกเขาถือเป็นแก็งค์ที่มีชื่อเสียงมากของทางตะวันออกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่า ครอบครัวของพวกเขาจะมีคนหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลางอยู่ด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ พวกเขาก็คงจะตายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว”
“อืม ผมจะจำคำของคุณเอาไว้” หวังเย้าพูด เขาคอยจับตามองพวกเขาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดจากฝีมือของพวกเขา “แล้วคุณพอจะมีเส้นสายทางนี้บ้างรึเปล่า?”
“หมอหมายความว่ายังไงเหรอ?” จงหลิวชวนถาม
“ผมอยากจะรู้การเคลื่อนไหวของพวกเขาน่ะ” หวังเย้าพูด “เขาติดต่อกับใครและทำอะไร”
“เรื่องนี้ง่ายมาก” จงหลิวชวนพูด “ปล่อยให้ผมจัดการเอง”
“ขอบคุณนะ” หวังเย้าพูด
เขากำลังคิดอยู่ว่า เขาควรจะขอบคุณจงหลิวชวนยังไงดี เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และทั้งๆที่จงหลิวชวนสามารถปฏิเสธที่จะทำได้
หวังเย้าขับรถเข้าไปจอดและเดินเข้าไปในตัวบ้านเพื่อพูดคุยกับพ่อแม่ของเขา ก่อนที่เขาจะออกไปที่คลินิก
ภายในสถานีตำรวจเขตเหลียนชาน พี่หนานพบว่าร่างกายของเขามีปัญหาหนักมาก ความคิดแรกก็คือหมอหนุ่มที่เขาเพิ่งได้พบหน้าเป็นครั้งแรก มันจะต้องเป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน
“ฉันต้องการเจอทนายของฉัน!” เขายืนกรานที่จะพบกับทนาย
คนของเขาก็สภาพไม่ได้ดีไปกว่าเขามากนัก ร่างกายของพวกเขาต่างก็มีปัญหา บางคนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย และบางคนก็รู้สึกท้องอืด บางคนถึงขนาดไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลย เขามัวแต่คิดถึงวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ และจะจัดการกับหวังเย้ายังไง เขาจะต้องทำให้หวังเย้าและครอบครัวรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกพาตัวมาที่สถานีตำรวจ ถึงแม้ว่าครั้งนี้สถานการณ์จะต่างออกไป แต่ในมุมมองของตัวเขานั้น เขายังคงสามารถจัดการได้อยู่
เงิน?
ทุกอย่างสามารถจัดการได้ด้วยเงิน นั่นคือประสบการณ์ที่เขาได้พบเจอ ไม่ว่าจะกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือกับแก็งค์อื่น
ทนายที่เขาเรียกร้องได้เดินทางมาถึง พี่หนานพูด “ฉันต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“ไม่มีปัญหาครับ” ทนายความที่เป็นชายสวมแว่นพูด
เขารู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ก่อนที่จะเดินทางมาถึงสถานีตำรวจแล้ว สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ ทุกอย่างสามารถโยนความผิดให้กับคนเพียงเดียวได้ คดีของอาวุธปืนคงต้องหาแพะรับบาปมาคนหนึ่ง แค่นั้นเรื่องก็เป็นอันจบ
“ส่วนเรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันออกไปได้แล้ว” พี่หนานพูด
“พี่หนาน หน้าของพี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ” ทนายความพูด
“สนใจเรื่องของตัวเองก็พอ” พี่หนานพูด
ทนายความจัดการเรื่องทุกทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสร็จเรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว ไม่นาน พี่หนานก็ได้ออกจากสถานีตำรวจ
“ฉันได้ยินมาว่า มันเป็นเศษสวะที่มีส่วนในการฆาตกรรมและเรื่องผิดกฎหมายอีกเยอะเลยล่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูด “ถ้าเราปล่อยมันไป มันก็เท่ากับปล่อยให้มันไปสร้างเรื่องในอนาคตไม่ใช่เหรอไง?”
“แล้วนายคิดว่า พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ?” เจ้าหน้าที่อีกนายหนึ่งถาม “จับมันมา แล้วยิงมันอย่างนั้นเหรอ? มันมีทนาย แล้วก็โยนความผิดทุกอย่างให้คนอื่นรับแทน เราก็มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าไม่มีหลักฐาน ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนรู้สึกหมดหนทาง พวกเขาทำได้เพียงแสดงความไม่พอใจออกมา เพราะไม่สามารถลากตัวคนผิดมารับโทษได้
“ฉันว่า มันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูด
“นายหมายความว่ายังไง?” เจ้าหน้าที่อีกคนถาม
“นายไม่เห็นเหรอ?” เจ้าหน้าที่คนแรกพูด “มันเดินเองไม่ได้ แล้วยังต้องมีคนคอยพยุงไป มันจะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ ฉันได้ยินมาว่า คนที่พวกมันไปมีเรื่องด้วยก็คือ หมอหวัง ล่ะ!”
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระน่า!” เจ้าหน้าที่อีกคนโบกมือ
พวกเขารู้จักหมอหนุ่มที่หมู่บ้านกลางเขา ทักษะการรักษาของเขาดีมาก คนในครอบครัวของพวกเขาต่างก็เคยไปรักษากับเขามาก่อน การรักษาของเขามีประสิทธิภาพอย่างมาก พวกเขายังรู้อีกด้วยว่า นอกจากหวังเย้าจะเก่งกาจในด้านการรักษาแล้ว เขายังเก่งในเรื่องการจัดการพวกคนชั่ว ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้
“พี่หนาน เรียกผมมามีเรื่องอะไรเหรอครับ?” อาเสิ่นถาม
“อาเสิ่น ช่วยฉันจัดการเรื่องๆหนึ่งหน่อย” พี่หนานพูด
“จะให้ผมทำอะไรบอกมาได้เลยครับ” อาเสิ่นพูด
“ไอ้นี่กับครอบครัวของมัน ฆ่าพวกมันให้หมด!” พี่หนานส่งรูปใบหนึ่งให้กับอาเสิ่น เขาเป็นชายที่ดูธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด เสื้อผ้าที่สวมใส่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ส่วนสูงตามมาตรฐานของคนปกติ คนประเภทนี้มักจะกลมกลืนไปกับฝูงชนและไม่ดึงดูดความสนใจจากคนอื่น
“เข้าใจแล้วครับ” อาเสิ่นรับรูปไปและนำมาดูใกล้ๆ ก่อนที่จะส่งมันกลับคืนให้กับพี่หนาน “พี่หนาน พี่ไม่เอาใครไว้เลยใช่ไหมครับ? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวพี่เหรอ?”
“ฉันจะเข้าไปในตัวจังหวัด” พี่หนานพูด “อาเสิ่น ฉันฝากเรื่องให้แกเป็นคนจัดการ อาจิ่ว แกกับคนที่เหลือบางส่วนอยู่ที่นี่กับอาเสิ่น”
“ได้ครับ พี่หนาน” อาจิ่วพูด
“ชิบ*!” ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ พี่หนานก็รู้สึกว่า เขาเริ่มมีอาการปวดท้องขึ้นมาอีกครั้งแล้ว มันราวกับว่า มีงูตัวเล็กๆจำนวนมากกำลังกัดเขาอยู่ และมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างมาก
“รอเดี๋ยว เรียกอาเสิ่นกลับมา!” เขาตะโกนบอกกับคนที่อยู่ข้างๆเขา
หลังจากนั้นสักพัก อาเสิ่นก็มาถึง “พี่หนาน”
“อย่าให้ไอ้หมอนั่นตาย ส่วนคนที่เหลือก็ต้องทำให้พวกมันตายอย่างทรมานที่สุด” เขากัดฟันพูด
“เข้าใจแล้วครับ” อาเสิ่นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ดี จัดการให้เร็วที่สุดด้วยล่ะ” พี่หนานพูด “ฉันทนรอไม่ไหวแล้ว!”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและขบฟันแน่น ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆรีบเข้ามาเช็ดเหงื่อให้เขา
“เนกไทของแกอยู่ไหน?” พี่หนานจ้องไปที่ลำคอของเขาและเอายถาม
“เมียผมเอาไปซักให้อยู่ครับ พี่หนาน” ชายหนุ่มพูด
“หมายังไงมันก็เป็นหมาอยู่วันยังค่ำ” พี่หนานพูด
เขาหายเข้าไปในกลุ่มคนมากกว่ายี่สิบและรถอีกหลายคัน เขาจัดการเรื่องการย้ายโรงพยาบาลให้กับพี่เหวิน เพื่อที่พวกเขาจะได้เดินทางเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดพร้อมกัน
ภายในร้านน้ำชา ชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งกำลังดื่มชาอยู่เงียบๆ มันเป็นชาดี และเป็นชาที่แพงที่สุดของทางร้าน
“อาเสิ่น พี่หนานดูรีบร้อนมากเลยนะ” เขากระซิบพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมชาแค่หนึ่งกาในร้านน้ำชาเล็กๆในเมืองเล็กจ่อยถึงได้แพงขนาดนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในมุมมองของเขา เขาไม่รู้สึกว่าการดื่มชาแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าสุนทรีเลยสักนิด แต่ไม่ใช่กับคนตรงหน้าเขา เขาดูผ่อนคลายและไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
“นายก็รู้จักนิสัยของพี่หนานดี” อาจิ่วพูด
“ฉันรู้ อย่ากังวลไปเลย” อาเสิ่นพูด “ดื่มชาสักหน่อยสิ นี่เป็นชาคามิเลียอย่างดีเลยนะ” อาเสิ่นชี้ไปที่ถ้วยชา
“แล้วนายอยากให้ฉันเตรียมอะไรให้บ้างล่ะ?” อาจิ่วถาม
“ที่ตั้งที่แน่นอนของบ้านผู้ชายคนนั้น” อาเสิ่นพูด
“มีอะไรอีกไหม?” อาจิ่วถาม
“ไม่ แค่นี้เท่านั้น” อาเสิ่นพูด
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะจัดการเขานะ เพราะเขาเป็นกังฟูด้วย” อาจิ่วเตือนเขา
“ฉันรู้” อาเสิ่น “แค่ปืนอย่างเดียวคงฆ่าเขาได้ยาก ในยุคนี้ มันต้องใช้มันสมองเข้าร่วมด้วย!”
ถ้าเรื่องนี้ไม่สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้ ก็จะเป็นตัวเขาเองที่ต้องได้รับโทษ เขารู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อพี่หนานโมโหขึ้นมา
อาจิ่วอยากจะพูดว่า “นายไม่กลัวเขา แต่ฉันกลัว!” แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา เขารู้จักชายโหดร้ายตรงหน้าของเขาดี ถึงภายนอกเขาจะดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาคือคนที่รู้อะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของการฆ่า ที่อยู่เหนือจินตนาการของอาจิ่วไปมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น