Elixir Supplier 635-636
635 ผมหายดีแล้ว
“ถ้ามีเวลา ฉันจะไปหาเธอที่ปักกิ่งนะ” หวังเย้าพูด
“โอเคค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“โฮ้?” ชูเหลียนรู้สึกแปลกใจ เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง
เขาหมายความว่ายังไง? เธอคิดถึงความเป็นไปได้หลายทาง เธอเหลือบมองซูเสี่ยวซวีและหวังเย้า เป็นไปไม่ได้น่า!
กั๋วเจิ้งเหอได้ยินคำพูดของทั้งสองเช่นเดียวกัน เขาเพียงแค่ยิ้มกว้างเท่านั้น มันเป็นรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้า
“ผมคงต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูดกับหวังเย้า
“แล้วเจอกัน” หวังเย้าพูด
กั๋วเจิ้งเหอขับรถออกไป ในเมื่อซูเสี่ยวซวีไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องอยู่ต่อ
หลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว รอยยิ้มที่แสนเจิ้ดจ้าบนใบหน้าของเขาก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยความดำมืด ครู่ต่อมา รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นก็กลับคืนมาอีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มที่สว่างไสว
…
ในตอนบ่าย หลี่ชื่อหยูขับรถบรรทุกเพื่อนำต้นไม้มาส่ง “คุณเช่าทั้งเขาเลยเหรอ?”
“ครับ” หวังเย้าพูด
“ต้นไม้พวกนี้ไม่ได้มีราคามากมายอะไร คงต้องรอจนพวกมันโตเต็มที่นู้นล่ะครับ” หลี่ชื่อหยูพูด
“ผมรู้ครับ ผมแค่อยากจะทำให้สภาพแวดล้อมบนเขาดีขึ้นและอากาศสดชื่นขึ้นก็เท่านั้น” หวังเย้าพูด
“หา?” หลี่ชื่อหยูประหลาดใจกับคำตอบของหวังเย้า
“ผมไม่ได้สนเรื่องเงินหรอกครับ” หวังเย้าพูด “สิ่งสำคัญก็คือ การที่ผมมีความสุข ถูกไหมครับ?” วันนี้เขามีความสุขเป็นพิเศษ
“ครับ คุณพูดถูก” หลี่ชื่อหยูพูด เขาคิดว่า หวังเย้าเป็นคนที่สุดยอดมาก “เอิ๊ก!”
“ขอบคุณนะครับ” หวังเย้าพูด
“ยินดีครับ” หลี่ชื่อหยูพูด “เอิ๊ก!”
“คุณสะอึกเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้สะอึกไม่หยุด” หลี่ชื่อหยูพูด
หวังเย้ายิ้มและตบไปที่หน้าอกและท้องของหลี่ชื่อหยูอย่างรวดเร็ว
“หืม?” หลี่ชื่อหยูประหลาดใจมาก เขาไม่เข้าใจว่าหวังเย้าทำไปเพื่ออะไร
“ตอนนี้ คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“คุณหมายความว่ายังไงเหรอ? โว้ว! ผมหยุดสะอึกแล้ว!” หลี่ชื่อหยูแปลกใจมาก เขารออยู่พักหนึ่ง และพบว่า เขาหยุดสะอึกแล้วจริงๆ “นี่มันยอดไปเลย!”
หวังเย้ายิ้ม
หลี่ชื่อหยูจากไปอย่างอารมณ์ดี
“หมอหวังคนนี่เก่งจริงๆเลยนะ” เขาพูดกับเพื่อนร่วมงานของเขา
“จริงเหรอ?” เพื่อนร่วมงานของเขาถาม
“ก็ฉันสะอึกมาตลอดทางที่เราขับรถมาที่นี่กัน แต่พอเขาตบหน้าอกฉัน ฉันก็หายสะอึกทันที ตอนนี้ฉันไม่สะอึกแล้วด้วย” หลี่ชื่อหยูพูด
“บางที มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้” เพื่อนของเขาพูด
“ไม่มีทาง เขาเป็นหมอที่สุดยอดที่สุด” หลี่ชื่อหยูพูด
หวังเย้าจัดการขนลำเลียงต้นไม้ขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานอย่างรวดเร็ว มันดูราวกับว่า เขากำลังแบกปุยนุ่นอยู่ยังไงยังงั้น
“หือ นั่นหมอหวังรึเปล่าฮะ?” เฉินโจวถาม
เขาและเฉินหยิงเห็นหวังเย้ากำลังก้าวกระโดดอยู่บนเนินเขาได้จากที่ไกลๆ
“ใช่แล้วจ๊ะ” เฉินหยิงพูด
“ว้าว สุดยอดไปเลย” เฉินโจวพูด
หวังเย้ากำลังกระโดดไปมาระหว่างตีนเขาและยอดเขา วินาทีหนึ่งเขาอยู่ที่ตีนเขา ชั่ววินาทีต่อมา เขาก็ไปโผล่อยู่กึ่งกลางของเนินเขา ครู่ต่อมา เขาก็หายเข้าไปในป่า มันดูเหมือน หวังเย้ากำลังกระโดดไปตามขั้นบันได ไม่ใช่บนเนินเขา มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
“นั่นเป็นการกระโดดด้วยพลังฉีใช่ไหมฮะ?” เฉินโจวถาม
“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก็อาจจะใช่” เฉินหยิงพูด
“เราเข้าไปช่วยหมอหวังขนต้นไม้กันดีไหมฮะ?” เฉินโจวถาม
“อย่าพึ่งไป!” เฉินหยิงหยุดน้องชายของเธอเอาไว้ “บางที หมอหวังอาจจะไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราก็ได้ พวกเราอยู่ดูตรงนี้กันดีกว่านะ”
พวกเขาเฝ้ามองหวังเย้าที่กระโดดไปมาระหว่างตีนเขาและยอดเขาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ใจ ไม่นาน เขาก็ลำเลียงต้นไม้ทั้งหมดขึ้นไปไว้บนเขาจนหมด
“หมอหวังคิดจะเปลี่ยนเนินเขาหนานชานเป็นอะไรกันนะ?” เฉินโจวถาม
“อืม พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางที เขาอาจจะทำให้เนินเขากลายเป็นที่ที่เรียกว่า สถานที่แห่งโชคลาภ ละมั้ง” เฉินหยิงพูด เธอเพียงแค่คาดเดาเอาเองเท่านั้น
…
ในอีกหมู่บ้านหนึ่งของเขตเหลียนชาน ชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน ขาข้างหนึ่งของเขาเป็นปกติ แต่อีกข้างนั้นกลับดูไร้เรี่ยวแรง เขาสามารถก้าวขาข้างนั้นได้ แต่มันทำเป็นวงโค้งแทนที่จะตรงไปข้างหน้า
“สวัสดี อาเฟิง ออกกำลังกายอยู่เหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“อืม นิดหน่อยน่ะ” อาเฟิงพูด
“นายดูพูดชัดขึ้นนะ” ชาวบ้านพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
หมู่บ้านไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ทุกคนจึงรู้เรื่องราวความเป็นไปของเพื่อนบ้านแต่ละคนดี ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้ว่า อาเฟิงคนนี้มีอาการเส้นเลือดอุดตันและต่างก็รู้สึกเสียใจแทนเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เขาคงต้องกลายเป็นคนพิการอย่างแน่นอน
“ใช่ มันดีขึ้นมากแล้ว” อาเฟิงพูด
“นายไปรักษาที่ไหนมาเหรอ?” ชาวบ้านถาม
“ฉันไปรักษากับหมอจีนคนหนึ่งมาน่ะ” อาเฟิงพูด มันทำให้เขานึกถึงหวังเย้าขึ้นมา
“นายต้องออกกำลังกายเยอะๆนะ” ชาวบ้านพูด
“อืม” อาเฟิงพูด
เขาเดินไปกลับอยู่บนทางเดินเท้าอย่างช้าๆอยู่สองรอบ สุดท้าย เขาก็หาที่นั่งเพื่อเฝ้าดูเพื่อนๆในหมู่บ้านเล่นไพ่กัน
“อาเฟิง นายดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วนี่” ชาวบ้านอีกคนพูด
อาเฟิงเป็นคนดีและซื่อสัตย์ เขาจึงมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างก็ชอบที่จะได้พูดคุยทักทายเขา เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเดินสวนกับอาเฟิง พวกเขาก็มักจะเอ่ยทักทายเขาอยู่เสมอ
“ใช่แล้วล่ะ” อาเฟิงพูด
หลังจากที่นั่งได้ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบน้ำในขวดที่ติดมาด้วย
“นายพกมาน้ำมาด้วยเลยเหรอเนี่ย?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“ใช่ อากาศมันร้อนน่ะ” อาเฟิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่ตอนนี้ คำพูดแต่ละคำของเขานั้นฟังดูชัดเจนมากขึ้น
หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมเดินกลับไปที่บ้าน
“นายจะกลับแล้วเหรอ? ทำไมไม่อยู่ด้วยกันต่ออีกสักหน่อยล่ะ?” ชาวบ้านถาม
“ไม่ล่ะ ฉันต้องกลับเอาข้าวไปให้ไก่น่ะ” อาเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาเริ่มก้าวเดินเพื่อกลับไปที่บ้านอย่างช้าๆ เมื่อเขาเดินไปได้ไกลพอสมควรแล้ว ชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันอยู่ก็เริ่มพูดถึงเรื่องของเขาขึ้นมา
“ดูเขาสิ! ทั้งที่เขาเป็นคนดีขนาดนี้ น่าเสียดายที่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ไปซะได้” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
“นายพูดถูก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันเยอะซะด้วย” ชาวบ้านอีกคนพูด
“เราควรจะกินเนื้อให้น้อยลง แล้วกินผักกับออกกำลังกายให้มากขึ้น แล้วเราก็ควรจะมีอารมณ์ที่ดีอยู่เสมอด้วย” ชาวบ้านวัยกลางคนที่กำลังเล่นไพ่อยู่พูดขึ้นมา
“ฉันไม่เห็นนายจะทำอย่างที่พูดเลยสักอย่าง” ชาวบ้านอีกคนพูด
“ญาติคนหนึ่งของฉันก็เป็นเส้นเลือดอุดตันแบบนี้แหละ” ชายวัยกลางคนพูด “เขาอายุแค่ 52 ปี เขาใช้ชีวิตได้แย่มาก เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องการกิน เขาชอบกินทั้งเนื้อสัตว์กับเนื้อปลามากๆด้วย ทั้งๆที่เขาก็ป่วยเป็นเบาหวานกับความดันสูงอยู่ แล้วอยู่ๆเขาก็เกิดเป็นเส้นเลือดอุดตันขึ้นมา จนตอนนี้ก็ต้องนั่งแต่รถเข็นตลอดเวลาเลยล่ะ”
“แต่ฉันว่า อาเฟิงอาการดีขึ้นมากแล้วนะ เวลาพูดก็ชัดขึ้นด้วย” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งพูด
“ใช่ๆ คราวที่แล้วที่เจอกัน เขายังพูดติดๆขัดๆอยู่เลย อย่างกับว่าเขาอมซาลาเปาเอาไว้ในปากแน่ะ” ชายวัยกลางคนพูด
“เอาเถอะๆ แค่เขาดูแลตัวเองได้ก็ดีมากแล้ว” หญิงชาวบ้านพูด
“ฉันว่า ที่เขาเป็นเส้นเลือดอุดตัน มันจะต้องเป็นเพราะเขาทำงานจนเหนื่อยเกินไปแน่ๆ” ชายวัยกลางคนพูด “ลูกชายของเขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน เขาเลยต้องเก็บเงินเอาไว้ซื้ออพาร์ทเมนต์ให้ลูกของเขา”
“นายพูดถูก คงจะดีกว่านี้ ถ้าคนเราไม่ป่วยหรือไม่จนเกินไป” หญิงชาวบ้านพูด
ในขณะเดียวกัน อาเฟิงก็เดินกลับไปถึงที่บ้านของเขาแล้ว
“ที่รัก รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ทันทีที่เขาก้าวขาเข้าไปในบ้าน ภรรยาของเขาก็ถามขึ้นมาเสียงดัง เธอกำลังทำอาหารอยู่
“ฉันสบายดี เธอถามแบบนี้มาเป็นพันครั้งแล้วนะ ไม่เบื่อบ้างเหรอไง?” อาเฟิงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เวลาคุยกับภรรยา เสียงของเขาดูเหมือนจะดังกว่าปกติเล็กน้อย
“ไม่เลย ฉันแค่อยากจะให้คุณดีขึ้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องสุขภาพของคุณอีกแล้ว” เธอพูด
ช่วงหลังมานี้ อารมณ์ของเธอดีขึ้นมาก ตอนที่สามีของเธอยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอรู้สึกแย่มาก มันเป็นเรื่องที่ทรมาน เมื่อต้องมาเห็นสามีต้องทรมานกับอาการป่วย เธอไม่สามารถทำงาน, ดูแลบ้าน, หรือทำงานในไร่ได้เลย เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการดูแลสามีของเธอเพียงอย่างเดียว
เมื่อสามีผู้เป็นเหมือนเสาหลักของบ้านต้องมาป่วย มันเป็นประสบการณ์ที่ยากลำบากสำหรับผู้เป็นภรรยาอย่างมาก เธอต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้เพียงผู้เดียว ลูกชายของเธอยังโสดและกำลังมองหาคู่ชีวิต พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร ถ้าหากผู้หญิงรู้ว่า ที่บ้านของฝ่ายผู้ชายมีคนป่วยอยู่ ก็คงจะไม่มีใครอยากจะมาแต่งงานกับลูกชายของเธอ เธออยากให้ลูกชายของเธอได้แต่งงานกับคนดีดี ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยอะไร ขอแค่มีพื้นฐานทางบ้านที่คล้ายคลึงกันก็เพียงพอแล้ว
“อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ” ภรรยาของอาเฟิงพูด
“ไม่ลืมหรอก” อาเฟิงพูด
“เราโชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอกับหมอเก่งๆเข้า” ภรรยาของเขาพูด
อาการของสามีที่เริ่มดีขึ้น ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากขึ้นไปด้วย ชีวิตของเธอกลับมามีความหวังอีกครั้ง และทำให้เธอมีแรงทำงานต่อ
…
ในขณะเดียวกัน ภายในโรงพยาบาลเหลียนชาน เหอชื่อหลี่ได้เข้าไปพบกับแพทย์คนหนึ่ง
“คุณไปรักษาที่ไหนมาเหรอครับ?” แพทย์ถาม เขาพบว่า มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก กับการที่เหอชื่อหลี่สามารถหายดีจากอาการเส้นเลือดอุดตันได้
“หมอคะ ตอนนี้ สามีของฉันไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ?” ภรรยาของเหอชื่อหลี่ถาม
“ตอนนี้ เขาไม่เป็นอะไรแล้วครับ” แพทย์พูด “แล้วเขาอาการดีขึ้นได้ยังไงเหรอครับ?”
เหอชื่อหลี่เดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจอีกครั้ง และผลที่ออกมาก็น่าพอใจอย่างมาก เส้นเลือดอุดตันได้หายไปจนหมด เขาหายดีแล้ว เหอชื่อหลี่รู้ดีว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการการยืนยันจากทางโรงพยาบาลเท่านั้น
“ผมไปรักษาโดยการฝังเข็มกับนวดมาน่ะครับ” เหอชื่อหลี่พูด
“ฝังเข็มกับนวดในโรงพยาบาลนี้น่ะเหรอ?” แพทย์ถาม
เขารู้ถึงความสามารถของเพื่อนร่วมงานในแผนกแพทย์แผนจีนดี มันเป็นเรื่องยากมาก ที่จะสามารถรักษาคนไข้เส้นเลือดอุดตันให้หายได้ด้วยการฝังเข็มและนวดเพียงเท่านั้น
เหอชื่อหลี่เป็นคนไข้ในความรับผิดชอบของเขา ดังนั้น เขาจึงเข้าใจอาการป่วยของเขาดี อาการป่วยของเหอชื่อหลี่ยังถูกบันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ไม่หายไปไหน ดังนั้น เขาจึงรู้สึกประหลาดใจมาก ที่ตอนนี้ เหอชื่อหลี่หายเป็นปกติแล้ว
“ไม่ใช่ครับ แต่เป็นที่อื่น” เหอชื่อหลี่พูด
“ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเหรอ?” แพทย์ถาม
“ไม่ใช่ครับ แต่เป็นคลินิกในเขตเรานี่แหละ” เหอชื่อหลี่พูด
“คลินิกเหรอ?” แพทย์พูด
“ประมาณนั้นครับ” เหอชื่อหลี่พูด
“จริงเหรอ? นี่มันแปลกมาก!” แพทย์มีท่าทีมึนงง
636 หนึ่งเข็ม
เมื่อเดินออกมาจากโรงพยาบาล ใบหน้าของเหอชื่อหลี่มีรอยยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ เขายิ้มจนเห็นฟันเกือบทุกซี่ ถึงแม้ว่าฟันครึ่งหนึ่งจะหลุดออกไปแล้วก็ตามที
ฉันต้องกลับไปฉลองแล้วล่ะ ฉันต้องบอกข่าวดีกับเหอหลิงด้วย
ในตอนที่เขากำลังคิดจะโทรไปหาลูกสาวอยู่นั้น ลูกสาวของเขาก็โทรมาหาเขาพอดี
“ฮัลโหล พ่อเพิ่งจะไปตรวจที่โรงพยาบาลมาล่ะ พ่อไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องห่วง” เหอชื่อหลี่พูด “ได้…ได้”
เหอชื่อหลี่และภรรยาพากันกลับบ้านด้วยอารมณ์ชื่นมื่น
…
ปักกิ่ง
ซูเสี่ยวซวีและชูเหลียนเดินทางกลับไปถึงที่บ้านตระกูลซู
“สนุกไหมจ๊ะลูก?” ซงรุ่ยปิงกำลังรอพวกเธออยู่
“ค่ะ สนุกมาก” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยรอยยิ้ม
“ลูกคงจะเหนื่อยแล้ว ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนสักหน่อยดีกว่านะจ๊ะ” ซงรุยปิงพูด
“ดีค่ะ” ซูเสี่ยวซวีเดินขึ้นบันไดไป
“คุณผู้หญิง” ชูเหลียนพูด
“กั๋วเจิ้งเหอตามพวกเธอไปอีกแล้วเหรอ?” ซงรุ่ยปิงพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ค่ะ” ชูเหลียนพูด
“เด็กคนนั้นมันยังไงกันแน่?” ซงรุ่ยปิงพูด “ฉันก็พูดไปชัดเจนแล้วนะ ว่าเราไม่คิดจะให้เสี่ยวซวีของเราแต่งงานกับเขาน่ะ”
เธอเคยได้ยินเรื่องบางอย่างที่กั๋วเจิ้งเหอทำในที่ทำงาน และมันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ประทับใจในตัวเขาเลย เธอยังบอกกับเขาไปแล้วหลายครั้ง ว่าลูกสาวของเธอไม่ได้สนใจเขา เธอจึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ยอมแพ้อยู่แบบนี้
เขาต้องการอะไรกันแน่?
“มีอีกเรื่องค่ะ คุณผู้หญิง คุณหนูซูดูจะหลงหมอหวังมาก” ชูเหลียนพูด
“ฉันก็กังวลเรื่องนั้นเหมือนกัน” ซงรุ่ยปิงพูด
กั๋วเจิ้งเหอไม่ใช่ปัญหาที่แย่ที่สุดในตอนนี้ อย่างน้อยๆ เธอก็พูดอย่างชัดเจนกับเขาไปแล้ว ว่าเธอไม่คิดจะให้ลูกสาวของเธอแต่งงานกับเขา แต่ถ้าเขายังดึงดัน เธอก็จะปฏิเสธเขาอีกครั้งและบังคับให้เขาต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปซะ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ตระกูลของเธอกับตระกูลกั๋วอาจจะไม่ได้เป็นมิตรที่ดีต่อกันอีกต่อไป นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในหมู่ตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง แล้วเธอก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดด้วย แต่เรื่องของหวังเย้านั้นต่างกัน ลูกสาวของเธอรักเขามาก แต่ซงรุ่ยปิงไม่คิดว่า ลูกสาวของเธอจะได้รับความรักกลับคืนมา ซึ่งมันทำให้ลูกสาวของเธอต้องตกอยู่ในสถานะที่ดูกระอักกระอ่วน แล้วถึงเขาจะสามารถมอบความรักกลับคืนให้เธอได้ แต่ด้วยสถานะทางสังคมของเขาแล้ว มันทำให้คนทั้งสองไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกันเลย หวังเย้าเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจก็จริง แต่เขาไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีหรือมีทรัพยากรมากมาย
คู่แต่งงานที่เหมาะสมควรมีพื้นฐานหลายๆอย่างที่คล้ายกัน นี่ถือเป็นกฎที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับตระกูลแบบพวกเธอ แต่ถ้าหากลูกสาวของเธอต้องการจะคบกับหวังเย้าจริงๆ เธอก็ไม่คิดจะห้ามอะไรมาก
“คุณผู้หญิงคะ หลังจากที่คุณหนูซูไปบอกลาหมอหวังเป็นการส่วนตัวแล้ว เธอก็ดูเหมือนจะมีความสุขมากเลยค่ะ” ซูเหลียนผู้ที่ช่างสังเกตพูดออกมา
“ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากที่เงียบๆปพักหนึ่ง ซงรุ่ยปิงก็ตอบกลับไป
“บางที หมอหวังอาจจะพูดอะไรบางอย่างกับคุณหนูซูก็ได้ค่ะ” ชูเหลียนพูด
“ฉันจะลองถามเสี่ยวซวีดู” ซงรุ่ยปิงพูด
เธอรู้จักลูกสาวของเธอดี เธอไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบจากปากลูกสาวของเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะแค่ดูสีหน้าลูกสาวของเธอ มันก็บอกเธอทุกเรื่องแล้ว
…
ในขณะเดียวกัน อาเฟิงและครอบครัวก็เดินทางไปที่หมู่บ้านหวังเจียแต่เช้าตรู่
“คราวก่อนเราก็มารอกันตั้งนาน ดูเหมือนว่า คราวนี้เราก็ต้องรอนานอีกเหมือนเคย ผมบอกแล้ว ว่าเราไม่ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้” ลูกชายของอาเฟิงบ่นออกมา
“เลิกบ่นได้แล้ว” ภรรยาของอาเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม เธอกำลังอารมณ์ดีอย่างมาก
พวกเขาเดินทางมาถึงที่คลินิกก่อนเวลา 8.30 น. คลินิกยังไม่เปิด ดังนั้น พวกเขาจึงต้องรออยู่ด้านนอก ในขณะที่พวกเขากำลังรออยู่นั้น ก็มีคนมาถึงที่หน้าคลินิกอีกสองคน
พวกเขาเริ่มหันมาพูดคุยกันในระหว่างการรอ
หนึ่งในสองของคนไข้ที่มาทีหลังนั้นมาด้วยอาการปวดขา ส่วนอีกคนมาด้วยอาการปวดศีรษะ
“อะไรนะ? หมอหวังรักษาอาการเส้นเลือดอุดตันได้ด้วยเหรอ?” คนไข้ที่มีอาการปวดศีรษะถาม
“ใช่ สามีของฉันกำลังรักษากับเขาอยู่ ตอนนี้ อาการของเขาก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย” ภรรยาของอาเฟิงพูด
“หมอหวังเป็นหมอที่เก่งจริงๆ ทั้งที่เขายังอายุน้อยอยู่แท้ๆ” คนไข้ที่ปวดขาพูด
“ใช่ค่ะ” ภรรยาของอาเฟิงพูด
ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น หนึ่งในนั้นก็เห็นหวังเย้ากำลังเดินลงมาจากเนินเขาหนานชาน
“หืม นั่นใช่หมอหวังรึเปล่า?” คนไข้ที่ปวดศีรษะพูดขึ้นมา
“ใช่แล้วล่ะค่ะ” ภรรยาของอาเฟิงพูด
หวังเย้าเดินลงมาจากเขาเพื่อตรงไปที่คลินิก
“เขาชอบเดินมาจากทางนั้นตลอดเลยนะ” คนไข้ที่ปวดศีรษะพูดขึ้นมา
“คุณมาที่นี่กี่ครั้งแล้วเหรอ?” คนไข้ที่ปวดขาถาม “เขาอาจจะเพิ่งไปออกกำลังกายมาก็ได้”
หวังเย้าปลดล็อคประตูและเชิญทุกคนเข้าไปด้านใน ใครมาก่อนก็ได้ตรวจก่อนตามลำดับ คนไข้ต่างเดินไปเข้าคิวโดยไม่ต้องมีใครบอก
อาเฟิงมาถึงคลินิกเร็วที่สุด ดังนั้น เขาจึงเป็นคนแรกที่ได้รับการรักษา
“ตอนนี้ หน้าของคุณดูเป็นปกติดีแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด
“ครับ ตอนนี้ มันปกติดีมากเลย” อาเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม การพูดของเขาก็ยังชัดเจนมากด้วย
“ผมขอตรวจดูขาของคุณหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
การเคลื่อนไหวของแขนข้างที่มีปัญหานั้นดีกว่าขาข้างเดียวกันมาก
“คุณลองยกขาขึ้นอีกหน่อยได้ไหมครับ?” หวังเย้าขอให้เขายกขาในแบบต่างๆ “นั่งก่อนนะครับ ผมจะฝังเข็มรักษาให้คุณต่อ”
คนไข้อีกสองรายเฝ้ามองหวังเย้าที่กำลังฝังเข็มให้กับอาเฟิง ทุกคนต่างเงียบเสียง
ไม่นาน หวังเย้าก็ฝังเข็มลงบนศีรษะของอาเฟิงไปแล้ว 10 กว่าเล่ม ในบางครั้ง เขาก็จะหมุนเข็มแต่ละอัน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ดึงเข็มออกจนหมด
“ช่วยลุกขึ้นยืน แล้วลองเดินดูนะครับ” หวังเย้าพูด
อาเฟิงลุกขึ้นยืนและเดินกลับไปกลับมาอยู่สองครั้ง ขาของเขายังคงเดินไม่ตรงเหมือนเดิม
หวังเย้าเริ่มนวดรักษาให้กับเขา การนวดเริ่มต้นจากส่วนศีรษะ ในจุดที่เขาเคยฝังเข็มลงไป แล้วขยับไปที่ลำตัวของเขา สุดท้าย หวังเย้าก็เลื่อนลงไปนวดที่ขาข้างที่มีปัญหา เขาไล่ไปตามเส้นเลือดจากลำตัวลงมาสู่ขาของคนไข้
อาเฟิงรู้สึกสบายอย่างมาก เขารู้สึกอุ่นไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะขาข้างที่มีปัญหา ซึ่งมักจะรู้สึกเย็นอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ เขารู้สึกว่า ขาข้างที่มีปัญหาของเขากำลังแช่อยู่ในน้ำอุ่น มันให้ความรู้สึกที่ดีอย่างมาก
หลังจากที่หวังเย้านวดขาข้างที่มีปัญหาเสร็จแล้ว เขาก็ย้ายไปนวดที่แขนต่อ การรักษาจนครบทุกขั้นตอนนั้นใช้เวลาค่อนข้างมาก ตั้งแต่การฝังเข็มไปจนถึงการนวด หวังเย้าใช้เวลาในการรักษาไปถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
“เรียบร้อยครับ ตอนกลับไปที่บ้าน ก็อย่าลืมกินยาด้วยนะครับ แล้วอีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ครับ” อาเฟิงพูด
หลังจากที่จ่ายค่ารักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาเฟิงและครอบครัวก็พากันกลับ
“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ทันทีที่เดินพ้นประตูคลินิก ภรรยาของอาเฟิงก็เอ่ยปากถามขึ้นมา
“อืมมม ฉันรู้สึกว่าขาข้างนี้เบาขึ้นเยอะเลยล่ะ แล้วยังสามารถควบคุมมันได้ดีขึ้นด้วย” อาเฟิงพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วนะ” ภรรยาของเขาพูด
หวังเย้าเริ่มให้การรักษาคนไข้ที่รออยู่อีกสองราย
“หมอหวัง ฉันรู้สึกปวดแปลบข้างในขา จนฉันยืนแทบไม่ไหวเลยล่ะ” หญิงวัย 50 พูด
“คุณป้าเจ็บตรงส่วนไหนครับ?” หวังเย้าถาม
“ตรงหน้าแข้งกับส้นเท้า” เธอตอบ
“ครับ คุณป้านั่งก่อนนะครับ ผมขอตรวจดูก่อน” หวังเย้าพูด “ช่วยถอดรองเท้าออกด้วยนะครับ”
คนไข้ถอดรองเท้าออก ฝ่าเท้าของเธอแบนราบเสมอกัน ส่วนโค้งที่บริเวณเท้าของเธอเกิดความเสียหาย
“ช่วงนี้คุณป้ายุ่งไหมครับ? แล้วต้องยืนตลอดเลยรึเปล่า?” หวังเย้าถามขึ้นมาในตอนที่เขากำลังตรวจดูฝ่าเท้าของคนไข้อยู่
“ใช่ ฉันยุ่งอยู่กับการเลี้ยงเด็กน่ะ” เธอตอบ
“เด็กอายุเท่าไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม
“เกือบจะได้ขวบหนึ่งแล้วล่ะ” เธอพูด
“คุณป้าต้องอุ้มเขาตลอดเลยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ เขาไม่ยอมนั่งอยู่กับที่เลย เอาแต่ร้องจะออกไปข้างนอกตลอด” เธอพูด เธอมีความสุขเมื่อได้พูดถึงหลานชายของเธอให้คนอื่นฟัง
“คุณป้ายังมีเส้นเลือดขอดด้วยนะครับ” หวังเย้าสังเกตุเห็นเส้นเลือดนูนขึ้นในบริเวณน่องของคนไข้
“ใช่ มันมีมานานแล้วล่ะ ตอนทำงาน ฉันเคยต้องยืนตลอดเวลา แล้วฉันก็ทำแบบนั้นมาเป็น 10 ปีแล้วด้วย” เธอพูด
“ตรงนี้เจ็บไหมครับ?” หวังเย้ากดไปที่เข่าของเธอ
“ค่ะ โอ๊ย! ตรงนั้นเลยค่ะ” เธอพูด
หวังเย้าพยักหน้า เขารู้ปัญหาของเธอแล้ว
“คุณป้าเจ็บที่ส้นเท้า เพราะฝ่าเท้าของคุณป้าแบนราบ เกิดจากส่วนโค้งที่ยุบตัวลงครับ” หวังเย้าพูด “เวลายืนนานๆ คุณป้าก็จะรู้สึกปวดขาขึ้นมา คุณป้าต้องหารองเท้าหรือพื้นรองเท้าที่ช่วยรองรับส่วนโค้งของฝ่าเท้า เพื่อลดการเจ็บปวดลง ส่วนขาที่มีอาการปวด ก็มาจากเรื่องเดียวกันครับ”
“หมอช่วยให้หายปวดได้ไหม?” เธอถาม “เวลายืนทีไร ฉันก็จะรู้สึกเจ็บเหมือนมีเข็มมาทิ่มตลอดเลย ฉันเกือบจะต้องกินยาแก้ปวดแล้วตอนนี้”
“ได้สิครับ” หวังเย้าพูด
หวังเย้าหยิบเข็มเล่มยาวออกมาเล่มหนึ่ง แล้วแทงเข็มลงไปที่ขาช่วงบนของเธอ เขาหมุนเข็มเล็กน้อย “ตอนนี้ คุณป้าช่วยลุกขึ้นยืนและลองเดินสักสองสามก้าวนะครับ”
คนไข้ลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
“โอ้โห ตอนนี้ ฉันไม่รู้สึกเจ็บแล้ว” เธอพูด “นี่มันยอดไปเลย!”
หวังเย้าใช้เข็มเพียงเล่มเดียวเพื่อหยุดอาการปวดของเธอ ทั้งๆที่ทุกอย่างที่เธอเคยลองทำที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นโป๊ะผ้าร้อนและแปะพลาสเตอร์ยาต่างก็ไม่เห็นผลอะไรเลย
“ขอบคุณหมอมากนะคะ” เธอพูดอย่างยินดี
“คุณป้าต้องเลิกยืนนานๆได้แล้วนะครับ แล้วก่อนนอนทุกคืน คุณป้าก็ควรแช่เท้าในน้ำอุ่นด้วย” หวังเย้าพูด
ถ้าคุณป้ารู้สึกเจ็บขึ้นมาอีก ให้คุณป้านวดตรงนี้นะครับ” หวังเย้ากดลงไปบนเข่าของคนไข้อยู่สองสามจุด
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอพูด “แล้วค่ารักษาเท่าไหร่คะ?”
“ไม่คิดครับ” หวังเย้าส่ายหน้า
“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องจ่ายให้หมอ!” เธอดึงดัน
“ก็ได้ครับ ตอนนี้คุณป้ากลับบ้านได้แล้วนะครับ” หวังเย้าพูด
“ขอบคุณมากนะคะ” เธอพูด “ฉันคงต้องรีบกลับไปดูหลานแล้ว!”
คนไข้รายที่สาม มาด้วยอาการปวดศีรษะ
“ผมรู้สึกปวดตรงนี้ลามมาถึงกระบอกตาเลย” ชายวัย 40 ชี้ไปที่ศีรษะด้านซ้ายของเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น