Elixir Supplier 685-686
685 ขออุทธรณ์กับศาล
“แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หรือเขามีเบื้องหลังความเป็นมายังไงนะครับ” เฉาเหอพูด เขาเพียงแค่พูดตามความเป็นจริงเท่านั้น “พี่เคยเจอเขามาก่อนเหรอครับ?”
“ไม่เคยเลย” เฉาเหมิงส่ายหน้า
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากโทรศัพท์สายหนึ่งและเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำให้พวกเขาเห็นความหวังที่จะหาเงินก้อนใหญ่ได้ พวกเขาจึงเดินทางมาที่เหลียนชานในทันที แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่ได้ดีดังที่คาด พวกเขาไม่ได้เงิน แล้วยังต้องมาจบอยู่ที่โรงพยาบาลอีกด้วย
“ถ้าพี่ทำสำเร็จ เงินที่จะได้ก็คงจะเยอะมาก” เฉาเหอพูด “แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว แม้แต่โอกาสที่จะทำให้งานี้สำเร็จก็ยังมองไม่เห็นเลยนะครับ รางวัลที่ควรจะได้ก็กลายเป็นแค่ดอกไม้ในกระจกหรือไม่ก็เป็นเงาพระจันทร์ในน้ำเท่านั้น ผมแนะนำให้พี่ล้มเลิกความคิดที่จะทำต่อดีกว่านะครับ”
“เสี่ยวฮุย เธอคิดว่ายังไง?” เฉาเหมิงยังคงอยากจะลองเพื่อให้ได้มาซึ่งรางวัลก้อนใหญ่ ถ้าเขาสามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ เขาก็อาจจะไม่ต้องทำเรื่องแบบนี้ไปอีกหลายปีต่อจากนี้
“พี่ไม่อยากยอมแพ้ใช่ไหมคะ?” เฉาฮุยถามกลับโดยไม่ได้ตอบคำถามของเฉาเหมิง
“ฉันยังอยากจะลองดูอีกสักตั้ง แต่ฉันจะฟังสิ่งที่เธอพูดดูก่อน” เฉาเหมิงพูด
“พี่น่าจะลองคุยกับคนคนนั้นอีกครั้ง เพื่อทดสอบคลื่นลมของทางนั้น หลังจากนั้น เราก็ค่อยมาตัดสินใจว่าจะทำยังไงกันต่ออีกทีน่าจะดีกว่านะคะ” เฉาฮุยพูด
“ได้ ฉันจะโทรหาเขา” เฉาเหมิงพูด
พวกเขาวางแผนเอาไว้คร่าวๆตามที่ได้ตกลงกัน ครู่ต่อมา สี่คนในแก็งค์ก็กลับมาอีกครั้ง
“หัวหน้า เราตัดสินใจแล้ว ผมว่า ตอนนี้เรายังไม่ควรจะกลับไป และอยู่ช่วยหัวหน้าก่อน” หนึ่งในพวกเขาพูด
“ใช่ๆ” อีกคนพูด
“แล้วพวกแกไม่เป็นห่วงคนที่บ้านแล้วเหรอ?” เฉาเหมิงถาม
“พ่อผมตายไปแล้ว แล้วก็คงจะเอาเขากลับมาไม่ได้แล้วด้วย ผมว่าตอนนี้ ผมควรจะสนใจเรื่องงานก่อนดีกว่า” หนึ่งในนั้นพูด
“แล้วเรื่องของแกกับลูกชายล่ะ?” เฉาเหมิงถามชายอีกคนในแก็งค์
“ลูกผมมันดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องไปห่วงเขาหรอก ที่เขาพูดนั้นถูกแล้วล่ะ ตอนนี้ เราควรมาใส่ใจปัญหาที่อยู่ตรงหน้าของเราก่อนดีกว่า” ชายอีกคนพูด
“ก็ดี ฉันดีใจนะ ที่พวกแกสนใจเรื่องงานน่ะ” เฉาเหมิงพูด
ชายทั้งสี่สังเกตเห็นเฉาเหอและเฉาฮุยที่ยืนอยู่ข้างเตียงของเฉาเหมิง “พวกเขาเป็นใครเหรอ?”
“พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฉันขอให้มาช่วยงานของพวกเรายังไงล่ะ พวกแกต้องให้ความร่วมมือกับพวกเขาด้วยล่ะ” เฉาเหมิงแนะนำเฉาเหอกับเฉาฮุยให้คนทั้งสี่ได้รู้จัก
เฉาเหมิงได้แอบเลี้ยงดูให้การศึกษาคนทั้งสองแบบลับๆมาเป็นเวลานานมากแล้ว พวกเขาทั้งสองคือลูกน้องที่เขาไว้ใจจริงๆ และมักจะให้ทำงานด้วยตัวพวกเขาเอง คนอื่นๆในแก็งค์ไม่เคยได้เจอคนทั้งสองหรือรู้การมีตัวตนอยู่ของคนทั้งสองแม้แต่น้อย
“เฉาเหอจะเป็นคนบอกเอง ว่าต่อไปพวกแกจะต้องทำอะไร” เฉาเหมิงพูด
“ไม่มีปัญหา หัวหน้าแค่ต้องรักษาตัวเองให้หายเร็วๆก็พอ แล้วปล่อยเรื่องที่เหลือให้พวกเราจัดการเอง” ชายร่างสูงพูด
“โอเค” เฉาเหมิงพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
เขาอยากจะเอารองเท้าของเขาฟาดคนทั้งสี่จนตายสักที เขารู้สึกเสียใจที่เอาคนไร้ประโยชน์พวกนี้มาทำงานสำคัญให้กับเขา
“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องพักผ่อนแล้ง” เฉาเหมิงพูด
“ได้ หัวหน้า ดูแลตัวเองดีดีนะ” หนึ่งในพวกเขาพูด
พวกเขาเดินออกไปพร้อมกับเฉาเหอ
“นี่ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อเหรอ?” หนึ่งในคนทั้งสี่ถาม
“พวกนายรออยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน” เฉาเหอพูด
“จะรออะไรอีกล่ะ?” หนึ่งในสี่คนถาม
“พวกนายอยู่ดูแลหัวหน้าของพวกเราที่นี่ แล้วก็ปล่อยให้พวกเราจัดการเรื่องที่เหลือเอง” เฉาเหอพูดเสร็จก็จากไปพร้อมกับเฉาฮุย
“เฮ้ย อย่าเพิ่งไปสิ” หนึ่งในสี่มีท่าทีตื่นตระหนก “แล้วจะทำยังไงกับบัตรดีล่ะ?”
…
ภายในเมืองเล็กแห่งหนึ่งในยูนนาน ซึ่งไม่ใช่เมืองที่มีเศรษฐกิจที่ดีนัก แต่กลับเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงให้เรื่องของทิวทัศน์ที่งดงาม คนสองคนกำลังเล่นหมากรุกจีนอยู่ภายในสำนักงานแห่งหนึ่ง คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ส่วนอีกคนเป็นชายวัยประมาณ 40 ที่ผมกำลังเริ่มร่วงไปส่วนหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มดูเหมือนจะเป็นฝ่ายชนะ เขารุก โดยการใช้อัศวินกับปืนใหญ่ต้อนให้คิงของอีกฝ่ายต้องจนมุม ชายวัยกลางคนดิ้นรนต่อได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
“เธอเล่นหมากรุกเก่งมากเลยนะ ฉันยอมแพ้” ชายวัยกลางคนพูด
“ชมเกินไปแล้วล่ะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
ชายวัยกลางคนมองไปที่กั๋วเจิ้งเหอ ที่เด็กกว่าเขาถึง 15 ปี และคิดว่า เขากำลังทำอะไรอยู่ในตอนที่ตัวเองอายุได้ยี่สิบต้นๆ เขามีโรงงานในมืออยู่หนึ่งแห่ง เขาต้องทำงานหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด เขาไม่ได้ถือว่าจนซะทีเดียว แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ง่ายเช่นเดียวกัน
กั๋วเจิ้งเหอมีตำแหน่งเป็นถึงผู้ว่าเขตตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นคนฉลาด, หนักแน่น, รอบคอบ, และมีความสามารถ เขาปฏิบัติตัวดีต่อเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมาจากตระกูลใหญ่ก็ตาม คนแบบเขานั้นเกิดมาเพื่อขึ้นไปอยู่เหนือคนอื่น
ชายวัยกลางคนรู้สึกยอมรับและชื่นชมในตัวกั๋วเจิ้งเหออย่างมาก
ปี๊บ! ตื๊ด! มือถือของกั๋วเจิ้งเหอส่งเสียงดังขึ้น “ขอโทษนะครับ ผมคงต้องรับสายนี้”
เขาลุกขึ้นและเดินไปที่มุมหนึ่ง “ฮัลโหล กั๋วเจิ้งเหอพูด…ได้…ผมให้คุณเป็นคนตัดสินใจได้เลย”
หลังจากวางสายเสร็จแล้ว เขาก็กลับไปคุยกับชายวับกลางคนเกี่ยวกับเรื่องงานต่ออีกสักพัก นาน ชายวัยกลางคนก็ออกไปจากห้องทำงานของเขา
กั๋วเจิ้งเหอมองไปยังเมืองเล็กที่นอกหน้าต่าง เขาทำงานอยู่ที่นี่มาได้สองปีกว่าแล้ว และได้รับการเลื่อนขั้นจากนายกเทศมนตรีมาเป็นผู้ว่าเขตอย่างรวดเร็วราวกับจรวด ทั้งหมดเป็นเพราะชาติตระกูลและความสามารถของตัวเขาเองรวมกัน
“คราวนี้ผมแพ้ให้คุณ แต่เกมส์ของเราเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น” กั๋วเจิ้งเหอพึมพำออกมา
หวังเย้าคิดว่า เรื่องการตายของชายชราได้จบลงแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้รับข้อความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันต่อมาว่า มีคนแจ้งความเขาในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ในทางมิชอบ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
“อะไรนะ?” หวังเย้าไม่คิดว่าเขาจะได้ยินเรื่องแบบนี้
จางเผิง ทนายความของเขามีเอกสารครบทุกอย่างแล้ว “คุณจะไม่เป็นไรแน่นอนครับ”
มันเป็นครั้งแรกที่หวังเย้าถูกพาตัวไปขึ้นศาล ทางโจทก์ได้ยื่นฟ้องว่า พบพิษอยู่ในเลือดของชายชรา นอกจากนี้ ชายชรายังเสียชีวิตตอนที่อยู่ในคลินิกของหวังเย้าด้วย
โชคดีที่หวังเย้ามีหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาได้ส่งตัวอย่างเลือดของชายชราไปทำการทดสอบที่ปักกิ่ง มันเป็นความจริงที่ชายชราเสียชีวิตจากพิษ แต่เขาถูกพิษก่อนที่จะมาคลินิกของหวังเย้านานแล้ว
หวังเย้ายังได้นำตัวอย่างเลือดไปทดสอบในแล็ปที่มีชื่อเสียงในระดับชาติและในโรงพยาบาลดังของปักกิ่ง ดังนั้น ผลเลือดที่ออกมาจึงน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน ที่แสดงภาพในตอนที่ชายชรามาที่คลินิก ซึ่งในภาพนั้นเขาได้แสดงอาการของคนที่ถูกพิษออกมาให้เห็นก่อนแล้ว หวังเย้ายังได้บันทึกบทสนทนาเอาไว้ด้วย
แต่คำตัดสินของศาลนั้นน่าสนใจมาก ศาลได้สั่งให้หวังเย้ารับผิดชอบการเสียชีวิตของชายชรา โดยการที่หวังเย้าต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของชายชราทั้งหมด 640,000 หยวน
“ผมไม่ยอมรับคำตัดสินนี้” หวังเย้าพูดในชั้นศาล เขายื่นคำอุทธรณ์ต่อศาล
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” จางเผิงก็ตกใจกับคำตัดสินของศาลเช่นเดียวกัน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตัดสินแบบนี้จากผู้พิพากษา
“ผมต้องขอทาด้วยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้ได้” จางเผิงพูด
“ผมเข้าใจครับ” หวังเย้าพูด “แต่ผมอยากรู้ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงมากกว่า”
เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน เขาก็พบว่ามีแขกอยู่หนึ่งคน หญิงสาวน่าตางดงามกำลังพูดคุยอยู่กับแม่ของเขา
“สวัสดี เสี่ยวซวี ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ? ทำไมไม่บอกผมว่าเธอจะมาน่ะ?” หวังเย้าแปลกใจที่ได้เห็นซูเสี่ยวซวีในบ้านของเขาเอง
“แม่ไปเตรียมอาหารเย็นก่อนนะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเห็นข่าวของคลินิกคุณในอินเตอร์เนตน่ะค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด หวังเย้าต้องปิดคลินิกของเขาเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีปัญหาเกิดขึ้น “ฉันก็เลยมาหาคุณยังไงล่ะคะ”
เพราะหวังเย้าคิดถึงซูเสี่ยวซวี เขาจึงปิดคลินิกและเดินทางไปหาเธอที่ปักกิ่ง และเพราะซูเสี่ยวซวีกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหวังเย้า เธอจึงขอหยุดเรียนและเดินทางมาที่เหลียนชาน พวกเขาเดินทางไกลมาเพราะความรู้สึกที่ทั้งสองมีต่อกัน
“ขอบคุณนะ” หวังเย้าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“แล้วทุกอย่างโอเคไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ก็ไม่เชิงหรอก” หวังเย้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลให้ซูเสี่ยวซวีฟัง
“นี่มันบ้าไปแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด “ใครเป็นผู้พิพากษาคะ? เขาควรจะตัดสินอย่างยุติธรรมสิ”
“ผมยื่นเรื่องขออุทธรณ์ไปแล้วล่ะ” หวังเย้าพูด
“คุณทำถูกแล้วค่ะ เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอยู่แล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด
เธอไม่เชื่ออยู่แล้วว่า หวังเย้าจะเป็นคนฆ่าชายชรา การเสียชีวิตของชายชราเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่ถูกวางเอาไว้ก่อนแล้ว
“คนพวกนั้นมาจากจังหวัดจงหยวนเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ใช่” หวังเย้าพูด
ซูเสี่ยวซวีไม่ได้ถามอะไรมาก เธอได้คิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ที่เธอเดินทางมาที่นี่แล้ว และยังได้ข้อมูลบางส่วนจากจางซิวหยิงมาบ้าง
คนพวกนั้นจงใจโยนโทษไปให้หวังเย้าและต้องการจะเบลคเมลล์เขา พวกเขาทำเรื่องน่ารังเกียจมาก ในเมื่อคนพวกนี้ไม่ใช่คนจากจังหวัดฉี แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องมาสร้างปัญหาให้กับหวังเย้า ที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆกลางเขาแบบนี้ด้วยล่ะ? ซูเสี่ยวซวีไม่คิดว่า นี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น แล้วเธอก็คิดถึงกั๋วเจิ้งเหอขึ้นมาในทันที
686 เรากำลังจะทำสำเร็จแล้ว
นอกจากความสงสัยแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการหาหลักฐาน
“ฉันปรึกษากับฝ่ายทนายที่ปักกิ่งดูแล้วนะคะ พวกเขาจะส่งคนมาที่นี่ให้เร็วที่สุดค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“อืม ผมก็มีทนายความอยู่แล้วคนหนึ่ง ก็ให้พวกเขาประสานงานกันได้เลย” หวังเย้าพูด
เขารู้สึกประหลาดใจกับคำตัดสินของผู้พิพากษาอย่างมาก เขามีหลักฐานอยู่พร้อมพรั่ง แต่ผู้พิพากษากลับยังกล้าตัดสินเข้าข้างอีกฝ่าย เขาได้รับผลประโยชน์มากแค่ไหนกัน หรือการข่มขู่แบบไหนที่ทำให้เขาต้องตัดสินแบบนี้ได้?
ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ในชั้นศาลด้วยกัน หวังเย้าไม่เคยพบเขามาก่อน และไม่ใช่หนึ่งในสีคนที่หวังเย้าเคยเห็นหน้า ดูเหมือนว่า พวกเขาจะเรียกคนอื่นในทีมมาช่วย
“เฉาเหอ?” หวังเย้าจดจำชื่อของเขาเอาไว้ สีหน้าที่ชายหนุ่มแสดงออกนั้นชัดเจนและไม่มีข้อตำหนิใดๆเลย เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
ในตอนบ่าย ทีมกฎหมายของซูเสี่ยวซวีได้เดินทางมาถึง เขาไม่ได้มาแค่คนเดียว แต่ยังมีอีกสองคนที่ตามมาด้วย ทั้งสามมาเพื่อจัดการกับคดีความของหวังเย้าโดยเฉพาะ
หวังเย้าโทรเรียกให้จางเผิงมาพบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องร่วมมือกันในเรื่องนี้ จางเผิงจึงได้ส่งเอกสารทั้งหมดที่เขามีให้กับอีกทีมได้อ่าน
“คุณไปหาคนพวกนี้มาจากที่ไหนเหรอครับ?” จางเผิงถามเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันสองคน
จางเผิงรู้จักหนึ่งในสามคนนั้น ซึ่งเขาเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และยังรู้อีกด้วยว่า ทีมว่าความของพวกเขานั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศ พวกเขายังเคยว่าความระหว่างประเทศได้ เพราะได้มีการร่วมมือกับทีมกฎหมายของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ คนเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะเรียกใช้งานกันได้ง่ายๆ และค่าจ้างก็สูงมากด้วย
“เพื่อนของผมแนะนำมาน่ะครับ” หวังเย้าชี้ไปที่ซูเสี่ยวซวี
จางเผิงยิ้ม ในตอนแรก เขาเกือบจะปฏิเสธที่จะร่วมงานกับทีมนี้ไปแล้ว เพราะตัวเขาเป็นผู้รับผิดชอบว่าความให้หวังเย้าอยู่ก่อน เรื่องนี้เหมือนเป็นการแสดงความสงสัยในความสามารถของเขา แต่หลังจากที่เขาได้รู้ตัวตนของคนเหล่านี้แล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจและยิ่งกว่ายินดีที่จะได้ร่วมงานกับพวกเขา มันคือโอกาสที่ล้ำค่าสำหรับเขาที่จะได้เรียนรู้และขยายเครือข่ายของตัวเองไปในตัว
ในร้านน้ำชาแห่งหนึ่งภายในตัวเมืองเหลียนชาน คนหนุ่มสาวสองคนกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ภายในนั้น
“ผู้จ้างวานมีอำนาจมาก” เฉาเหอกระซิบ
“เขาไม่คิดที่จะเผยตัวเลย มันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากเผยตัวให้ใครเห็น หรืออาจจะเป็นเพราะหวังเย้าไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างที่พวกเราคิด เขาใช้เราเป็นเหมือนปืนกระบอกหนึ่ง” เฉาฮุยพูด
“อืม ฉันคงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าข้อไหนที่จะเป็นไปได้” เฉาเหอพูด “ส่วนคนพวกนั้น ฉันได้สั่งให้พวกเขาไปทำบางอย่างแล้ว”
ความนิยมในปัจจุบันในการเล่นอินเตอร์เนตคือ การเล่นเวยป๋อ, วีแชท, ซื้อของออนไลน์, และการจ่ายเงินผ่านทางมือถือ สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นที่นิยมสูงสุด และได้เปลี่ยนการใช้ชีวิตของทุกคนไป
ยุคนี้คือ ยุคของข้อมูลข่าวสาร เรื่องเล็กๆเพียงเรื่องเดียวก็อาจจะสร้างกระแสในโลกออนไลน์ได้ ทั้งยังมีกองทัพใต้น้ำในอินเตอร์เนตที่รับจ้างปั่นข่าวต่างๆอยู่ด้วย
ในวันนี้ มีบทความหนึ่งที่ถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว หมอในหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้จ่ายยาผิดและทำให้คนไข้เสียชีวิต ดังนั้น เขาจึงต้องได้รับโทษ ข่าวนี้มีให้เห็นอยู่ในหน้าสื่อออนไลน์เต็มไปหมด และมีการคลิกเข้าไปอ่านเป็นจำนวนมากด้วย
“เยี่ยมมาก” เฉาเหออ่านข่าวในมือถือและยิ้มออกมา “เรากำลังจะทำสำเร็จแล้ว”
ความคิดของประชาชนก็เหมือนดาบสองคม ในบางครั้ง การตัดสินของคนหมู่มากก็สามารถสร้างหายนะได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย
คนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่เพียงเพราะข้อมูลส่วนหนึ่งที่ถูกโพสในอินเตอร์เนต ก็ทำให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นและความไม่พอใจออกมาแล้ว พวกเขายังได้กระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและทำให้คนรู้มากขึ้น ซึ่งเป็นการขาดความยั้งคิด
ในเรื่องนี้ แค่มีกฎการลงโทษและการควบคุมคงจะไม่พอ
ในหมู่บ้านกลางเขา คลินิกปิดทำการในตอนกลางวัน
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ซูเสี่ยวซวีตามหวังเย้าขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน และเข้าไปในค่ายกลรวมวิญญาณ เธอรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของเขาลูกนี้ได้อย่างชัดเจน
“มันรู้สึกสบายมากเลย!” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก และรู้สึกว่า อากาศในบริเวณนี้สดชื่นกว่าที่อื่น
“เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม
“มันเข้มข้นมากเลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “มันคือพลังฉีของฟ้าดินที่คุณเคยพูดถึงใช่ไหมคะ?” ครั้งนี้ เธอรู้สึกถึงมันได้
“ใช่” หวังเย้าพูด
“ภูเขาลูกนี้มีฮวงจุ้ยที่ดีมากเลยใช่ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“มันดีมากเลยล่ะ” หวังเย้าพูด “แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นเองหรอกนะ ผมเป็นคนปรับปรุงที่นี่ทั้งหมดเองน่ะ”
“คุณสุดยอดไปเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด
หวังเย้าเดินนำซูเสี่ยวซวีเดินไปรอบเขาอย่างช้าๆ ถึงมันจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายนแล้ว แต่ภูเขาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ยังคงความเย็นสดชื่นเอาไว้ได้ ซานเซียนก็เดินตามหลังพวกเขามาด้วย
ในตอนแรกที่เธอได้เห็นซานเซียน ซูเสี่ยวซวีก็ต้องตกใจ ซานเซียนมีศีรษะที่ใหญ่โตมาก มันดูคล้ายกับสิงโตตัวหนึ่ง ที่เมื่อมองแล้วให้ความรู้สึกยำเกรง โชคดีที่มันฉลาดและเป็นมิตรกับซูเสี่ยวซวี
“บนเขาลูกนี้ ยังมีเพื่อนของซานเซียนอยู่อีกสองตัวนะ พวกมันก็เป็นผู้พิทักษ์เขาลูกนี้เหมือนกัน” หวังเย้าพูด
“คุณช่วยแนะนำพวกเขาให้ฉันรู้จักด้วยได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ” หวังเย้าพูด “ซานเซียน เสี่ยวเฮยล่ะ?”
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมา หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังออกมาจากกอหญ้า งูสีดำสนิทซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับแขนของผู้ใหญ่คนหนึ่งค่อยๆเลื่อยออกมา มันม้วนตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหวังเย้าอยู่ตรงนั้น
“งู!” ซูเสี่ยวซวีเกิดอาการตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือ เสี่ยวเฮย” หวังเย้ายิ้มและลูบศีรษะของเสี่ยวเฮย
“งูตัวนี้มีความคิดด้วย!” ซูเสี่ยวซวีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนี้ล้วนแล้วแต่มีความคิดของมันเอง บางตัวก็แข็งแกร่ง และบางตัวก็อ่อนแอ” หวังเย้าพูด “ตอนนี้ ต้าเซี่ยอาจจะบินไปที่อื่นอยู่ ผมคิดว่า คราวนี้เธอคงจะไม่ได้เจอมัน”
“มันเป็นนกอินทรีย์เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ถูกต้อง” หวังเย้าตอบ
กริ๊ง! กริ๊ง! อยู่ๆมือถือของหวังเย้าก็ส่งเสียงดังขึ้น มันเป็นสายจากหวังหมิงเปา “ว่าไง หมิงเปา”
“ฉันส่งลิ้งค์ไปให้ นายต้องดูนะ” หวังหมิงเปาพูด “เรื่องนั้นไปอยู่ในอินเตอร์เนตแล้ว”
หวังเย้าเปิดหน้าจอมือถือขึ้นมา หลังจากที่ได้อ่านเนื้อหาในนั้น เขาก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเขาทำทุกวิถีทางเลยนะ!”
ซูเสี่ยวซวีรับมือถือมาอ่านดู “ฉันขอโทรศัพท์หน่อยนะคะ”
การจัดการกับเรื่องแบบนี้คือ การจ้างกองทัพใต้น้ำอีกกลุ่มหนึ่งมาสู้กลับ หรือไม่ก็ต้องยอมปล่อยไป หวังเย้ากำลังคิดว่าจะจ้างกองทัพใต้น้ำสักกลุ่มหนึ่ง แต่ซูเสี่ยวซวีบอกว่า เธอได้จัดการกับเรื่องนี้ให้แล้ว และเธอก็ดูมั่นใจมากด้วย
“โอ้ค แต่ผมก็ต้องรบกวนเธออีกแล้วสินะ” หวังเย้าพูด
“ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันหรอกค่ะ” เธอตอบ
ในเวยป๋อ มีหลายคนเข้ามาคอมเมนต์แสดงความเป็นห่วงหวังเย้า ซึ่งทำให้หวังเย้าซึ้งใจอย่างมาก
…
ภายในศาลของเขตเหลียนชาน มีสายหนึ่งจากทางเมืองได้โทรเข้ามา
“ครับ ผมเข้าใจ เรื่องนี้จะต้องยุติธรรมและเที่ยงตรงที่สุด!” ผู้อำนวยการวางสายและปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขา “สำนักงานของเมืองโทรมา เรื่องนี้มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เขารู้ว่าสำนักงานเมืองกำลังให้ความสนใจในเรื่องนี้ ถึงเขาจะไม่พูดชื่อออกมา เขาก็รู้ว่าตัวเองกำลังคุยกับใครอยู่ มันคือคดีที่เพิ่งจะถูกตัดสินไป
“ล้อเล่นกันรึไงเนี่ย!” เขารีบตามหาเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้มา เพื่อสอบถามเรื่องทั้งหมด
…
เฉินหยิงได้ซื้อบ้านสองหลังในหมู่บ้านที่ติดกันสองหลัง ซึ่งได้รับการตกแต่งไปเมื่อไม่นานมานี้ มันจึงไม่มีปัญหา ถ้าซูเสี่ยวซวีจะไปพักอยู่ที่นั่น
ในตอนเย็น หวังเย้าอยู่คุยกับเธอเป็นเวลานาน และยังได้คุยเรื่องที่เขาจะเปิดบริษัทยากับคนอื่นๆด้วย
“ถ้าเรียนจบแล้ว ให้ฉันไปทำงานที่บริษัทของคุณได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ได้สิ” หวังเย้ารีบตอบทันที
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหยานจิง แถมยังจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ด้วยแล้ว ถือเป็นที่ต้องการของบริษัทหลายๆที่
“แล้วคุณจะเริ่มการก่อสร้างเมื่อไหร่เหรอคะ?” เธอถาม
“ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนอยู่ หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว เราถึงจะมาคุยกันเรื่องการก่อสร้างอีกที ส่วนสถานที่ก่อสร้างก็จะเป็นเขตเหลียนชาน” หวังเย้าพูด
“พรุ่งนี้ คุณต้องตรวจคนไข้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ไหนๆเธอก็มาถึงที่นี่แล้ว พรุ่งนี้ผมคงไม่เปิดคลินิกหรอก แต่จะอยู่เที่ยวกับเธอแทน” หวังเย้าพูด
ในตอนเย็น หวังเย้าเข้าไปแจ้งข่าวในเวยป๋อของตัวเอง เช้าของวันถัดมา เขาได้ขับรถพาซูเสี่ยวซวีไปที่เมืองใกล้ๆ ซึ่งมีภูเขาที่มีต้นแปะก๋วยขนาดใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งมีอายุยาวนานเป็นพันปีเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น