Elixir Supplier 663-664

 663 ฉันคิดถึงคุณ


 


“ศิษย์น้อง!” ชายวัย 40 ส่งเสียงตะคอก


 


“โทษที มันช่วยไม่ได้น่ะ” ชายวัย 30 ยิ้มยิงฟัน


 


“อย่าทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่นี่ล่ะ” ชายวัย 40 พูด


 


หลังจากที่ค้นหาได้สักพัก พวกเขาก็ไม่เจออะไร


 


“ที่นี่ไม่มีอย่างนั้นเหรอ?” ชายที่แก่กว่าถาม


 


“ไม่เจอ แต่เราไปหาที่อื่นก็ได้นี่” ชายที่อายุน้อยกว่าพูด


 


พวกเขาออกไปจากจุดนั้นและเริ่มค้นหาบริเวณอื่น โดยใช้วิธีการเฉพาะของพวกเขา เนินเขาซีชานไม่ได้ใหญ่โตอะไร ไม่นาน พวกเขาก็พบจุดที่มีหินแตกอยู่


 


“ดูสิ นี่คือบ้านของพวกมันล่ะ” ชายที่แก่กว่าชี้ไปที่ซากศพของแมลงที่อยู่บนพื้น


 


“มันคือแมลงอะไรเหรอ?” ชายที่อ่อนกว่าถาม


 


“ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนเหมือนกัน” ชายที่แก่กว่าพูด


 


ทั้งสองนั่งยองๆลงเพื่อศึกษาซากศพของแมลง


 


“น่าเสียดาย! พวกมันตายหมดแล้ว” ชายที่อ่อนกว่าพูด


 


“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าจะต้องมีพวกมันเหลือรอดอยู่แน่” ชายที่แก่กว่าพูด


 


เขามองออกว่า พื้นที่บริเวณนี้ได้มีคนเข้ามาจุดไฟเผาเพื่อฆ่าแมลงทั้งหมด แมลงส่วนใหญ่ล้วนถูกไฟเผา เพราะยังเหลือชิ้นส่วนของพวกมันให้เห็นอยู่บ้าง แต่ไฟก็ไม่ได้ฆ่าพวกมันทั้งหมด เขาศึกษาเรื่องแมลงมาเป็นสิบๆปี ดังนั้น เขาจึงเข้าใจธรรมชาติของพวกมันดี แมลงพวกนี้ไม่มีทางฆ่าได้ง่ายขนาดนั้น


 


“แล้วพวกที่ยังไม่ตายมันไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” ชายที่อ่อนกว่าถาม


 


“ใจเย็นก่อนสิ เราจะค่อยๆหามันไป” ชายที่แก่กว่าพูด


 


คลืน! ราวกับมีเสียงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นในอากาศ หลังจากเดินไปได้ไม่ไกล ทั้งสองก็หยุดลง


 


“เสียงดังมาจากใต้ดิน” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“ผมจัดการเอง” ชายที่อ่อนกว่าพูด


 


เขาสวมอุปกรณ์พิเศษเอาไว้บนนิ้วมือ มันเป็นเล็บที่ทำขึ้นมาจากเหล็กสีดำสนิท และถูกพันอยู่รอบเล็บมือของเขา มันมีความคมอย่างมาก แคร๊ก! เขาแทงเล็บเหล็กลงไปในก้อนหินและทำลายมัน


 


ก่อนหน้านี้ หวังเย้าได้เคยทำลายหินก้อนนี้ไปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้สังเกตเห็นมัน มีหินอีกก้อนที่สูงประมาณ 1 เมตรอยู่ด้านหลังหินก้อนแรก


 


หินที่แข็งแกร่งกลับกลายเป็นเพียงแผ่นมันฝรั่งทอดสำหรับเขา มันแตกออกเป็นชิ้นๆและหลุดร่วงลงไปที่พื้น ครู่ต่อมา หินเกือบครึ่งก็ถูกทำลายลง เขาสามารถมองเห็นภายในหินได้ และอย่างที่คาดไว้ ภายในหินมีสภาพเป็นโพรง มันมีแมลงชนิดเดียวกับที่ถูกเผาตายไป มันมีลักษณะที่คล้ายกับจิ้งหรีด แต่ขนาดของมันดูเล็กกว่า แมลงพวกนี้มีสีดำและดูน่าเกลียดน่ากลัว


 


“ฉันเจอแกแล้ว” เขาพูด


 


ซี่! ซี่! แมลงดูคล้ายกับได้กลิ่นของอาหาร พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวและพร้อมสำหรับการจู่โจม


 


“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น” ชายที่แก่กว่าพูด เขาหยิบกระบอกไม้สีดำที่มีลวดลายแปลกประหลาดออกมา “เข้ามาข้างในนี่สิ”


 


เขาเปิดปากกระบอก แล้วกลิ่นประหลาดก็ลอยออกมาจากด้านใน แมลงทั้งหมดต่างตรงเข้าไปด้านในแต่โดยดี


 


“ดี” ชายที่แก่กว่าพูด


 


เมื่อแมลงเข้าไปในกระบอกไม้จนหมดแล้ว เขาก็ปิดปากกระบอกและเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขา


 


“เรียบร้อย” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“เราจะไปที่ไหนกันต่อดี?” ชายที่อ่อนกว่าถาม


 


“ไปที่อีกหมู่บ้านหนึ่งกัน” ชายที่แก่กว่าพูด


 


ทั้งสองออกไปจากเนินเขาซีชาน และกลับเข้าไปในหมู่บ้าน


 


โฮ่ง! โฮ่ง! สุนัขบ้านส่งเสียงเห่าใส่พวกเขา


 


ชู่ๆๆ ชายหนุ่มยิงฟันใส่สุนัขเพื่อเตือนให้มันหยุดเห่า


 


“อย่าสร้างปัญหา” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“มันเห่าใส่ผมก่อนนะ!” ชายที่อ่อนกว่าท้วง


 


“ไปกันได้แล้ว” ชายที่แก่กว่าพูด


 


ทั้งสองจากไปท่ามกลางสายฝนและเดินตรงไปทางทิศเหนือ รถแท็กซี่จอดนิ่งอยู่ทางเหนือสุดของหมู่บ้าน


 


“ผมคิดว่า พวกคุณจะไม่กลับมากันแล้วซะอีก” คนขับพูด “พวกคุณจะไปที่ไหนกันต่อล่ะ?”


 


“ไปหมู่บ้านหลี่” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“พวกคุณจะไปเที่ยวที่รีสอร์ทน้ำพุร้อนเหรอ?” คนขับแท็กซี่ถาม


 


“ใช่” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“รีสอร์ทนั่นน่าไปเที่ยวมากเลยนะ ผมก็เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง” คนขับพูด เขาเป็นชายวัยกลางคนอยู่ในช่วงประมาณ 40 กว่า


 


เขาขับรถไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเนินเขาท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา


 


หมู่บ้านหวังยังคงความสงบเอาไว้เหมือนเช่นเคย


 



 


ที่ปักกิ่งก็มีฝนตกเช่นเดียวกัน


 


หญิงสาวคนหนึ่งที่ดูราวกับออกมาจากเทพนิยาย เธอกำลังยืนอยู่ข้างทะเลสาบของมหาวิทยาลัย เธอมองดูเม็ดฝนที่ตกกระทบน้ำในทะเลสาบจนกลายเป็นวงกว้าง


 


เธอคิดในใจ ที่หมอหวังอยู่จะมีฝนตกเหมือนกันไหมนะ?


 


“เธอคิดอะไรอยู่เหรอ?” เพื่อนของเธอถาม


 


“อ่อ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่กำลังคิดถึงใครบางคนอยู่ก็เท่านั้นเอง” เธอพูด


 


“ใครบางคน? แฟนของเธอเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม


 


“อืม” หญิงสาวยอมรับ


 


“จริงเหรอ?” เพื่อนของเธอถามด้วยความแปลกใจ เพื่อนคนนี้ของซูเสี่ยวซวีเป็นคนน่ารักและนิสัยดีคนหนึ่ง


 


“จริงสิ” ซูเสี่ยวซวียิ้ม


 


สำหรับเธอ หวังเย้าถือเป็นแฟนก็เพราะว่าเธอชอบเขา แล้วเขาก็ยอมรับว่าชอบเธอเหมือนกัน ขั้นต่อไป ก็คือการใช้เวลาร่วมกัน


 


“เธอรู้ไหม ว่ามีคนมากขนาดไหนที่จะเสียใจกับเรื่องที่เธอมีแฟนแล้วน่ะ? เขาทำงานอะไรเหรอ? แล้วเธอจะแนะนำเขาให้ฉันรู้จักเมื่อไหร่ล่ะ?” เพื่อนของเธอถาม


 


“เขาเป็นแพทย์ปรุงยา” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“แพทย์ปรุงยาเหรอ? เหมือนกับพวกหมอใช่ไหม?” เพื่อนของเธอถาม


 


“ก็ไม่เชิง เขาเป็นแพทย์ปรุงยาโบราณน่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“มันคืออะไรเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม


 


“ฉันบอกไม่ได้หรอก เอาล่ะ เราไปกันเถอะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


หญิงสาวสองคนกำลังเดินอยู่กลางสายฝนและหัวเราะคิกคักราวกับภาพของนางฟ้าที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ หลายคนต่างหยุดเพื่อมองดูพวกเธอ


 


“สองคนนั้นสวยจัง” คนที่เดินผ่านพูดขึ้นมา


 


เย็นนี้ไม่มีวิชาที่ต้องเข้าเรียนแล้ว


 


“เสี่ยวซวี เธอสนใจจะไปเที่ยวกับพวกเราไหม?” เพื่อนของเธอถาม


 


“เอาสิ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


ท้องฟ้าเริ่มมืดลง สายฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง


 


สาวๆพากันไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ทั้งหมดต่างแตกตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง และจองห้องส่วนตัวเอาไว้แล้วล่วงหน้า


 


ที่ด้านนอกร้านอาหาร มีคนคันหนึ่งจอดอยู่กลางสายฝน ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถคันนั้นและมองไปที่ร้านอาหาร


 


“เธออยากกินอะไรดี?” หนึ่งในพวกเธอถามขึ้นมา


 


“อะไรก็ได้ ฉันกินได้หมดเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


เด็กสาวทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกันและต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเธอต่างก็ไม่คิดว่า ซูเสี่ยวซวีจะมาที่ร้านอาหารกับพวกเธอ เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงภูมิหลังของหญิงสาวกันดีอยู่แล้ว ในปักกิ่ง ผู้ล้วนกระจายข่าวสารกันได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างชื่นชมในตัวซูเสี่ยวซวี เธอมีความเป็นกันเองและน่าคบหา เธอไม่มีความยโสโอหังอยู่เลย ซึ่งเป็นเรื่องแปลสำหรับคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด


 


เมื่ออาหารถูกนำมาเสริฟแล้ว พวกเธอก็เริ่มคุยเล่นกัน หัวข้อก็มักจะเกี่ยวกับเรื่องแฟนหนุ่มของแต่ละคน


 


มีเด็กสาวสองคนที่มีแฟนอยู่แล้ว ส่วนคนที่เหลือล้วนแล้วแต่ยังไม่มีคู่ เด็กสาวสองคนจึงเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเธอกับแฟนหนุ่ม และถามถึงสเป็คชายหนุ่มจากเด็กสาวคนอื่นๆ


 


“เสี่ยวซวี เธอชอบคนแบบไหนเหรอ?” หนึ่งในพวกเธอถามขึ้นมา


 


“ความจริง ฉันมีคนที่คบด้วยอยู่แล้วน่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“จริงเหรอ?” เด็กสาวถาม


 


พวกเธอต่างก็คิดว่า มันเป็นคำพูดที่ซูเสี่ยวซวีใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงเหล่าชายหนุ่มที่เข้ามาจีบเธอมากกว่า ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เธอจะมีแฟนอยู่จริงๆ


 


“แล้วเขาอยู่ที่ไหนเหรอ? เขาทำงานอะไร? แล้วเธอจะพาเขามาแนะนำให้พวกเรารู้จักเมื่อไหร่?” พวกเธอต่างก็อยากรู้ว่า ผู้ชายแบบไหนที่สามารถได้รับความสนใจจากหญิงสาวที่โดดเด่นแบบซูเสี่ยวซวีได้


 


“เขาไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่งหรอก” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“เขาอยู่ต่างประเทศเหรอ?” หนึ่งในพวกเธอถาม


 


“ไม่ใช่ เขาอยู่ที่จังหวัดฉีจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“จังหวัดฉี?” เพื่อนคนหนึ่งพูด “แล้วเขาทำงานอะไรเหรอ?”


 


“เขาเป็นแพทย์ปรุงยาจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“แพทย์ปรุงยา?” เพื่อนอีกคนพูด


 


“แพทย์ปรุงยาโบราณน่ะ” เด็กสาวอีกคนตอบแทน


 


“ใช่ พวกเธอรู้จักกันไหม?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“ฉันเคยได้ยินชื่อนี้จากปู่ของฉันนะ เขาบอกว่า แพทย์ปรุงยาโบราณสามารถรักษาได้ทุกโรคเลยล่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา


 


ซูเสี่ยวซวีหัวเราะ


 


“เรื่องจริงเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งถาม


 


“ก็ประมาณนั่นจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“เขาอายุเท่าไหร่เหรอ?” หนึ่งในพวกเธอถาม “คงไม่ใช่ว่า…”


 


“เขาอายุ 27 ปีจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“อะไรนะ? แค่ 27 เองเหรอ?” เพื่อนๆของเธอต่างประหลาดใจ


 


ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา รถคันหนึ่งกำลังแล่นด้วยความเร็วสูงอยู่ภายใต้แสงไฟของกรุงปักกิ่ง


 


“คุณหนู เย็นนี้สนุกไหมคะ?” ชูเหลียนถาม


 


“สนุกค่ะ” ซูเสี่ยวซวียิ้ม


 


“ดีแล้วค่ะ” ชูเหลียนพูด


 


“ขอบคุณที่คอยดูแลหนูนะคะ น้าเหลียน” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ” ชูเหลียนพูด เธอห่วงใยในตัวซูเสี่ยวซวีอย่างมาก และคิดกับเธอเหมือนเป็นคนในครอบครัว


 


“หนูคิดถึงหมอหวังค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูดขึ้นมา


 


“อ้อ?” ชูเหลียนแปลกใจเล็กน้อย


 


“หนูอยากจะไปหาเขา” ซูเสี่ยวซวีพ฿ด


 


“เอ่อ…” ชูเหลียนไปรู้ว่าควรตอบกลับไปยังไง “โทรหาเขาสิคะ”


 


ซูเสี่ยวซวีรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อหาเบอร์ของหวังเย้าทันที แต่เธอก็ยังไม่ได้กดโทรออก


 


“น้าคิดว่า หมอหวังจะนอนรึยังคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“เฮ้อ!” ชูเหลียนถอนหายใจออกมา


 


ตื๊ด! ตื๊ด!


 


“ฮัลโหล เสี่ยวซวี” หวังเย้าที่อยู่ปลายสายพูด


 


“ฮัลโหล หมอหวัง” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“เธออยู่ที่มหาลัยเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“เปล่าหรอกค่ะ ฉันกำลังกลับบ้าน” ซูเสี่ยวซวีพูด “หมออยู่ไหนคะ? อยู่บนเนินเขาเหรอคะ?”


 


“อืม ผมอยู่บนเนินเขาหนานชานน่ะ” หวังเย้าพูด


 


“ฉันคิดถึงคุณค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


หวังเย้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “งั้นผมจะไปหาที่ปักกิ่งนะ”


 


“จริงเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน


 


“ผมจะไปหาเธอที่ปักกิ่ง” หวังเย้าพูด


 


“ได้ค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีหัวเราะออกมา เธอตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก


 


หลังจากที่วางสาย หวังเย้าก็หัวเราะออกมาเช่นกัน เขาไม่ทันได้รู้ตัวเลย ในตอนที่คำพูดนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา


 


“น้าเหลียน หมอหวังจะมาหาหนูที่ปักกิ่งล่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“ดีจังเลยนะคะ” ชูเหลียนพูด


 


“ใช่ค่ะ หนูต้องเตรียมตัวแล้ว แต่หนูมีเรียนอยู่หลายวิชาเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


ชูเหลียนมองซูเสี่ยวซวีผ่านทางกระจกมองหลังและส่ายหน้า


 


หลังกลับมาถึงที่บ้าน ซูเสี่ยวซวีก็ตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับตานอนได้


 


“เขาจะมาปักกิ่งเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม


 


“ใช่ค่ะ เขาบอกกับเธอผ่านทางโทรศัพท์ เขาบอกว่า เขาจะมาหาคุณหนูซูค่ะ” ชูเหลียนพูด


 


“เขาพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม


 


“จริงค่ะ ฉันพอจะได้ยินที่เขาพูดอยู่” ชูเหลียนพูด


 


“ไม่แปลกใจเลย ที่เสี่ยวซวีจะดูดีใจขนาดนั้น” ซงรุ่ยปิงพูด


 


ซูเซี่ยงฮวากลับมาถึงบ้านในตอนดึก


 


“คืนนี้ กลับดึกจังเลยนะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“ผมมีประชุมน่ะ” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ทำไมถึงยังไม่นอนล่ะ?”


 


“ฉันมีเรื่องลูกสาวของเราต้องบอกกับคุณค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“หา? เธอเป็นอะไร? เธอไม่สบายเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถามด้วยความเป็นห่วง


 


“เปล่าหรอกค่ะ” ซงรุ่ยปิงบอกเรื่องที่หวังเย้าจะมาปักกิ่งให้สามีของเธอฟัง


 


“อ่อ เช้าใจแล้ว ก็ดีนี่ เรายินดีต้อนรับเขาอยู่แล้ว” ซูเซี่ยงฮวาพูด


 


“คุณเข้าใจความหมายของฉันรึเปล่างคะ?” ซงรุ่ยปิงถาม “เสี่ยวซวีกำลังหลงหมอหวังมากเลยนะคะ”


 


“ขอแค่เสี่ยวซวีก็พอแล้วนี่” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ผมคิดว่า หมอหวังเป็นคนดีคนหนึ่ง ถึงผมจะไม่ค่อยได้ใช้เวลากับเขามาเท่าไหร่ก็เถอะ”


 


“ใช่ค่ะ เขามีชื่อเสียงที่ดี” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“หืม? เธอสืบเรื่องของเขามาแล้วเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม


 


“แน่นอนสิคะ ฉันต้องรู้ก่อนสิว่าเขาเป็นคนยังไง เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเบื้องหลังของคนคนหนึ่งจะมีอะไรซ่อนเอาไว้บ้าง แล้วฉันก็ต้องรับผิดชอบเรื่องอนาคตของลูกสาวเราด้วย” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“อืม มันก็จริง” ซูเซี่ยงฮวาพูด


 


“เขาเป็นหมอมากฝีมือ แล้วก็ไม่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือประวัติอาชญากรอยู่เลย ตรงกันข้าม เขาได้ก่อตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่อยู่ในหมู่บ้านที่ยากจน แล้วเขาก็ยังสร้างถนนและอาคารเรียนให้กับเด็กๆพวกนั้นด้วย” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“ดี” ซูเซี่ยงฮวาพูด


 


“พ่อแม่ของมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้าน ทั้งสองเป็นคนชื่อสัตย์และนิสัยดี พี่สาวของเขาทำงานอยู่ในกรมวิชาการเกษตร แล้วยังมีชื่อเสียงในทางที่ดีด้วย เธอกำลังจะแต่งงานภายในปีนี้” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“ที่รัก น่าเสียดายนะ ที่เธอไม่ได้ทำงานให้กับองค์กร อย่างพวกซีไอเอน่ะ” ซูเซี่ยงฮวาพูดด้วยรอยยิ้ม


664 โดดเรียน


 


“ก็เขาเป็นคนที่ลูกสาวของเรารัก ฉันก็ต้องแน่ใจว่า เขาเป็นคนที่ดีจริงๆน่ะสิคะ ฉันจะได้สบายใจ” ซงรุ่ยปิงพูด เธอมักจะให้ความสำคัญกับเรื่องลูกสาวของเธอมากที่สุดเสมอ


 


“ขอแค่เขาเป็นคนดีผมก็พอใจแล้ว เราไม่ได้ต้องการอะไรจากเขานอกเหนือจากเรื่องนี้อยู่แล้ว” ซูเซี่ยงฮวาพูด


 


ด้วยตระกูลของพวกเขาที่อยู่ในระดับนี้ มันเป็นเรื่องที่ทั้งง่ายและยากในการหาคู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกสาวของพวกเขา และที่สำคัญ ซงรุ่ยปิงยังคิดว่า ไม่มีชายหนุ่มในตระกูลใหญ่คนไหนที่ดีพอกับลูกสาวของเธอเลย


 



 


หวังเย้ายืนมองไปทางทิศเหนืออยู่บนยอดเขา ในเมื่อเธอคิดถึงเขา ทำไมไม่ไปหาเธอซะล่ะ? เขาไม่ได้ไปปักกิ่งนานมากแล้วสินะ


 


หากพูดตามจริง หวังเย้าไม่รู้สึกกระตือรือร้นที่จะไปปักกิ่งเลยสักนิด เขาไม่ชอบเมืองที่วุ่นวาย ปักกิ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยปัญหาและอันตราย มีทั้งคนจนและคนรวยอยู่ปะปนกัน ผู้คนล้วนให้ค่ากับอำนาจและเงินทองมากกว่าสิ่งใด


 


ในเวลาเดียวกัน ชายสองคนกำลังคุยกันอยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเหลียนชาน


 


“ทำไมเราถึงได้เจอแมลงแบบนี้ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนั้นกัน?” ชายวัยประมาณ 30 ถามขึ้นมา “แล้วยังมีอยู่ถึงสองชนิดเลยด้วย”


 


“พวกมันต่างชนิดกัน แต่ก็ไม่ได้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉันว่าฉันรู้แล้ว ว่าแมลงอะไรที่อยู่ที่น้ำพุร้อนในหมู่บ้านหลี่” ชายวัยประมาณ 40 พูด


 


“มันเป็นเพราะอุณหภูมิใต้ดินที่สูงกว่าปกติรึเปล่า?” ชายที่อ่อนกว่าถาม


 


“ใช่ อุณหภูมิเป็นตัวแปรที่ทำให้แมลงพวกนี้เกิดการกลายพันธุ์ จนร่างกายของพวกมันมีพิษแฝงอยู่ แล้วยังเป็นพิษที่รุนแรงมากด้วย” ชายที่แก่กว่าพูด “ไม่ใช่ว่ามีคนในหมู่บ้านถูกมันกัดไปตั้งหลายคนแล้วหรอกเหรอ?”


 


ทั้งสองออกจากหมู่บ้านหวังและตรงไปยังหมู่บ้านหลี่ พวกเขาค้นพบแมลงชนิดที่สองจากเนินเขาที่อยู่ใกล้กับรีสอร์ทน้ำพุร้อน แล้วแมลงชนิดที่สองนี้ยังมีพิษร้ายแรงกว่ามาก


 


“บางที แมลงที่เราพบในอีกหมู่บ้านหนึ่ง อาจจะเป็นตัวแยกย่อยมาจากแมลงชนิดนี้ก็ได้” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“ก็อาจจะใช่ แต่รูปร่างของพวกมันไม่เหมือนกันเลยนะ” ชายที่อ่อนกว่าพูด


 


“ในเมื่อพวกมันเป็นตัวที่แยกย่อยออกมา มันก็ไม่แปลกที่มันอาจจะมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปด้วย” ชายที่แก่กว่าพูด


 


“แล้วเรื่องพิษล่ะ?” ชายที่อ่อนกว่าถาม


 


“ก็ไม่ได้เหมือนกันไปซะทั้งหมดหรอก” ชายที่แก่กว่าพูด


 


ในตอนที่เขาพูดอยู่นั้น ร่างกายของเขาก็มีอาการสั่นสะท้านขึ้นมา


 


“ศิษย์พี่?” ชายที่อ่อนกว่าถามด้วยความเป็นห่วง


 


“ฉันไม่เป็นไร” ชายที่แก่กว่าซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนักพูด ดูเหมือนว่า เขากำลังพยายามอดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น


 


หลังจากผ่านไปได้สักพัก เขาก็พ่นลมหายใจยาวอย่างโล่งอก “พิษมันแรงมาก”


 


เขาจงใจให้แมลงกัดตัวเอง หลังจากจับแมลงมาได้สองชนิด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือปล่อยให้แมลงที่จับได้จากหมู่บ้านหลี่กัดตัวเอง เขาต้องการสัมผัสถึงพิษชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง เมื่อมองไปที่แขนของเขา ก็พบว่ามีรอยกัดอยู่สองรอย


 


“เป็นเพราะอุณหภูมิ แมลงเลยกลายพันธุ์และสร้างพิษขึ้นมา” เขาพูด “พวกมันมีความดุร้ายมากขึ้น และโจมตีทุกอย่างที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน”


 


“ผมว่า ชาวบ้านคงจะไม่มีใครรู้ว่าพวกมันอันตรายมากแค่ไหน” ชายที่อ่อนกว่าพูด เขาหยิบกระบอกไม้สีดำออกมา “ขอลองดูหน่อยนะ”


 


“ฉันว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่หรอกนะ” ชายที่แก่กว่าพูด “ถ้านายต้านพิษไม่ได้ มันจะอันตรายมาก แต่ถ้านายอยากจะลองจริงๆ ก็รอให้อาการของฉันดีขึ้นกว่านี้ก่อนดีกว่านะ”


 


“อืม” ชายที่อ่อนกว่าพูด “แต่ผมไม่อยากรอแล้วนี่!”


 


ค่ำคืนผ่านไปอย่างช้าๆ ดวงตะวันฉายแสงลงมายังพื้นดินในเช้าของวันใหม่


 


หวังเย้าแขวนป้ายเอาไว้ที่หน้าประตู เพื่อแจ้งว่าเขาไม่เปิดคลินิก


 


“หมอคนนี้อยากจะทำอะไรก็ทำ” คนไข้คนหนึ่งมาที่คลินิกพูดขึ้น “เมื่อไหร่ที่เขาไม่อยากจะตรวจคนไข้ เขาก็ปิดคลินิกซะเลย”


 


“ใช่ เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลย” คนไข้อีกคนพูด


 


เมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่เขาปิดคลินิกแล้ว ครั้งนี้ถือว่ามีคนไข้มาน้อยกว่ามาก หลังจากหวังเย้าเปิดบันชีกับเวยป๋อแล้ว คนไข้ส่วนใหญ่ก็จะรู้ว่า เมื่อไหร่ที่เขาจะปิดคลินิก เขาใช้บันชีเวยป๋อของเขาแจ้งกับคนไข้ในตอนที่เขาจะไม่อยู่ เพื่อไม่ใช่หลายๆคนต้องมาเสียเที่ยว แต่เขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า ทุกคนจะรู้เรื่องนี้อย่างทั่วถึง ดังนั้น จึงมีบางคนที่เดินทางมาที่คลินิกอยู่


 


“ไปกันเถอะ” คนไข้พูด


 


ถึงพวกเขาจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ได้แต่ต้องกลับ


 


เวลานั้น หวังเย้าอยู่ในคลินิกพอดี เขาเปิดประตูห้องอ้าเอาไว้ ดังนั้น เขาจึงได้ยินคำพูดของคนไข้ที่ดังมาจากด้านนอก


 


เขาต้องการใช้เวลาในการศึกษาบันทึกในแต่ละวันที่เขาเขียนเอาไว้ เพื่อเป็นการพัฒนาความสามารถของเขา เขาได้ซื้อคอมพิวเตอร์ที่มีฟังค์ชั่นการทำงานครบครันและมีพื้นที่เก็บข้อมูลในปริมาณมากได้


 


พอฉันเสร็จเรื่องนี้เมื่อไหร่ ฉันก็จะไปปักกิ่ง


 


หวังเย้าใช้เวลาศึกษาบันทึกอยู่ไม่นาน เขาใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ เขาอยากจะรักษาชาวบ้านที่ถูกพิษ เขาจึงทำยารักษาสำหรับพวกเขาในคืนนั้น


 


วันต่อมา เขานำยาไปให้คนไข้เหล่านั้นกิน ก่อนที่จะตรวจดูอาการของพวกเขา ทั้งสามล้วนมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


 


“หมอหวัง คุณจะเดินทางไปทื่อื่นเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม


 


“ใช่ ผมจะเดินทางไปปักกิ่ง ฝากดูแลหมู่บ้านให้ด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“วางใจได้เลยครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


เพราะเขาปลูกต้นไม้จำนวนมากเอาไว้บนเขา หวังเย้าจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขาช่วยดูแลในตอนที่เขาไม่อยู่


 


“พ่อจะขึ้นไปนอนเฝ้าบนเนินเขาให้เอง” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“พ่อไม่ต้องนอนบนนั้นก็ได้ครับ แค่ไปรดน้ำต้นไม้ตอนที่มีเวลาว่างก็พอแล้ว” หวังเย้าพูด


 


“ปล่อยเขาไปเถอะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ดูแลบ้านคนเดียวไหวอยู่แล้ว”


 


หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเพื่อตรวจดูพืชและสมุนไพร จากนั้นก็เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อม สมุนไพรบางชนิด โดยเฉพาะสมุนไพรรากกำลังเริ่มบานกันแล้ว พวกมันต่างก็ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเวลาที่พวกมันอาจจะเริ่มโตกันเร็วขึ้น


 


หลังจากจัดแจงเรื่องทุกอย่างในหมู่บ้านจนเสร็จแล้ว หวังเย้าก็เดินทางไปขึ้นเครื่องเพื่อบินไปปักกิ่ง


 


“ลูกบอกว่า จะไปหาใครที่ปักกิ่งนะ?” จางซิวหยิงถาม


 


“เขาบอกว่า เขาจะไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่น” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“หรือเขาจะไปหาเด็กสาวที่มาเมื่อครั้งก่อนรึเปล่า? เด็กคนนั้นสวยมากเลยนะ” จางซิวหยิงพูด


 


“เลิกคิดไปไกลได้แล้ว” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“เขาอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ” จางซิวหยิงถอนหายใจออกมา


 


มันเป็นวันที่สดใสและเจิดจ้าในปักกิ่ง ห้างร้านเต็มไปด้วยผู้คน และท้องถนนก็เต็มไปด้วยรถรา ปักกิ่งยังคงวุ่นวายไม่เปลี่ยนแปลง


 


สำหรับหวังเย้า ปักกิ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เมื่อมองไปที่ผู้คนและรถที่ขับอยู่ตามท้องถนน ก็ทำให้เขารู้สึกกดดันขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ มันเป็นเมืองที่มีจุดเด่นของตัวเองอยู่ ซึ่งก็คือประวัติศาสตร์อันยาวนานและยังเป็นเมืองหลวงของประเทศอีกด้วย มันเต็มไปด้วยโอกาส, ความร่ำรวย, และผู้มากความสามารถ


 


ผู้คนมากมายล้วนอยากมาอยู่ในปักกิ่ง แม้พวกเขาจะต้องต่อสู้ดิ้นรนขนาดไหนก็ตาม พวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยเงินแค่ 5,000 หยวนต่อเดือนอย่างสุนัขตัวหนึ่ง ดีกว่ากลับไปทำงานอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเอง แม้ว่าที่นั่นพวกเขาจะได้เงินเดือนเท่ากันก็ตามที พวกเขาไม่เคยมีความคิดที่ว่า การอยู่บ้านเกิดจะทำให้พวกเขามีชีวิตที่ผ่อนคลายมากกว่า แล้วราคาบ้านในเขตนอกเมืองก็ยังถูกกว่าในเมืองใหญ่มากด้วย


 


หวังเย้าไม่สามารถบอกได้ว่า คนเหล่านั้นดื้อรั้นหรือโง่เง่ากันแน่ หรือบางทีอาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้


 


หลังลงจากเครื่องแล้ว เขาก็ดูเวลาและส่งข้อความไปหาซูเสี่ยวซวี [ผมมาถึงปักกิ่งแล้วนะ]


 


ซูเสี่ยวซวีอยู่ภายในตึกหลังหนึ่งที่กำแพงมีไม้เลื้อยปกคลุมเอาไว้ เธอกำมือแน่นด้วยความตื่นเต้น เย้! ดวงตาที่กระจ่างใสของเธอหรี่ลงจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว


 


“เธอโอเครึเปล่า?” เพื่อนของเธอคนหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ


 


“อื้ม” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


เด็กสาวที่มักจะทำตามกฎของมหาวิทยาลัยอย่างเคร่งครัด ได้ยกมือเพื่อขอออกไปจากห้องเรียน ด้วยข้ออ้างที่ว่า เธอรู้สึกไม่สบาย


 


“ได้สิ สุขภาพสำคัญที่สุด” ศาสตราจารย์ชราพูด


 


คำขอจากสาวน้อยน่าตาน่ารักต้องได้รับการตอบรับอยู่แล้ว


 


เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ซูเสี่ยวซวีก็เดินออกไปจากห้องเรียน ถึงแม้ท่าทางการเดินที่ดูสง่างามของเธอจะดูไม่เหมือนคนป่วยเลยก็ตามที นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอโดดคาบเรียน


 


“สวัสดีค่ะ น้าเหลียน” ซูเสี่ยวซวีพูดเมื่อเธอกลับไปถึงที่บ้าน


 


“สวัสดีค่ะ คุณหนูซู คุณหนูจะไปที่ไหนเหรอคะ? ไม่ใช่ว่าเวลานี้ต้องอยู่ที่มหาลัยเหรอคะ?” ชูเหลียนถาม


 


“หนูได้รับข้อความจากหมอหวังค่ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่สนามบินแล้ว หนูจะไปรับเข้าค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


ชูเหลียนแปลกใจ “เขามาเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?”


 


“เราไปกันเลยไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“โอ้ ได้ค่ะ” ชูเหลียนพูด


 


เธอขับรถพาซูเสี่ยวซวีไปที่สถานบินปักกิ่ง ซูเสี่ยวซวีไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย


 


เด็กโง่ ชูเหลียนคิด “หมอหวังจะอยู่ที่ปักกิ่งกี่วันเหรอคะ?”


 


“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เขาจะอยู่กี่วันก็คงแล้วแต่เขา” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


ชูเหลียนไม่ได้ถามอะไรอีก และคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เธอเชื่อว่า ถ้าหวังเย้าชวนไปนอนค้างในป่า เธอก็คงจะยินดีไปกับเขาอย่างแน่นอน


 


ฉันต้องบอกเรื่องที่หมอหวังมาถึงกับคุณผู้หญิงด้วย ชูเหลียนคิด


 


แม้จะเป็นช่วงเวลานี้ของวัน ท้องถนนของกรุงปักกิ่งก็ไม่เคยร้างรถ ปักกิ่งอาจจะเป็นเมืองที่วุ่นวายที่สุดในโลกแล้วก็ได้


 


“เฮ้อ! ช้าจังเลย!” นี่เป็นครั้งที่เจ็ดแล้ว ที่ซูเสี่ยวซวีบ่นเรื่องการเดินทาง “ตอนนี้ หมอหวังคงจะรอไม่ไหวแล้ว”


 


“หลังจากผ่านแยกนี้ไปได้ เราก็จะถึงสนามบินแล้วล่ะค่ะ” ชูเหลียนพูด


 


หวังเย้ากำลังรออยู่ที่สนามบิน เขาสามารถเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ด้วยตัวเอง แต่เป็นเพราะซูเสี่ยวซวียืนยันว่าจะมารับเขา เขาก็เลยต้องรอเธออยู่แบบนี้ เขาไม่มีอะไรให้ทำ จึงได้เดินวนอยู่ภายในสนามบิน แต่คิดไม่ถึงว่า การกระทำของเขาจะกลายเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน เจ้าหน้าที่คอยจับตาดูเขาอยู่นานจนแน่ใจว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรแล้วจึงละสายตาไป


 


“ปักกิ่งนี่ไม่เหมือนที่อื่นจริงๆ” หวังเย้าพึมพำ


 


“สวัสดีค่ะ หมอหวัง!” น้ำเสียงรื่นรมย์ดังขึ้น


 


เมื่อมองไปตามเสียง เขาก็เห็นหญิงสาวน่าตาสะสวยคนหนึ่ง เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานและเสน่ห์ หลังจากที่ต้องเผชิญกับโรคร้าย เทพพระเจ้าก็ดูเหมือนจะมอบแต่สิ่งดีดีให้กับเธอเพื่อเป็นการชดเชย


 


“ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ หมอหวัง” ซูเสี่ยวซวีแทบจะวิ่งออกมาจากลานจอดรถเพื่อมาหาหวังเย้า


 


“ไม่เป็นไร ขอบคุณที่มารับผมนะ” หวังเย้าพูด


 


“ยินดีต้อนรับสู่ปักกิ่งค่ะ หมอหวัง” ชูเหลียนพูด


 


“ขอบคุณครับ” หวังเย้าพูด


 


“เราไปกันเลยไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีพูดขึ้นมา


 


“โอเค” หวังเย้าพูด


 


หลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว ชูเหลียนก็รับหน้าที่เป็นคนขับเหมือนเดิม ส่วนซูเสี่ยวซวีและหวังเย้าก็นั่งอยู่ที่นั่งด้านหลังด้วยกัน


 


“คราวนี้ คุณจะอยู่กี่วันเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“ประมาณอาทิตย์หนึ่ง” หวังเย้าพูด


 


“หนึ่งอาทิตย์เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีเริ่มคิดแผนการโดดเรียนเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับหวังเย้าทั้งอาทิตย์ขึ้นมาทันที


 


“เธอมีเรียนหลายวิชารึเปล่า?” หวังเย้าถาม


 


“ไม่ค่ะ ไม่เยอะเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“เชียนเชิงจะอยู่ที่กระท่อมเหมือนทุกทีไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“ไม่ดีกว่า ผมจะไปอยู่ที่โรงแรมแทน” หวังเย้าพูด


 


“กระท่อมว่างสำหรับคุณเสมอนะคะ” ชูเหลียนพูด


 


สำหรับตระกูลซู หวังเย้าคือแขกคนพิเศษของพวกเขา พวกเขาต้องดูแลเขาอย่างดีที่สุด เหมือนกับตอนที่หวังเย้ามารักษาซูเสี่ยวซวีในครั้งนั้น ตอนนี้เธอหายเป็นปกติแล้ว และเริ่มคบหากับเขา พวกเขาก็ยิ่งอยากดูแลเขาให้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ


 


“ไม่ดีกว่า ขอบคุณนะครับ ผมว่า คราวนี้ผมขอพักที่โรงแรมดีกว่า” หวังเย้าพูด


 


ชูเหลียนจึงจัดการจองห้องพักที่โรงแรมให้กับเขา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)