Elixir Supplier 691-692

 691 ชายแก่หัวรั้น


 


“เรามาถึงที่นี่กันแล้ว ทำไมจะต้องกลับมาอีกทีพรุ่งนี้ด้วยล่ะ?” หนึ่งในหญิงสาวสองคนพูดขึ้นมา


 


“ฉันขอถามหน่อยได้ไหม ว่าอาจารย์บอกได้รึเปล่าว่าผู้หญิงคนไหนที่ป่วยน่ะ?” พันจวินถาม


 


ยิ่งเขาใช้เวลากับหวังเย้านานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้จักหวังเย้ามากขึ้นเท่านั้น พันจวินรู้ว่า หวังเย้ามีความสามารถทางการแพทย์สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น หวังเย้าเชี่ยวชาญในการวินิจฉัยทั้งสี่วิธีของแพทย์แผนจีนอย่างมาก


 


ความสามารถบางอย่างที่หวังเย้ามี ก็อยู่เหนือความคาดหมายของพันจวินไปมาก หวังเย้าสามารถบอกได้จากการมองว่า คนไหนที่ป่วยหรือไม่ป่วย และส่วนไหนในร่างกายของคนไข้ที่มีปัญหา เขาไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการวินิจฉัยโรคเลยด้วยซ้ำ และสามารถเริ่มการรักษาได้ในทันที


 


“ป่วยทั้งสองคนครับ” หวังเย้าพูดในขณะที่เขายกน้ำชาขึ้นมาจิบ “ที่ต่างกันก็คือ คนหนึ่งสามารถรักษาให้หายได้ แต่อีกคนไม่ได้”


 


“ฉันขออ่านบันทึกเคสคนไข้ของนายอีกได้ไหม?” พันจวินถาม


 


“ได้สิครับ” หวังเย้าเอาสมุดบันทึกของเขาให้กับพันจวิน


 


ครู่ต่อมา ก็มีคนไข้อีกคนเดินเข้ามาในคลินิก เขาเป็นชายชราวัยหกสิบที่ดูแข็งแรงดี แต่ดวงตาของเขากลับดูเซื่องซึม เขามาพร้อมกับชายวัยประมาณสี่สิบ


 


“ขอโทษครับ เรา…” ในตอนที่พันจวินกำลังจะบอกกับคนทั้งสองว่าบ่ายนี้หวังเย้าไม่รับตรวจคนไข้ หวังเย้าก็หยุดเขาเอาไว้ก่อน


 


“อาจารย์?” พันจวินถาม


 


“ให้พวกเขาอยู่ได้” หวังเย้าพูด


 


“โอเค” พันจวินพูด


 


“สวัสดีครับ หมอหวัง หมอช่วยตรวจพ่อของผมหน่อยได้ไหม?” ชายวัยกลางคนถาม


 


“นั่งก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”


 


“ฉันรู้สึกมึนหัวและชาในหัว แล้วยังมองเห็นภาพซ้อนเป็นบางครั้งด้วย” ชายชราพูด


 


“คุณลุงมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ได้ประมาณเดือนหนึ่งแล้วล่ะ” ชายชราพูด


 


“คุณลุงเป็นโรคหัวใจหรือเคยผ่าตัดหัวใจมาก่อนไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เคย ฉันเคยทำบอลลูนหัวใจมาก่อน” ชายชราพูด


 


“คุณลุงมีปัญหาอยู่สองอย่างครับ” หวังเย้าพูด “อย่างแรกคือ อาการชาและเห็นภาพซ้อนเกิดจากมีการอุดตันของเส้นเลือดในสมองอยู่เล็กน้อย ซึ่งสามารถจัดการได้ อย่างที่สอง อาการมึนหัวมีสาเหตุมาจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ แล้วมันก็ยังเกี่ยวกับอาการโรคหัวใจของคุณลุงด้วย การจะแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”


 


“หมอรักษาอาการเส้นเลือดอุดตันได้ไหม?” ชายวัยกลางคนถาม “อย่างน้อยๆก็แก้ได้อย่างหนึ่ง”


 


“ได้ครับ” หวังเย้าพูด


 


เรื่องนี้ง่ายมาก หวังเย้าสามารถใช้การฝังเข็มและการนวดสลายการอุดตันได้ ปัญหานี้ไม่ได้หนักหนาอะไร


 


หวังเย้าเริ่มด้วยการฝังเข็มให้กับชายชราเป็นอันดับแรก แต่ทันทีที่หวังเย้าลงเข็ม ชายชราก็มีท่าทีหงุดหงิดขึ้นมาทันที


 


“ฉันต้องนั่งอยู่แบบนี้นานแค่ไหนเหรอ?” ชายชราถาม


 


“การฝังเข็มจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรครับ” หวังเย้าพูด “มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”


 


ชายชราไม่ได้ตอบอะไร และทำเพียงนั่งน่ามุ่ยเท่านั้น


 


“ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนก็บอกผมได้นะครับ” หวังเย้าพูด


 


“พ่อไม่เป็นไรนะ?” ชายวัยกลางคนถาม


 


“ฉันไม่เป็นไร” ชายชราพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด


 


หวังเย้ายังคงไม่สบายใจ เขาจึงจับดูชีพจรของชายชราเพื่อตรวจดูว่าทุกอย่างปกติดี ก่อนที่เขาจำดำเนินขั้นตอนต่อไป หลังจากฝังเข็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มนวดให้กับชายชรา


 


ชายชราถามขึ้นมาอีกครั้ง “มันจะใช้เวลานานแค่ไหนเหรอ?”


 


หวังเย้าหยุดมือและมองไปที่ชายชรา “คุณลุงรีบกลับเหรอครับ?”


 


ชายชราไม่ได้ตอบ เขาดูมีท่าทีหมกหมุ่น


 


“พ่อเอาอีกแล้วนะ” ลูกชายของชายชราพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ “อย่าไปสนใจเขาเลยครับหมอ เขาเป็นแบบนี้อยู่ตลอดแหละครับ อารมณ์ร้อน ช่วยรักษาต่อเถอะครับ”


 


หวังเย้าเริ่มนวดศีรษะของชายชราต่อ หลังจากนวดเสร็จ เขาก็ถามออกไปว่า “รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ?”


 


“ดีขึ้นเหรอ?” ชายชราถามด้วยสีหน้าสับสน


 


“ผมนวดให้เสร็จแล้ว ก็เลยอยากถามคุณลุงว่า คุณลุงรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ?” หวังเย้าไม่เคยเจอคนแปลกแบบชายชรามาก่อน


 


“โอ้ เสร็จแล้วเหรอ งั้นก็กลับกันเถอะ” ชายชราพูดกับลูกชายของเขา


 


“แล้วพ่อรู้สึกดีหรือไม่ดีล่ะ?” ลูกชายของเขาถามด้วยความหงุดหงิด


 


ชายชราไม่ได้ตอบอะไร และเดินออกไปจากคลินิกโดยไม่มีท่าทีจะหันกลับมาตอบ หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นลูกก็ไล่ตามหลังชายชราไป


 


“เป็นคุณลุงที่น่าสนใจดีนะ” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“อืม” หวังเย้าพูด


 


ชายชราเป็นคนอารมณ์ร้อน แม้แต่ลูกๆของเขาก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ บางคนก็เรียกคนแก่แบบนี้ว่า เด็กแก่ เพราะพวกเขาเป็นเหมือนกับเด็กที่มักจะอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และชอบทำอะไรแบบเด็กๆอยู่เสมอ


 


“เขาป่วยหนักมากไหม?” พันจวินถาม


 


“ก็ประมาณหนึ่ง เขามีปัญหาใหญ่อยู่ที่หัวใจ เพราะเส้นเลือดในบริเวณนั้นเกิดการหดตัวอย่างรุนแรง เลยทำให้เขาต้องเข้ารับการทำบอลลูน แล้วอารมณ์ของเขาก็ยังส่งผลก็สุขภาพด้วย” หวังเย้าพูด “คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจจะต้องคอยระวังเรื่องของอารมณ์และพยายามทำใจให้สงบ อารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆมีแต่จะทำให้อาการของพวกเขาแย่ลง ดูอย่างคุณลุงคนเมื่อกี้ยังไงล่ะ”


 


“ฉันคิดว่า วันนี้นายจะไม่ตรวจคนไข้แล้วซะอีก” พันจวินพูด


 


“ผมไม่ชอบผู้หญิงสองคนก่อนหน้านี้ ผมก็เลยไม่รักษาพวกเขา” หวังเย้าพูด “แต่คนไข้คนอื่นผมไม่มีปัญหา”


 


“สองคนนั้นมีปัญหาอะไรเหรอ?” พันจวินถาม


 


“พวกเธอคงไปทำอะไรที่มันไม่ค่อยดีมาน่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ทำอะไรมาเหรอ?” พันจวินถามด้วยความแปลกใจ


 


“ไว้ถ้าพรุ่งนี้พวกเธอมา ผมจะบอกแล้วกันนะครับ” หวังเย้าพูด “แล้วพรุ่งนี้ พี่ต้องทำงานรึเปล่าครับ?”


 


“พรุ่งนี้ ฉันจะให้คนมาเปลี่ยนเวรแทน” พันจวินพูด


 


ด้านนอกคลินิก หลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว ชายวัยกลางคยก็ถามพ่อของเขาว่ารู้สึกดีชึ้นบ้างหรือไม่


 


“อืม” ชายชราตอบอย่างเย็นชา


 


ลูกชายของเขาถอนหายใจออกมาและขับรถพาพ่อของเขากลับบ้าน


 


“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ?” หลังจากกลับมาถึงที่บ้านแล้ว แม่ของเขาก็เข้ามาถาม


 


“หมอฝังเข็มและก็นวดให้พ่อ แต่พ่อก็ไม่ยอมบอกว่ารู้สึกยังไงบ้าง?” ชายวัยกลางคนตอบ


 


“อ่อ ลูกกลับเถอะจ๊ะ” แม่ของเขาพูด


 


“ครับ ถ้ามีอะไรแม่โทรหาผมได้เลยนะครับ” ชายวัยกลางคนพูด


 


“จ๊ะ” แม่ของเขาพูด


 


หลังจากที่ชายวัยกลางคนกลับไปแล้ว แม่ของเขาก็เข้าไปในห้องนอนและพบว่า สามีของเธอกำลังนอนอยู่บนเตียง


 


“เป็นอะไรไปเหรอ?” เธอถามสามี “คุณบอกว่ารู้สึกไม่สบาย เขาก็พาคุณไปหาหมอแล้วนี่นา”


 


“หมองั้นเหรอ!?” อยู่ๆชายชราก็ผุดลุกขึ้นมาด้วยความโมโห “เขาพาฉันไปที่หมู่บ้านเล็กๆ เพื่อไปหาหมอที่อายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ หมออายุน้อยขนาดนั้นจะไปทำอะไรได้? ถ้าอย่างนั้นฉันก็เป็นหมอได้เหมือนกัน จะเรียกว่าหมอได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันรู้ว่าเขางานยุ่ง แต่อย่างน้อย ก็ช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลหน่อยก็ยังดี!”


 


“เขาก็เคยพาไปที่โรงพยาบาลห่ายชิวแล้วนี่นา” ภรรยาของเขาพูด


 


“นั้นมันผ่านมาได้สักพักแล้ว” ชายชราพูด


 


“อย่าโมโหไปเลย ลูกก็พยายามทำดีกับคุณเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว แล้วฉันก็ได้ยินมาว่า หมอที่หมู่บ้านนั้นเก่งมากด้วยนะ”


 


“จริงเหรอ? แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องล่ะ?” ชายชราถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด


 


“คุณจะไปรู้เรื่องอะไรกับเขากันล่ะ อยู่แต่บ้านทั้งวัน ไม่ฟังวิทยุก็อ่านหนังสือพิมพ์ แล้วจะไปรู้เรื่องกับเขาได้ยังไงกัน?” ภรรยาของเขาเริ่มไม่พอใจขึ้นมา


 


ผู้หญิงมีวัยหมดประจำเดือน ในบางครั้งผู้ชายก็มักจะมีอาการคล้ายกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเช่นเดียวกัน สองปีที่ผ่านมา อารมณ์ของชายชราขึ้นๆลงๆง่าย โดยเฉพาะหลังจากการผ่าตัดครั้งนั้น แพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้เขายังได้เตือนเขาเอาไว้ด้วยว่า ให้เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองและอย่าโมโห อย่างน้อยๆก็อย่าโมโหตลอดเวลา ภรรยาและลูกๆของเขาก็พยายามที่จะไม่ทำให้เขาโมโห แต่ถ้าเขาต้องการเอาคืบ พวกเขาก็จะให้เขาไปถึงศอก เขาจึงกลายเป็นคนที่ทุกคนในบ้านตามใจทุกอย่าง


 


ชายชราไม่พูดอะไร และล้มตัวนอนต่อ ภรรยาของเขาก็หยุดพูดและออกไปจากห้อง


 


ยิ่งชายชราคิดถึงเรื่องที่เขาไปที่คลินิกของหวังเย้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากเท่านั้น เขาต้องการให้ลูกชายของเขาพาไปตรวจที่โรงพยาบาลในเมือง มากกว่าจะเป็นคลินิกในหมู่บ้านเล็กๆแบบนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อว่า หมอหนุ่มคนนั้นจะกล้าฝังเข็มให้กับเขา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหนูทดลองตัวหนึ่ง


 


หลังจากที่นอนอยู่สักพัก ชายชราก็ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง เมื่อดื่มน้ำไปได้สองแก้ว เขาก็กลับไปนอนที่เตียงอีกครั้ง


 


ในหมู่บ้าน พันจวินออกจากคลินิกของหวังเย้าไปในตอนห้าโมงเย็น ซุนหยุนเชิงได้แวะเข้ามาที่คลินิกเพื่อทักทายหวังเย้า เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมที่จะกลับเมืองเต๋า เพราะเขายังมีบริษัทให้ต้องดูแลอยู่ และไม่สามารถอยู่ที่หมู่บ้านไปได้ตลอด


 


“หมอหวัง ผมได้เลือกทำเลสำหรับสร้างโรงงานเอาไว้สองสามที่” เขาพูด “ทางหน่วยงานของที่นี่ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างมาก ลองดูสิครับ”


 


เขาหยิบแผนที่ที่มีการทำเครื่องหมายเอาไว้สองจุดออกมา ทั้งสองจุดนี้มีการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวก และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสร้างโรงงานขึ้นมา


692 ไม่สามารถรักษาได้


 


“ขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“คนจากตระกูลเจิ้งกำลังดำเนินการอยู่ครับ แต่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำอยู่แล้ว” ซุนหยุนเชิงพูด ก่อนจะมาที่นี่ เขาได้ติดต่อไปหาเจิ้งเหว่ยจวินเพื่อสอบถามเรื่องราวการดำเนินงานในเวลานี้


 


“แล้วจะไปดูที่ด้วยกันไหม?” หวังเย้าถาม


 


“ไปสิครับ” ซุนหยุนเชิงพูด


 


สองสถานที่ที่เลือกเอาไว้นั้นตั้งอยู่ในเมืองและหมู่บ้าน ทั้งสองที่เป็นพื้นที่ราบ สำหรับเรื่องการสร้างโรงงานผลิตยานั้น หวังเย้าพอมีความรู้อยู่บ้าง ถึงยังไงเขาก็ศึกษาทางด้านนี้มา และสูตรยาที่เขาจะนำออกมาผลิตก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการหมักหรือสังเคราะห์สารเคมีใดๆ มันเป็นสิ่งที่สามารถผลิตขึ้นมาได้เอง ดังนั้น อุปกรณ์ที่จำเป็นจึงมีไม่มากและสร้างมลพิษกับสภาพแวดล้อมน้อยกว่า


 


“คืนนี้ เราไปกินข้าวเพื่อคุยเรื่องนี้กัน แล้วก็ถือเป็นการเลี้ยงส่งคุณด้วย” หวังเย้าพูด


 


“ผมจะส่งให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ” ซุนหยุนเชิงพูด


 


ในตอนเย็น “คนนอก” ที่เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านได้มารวมตัวกันเพื่อเลี้ยงส่งซุนหยุนเชิง


 


“หมอครับ ตอนนี้ ในหมู่บ้านเหลือคนอยู่แค่หนึ่งในสามเอง” ลูกชายของเวินหว่านพูด


 


“ก็เกือบแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด “แล้วก็คงจะลดลงไปอีก”


 


ในทุกๆวัน ดูเหมือนจะมีคนในหมู่บ้านน้อยลง และมีคนขึ้นไปทำไร่บนเขาน้อยลงด้วย


 


“หมอเคยคิดจะพัฒนาที่ดินแถบนี้บ้างไหมครับ?” ลูกชายของเวินหว่านถาม


 


“พัฒนา? แบบไหนเหรอ?”


 


“ในเมื่อธรรมชาติของที่นี่ดีขนาดนี้ น่าจะลองทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดูนะครับ” ลูกชายของเวินหว่านพูด


 


“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากให้หมู่บ้านกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบนั้น” หวังเย้าพูด


 


เขาไม่เห็นด้วยกับการท่องเที่ยวในเขตชนบท เขาคิดว่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่ มันก็ควรจะเป็นสถานที่ที่สงบสุข ในทีวี มีหมู่บ้านบนเขาแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างน่าอยู่ แต่หลังจากที่ทีวีได้นำเสนอทิวทัศน์ที่งดงามและความเป็นมิตรของผู้คนในหมู่บ้านออกไปให้คนภายนอกได้รู้แล้ว ก็เกิดเป็นคลื่นของนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปที่หมู่บ้านนั้น ในตอนนี้ หมู่บ้านแห่งนั้นมีความเจริญและมีถนนหนทางที่ดีขึ้น และชาวบ้านก็มีรถขับกันเกือบทุกหลัง


 


หมู่บ้านบนเขาที่เดิมทีมีแต่ความเงียบสงบ กลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนแทบทุกวัน ถึงแม้ว่ามันจะนำรายได้มาสู่ชุมชน แต่มันก็ได้ทำให้หมู่บ้านสูญเสียบางอย่างไปด้วย เขาไม่คิดว่า ทุกคนในหมู่บ้านจะต้องการให้หมู่บ้านกลายเป็นแบบนั้นไป


 


หวังเย้าคิดว่า ตอนนี้หมู่บ้านของเขาก็ดีมากอยู่แล้ว ถึงจะมีคนอาศัยอยู่น้อยลง แต่นั่นก็ไม่ใข่ปัญหา


 


“อ้อ” ชายหนุ่มพูด เขาเพียงแค่เสนอแนะเท่านั้น


 


ทุกคนต่างมีความสุขกับมื้ออาหาร


 


เช้าวันต่อมา ซุนหยุนเชิงเดินทางออกจากหมู่บ้านและมุ่งหน้าสู่เมืองเต๋า


 


ภายในรถ ซุนหยุนเชิงพูดกับลุงหลินที่มารับเขาว่า “พอได้อยู่ที่นี่นานๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากกลับซะแล้วสิครับ”


 


“ค่อยกลับมาบ่อยๆก็ได้นี่” ลุงหลินพูด


 


เมื่อนั่งรถออกมาจากหมู่บ้านแล้ว เขาก็หันหลังกลับไปและมองไปที่แม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านไปอย่างเงียบเชียบ


 


เวลาประมาณแปดโมงเข้า พันจวินก็มาถึงที่หมู่บ้าน


 


“วันนี้มาเช้านะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ฉันชินซะแล้วล่ะ” พันจวินพูด


 


ในตอนเช้า หญิงสาวสองคนที่ต้องกลับไปเมื่อตอนกลางวันของเมื่อวานก็ได้กลับมาที่คลินิกอีกครั้ง


 


แม้พวกเธอเพิ่งจะเดินเข้ามาถึงบริเวณสวน หวังเย้าก็รู้แล้วว่าเป็นหญิงสาวสองคนที่มาเมื่อวานนี้


 


“ผู้หญิงสองคนเมื่อวานมาแล้วนะครับ วันนี้พี่จะได้เห็นพวกเธอชัดๆแล้วล่ะ” หวังเย้าพูดกับพันจวิน


 


ไม่นาน หญิงสาวสองคนก็ผลักประตูเข้ามา พร้อมกับกลิ่นหอมฉุนจมูกลอยมาตามลม


 


“สวัสดีค่ะ เรามาพบหมอค่ะ” ครั้งนี้ ท่าทีของทั้งสองดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก


 


“ดูพวกเธอให้ดีดีนะครับ” หวังเย้าพูด


 


พันจวินมองดูพวกเธออย่างตั้งใจ หญิงสาวทั้งสองคนน่าตาสะสวย, รูปร่างสูงโปร่งและทำสีผม หนึ่งในนั้นน่ารักกว่าอีกคนเล็กน้อย เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ดวงตาเรียวเล็กของเธอเผยให้เห็นความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ดูเหมือนว่า เมื่อคืนเธอจะนอนไม่หลับ


 


“พี่ได้อะไรจากการดูบ้างครับ?” หวังเย้าถาม


 


พันจวินส่ายหน้า “ใครต้องการจะตรวจกับหมอครับ?”


 


“เธอค่ะ” หนึ่งในนั้นพูด


 


“คุณไม่ป่วย แต่ผมรักษาไม่ได้ คุณกลับไปได้แล้ว” หวังเย้าพูด


 


“หา?!” ทั้งสองอึ้งไป


 


ฉันยังไม่ทันได้บอกเลยว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร แต่เขาดันมาบอกว่ารักษาไม่ได้เนี่ยนะ ล้อเล่นกันอยู่ใช่ไหม?


 


พันจวินก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อยเช่นเดียวกัน


 


“หมอ เรายังไม่ได้พูดเลยนะว่าป่วยเป็นอะไรน่ะ” หญิงสาวพูด


 


“โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ใช่ไหมล่ะครับ?” หวังเย้าถาม


 


“หมอรู้ได้ยังไงกัน?” หญิงสาวอึ้งไป


 


“คุณรู้อาการป่วยของตัวเองตั้งแต่ที่ไปตรวจกับโรงพยาบาลแล้ว” หวังเย้าพูดเสียงเย็น “แล้วพวกเขาบอกมาว่ายังไงล่ะครับ?”


 


“ที่พูดมานี่หมายความว่ายังไง!” หญิงสาวไม่สามารถเก็บความไม่พอใจของเธอได้ เธอมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ถูกปฏิเสธไป พวกเธอต้องนอนค้างคืนในเมืองเล็กๆแบบนี้หนึ่งคืนเพราะเขา แล้วตอนนี้ เขายังมาพูดว่า เขาไม่สามารถรักษาเธอได้ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ตรวจเลยแม้แต่น้อย “นี่กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม?”


 


“เมื่อวาน หมอบอกว่าไม่ตรวจ แล้ววันนี้ ยังไม่ทันได้ตรวจ ก็มาบอกว่ารักษาไม่ได้อีก นี่กำลังแกล้งพวกเราอยู่ใช่ไหม?” เธอพูดเสียงแหบพร่า


 


“พี่เห็นไหม?” หวังเย้าหันหน้าไปทางพันจวิน


 


“หึ?!” พันจวินส่ายหน้า เขาจะมองเห็นอะไรได้?


 


“กลับไปซะ” หวังเย้าพูด


 


“อธิบายมาก่อนสิ!” หญิงสาวหน้าตาดีมีท่าทางโมโห เธอไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องที่น่าโมโหมาก


 


“ไปซะ!” หวังเย้าถอนหายใจออกมาเบาๆ


 


หญิงสาวที่กำลังโมโหอยู่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สีหน้าของเธอกลายเป็นดูไม่ได้


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” เธอรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา


 


“เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไปทำอะไรมา!” หวังเย้ามองไปที่เธอ


 


“แก…แก…” หญิงสาวโมโหมาก เธอเริ่มมีท่าทีตื่นตระหนก


 


“แกอะไร? ตอนทำทำไมไม่คิดบ้างล่ะ ว่ามันจะมีผลอะไรตามมาน่ะ?” หวังเย้าถาม “ไม่มีใครรักษาเธอได้หรอก! กลับไปซะ!”


 


“อย่าโมโหเลยนะ” เพื่อนของเธอพูด


 


“แล้วก็เธอ!” หวังเย้าชี้ไปที่หญิงสาวอีกคน “อยู่ห่างจากผู้หญิงคนนี้ซะ จะได้ไม่ต้องเดินตามรอยเท้าเธอ”


 


“หมอหมายความว่ายังไง?” หญิงสาวถาม


 


“ไปซะ!” หวังเย้าสะบัดมืออย่างหมดความอดทน ราวกับกำลังสะบัดมือไล่แมลงวันน่ารำคาญสองตัวให้พ้นไป


 


“ไปกันเถอะ!” หญิงสาวอีกคนลากเพื่อนของเธอออกไป


 


“แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ!” เธอพูดข่มขู่เขาก่อนที่จะออกไป


 


“เฮ้อ!” หวังเย้าพูด “คนเดี๋ยวนี้เป็นอะไรกันไปหมดนะ? ทำไมถึงชอบขู่คนอื่นกันจังเลย?”


 


“อาจารย์ ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ?” พันจวินรู้สึกสงสัยอย่างมาก ท่าทีที่อาจารย์ของเขาแสดงออกมานั้นดูแปลกๆ เขารู้สึกได้ว่า อาจารย์ของเขามีท่าทีต่อต้านหญิงสาวสองคนนี้ บ่ายของเมื่อวานที่ผู้หญิงสองคนนี้มา อาจารย์ก็พูดว่า เขาไม่รับตรวจคนไข้ แล้วตอนนี้ ยังมาบอกว่ารักษาไม่ได้อีก


 


“พี่รู้อะไรบ้าง จากการมองเมื่อกี้นี้?” หวังเย้าถามอีกครั้ง


 


“ฉันเห็นแค่ว่า ผู้หญิงคนที่ต้องการจะตรวจดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่?” พันจวินพูด


 


“แล้วพี่ได้กลิ่นอะไรไหม?” หวังเย้าถาม


 


“กลิ่นเหรอ? มันผสมอยู่ในกลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวพวกเธอสองคนใช่ไหม?” พันจวินถาม


 


“ตำราแพทย์ของพี่เอาติดมาด้วยไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“อยู่ที่บ้านน่ะ ฉันจะหยิบมาอ่านเป็นครั้งคราวไป” พันจวินพูด เขารู้วิธีการเพิ่มมุมมองใหม่ๆจากการกลับไปศึกษาข้อมูลเก่าๆ และมันเป็นสิ่งที่เขาทำเรื่อยมา


 


“ผู้หญิงคนที่ต้องการจะตรวจไม่มีพลังหรือประกายในตาเลย” หวังเย้าพูด


 


“แต่อาจารย์ ฉันมองไม่เห็นปัญหาจากใบหน้าของเธอเลยนะ” พันจวินพูด


 


“นั่นเป็นเพราะเครื่องสำอางของเธอกลบมันจนมิดน่ะสิครับ” หวังเย้าพูด “ผิวพรรณของเธอดูแย่มาก พี่เห็นเส้นผมกับคิ้วของเธอไหมครับ? มันแห้งมาก เธอยังมีกลิ่นเปรี้ยวออกมาจากตัวด้วย แต่มันก็ถูกกลิ่นน้ำหอมกลับจนหมด”


 


“แล้วยังไงเหรอ อาจารย์?” พันจวินถาม


 


“สภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ย่ำแย่มาก” หวังเย้าพูด “การสังเกตในทางการพทย์ก็คือ การมองดูท่าทางการเดิน, ดวงตา, สี, และเส้นผม”


 


“ท่าทางการเดินดูยังไงเหรอ?” พันจวินถาม


 


“คนที่แข็งแรงจะเดินท่าทางที่เต็มไปด้วยพลัง” หวังเย้าพูด “แต่ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา เธอดูอ่อนแรงเหมือนกับชิงช้าที่ขยับไปซ้ายทีขวาทีตามแรงลม ซึ่งเป็นเพราะขาของเธอไม่มีแรงยังไงล่ะครับ”


 


“หืม ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนเขาก็เดินกันแบบนั้นเหรอ?” พันจวินถาม


 


“มันต่างกันครับ” หวังเย้าพูด


 


“แล้วเส้นผมล่ะ?” พันจวินถาม


 


“ง่ายมากครับ มนุษย์ก็เหมือนกับผืนดิน” หวังเย้าพูด “เส้นผมก็เติบโตขึ้นมาเหมือนกับต้นไม้ใบหญ้า ถ้าผืนดินเต็มไปด้วยสารอาหาร พืชพรรณก็จะเติบโตได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าผืนดินแห้งแล้ง พวกมันก็จะแห้งเหี่ยว”


 


หวังเย้าไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้พันจวินฟังมาก่อน


 


“อาจารย์ แล้วเธอป่วยเป็นอะไร และสาเหตุคืออะไร?” พันจวินถาม


 


“ก็อย่างที่ผมเพิ่งพูดไป อาการป่วยของเธอเกิดจากร่างกายที่อ่อนแอ แล้วสาเหตุก็เกิดจากการทำแท้ง แล้วเธอก็ยังทำมามากกว่าหนึ่งครั้งด้วย” หวังเย้าพูด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)