Elixir Supplier 659-660

 659 บริษัทยา


 


ซุนหยุนเชิงเข้ามาลงทุนในหมู่บ้านก็เพราะต้องการขอบคุณหวังเย้าเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่โง่ถึงขนาดเอาเงินมาลงทุนในหมู่บ้านที่ไม่มีโอกาสทางธุรกิจหรือโอกาสที่จะทำกำไรได้แบบนี้หรอก


 


“เหมือนเดิมใช่ไหม?” หวังเย้าถาม


 


“ได้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูดด้วยรอยยิ้ม


 


ไม่นาน เขาก็สั่งให้คนจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด หวังเย้าก็ทำการโอนเงินให้ซุนหยุนเชิงผ่านทางมือถือ


 


ตอนนี้ เนินเขาสองลูกได้กลายเป็นของเขาแล้ว


 


“หมอหวังอยากได้บ้านพวกนั้นด้วยไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงาม


 


“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ” หวังเย้าส่ายหน้า “ถ้าในอนาคตผมอยากได้บ้านพวกนั้น ผมจะบอกก็แล้วกันนะ”


 


“ได้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด


 


หวังเย้าซื้อพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านได้ด้วยเงินจำนวนน้อย ซึ่งก็ต้องขอบคุณซุนหยุนเชิง


 


“พ่อของคุณเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม


 


“เขาสบายดีครับ ตอนนี้ก็เพิ่งจะจัดการปัญหาไปได้ชั่วคราว” ซุนหยุนเชิงพูด


 


“ชั่วคราวเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“ครับ เขาต้องจัดการกับคนกลุ่มเดิมนั่น แต่ตอนนี้ คนพวกนั้นหนีออกจากเต๋าไปอยู่ที่เขตเมี่ยวแล้ว” ซุนหยุนเชิงพูด


 


“เขตเมี่ยวเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“ครับ พวกเขาเป็นคนของกลุ่มคนลึกลับที่เรียกตัวเองว่า หุบเขาพันโอสถ” ซุนหยุนเชิงพูด


 


“กลุ่มคนลึกลับที่ชื่อว่า หุบเขาพันโอสถ เหรอ?” นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย้าได้ยินชื่อกลุ่มที่แปลกหูแบบนี้ “มันเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับพวกยาและสมุนไพรเหรอ?”


 


“มันเกี่ยวกับสมุนไพรและยาพิษครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “ผมรู้เรื่องของพวกเขาไม่มาก เพราะพ่อเขาไม่ค่อยอยากจะพูดให้เท่าไหร่น่ะครับ”


 


ซุนเจิ้งหรงไม่ได้เล่าเรื่องของคนกลุ่มนี้ให้ลูกชายของเขารู้มากนัก เพราะเขาคิดว่า การที่ลูกชายของเขารู้ความลับมากเกินไป มันก็อาจจะกลายเป็นปัญหาได้


 


เรื่องราวในโลกใบนี้เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้ว หวังเย้าคิด


 


หลายวันที่ผ่านมา เขาได้รักษาคนไข้ไปเป็นจำนวนมาก แถบค่าประสบการณ์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเขาก็จะได้อัพเกรดอีกครั้งแล้ว


 



 


ภายในหมู่บ้านเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ไกลจากเหลียนชานไปหลายพันไมล์ มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ภายในบ้านไม้หลังหนึ่ง


 


แค่ก! แค่ก! ชายที่ใบหน้าของเขาเป็นประกายสีทองเล็กน้อยได้ไอออกมาอย่างต่อเนื่อง อาการไอของเขาเริ่มแย่ลงทุกขณะ ราวกับว่า เขาจะไอจนปอดหลุดออกมาจากอกยังไงยังงั้น บนใบหน้าของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มตั้งแต่ดวงตาของเขาที่กลายเป็นสีเทาและดำ ซึ่งเป็นสัญญาณของความตาย สีเทาดำเริ่มกระจายไปทั่วทุกส่วนบนใบหน้าของเขา แต่อยู่ๆมันก็หยุดลงด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็น ครู่ต่อมา ใบหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ


 


“อาจารย์ครับ?” มีคนเรียกเขาจากด้านนอก


 


“เข้ามา” เขาพูด


 


ประตูไม้ถูกเปิดออก ชายหนุ่มวัยประมาณ 20 เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยสีดำที่อยู่ในมือ ภายในถ้วยได้ใส่ยาสมุนไพรที่ยังไม่หายร้อนเอาไว้


 


“อาจารย์ครับ ยาสมุนไพรของอาจารย์เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มพูด


 


“ดี วางเอาไว้บนโต๊ะได้เลย” เขาพูด


 


“ได้ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มออกไปจากห้องทันที เพราะรู้ว่า อาจารย์ของเขาไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่นาน


 


ชายชราจับจ้องไปที่ถ้วยยาสมุนไพรที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา เขาหยิบมันขึ้นมาและดื่มยาเข้าไปจนหมดถ้วย


 


เพล้ง! ถ้วยยาตกลงไปที่พื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายของชายชราเริ่มมีอาการสั่นเทา


 


“ฮึ่ม!” ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามอดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอยู่ หลังจากผ่านไปสักพัก สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ “ใกล้แล้ว!”


 



 


ในหมู่บ้าน มีคนจำนวนมากมาออกันอยู่ที่หน้าคลินิกของหวังเย้า


 


“เขาไม่อยู่อีกแล้วเหรอเนี่ย” หนึ่งในคนไข้พูดออกมาด้วยความผิดหวัง เขาไม่ใช่คนเดียวที่มาแล้วต้องผิดหวัง


 


“หมอหวังมัวไปทำอะไรอยู่กันแน่?” คนไข้อีกคนถาม “นี่มันครั้งที่สามของอาทิตย์นี้แล้วนะ”


 


“นั่นน่ะสิ” คนไข้อีกหลายคนเออออตามกัน


 


หวังเย้ากำลังปลูกต้นไม้อยู่ เขาปิดคลินิกก็เพื่อมาปลูกต้นไม้บนเขา ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างช่ำชอง สามวันที่ผ่านมา เขาปลูกต้นไม้ไปแล้วหลายร้อยต้นและขุดลำธารเล็กๆขึ้นมาสองสายเพื่อใช้รดน้ำต้นไม้ ถึงที่ดินรูปตัวยูจะอยู่ติดกับเนินเขาหนานชาน แต่พลังงานของมันก็ต่างจากแปลงสมุนไพรของเขา และต้นไม้ที่เขาเพิ่งปลูกไปก็ใช้แค่เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น


 


หลังจากทำงานมาตลอดทั้งวัน เขาก็กลับไปที่บ้าน


 


“สองสามวันนี้ มีคนมาที่คลินิกเยอะเลยนะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด


 


“ผมรู้ครับ ว่าพวกเขามาตอนที่ผมไม่อยู่” หวังเย้าพูด “แล้วมีใครมาที่บ้านรึเปล่าครับ?”


 


“ไม่มีหรอกจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด


 


คนไข้ทุกคนล้วนปฏิบัติตามกฎที่ไม่ให้ใครไปรบกวนคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี


 


“ทำไมลูกไม่แจ้งไว้ล่วงหน้าสักหน่อยล่ะ ว่าวันไหนที่ลูกจะไม่อยู่ คนที่มาเขาจะได้ไม่มาเสียเที่ยวกัน?” จางซิวหยิงพูด “แม่ได้ยินมาว่า มีบางคนที่มาจากห่ายชิวด้วยนะ”


 


“เอ่อ…” หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางที ผมน่าจะเปิดบันชีเวยป๋อดู”


 


“มันคืออะไรเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม


 


“เป็นบันชีในอินเตอร์เนตน่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


คืนนั้น หวังเย้าได้เปิดบันชีเวยป๋อขึ้นมาด้วยชื่อ หนานชานเภสัชกร


 


เช้าวันต่อมา เขานำป้ายที่มีชื่อบันชีเวยป๋อของเขาติดเอาไว้ที่หน้าคลินิกเพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบ ทีนี้ คนไข้ของเขาก็จะได้รู้ล่วงหน้าว่าเขาอยู่ที่คลินิกหรือไม่


 


[พรุ่งนี้คลินิกปิด ขออภัยในความไม่สะดวก] หวังเย้าอัพข้อความลงในเวยป๋อในเย็นของวันนั้น แล้วก็มีคนเข้ามาอ่านในเวลาไม่นาน


 


หวังเย้าเป็นชายที่ค่อนข้างล่าสมัย เขาแทบจะไม่เล่นโซเชี่ยลอย่างพวกเวยป๋อหรือวีแชทเลย


 



 


ที่โรงพยาบาลเหลียนชาน พันจวินได้เข้าไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล


 


“ผู้อำนวยการมีเรื่องอยากจะคุยกับผมเหรอครับ?” พันจวินถาม


 


“ใช่ หมอพันนั่งก่อนสิ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด “ผมได้ยินว่าคุณมีอาจารย์อยู่ที่หมู่บ้านคนหนึ่ง”


 


“ใช่ครับ” พันจวินพูด


 


“เขาเก่งเรื่องการรักษาคนไข้ที่เป็นเส้นเลือดอุดตันเหรอ?” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลถาม


 


“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่แค่เส้นเลือดอุดตันเท่านั้นหรอกครับ เขารักษาได้ดีในทุกโรคเลยต่างหาก” พันจวินพูด


 


“ผมได้ยินมาว่า เขามีสมุนไพรที่ใช้รักษาคนไข้เส้นเลือดอุดตันได้มีประสิทธิภาพมากอยู่ด้วย” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด


 


“เอ่อ ครับ” หลังจากชะงักไปสองวินาที พันจวินก็ตอบกลับไป


 


“มันจะเป็นไปได้ไหม…” ผู้อำนวยการพยายามจะพูดบางอย่างออกมา แต่เขาก็หยุดไป


 


มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ถ้าหากมีสมุนไพรที่สามารถรักษาอาการเส้นเลือดอุดตันอยู่ในมือ มันไม่ต่างจากแม่ไก่ที่ออกไข่ออกมาเป็นทองคำ


 


พันจวินเข้าใจในสิ่งที่ผู้อำนวยการต้องการจะสื่อในทันที “ผมจะลองถามเขาดูให้นะครับ”


 


“โอเค ช่วยถามเขาให้ทีนะ” ผู้อำนวยการพูดด้วยรอยยิ้ม


 


หลังออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว พันจวินก็รู้สึกแย่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้คุยกับผู้อำนวยการ เขาต้องการอะไรกันแน่? ไร้ยางอายจริงๆ!


 


ในตอนกลางวัน เขาจึงไปหาหวังเย้าเพื่อเล่าเรื่องบทสนทนากับผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้หวังเย้าฟัง


 


“เขารู้ได้ยังไงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ก็ช่วงนี้อาจารย์รักษาคนไข้ตั้งเยอะ” พันจวินพูด “บางคนที่เป็นเส้นเลือดอุดตันก็ได้ยาจากอาจารย์ไปกินด้วย คนก็เลยเริ่มรู้เรื่องนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้น่ะ”


 


“เขาเป็นพวกโลภมากรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เขามีชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก” พันจวินพูด “แล้วก็ถูกต้อง เขาเป็นพวกโลภมาก ถ้าทำได้ อาจารย์ก็รีบไปจดสิทธิบัตรเอาไว้ดีกว่านะ”


 


“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด


 


“แล้วฉันได้ยินมาว่า ตระกูลของคุณเจิ้งมีบริษัทยาที่มีชื่อเสียงอยู่ด้วย อาจารย์ก็ลองไปขอคำแนะนำจากเขาดูสิ” พันจวินแนะนำ


 


“โอเค ขอบคุณที่มาเตือนผมนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง” พันจวินพูด


 


ในคืนนั้น หวังเย้าไปที่บ้านของซุนหยุนเชิงเพื่อไปพบเจิ้งชื่อฉง เขาได้ถามเจิ้งชื่อฉงเกี่ยวกับเรื่องของการจดสิทธิบัตรยา


 


“หมออยากจะจดสิทธิบัตรยาสมุนไพรของหมอเหรอครับ? เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลย” เจิ้งชื่อฉงยินดีอย่างมากที่หวังเย้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา


 


“หมอเคยคิดที่จะเปิดบริษัทยาเพื่อผลิตยาสมุนไพรของตัวเองบ้างไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม


 


“ผลิตยาของผมเองเหรอ?” หวังเย้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย


 


ด้วยความช่วยเหลือของระบบวิเศษ จึงทำให้เขามีความรู้เกินกว่าที่ใครๆจะสามารถจินตนาการได้ เขามีสูตรยาอยู่นับไม่ถ้วน บางสูตรก็สามารถใช้สมุนไพรที่มีขายอยู่ทั่วไปได้ ส่วนสูตรอื่นนั้นค่อนข้างพิเศษ เพราะมันเป็นสูตรที่ได้รับมาจากระบบเอง ไม่มีใครสามารถเข้าถึงสมุนไพรรากได้นอกจากเขา


 


“มันยากไหมครับ ถ้าจะทำบริษัทยาน่ะ?” หวังเย้าถาม


 


“ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอกครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


ทางรัฐบาลค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องของการผลิตยาออกจำหน่าย และการขออนุญาตผลิตยาก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ยากที่สุดในประเทศด้วย


 


“หมอจะลองพิจารณาดูสักหน่อยไหมครับ?” เจิงเหว่ยจวินถาม


 


“บอกตามตรงนะครับ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย” หวังเย้าพูด “แต่พอคุณพูดขึ้นมา ผมก็เริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ควรจะลงมือทำเลยสิครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


การก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมามีขั้นตอนยุ่งยากหลายอย่าง และมีสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมอยู่มากมาย


 


“แล้วการก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมา จะต้องให้เงินประมาณเท่าไหร่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“มันก็พูดยากนะครับ แต่อย่างน้อยก็ต้องสิบล้านหยวนขึ้นไปครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


“โห เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวังเย้าประหลาดใจ


 


“นี่เป็นแค่จำนวนเงินที่ต่ำที่สุดนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


“เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด


 


“ถ้าหมอไม่ว่าอะไร ผมสามารถช่วยได้นะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


“คุณหมายความว่ายังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“เราสามารถเป็นหุ้นส่วนในการก่อตั้งบริษัทขึ้นมาด้วยกันยังไงล่ะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


เขาเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะเขาต้องการจะขอบคุณหวังเย้าที่รักษาเขา รวมไปถึง ความประทับใจในความมหัศจรรย์ของยาสมุนไพรด้วย เขามีประสบการณ์โดยตรงกับยาสมุนไพรที่ทำขึ้นมาจากสมุนไพรราก ถ้าหากสามารถผลิตยาสมุนไพรที่ทำจากสมุนไพรรากได้ในปริมาณมาก เขาและหวังเย้าก็จะสามารถสร้างกำไรมหาศาลจากการจำหน่ายยาเหล่านี้ ซึ่งมันเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้


 


“หุ้นส่วนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่ครับ ผมจะให้คุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องทุกอย่างครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


 


“ผมจะลองคิดดูนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“ได้เลยครับ ผมจะให้คนไปจัดการเรื่องจดสิทธิบัตรให้ทันทีเลยนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด


660 พบปะ


 


พันจวินเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล “ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่าเขาจดสิทธิบัตรไปเรียบร้อยแล้ว”


 


“ผมเข้าใจแล้ว มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด “ช่วงนี้งานคุณยุ่งรึเปล่า?”


 


“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ” พันจวินพูด


 


“คุณอายุยังน้อย ตั้งใจทำงานต่อไปนะ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด


 


“มีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?” พันจวินถาม


 


“ไม่มีแล้วล่ะ ไว้ค่อยคุยกันคราวหน้านะ” ผู้อำนวยการพูด


 


หลังพันจวินออกไปจากห้อง สีหน้าของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหลียงก็กลายเป็นไม่น่าดูในทันที


 


“เขาจดสิทธิบัตรแล้วงั้นเหรอ รวดเร็วจริงๆเลยนะ!” เขามองไปที่ประตู “ฉันสงสัยจริงๆ ว่าที่หมอพันพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”


 


ในหมู่บ้าน มีหลายคนที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนพื้นที่รูปตัวยูที่อยู่ตรงตีนเขาหนานชาน


 


“ว้าว! ใครเอาต้นไม้มาปลูกที่นี่เยอะแยะเลย?” คนที่เห็นต้นไม้หลายร้อยต้นที่หวังเย้าปลูกไว้พูดขึ้นมา


 


“เสี่ยวเย้าเป็นคนปลูกทั้งหมดนี่เลยเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม “เมื่อสองสามวันก่อน ฉันก็ว่ามีรถขนต้นไม้เข้ามาในหมู่บ้านด้วยล่ะ”


 


“ทำไมเขาต้องเอาต้นไม้มาปลูกที่นี่เยอะขนาดนี้ด้วยล่ะ? แล้วที่ตรงนี้เป็นของเขาด้วยเหรอ?” หญิงชาวบ้านถาม


 


“เหมือนจะใช่นะ” ชายวัยกลางคนพูด “เธอไม่เห็นประกาศของกรรมการหมู่บ้านเหรอ?”


 


“หา? เขาทำสัญญาเพิ่มเหรอ?” ชายชราคนหนึ่งถาม


 


“ใช่ แต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วนี่ ถ้าไม่มีคนดูแล ที่ตรงนี้ก็จะถูกทิ้งให้เสียเปล่าไป” ชายวัยกลางคนพูด เจามีความประทับใจที่ดีต่อหวังเย้า ดังนั้น เขาจึงพูดเข้าข้างเขา


 


“แล้วทำไมเขาถึงต้องปลูกต้นไม้เยอะขนาดนี้ด้วยล่ะ?” หญิงชาวบ้านถาม


 


“เขาอาจจะทำกำไรจากต้นไม้พวกนี้ก็ได้?” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูด


 


“ดูต้นไม้พวกนั้นดีดีซะก่อนสิ มีแต่ต้นยูคา แล้วนั้นก็ต้นเอล์ม” หญิงชาวบ้านพูด “คิดว่า เขาจะเอาต้นไม้พวกนั้นไปทำกำไรได้ด้วยเหรอ?”


 


“จะไปสนใจเรื่องนั้นทำไมกันล่ะ?” ชายวัยกลางคนพูด


 


“ใช่ มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ฉันไปละ” หญิงชาวบ้านพูด


 


มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน


 


“ที่นี่มีคนขึ้นมาน้อยลงไปทุกที อีกหน่อย ก็คงจะเหลือแค่คนแก่ๆอย่างฉันเท่านั้น” ชายชราคนหนึ่งพูด


 


“ใช่ คนหนุ่มสาวคงไม่มีใครมาอยู่ที่นี่หรอก” ชายวัยกลางคนพูด “แต่ก็มีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น”


 


“เสี่ยวเย้าน่ะเหรอ?” ชายชราถาม “เขาเป็นคนที่แปลกจริงๆ”


 


ชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนคิดว่า หวังเย้าเป็นคนประหลาด พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกมาอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้ ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็เป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่


 


“ฉันล่ะไม่เข้าใจคนหนุ่มสาวสมัยนี้เลยจริงๆ” ชายชราพูด


 


หวังเย้าผู้ที่ถูกชาวบ้านมองว่าเป็นคนประหลาดนั้น ก็กำลังตรวจคนไข้อยู่ภายในคลินิกของเขาเอง และในตอนเที่ยงก็มีแขกที่คาดไม่ถึงเดินทางมาหาเขา


 


พวกเขาก็คือ เทียนหยวนถูและเว่ยห่าย


 


“ทำไมถึงมาที่นี่กันได้ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันไม่ได้เจอนายนานมากแล้วนะ ฉันก็เลยมาที่นี่เพราะคิดถึงนายยังไงล่ะ” เว่ยห่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “โอ้โห นายมีคนไข้เยอะเลยนะ”


 


“ครับ” หวังเย้าพูด “แล้วกินข้าวกันมารึยัง?”


 


“ยังเลย” เว่ยห่ายพูด


 


“ผมเลี้ยงเอง” หวังเย้าพูด


 


พวกเขาไปที่ร้านอาหารร้านเดิม ทั้งสามสั่งอาหารมาหลายจาน พร้อมทั้งสั่งไวน์มาดื่มด้วยอีกหนึ่งขวด


 


“นี่ขับรถมาที่นี่กันเองรึเปล่า?” หวังเย้าถาม


 


“เปล่าหรอก เราสั่งให้คนขับมารับเราหลังจากนี้แล้วล่ะ” เว่ยห่ายพูด


 


ทั้งเว่ยห่ายและเทียนหยวนถูต่างก็เป็นนักธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น พวกเขาจึงมีคนขับรถที่สามารถเรียกตัวได้ทุกเวลาอยู่


 


“เป็นคนรวยนี่มันดีจังเลยนะ” หวังเย้าพูดหยอก


 


ทั้งสามทานอาหารและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ


 


“ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามพวกพี่อยู่พอดีเลย” หวังเย้าบอกเรื่องข้อเสนอของเจิ้งเหว่ยจวินให้เว่ยห่ายและเทียนหยวนถูฟัง


 


“บริษัทยาเหรอ?” เว่ยห่ายพูด


 


“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องดีนะ บริษัทยาทำกำไรได้ดีมาก แล้วยังได้ความช่วยเหลือจากตระกูลเจิ้งอีก แบบนี้เรื่องก็ง่ายขึ้นเยอะเลยล่ะ” เทียนหยวนถูพูด


 


“ฉันรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่ที่นายรู้จักมีแต่พวกตระกูลใหญ่ทั้งนั้นเลยนะ” เว่ยห่ายพูดในขณะที่เขาตักอาหารเข้าปาก


 


ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พวกเขาจึงไม่คิดว่า คนอย่างเจิ้งเหว่ยจวินจะมารับการรักษาจากหวังเย้าได้ แล้วก็ดูเหมือนว่า เขาจะพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังเย้าอีกด้วย


 


“ซุนหยุนเชิงเป็นคนแนะนำผมให้พวกเขาได้รู้จัก ผมเดาว่า ตระกูลซุนคงจะเคยทำธุรกิจบางอย่างกับตระกูลเจิ้งมาก่อน” หวังเย้าพูด


 


“ใช่แล้วล่ะ แล้วพวกเขาทั้งก็อยู่ในระดับเดียวกันด้วย” เทียนหยวนถูพูด “ซุนเจิ้งหรงมีฐานธุรกิจอยู่ทางเหนือของแม่น้ำแยงซี ส่วนเจิ้งเหว่ยจวินและตระกูลของเขามีฐานธุรกิจอยู่ทางใต้ของแม่น้ำ แล้วหนึ่งในญาติของเจิ้งเหว่ยจวินยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลด้วย เขาถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในธุรกิจของตระกูลมาก แต่ซุนเจิ้งหรงไม่ได้มีข้อได้เปรียบเดียวกันนี้ นายก็ลองคิดเรื่องนี้ให้ดีดีก่อนก็แล้วกันนะ”


 


“ใช่แล้วล่ะ” เว่ยห่ายเห็นด้วย


 


“จริงๆ ผมสนใจข้อเสนอนี้มากเลยนะ” หวังเย้าพูด


 


เขามีความรู้เรื่องสมุนไพรและยาอยู่อย่างมากมายมหาศาล ถ้าหากเขานำมันไปใช้รักษาคนไข้เพียงอย่างเดียว มันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แล้วเขาก็ยังได้รับภารกิจในการสร้างชื่อแลกู้ชื่อเสียงของแพทย์ปรุงยากลับคืนมาด้วย ดังนั้น การก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมาก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการทำภารกิจให้สำเร็จ


 


“เราจะคอยสนับสนุนนายตลอดนะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย” เว่ยห่ายพูด


 


“ใช่แล้วล่ะ มันจะดีกว่านี้อีก ถ้าเราได้ลงทุนในบริษัทของนายด้วย” เทียนหยวนถูพูดหยอก


 


“แล้วฉันก็อยากจะแนะนำอะไรสักอย่าง นายควรจะต้องเป็นคนที่มีสิทธิขาดทั้งหมดในบริษัท ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ นายก็จะเป็นแค่เครื่องผลิตเงินให้กับพวกเขาเท่านั้นแหละ” เว่ยห่ายพูด


 


“ได้ ผมจะคิดเรื่องนี้ดู” หวังเย้าพูด


 


“ดี เรามาชนแก้วกันเถอะ” เว่ยห่ายพูด


 


“ได้เลย” หวังเย้าพูด


 


“ขอให้มิตรภาพของเรายั้งยืนตลอดกาล” เว่ยห่ายพูด


 


พวกเขาทั้งสามกินอาหารเที่ยงยาวไปจนถึงบ่ายสองโมง เว่ยห่ายและเทียนหยวนถูต่างก็อยู่ในอารมณ์ที่ดี พวกเขาจึงดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้ว คนขับของพวกเขาได้มารออยู่แล้ว แต่พวกเขาต่างก็รออยู่ด้านนอก ดังนั้น ทั้งสองจึงดื่มมากกว่าปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขับรถ


 


“ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ คราวหน้า ถ้านายมาห่ายชิวฉันขอเป็นเจ้าภาพเองนะ” เว่ยห่ายพูด


 


“ได้เลย” หวังเย้าพูด


 


“ถ้านายมาห่ายชิวเมื่อไหร่ ต้องโทรบอกฉันนะ” เว่ยห่ายพูด


 


หวังเย้ายืนมองส่งพวกเขาอยู่ที่ข้างถนน ต้นไม้ที่อยู่สองข้างทางส่ายไปมาด้วยแรงลม


 


มันเป็นเรื่องดีที่ได้พบเจอกับเพื่อนฝูง พวกเขาพูดคุยกันและดื่มไวน์ด้วยกัน พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องสลักสำคัญอะไร มันเป็นเพียงบทสนทนาทั่วๆไปที่เพื่อนส่วนใหญ่คุยกันเท่านั้น


 


เพื่อนแท้ก็เหมือนสายน้ำ ในบางความสัมพันธ์ แม้ว่าจะดูเหมือนกับไวน์ชั้นดี แต่กลับไม่ใช่มิตรแท้


 


หมู่บ้านหลี่ที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไป ก่อนหน้านี้ มีคนในเหลียนชานไม่มากที่รู้จักสถานที่แห่งนี้ เพราะมันอยู่ห่างไกลและไม่มีสิ่งที่น่าสนใจสักอย่าง ซึ่งต่างจากสถานที่อื่นที่มีอาหารอร่อยๆของท้องถิ่นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ในอดีต หมู่บ้านหลี่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย แต่ในเวลานี้ ผู้คนในเหลียนชานล้วนแล้วแต่รู้จักที่นี่ ซึ่งก็ต้องขอบคุณน้ำพุร้อนนั่นเอง


 


บริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจรีสอร์ทในหมู่บ้านได้ใช้ความพยายามในการโฆษณาสถานที่แห่งนี้อย่างมาก พวกเขาเป็นนักลงทุนที่มาจากทางใต้ และได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในน้ำพุร้อนเอาไว้มากมาย มันจึงกลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงวันหยุด


 


ชาวเมืองเหลียนชานเคยเห็นน้ำพุร้อนแค่จากในทีวีเท่านั้น แต่ในตอนนี้ พวกเขามีโอกาสได้ลองแช่น้ำพุร้อนในเขตของตัวเองแล้ว และพวกเขาต่างก็เดินทางไปเยี่ยมเยือนที่นั่นก็เพราะความสนใจใคร่รู้ของพวกเขาเอง


 


“โอ้โห ได้แช่ในน้ำร้อนแบบนี้ มันรู้สึกสบายมากเลยนะ” นักท่องเที่ยวคนหนึ่งพูด


 


เขาและเพื่อนเดินทางมาที่รีสอร์ทแห่งนี้เพื่อมาลองแช่น้ำพุร้อน ซึ่งมีอุณภูมิที่สูงเล็กน้อย


 


“ใช่แล้วล่ะ” เพื่อนๆของเขาพูด


 


“ฉันว่า พวกเขาน่าจะสร้างบ้านเอาไว้ที่นี่ด้วยนะ คงมีคนสนใจเข้ามาซื้อเยอะเลยล่ะ” ชายคนแรกพูด


 


“ฉันเห็นด้วยนะ” เพื่อนของเขาพูด


 


“พวกนายพูดจริงเหรอ?” เพื่อนอีกคนถาม “ฉันได้ยินมาว่า ที่นี่เคยมีแมลงพิษอยู่ด้วย และก็ยังมีคนตายเพราะแมลงพิษไปสองคนแล้ว”


 


“อะไรนะ? เรื่องจริงเหรอ?” ชายคนแรกถาม “เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง แมลงที่ไหนจะมาฆ่าคนได้กัน?”


 


“นั่นน่ะสิ” เพื่อของเขาพูด


 


ภายในบ้านหลังหนึ่งที่หมู่บ้านหลี่ ชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงนอน ดวงตาของเขาปิดสนิท ใบหน้าของเขามีสีเขียวคล้ำ


 


“เป็นอะไรไปน่ะ?” ภรรยาของเขาถาม “ออกไปข้างนอกเมื่อกี้ก็ยังดีดีอยู่เลยนี่นา”


 


“ฉันโดนแมลงกัดเข้าตอนอยู่บนเขาน่ะสิ” เขาพูด


 


“แมลงอะไรเหรอ?” ภรรยาของเขาถาม


 


“มันไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้นะ รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเร็วเข้า” แม่ของเขาพูด


 


“ใช่ๆๆ ฉันจะพาเขาไปโรงพยาบาล” ภรรยาของเขาพูด


 


รถคันหนึ่งขับออกไปจากหมู่บ้านหลี่ด้วยความเร่งรีบ ภรรยาของชายที่โดนแมลงกัดพาเขาไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเหลียนชาน


 


“หมอคะ ช่วยตรวจเขาทีได้ไหมคะ?” ภรรยาของพูดออกมาด้วยความกังวล


 


“หืม?” แพทย์ที่เข้าเวรอยู่เดินตรงเข้าไปหาทันทีที่เขาเห็นสภาพของคนไข้


 


“เขาเป็นอะไรมาเหรอ?” แพทย์ถาม


 


“ฉันคิดว่า เขาถูกพิษค่ะ” ภรรยาของคนไข้พูด


 


“พิษอะไรครับ? แล้วเขาทานอะไรมาก่อนหน้านี้?” แพทย์ถาม


 


“ไม่ได้มาจากของกินหรอกค่ะ แต่เขาโดนกัดตอนอยู่บนเขา” ภรรยาของเขาพูด


 


“โดนงูกัดมาเหรอครับ?” ทางเหนือของประเทศมีงูพิษอยู่แค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ในเขตเหลียนชาน ไม่มีคนโดนงูพิษกัดมานานเป็นสิบๆปีแล้ว แล้วมันก็ไม่มีงูพิษอยู่ในเขตเหลียนชานด้วย


 


“ไม่ใช่งูค่ะ เขาโดนแมลงกัดมา” ภรรยาของเขาพูด


 


“แมลงแบบไหนเหรอครับ มันถึงมีพิษรุนแรงขนาดนี้ได้?” แพทย์ที่กำลังตรวจอาการคนไข้อยู่ถามขึ้นมา


 


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ภรรยาคนไข้พูด


 


“แมลงงั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา หมออีกคนก็เดินเข้ามา ซึ่งเขาก็คือพันจวินนั่นเอง


 


“สวัสดีครับ หมอพัน” แพทย์เวรพูด


 


“ผมขอตรวจดูหน่อยนะ” พันจวินรีบเข้าไปตรวจดูอาการของคนไข้


 


อัตราการเต้นของหัวใจเร็วมาก และความดันโลหิตของเขาก็สูงด้วยเช่นกัน เขาหายใจติดขัดและไม่ได้สติ


 


“คุณเป็นคนที่ไหนเหรอครับ?” พันจวินถาม


 


“หมู่บ้านหลี่ค่ะ” ภรรยาของคนไข้พูด


 


“หมู่บ้านหลี่อย่างนั้นเหรอ?” พันจวินพูด


 


มันเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงจากการที่มีน้ำพุร้อนตั้งอยู่ และหลายๆคนก็รู้เรื่องนี้กันดี พันจวินยังรู้ด้วยว่า หมู่บ้านหลี่นั้นอยู่ใกล้กับหมู่บ้านของหวังเย้า ซึ่งเคยถูกกักกันเพราะโรคระบาดจากแมลงพิษไปเมื่อไม่นานมานี้


 


คนไข้รายนี้จะเกี่ยวกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ด้วยรึเปล่านะ? พันจวินสงสัย


 


“หมอพัน เราควรจะทำยังไงกันดีครับ?” แพทย์เวรถาม


 


“ส่งเขาไปตรวจเลือด แล้วก็รีบๆด้วยนะ เตรียมเครื่องช่วยหายใจให้พร้อมด้วย” พันจวินสั่ง


 


“ครับ” แพทย์เวรพูด


 


เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต่างปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 


ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับหมอหวัง พันจวินโทรไปหาหวังเย้า


 


“มีคนจากหมู่บ้านหลี่ถูกพิษเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่ ภรรยาของคนไข้บอกว่าเขาถูกแมลงกัดมา” พันจวินพูด


 


“เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด


 


“อาจารย์พอจะมีวิธีการรักษาดีดีบ้างไหม?” พันจวินถาม


 


“ผมเดาว่า ที่โรงพยาบาลคงจะไม่มียารักษาที่มีประสิทธิภาพสินะครับ แต่ผมมียาที่รักษาได้ผลอยู่” หวังเย้าพูด


 


“จริงเหรอ?” พันจวินถาม


 


แต่ตอนนี้คนไข้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มันคงไม่เหมาะ หากจะพาพวกเขาไปรักษาที่คลินิกของหวังเย้าในเวลานี้


 


“ผมให้พี่เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ได้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“โอเค” พันจวินพูด


 


ทันทีที่ผลตรวจออกมา คนไข้ก็ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล


 


“สวัสดี หมอซวี คนไข้ที่โดนแมลงกัดตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง?” พันจวินถาม


 


“อาการของเขาเข้าขั้นวิกฤตเลยล่ะ แล้วก็มีโอกาสที่หัวใจจะล้มเหลวด้วย” หมอซวีพูด


 


“แล้วจะช่วยให้อาการของเขาดีขึ้นได้ไหม?” พันจวินถาม


 


“ผมก็ไม่แน่ใจ” หมอซวีพูด “อาการของคนไข้ตอนนี้ไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย พวกเขาบอกว่า เขาถูกพิษมา แล้วผมยังพบรอยกัดเล็กๆบนร่างกายของเขาด้วย และอาการของเขาก็เป็นอาการของคนที่ถูกพิษ พูดตามตรงนะ ไม่ใช่ว่าเขาควรจะถูกส่งตัวไปที่แผนกผู้ป่วยอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงถูกตัวมาที่นี่แทนล่ะ?”


 


“ผมคงตอบเรื่องนี้ไม่ได้” พันจวินพูดแล้วก็เดินจากไป


 


พูดเป็นเล่นไป จะให้ส่งเขาไปที่แผนกผู้ป่วยอุบัติเหตุเนี่ยนะ? หมอแผนกนั้นไม่เห็นจะทำอะไรได้สักอย่าง! พันจวินคิด


 


“นี่ อย่าเพิ่งไปสิ!” หมอซวีตะโกน


 


ภายในห้องคนไข้ คนไข้ได้สติกลับมาแล้ว


 


“เป็นยังไงบ้าง?” ภรรยาของเขาถามด้วยความกังวล


 


“หา…หา…” เขาเรียกชื่อคนในบ้านก่อนที่จะหมดสติไป


 


“เป็นอะไรน่ะ?” ภรรยาของเขาถาม


 


“เขาพูดว่าอะไรบ้างคะ?” พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลถาม


 


“เขาบอกว่าอยากเจอเหมาหมิงค่ะ” ภรรยาของคนไข้พูด


 


“แล้วเหมาหมิงเป็นใครเหรอคะ?” พยาบาลถาม


 


“ฉันเพิ่งจะนึกออกตอนนี้นี่เอง ลูกชายของเหมาหมิงก็โดนแมลงกัดเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว” ภรรยาของคนไข้พูด


 


“แล้วเขาไปรักษาที่ไหนเหรอคะ?” พยาบาลถาม


 


“ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” ภรรยาคนไข้พูด


 


แล้วเธอก็รีบโทรหาคนที่บ้านเพื่อถามเรื่องลูกชายของเหมาหมิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)