Elixir Supplier 677-680

 677 คนไข้แปลกๆ


 


“ผมว่า ผมน่าจะเริ่มจ่ายเงินค่าจ้างให้พี่ได้แล้วนะ” หวังเย้าพูดขึ้นมาในตอนที่เขาและพันจวินกำลังดื่มชากันอยู่


 


เมื่อพันจวินมาฝึกที่คลินิกก็ได้ช่วยงานหวังเย้าเยอะมาก ทำให้งานในมือของหวังเย้าลดลง โดยเฉพาะในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่คนไข้มากันเยอะมาก


 


“อาจารย์พูดจริงเหรอ?” พันจวินถาม “ฉันไม่เห็นจะได้จ่ายค่าเรียนกับอาจารย์เลยสักหยวน! แล้วงานที่ฉันช่วยก็ไม่ได้มากมายอะไรเลยด้วย”


 


พันจวินได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนอยู่ภายในคลินิกของหวังเย้าอย่างมาก เขาได้เรียนรู้เทคนิคการรักษาจากหวังเย้า มีคนไข้หลายคนไปที่คลินิกพี่สาวของเขาเพื่อให้ได้รักษากับเขา พันจวินได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในหมู่คนไข้ของคลินิกพี่สาวเขาด้วยเทคนิคการนวดที่เรียนรู้มาจากหวังเย้า ดังนั้น เขาจึงรู้สึกขอบคุณหวังเย้าจากหัวใจ


 


“แล้วฉันก็อ่านหนังสือที่อาจารย์ให้มาคราวที่แล้วจบแล้วด้วย” พันจวินพูด “คราวหน้าจะเอามาคืนให้นะ รอบนี้ฉันก็ยืมไปอ่านอีกสักสองเล่มได้ไหม?”


 


“ได้สิ หนังสือวางอยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ” หวังเย้าพูด


 


เขาหยิบหนังสือแพทย์แผนจีนสองเล่มยื่นให้กับพันจวิน หนังสือเหล่านี้สามารถหาซื้อได้จากในร้านหนังสือและร้านหนังสือออนไลน์ แต่เนื้อหาในหนังสือที่หวังเย้ามีนั้นมีความต่างอยู่ หวังเย้าได้อ่านหนังสือที่เขาซื้อมาแล้วทุกเล่ม และได้เขียนรายละเอียดเพิ่มเติมลงไป ทั้งยังปรับแก้เนื้อหาในส่วนที่เขาคิดว่าไม่ถูกต้องอีกด้วย หนังสือที่เขาซื้อมาจากร้านมีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริงอยู่บ้าง


 


พันจวินไม่ได้อยู่ทานอาการเย็นด้วยกันกับเขา และกลับไปตอนห้าโมงเย็น


 


หวังเย้าเก็บกวาดภายในคลินิกและปิดประตู ก่อนที่จะกลับบ้าน เขาบังเอิญเจอกับจงหลิวชวนและจงอันซินในระหว่างทางกลับบ้าน สองพี่น้องกำลังเดินเล่นด้วยกันอยู่ภายในหมู่บ้าน  จงอันซินดูแข็งแรงดีมาก


 


“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” จงอันซินพูด


 


“สวัสดี กินข้าวเย็นกันรึยังครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ค่ะ เรากำลังออกมาเดินย่อยอาหารกันน่ะค่ะ” จงอันซินพูด “หมอทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ?”


 


“อืม วันนี้ยุ่งมากเลยล่ะ” หวังเย้าพูด


 


จางซิหยิงทำอาหารเสร็จในตอนที่หวังเย้ากลับไปถึงที่บ้านพอดี หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หวังเฟิงฮวาก็บอกเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านหลี่ให้หวังเย้าบอก


 


“ตอนนี้ พวกเขาปิดรีสอร์ทเป็นการชั่วคราวอยู่” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“จริงเหรอครับ? ทำไมล่ะ?” หวังเย้าถาม


 


“มีคนไปเที่ยวที่นั่นแล้วเกิดตายขึ้นมาน่ะสิ” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“พวกเขาตายเพราะไปเที่ยวที่น้ำพุร้อนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“พ่อได้ยินเขาพูดกันเมื่อตอนกลางวันนี้เอง” หวังเฟิงฮวาพูด “คนที่ตายไม่ค่อยสบายอยู่ก่อนแล้ว เขาปวดหัวเรื้อรังมานาน แล้วอยู่ๆอาการก็มากำเริบตอนที่มาแช่น้ำพุร้อนพอดี แล้วก็ตายระหว่างทางที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลน่ะ ลูกชายของเขาพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เขาก็เลยจะเอาเรื่องกับทางรีสอร์ท เขาส่งทนายไปจัดการเรื่องขอค่าสินไหมและสร้างปัญหาให้กับทางนั้นไม่เว้นวันเลยล่ะ ตอนนี้ เจ้าของรีสอร์ทเขาก็เลยต้องปิดกิจการชั่วคราวไปก่อน”


 


“พ่อเคยไปที่นั่นมาแล้วนี่ครับ” หวังเย้าพูด “พ่อคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”


 


“พ่อว่ามันเป็นที่ที่ดีทีเดียว ถ้าต้องปิดตัวไปเลยก็คงจะน่าเสียดายมาก” หวังเฟิงฮวาพูด


 


หลังจากกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานแล้ว หวังเย้าก็วิดีโอคอลคุยกับซูเสี่ยวซวี และใช้เวลาที่เหลือไปกับการท่องคัมภีร์เต๋าที่ไม่ได้แตะมาพักหนึ่งแล้ว


 


บนเขามีลมพัดแรงจนต้นไม้ส่ายไปมา ซานเซียนที่พักผ่อนอยู่ภายในบ้านสุนัขกระดิกหูของมัน ต้าเซี่ยที่เกาะอยู่บนต้นไม้เริ่มตื่นตัว ดวงตาของมันเปล่งประกายท่ามกลางความมืด


 


ซี่ๆๆ!ซี่ๆๆ! เสี่ยวเฮยเคลื่อนตัวไปที่ใต้หน้าต่าง มันขดตัวเป็นวงและชูคอขึ้น ทั้งหมดดูคล้ายกับกำลังฟังเสียงท่องบทสวดของหวังเย้าอยู่


 


หวังเย้าหยุดท่องตอนประมาณห้าทุ่ม หลังจากนั้นสักพัก ซานเซียนก็นอนลง, ต้าเซี่ยหุบปีกของมัน, และเสี่ยวเฮยก็เลื่อยไปที่อื่น ค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบเงียบ


 


มันเป็นเช้าวันใหม่ที่เจิดจ้า หวังเย้าเริ่มทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เขาตรวจคนไข้ในตอนเช้าไปเจ็ดคน, พักทานอาหารเที่ยง, และเริ่มงานอีกครั้งในตอนบ่าย พร้อมกับพันจวินที่มาช่วยงาน


 


“ไง วันนี้ไม่ทำงานที่โรงพยาบาลเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เมื่อคืนฉันเข้าเวรแทนหมออีกคน แล้วก็กลับมานอนตอนเช้า ตอนบ่ายกับพรุ่งนี้ก็เลยว่างน่ะ” พันจวินพูด


 


“อ่อ เข้ามานั่งดื่มชากันก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด


 


ยังไม่มีคนไข้มาในตอนนี้ ดังนั้น หวังเย้าและพันจวินจึงเวลาได้พักผ่อน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนไข้ก็เริ่มทยอยมากัน


 


“เสี่ยวเย้า เธอมียาพาราสำหรับให้เด็กกินไหม?” ชายวัยประมาณ 40 ถาม


 


เขาและหวังเย้าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งๆที่หวังเย้ากำลังตรวจคนไข้อยู่ เขาก็ยังเข้าไปถามโดยที่ไม่คิดจะรอคิว


 


“ไม่มีครับ” หวังเย้าพูด


 


“อ้อ ขอบคุณนะ” เขาหมุนตัวและเดินออกไปจากคลินิก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเข้ามาขอซื้อยาโดยที่ไม่คิดจะปรึกษากับหมอก่อน


 


“พาราคืออะไรเหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถาม


 


“ยาสามัญที่ช่วยลดไข้กับหวัดน่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


เขาตรวจคนไข้ทั้งหมดเสร็จตอนประมาณบ่ายสี่โมง


 


“วันนี้ มีคนไข้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะ” พันจวินพูด


 


“ใช่ ถ้ามากันเยอะๆทุกวัน ผมก็คงจะรับไม่ไหว” หวังเย้าพูด


 


เขาคิดว่า เป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่หลายวัน จึงทำให้มีคนไข้หลายคนที่รอจะมาตรวจกับเขา หลังจากผ่านสองวันแรกไป ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ


 


“มีคนมา” หวังเย้าพูอพร้อมกับมองไปที่ประตู


 


มีคนสองคนเดินเข้ามาในคลินิก หนึ่งในพวกเขาเป็นชายหนุ่มแต่งตัวดี  อีกคนเป็นชายวันประมาณ 50 ที่อยู่ในเสื้อผ้าเก่าๆ ชายวัย 50 ดูป่วยหนัก ผมของเขากลายเป็นสีขาวทั้งหมด ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมอง ร่างกายของเขาผอมแห้งและมีหลังโก่งโค้งเล็กน้อย การเดินของเขาก็ดูไม่ค่อยมั่นคง มันดูราวกับว่า เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินตามชายหนุ่มอีกคนให้ทัน


 


“พ่อ ค่อยๆเดินนะ” ชายหนุ่มพูด


 


หวังเย้ามองออกทันทีว่าอาการของชายชราอยู่ในขั้นวิกฤต ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มและพ่อของเขาเดินเข้ามา หวังเย้าก็ได้เริ่มสังเกตดูอาการของชายชราแล้ว


 


ชายชราป่วยหนักมาก ใบหน้าของเขามีเงาของความตายปกคลุมอยู่ เขาหายใจเอาอากาศเข้าไปมากกว่าหายใจออก หวังเย้ามองออกทันทีว่า ชายชรากำลังจะตายในไม่ช้า


 


“หมอ ช่วยตรวจพ่อของผมให้หน่อยได้ไหม?” ชายหนุ่มถาม


 


“ช่วยพยุงเข้าให้นั่งลงด้วยครับ” หวังเย้าเข้าไปจับชีพจรของชายชรา


 


“เฮ้อ!” อยู่ๆชายชราก็ถอนหายใจออกมา


 


“คุณรู้สึกไม่สบายที่หน้าอกรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่ ฉันรู้สึกเหมือนมีหินกดอยู่ตรงหน้าอก” ชายชราพูด


 


หัวใจและปอดของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก


 


ไม่นะ! หวังเย้ารับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง


 


แค่ก! แค่ก! อยู่ๆชายชราก็เริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง แล้วร่างกายของเขาก็มีอาการชักกระตุก


 


“พ่อเป็นอะไรไปนะ?” ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีดูกังวล


 


หวังเย้ารีบหยิบเข็มของเขาออกมาและแทงลงไปที่หน้าอกของชายชรา


 


“พ่อ” ชายหนุ่มพูด


 


มีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากของชายชรา


 


“พ่อ อย่าทำให้ผมกลัวแบบนี้สิ หมอ ช่วยพ่อด้วยที!” ชายหนุ่มจับมือหวังเย้าเอาไว้แน่น


 


“ระวัง!” หวังเย้าตะโกน


 


“อะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตกใจ


 


หวังเย้ารีบส่งพลังฉีเข้าไปในร่างกายของชายชราและเอาเม็ดยาจิ่วเฉาให้ชายชรากินเข้าไป จากนั้น เขาก็ลงมือนวดด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อยื้อชีวิตของชายชราเอาไว้


 


“พ่อ พ่อของผมเป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มถาม


 


“ตอนนร้ ถือว่าพ้นอันตรายแล้วครับ” หวังเย้าพูด “แล้วพวกคุณมาจากที่ไหนกันเหรอครับ?”


 


“เราไม่ใช่คนแถวยี้หรอก” ชายหนุ่มพูด


 


“แล้วพ่อของคุณป่วยมานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เป็นมาได้สองปีแล้ว” ชายหนุ่มพูด


 


“สองปีงั้นเหรอ?” หวังเย้าถาม “เขาป่วยหนักขนาดนี้ ทำไมคุณไม่พาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลล่ะ?”


 


“ผมพาไปมาแล้ว แต่หมอที่นั่นช่วยอะไรไม่ได้เลย” ชายหนุ่มพูด


 


แค่ก! แค่ก! ชายชราเริ่มไปออกมาอีกครั้ง


 


แบบนี้ไม่ดีแล้ว! หวังเย้าคิด ชายชราคงจะไม่ได้ป่วยหนักแบบนี้ในตอนแรก ที่อาการของเขาแย่ลงจะต้องเป็นเพราะทิ้งช่วงการรักษาไว้นานเกินไป


 


“ผมต้องทำยังไงต่อดีครับ?” ชายหนุ่มถาม


 


หวังเย้ามองดูชายหนุ่มที่แต่งตัวดี และเริ่มเกิดคำถามขึ้นในใจ


 


“ผมแนะนำให้คุณพาพ่อของคุณไปตรวจที่โรงพยาบาล พ่อของคุณจำเป็นต้องได้รับการรักษาในระยะยาว” หวังเย้าพูด


 


“ให้เขารักษากับหมอที่นี่ไม่ได้เหรอครับ?” ชายหนุ่มถาม


 


หวังเย้าส่ายหน้า


 


“แต่ผมได้ยินมาว่า คุณเป็นหมอที่เก่งมากนี่” ชายหนุ่มพูด


 


“คุณดูกระวนกระวายนะครับ” อยู่ๆหวังเย้าก็พูดขึ้นมา


 


“หา?” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ “หมอหมายความว่ายังไง?”


 


“อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เห็นว่าคุณมีเหงื่อออกเยอะมากเท่านั้น” หวังเย้าพูด


 


“เพราะผมเป็นห่วงพ่อผมมากเกินไปเท่านั้นเองครับ” ชายหนุ่มพูด


 


“งั้นก็พาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ได้ๆ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มพูด “แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะครับ?”


 


“ไม่คิดเงินครับ ผมยังไม่ได้รักษาเขา” หวังเย้าพูด


 


“ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มพูด


 


เขาพาชายชราออกไปจากคลินิก


 


“อาจารย์ ผู้ชายคนนั้นเขาป่วยเป็นอะไรเหรอ?” พันจวินถาม


 


ที่ด้านนอกคลินิก อยู่ๆชายหนุ่มก็พบว่าพ่อของเขามีอาการผิดปกติ “พ่อ พ่อเป็นอะไรไปน่ะ? พ่อ!”


 


เขาอุ้มพ่อของเขากลับเข้าไปในคลินิก ในตอนที่เดินเข้าไป ก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของชายชราด้วย ชายชราได้เสียชีวิตลงแล้ว


678 มีคนตายในคลินิก


 


“หมอหวัง รีบช่วยพ่อของผมเร็วเข้า!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังและเต็มไปด้วยความกังวล


 


เขาผลักประตูเข้ามาเสียงดังตึงตัง


 


“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน!” พันจวินรีบเข้าไปช่วยเอาตัวชายชราลงนอนบนเตียง


 


หวังเย้ายื่นมือออกไปจับชีพจรของชายชรา มันสายเกินไปแล้ว


 


ดวงตาของชายชรายังคงเบิกกว้าง ปากของเขาอ้ากว้างและเต็มไปด้วยเลือด ดูคล้ายกับว่า เขามีบางอย่างที่อยากจะพูดออกมา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะหัวใจของเขาหยุดเต้นไปแล้ว


 


เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน? หวังเย้ามองชายชราที่เสียชีวิตไปแล้ว และมองไปที่ขายหนุ่มที่กำลังร้องไห้อยู่ ก่อนหน้านี้ เขารู้อยู่แล้วว่าชายชราจะตายและไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว แต่มันก็เกิดขึ้นเร็วเกินไป


 


“เขาเป็นพ่อของคุณเหรอ?” หวังเย้าจ้องหน้าชายหนุ่มที่กำลังร้องไห้อยู่


 


ชายหนุ่มร่ำไห้โดยไม่พูดไม่จา ไม่นานเขาก็เช็ดน้ำตาและเงยหน้าขึ้นมองหวังเย้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “มันเป็นเพราะแก! แกฆ่าพ่อของฉัน!


 


“นายบ้าไปแล้ว” พันจวินพูด “พูดเรื่องบ้าอะไรกันน่ะ?”


 


“มันเป็นเพราะแก” ชายหนุ่มพูด “ก่อนจะมาที่นี่พ่อของฉันยังไม่เป็นอะไร พอแกรักษาให้เขา เขาก็อ้วกออกมาเป็นเลือดตอนที่เราเดินออกไป มันจะต้องเป็นเพราะยาที่แกเอาให้พ่อของฉันกินแน่! แกต้องรับผิดชอบ!”


 


เขายื่นมือออกไปเพื่อคว้าตัวหวังเย้า แต่เขาก็ต้องกระเด็นออกมาเพราะโดนแรงผลักบางอย่าง


 


“โทรเรียกตำรวจ” หวังเย้าพูด


 


“ดี เรียกตำรวจมาเลย แล้วเราจะได้เห็นกันว่าตำรวจจะว่ายังไง แกมันเป็นพวกต้มตุ๋นที่รักษาจนคนตาย!” เวลาผ่านไปเพียงนาน ชายหนุ่มคนนี้ก็ได้เปลี่ยนจากคนหนึ่งเป็นอีกคนไปในทันที เขามีท่าทีเกลียดชังหวังเย้า จนอยากจะฉีกทึ้งร่างกายของหวังเย้าออกเป็นชิ้นๆ


 


ในตอนที่รอตำรวจอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ยังคงมีท่าทีเกรี้ยวกราดอยู่อย่างนั้น รถคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้าน และตรงไปที่คลินิกด้วยความเร็วสูง อยู่ๆรถก็หยุดลงพร้อมกับมีชายสามคนลงมาจากรถ พวกเขาดูมีอายุราว 30


 


“ลุง ลุงฉันอยู่ไหน?” ชายร่างใหญ่ถามขึ้นมา “ลุง?!”


 


เมื่อเห็นว่าชายชรานอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง ทั้งสามก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหา


 


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?” ชายร่างใหญ่ถามชายหนุ่มผู้เป็นลูกของชายชรา


 


“มันเป็นเพราะเขา! เขาเอายาให้พ่อกิน แล้วพ่อก็ตาย” ชายหนุ่มพูด


 


“แกมันไอ้พวกต้มตุ๋น!” ชายร่างสูงพุ่งตัวเข้าหาหวังเย้าพร้อมกับชูกำปั้นขึ้น


 


แต่อยู่ๆร่างของเขาก็ปลิวออกไปและร่วงลงไปกองที่พื้น


 


“หยุดได้แล้ว” หวังเย้าพูดอย่างใจเย็น


 


ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตอนที่เขารักษาชายชรา เขาก็พบว่า ชายชราถูกพิษ ซึ่งพิษได้ลุกลามไปจนถึงอวัยวะภายในของเขาแล้ว การจะช่วยชีวิตของเขาจะต้องลงแรงไปอย่างมาก และพิษที่อยู่ในร่างกายของเขาไม่ได้เกิดจากปฏิกิริยาในร่างกายของเขา แต่เป็นพิษที่ได้จากภายนอกและเป็นพิษที่ร้ายแรงมากด้วย


 


หวังเย้ายังรู้สึกด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและชายชราดูมีอะไรแปลกๆ เพราะในตอนที่ชายหนุ่มพยุงชายชรา มันดูไม่เป็นธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย


 


ความคิดบางอย่างได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ดังนั้น เขาจึงผลักชายชราให้ออกไปจากคลินิก มันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากช่วยชายชรา แต่เป็นเพราะเขารู้สึกแผนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะปลีกตัวออกมาอย่างจงใจ


 


ตอนที่ชายหนุ่มกลับเข้ามาพร้อมกับร่างของชายชรา หวังเย้าก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคิดถูก ชายชราได้หมดลมแล้ว ภายในปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม ซึ่งเป็นละลักษณะของพิษที่ปะปนอยู่กับเลือด


 


และการที่อยู่ๆท่าทีของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปราวกับหมาบ้า และชายสามคนที่อยู่ๆก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ มันได้พิสูจน์แล้วว่า ความคิดของเขานั้นถูกต้อง นี่คือแผนการที่ถูกวางเอาไว้แล้ว


 


พวกสร้างปัญหา? เพื่อเงินอย่างนั้นเหรอ?


 


แววตาของหวังเย้าเย็นเยียบ เขาไม่คิดเลยว่า เขาจะมาเจอกับเรื่องแบบนี้


 


“อาจารย์ นี่มันคือการเบลคเมลล์แล้ว” พันจวินกระซิบ


 


เขาเคยเจอปัญหาในตอนทำงานมาก่อน แต่สถานการณ์แตกต่างกัน ในตอนนั้น มันเป็นเพราะการรักษาที่ไม่เหมาะสมของโรงพยาบาล ซึ่งได้นำไปสู่การเสียชีวิตของคนไข้ ทางโรงพยาบาลจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ครั้งนี้ต่างกัน มันเป็นการจงใจเบลคเมลล์อย่างเห็นได้ชัด


 


ตอนนี้เองที่ตำรวจได้เดินทางมาถึง พวกเขาเดินทางมาอย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนต่างก็รู้จักหวังเย้า ในหมู่พวกเขาบางคนยังเคยพาญาติพี่น้องมารักษากับหวังเย้าด้วย


 


“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งถาม


 


“มันฆ่าพ่อผม!” ชายหนุ่มชี้ไปที่หวังเย้า ด้วยสีหน้าดูไม่ได้ มันราวกับว่า เขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฆ่าพ่อของเขาอยู่ยังไงยังงั้น


 


“เรื่องนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาซะแล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับหวังเย้า


 


ปัญหาที่เกิดจากการรักษามักจะสร้างเรื่องปวดหัวได้เสมอ ตอนนี้ โรงพยาบาลหลายแห่งจึงมีหน่วยงานที่รับชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะอยู่ แต่หวังเย้าเป็นแค่เจ้าของคลินิกเล็กๆเท่านั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเอง


 


“แกมันไอ้ฆาตกร” ชายคนหนึ่งพลุนพลันเข้ามาและนั่งอยู่ที่พื้น เขาไม่ได้พุ่งตัวเข้าไปหาหวังเย้า “แกฆ่าคน แล้วยังทำร้ายฉันอีก ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหนกัน?”


 


“ผมยังไม่เห็นเขาทำอะไรคุณสักอย่างเลยนะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด


 


“คุณกำลังปกป้องมันอยู่นะ” ชายหนุ่มพูด


 


“ระวังคำพูดของตัวเองด้วย แล้วก็คิดให้ดีดี” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด


 


ชายทั้งสามรวมถึงชายหนุ่มต่างมีท่าทางโกรธแค้นและพูดจาเสียงดัง “ฉันจะร้องเรียนพวกคุณ”


 


“พาพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนที่โรงพัก” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดพร้อมกับโบกมือ


 


“แล้วเขาล่ะ?” ชายหนุ่มถาม


 


“พาไปให้หมดทุกคน” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด ในสถานการณ์นี้ เขาไม่สามารถแสดงออกชัดว่าอยู่ข้างหวังเย้าได้


 


หวังเย้าโทรหาจางเผิงและบอกเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง จางเผิงพูดว่า เขาจะไปเจอหวังเย้าให้เร็วที่สุด


 


“แล้วร่างของผู้ชายคนนี้ล่ะ?” หวังเย้าชี้ไปที่ชายชราที่ยังคงนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง


 


หวังเย้าไม่พอใจมาก และคิดว่า การตายของชยชราจะต้องเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้อย่างแน่นอน


 


“แกฆ่าพ่อของฉัน” ชายหนุ่มพูด “แกกล้าดียังไงถึงถามแบบนั้นออกมา แกต้องเป็นรับผิดชอบ”


 


“เงียบ!” หวังเย้าตะคอกพร้อมกับปลดปล่อยกำลังภายในออกมา ตัวเสียงได้พุ่งตรงไปยังชายหนุ่ม


 


อ้าก!


 


ชายหนุ่มรู้สึกราวกับมีเสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มอยู่ภายในหูของเขาไม่หยุด และเริ่มมองเห็นเดือนดาวระยิบระยับอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกราวกับว่า หัวของเขากำลังจะระเบิด เขาเอามือกุมหัวของตัวเองและไม่สามารถยืนตรงๆได้


 


“เป็นอะไรไปน่ะ?” หนึ่งในชายสามคนถาม


 


“เจ็บ! ปวดหัว!” ชายหนุ่มตะโกน


 


“มันคือกรรมตามสนองยังไงล่ะ” พันจวินพูด


 


ทุกคนพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจในเมือง จางเผิงผู้เป็นทนายของหวังเย้าเดินทางมาถึงในเวลาไม่นาน


 


“บอกผมมา ว่าเรื่องเป็นมายังไง?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามชายหนุ่ใ


 


“หา!?” ชายหนุ่มมีอาการหูอื้อและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น


 


“บอกผมมา” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับหนึ่งในชายสามคน


 


“เราได้รับข่าวจากลูกพี่ลูกน้องของเราว่า ลุงไปมาตรวจกับหมอที่คลินิกนี้ เราก็เลยรีบไปหา จากนั้น ผมก็มาเจอให้หมอนี่ แล้วลุงของผมก็!” ชายคนนั้นพูดจาสะอึกสะอื้น


 


“เขาเป็นลุงของคุณเหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม


 


“ใช่” ชายคนนั้นพูด


 


“เฉาเหมิงสินะ จากการตรวจสอบประวัติของคุณดูแล้ว คุณมีประวัติอาชญากรรมอยู่ ทั้งเรื่องต้มตุ๋นและแชร์ลูกโซ่ และยังถูกจำคุกสองปีด้วย” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด “เรามาพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ว่าทำไมต้องเดินทางจากจังหวัดจงหยวนมาถึงที่นี่ด้วย? มีแผนอะไรอยู่รึเปล่า?”


 


“คุณตำรวจมีหลักฐานรึเปล่า?” เฉาเหมิงถาม “อึก ผม…ผมขอ…ขอกินน้ำหน่อยได้ไหม?”


 


เจ้าหน้าที่ตำรวจอนุญาตให้เขาดื่มน้ำได้


 


“ผมเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว” เฉาเหมิงพูด


 


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ส่งเสียงหึออกมา ถ้าคนแบบนี้เปลี่ยนตัวเองได้ ผีก็คงจะมาให้เห็นในตอนกลางวันแล้วล่ะ


 


ภายในอีกห้องหนึ่ง หวังเย้ากำลังคุยกับทนายของเขาอยู่


 


“หมอหวัง ชื่อของชายที่เสียชีวิตคือ เฉาอ้ายกั๋ว” จางเผงิพูด “ชายหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่า เฉาจื้อเจิน เขาเป็นลูกชายของคนที่เสียชีวิต แม่ของเขาเสียไปนานแล้ว เราเพิ่งติดต่อญาติของพวกเขาได้ เธอเป็นน้าของเขา เธอดูจะไม่ค่อยชอบหลานชายคนนี้สักเท่าไหร่ และบอกว่า ที่แม่ของเขาตายก็เพราะผิดหวังในตัวเขา เขาเอาแต่ขอเงินและทำร้ายพ่อแม่ของเขา พ่อของเขาป่วยเป็นโรคหัวใจก็เพราะเขา ผมว่าครั้งนี้ เขาก็คงจะทำเพื่อเบลคเมลล์คุณครับ”


 


“เบลคเมลล์เหรอ? แล้วทำไมถึงมาทำในหมู่บ้านกลางเขาแบบนี้กันล่ะ?” พันจวินถาม “นี่มันวางแผนเอาไว้ก่อนชัดๆ”


 


พวกเขาไม่ใช่คนในพื้นที่ และยังไม่ใช่คนจังหวัดนี้ด้วยซ้ำ คนที่เดินทางมาจากอีกจังหวัดหนึ่งเพื่อมาสร้างปัญหาให้กับคลินิกเล็กๆแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป


 


“จากการวิเคราะห์ของเรา คาดว่าน่าจะเป็นความคิดของเฉาเหมิงครับ” จางเผิงพูด “เขามีความเกี่ยวข้องกับพวกแชร์ลูกโซ่และกระจายไปทั่วประเทศ และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เขาเคยเข้าคุกแล้วครั้งหนึ่งด้วย”


 


“ทนายจาง ผมขอให้คุณใช้เส้นสายทางกฎหมายของคุณเต็มที่เลย ผมยินดีจ่าย ไม่ว่าจะสูงแค่ไหนก็ตาม” หวังเย้าพูด


679 สำนึกผิด! เศษสวะ!


 


“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” จางเผิงพูด


 


หวังเย้าจ่ายเงินค่าจ้างต่อปีให้กับทนายของเขา เพื่อเป็นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเผิง หลังจากที่ได้จัดการเรื่องกฎหมายให้กับหวังเย้าสองสามครั้ง จางเผิงก็พบว่า หวังเย้ามักจะจ่ายเงินโดยไม่มีการอิดออดเลย เขาจึงยินดีที่จะยกหวังเย้าให้เป็นหนึ่งในลูกค้าชั้นดีของเขา


 


“ผมต้องการหมอ!” เฉาจื่อเจินที่อยู่ในห้องสอบมีท่าทีตื่นตระหนก หูของเขามีเสียงดังหึ่งและมีเลือดไหลออกมา เขายังมีเลือดไหลออกทางจมูกด้วย เหงื่อเย็นผุดออกมาจนเต็มหน้าผากของเขา


 


“นายเป็นอะไรไปน่ะ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม


 


“ผมไม่สบาย! ไม่เห็นเหรอว่าผมมีเลือดไหลออกมาน่ะ?” เฉาจื่อเจินตะโกน


 


“อ้อ ฉันเห็นแล้วว่ามีเลือดไหลออกจมูกของนายน่ะ อ่ะ เอานี่ไป เอาทิชชู่ยัดจมูกก็ได้แล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด


 


เมื่อได้รู้ว่า คนเหล่านี้ต้องการจะเบลคเมลหวังเย้า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เขาและหวังเย้าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้น เขาจึงเข้าข้างหวังเย้าไปโดยปริยาย รวมถึง เขาเพิ่งจะพาญาติของเขาไปรักษากับหวังเย้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน หวังเย้ารักษาญาติของเขาและคิดเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็อยากสานสัมพันธ์กับเขา เผื่อว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องไปรักษาที่คลินิกของหวังเย้า


 


เดี๋ยวนะ! อยู่ๆหวังเย้าก็นึกอะไรออก เขากระซิบข้างหูพันจวินไปสองสามประโยค แล้วพันจวินก็รีบออกไปจากสถานีตำรวจทันที


 


ครู่ต่อมา พ่อแม่ของหวังเย้าก็มาที่สถานีตำรวจด้วยความรีบร้อน หลังจากที่ได้รู้ว่า ลูกชายของพวกเขาถูกพามาที่สถานีตำรวจ


 


“แม่ พ่อ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม


 


“แม่ได้ยินมาว่า มีคนตายในคลินิกของลูกน่ะสิ” จางซิวหยิงพูด “มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?”


 


“จริงครับ แต่มันเป็นแผนที่ถูกวางไว้ก่อนแล้ว มีคนต้องการจะเบลคเมลล์ผม แต่ผมติดต่อทนายความให้มาจัดการเรื่องนี้แล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


“อ้อๆๆ” จางซิวหยิงพูด


 


เธอและหวังเฟิงฮวาต่างก็ยังไม่หายกังวล


 


เมื่อหมดวัน การตัดสินใจทั้งหมดจะถูกยกไปที่ศาล คนที่มีประวัติอาชญากรรมถูกกักตัวเอาไว้ที่สถานีตำรวจ ไม่มีใครสนใจร่างไร้ลมหายใจของชายชราที่ถูกทิ้งไว้ที่คลินิกของหวังเย้าเลย


 


พันจวินอยู่เป็นเพื่อนหวังเย้าในการจัดการเรื่องต่างๆ


 


“เราจะทำยังไงกับร่างของผู้ชายคนนั้นดี?” พันจวินถาม พวกเขาไม่สามารถทิ้งร่างเอาไว้ในคลินิกแบบนั้นได้ “ทิ้งไว้แบบนั้นมันไม่ดีนะ!”


 


“ภาพกล้องวงจรปิดอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันเซฟเอาไว้ในคอมแล้วล่ะ แล้วก็เก็บตัวอย่างเลือดของคนตายเรียบร้อยแล้วด้วย” พันจวินพูด


 


“ดีครับ” หวังเย้าพูด


 


เขาขอให้พันจวินไปจัดการให้เขาสองอย่าง หนึ่งคือเก็บตัวอย่างเลือดของชายชราเพื่อนำไปทำการทดสอบ อีกอย่างคือ ให้เขาก๊อปปี้ภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้ เขาไม่คิดว่า เรื่องทุกอย่างจะจบง่ายๆ


 


“แล้วศพล่ะ?” พันจวินถาม


 


“เอาไปไว้ที่ห้องเก็บศพทีนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“เวลานี้คงจะไม่ได้แล้วล่ะ” พันจวินพูด


 


หลังจากเข้าๆออกๆสถานีตำรวจทั้งวัน ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว และห้องเก็บศพก็ปิดทำการแล้วในตอนนี้


 


ไม่มีใครกล้าพอที่จะไปเอาร่างคนตายในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่พลังหยินเข้มข้นที่สุด นอกจากว่า คนนั้นจะไม่กลัวตาย


 


“ให้ฉันจะจัดการให้พรุ่งนี้แล้วกันนะ” พันจวินพูด


 


เขาทำงานอยู่ในโรงพยาบาล จึงทำให้เขารู้จักคนที่ทำงานอยู่ในห้องเก็บศพด้วย


 


“ได้ครับ” หวังเย้าพูด “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้นะครับ”


 


“ไม่เป็นไร ในฐานะที่เป็นนักเรียนของนาย มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องช่วยนายอยู่แล้ว” พันจวินพูด


 


“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ไม่ล่ะ ขอบคุณที่ชวนนะ ฉันสัญญากับลูกชายเอาไว้แล้วน่ะสิ ว่าจะไปเดินเล่นกับเขาตอนกินข้าวเย็นเสร็จ” พันจวินพูด


 


“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถกลับดีดีนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“อื้ม ถ้าต้องการอะไรก็โทรหาฉันได้เลยนะ” พันจวินพูด “แล้วนายจะทิ้งศพเอาไว้ในคลินิกทั้งคืนจริงๆน่ะเหรอ? นั่นมันศพคนตายนะ!”


 


“ฮาฮา จะต้องกลัวอะไรล่ะครับ? เขาก็ตายไปแล้วนี่นา” หวังเย้าตอบ


 


“มันไม่เป็นมงคลน่ะสิ” พันจวินพูด


 


“ไม่เป็นไรหรอกครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับโบกมือ


 


หวังเย้าคิดว่า คนตายก็ควรจำได้รับความเคารพเหมือนคนปกติ เขาจะปล่อยให้ชายชราได้นอนอย่างสงบอยู่ภายในคลินิกของเขาหนึ่งคืน แล้วลูกชายของเขาก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนอยู่ที่สถานีตำรวจอยู่ด้วย


 


หวังเย้าปิดประตูคลินิกและกลับบ้าน เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน เขาก็เห็นความกังวลฉายชัดอยู่บนใบหน้าพ่อแม่ของเขา


 


“แม่ พ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกนะครับ มันก็แค่เรื่องที่ผ่านเข้ามา แล้วเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป” หวังเย้าพูด


 


“จ๊ะ ขอแค่ลูกไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว” จางซิวหยิงพูด


 


หวังเย้าไม่ได้พูดอะไรมาก และพ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากเช่นกัน


 


คืนนั้น หวังเย้าที่อยู่บนเนินเขาหนานชานกำลังคิดไปหลายเรื่อง


 


ร่างของชายชรานอนสงบนิ่งอยู่ภายในคลินิกของเขา เขาอายุแค่ 53 ปีเท่านั้น เขาอาจจะไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะต้องทำงานหาเงินเลี้ยงดูคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูกชายของเขา เขาอาจจะคิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ ความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการมีลูกชายแบบนี้ และล้มเหลวในการสั่งสอนเขาให้ไปในทางที่ถูกที่ควร


 


เขาล้มเหลวในฐานะพ่อคนหนึ่ง เขาไม่สามารถสอนลูกชายให้เคารพในตัวเขาได้ และมันก็สายเกินกว่าที่จะมานึกเสียใจทีหลัง


 


ค่ำคืนผ่านพ้นไปโดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เช้าของวันถัดมา พันจวินเดินทางมาถึงที่คลินิกแต่เช้าตรู่ และตามมาด้วยรถของห้องเก็บศพ คนของห้องเก็บศพเข้ามานำร่างของชายชราออกไปอย่างชำนาญ


 


พันจวินได้ขอให้คนของห้องเก็บศพมานำร่างผู้เสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเข้างาน แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางคนที่เห็นรถของพวกเขาที่ขับเข้ามาในหมู่บ้าน เมื่อรวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว จึงทำให้เกิดเรื่องซุบซิบขึ้นในหมู่บ้าน โชคยังดีที่กลุ่มที่ชื่นชอบการนินทาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองกันเกือบหมด ดังนั้น หวังเย้าและคนในครอบครัวของเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก


 


“หมอหวัง ถ้ามีอะไรที่เราพอจะช่วยได้ก็บอกนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินและซุนหยุนเชิงพากันมาหาหวังเย้าแต่เช้า


 


“ได้ ขอบคุณมากนะ” หวังเย้าพูด


 


พวกเขาไม่ได้อยู่นานนัก หลังจากที่คุยกับหวังเย้าไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับ


 


หวังเย้าไม่ได้ตรวจคนไข้ในช่วงเช้า เพราะเขายังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการ


 


ไม่นาน เขาก็ได้รับสายจากทาวสถานีตำรวจ คนที่พยายามจะเบลคเมลล์หวังเย้าถูกปล่อยตัวในเช้านี้ เพราะมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องแบบนี้ด้วย คนพวกนี้ไม่ยอมเปิดปากบอกข้อมูลใดๆ และดูเหมือนว่า พวกเขาจะไม่กลัวอะไรสักอย่าง


 


“ในที่สุด เราก็ออกมาได้” หนึ่งในพวกเขาพูด “เอิ๊ก!”


 


“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่?” อีกคนถามขึ้นมา “เอิ๊ก!”


 


ตั้งแต่ที่เข้าไปในสถานีตำรวจ พวกเขาก็เริ่มสะอึกไม่หยุด ไม่ว่าจะนั่ง, ยืน, หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็ไม่หยุดสะอึกเลย แม้แต่ตอนกิน, ดื่ม, และนอนหลับ พวกเขาก็ยังคงสะอึก ทำให้พวกเขานอนไม่ได้ไปตลอดทั้งคืน และตอนนี้ แต่ละคนก็มีสภาพเหนื่อยล้าและง่วงนอน


 


“หัวหน้าว่า ไอ้หมอนั่นจะทำอะไรพวกเรารึเปล่า?” หนึ่งในพวกเขาถาม


 


“จะทำอะไรกัน? เขาไม่ได้แตะตัวเราสักนิด” ชายที่เป็นหัวหน้าพูด


 


“อาเหมิง! อาเหมิง!” ชายหนุ่มแต่งตัวดีร้องเรียกหาชายผู้เป็นหัวหน้า ซึ่งเขาก็คือเฉาจื่อเจิน


 


“นายเป็นอะไร?” เฉาเหมิงถาม


 


“พาฉันไปโรงพยาบาลที! เร็วเข้า!” ในตอนที่เฉาจื่อเจินพูด ก็เริ่มมีเลือดไหลออกจากจมูกและหูของเขา


 


“แกเป็นอะไรกันแน่เนี่ย?” เฉาเหมิงถาม


 


“ฉันไม่รู้! เร็วเข้าเถอะ! พาฉันไปโรงพยาบาล! เมื่อวาน ฉันไม่ได้บอกอะไรกับตำรวจทั้งนั้นเลยด้วย!” เฉาจื่อเจินพูด


 


“แล้วลุงอ้ายกั๋วล่ะ?” ชายอีกคนถาม “เขายังนอนตายอยู่ที่คลินิกนั่นนะ”


 


“ปล่อยเขาเอาไว้ที่นั่นไปก่อน เรื่องมันยังไม่จบ ไปได้แล้ว” เฉาเหมิงพูด


 


หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว มีพบว่ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา คนคนนั้นส่งสายตาเย็นชามาที่พวกเขา


 


“แก!” เฉาจื่อเจินตะโกน


 


“แกวางยาให้เขาตายใช่ไหม?” หวังเย้าถาม


 


“อะไร?” เฉาเหมิงถาม “มันเป็นแกต่างหากที่ทำให้เขาตายน่ะ! แก…”


 


“เงียบ!” หวังเย้าชี้ไปที่เฉาเหมิง ที่อยู่ๆก็ไม่สามารถเอ่ยปากออกมาได้


 


มันราวกับว่า ลำคอของเขาถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเอาไว้ เขาอยากจะพูด แต่ก็พูดไม่ได้ เขารู้สึกสิ้นหวังและเริ่มเอามือครูดลำคอของตัวเอง


 


“แกเป็นอะไรไปน่ะ?” เฉาจื่อเจินถาม แล้วหันไปหาหวังเย้า “แกทำอะไรเขา?”


 


“แกฆ่าพ่อของตัวเอง! ระยำจริงๆ” หวังเย้าพูด


 


เขาชกไปทางเฉาจื่อเจิน ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่เฉาจื่อเจินกลับไม่รู้สึกเจ็บหรืออะไรสักอย่างเลย


 


“อะไร…แกต้องการอะไรจากเรา?” เฉาจื่อเจินถาม


 


คนพวกนี้ไปโกงเงิน, เบลคเมลล์คนอื่น, ขโมยเด็ก, และต้มตุ๋นไปทั่วประเทศ ทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็น เศษสวะของสังคม อย่างแท้จริง พวกเขาทำแต่เรื่องเลวทราม แต่พวกเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะหวังเย้า ชายหนุ่มที่ดูไร้พิษภัยคนนี้ บางทีอาจจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้พวกเขาต้องมาเจอกับหวังเย้า


 


หวังเย้ากระโดดและเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายลม ชายเหล่านั้นรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนตบตัวพวกเขา และมีบางอย่างถูกส่งเข้าไปภายในร่างกายของแต่ละคน


 


“แกทำอะไรพวกเราน่ะ?” เฉาจื่อเจินถาม


 


“ฉันว่า พวกเราควรจะเริ่มสำนึกผิดได้แล้วนะ” หวังเย้าพูด จากนั้น เขาก็หมุนตัวและเดินจากไป ปล่อยให้ชายทั้งสี่ยืนงงเหมือนคนโง่อยู่ตรงนั้น


 


สายลมพัดผ่าน อยู่ๆพวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วสรรพางค์กาย


 


“หัวหน้า มันทำอะไรกับพวกเราเหรอ?” หนึ่งในพวกเขาถาม


 


“เชี่ย” เฉาเหมิงพูด “แล้วแกคิดว่ามันทำอะไรล่ะ? อย่าตื่นตระหนกไปหน่อยเลยน่า”


 


“ใช่ มันจะไปทำอะไรเราได้ล่ะ” ชายอีกคนพูด “เราจะให้มันจ่ายจนหมดตัวแน่”


 


พวกเขาเดินทางไปมาทั่วประเทศและเจอปัญหามาแล้วมากมายหลายอย่าง พวกเขาทั้งถูกต่อย,ถูกแทง แต่ก็ยังรอดมาจนถึงตอนนี้ได้


 


“ไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า” เฉาเหมิงพูด


 


“ไปกันเถอะ” ชายอีกคนพูด


 


“หัวหน้า พาฉันไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหม?” เฉาจื่อเจินอ้อนวอน


 


“อย่ากลัวไปหน่อยเลย พอดื่มเสร็จ แล้วฉันจะพาแกไปเอง แกไม่ตายหรอกน่า” เฉาเหมิงพูด


 


“เอ่อ…” เฉาจื่อเจินมีท่าทีลังเล


 


“ไปได้แล้ว เลิกคร่ำครวญ แกยังต้องพิสูจน์ตัวเองให้พวกเราเห็นอยู่นะ” เฉาเหมิงพูด


680 ตัดสายสัมพันธ์


 


เช้าวันนั้น พวกเขาไปที่ร้านขายเนื้อแกะและสั่งเนื้อแกะมาหนึ่งกิโล, เครื่องเคียงสี่อย่าง, และเหล้าอีกสองขวด


 


“เฮ้อ คราวนี้ดูเหมือนเราจะก้าวพลาดแล้วล่ะ” เฉาจื่อเจินพูด


 


“ไร้สาระ เราไม่ได้ก้าวพลาดสักหน่อย” เฉาเหมิงพูด “เราเข้ามาในอีกจังหวัดหนึ่ง มันก็ไม่แปลกที่เราจะไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ของที่นี่ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอกับปัญหายากๆบ้าง แต่เราจะกลัวไม่ได้เด็ดขาด แล้วเราก็จะไม่ถอยด้วย ก็เหมือนกับตอนที่เราเจอปัญหาตอนอยู่ที่เสฉวนกับตงเป่ยนั่นแหละ เราก็จัดการกับปัญหาพวกนั้นได้ไม่ใช่เหรอไง?”


 


ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีม เฉาเหมิงมักจะคอยปลุกกำลังใจของลูกทีมในเวลาที่พวกเขาต้องเจอกับปัญหาอยู่เสมอ คำพูดของเขานั้นก็ง่ายๆคือ ความยากลำบากอยู่แค่ชั่วคราว และก็จะสามารถก้าวผ่านมันไปได้ จากนั้น พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะและไม่ช้าก็เร็ว เงินก็จะมาอยู่ในมือของพวกเขา แต่ครั้งนี้ เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่า ระดับความยากนั้นเพิ่มสูงขึ้น


 


ทุกคนต่างก็อยากได้เงินมาโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงหรือสูญเสียอะไรไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ งานของพวกเขายิ่งความเสี่ยงสูง เงินที่ได้ก็จะสูงตามไปด้วย ก็เหมือนกับครั้งก่อน ที่พวกเขาอยู่ที่เมืองอีและพยายามจะเบลคเมลล์ใครคนหนึ่ง ทั้งเวลาและสถานที่ล้วนเป็นใจ แต่พวกเขากลับเลือกเหยื่อผิดคน คนที่ถูกพวกเขาเบลคเมลล์เป็นตัวเป้งของเมืองนั้นชื่อว่า หวงซื่อ และเป็นผลทำให้พวกเขาพลาดเงินไป แล้วหนึ่งในพวกเขาก็ยังขาหักและต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้านในตอนนี้


 


ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ซุปเนื้อแกะก็ถูกนำออกมาเสริฟพร้อมกับเหล้าอีกสองชวด


 


“ดื่ม!” เฉาเหมิงชูแก้วขึ้น เขาดื่มเหล้าเข้าไปครึ่งแก้วในครั้งเดียว “มาสนุกกันให้เต็มที่ งานจะเดินได้ก็ตอนที่เราอิ่มเท่านั้น”


 


พวกเขาถูกกักตัวเอาไว้ตลอดทั้งคืน ดังนั้น แต่ละคนจึงหิวกันมาก และตักอาหารเข้าปากกันไม่หยุด


 


“อื้ม ซุปเนื้อแกะนี้รสชาติดีจริงๆ” เฉาเหมิงพูด


 


เอิ๊ก! ในตอนที่ดื่มเหล้าเข้าไป พวกเขาก็ยังคงสะอึกไม่หาย


 


“แม่ง ทำไมยังสะอีกอยู่ได้” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นมา


 


“ดื่มเข้าเหล้าเข้าไป เดี๋ยวก็หายเอง!” เฉาเหมิงชูแก้วขึ้นและดื่มเหล้าเข้าไปหนึ่งอึก


 


ทุกคนบนโต๊ะต่างก็ดื่มเหล้า แต่ทุกคนก็ยงคงสะอึกไม่หาย


 


“พ่อฉันยังอยู่ที่คลินิกอยู่เลยนะ” เฉาจื่อเจินพูดด้วยเสียงเล็กๆ เขามองไปที่แก้วเหล้าของตัวเอง “ไม่รู้ว่านี่เหล้าอะไร แต่มันร้อนมากเลย!”


 


“พ่อของแกน่ะเหรอ?” เฉาเหมิงถาม “พ่อของแกเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว มันรักษายังไงก็ไม่มีทางหายหรอก เขาอายุมากแล้วก็ไปรักษากับหมอ แต่ก็หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เขาก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้น ไม่มีเขาสักคน แกก็จะไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะ พอเราได้เงินมา แกก็จะรวย ดูอย่างฉันสิ!”


 


เฉาจื่อเจินก้มหน้า ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


 


อยู่ๆเฉาเหมิงก็ตบโต๊ะดังปัง ทุกคนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวและเงยหน้าขึ้นมองเขา


 


“มีอะไรงั้นเหรอ?” ชายคนหนึ่งถาม


 


“แก แกต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเองใหม่” เขาพูดพร้อมกับหรี่ตา “คนในสายอาชีพแบบเราต้องขึ้นอยู่กับมันสมองและความหน้าด้าน! ถ้าแกอยากจะสร้างความแตกต่างและหาเงินให้ได้เยอะๆ แกก็ต้องพึ่งพาอาศัยทุกอย่างที่แกมี และตัดความสัมพันธ์เก่าๆไปให้หมดซะ!”


 


หลังจากที่พูดจบ ก็มีน้ำถูกพ่นออกมาจากปากของเขา ราวกับภาพของปืนฉีดน้ำที่ยิงออกมาด้วยความแรงสูง เหล้าและซุปแกะที่เพิ่งดื่มเข้าไปถูกพ่นออกมาทั้งหมด


 


“เชี่ย! นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เฉาเหมิงตกใจ


 


ในตอนที่เขากำลังพูดปลุกใจอยู่นั้น เขารู้ได้ว่า คนของเขากำลังตื่นเต้นกันอยู่ แต่อยู่ๆเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างมวนอยู่ภายในท้องของเขา มันคล้ายกับน้ำเดือดในหม้อ หรือน้ำที่เทลงไปบนกรดซัลฟูริคจนเกิดการระเบิดขึ้น เขาไม่สามารถยับยั้งมันได้ และพ่นมันออกมาทางปากโดยที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย


 


ทุกคนต่างตกใจ และหันไปมองอาหารบนโต๊ะ รวมทั้งซุปเนื้อแกะที่วางอยู่ตรงหน้าของพวกเขา


 


“แล้วเราจะกินได้ยังไงกัน?” หนึ่งในพวกเขาถาม


 


เฉาเหมิงรู้สึกอับอายและพูดออกมาว่า “พระเจ้า ฉันแค่เติมผงปรุงรสเข้าไปในซุปเท่านั้นนะ ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?”


 


“หัวหน้า หรือว่าซุปของหัวหน้าจะมีปัญหากัน?” หนึ่งในคนของเขาถาม


 


“ใช่แล้ว มันจะต้องมีปัญหาแน่ๆ!” ชายอีกคนรีบพูดขึ้นมา และเข้าใจว่าหัวหน้าของเขาต้องการจะบอกอะไร สโลแกนของพวกเขาก็คือ คว้าทุกโอกาสที่เข้ามา หาเงินทุกเม็ดเท่าที่จะทำได้ เบลคเมลล์ทุกคนที่พวกเขาเจอ และลองใช้ทุกวิถีทางที่พวกเขามี


 


ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็อาเจียนเอาเหล้า, ซุปแกะ, และเลือดออกมา


 


“เชี่ย หัวหน้าใส่พิษลงไปในอาหารใช่ไหมเนี่ย!” คนของเขารู้สึกไม่ดีขึ้นมา


 


“ฉันเปล่านะ!” เฉาเหมิงเริ่มมีท่าทีตื่นตระหนก “ทำไมเราทุกคนถึงได้มีอาการแบบนี้กันหมดล่ะ? เป็นเพราะเนื้อแกะเหรอ?”


 


จากนั้นไม่นาน อีกสองคนที่เหลือก็เริ่มอาเจียนออกมาเหมือนกัน คล้ายกับว่า ในท้องของพวกเขามีแรงดันบางอย่างอยู่ภายใน พวกเขาไม่สามารถควบคุมไม่ให้มันไหลทะลักออกมาทางปากได้เลย


 


“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ผ็จัดการร้านเดินออกมาจากครัว หลังจากที่ได้ยินสียงโวยวายจากพวกเขา และเมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็ต้องตกใจอย่างมาก


 


“นี่แกเอาอะไรใส่ลงไปในอาหารน่ะ?” เฉาเหมิงถาม


 


“ไม่มีๆ” ผู้จัดการร้านพูด


 


“แล้วผักล่ะ?” เฉาเหมิงถาม


 


“เราเพิ่งซื้อเมื่อเช้านี้เอง” ผู้จัดการร้านพูด “มีผักเหลือจากเมื่อวานแค่นิดหน่อย แต่มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”


 


“เราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” พนักงานถาม


 


“จะทำอะไรล่ะ? ก็เรียกรถพยาบาลสิ!” ผู้จัดการร้านพูด


 


ผู้จัดการทำงานที่ร้านอาหารมาได้สามปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องแบบนี้ คนเหล่านี้มีสภาพเหมือนคนใกล้ตายไม่ผิด


 


ในเวลานี้เอง ก็มีคนผลักประตูเข้ามาและเห็นคนสี่ที่อาเจียนออกมาจนเต็มโต๊ะ


 


“เชี่ย นี่มันอะไรกัน?” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และรีบหันหลังเดินกลับออกไป


 


รถพยาบาลมาถึงในเวลาอันสั้น ในตอนที่พวกเขามาถึง ชายทั้งสี่ก็แทบไม่เหลือแรงเดิน พวกเขาอาเจียนเอาทุกอย่างในกระเพาะออกมา และในตอนท้ายยังอาเจียนเป็นเลือดอีกด้วย


 


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?” แพทย์ที่มากับรถถาม


 


หลังจากที่ได้เห็นสภาพของชายทั้งสี่แล้ว แพทย์ก็ต้องตกใจ


 


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขาเข้ามากินอาหารในร้าน แล้วอยู่ๆก็กลายเป็นแบบนี้!” ผู้จัดการร้านตื่นตกใจจนใบหน้าซีดขาว “หวังว่าพวกเขาจะไม่เป็นอะไรนะ!”


 


เจ้าหน้าที่ช่วยกันพาร่างของพวกเขาขึ้นไปบนรถพยาบาลและพาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล


 


“เรื่องเป็นมายังไงเหรอ?” แพทย์คนหนึ่งถาม


 


“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” แพทย์ที่ไปกับรถพยาบาลพูด “พวกเขาไปกินข้าวที่ร้านเนื้อแกะ แล้วอยู่ๆก็กลายเป็นแบบนี้ไป หรือเป็นอาการของอาหารเป็นพิษ?”


 


“ถ้าอาหารเป็นพิษ แค่กินยาคงช่วยได้ไม่เยอะหรอก” แพทย์พูด เขาชี้ไปที่ชายคนหนึ่ง “ดูนั่น! เขาอ้วกออกมาเป็นเลือดแล้ว!”


 


“หมอ ช่วยผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย” เขาพูด


 


พันจวินบังเอิญเดินผ่านเขาพอดี “มีเรื่องอะไรกันเหรอ?”


 


“หัวหน้า คนพวกนี้ถูกรถพยาบาลพาตัวมา อาการของพวกเขาหนักมาก” แพทย์พูด


 


“หื้ม!” เมื่อเขาเดินเข้าไปดูคนไข้ เขาก็ต้องตกใจ


 


พวกเขาคือพวกคนที่พยายามจะเบลคเมลล์อาจารย์ใช่ไหม? ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?


 


“พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน? หรือจะเป็นเพราะกรรมตามสนอง!” พันจวินพูดขึ้นมา


 


“หัวหน้าพูดเรื่องอะไรน่ะ?” แพทย์ที่ยืนอยู่ข้างเขามีท่าทีงุนงง


 


วันนี้ หัวหน้าของพวกเขาเป็นอะไรไป? ทำไมเขาถึงได้พูดแบบนั้นกัน?


 


“โอ้ โทษที ผมเผลอตัวไปหน่อยน่ะ” พันจวินพูด


 


หลังจากตรวจดูอาการของคนไข้ทั้งสี่แล้ว พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมพวกเขาถึงได้มีอาการแบบนี้ได้


 


พันจวินแอบปลีกตัวออกไปเงียบๆและโทรไปหาหวังเย้า เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับชายทั้งสี่ให้หวังเย้าฟัง


 


“ได้ เข้าใจแล้ว อาจารย์” พันจวินพูดก่อนที่เขาจะเดินกลับไปด้านใน “ทำการล้างท้องและฉีดยาสลบให้พวกเขา”


 


“หา?” แพทย์พูดขึ้นมา


 


การล้างท้องเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างทรมาน แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติ


 


“ยังมีอาการเหลืออยู่ในกระเพาะของพวกเขาอีกไหม?” พันจวินถาม


 


“ไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากกรดในกระเพาะกับเลือด” แพทย์พูด


 


“โอ้ ถ้าอย่างนั้นก็พาพวกเขาไปที่แผนกล้างท้องได้เลยนะ” พันจวินพูด


 


เขาเกลียดคนพวกนี้เข้ากระดูกดำและไม่ต้องการเห็นหน้าพวกเขาอีก นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับแล้ว


 


ชายทั้งสี่เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล


 


หลังจากที่ได้รู้ว่า พวกเขาไม่ใช่คนในพื้นที่ แถมยังเป็นคนจากจังหวังอื่นด้วยแล้ว  แพทย์ก็พูดขึ้นมาว่า “พวกคุณต้องติดต่อญาติของตัวเองเดี๋ยวนี้เลย!”


 


โรงพยาบาลไม่ใช่องค์กรการกุศล ถ้าหากคนที่มารักษาไม่มีเงิน พวกเขาก็จะไม่ได้รับการรักษา ถึงมันจะดูโหดร้ายไปบ้าง แต่มันก็คือชีวิตจริง


 


ภายในห้องคนไข้ ชายทั้งสี่ต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว


 


“หัวหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากัน?” หนึ่งในพวกเขาถาม


 


หลังจากที่กินซุปเนื้อแกะไปแล้ว พวกเขาก็นึกถึงหมอหนุ่มคนนั้น รวมไปถึงคำพูดของเขาในตอนที่เจอกัน พวกเขาต่างก็คิดถึงการกระทำของหวังเย้าในตอนนั้นขึ้นมา


 


พวกเศษสวะ!


 


นั่นคือคำพูดที่หมอหนุ่มใช้เรียกพวกเขา ถูกแล้ว พวกเขามันเป็นสวะของแท้เลยล่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)