Elixir Supplier 657-658
657 เนินเขาลูกนี้ สถานที่แห่งนี้
บางทีหวังเจียนหลี่อาจจะอยากช่วยเขาจริงๆ เขาได้เรียกกรรมการทุกคนมาประชุมเกี่ยวกับเรื่องของหวังเย้าในบ่ายวันนั้นเลย
ที่ดินส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าของ แล้วไม่กี่ปีที่ผ่านมา หวังเย้าก็มีชื่อเสียงที่ดี ดังนั้น จึงไม่มีใครในหมู่กรรมการต่อต้านเรื่องนี้
หวังเจียนหลี่ไปที่บ้านของหวังเย้าในคืนนั้น
“สวัสดี พี่เจียนหลี่ เข้ามาก่อนสิ” จางซิวหยิงพูด
“สวัสดีครับ ลุงเจียนหลี่” หวังเย้าพูด
“เรื่องของเธอผ่านการเห็นชอบของกรรมการหมู่บ้านแล้วนะ พรุ่งนี้ก็มาจัดการเรื่องเอกสารที่ออฟฟิสของหมู่บ้านด้วยล่ะ” หวังเจียนหลี่พูด
“ขอบคุณมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก แต่ก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับความรวดเร็วนี้อยู่ดี
“มันน่าเสียดายน่ะ ที่ที่ดินพวกนั้นจะต้องถูกทิ้งเอาไว้ไม่มีใครเอาไปใช้” หวังเจียนหลี่พูด “แล้วเธอจะเอาไปทำอะไรเหรอ?”
“ผมอยากจะปลูกต้นไม้ เพื่อให้สภาพแวดล้อมของที่นี่ดีขึ้นครับ” หวังเย้าพูด
“จริงเหรอ?” หวังเจียนหลี่ถามด้วยความแปลกใจ
“ครับ ผมแค่อยากจะปลูกต้นไม้แค่นั้นจริงๆ” หวังเย้าพูด
ก็ดีนะ” หวังเจียนหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมชายหนุ่มมากความสามารถแบบหวังเย้าถึงได้เลือกที่จะอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ เขาต่างไปจากคนรุ่นเดียวกัน และยังเป็นคนดีอีกด้วย เวลาชาวบ้านไปที่รักษากับเขาก็เสียเงินเพียงเล็กน้อย บางคนก็ไม่ต้องจ่ายเงินเลย ดังนั้น หวังเจียนหลี่จึงคิดว่า การช่วยหวังเย้านั้นเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
หลังจากอยู่พูดคุยและสูบบุหรี่ในบ้านของหวังเย้าได้สักพัก หวังเจียนหลี่ก็ขอตัวกลับ
หลังหวังเจียนหลี่กลับไป หวังเย้าก็ออกจากบ้านเช่นกัน
“ซานเซียน ที่ดินที่ตีนเขาตรงนั้นก็จะกลายเป็นของพวกเราแล้วนะ” หวังเย้าพูดพร้อมกับชี้ไปที่ที่ดิน
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมาด้วยท่าทีมีความสุข ราวกับมันเข้าใจคำพูดของหวังเย้า
“ในอนาคตนาย นายจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้น” หวังเย้าพูด
ที่ดินเยอะขนาดนี้ หรือฉันจะหาตัวช่วยเพิ่มดี?
หวังเย้าคิดว่า เขาควรจะหาสัตว์เลี้ยงมาช่วยดูแลที่ดินและเนินเขาเพิ่ม
“บางที ฉันน่าจะหาหมามาเลี้ยงอีกสักตัวสองตัวดีไหม?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง! โฮ่ง!
“หา? นายไม่อยากได้เพื่อนเพิ่มเหรอ?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง! โฮ่ง!
“นายอยากจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปตลอดเหรอ? ก็ได้ ตามใจ” หวังเย้ายิ้ม แล้วยื่นมือไปลูบศีรษะของซานเซียน
เช้าวันถัดมา หวังเย้าไปที่ออฟฟิสของหมู่บ้านเพื่อจัดการเรื่องเอกสาร พอถึงตอนบ่าย เขาก็ไม่ได้กลับไปที่คลินิก เพราะหลี่ชื่อหยูได้ขับรถบรรทุกขนต้นไม้มาส่งให้กับเขา
“หมอหวัง หมอยังอยากได้ต้นไม้อีกเยอะไหมครับ?” หลี่ชื่อหยูถาม
“เยอะเลยล่ะครับ” หวังเย้าพูด “เห็นตรงนั้นไหมครับ? ที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นของผมด้วยเหมือนกัน” หวังเย้าชี้ไปที่ที่ดินรูปตัวยูที่อยู่ตรงตีนเขาของเนินเขาหนานชาน
ยังมีอ่างเก็บน้ำเล็กๆที่อยู่ใกล้เนินเขาหนานชานซึ่งเป็นญาติคนหนึ่งของหวังเจียนหลี่ที่ทำสัญญาเช่าเอาไว้ หวังเจียนหลี่ได้พูดเรื่องนี้เอาไว้แล้วเมื่อคืน ว่าที่ดินที่มีอ่างเก็บน้ำจะกลายเป็นของหวังเย้าหลังจากสัญญาเช่าหมดลงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“คุณคิดจะปลูกต้นไม้ทั้งหมดเลยเหรอ?” หลี่ชื่อหยูถาม
“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด
เขามีแผนอยู่ในใจแล้ว เขาจะแบ่งที่ดินแต่ละแปลงออกเป็นบล็อก และแต่ละบล็อกก็จะปลูกต้นไม้คนละชนิดกัน เขาตั้งใจจะปลูกต้นแอปเปิ้ล, ลูกแพร์, และต้นเชอร์รี่ เมื่อผลไม้สุกได้ที่ เขาก็จะเก็บเอาไปฝากให้เพื่อนๆและครอบครัวของเขา
“คุณจะให้ผมเป็นคนส่งต้นไม้ทั้งหมดให้เหรอครับ?” หลี่ชื่อหยูถาม
“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด “มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“ไม่เลยครับ ผมจะจัดหาต้นไม้ที่ดีที่สุด ในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุดให้คุณแน่นอน” หลี่ชื่อหยูเอามือตบหน้าอกของตัวเอง
หวังเย้าต้องการต้นไม้จำนวนมากสำหรับผืนที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ นี่ถือเป็นโอกาสทางธรุกิจที่ยอดเยี่ยสมสำหรับหลี่ชื่อหยู
เขาคิดว่า มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่เขาได้ทำธุรกิจกับหวังเย้า ผู้ที่มักจะจ่ายเงินให้ทันทีที่ได้ของ แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้นไม้ที่หลี่ชื่อหยูจัดหามาให้มีคุณภาพสูงดีเช่นเดียวกัน
“นี่เป็นต้นไม้ที่ผมต้องการในตอนนี้ครับ” หวังเย้าพูด “อีกไม่นาน ที่ตรงนี้กับที่ตรงโน้นก็จะเป็นของผม แล้วผมก็ทำสัญญาเช่าเนินเขาทั้งหมดนี้แล้วด้วย” หวังเย้าชี้ไปที่เนินเขาทางทิศตะวันออกและตก
“คุณจะปลูกต้นไม้จนทั่วทั้งหมดนี่เลยเหรอครับ?” หลี่ชื่อหยูถาม
“ผมจะปลูกต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ครับ” หวังเย้าพูด
เขาวางแผนที่จะปลูกต้นไม้และสมุนไพรลงไปในที่ดินผืนนั้น
“ดี! ดี!” หลี่ชื่อหยูมองไปที่ผืนดินที่โล่งว่าง ราวกับกำลังมองดูเงินก้อนใหญ่กำลังโบกมือเรียกเขาอยู่ยังไงยังงั้น “ยอดเยี่ยม!”
“เอาล่ะ เราขนต้นไม้ลงกันดีกว่าไหมครับ?” หวังเย้าพูดขึ้นมา
“ได้ครับ” หลี่ชื่อหยูสั่งให้คนงานของเขาช่วยกันขนต้นไม้ลงจากรถบรรทุก
ในเวลาเดียวกัน หวังเย้าก็ได้ใช้มือถือโอนเงินเข้าบันชีของหลี่ชื่อหยูด้วย
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ” หลี่ชื่อหยูพูด
“ครับ แล้วเจอกันใหม่” หวังเย้าพูด
ต้นไม้แต่ละต้นมีขนาดแตกต่างกันไป และทั้งหมดก็เป็นไปตามความต้องของหวังเย้า
“ซานเซียน เรามาเริ่มทำงานกันเถอะ” หวังเย้าพูด
หวังเย้าแบ่งที่ดินออกเป็นหลายส่วน ครั้งนี้ เขาได้สั่งต้นไวท์เบิร์ชและต้นเอล์ม เขาจะนำต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้มาสร้างเป็นกำแพงต้นไม้ ซึ่งจะใช้ปิดทางเข้าออกส่วนใหญ่ของเนินเขาหนานชาน เขาต้องการให้เหลือเส้นทางเล็กๆที่นำไปสู่เนินเขาเพียงสายเดียวเท่านั้น
ในบริเวณนี้ยังมีต้นไม้ชนิดอื่นอยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นไม้ทรงพุ่มที่เต็มไปด้วยหนามแหลมและมีอายุมากแล้ว ส่วนใหญ่ยังมีอายุแก่กว่าหวังเย้าด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะถอนต้นไม้เหล่านี้ออก และจะปล่อยให้พวกมันเติบโตอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ เขาจะนำต้นไม้ใหม่ลงปลูกในพื้นที่ว่างเท่านั้น
ส่วนที่ดินรูปตัวยูนั้นจำเป็นต้องใช้ต้นไม้เป็นจำนวนมาก ระยะทางจะทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออกไกลถึง 500 เมตร มันจะต้องใช้ต้นไม้เป็นพันๆต้นเพื่อปิดเส้นทางนี้
หวังเย้าตั้งใจจะปิดเส้นทางของเนินเขาตงลานและซีชานด้วย แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนมากนัก
ในตอนบ่าย หวังเย้าปลูกต้นไม้ที่ตีนเขาของเนินเขาหนานชานไปได้หลายสิบต้นแล้ว เขาขุดร่องเล็กๆเพื่อนำน้ำจากอ่างน้ำให้ไหลมาที่ต้นไม้ที่เขาเพิ่งปลูกเสร็จ
แล้วบนื้นที่รูปตัวยูก็ปรากฏกล่มก้อนสีเขียวเล็กๆขึ้นมา
เขาไม่ได้ไปยุ่งกับที่ดินที่ใช้ทำการเกษตร หวังเย้าที่ยืนอยู่บนต้นไม้กำลังมองไปยังทิศเหนือ ที่ดินที่เขากำลังมองดูนั้นเป็นพื้นที่ราบที่สุดในหมู่บ้าน มันมีแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่งไหลผ่านตรงกลาง ที่ดินผืนนั้นเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกมากที่สุด
ส่วนพื้นที่อื่นๆล้วนแล้วแต่เอาไปทำอะไรไม่ได้
โฮ่ง! โฮ่ง! อยู่ๆซานเซียนก็ส่งเสียงเห่าออกมา เพราะมันเห็นคนสองคนกำลังเดินอยู่ตรงตีนเขาไกลออกไป
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? เหนื่อยไหม?” หนึ่งในนั้นถามอีกคนที่เดินมาด้วยกัน
“ไม่เหนื่อยค่ะ หนูสบายดีค่ะพี่” อีกฝ่ายตอบกลับไป
ทั้งสองก็คือ จงหลิวชวนและจงอันซิน พวกเขาออกมาเดินเล่นแถวเนินเขาหนานชานหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว
หวังเย้ากระโดดลงจากต้นไม้ที่มีความสูงหลายเมตร
“หืม?” จงหลิวชวนได้ยินเสียงกระโดดของหวังเย้าและหันหน้าตามเสียงไป แต่เขาก็มองเห็นแค่ต้นไม้เท่านั้น
“ซานเซียน นายกลับไปที่แปลงสมุนไพรเดี๋ยวนี้เลย” หวังเย้าพูด
ซานเซียนรีบวิ่งออกไปทันที
“ว้าว พี่คะ นั่นตัวอะไรน่ะ?” จงอันซินถาม
เธอมองเห็นสัตว์ตัวหนึ่งที่มีขนาดพอๆกับสิงโตขนาดย่อม ซึ่งมันกำลังวิ่งขึ้นไปบนเนินเขา
“พี่ว่า มันน่าจะเป็นหมานะ” จงหลิวชวนพูด
“โอ้โห มันตัวใหญ่มากเลยนะคะ!” จงอันซินประหลาดใจ
“ใช่ ตัวมันใหญ่มาก” จงหลิวชวนพูด ถึงพวกเขาจะยืนอยู่ไกลจากเนินเขาหนานชาน แต่เขาก็พอจะมองออกว่าซานเซียนมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก
ไม่นาน พวกเขาก็มองเห็นหวังเย้าที่โผล่ออกมาที่ทางเดิน
“สวัสดีครับ หมอหวัง” จงหลิวชวนพูด
“สวัสดีครับ ออกมาเดินเล่นกันเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ครับ เราเพิ่งจะกินข้าวกันเสร็จ ก็เลยอยากจะออกกำลังสักหน่อยน่ะครับ” จงหลิวชวนพูด
“เธอเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถามจงอันซิน “ดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นมากนะ”
“ดีขึ้นมากเลยล่ะค่ะ ฉันไม่รู้สึกปวดที่ท้อง แล้วก็รู้สึกแข็งแรงขึ้นด้วย” จงอันซินพูด
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอได้รับการรักษาจากหวังเย้าไปแล้วสองครั้ง ใบหน้าเหลืองซีดที่แสดงถึงสุขภาพที่ย่ำแย่แทบจะไม่เหลือให้เห็นแล้ว สีสันในแววตาของเธอก็กลับมาเป็นปกติแล้วเช่นกัน สภาพโดยรวมของเธอดูดีขึ้นมาก
“ดีครับ ทั้งสองตามสบายนะ ผมขอตัวก่อน” หวังเย้าพูด
“ครับ แล้วเจอกัน” จงหลิวชวนพูด
หวังเย้าเดินกลับไปที่บ้านเพียงลำพัง
“หืม? น้ากับน้าเขยมาเหรอครับ?” เขาพบว่าที่บ้านมีแขกมาเยือน
“ใช่จ๊ะ เรากำลังรอลูกอยู่เลย” จางซิวหยิงพูด
ในระหว่างที่ทานอาหารเย็นกันอยู่นั้น หวังเย้าก็ได้รู้ว่า ลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกชายของน้าคนเล็กของเขากำลังเตรียมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้มีผลการเรียนที่โรงเรียนค่อนข้างดี และยังเป็นหนึ่งในยี่สิบนักเรียนชั้นยอดของปีนี้ด้วย
“เจิ้งฟางจะเข้ามหาลัยไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“น้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจ๊ะ ก็คงต้องดูผลสอบเกาเข่าก่อนด้วย” น้าของเขาพูด
“เจิ้งฟางเป็นเด็กเรียนดี เขาสบายอยู่แล้วครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากทานอาหารเสร็จ น้าและน้าเขยของเขาก็ไม่ได้อยู่ต่อนาน พวกเขาพูดคุยกับจางซิวหยิงเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะกลับ หวังเย้ายังได้เอาอาหารให้พวกเขาเอากลับไปด้วย
“ไม่ต้องเอาอะไรให้เราหรอก” น้าของเขาพูด
“เราไม่ได้กินกันเยอะขนาดนั้น แล้วก็คงจะกินกันไม่ทันด้วย เอากลับไปเถอะนะ” จางซิวหยิงนำของกินไปวางไว้ที่ท้ายรถของพวกเขา
“น้าเขยของลูกดูเหมือนจะมีปัญหาที่ที่ทำงานนะจ๊ะ” หลังจากที่น้องสาวของเธอกลับไปแล้ว จางซิวหยิงก็พูดขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ลูกก็เห็น ว่าน้าเขยเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด” จางซิวหยิงพูด “ตอนนี้ ที่ที่ทำงานของเขามีการปรับเปลี่ยนใหม่หมด ผู้จัดการที่เข้ามาทำงานก็อายุน้อยกันทุกคน เขาก็เลยถูกส่งให้ไปทำแนวหน้าแทนน่ะสิ”
“น้าเขยไม่อยากทำงานแนวหน้าเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็ไม่อยากน่ะสิ เพราะทำงานแนวหลังมันเหนื่อยน้อยกว่าด้วย” จางซิวหยิงพูด
“อ่อ งั้นแม่ลองถามน้าดูนะครับ ว่าน้าเขยอยากจะกลับไปทำงานตำแหน่งเดิมของเขาไหม ผมอาจจะพอช่วยเขาได้” หวังเย้าพูด
“ลูกรู้จักผู้จัดการของที่นั่นด้วยเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่เพื่อนคนหนึ่งของผมรู้จักคนที่นั้น” หวังเย้าพูด
ช่วงหลังมานี้ เขาพอจะรู้จักมีตำแหน่งอยู่หลายคน แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากคนไข้ของเขา
“ได้จ๊ะ แม่จะโทรไปหาน้าของลูกเดี๋ยวนี่เลย” จางซิวหยิงพูด
หวังเย้ายังไม่กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนาน และเลือกที่จะรออยู่ที่บ้าน
“เขาอยากจะกลับไปทำตำแหน่งเดิมจ๊ะ” จางซิวหยิงพูดขึ้นมา หลังจากที่วางสายเสร็จ
“โอเค เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากยืนยันข้อมูลจากแม่ของเขาแล้ว หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
ในคืนนั้น มีลมพัดแรง
หวังเย้าหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งและวางมันลงบนโต๊ะในกระท่อมของเขา เขาเขียนรายละเอียดลงไปในกระดาษ เขากำลังยุ่งอยู่กับที่ดินรูปตัวยูมาได้หลายวันแล้ว
658 ผมอยากแต่งงานกับเธอ
หลังจากที่คิดดูสักพัก หวังเย้าก็ปรับเปลี่ยนแบบในพื้นที่สามจุดอีกเล็กน้อย เขาทำงานอยู่อย่างนั้นและเข้าในไปตอนเที่ยงคืน
เช้าวันต่อมา เขาได้โทรไปหาเทียนหยวนถูเกี่ยวกับเรื่องงานของน้าเขย เทียนหยวนถูรู้จักคนมากมาย ดังนั้น หวังเย้าจึงคิดว่า เขาอาจจะช่วยเขาในเรื่องนี้ได้
“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้ฉันจัดการเอง” เทียนหยวนถูพูด มันเป็นงานง่ายๆสำหรับเขาอยู่แล้ว
และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เทียนหยวนถูโทรหาหวังเย้าก่อนเที่ยง เพื่อบอกว่าเขาจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านน้าของหวังเย้า สามีของเธอได้รับสายจากที่ทำงาน และมันทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจ
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” น้าถามสามีของเธอ
“ฉันไม่ต้องไปทำงานแนวหน้าแล้ว ฉันได้อยู่ตำแหน่งเดิม” สามีของเธอพูด
“หา เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” น้าของหวังเย้าพูด
“อืม ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน” สามีของเธอพูด
เขาทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่ ใครก็ตามที่สามารถสั่งการเรื่องนี้ได้ในเวลาอันสั้น แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องอยู่ในระดับสูงของบริษัท
“ดูเหมือนว่า เสี่ยวเย้าจะรู้จักคนเยอะมากเลยนะ” สามีของเธอพูด
“นั่นสิ” เธอพูด
…
ภายในบ้านของซูเสี่ยวซวีที่ปักกิ่ง กั๋วเจิ้งเหอเดินทางมาเยี่ยมที่บ้านของเธอ
“มีอะไรให้น้าช่วยเหรอจ๊ะ เจิ้งเหอ?” ซงรุ่ยปิงมองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ และถามออกไป
เขาฉลาด, มารยาทดี, หน้าตาดี, และเกิดในตระกูลใหญ่ แต่เขาไม่ได้เป็นคนดีเลย
“ผมมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องแต่งงานครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“หา?” ซงรุ่ยปิงเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากเขา
“ผมอยากแต่งงานกับเสี่ยวซวีครับ ผมอยากจะดูแลเธอไปตลอดทั้งชีวิตของผม” กั๋วเจิ้งเหอพูด
ซงรุ่ยปิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ แต่น้าคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” เธอพูดออกไปอย่างชัดเจน
“ทำไมละครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“เสี่ยวซวีไม่ได้รักเธอน่ะสิ” ซงรุ่ยปิงพูด
มันคือความจริงที่ใช้คำพูดง่ายๆบรรยายออกมา และเป็นการสรุปรวบที่ชัดเจนด้วย
กั๋วเจิ้งเหอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เอ่ยถามออกไปว่า “เหตุผลมีแค่นี้เหรอครับ?”
“น้าคิดว่า เหตุผลนี่ถือว่ามากพอแล้วจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
เธอไม่ชอบชายหนุ่มคนนี้เลย และลูกสาวของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน เธออยากให้ลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับคนดีและพึ่งพาได้ เธอต้องการให้สามีในอนาคตของลูกสาวคิดถึงเธอเป็นอันดับแรกเสมอ แต่กั๋วเจิ้งเหอเป็นพวกที่คิดแต่เรื่องผลประโยชน์มากเกินไป
“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“เธอเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยนะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“แต่คุณน้าก็ยังไม่อยากให้เสี่ยวซวีแต่งงานกับผมอยู่ดี คุณน้ากำลังพยายามจะปลอบใจผมอยู่ใช่ไหมล่ะครับ?” กั๋วเจิ้งเหอตอบกลับไปด้วยสีหน้าเงียบขรึม นี่เป็นครั้งแรกที่รอยยิ้มแสนเจิดจ้าเลือนหายไปจากใบหน้าของเขา
เขาทั้งผิดหวังและไม่พอใจ เมื่อออกมาจากบ้านของซูเสี่ยวซวีแล้ว เขาก็ขับรถขึ้นไปบนเขาที่อยู่นอกเมือง
“อ้ากกกกก!” เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า
ทำไม? ทำไมเสี่ยวซวีถึงไม่รักฉัน?
เขามักจะเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดที่สุดเสมอ เขาเป็นนักเรียนที่ดีและมีมารยาท ทุกคนในตระกูลและคนอื่นๆที่รู้จักเขา ต่างก็คิดกันว่า เขาจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสักวันหนึ่ง เขาไม่เคยต้องเจอความยากลำบากในชีวิต ด้วยอำนาจและชื่อเสียงที่มี ทำให้เขาได้ทุกอย่างที่เขาต้องการมาไว้ในมือ
แต่ตอนนี้ เขากลับต้องมาเจอปัญหาเรื่องการแต่งงาน มันถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่สำหรับเขา บางที มันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลยก็ได้ แต่เขาทั้งผิดหวัง และไม่สามารถยอมรับท่าทีที่ครอบครัวของซูเสี่ยวซวีมีต่อเขาได้เลย
ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาดีกว่าฉัน?
ดวงตาของเขาถูกเคลือบไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ในเมื่อฉันไม่ได้เธอ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เธอเหมือนกัน!” อยู่ๆแววตาของเขาก็เผยให้เห็นความบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกัน ก็มีคนคนหนึ่งกลับมารายงานให้ซงรุ่ยปิงฟัง
“คุณผู้หญิง” คนคนนั้นพูด
“เขาไปที่ไหนเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“เขาไปที่หน้าผาที่อยู่นอกเมืองครับ” เขาพูด
“เขาไปทำอะไรที่นั่นกัน?” ซงรุ่ยปิงถาม
“เขาตะโกนออก และดูเหมือนเขาจะเสียใจมากครับ” เขาพูด
“แล้วได้ยินเขาพูดว่าอะไรบ้างรึเปล่า?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ได้ยินครับ เขาพูดว่า ‘ในเมื่อฉันไม่ได้เธอ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เธอเหมือนกัน’” เขาพูด
ซงรุ่ยปิงผุดลุกขึ้นทันที ดวงตาของเธอฉายแววเย็นยะเยือกและน่ากลัว
“ช่วงนี้ บอกให้ชูเหลียนไม่ต้องทำอย่างอื่น นอกจากคอยดูแลเสี่ยวซวีเท่านั้น เพิ่มบอดี้การ์ดของเสี่ยวซวีเข้าไปอีก” ซงรุ่ยปิงสั่งการ
“ครับ คุณผู้หญิง” เขาพูด
“ช่างเป็นเด็กที่ร้ายกาจจริงๆ” ซงรุ่ยปิงพูด
โชคดีที่เธอสั่งให้คนติดตามกั๋วเจิ้งเหอไป เพราะเธออยากจะรู้ว่า หลังจากทีได้ฟังคำพูดของเธอแล้วเขาจะมีปฏิกิริยาแบบไหนออกมา เธอต้องการรู้ว่า เขาจะร้ายอย่างที่คนอื่นๆพูดกันหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะร้ายยิ่งกว่าที่คิด และจิตใจของเขาก็มืดมนกว่าที่เห็น
เสี่ยวซวีไม่ควรคบค้าสมาคมกับคนแบบนี้ และไม่ต้องพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตกับผู้ชายแบบนี้ไปตลอดทั้งชีวิตเลย
มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เด็กสาวผู้งดงามและบริสุทธิ์จะต้องไปอยู่กับคนที่ร้ายกาจและชั่วร้ายแบบเขา
“อืมม” ซงรุ่ยปิงเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง
หมอหวังจะมีปัญหาเพราะเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า? เธอจึงเรียกหาเฉินหยิงให้มาหา
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง ฉันจะติดตามเรื่องนี้เองค่ะ” เฉินหยิงเข้าใจความต้องการของซงรุ่ยปิงในทันที ซงรุ่ยปิงต้องการให้เธอเตือนหวังเย้าว่าให้เขาระวังกั๋วเจิ้งเหอเอาไว้
“ฉันหวังว่า ฉันแค่กังวลมากเกินไปเท่านั้น” ซงรุ่ยปิงพูด
“คุณผู้หญิงคะ จริงๆฉันไม่ควรจะพูดแบบนี้ แต่พ่อของกั๋วเจิ้งเหอดูแลจังหวัดฉีอยู่ตอนนี้” เฉินหยิงพูด
“ฉันรู้ บอกหมอหวังว่า ถ้าจำเป็นเราก็พร้อมจะสนับสนุนเขาเต็มที่”
“ได้ค่ะ” เฉินหยิงพูด
เมื่อกลับไปถึงที่กระท่อม เฉินหยิงก็โทรหาหวังเย้าในทันที
“กั๋วเจิ้งเหอเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ค่ะ คุณชายกั๋วเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก หมอต้องระวังตัวไว้ด้วยนะคะ” เฉินหยิงพูด
“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก แล้วก็ฝากขอบคุณคุณซงด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไร ฉันจะรีบบอกหมอทันทีเลยนะคะ” เฉินหยิงพูด เพราะถึงยังไง หวังเย้าก็อยู่ถึงที่จังหวัดฉีที่ไกลจากเธอมาก
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“หลังจากที่วางสายแล้ว หวังเย้าก็หันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง “เจ้าเล่ห์? จิตใจดำมืดเหรอ?” หวังเย้าพึมพำ
หากพูดกันตามจริง สองสามปีก่อนนั้น เขาคงจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก หลังจากได้พบเจอกับเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา เขาก็คิดว่า ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของระบบเวทมนต์ที่เขาได้มาอีก
ถ้ากั๋วเจิ้งเหอคิดอยากสร้างปัญหาให้กับฉันละก็ เขาก็ลองดูได้เลย
เขาไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้ ซูเสี่ยวซวี หญิงสาวที่ราวกับออกมาจากเทพนิยายได้เผยความในใจที่เธอมีต่อเขา และบอกให้เขาได้รู้ เขาไม่มีอะไรต้องกลัว
หลี่ชื่อหยูนำรถบรรทุกขนต้นไม้มาสองคันในตอนบ่าย เขามาทันทีที่ได้รับสายจากหวังเย้า
หวังเย้าปลูกต้นไม้ไปได้ไม่ถึงครึ่ง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว
โฮ่ง! โฮ่ง!
“หืม? นายกำลังคุยกับต้นไม้อยู่เหรอ?” หวังเย้าถามซานเซียนด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะทิ้งต้นไม้พวกนี้เอาไว้ที่นี่ก่อน คงไม่เป็นไรหรอก”
เขาแขวนป้ายไว้หน้าประตูคลินิกก่อนจะกลับไปที่บ้าน เขาตั้งใจจะหยุดงาน เพราะอยากจะปลูกต้นไม้ให้เสร็จ เขาไม่สามารถทิ้งต้นไม้เอาไว้ได้นาน เพราะมันอาจจะทำให้ต้นไม้เสียหายได้
วันต่อมา ดูเหมือนจะเป็นวันที่สดใส มีคนกำลังจุดประทัดดังอย่างต่อเนื่อง และทำให้คนทั้งหมู่บ้านพากันตกอกตกใจ
“ใครมันมาจุดประทัดเวลานี้กัน!” จางซิวหยิงบ่น
มันไม่ใช่เพียงแค่บ้านหลังเดียวเท่านั้นที่จุดประทัดในเช้าวันนี้ มีหลายครอบครัวที่กำลังจะย้ายออกไปจากหมู่บ้าน และมีถึงหกครอบครัวที่ย้ายออกพร้อมกันในวันเดียว
“เฮ้อ!” ชายชราที่ยืนอยู่บนถนนถอนหายใจออกมา “ทุกคนกำลังจะย้ายออกไปจากหมู่บ้านกันจนหมด”
คนเก่าคนแก่ล้วนไม่มีใครอยากจะย้ายไปไหน พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านมานานหลายสิบปี และคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ไปแล้ว สำหรับพวกเขา ไม่มีที่ไหนดีไปกว่าหมู่บ้านของพวกเขาแล้ว พวกเขาต่างยึดติดกับหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่พวกเขาอยู่อาศัยมานานหลายสิบปี
“หมอหวังไม่อยู่เหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถามขึ้นมา
ยังคงมีคนมาที่คลินิกของหวังเย้าอยู่ แต่พวกเขาต่างก็ต้องจากไปด้วยความผิดหวัง
“ฉันว่า หมอหวังน่าจะทำกลุ่มวีแชทหรือไม่ก็สมัครเวยป๋อดูนะ เวลาไม่อยู่ก็ให้เขาแจ้งเอาไว้ในนั้น ถ้าทำแบบนั้นได้ เราก็จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากันที่นี่” คนไข้คนหนึ่งเสนอขึ้นมา
“ก็จริงนะ ฉันว่ามันเป็นความคิดที่ดีทีเดียว” คนไข้อีกคนพูด
“เราน่าจะลองบอกให้เขาทำดูนะ” ชายวัยกลางคนพูด
ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็กำลังยุ่งอยู่กับการปลูกต้นไม้อยู่ที่ตีนเขา ในตอนนี้ เขาปลูกต้นไม้ด้วยตัวเองไปร้อยกว่าต้นแล้ว
“นายช่วยดูหน่อยได้ไหม ว่ามันตรงรึเปล่า?” หวังเย้าถามซานเซียน
โฮ่ง!
“ไม่ตรงเหรอ? ให้ฉันขยับไปทางซ้ายหรือขวาดีล่ะ?” หวังเย้าถาม “เอาอุ้งเท้าของนายชี้ก็ได้ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
ครู่ต่อมา พ่อแม่ของเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับอุปกรณ์
“แม่? พ่อ?” หวังเย้าแปลกใจที่เห็นทั้งสองมาที่นี่
“ทำไมไม่บอกล่ะ ว่าวันนี้ลูกจะปลูกต้นไม้น่ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ผมทำเองได้ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องช่วยหรอก” หวังเย้าพูด
แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังดึงดันที่จะช่วยเขาอยู่ดี เมื่อมีคนช่วย ก็ทำให้หมดวัน หวังเย้าก็ปลูกต้นไม้ไปได้อีกหลายต้น
“ลูกแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆเลยนะ” จางซิวหยิงพูดขึ้นมาในขณะที่มองดูลูกชายของเธอทำงาน
“ครับ ตอนอยู่บนเนินเขาหนานชาน ผมออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันน่ะครับ” หวังเย้าพูด
เขาคุยกับพ่อแม่ของเขาในขณะที่ทำงานไปด้วย ครู่หนึ่งต่อมา ก็มีคนตามมาเพิ่มอีก คราวนี้ เป็นซุนหยุนเชิงที่มาพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา
“หมอหวัง ให้ผมช่วยไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงถาม
“ไม่ต้องหรอก ผมไหว!” เมื่อเห็นซุนหยุนเชิงและคนของเขาที่สวมชุดสูทอยู่ หวังเย้าก็ได้แต่โบกมือปฏิเสธไป ไม่มีใครเขาใส่สูททำงานในไร่กันหรอก “ผมใกล้จะปลูกเสร็จแล้วล่ะ”
“โอเคครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
หวังเย้าและพ่อแม่ของเขา ใช้เวลาทั้งวันในการปลูกต้นไม้ที่หลี่ชื่อหยูขนมาให้ในบริเวณที่ดินตัวยูแห่งนี้
หลังจากเสร็จงานแล้ว หวังเย้าก็ไปคุยกับซุนหยุนเชิงเกี่ยวกับเรื่องเนินเขาลูกอื่นๆ
“ไม่มีปัญหาเลยครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น