Elixir Supplier 637-640
637 แผลลึก
“มันเป็นอาการเจ็บแบบไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“มันจะมาเป็นพักๆ แล้วเจ็บเหมือนกับมีอะไรทิ่มอยู่ข้างในครับ” คนไข้พูด
“แล้วคุณมีอาการแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับไปว่า “เอ่อ มันก็ประมาณหกถึงเจ็ดวันแล้วล่ะ”
หวังเย้าตรวจดูคนไข้อย่างละเอียด สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก เขามีถุงใต้ตาที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ “ปกติคุณเข้านอนกี่โมงเหรอครับ?”
“ช่วงนี้ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน ดังนั้น ผมก็จะเข้านอนช่วงหลังห้าทุ่มไป” คนไข้พูด
“แล้วเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม
“อ็เกือบจะเดือนหนึ่งแล้วล่ะ” คนไข้พูด
เวลาหลังห้าทุ่ม เป็นเวลาที่ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงเวลาของการพักผ่อน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องนอนเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ การที่นอนดึกเป็นประจำจะเป็นการส่งผลเสียต่อร่างกาย
“อาการปวดหัวของคุณเกิดจากการนอนน้อยครับ” หวังเย้าพูด “ขอแค่คุณพักผ่อนเพียงพอ และทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่นอนดึก มันก็จะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรครับ”
“เฮ้อ หมอหวัง ผมก็อยากจะนอนเยอะๆเหมือนกันหรอก” คนไข้พูด “แต่ทุกครั้งที่ผมนอนลง ผมก็จะปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเลย มันเลยทำให้ผมนอนไม่ได้ไปด้วย”
เพราะงานที่เขาทำอยู่ ทำให้เขามักจะต้องนอนดึกอยู่เสมอ และเมื่องานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เขาก็ต้องการการพักผ่อน แต่กลับทำไม่ได้
“เรื่องนี้ง่ายมากครับ” หวังเย้าหยิบเข็มเงินออกมาสองเล่ม และแทงเข็มลงไปสองจุดบนศีรษะของคนไข้ เขาหมุนเข็มอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะดึงออก
“ก่อนจะเข้านอน คุณต้องพยายามทำใจให้สงบและหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ของคุณนะครับ” หวังเย้าพูด
“โอ้ ได้ครับ” คนไข้พูด “แค่นี้เหรอครับ?”
“ถ้าคุณมีปัญหาในการนอนอีก ก็ให้กลับมาหาผมนะครับ” หวังเย้าพูด
“ค่ารักษาเท่าไหร่ครับ?” คนไข้ถาม
“ไม่คิดเงินครับ” หวังเย้ายิ้ม
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ” คนไข้จากไปอย่างมีความสุข
ในตอนที่หวังเย้ารักษาคนไข้เสร็จหมดแล้วนั้น มันก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี
เมื่อชายคนนั้นกลับไปบ้าน เขาก็เล่าเรื่องที่เขาไปคลินิกให้กับคนที่บ้านของเขาฟัง
“อืม หมอคนนี้มาเลวเลย เขาถึงขนาดไม่คิดเงินค่ารักษาคนไข้สักหยวนเลยด้วยนะ” เขาพูด
“มันจะมีหมอดีขนาดนั้นอยู่จริงๆเหรอ?” หนึ่งในสมาชิกครอบครัวถาม
“แน่นอน มันเป็นเรื่องจริงนะ” เขาพูด
“แล้วการรักษามันได้ผลรึเปล่า?” ญาติของเขาถาม
“มันได้ผลสิ ฉันไม่ปวดหัวแล้วด้วย” เขาพูด
ในตอนที่หวังเย้าเพิ่งจะทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็มีแขกคนหนึ่งเดินทางมาที่คลินิกของเขา
“เสี่ยวเย้าอยู่ที่นี่ไหม?” เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเขา เธอมีอายุประมาณ 30 และในอ้อมแขนของเธอก็มีเด็กอยู่คนหนึ่ง
“สวัสดีครับ เข้ามานั่งข้างในก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด “เป็นอะไรมาครับ?”
“ลูกของฉันเป็นไข้น่ะ เขาไม่ร้องไห้นะ แต่เขาเอาแต่นอนอย่างเดียวเลย ฉันรู้สึกกังวล ก็เลยพาเขามาหาเธอ” เธอพูด
“ถ้าอย่างนั้น พี่นั่งรออยู่ตรงนี้แปบนึงนะครับ” หวังเย้าพูด
ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะไปโรงพยาบาลเมื่อพวกเขาป่วย หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษจริงๆ พวกเขาก็จะไม่มารักษากับหวังเย้า และนี่ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างเร่งด่วน
“ขอดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
เด็กชายยังถือว่าเด็กอยู่มาก อย่างมากก็อายุไม่เกิน 2 ขวบ ใบหน้าของเขาแดงก่ำและกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่ หวังเย้ายื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากของเขา มันร้อน เขามีไข้สูง
“เขาเป็นไข้มาได้กี่วันแล้วครับ?” หวังเย้าถาม
“เอ่อ วันนี้ก็เข้าวันที่สองแล้วล่ะ” เธอพูด
“แล้วเขาได้กินยาอะไรไปบ้างไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“เขากินยาแก้ไขไปแล้ว” เธอพูด “เมื่อเช้าไข้ก็ไม่มีแล้ว แต่พอตอนกลางวัน ไข้ก็กลับมาอีก แล้วเขาก็ไม่อยากอาหารด้วย”
“มีพิษร้อนอยู่ในร่างกายของเขาที่ต้องถูกขับออกครับ ถ้าไม่อย่างนั้น มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้” หวังเย้าพูด
“แล้วเราจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ?” เธอถาม
“ช่วยวางเขาลงทีครับ” หวังเย้าพูด
เธอวางลูกชายลงที่โซฟา หวังเย้าแกะกระดุมเสื้อของเด็กชายและทำการนวดด้วยเทคนิคพิเศษ เด็กชายเป็นเด็กที่เชื่อฟังอย่างมาก เขาไม่ร้องไห้หรือทำตัวงอแงเลยสักนิด ทั้งที่ปกติแล้ว เด็กเล็กที่มีไข้สูง มักจะร้องไห้เพราะความไม่สบายตัวอยู่บ่อยครั้ง
ไม่นาน ตัวเด็กก็เริ่มมีเหงื่อออก เด็กที่มีไข้มักจะไม่มีเหงื่อออก การที่มีเหงื่อซึมอกมา ก็แสดงให้เห็นว่า ไข้ของเด็กเริ่มลดลงแล้ว
“เขาอาจจะมีผื่นขึ้นได้นะครับ” หวังเย้าพูด
“เขาเคยเป็นมาก่อนแล้ว” เธอพูด “คนเขาพูดกันว่า หลังจากที่ป่วยโรคใดโรคหนึ่งไปครั้งหนึ่งแล้ว ร่างกายของคนเราก็จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ใช่ไหม?”
“อาการผื่นขึ้นมันมีอยู่หลายสาเหตุมากเลยครับ” หวังเย้าพูด “อืม ตอนนี้ พิษร้อนถูกขับออกไปเกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือร่างกายก็จะขับออกมาเอง เอาน้ำให้เขาดื่มเยอะๆ และช่วงที่ยังมีไข้อยู่ไม่ต้องให้เขาใส่เสื้อผ้าเยอะเกินไปนะครับ”
“โอ้ ได้สิ ขอบคุณนะ” เธอพูด “แล้ว…”
“ไม่คิดเงินครับ” หวังเย้าโบกมือ
เธอพาลูกชายออกไปด้วยความพอใจ
ในตอนบ่าย หลี่ชื่อหยูนำต้นไม้มาส่งเพิ่ม หวังเย้าใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายไปกับการขนต้นไม้ขึ้นเขา, ขุดหลุม, และนำต้นไม้บางส่วนลงปลูก
ที่ตีนเขา มีรถยนต์สี่คันขับเข้ามาจอด
“เขาอยู่ที่นี่เหรอ?” ชายคนหนึ่งถาม
“ใช่ บ้านที่ออกแบบสไตล์หุย เป็นที่นี่แน่นอน” ชายอีกคนพูด
“อ้าว ทำไมประตูถึงล็อคอยู่ล่ะ?” ชายคนแรกถาม “เขาไม่อยู่นี่!”
หวังเย้าไม่อยู่ที่คลินิก เวลาที่เขาไม่รับคนไข้ เขาก็มักจะแขวนป้ายเอาไว้ที่หน้าประตู เพื่อแจ้งกับคนที่ต้องการมารักษากับเขาได้ทราบ
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” ชายคนแรกถาม
“งั้นเราก็กลับกันก่อนเถอะ ไว้ค่อยมาอีกที พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน” ชายอีกคนพูด
หลังจากที่คนทั้งสองกลับไป ก็ยังมีคนมาที่คลินิกอีกและเห็นป้ายที่ติดอยู่ ดังนั้น พวกเขาจึงพากันกลับ แต่บางคนก็ไม่ยอมแพ้และคอยอยู่ด้านนอกคลินิกไปจนกระทั่งตะวันตกดิน ไม่มีใครเลือกจะไปหาเขาที่บ้านเลย ถึงพวกเขาบางคนจะรู้ว่าบ้านของเขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อยู่แล้วก็ตาม เพราะมีกฎได้เขียนติดเอาไว้บนแผ่นป้ายที่แขวนอยู่หน้าประตู บางคนก็ได้รับการบอกกล่าวเรื่องกฎของหวังเย้ามาจากเพื่อนหรือญาติที่เป็นคนแนะนำให้มารักษากับเขามาก่อนแล้ว
เมื่อหวังเย้าลงมาจากเขา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เขาเดินกลับไปที่คลินิก ซึ่งยังมีคนกำลังรอเขาอยู่ที่ด้านนอก หนึ่งในนั้นเป็นชายใส่แว่นกันแดดและสวมหน้ากาก ซึ่งปิดบังใบหน้าทั้งหมดของเขา ส่วนเส้นผมของเขานั้นเป็นสีเทาเกือบทั่วทั้งหัว
“สวัสดีครับ คุณมาหาหมอที่นี่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เอ่อ ใช่ครับ” ชายคนนั้นพูด “คุณคือหมอหวังเหรอ?”
“ใช่ครับ” หวังเย้าตอบ “คุณไม่เห็นป้ายที่แขวนไว้เหรอครับ ว่าผมไม่รับคนไข้ตอนบ่ายน่ะ? แล้วคุณก็รออยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอครับ?”
“โอ้ ยังไงผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” เขาพูด
“เข้ามาข้างในก่อนเถอะครับ” หวังเย้าเปิดประตูและเชิญเขาเข้าไปด้านใน
“คุณป่วยเป็นอะไรครับ?” หวังเย้าถาม “ผมขอตรวจดูหน่อยนะครับ”
“ชายคนนั้นถอดหน้ากากออก เขามีบาดแผลตั้งแต่มุมปากซ้ายไปจนถึงบริเวณติ่งหู รอยแผลเป็นสีม่วงช้ำดูน่ากลัวมาก
ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะใส่หน้ากากเอาไว้แบบนั้น แผลนี่ดูน่ากลัวจริงๆ
“คุณได้แผลนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม
“ประมาณเดือนหนึ่งครับ” เขาพูด เมื่อเขาอ้าปากพูด ก็มีเลือดสีแดงเข้มซึมออกมาจากรอยแผลด้วย
“คุณเย็บมันเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ แต่มันไม่หาย แถมยังติดเชื้อด้วย ก็เลยต้องเอาด้ายที่เย็บออก” เขาพูด
“คุณเป็นคนในพื้นที่รึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“เปล่า ผมมาจากเมืองเต๋า” เขาพูด
“แล้วคุณมารู้จักผมได้ยังไงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“พี่หาวบอกเรื่องคุณกับผมมาน่ะ” เขาพูด
“เขาเป็นคนของซุนเจิ้งหรงใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
“ใช่ เขานั่นแหละ” เขาพูด
หวังเย้าตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียด ก่อนที่จะตรวจส่วนอื่นๆในร่างกายของเขา ร่างกายของเขาตึงแน่นและมีกลิ่นบางอย่างติดอยู่ เขามักจะขมวดคิ้วเป็นบางครั้ง ราวกับกำลังอดทนกับความเจ็บปวดอยู่
“นี่เป็นรอยแผลที่เกิดจากมีดสินะครับ” หวังเย้าพูดอย่างมั่นใจ
“ใช่” เขาตอบ
“คุณเป็นการ์ดเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เอ่อ ผมคิดว่า คุณเรียกผมว่าพวกทำงานรับจ้างดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปากของเขาไปด้วย
“มีดที่ใช้มีพิษอยู่” หวังเย้าพูด “แล้วผมของคุณก็เริ่มขาวขึ้นด้วยใช่ไหม?”
“ใช่” เขาพูด
“ตาทั้งสองข้างของคุณก็มีปัญหาด้วยใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
“ใช่!” เขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมา จากนั้น เขาก็ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นสีเหลืองในดวงตา
“ผมสามารถรักษามันได้ แต่ราคาก็สูงมากด้วย” หวังเย้าพูด
“ตกลง” เขาพูด
“งั้นรอเดี๋ยวนะ” หลังจากคุณกันเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็เดินออกไป
ชายคนนั้นถูกทิ้งให้นั่งอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง เขานั่งอยู่เงียบๆและมองไปรอบๆห้อง มันเป็นห้องที่ดูธรรมดามาก แถมยังดูหยาบเล็กน้อยอีกด้วย
เวลาผ่านไปไม่นาน หวังเย้าก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับขวดกระเบื้องหนึ่งใบ เขาเทยาใส่ลงไปในถ้วยใบเล็ก “กินยานี่ซะ” ยาแก้พิษที่ทำขึ้นมาจากสมุนไพรแก้พิษ
หลังจากผ่านไปสิบนาที ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?” หวังเย้าถาม
“ดีขึ้นมากเลยล่ะ” เขาพูด
เขาได้รับบาดเจ็บจากดาบที่คมกริบเล่มหนึ่ง ซึ่งมันเกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่ ตัวดาบมีพิษที่ทำให้บาดแผลสมานตัวช้าลงเคลือบอยู่ด้วย ตัวพิษได้เข้าสู่ร่างกายของไปได้สองสามวันแล้ว ในระหว่างนั้น ผมของเขาก็เริ่มขาวและร่างกายของเขาเริ่มมีอาการปวด เขายังอาเจียนเอาทุกอย่างที่กินเข้าไปออกมาและมีสายตาที่พล่ามัวด้วย พลังงานที่ล้นเหลือและกำลังกายเริ่มลดลงไปจนแทบไม่มีเหลือ
638 ฝันร้าย
หลังจากที่ดื่มยาเข้าไปหนึ่งถ้วยแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะในหัวของเขา อาการชาหนึบและความเจ็บที่เหมือนถูกเข็มทิ่มแทงได้ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่พล่ามัวและลูกตาที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าก็หายไปเช่นกัน
ยาตัวนี้ได้ผลดีมาก แล้วผลของมันยังคงอยู่ไม่หายไปด้วย
“มาครับ ผมขอดูแผลของคุณหน่อย” หวังเย้าพูด
หวังเย้าใช้สำลีในการแต้มยาลงไปบนบาดแผลของเขา ยาตัวนี้ก็คือขี้ผึ้งต้วนชื่อที่นำมาเจือจางลงแล้ว เขาเคยนำขี้ผึ้งไปใช้งานแล้วหลายครั้ง และมันก็ได้ผลในทุกครั้ง
“โอเค ตอนนี้ คุณไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด
“ผมต้องจ่ายคุณเท่าไหร่ครับ?” เขาถาม
“11,000 หยวนครับ” หวังเย้าพูด
ชายคนนั้นกดจ่ายเงินให้หวังเย้าโดยไม่ไม่ต้องหยุดคิด
“เอายานี่กลับไปด้วย แล้วดื่มวันละสามครั้งนะครับ พอกินยาจนหมด พิษก็จะถูกขับออกไปจนหมดด้วย” หวังเย้าเอายาแก้พิษที่เหลือให้เขาไป
“ขอบคุณครับ!” ชายคนนั้นลุกขึ้นและคำนับให้กับหวังเย้า
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ มันไม่ดีเลยนะ” หวังเย้าพูดอย่างใจดี
เขาเดาว่า ชายคนนี้น่าจะมีอาชีพที่คล้ายคลึงกับอาหาว มือของเขาอาจจะแปดเปื้อนมากกว่าอาหาวด้วยซ้ำ หวังเย้าสามารถสัมผัสได้ จิตใจที่สงบนิ่งจะนำไปสู่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง บางโรคยังมีสาเหตุมาจากบุคลิกหรืออารมณ์ของคนคนนั้นได้ด้วย
“ถ้าหมออยากให้ผมทำอะไรให้ก็บอกผมได้เลยนะ แค่โทรมาหาผม ผมจะมาทันที” เขายื่นกระดาษที่เขียนเบอร์โทรของเขาเอาไว้
หวังเย้าไม่ได้พูดอะไร แล้วชายคนนั้นก็จากไป
บริเวณทางเชื่อมระหว่างเนินเขาหนานชานและเนินเขาตงชาน หวังเย้าได้ปลูกต้นไม้ลงไปสองแถว พวกมันเป็นต้นไม้แบบเดียวกับต้นไม้ที่เขาปลูกบนเนินเขาหนานชาน เพื่อสร้างไว้เป็นกำแพงธรรมชาติ
เช้าวันถัดมา เขาพบว่ามีรถจอดอยู่ด้านนอกคลินิกถึงเจ็ดคันด้วยกัน
หืม? ทำไมถึงได้มีคนมารอเยอะขนาดนี้ล่ะ? หวังเย้าสงสัย
เขายังไม่รู้ด้วยว่า มีบางคนที่มาในวันนี้ได้มาที่นี่เมื่อวานแล้วครั้งหนึ่ง
“เห็นไหม แม่บอกแล้วว่าให้มาที่นี่เช้าๆ เราคงต้องรอเจอหมอตอนบ่ายนู้นล่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังบ่นลูกชายของเธออยู่
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ ว่าวันนี้จะมีคนไข้มารอกันเยอะขนาดนี้น่ะ” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน “เมื่อก่อนที่เราเคยมา ก็ไม่เห็นจะมีคนเยอะขนาดนี้นี่”
“รอไปเถอะน่า!” หนึ่งในนั้นก็คืออาเฟิง ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ที่ดี
“ฉันจะไปเดินเล่นสักหน่อยนะ ที่นี่อากาศดีจริงๆ” เขาเปิดประตูและเดินลงไป การเดินของขาข้างที่มีปัญหาเริ่มดีขึ้นแล้ว มันไม่โค้งเป็นวงกลมอีกต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะยังดูอ่อนแรงอยู่บ้างก็ตามที
“สวัสดีครับ คุณมาหาหมอหวังเหรอ?” ชายวัย 30 คนหนึ่งเข้าไปทักทายอาเฟิงด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ” อาเฟิงพูด
“แล้วคุณเป็นอะไรมาเหรอครับ?” ชายวัย 30 ถาม
“ผมเป็นเส้นเลือดอุดตันน่ะ” อาเฟิงชี้ไปที่หัวของเขา
“เขารักษาคนไข้เส้นเลือดอุดตันได้จริงๆเหรอครับ?” ชายวัย 30 ถามด้วยความประหลาดใจ
“ได้ครับ ตอนแรกผมพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วผมก็เป็นอัมพาตที่หน้าด้วย แต่ดูผมตอนนี้สิ อาการของผมมันดีขึ้นมากเลยล่ะ” อาเฟิงพูดอย่างมีความสุข
“จริงด้วยนะครับ ผมคิดว่า เขารักษาได้แค่อาการปวดหัวกับปวดขาเท่านั้นซะอีก” ชายวัย 30 พูด
“ใครเป็นคนแรกครับ?” หวังเย้าเอ่ยถาม
คนไข้ทุกคนต่างพากันไปเข้าคิวโดยอัตโนมัติ
คนไข้คนแรกเป็นหญิงวัย 40 หวังเย้าสังเกตเห็นปัญหาของเธอได้จากท่าทางการเดินของเธอ เธอคนนี้มีปัญหาที่ส่วนลำคอ
“สวัสดีค่ะ หมอหวัง ฉันปวดที่คอมากจนหันไปทางไหนไม่ได้เลยค่ะ” เธอพูด
“เข้าใจแล้วครับ ขอผมดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
เขาตรวจดูที่ลำคอของเธอ และพบว่า กล้ามเนื้อบริเวณลำคอมีอาการแข็งเกร็ง ผิวหนังส่วนลำคอยังเย็นกว่าส่วนอื่นด้วย ทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้เย็นเลยสักนิด
“คุณทำงานอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันทำงานอยู่ในโรงงานทำเสื้อผ้าค่ะ” เธอพูด
“อาการปวดคอของคุณดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับงานที่คุณทำอยู่นะครับ มันเกิดจากการที่คุณทำงานท่าเดียวเป็นระยะเวลานาน มันเลยเป็นสาเหตุของการปิดกั้นการไหลเวียนของโลหิตครับ” หวังเย้าพูด
นี่คืออาการป่วยที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน
“นั่งตรงนี้นะครับ ผมจะนวดให้” หวังเย้าพูด
การรักษาไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก
“โอ๊ย!” เธอร้องออกมาเมื่อหวังเย้านวดคอของเธอ
“เจ็บเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“มันเจ็บนิดหน่อยค่ะ” เธอพูด
“ทนหน่อยนะครับ มันใช้เวลาไม่นานหรอก” หวังเย้าพูด
เมื่อหวังเย้านวดคอของเธอ กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นก็ค่อยๆอ่อนตัวลง ผิวหนังของเธอไม่ได้เย็นเหมือนเดิมแล้ว หวังเย้าได้ทำการคืนสมดุลให้กับการไหลเวียนโลหิต
“คุณต้องขยับตัวบ้าง แล้วก็พยายามเลี่ยงไม่อยู่ในท่าเดิมนานๆด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด
การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี การนั่ง, นอน, หรือยืนเป็นเวลานานเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย คนเราไม่ควรจะอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานจนเกินไป
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เธอพูด
ถึงเธอจะรับปากไปว่าจะคอยขยับตัวอยู่เสมอ แต่เงินที่เธอจะได้ก็ขึ้นอยู่กับการผลิตของตัวเธอ ถ้าหากเธอพักบ่อยเกินไป การผลิตของเธอก็จะลดลงตาม ซึ่งนั่นก็หมายถึงเงินที่ได้น้อยลงไปด้วย
“โชคดีที่มันจะไปส่งผลไปถึงกระดูกคอ แต่ถ้าคุณยังทำงานท่าเดียวนานๆต่อไป มันก็จะกลายเป็นปัญหาได้ในอนาคตนะครับ” หวังเย้าพูด
“ค่ะ ฉันจะพยายามไม่นั่งนานเกินไป” เธอพูด
เธอลุกขึ้นยืนและลองหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาที “คอฉันหายเจ็บแล้ว!” ความเจ็บปวดหายไปแล้ว เธอยังรู้สึกอุ่นที่ลำคออีกด้วย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกสบายอย่างมาก “ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากจ่ายเงินไป 100 หยวน เธอก็เดินออกไปจากคลินิก
คนไข้รายที่สอง เป็นชายในวัย 50 เขามาพร้อมกับลูกชายคนหนึ่งของเขา เขามีปัญหาที่กระดูกสันหลังช่วงเอว และยังเป็นหมอนกระดูกยื่นด้วย
“คุณไปทำอะไรมาเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“มีวันหนึ่งที่ผมต้องยกของนักมากๆ ผมเดาว่า ตอนนั้นผมคงจะพยายามมากเกินไป เลยกลายเป็นแบบนี้ไปน่ะครับ” คนไข้พูด
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยนอนคว่ำหน้าลงด้วยครับ” หวังเย้าพูด
ชายคนนั้นนอนคว่ำหน้าลง หวังเย้าใช้มือกดลงไปที่บริเวณกระดูกสันหลังช่วงเอวของเขา ไม่นานเขาก็พบจุดที่มีปัญหาและกดมือลงไป แคร๊ก! ชายคนนั้นได้ยินเสียงกระดูกลั่นเบาๆ
“เรียบร้อย ลุกขึ้นได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
“ครับ” เขาลุกขึ้นและรู้สึกว่าเอวของเขาดีขึ้นมาก ความเจ็บปวดได้จางหายไปจนหมด
“สองสามอาทิตย์นี้อย่ายกของหนักนะครับ อย่าเพิ่มน้ำหนักอะไรลงไปที่เอวของคุณ เพราะตอนนี้คุณก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วด้วย” หวังเย้าพูด
เมื่อสุขภาพของเขาเริ่มแย่ลง สิ่งสำคัญที่ควรทำก็คือการหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ง่าย
“ได้ครับ ขอบคุณมา” เขาพูด
คนไข้รายที่สามเป็นหญิงวัย 50
“หมอหวัง ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับค่ะ” เธอพูด “ฉันรู้สึกว่าตัวเองพักผ่อนน้อย แล้วเปลือกตาของฉันก็บวมง่ายด้วย คุณช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ?”
“เชิญนั่งลงก่อนเลยครับ” หวังเย้าพูด
เมื่อเธอนั่งลงแล้ว หวังเย้าก็ยื่นมือไปจับชีพจรของเธอ ความดันโลหิตของเธอสูงเล็กน้อย แล้วเธอยังขาดพลังชีวิตด้วย นอกนั้น เธอล้วนสบายดี
“คุณเริ่มมีปัญหาในการนอนตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ประมาณ 10 วันได้ค่ะ” เธอพูด
เธอไปหาหมอมาแล้วหลายคนและกินยาสมุนไพรไปแล้วหลายขนาน แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้นเลย
“อาการของคุณมีสาเหตุมาจากการหมดประจำเดือนครับ” หวังเย้าพูด
“จริงเหรอคะ?” เธอดูอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอสงสัยว่า ประจะเดือนของตัวเองหมดก่อนหน้าที่จะมาหาหวังเย้า แล้วหมอคนหนึ่งก็เคยสงสัยแบบเดียวกันนี้ด้วย “แล้วจะแก้ยังไงดีคะ?”
“พอผ่านไปได้สักพัก อาการของคุณก็จะดีขึ้นเองครับ คุณต้องหมั่นออกกำลังกายและแช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอนทุกคืนด้วย” หวังเย้าพูด
“หมอช่วยจ่ายยาให้ฉันไปกินได้ไหมคะ?” เธอพูด
“พยายามอย่ากินยาเยอะเลยครับ” หวังเย้าพูด “ลองดูว่า พอผ่านไปได้เดือนหนึ่งแล้วอาการของคุณจะเป็นยังไง ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ให้กลับมาหาผมนะครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก” เธอพูด
คนไข้รายที่สี่เป็นชายวัย 30 เขาดูซีดเซียวและดวงตาดูเหม่อลอย
“สวัสดีครับ อยากให้ผมช่วยอะไรครับ?” หวังเย้าถาม
“หมอหวัง ผมคิดว่าผมเห็นผีครับ” เขาพูด
“อะไรนะครับ?” หวังเย้าประหลาดใจ “แล้วคุณไปเห็นผีตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ลองบอกผมมาหน่อยสิ”
“ผมทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่” เขาพูด “เมื่อสามวันก่อน ผมขับรถไปส่งลูกค้าที่หมู่บ้านเล็กๆที่มีประวัติมานานกว่า 1,000 ปี เขาโบกรถผมจากข้างทาง พอผมขับรถพาเขาไปถึงที่ที่เขาบอกปุบ เขาก็ลงรถแล้วก็หายไปหน้าตาเฉยเลย ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ฝันร้ายมาตลอดเลยครับ”
“คุณฝันประมาณไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ในฝัน ผมจะขับรถไปที่เดิม แล้วก็รับลูกค้าคนเดิม แล้วเขาก็ไม่มีใบหน้าด้วย” คนไข้มีอาการตัวสั่นและใบหน้าซีดลง
“จริงเหรอเนี่ย? แล้วหมอหวังจะรักษาอาการแบบนี้ได้เหรอ?” คนไข้คนอื่นๆที่รอคิวอยู่ต่างก็แปลกใจกับเรื่องนี้
“วันนั้น คุณรับลูกค้าคนนั้นขึ้นรถมาตอนกี่โมงครับ?” หวังเย้าถาม
“ประมาณห้าทุ่มครับ” เขาพูด
เขาทั้งเผากระดาษเงินกระดาษทอง, ไปหาหมอผี, และไปปักธง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ผลเลย
“อะไรนะ? ออกไปรับลูกค้าตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ?” บางคนที่ยืนรอคิวอยู่พูดขึ้นมา
“ช่วยนั่งลงด้วยครับ ผมขอตรวจดูหน่อย” หวังเย้าจับชีพจรของเขาดู
ชีพจรของเขาเต้นแปลกมาก มันไม่มีกำลัง ซึ่งแสดงได้ว่า ร่างกายขาดพลังชีวิต นี่มักจะเป็นชีพจรของคนที่เสียเลือดมาก หรือคนที่เพิ่งหายจากการป่วยหนัก
“นั่งนิ่งๆนะครับ” หวังเย้าพูด
เขาใช้มือกดไปที่ศีรษะของคนไข้และลงมือนวด
“เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนที่บ้าน แล้วดูว่ายังจะฝันร้ายอยู่อีกไหม” หวังเย้าพูด
“แค่นี้เหรอครับ?” เขาถาม
“ครั้งนี้คุณไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลย แต่ถ้าคุณยังฝันร้ายอยู่ ก็ให้กลับมาที่นี่นะครับ” หวังเย้าพูด
อาการของคนไข้รายนี้ค่อนข้างแปลก หวังเย้าไม่เคยเจอคนไข้อาการแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันต่างเฉินโจวที่มองเห็นภาพหลอน
“ได้ครับ” คนไข้จากไปพร้อมกับเครื่องหมายคำถามตัวโตๆติดอยู่เหนือศีรษะของเขา
“หมอหวัง ดูเหมือนว่าหมอจะรักษาได้ทุกโรคเลยนะ” คนไข้คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ฮาฮา ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” หวังเย้าตอบ
คนไข้รายนั้นไม่ได้ป่วยจริงๆ แต่มันเป็นความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นกับเขาต่างหาก
639 แมลงพิษโผล่มาอีกครั้ง
เรื่องแบบนี้มักจะเกิดกับคนที่โชคร้าย ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่ไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานแล้ว เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน พวกเขาก็อาจจะเป็นไข้หรืออาเจียน
สถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยาก เพราะการกินยาหรือการไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อคนเราเจอเรื่องแบบนี้เข้า พวกเขาไม่ได้คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากหมอ แต่พวกเขาจะเลือกเผากระดาษเงินกระดาษทองและส่งไปให้ “เทพเจ้า” ถ้าหากอาการของพวกเขารุนแรงกว่านั้น พวกเขาก็จะไปหาหมอผีหรือคนที่มีความเชื่อในเรื่องแบบนั้น ความจริง คนแบบนั้นสามารถหาเจอได้ตามหมู่บ้านใกล้เคียง
การรักษาสำหรับคนไข้คิวแรกๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะแต่ละคนมาด้วยอาการป่วยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แล้วในที่สุดก็ถึงตาของอาเฟิง
“หมอหวัง ขอโทษที่ต้องมารบกวนหมออีกแล้วนะครับ” อาเฟิงพูด
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” หวังเย้าพูด “คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ?”
“ครับ ตอนนี้ ผมเริ่มเดินได้ดีขึ้นแล้ว” อาเฟิงพูด
“ดีครับ มาครับ ผมขอตรวจดูหน่อย” หวังเย้าพูด
หลังจากที่ตรวจอาเฟิงเสร็จแล้ว หวังเย้าก็ใช้การรักษาเหมือนเช่นครั้งก่อน อันดับแรก เริ่มด้วยการฝังเข็ม ขั้นที่สอง เขาได้ใช้การนวดไปตามจุดฝังเข็มเพื่อขับเลือดที่คั่งค้างอยู่ การรักษานี้ดำเนินไปอย่างช้าๆและใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
“โอเค เรียบร้อยแล้วครับ” หวังเย้าพูด “อีกสองวัน ให้กลับมาอีกครั้งนะครับ”
“ขอบคุณครับ” อาเฟิงพูด
ครั้งนี้ ทัศนคติที่ลูกชายของอาเฟิงมีต่อหวังเย้าได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาสามารถเห็นพัฒนาการของพ่อเขาจากการรักษากับหวังเย้าได้อย่างชัดเจน ซึ่งทุกอย่างคือความจริง ความรู้สึกดูถูกที่มีต่อหวังเย้าได้จางหายไป และกลับกลายมาเป็นความขอบคุณที่ล้นเหลือแทน เมื่อเทียบกับสุขภาพพ่อของเขาแล้ว เงินไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด
“เดินทางปลอดภัยนะครับ” หวังเย้าพูด
คนไข้คนต่อมาเป็นหญิงสาวในวัย 20
“หมอคะ ฉันคิดว่า ร่างกายของฉันมีปัญหาค่ะ” หญิงสาวที่ดูดีแต่กลับดูมีท่าทีจริงจังอย่างมาก
“ปัญหาอะไรครับ?” หวังเย้าถาม
ด้วยการดมกลิ่นที่เขาใช้ ทำให้เขาบอกได้ว่า ร่างกายของหญิงสาวรายนี้แข็งแรงดี
“ร่างกายของฉันไม่แข็งแรงค่ะ” เธอพูด
“คุณรู้สึกไม่สบายเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เวลาที่เดินๆอยู่ ฉันจะรู้สึกว่า กระดูกที่เข่าของฉันมันลั่น แล้วเหมือนว่ามันจะแตกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” เธอพูด
“เหรอครับ?” หวังเย้ารู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“แล้วเวลาที่ฉันเคลื่อนไหวร่างกาย มันก็จะมีเสียงกระดูกดังออกมาด้วย เหมือนว่า กระดูกกำลังจะแตกอย่างนั้นเลยค่ะ” เธอพูด “ดูตรงนี้สิคะ! เส้นเลือดกำลังนูนออกมา มันจะระเบิดไหมคะ?”
จากการที่ได้ฟังหญิงสาวพูดมานั้น หวังเย้าจึงคิดว่า เธอคนนี้น่าจะมีอาการหวาดระแวง อาการของเธอนั้นคล้ายกับเฉินโจว แต่ก็มีความต่างกันอยู่ เพราะร่างกายของเธอไม่ได้มีปัญหาอยู่จริงๆ
“คุณเริ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ประมาณอาทิตย์ที่แล้วค่ะ” เธอพูด
“แล้วเวลานอนเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันนอนหลับไม่ค่อยสนิทค่ะ บางครั้ง ฉันก็ฝันว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนน แล้วอยู่ๆขาทั้งสองข้างของฉันก็หัก แล้วมีเลือดสาดกระจายไปทุกทางเลยค่ะ” เธอพูด
“ร่างกายของคุณมีปัญหาครับ” หวังเย้าพูด
“จริงเหรอคะ?” เธอถาม
“ผมจะเอายาให้คุณไปกินนะครับ หลังจากที่กินเข้าไปแล้ว คุณก็จะรู้สึกดีขึ้นมาก” หวังเย้าพูด
“ดีเลยค่ะ” เธอพูด
หวังเย้าจ่ายยาให้เธอในทันที การทำงานหลักของยาตัวนี้คือการสงบจิตใจของเธอ มันยังมีส่วนผสมของดอกแสงจันทร์อยู่ด้วย
“นี่เป็นวิธีการกินนะครับ”
“หมอคะ ตอนที่ฉันเดิน เส้นเลือดของฉันจะแตกไหมคะ?”
“หลังกินยาไปแล้ว คุณก็จะหายครับ”
“ดีเหลือเกินค่ะ” เธอพูด
ส่วนค่ายานั้น หวังเย้าเก็บเงินเธอไป 1,000 หยวน หญิงสาวไม่ลังเลที่จะจ่ายเลยแม้แต่น้อย
“หมอหวัง ผู้หญิงคนนั้นป่วยจริงเหรอ?” คนไข้ที่ยังรอคิวอยู่ถาม
“ครับ เธอมีอาการหวาดระแวงครับ” หวังเย้าพูด
“อ่อ หมอช่วยตรวจให้ฉันหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันปวดหัวมากเลย” คนไข้พูด
หวังเย้าตรวจคนไข้ไปตลอดทั้งเช้า แม้แต่ข้าวกลางวันเขาก็ไม่มีเวลากลับไปทานที่บ้าน ในที่สุด คนไข้ก็หมดลง ดังนั้น เขาจึงแขวนป้ายเอาไว้ที่ประตู แล้วจึงกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเพื่อปลูกต้นไม้ต่อ เมื่อเขากำลังจะออกไป ก็มีคนข้ามาเพิ่มอีก เขาจึงยุ่งไปจนกระทั่งถึงบ่ายสี่โมง และรักษาคนไข้ที่มาในตอนบ่ายไปทั้งหมด 12 คน
เมื่อเขาทำความสะอาดคลินิกอยู่นั้น จางซิวหยิงก็เดินเข้ามา
“แม่” หวังเย้าพูด
“วันนี้ ที่คลินิกคงจะยุ่งมากสินะ” เธอพูด “แล้วลูกได้กินข้าวกลางวันรึยัง?”
“ยังเลยครับ วันนี้ มีคนมาหาหมอกันหลายคนเลย” หวังเย้าพูด
“ลูกหิวไหมจ๊ะ?” เธอถาม
“ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอกครับ” หวังเย้าพูด
ด้วยร่างกายในปัจจุบันของหวังเย้านั้น ถ้าหากเขาไม่ได้กินอาหารสักสามวันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลยด้วยซ้ำ
“แม่จะทำความสะอาดให้เอง” แม่ของเขาพูด “ลูกกลับบ้านไปกินข้าวเถอะ”
“แม่ไม่ต้องทำหรอกครับ ผมทำเกือบจะเสร็จแล้ว” หวังเย้าพูด
เขาจัดการทำความสะอาดจนเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว และกลับบ้านไปกินข้าวกับแม่ของเขา
“ลูกจะขึ้นไปปลูกต้นไม้บนเขาอยู่เหรอ?” จางซิวหยิงถาม
“ครับ ผมจะไปปลูกเพิ่มอีกสักหน่อย” หวังเย้าพูด
“พรุ่งนี้ แม่กับพ่อจะไปช่วยด้วยนะ” แม่ของเขาพูด
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเองได้” หวังเย้ายิ้ม “อ้าว แล้วพ่ออยู่ไหนล่ะครับ?”
“เขาออกไปแช่น้ำร้อนน่ะสิ” แม่ของเขาพูด
หวังเย้างงไปครู่หนึ่ง “พ่อไปที่หมู่บ้านหลี่เจียโกวเหรอครับ?”
“ใช่จ๊ะ เขาไปกับเฟิงเต๋อ ลุงเหลียนหลี่ได้บัตรเข้าน้ำพุร้อนมา ก็เลยแบ่งมาให้พวกเราด้วยน่ะสิ” จางซิวหยิงพูด “พ่อเขาเห็นว่า มันมีเวลากำหนดด้วย พอดีวันนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำ เขาก็เลยชวนคนอื่นไปที่นั่นด้วยกันกับเขาน่ะจ๊ะ”
“แล้วทำไมพ่อไม่พาแม่ไปด้วยล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“ถ้าแม่ไปกับพ่อ แล้วจะให้แม่ไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?” แม่ของเขาพูด “แม่ไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอกนะ”
หวังเย้าไม่ได้ขึ้นไปบนเขา แต่อยู่ช่วยแม่ของเขาทำความสะอาดอยู่ที่บ้านแทน
เวลา 5 โมงเย็น หวังเฟิงฮวาก็กลับมาถึงที่บ้าน
“พ่อ น้ำพุร้อนเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็ดีนะ แต่มันร้อนไปหน่อย แล้วก็ไม่สบายเท่าเวลาที่ลูกนวดให้ด้วย” หวังเฟิงฮวาพูด
“อ่อ แล้วบ้านช่องแถวนั้นเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็ไม่เลวนะ แต่บัตรเข้าแพงไปนิด” หวังเฟิงฮวาพูด “แล้วที่นั่นยังมีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่นั่นมีแลงชนิดพิเศษอยู่ด้วยล่ะ เวลาที่ถูกมันกัด คนก็จะตายเร็วมาก ตอนนี้ มีคนตายไปแล้วสองคน”
“แมลงชนิดพิเศษเหรอครับ?” หวังเย้าให้ความสนใจขึ้นมาในทันที
“พ่อไปได้ยินมาจากคนที่ทำงานที่นั่นมาน่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด “มันจะเป็นแมลงแบบเดียวกับที่หมู่บ้านของเรารึเปล่า?”
“มันก็พูดยากนะครับ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมกังวลเหมือนกัน” หวังเย้าพูด
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังคิดไม่ออกว่า ทำไมแมลงแปลกๆพวกนั้นถึงไปอยู่บนเขาแบบนั้นได้
“อืม ถ้าลูกมีโอกาสก็ลองไปดูสักหน่อยก็ดีนะ” หวังเฟิงฮวาพูด
“พ่ออย่าเพิ่งไปที่นั่นเลยนะครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าจะไป พ่อก็เอาถุงที่ผมให้ไว้ไปด้วย”
“แม่กับพ่อเอาติดตัวไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว” หวังเฟิงฮวาพูด
หวังเย้าทำถุงเล็กๆที่ใส่หญ้าพิษเอาไว้ให้พ่อกับแม่ของเขา หญ้าพิษสามารถขับไล่แมลงพิษ ทั้งงู, ตุ๊กแก, และแมลงสาบล้วนไม่กล้าเข้าใกล้
หลังจบมื้อเย็น เขาก็นวดให้พ่อกับแม่ของเขาทีละคน
“ไม่ต้องนวดให้พ่อเขาหรอก เขาเพิ่งจะไปแช่น้ำพุร้อนมานี่” จางซิวหยิงยิ้ม
ในตอนเย็น หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน ซานเซียนรับหน้าที่ขนย้ายต้นไม้และคาบมาไว้ข้างหลุมที่หวังเย้าได้ขุดเอาไว้แล้ว
“อืม ทำดีมาก ซานเซียน” หวังเย้ายิ้มและตบหัวของมัน
โฮ่ง! โฮ่ง!
“เอาล่ะ มาปลูกต้นไม้กันเถอะ” หวังเย้าพูด
โฮ่ง!
ในคืนนั้น หนึ่งคนและหนึ่งสุนัขเริ่มลงมือปลูกต้นไม้อยู่บนเนินเขา พวกเขาทำงานอย่างว่องไวและไม่นาน ก็มีต้นไม้โผล่ขึ้นมาเพิ่มอีกสองแถว พวกเขาทำงานไปจนถึงสี่ทุ่ม
เช้าวันต่อมา พระอาทิตย์ขึ้นมาแต่เช้าตรู่ หวังเย้ามองเห็นเวินหว่านลัลูกชายของเธอกำลังเดินเล่นอยู่ด้านนอก
ภายในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ มีต้นไม้ขึ้นอยู่ทั่วทุกที่ อาการจึงดีเป็นพิเศษ อาการของเวินหว่านก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้รักษามาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เธอก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเธอ เธอมีความกระฉับกระเฉงและสดชื่นขึ้น แล้วเธอยังกินอิ่มนอนหลับดีอีกด้วย
“หมอหวัง” เวินหว่านพูด
“ออกมาเดินเล่นเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ค่ะ” เวินหว่านพูด
“คุณดูแข็งแรงดีนะครับ” หวังเย้าพูด
“ค่ะ ฉันรู้สึกว่า ร่างกายของฉันแข้งแรงขึ้นมากเลย” เธอพูด
ขี้ผึ้งต้วนชื่อมีคุณสมบัติที่วิเศษมากก็จริง แต่มันก็ถือว่ามีราคาแพงมาก
640 หมอที่ยอดเยี่ยม มองดูพลังฉี
“ถ้าคุณรับการรักษาต่อไปเรื่อยๆ คุณก็จะหายได้ครับ” หวังเย้าพูด
“ค่ะ” เวินหว่านพูด
ท้องฟ้าที่มืดมนก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยแสงตะวันที่สว่างไสว ขอแค่ชีวิตเต็มไปด้วยความหวัง ทุกอย่างก็จะสดใส
หวังเย้ามีคนไข้จำนวนมาก เขารักษาคนไข้รายสุดท้ายตอนบ่ายสามโมงกว่า หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่ชื่อหยูก็ขับรถบรรทุกมาพร้อมกับต้นไม้อีกชุดหนึ่ง เขาขนต้นไม้ลงไว้ที่ตีนเขา และหวังเย้าก็จัดการขนทั้งหมดขึ้นไปไว้บนเขา จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดลง
มันใช้เวลาประมาหนึ่งอาทิตย์หรือนานกว่านั้นเล็กน้อย แต่กำแพงต้นไม้ระหว่างเนินเขาหนานชานกับเนินเขาตงชานก็ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
…
ภายในหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชานเมืองเขตเหลียนชาน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่บนถนนอย่างมีความสุข ท่าเดินของเขาดูติดขัดเล็กน้อย แต่หากไม่ดูดีดีก็จะไม่สังเกตเห็นเลย
“อาเฟิง เป็นยังไงบ้าง?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“โอ้ ฉันสบายดีเหมือนเกิดใหม่เลยล่ะ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?” ชาวบ้านถาม
“ฉันกำลังจะไปซื้อเค้กน่ะ พอดีมีแขกจะมาหาที่บ้าน” อาเฟิงพูด เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
“ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน เขาดูแข็งแรงขึ้นนะ” ชาวบ้านพูด
“ดูท่าเดินเขาก็รู้แล้ว ว่ามันดีขึ้นน่ะ” ชาวบ้านอีกคนพูด “เขาไปรักษาที่ไหนมานะ?”
“ฉันได้ยินมาว่า เขาไปรักษาที่หมู่บ้านในเขาแถวซงป่ายน่ะ เขาไปฝังเข็มที่นั่นมา” ชาวบ้านคนแรกพูด
“นี่ เหมาชุนก็เป็นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอไง?” ชาวบ้านอีกคนพูด “ฉันได้ยินมาว่า เขาก็ไปฝังเข็มมาเหมือนกัน แล้วยังถึงขนาดไปช๊อตไฟฟ้ามาด้วยนะ!”
“รักษาด้วยการช๊อตไฟฟ้าเหรอ? อะไรกันน่ะนั่น?” ชาวบ้านคนแรกถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูสภาพเขาสิ ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ถ้าเขาไปรักษาที่เดี่ยวกับอาเฟิง เขาก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ ดูเขาแข็งแรงขึ้นมากเลยนะ” ชาวบ้านอีกคนพูด
ระหว่างทางที่เดินไปซื้อเค้ก อาเฟิงได้พบกับชาวบ้านตามท้องถนนอยู่หลายคน พวกเขาต่างพยักหน้าและพูดทักทายเขากันทุกคน ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้เรื่องอาการป่วยของเขากันทั้งนั้น ในเวลานี้ หากพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าเขาป่วยเป็นอะไร คนก็คงจะคิดว่า เขาแค่เจ็บเข่าก็เลยเดินโขยกเขยกเท่านั้น
เขามีความสุขมาก ครอบครัวของเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน บางทีอาจจะมีความสุขมากกว่าเขาด้วยซ้ำ ภรรยาของเขาทำอาหารกลางวันไว้ถึง 12 อย่าง แม้ว่าแขกที่มาจะมีแค่ไม่กี่คนก็ตาม ซึ่งก็คือพี่น้องอีกสองคนของอาเฟิงเอง
“พี่ เรามาดื่มกันเถอะ” น้องชายคนหนึ่งของเขาพูด
“ดื่มสิ ยังไงนายก็ไม่ต้องขับรถกลับอยู่แล้วนี่” อาเฟิงพูดอย่างมีความสุข
“หมอหวังบอกว่าคุณห้ามดื่มเหล้านะ” ภรรยาของเขาพูด
“ฉันดื่มแค่นิดเดียวเอง ไหนๆวันนี้เราก็มีความสุขกันมากนี่นา” อาเฟิงพูด “ฉันจะผสมน้ำลงไปด้วย”
เขาเทน้ำไปครึ่งหนึ่งและไวน์อีกครึ่งหนึ่งลงไปในแก้ว
…
ในหมู่บ้านกลางเขา ชายคนหนึ่งมาที่คลินิกในตอนเช้า
“หมอหวัง ผมกินยาที่คุณให้ไปแล้ว แต่มันไม่ได้ผลเลย” เขาพูด
เขามาพร้อมกับถุงใต้ตาและใบหน้าที่ซีดเซียว มันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างการนอนหลับไม่สนิทเท่านั้น
หวังเย้าสามารถจดจำคนคนนี้ได้ เขาเป็นคนขับรถแท็กซี่ เขามาที่คลินิกครั้งแรกเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาบอกว่า หลังจากที่รับผู้โดยสารกลางดึกคืนนั้นแล้ว เขาก็ฝันร้ายมาโดยตลอด แล้วเขาก็ยังฝันเห็นชายไร้หน้าคนนั้นอยู่ทุกคืนด้วย
“คุณยังฝันถึงเขาอยู่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่แล้ว คราวนี้ เขาไม่ได้นั่งเงียบๆ แต่ยังคุยกับผมด้วย คุณคิดภาพคนไม่มีหน้ากำลังคุยกับคุณออกไหมล่ะ? มันเลวร้ายมากเลยล่ะ” เขาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้เลย มันราวกับว่า ชายไร้หน้าคนนั้นกำลังอยู่ข้างๆเขา
“ผมไม่กล้าขับรถตอนกลางคืนอีกเลย เวลานอนก็ต้องเป็นโคมไฟบนหัวเตียงเอาไว้ด้วย” เขาพูด
ปัญหานี้หนักกว่าที่หวังเย้าคิดเอาไว้มาก เขาคิดเอาไว้ว่า หลังจากที่ชายคนนี้ได้กินยาเข้าไป มันก็จะช่วยให้ใจของเขาสงบลงและสามารถนอนหลับได้ แต่กลายเป็นว่า อาการของเขากลับหนักขึ้นแทน ยาไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการของเขาเลยแม้แต่น้อย
“มันเป็นเพราะวิญญาณร้ายจริงๆเหรอ?” หวังเย้าถามตัวเอง
บางคนอาจจะบอกว่า มันคือเรื่องเหนือธรรมชาติ และมันก็ไม่สามารถใช้วิทยาศาสตร์มาอธบายได้ด้วย
“หมอ หมอช่วยผมได้ไหม?” เขาร้องขอ
“อืม ผมกำลังหาทางอยู่ครับ” หวังเย้าพูด
อาการหวาดกลัวนั้น เขาเคยอ่านเจอเคสแบบนี้ในตำรา “โรครักษาได้ยาก” ที่ได้จากระบบ ซึ่งเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่บนถนนติดริมแม่น้ำในตอนเย็น และเกิดอาการหวาดกลัวเพราะเสียงร้องของนกฮูก ในคืนนั้น เด็กมีไข้ขึ้นและพูดละเมอออกมาในตอนที่หลับอยู่ เคสนี้มีความคล้ายคลึงกับอาการของชายคนนี้อยู่
ยาที่หวังเย้าจ่ายให้ไปก็คือยาแบบนี้กับในเคสนี้ แต่มันกลับไม่ได้แสดงผลที่ชัดเจนออกมาเลย
“หมอ” อยู่ๆชายคนนั้นก็ตัวสั่นขึ้นมา
“หืม?” อยู่ๆหวังเย้าก็อึ้งไป “เป็นอะไรไปครับ?”
“เปล่าๆ ผมแค่อดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้น่ะ” เขาพูด
ในบางครั้ง ยิ่งเรากลัวมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งหยุดคิดเรื่องนั้นไม่ได้ แต่ยิ่งคิด มันก็ยิ่งทำให้เรากลัวมากขึ้นไปอีก มันเป็นวงจรที่โหดร้ายมาก
อยู่ๆหวังเย้าก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ค่อนข้างพิเศษได้ มันคืออะไรกัน?
เมื่อเห็นหวังเย้าจับจ้องมาที่ตัวเองเป็นเวลานาน เขาจึงอดส่งเสียงเรียกออกไปเบาๆไม่ได้ “หมอหวัง?”
“โอ้ ผมกำลังคิดถึงอาการป่วยของคุณอยู่น่ะครับ” หวังเย้าพูด “ส่วนคนคนนั้น เขาแต่งตัวยังไงเหรอครับ?”
“ช่วงบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว และข้างล่างเป็นกางเกงขายาวครับ” เขาพูด “เขาใส่รองเท้าหนังด้วย”
แล้วใบหน้าของคนไข้ก็เปลี่ยนสีอีกครั้ง อยู่ดีดีเขาก็หยุดพูดไป และมีอาการสั่นเทา
ความรู้สึกนี้แหละ! หวังเย้าคิด พลังฉี พลังฉีของชายคนนี้ไม่ปกติ!
หวังเย้าปลดปล่อยพลังฉีออกมาเพื่อเชื่อมต่อกับฟ้าดิน
ทุกคนล้วนมีพลังฉีเป็นของตัวเอง โดยปกติแล้ว มันจะมีการไหลเวียนที่สมดุล ถ้าหากคนหนึ่งป่วย พลังฉีของคนคนนั้นก็จะอ่อนกำลังลง อ่อนกำลังกับไม่ทำงานนั้นต่างกัน พลังฉีของชายตรงหน้าเขาดูปั่นป่วน และมีบางอย่างที่ดูพิเศษปะปนอยู่ในนั้นด้วย มันเป็นเหมือนกับน้ำหมึกที่หยดลงไปในน้ำที่ใสสะอาด
แล้วฉันจะขับมันออกมาได้ยังไง?
หวังเย้าพยายามส่งพลังฉีของเขาออกมาภายนอก เขารวบรวมมันเอาไว้จนกลายเป็นหอกยาวเล่มหนึ่ง แล้วแทงมันเข้าไปในตัวของชายคนนั้น ราวกับตุ๊กตาหิมะพบเจอกับแสงแดด พลังฉีที่ชั่วร้ายซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในก็ได้จางหายไป
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ชายคนนั้นถาม
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย้าได้พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ หรือการที่เขาต้องใช้พลังฉีในแนวทางนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้วิธีปลดปล่อยและรวมพลังฉี แต่เขาก็ไม่เคยนำมันมาใช้แบบนี้มาก่อนเลย
แทบจะในเวลาเดียวกัน ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาและรู้สึกว่า ร่างกายของเขาสบายขึ้นมาก
“ยาที่ผมให้ไปคราวที่แล้วยังเหลืออยู่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“เหลืออยู่นิดหน่อยครับ” เขาพูด
“งั้นผมจะจ่ายเพิ่มให้นะครับ” หวังเย้าเดินไปหยิบยามาเพิ่ม “กลับบ้านไป แล้วกินยาต่ออีกสักอาทิตย์หนึ่งนะครับ ถ้ามันยังไม่ได้ผลอีก ก็ให้กลับมาหาผม”
“หมอ ยานี่มันจะได้ผลเหรอ?” เขาถามด้วยความสงสัย เขาไม่อยากจะทรมานอีกต่อไปแล้ว เขาต้องหวาดกลัวแทบจะทุกคืนที่เข้านอน
“มันจะได้ผลครับ” หวังเย้าพูด
“ก็ได้ ผมจะลองกินดูสักอาทิตย์หนึ่ง” เขาพูด เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว หวังเย้าก็รีบจดบันทึกการรักษาเคสนี้ลงไปอย่างรวดเร็ว
บางที นี่อาจจะเป็นวิธีการวินิจฉัยอีกแบบหนึ่งก็ได้ การมองดูพลังฉี!
ครั้งนี้ มันถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึง ซึ่งเป็นการเปิดประตูบานใหม่ ที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนและได้เห็นโลกที่ต่างออกไป
กริ๊ง! กริ๊ง! โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะส่งเสียงดังขึ้น
“หวังเชียนเชิง คุณอยู่ที่คลินิกเหรอคะ?” ที่ปลายสายเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนและมีความสุขของซูเสี่ยวซวี
“ใช่ ผมเพิ่งตรวจคนไข้ไปหลายคนเลย” หวังเย้าพูด
“หวังเชียนเชิง อย่าลืมกินข้าวด้วยนะคะ อย่าปล่อยให้ร่างกายต้องหิวเพราะมัวแต่ทำงาน” เธอพูด
“ได้สิ เธออยู่ที่นั่นก็ต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเองด้วยนะ” หวังเย้าพูด
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก หลังจากวางสาย บนใบหน้าของซูเสี่ยวซวีก็เผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน
“เสี่ยวซวี ลงมากินข้าวไปแล้วจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
ซูเสี่ยวซวีเดินฮัมเพลงลงมาจากบนบ้าน
“ลูกมีความสุขเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ?” ซงรุยปิงถามด้วยรอยยิ้ม
“มันเป็นความลับค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “คุณแม่คะ หนูอยากออกไปข้างนอกค่ะ”
“อะไรนะ? ทำไมล่ะจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงรู้สึกแปลกใจกับคำขอที่คาดไม่ถึงของลูกสาว
“หนูไม่อยากจะอยู่แต่ในบ้านแบบนี้นี่คะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“คุณแม่คะ ตอนนี้หนูอายุ 24 แล้วนะคะ หนูลองคิดดูแล้วค่ะ หนูต้องเรียนให้จบและหางานทำได้แล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด เธอต้องหยุดเรียนเพราะอาการป่วย
“อืม ถ้าลูกอยากจะไปเรียน มันก็ไม่มีปัญหาหรอกนะจ๊ะ แต่ลูกจะนอนหอพักไม่ได้นะ” เธอเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเยียนจิง ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศจีน
“คุณแม่!” ซูเสี่ยวซวีไม่ยินยอม
“ห้ามต่อรองจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด เธอไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรกับลูกสาวของเธอได้อีก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น