Elixir Supplier 585-588
585 ผีดิบ
“นายทำอะไรกับฉันน่ะ?” หลี่จูฉ่ายเริ่มตื่นตระหนก
“ไม่ต้องกลัวครับ มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนี้สักพัก พี่ก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง ผมจะไปเอายาให้พี่ที่อีกห้องหนึ่งนะครับ” หวังเย้าพูด
เขาทำการกดจุดเส้นเลือดช่วงขาของหลี่จูฉ่ายเอาไว้ เพื่อไม่ให้ขาทั้งสองข้างสามารถเคลื่อนไหวได้ ส่วนพิษที่เกิดจากแมลงนั้น สมุนไพรแก้พิษสามารถนำมาใช้ในการขับพิษได้ ส่วนหญ้าพิษสามารถใช้ในการป้องกันสัตว์และแมลงมีพิษได้
หวังเย้านำสมุนไพรรากสองชนิดนี้มาทำเป็นยา ผลของตัวยานั้นรักษาได้ตรงเป้าและเข้มข้น
ตัวยาที่อยู่ภายในหม้อมีสีเขียวเข้มและมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย
“มาครับ ดื่มยาเข้าไป” หวังเย้าเทยาใส่ลงไปในถ้วยใบหนึ่ง
“นี่อะไรน่ะ?” หลี่จูฉ่ายรู้สึกกังวล
“ยาครับ” หวังเย้าพูด
หลี่จูฉ่ายดื่มยาเข้าไป
หวังเย้านั่งมองเขาเงียบๆ “พี่รู้สึกยังไงบ้างครับ?”
“ไม่รู้สึกอะไร นี่…โอ๊ย ฉันปวดท้อง!” หลังจากผ่านไปได้ไม่ถึงห้านาที หลี่จูฉ่ายก็รู้สึกว่าท้องไส้ของเขาปั่นป่วนขึ้นมา ความเจ็บปวดค่อยๆกระจายออกไปเรื่อยๆ ไม่นาน เขาก็รู้สึกปวดทั้งหน้าอก, แขน, ขา, และศีรษะ เขารู้สึกปวดไปทั้งร่าง “โอ๊ย เจ็บๆๆๆ!”
มันรู้สึกคล้ายกับมีบางอย่างกำลังทิ่มแทงร่างกายของเขาอยู่ เขาล้มลงไปที่พื้นและอดที่จะร้องโอดโอยออกมาไม่ได้ “โอ๊ย! นายเอาอะไรให้ฉันกินกันแน่เนี้ย?”
“ก็ยาน่ะสิครับ” หวังเย้าจับข้อมือของเขาไว้ ชีพจรของหลี่จูฉ่ายเต้นขึ้นๆลงๆราวกับตีกลอง พลังฉีและโลหิตของเขาไหลเวียนอย่างรุนแรง
หลี่จูฉ่ายเปิดปากและบ้วนเอาน้ำเมือกสีดำออกมา มันส่งกลิ่นเหม็นเน่าและกระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว มีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด และเขามีอาการหายใจหอบ เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่ผุดออกมาจากความเจ็บปวดที่ได้รับ
แล้วความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ค่อยๆจางหายไป แต่ภายในท้องและแขนขาของเขายังคงเจ็บอยู่ อาการปวดศีรษะของเขาลดลงไปเล็กน้อย
“พี่รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“มันเจ็บมากเลย ฉันเจ็บไปหมดทั้งตัว แต่มันก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่” หลี่จูฉ่ายพูด
ความเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกือบจะฆ่าเขาแล้ว
“เราต้องรออีกหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ฉันจะทำความสะอาดให้นายเองนะ” หลี่จูฉ่ายพูด
เขาอดทนกับความเจ็บปวด แล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์เพื่อนำไปทำความสะอาดสิ่งที่เขาบ้วนออกมาที่พื้นห้อง เขามองดูสิ่งที่เขาบ้วนออกมา มันดูคล้ายกับน้ำหมึกและดินโคลนที่น่าขยะแขยง
“ทำไมฉันถึงได้บ้วนของแบบนี้ออกมากัน?” เขาถาม
เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อไม่ได้มองสิ่งนั้น แต่เมื่อเหลือบมองแค่ครั้งเดียว เขาก็รู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมาและรีบร้อนวิ่งออกไป “ไม่ ฉันต้องไปห้องน้ำ”
เขาถ่มของเหลวสีดำในห้องน้ำ สุดท้าย เขาก็อาเจียนออกมาเป็นน้ำกรดในกระเพาะและเลือด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกลัว
“เสี่ยวเย้า บอกความจริงกับฉันมาเถอะนะ เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่? ฉันติดเชื้อจากเฉินเจียกุ้ยใช่ไหม?” ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะในตอนที่เขาพูดชื่อของเฉินเจียกุ้ยออกมา “ฉันจะกลายเป็นแบบมันรึเปล่า?”
“พี่ได้รับพิษหรือติดเชื้อจากเฉินเจียกุ้ยครับ” หวังเย้าพูด
“แค่เพราะฉันถูกมันกัดเข้าที่คอเนี่ยนะ?” หลี่จูฉ่ายถาม
“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด “อาการของเขามีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคระบาด”
นี่คือสิ่งที่หวังเย้าเป็นกังวลมากที่สุด “เขาไปติดโรคนี้จากที่ไหนกัน?”
“แล้วห่าวเจ๋อจะเป็นอะไรไหม?” หลี่จูฉ่ายเริ่มกังวลเรื่องลูกชายของเขา
“เขาไม่เป็นไรครับ ถ้าพี่ยังกังวล พี่ก็บอกให้ปู่ย่าของเขาคอยดูก็ได้ว่า เขามีไข้หรือรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” หวังเย้าพูด
“ฉันจะบอกให้แม่พาเขามาที่นี่แล้วกัน” หลี่จูฉ่ายพูด “นายช่วยตรวจเขาให้หน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
ในเวลานี้ เฉินหยิงและเฉินโจวก็ได้จัดการโรยผงปูนตามบริเวณที่มีเลือดของเฉินเจียกุ้ยอยู่จนเสร็จ
“พี่ พี่คิดว่า ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นอะไรเหรอ?” เฉินโจวถาม
“เขาอาจจะเป็นบ้าก็ได้” เฉินหยิงพูด
ในที่สุด พวกเขาก็เดินมาถึงที่บ้านของเฉินเจียกุ้ย
“คนบ้าคนนั้นเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้?” เฉินโจวพูด
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกกลัว แต่เขาก็ยังคงปีนขึ้นไปบนกำแพง เขาเห็นเฉินเจียกุ้ยกำลังนอนอยู่บนเตียง แล้วอยู่ๆเขาก็ผุดลุกขึ้นมา เขาเดินมาที่ลานบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรง และอยากจะออกไปด้านนอกโดยไม่มีเหตุผล
“เสี่ยวโจว รีบไปบอกหมอหวังเร็วเข้า พี่จะเฝ้าเขาอยู่ที่นี่เอง” เฉินหยิงสั่งน้องชายของเธอในทันที
“ได้ พี่ระวังตัวด้วยนะ” เฉินโจวรีบวิ่งไปที่คลินิกของหวังเย้า
ภายในคลินิก แม่ของหลี่จูฉ่ายมาพร้อมกับหลานชายของเธอ
“ลูกแม่ ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” แม่ของหลี่จูฉ่ายถาม
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ความจริง เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว มีแค่บริเวณที่ถูกเฉินเจียกุ้ยกัดเท่านั้น ที่ยังรู้สึกเจ็บและแสบร้อนอยู่
หวังเย้าตรวจดูเด็กชายอย่างละเอียด “เด็กไม่เป็นอะไรครับ”
“โล่งใจไปที” หลี่จูฉ่ายพูด
อยู่ๆเฉินโจวก็วิ่งเข้ามาในคลินิก “เซียนเชิงครับ ผู้ชายที่เป็นบ้าคนนั้นลุกขึ้นมาอีกแล้ว แล้วตอนนี้เขาก็พยายามจะออกไปข้างนอกด้วย
“อะไรนะ? ลุกขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?” หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ชายคนนั้นลุกขึ้นเดินได้และออกไปแพร่เชื้อให้คนอื่น หวังเย้าจึงได้ทำการสกัดจุดในร่างกายของเขาเป็นการชั่วคราว แต่เขากลับยังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ “ฉันจะไปดูเขา”
“พอกลับไปที่บ้านแล้ว พี่ต้องคอยสังเกตอาการของตัวเองให้ดีนะครับ ถ้าพบว่าพี่มีอาการ เช่น เป็นไข้สูง พี่รีบมาหาผมเลยนะครับ” หวังเย้าไม่ลืมที่จะให้คำแนะนำหลี่จูฉ่าย ก่อนที่เขาจะไปที่บ้านของเฉินเจียกุ้ย
ในเวลานี้ ชายที่บ้าคลั่งดูเหมือนอยากจะตรงไปข้างหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มกลายเป็นคล้ำลง เส้นเลือดปูดโปนออกมาจนเห็นได้ชัด สภาพของเขาดูคล้ายกับมัมมี่อยู่เล็กน้อย
“พี่ เขาดูเหมือนผีดิบเลย” เฉินโจวกระซิบพูดกับพี่สาวของเขา
“ชู่! อย่าเข้ามาตรงนี้” เธอพูด
หวังเย้าเข้าไปสังเกตดูอาการของเฉินเจียกุ้ยใกล้ เขาไม่มีสติและมีปฏิกิริยาเชื่องช้า เพราะเส้นเลือดที่ถูกหวังเย้ากดจุดเอาไว้ ร่างกายที่ผ่ายผอมของเขา แสดงให้เห็นถึงพิษร้ายที่กำลังทำลายร่างกายของเขาอยู่
ผลุบ!
หวังเย้ากดมือของเขาลงไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรอยู่ในมือของเขาก็ตาม ปัง! เฉินเจียกุ้ยล้มลงไปที่พื้น มีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นได้กดตัวของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้
หวังเย้าก้มลงไปจับดูชีพจรของเขา “ฉันรู้สึกถึงชีพจรของเขาได้ บางครั้งมันก็หายไปและบางครั้งมันก็ปรากฏขึ้นมาใหม่ บางครั้งรุนแรง บางครั้งอ่อนแอ อวัยวะภายในของเขาอ่อนแออย่างถึงที่สุด เขาเป็นเหมือนคนป่วยหนักที่กำลังจะตาย”
หวังเย้าตรวจดูร่างกายของเขาอย่างละเอียด และนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันหน้าไปทางสองพี่น้องที่อยู่ด้านนอกและพูดว่า “ที่บ้านหลังนี้ก็ต้องเอาปูนขาวมาโรยให้ทั่วเหมือนกัน”
“ได้ค่ะ” เฉินหยิงพูด
พวกเขาเข้ามาในลานบ้านและจัดการโรยปูนขาวจำนวนมากลงไป
หวังเย้ารู้สึกกังวลมากขึ้น คนคนนี้ไปติดโรคมาจากที่ไหนกัน? มันมาจากในหรือนอกหมู่บ้านกันแน่?
เขาใช้มือข้างเดียวยกตัวเฉินเจียกุ้ยขึ้นมา แล้วโยนเขาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง จากนั้น หวังเย้าก็จัดการบิดข้อต่อตามร่างกายของเขา “นอนอยู่ตรงนี้ อย่าออกไปไหนล่ะ”
ดูจากสภาพในตอนนี้แล้ว เขาดูไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิด
“หมอหวัง เรียบร้อยแล้วครับ” เฉินโจวพูด
“อืม ขอบคุณนะ” หวังเย้าพูด
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” เฉินโจวยิ้ม “เซียนเชิงครับ โรคอะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นมีสภาพน่ากลัวได้ขนาดนี้เหรอครับ?”
“ฉันก็ยังหาสาเหตุไม่เจอเหมือนกัน มันเป็นการติดเชื้อที่อันตรายมาก ทั้งอวัยวะภายใน, สมอง, และเนื้อเยื่อทุกส่วนในร่างกายของเขาถูกทำลายจนหมด หากพูดให้ชัดก็คือ เขาได้ตายไปแล้ว” หวังเย้าพูด “และโรคนี้ก็ยังเป็นโรคระบาดด้วย มีการติดเชื้อเกิดขึ้นกับคนที่เขากัด”
ถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาได้ทันเวลา ไม่ช้า หลี่จูฉ่ายก็จะกลายสภาพเป็นเหมือนกับเฉินเจียกุ้ย
“ถ้าทั้งสองรู้สึกไม่สบายตรงไหนขึ้นมา ให้รีบมาหาผมเลยนะ” หวังเย้าพูด
“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ” สองพี่น้องรับคำ
“เดี๋ยวก่อน ทั้งสองตามผมมา” หวังเย้าพาพวกเขาทั้งสองไปที่คลินิก และเอายาให้พวกเขาดื่มเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน
“นี่เป็นยาที่คนที่ถูกกัดดื่มไปเหมือนกัน ทั้งสองก็ควรกินเผื่อเอาไว้ด้วยจะดีกว่านะ” หวังเย้าได้นำยาใส่ลงไปในขวดใบหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาเอากลับไปกินที่บ้านได้
“ถ้าเห็นคนหรือสัตว์ที่มีอาการคล้ายกับเขาในหมู่บ้าน ให้รีบมาบอกผมเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้เลยค่ะ” เฉินหยิงพูด
หวังเย้าเดินออกไปจากคลินิกพร้อมกับสองพี่น้อง เขากลับไปที่บ้านและบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเขา เขาบอกให้ทั้งสองระมัดระวังตัวให้มากที่สุดและอย่าออกไปข้างนอก เขายังเอายาให้พ่อแม่ของเขาดื่มเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ด้วย
“โรคนี้ มันร้ายแรงมากเลยเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด “ผมกำลังจะไปแจ้งเรื่องนี้กับที่ทำการหมู่บ้านด้วย”
“ดีแล้วล่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด
586 การมาถึง
หวังเย้าไปพบกับหวงเจียนหลี่เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“โรคระบาดเหรอ? ถ้าเกิดมีคนติดเชื้อขึ้นมา พวกเขาจะตายรึเปล่า?” หวังเจียนหลี่รีบถามเข้าประเด็นในทันที เขารู้สึกตกใจมาก “ลุงจะแจ้งให้ทางเขตรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้!”
“ผมจะปล่อยให้ลุงจัดการเรื่องนี้นะครับ” หวังเย้าพูด เขารู้ว่า เขาจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ได้” หวังเจียนหลี่พูด
หวังเจียนหลี่ไม่รีรอ เขารีบรายงานเรื่องโรคกับหัวหน้าของเขา เพื่อให้รายงานสถานการณ์กับเขตต่อไป ก่อนที่จะรายงานต่อไปยังส่วนจังหวัด ทางเขตได้ตัดสินใจที่จะสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน พวกเขาได้แจ้งกับทางสาธารณะสุข ก่อนที่จะส่งทีมแพทย์เข้ามาในพื้นที่
“เชี่ย! พวกเขาใช้ให้พวกเรามาทำงานนี้เนี่ยนะ” หนึ่งในสมาชิกทีมพูด
“ก็ใช่น่ะสิ” เพื่อนร่วมงานของเขาพูด
คนเหล่านี้เต็มไปด้วยคำบ่น พวกเขาไม่ได้อยากจะมาที่นี่เลยสักนิด
แม้แต่หมอก็ยังกลัวโรค ทุกคนต่างก็หวาดกลัวความตายกันทั้งนั้น แล้วพวกเขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคระบาดเลยด้วย ซึ่งต่างจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ
หวังเจียนหลี่ยังคงรอเจ้าหน้าที่จากทางเขตที่กำลังเดินทางมา
“คนอยู่ที่ไหน?” หัวหน้าทีมแพทย์ถามอย่างห้วนๆ
ไม่มีใครพอใจกับงานแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก
“ผมจะพาพวกคุณไปเอง” หวังเจียนหลี่นำทางไป
ก่อนจะเข้าไปในบ้านของเฉินเจียนกุ้ย แพทย์ทุกคนได้สวมชุดป้องกันไว้เรียบร้อย
ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้น หลายๆคนจึงรู้สึกสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“นั่นมันบ้านของเฉินเจียกุ้ยนี่” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่นกัน?”
“ดูท่าทางของหมอพวกนั้นสิ” ชาวบ้านอีกคนพูด “เฉินเจียกุ้ยไปติดโรคระบาดมารึเปล่า? ฉันเคยเห็นในทีวีมาก่อน เวลาที่หมอต้องเจอกับคนไข้โรคระบาด พวกเขาก็จะใส่ชุดแบบนี้กัน”
ชาวบ้านต่างก็คาดเดากันไปต่างๆนานา
“อย่ามาอยู่กันตรงนี้ หยุดดูได้แล้ว!” เมื่อเห็นชาวบ้านหลายคนพากันมามุงดูเรื่องที่เกิดขึ้น หวังเจียนหลี่ก็สั่งให้พวกเขาออกไป
ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่า สถานการณ์มันร้ายแรงแค่ไหน
“ผู้ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่เหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“ปัญหาเรื่องหนูน่ะ” หวังเจียนหลี่พูดด้วยท่าทีหงุดหงิด เขาไม่สามารถบอกความจริงกับชาวบ้านได้ เพราะมันจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
“ปัญหาเรื่องหนูเหรอ?” ชาวบ้านถาม “เลิกล้อเล่นได้แล้ว ฉันไม่ได้โง่นะ เฉินเจียกุ้ยติดโรคระบาดใช่ไหม?”
“ดูเหมือนจะรู้ดีนี่ ทำไมไม่ลองเข้าไปดูข้างในเองล่ะ?” หวังเจียนหลี่มองเขาด้วยสายตาดุร้าย
“ไม่ดีกว่า” ชาวบ้านคนนั้นพูด
แล้วหวังเจียนหลี่ก็สามารถไล่ให้ชาวบ้านกลับบ้านของพวกเขาได้
การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ! เดี๋ยวนะ! ฉันเกือบจะลืมเสี่ยวเย้าไปแล้วสิ! ฉันจะจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง ถ้าไม่มีเขาช่วยด้วย?
หวังเย้าคือตัวตนสำคัญในหมู่บ้าน หวังเจียนหลี่เชื่อฝีมือของเขามากกว่าหมอที่ส่งมาจากเขตซะอีก
“ทางเขตส่งคนมาที่นี่เหรอครับ?” หวังเย้ารีบมาในทันที
“ใช่” หวังเจียนหลี่พูด
“แล้วพวกเขาเข้าไปในบ้านรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“อืม พวกเขาเพิ่งเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง” หวังเจียนหลี่พูด
“นี่มันบ้าอะไรกัน? ใครกันที่อาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้น่ะ?” หลังเข้าไปในบ้านของเฉินเจียกุ้ยแล้ว แพทย์หลายคนก็เริ่มบ่นออกมา
ภายในบ้านทั้งสกปรกและรกรุงรัง มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากทุกส่วนของบ้าน มันไม่ใช่บ้านที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเลยสักนิด นี่มันคือที่ทิ้งขยะขนาดใหญ่ดีดีนี่เอง
“เขาอยู่ตรงนั้น!” แพทย์คนหนึ่งตะโกนออกมา
สมาชิกในทีมเห็นเฉินเจียกุ้ยนอนอยู่บนเตียง เขายังคงหายใจอยู่
“เขายังมีชีวิตอยู่ไหม?” แพทย์คนหนึ่งถาม
พวกเขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“บ้าอะไรเนี่ย?” แพทย์ในทีมต่างก็พากันตกตะลึง
หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าและร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?” แพทย์คนหนึ่งถามขึ้นมา
พวกเขาไม่เคยเห็นคนไข้แบบเฉินเจียกุ้ยมาก่อนเลย
“แล้วเราจะทำยังไงกับเขาดีล่ะ?” แพทย์อีกคนถาม
“เราต้องปิดทางเข้าออกที่นี่ให้หมด เราไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ รายงานสถานการณ์ให้กับเบื้องบนได้ทราบ” หัวหน้าทีมพูด
พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะช่วยชีวิตเฉินเจียกุ้ย สภาพของเขาดูย่ำแย่มาก หลังถ่ายรูปของเฉินเจียกุ้ยไปบางส่วนแล้ว พวกเขาก็ออกมาจากบ้านและช่วยกันฆ่าเชื้อโรคให้กับเจ้าหน้าที่แต่ละคน พวกเขาต่างก็ไม่มีใครอยากติดเชื้อ
“เราควรเอาเทปมาป้องกันบริเวณนี้เอาไว้” แพทย์คนหนึ่งพูด
“เบาเสียงลงหน่อย” หัวหน้าทีมพูด
พวกเขารีบรายงานสถานการณ์ให้กับทางสาธารณะสุขเมืองได้รับทราบ
“เอาล่ะ พวกเขาบอกให้เรารออยู่ที่นี่และล็อกบ้านหลังนี้เอาไว้ เรายังไปไหนไม่ได้” หลังจากที่ได้คุยกับเบื้องบนแล้ว หัวหน้าทีมก็พูดขึ้นมา
“อะไรนะ?” แพทย์ในทีมแต่ละคนต่างตกใจ
“ฉันรู้อยู่แล้วว่า พวกเขาจะต้องบอกให้พวกเราอยู่ที่นี่” แพทย์คนหนึ่งบ่นออกมา
“ผมว่า ผมไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้างในแล้วล่ะครับ” หวังเย้าหยุดก้าวเท้า เมื่อเห็นแพทย์หลายคนพากันออกมาจากบ้านของเฉินเจียกุ้ย
“ทำไมล่ะ?” หวังเจียนหลี่ถาม
“พวกเขาน่าจะทำการปิดทางเข้าออกบ้านหมดแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด “แล้ว เกิดเรื่องผิดปกติกับเฉินเจียกุ้ยได้ยังไงเหรอครับ?”
“เธอหมายถึง เฉินเจียกุ้ยเริ่มมีอาการผิดปกติตั้งแต่เมื่อไหร่ใช่ไหม?” หวังเจียนหลี่ถาม “เขากินเนื้อแกะที่กินหนูพิษเข้าไปน่ะสิ แล้วเขายังเอาเนื้อแกะตัวนั้นไปขายให้กับร้านอาหารที่หมู่บ้านข้างๆอีกด้วยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะหวังอีเชิงเจอเข้าล่ะก็ คงจะมีคนติดเชื้ออีกหลายคนเลยล่ะ”
“แกะที่กินหนูพิษเข้าไปงั้นเหรอครับ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย
“ใช่ ทำไมเหรอ?” หวังเจียนหลี่ถาม
“เปล่าครับ ผมจะลองไปคุยกับหวังอีเชิงดู” หวังเย้าพูด
ไม่นาน เขาก็เดินไปถึงที่บ้านของหวังอีเชิง หวังอีเชิงดูไม่เต็มใจที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องของเฉินเจียกุ้ยและแกะตายตัวนั้น
ข่าวที่เฉินเจียกุ้ยกลายเป็นบ้าได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว บ้านของหวังอีเชิงค่อนข้างใกล้กับบ้านของเฉินเจียกุ้ย เขาเห็นแพทย์หลายคนเข้าไปในบ้านของเฉินเจียกุ้ย เขาจึงมีลางสังหรณ์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินเจียกุ้ยน่าจะเกี่ยวข้องกับแกะที่ตายไปของตนเอง ถ้าหากเฉินเจียกุ้ยเกิดเสียชีวิตขึ้นมา เขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น เขาจึงไม่อยากจะพูดเรื่องนี้กับหวังเย้า
“ผมขอถามสองเรื่องได้ไหมครับ? เรื่องแรก ตอนที่เจอเขาเมื่อวันก่อน เฉินเจียกุ้ยเริ่มมีอาการผิดปกติรึยังครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ เขาแค่เมาเท่านั้น” หวังอีเชิงพูด
“ครับ” หวังเย้าพูด “เรื่องที่สอง แกะของลุงตายเพราะหนูพิษจริงๆเหรอครับ?”
หวังอีเชิงไม่ได้ตอบคำถามนี้ เขารู้ดีว่า แกะของเขาตายยังไง แกะกลายเป็นบ้า เขาจึงใช้เสียมทุบมันจนตาย
ถ้าหากเขาได้เห็นสภาพของเฉินเจียกุ้ยแล้วละก็ เขาก็จะพบว่า เฉินเจียกุ้ยมีอาการบ้าคลั่งคล้ายกับแกะของเขาไม่มีผิดเพี้ยน เรื่องทั้งหมดมันบ้าไปแล้ว
“เรื่องนี้สำคัญมากนะครับ” หวังเย้าพูด “ทางสาธารณะสุขรู้แล้วว่า เฉินเจียกุ้ยติดโรคระบาด ลุงคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้ได้เหรอครับ?”
หวังอีเชิงเอาแต่ดูดบุหรี่อยู่อย่างนั้น เขาไม่คิดว่า เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“เสี่ยวเย้า ตอนนี้ เฉินเจียกุ้ยเป็นยังไงบ้าง?” หวังอีเชิงถาม
“ลุงจะถือว่า เขาตายไปแล้วก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” บุหรี่ในมือของหวังอีเชิงหล่นลงไปบนพื้น “ตายแล้วงั้นเหรอ?”
“ครับ” หวังเย้าพูด
เพล้ง! ภรรยาของหวังอีเชิงทำแก้วหลุดมือ
“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเราเลยนะ” หวังอีกเชิงพูด
“ไม่มีใครพูดว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณลุงนี่ครับ” หวังเย้าพูด “ผมแค่อยากจะรู้เท่านั้นว่า แกะของคุณลุงตายเพราะหนูพิษจริงๆรึเปล่าก็เท่านั้น”
“ไม่ใช่หรอก” หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่ง หวังอีเชิงก็พูดออกมา เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้หวังเย้าฟัง รวมไปถึงอาการแปลกๆของแกะตัวนั้นด้วย
หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แกะบ้าคลั่งและชายบ้ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวนะครับ เมื่อกี้ ลุงพูดว่า แกะไปที่เนินเขาซีชานมาใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ มันหนีออกไปข้างนอกตอนบ่ายแก่ๆ ตอนที่ฉันไปเจอมัน ฟ้าก็มืดแล้ว” หวังอีเชิงพูด
“แล้วแกะไปแถวไหนของเนินเขาซีชานเหรอครับ?” หวังเย้าเริ่มเกิดความรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่ได้ฟัง
เขานึกถึงสถานที่สี่แห่งที่มีพลังงานความตายแฝงอยู่
“เอ่อ ฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าที่ไหน” หวังอีเชิงพูด
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยพาผมไปดูหน่อยได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ได้สิ” หวังอีเชิงพูด
เขาเดินนำหวังเย้าไปยังจุดที่เขาเจอแกะตัวนั้นในคืนก่อน
“แถวนี้แหละ” หวังอีเชิงพูด
“อ่อ ขอบคุณมากนะครับ” หวังเย้าพูด
“เสี่ยวเย้า บอกความจริงกับฉันที การตายของเฉินเจียกุ้ยเกี่ยวข้องกับฉันด้วยไหม?” หวังอีเชิงถาม
“อืม มันก็พูดยากนะครับ เราไม่มีทางรู้อนาคตได้หรอก” หวังเย้าพยายามปลอบใจหวังอีเชิง แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องทางกฎหมายมากนัก
“ช่างเถอะ ฉันกลับบ้านก่อนนะ” หวังอีเชิงพูด
“อย่าคิดมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
ไม่มีใครอยากถูกดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ แล้วการจัดการแกะของหวังอีเชิงก็ไม่ถูกต้องด้วย แต่เขาก็ได้พยายามแก้ไขความผิดพลาดของเขาอย่างรวดเร็ว ถึงยังไง หวังอีเชิงก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
“ได้!” หวังอีเชิงจุดไฟบุหรี่อีกมวน ก่อนจะเดินจากไป
หวังเย้าเจอหลุมบนเนินเขาซีชานอย่างรวดเร็ว
นี่มันอะไรน่ะ? เขาพบรอยเท้าแกะอยู่รอบๆปากหลุม
ด้านล่างดูมืดสนิทเหมือนเดิม มีสิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ ในครั้งนี้ หวังเย้าพบซากศพของสัตว์อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งมีทั้ง กระต่ายและกะรอก
นี่มันแย่มาก! หวังเย้าสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศความตายรอบๆปากหลุม มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด
ฉันต้องหยุดเรื่องนี้!
หวังเย้าสามารถมองเห็นรอยเท้าของแกะที่อยู่ในหลุมได้อย่างชัดเจน เขาค่อนข้างมั่นใจว่า การที่แกะกลายเป็นบ้าแบบนั้น เป็นเพราะมันมาที่นี่
พลังความตาย!
เขาคิดถึงคำพูดของอาจารย์ดูฮวงจุ้ยคนนั้นขึ้นมา
ฉันต้องหาคนมาจัดการปิดที่นี่เอาไว้!
หวังเย้าเดินไปยังอีกหลุมหนึ่ง ซึ่งมีพลังความตายเข้มข้นไม่ต่างกัน
587 ปะทุ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” หวังเย้ามองไม่เห็นความต่างระหว่างที่ตรงนี้กับจุดอื่นในเนินเขาซีชานเลย เขารู้สึกได้ถึงพลังงานที่เข้มข้นของที่นี่มากกว่าจุดอื่นเท่านั้น และมันทำให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างมาก
ไม่มีอะไรเติบโตในบริเวณนี้เลย มันเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูแย่ยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ควรให้ใครมาที่นี่อีก” หวังเย้าพูด
เรื่องเลวร้ายได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าหากมีคนติดเชื้อขึ้นมาอีกครั้ง ผลที่ตามมาก็จะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม
เขาลงมาจากเนินเขาซีชานและไปบอกเรื่องที่เขาพบกับหวังเจียนหลี่ เขาจำเป็นต้องให้หวังเจียนหลี่ประกาศเรื่องนี้ออกไป
“เสี่ยวเย้า ลุงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เธอบอกลุงเท่าไหร่เลย” หวังเจียนหลี่พูด “บอกความจริงกับลุงมา ว่าถ้ามีคนไปที่นั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเขาก็จะกลายเป็นบ้าเหมือนกับแกะและเฉินเจียกุ้ยครับ” หวังเย้าพูด
“เอาล่ะ ลุงเข้าใจแล้ว” หวังเจียนหลี่เข้าใจความหมายของหวังเย้าได้ในที่สุด และรู้ถึงความหนักหนาของปัญหานี้ดี
อยู่ๆหวังเจียนหลี่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เธอไปที่นั่นมาแล้วใช่รึเปล่า?”
“ผมแค่ไปสำรวจดูจากที่ไกลๆเท่านั้นครับ” หวังเย้าพูด
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” หวังเจียนหลี่พูด
เขาลงมืออย่างว่องไว เขาจัดการสั่งคนจากที่ทำการหมู่บ้านไปจัดการเรื่องนี้ในทันที
“อะไรนะ?” คนเหล่านั้นเชื่อเรื่องที่หวังเจียนหลี่บอกไม่ลง “ล้อเล่นกันรึเปล่า? นี่มันเรื่องจริงหรือเรื่องแฟนตาซีกันแน่?”
แต่พวกเขาก็ค่อยๆเชื่อในคำพูดของหวังเจียนหลี่ เพราะไม่มีใครอยากจะเสี่ยงกับเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉินเจียกุ้ยคือหลักฐานชั้นดี ถ้าโรคแพร่กระจายออกไป พวกเขาคงไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น โดยที่ไม่ทำอะไรเลย
“ผมเข้าใจแล้ว เราจะรายงานเรื่องนี้ให้ทางหัวหน้าได้รับทราบ ถ้าจำเป็น ก็สามารถพาพวกเราไปดูที่นั่นด้วยก็ได้” หนึ่งในทีมแพทย์พูด
“โอเค” หวังเจียนหลี่พูด
ไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่จากเขตอีกกลุ่มเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ครั้งนี้ พวกเขาได้นำชิ้นเนื้อของเฉินเจียกุ้ยกลับไปตรวจที่แล็ปในเมืองด้วย
“นี่มันบ้าอะไรกัน?” เมื่อมองดูตัวอย่างเลือดของเฉินเจียกุ้ยผ่านกล้องจุลทรรศน์ เจ้าหน้าที่แล็ปก็ต้องตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หัวหน้าห้องแล็ปถาม
“หัวหน้า ช่วยมาดูตรงนี้หน่อยครับ” เจ้าหน้าที่ห้องแล็ปพูด
“เชี่ยแล้ว!” หัวหน้าห้องแล็ปที่มีอายุประมาณ 40 อดที่จะสบถออกมาไม่ได้
เขารีบโทรหาผู้บังคับบัญชาของเขาทันที
“เราต้องรายงานเรื่องนี้กับทางเมือง” เขาพูด
ไม่มีใครกล้าล่าช้ากับเรื่องร้ายแรงแบบนี้
หน่วยงานของเมืองห่ายชิวรีบส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาที่ตัวเมืองเหลียนชาน เพื่อศึกษารายงานผลตรวจจากแล็ปอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่เชื่อมั่นผลตรวจจากห้องแล็ปของเหลียนชาน พวกเขาจึงได้นำตัวอย่างเลือกส่งไปตรวจที่ห่ายชิวอีกรอบ
“นี่มันเป็นไวรัสที่น่ากลัวมาก” หัวหน้าห้องแล็ปที่ห่ายชิวพูด
ที่ยิ่งน่ากังวลไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาไม่สามารถหาตัวอย่างไวรัสที่มีความคล้ายกับเจอ นี่เป็นการบอกให้รู้ว่า มันคือไวรัสตัวใหม่และมีการแพร่กระจายในระดับสูง
“ผมคิดว่า เราควรรายงานเรื่องนี้กับทางเบื้องบนนะครับ” เจ้าหน้าที่ห้องแล็ปพูด
“โอเค” หัวหน้าห้องแล็ปพูด
เจ้าหน้าที่รัฐในห่ายชิวสั่งการลงไปในทันที ทีมผู้เชี่ยวชาญได้เดินทางไปถึงหมู่บ้านในช่วงบ่ายแก่ๆ เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากเขต และพวกเขาได้เดินทางไปที่บ้านของเฉินเจียกุ้ย
“พี่ มีหมอมาอีกกลุ่มแล้ว” เฉินโจวพูดกับพี่สาวของเขา เขาบังเอิญเจอกับคนกลุ่มนั้นในระหว่างที่ออกไปข้างนอก
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะหนักเอาการ” เฉินหยิงพูด
“พี่ พี่คิดว่า หมู่บ้านนี่จะถูกปิดทางเข้าออกไหม?” เฉินโจวถาม
“ก็เป็นไปได้” เฉินหยิงพูด
ถ้าหากไวรัสสามารถแพร่กระจายได้มาก หมู่บ้านแห่งนี้ก็อาจจะถูกปิดกั้นการเดินทางเข้าออก
“เราควรจะบอกเรื่องนี้กับหมอหวังดีไหม?” เฉินโจวถาม
“พี่คิดว่า หมอหวังน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วล่ะ” เฉินหยิงพูด
“ถูกปิดกั้นการเข้าออกเหรอ?” หวังเย้าที่ได้รับสายจากพันจวิน รู้สึกแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยิน
“ใช่ ฉันได้ยินมาจากเพื่อนอีกที” พันจวินพูด “พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจลงมา แล้วมันร้ายแรงมากไหม?”
“มากครับ” หวังเย้าพูด
“ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกฉันได้นะ” พันจวินพูด
“โอเคครับ” หวังเย้าพูด
กักบริเวณ หวังเย้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง
พ่อแม่ของเขาถามเกี่ยวกับเรื่องไวรัสในระหว่างมื้ออาหารเย็น เพราะมีทีมแพทย์เข้ามาในหมู่บ้านถึงสองทีมและทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต นี่เป็นครั้งแรกที่หมู่บ้านของพวกเขาได้ต้อนรับทีมแพทย์จำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาจึงรู้ว่า ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่หมู่บ้านของพวกเขา
“พวกเขามาเพราะเรื่องของเฉินเจียกุ้ยครับ อาการของเขาเลวร้ายมาก” หวังเย้าพูด “มันเป็นการระบาดขั้นสูง กลุ่มคนที่มากลุ่มแรกมาจากเขต ส่วนอีกกลุ่มถูกส่งมาจากห่ายชิว ถ้าไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้และพบคนติดเชื้อเพิ่ม หมู่บ้านของเราก็อาจจะถูกกักบริเวณ”
“กักบริเวณเหรอ?” จางซิวหยิงพูดด้วยความกังวล “ก็หมายความว่า เราจะออกไปนอกหมู่บ้านไม่ได้ใช่ไหม?”
“ถูกต้องครับ” หวังเย้าพูด
“มันจะรุนแรงขนาดนั้นเลยรึเปล่า?” หวังเฟิงฮวาวางตะเกียบลง
“ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ” หวังเยาพูด
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของเฉินเจียกุ้ยก็ถูกปิดกั้นทางเข้าออกเอาไว้ทั้งหมด
“ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในบ้านนี้เด็ดขาด” เจ้าหน้าที่จากห่ายชิวพูดเอาไว้ ก่อนที่จะกลับไป
ทีมแพทย์จากห่ายชิว ได้เห็นสภาพของเฉินเจียกุ้ยที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว มันทำให้พวกเขารู้สึกกลัว เพราะพวกเขาต่างก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ไวรัสมันเลวร้ายมาก ภายในเวลาไม่ถึงสามวัน มีแกะหนึ่งตัวและคนอีกหนึ่งที่ต้องตายเพราะมัน มันมากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้ ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่อยากจะอยู่ในบ้านหลังนั้นนานๆ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่คิดจะเสียเวลาสำรวจภายในบ้านและทิ้งคำแนะนำสั้นเอาไว้ก่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว ทีมแพทย์ของห่ายชิวก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากทางจังหวัด
“อะไรนะ? พวกเขากลับไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? แล้วพวกเขาก็ปล่อยให้พวกเราเฝ้าบ้านเอาไว้อย่างนี้เนี้ยนะ?” แพทย์ของทางเหลียนชานพูด
“เอาน่า ก็พวกเขามาจากห่ายชิวนี่นา” แพทย์อีกคนพูด “ใครจะมาสนใจพวกเรากันล่ะ?”
เวลาเริ่มเย็นลงแล้ว หวังเย้าออกมาจากบ้านตอนประมาณสามทุ่ม พร้อมกับถือถงหลายใบเอาไว้ในมือ
“ลูกจะเอาถุงพวกนั้นไปทำอะไรเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถามด้วยความสงสัย
“ผมจะเอาไปใส่ดินครับ” หวังเย้าพูด
เมื่อออกมาจากบ้านแล้ว เขาก็มุ่งหน้าสู่ทิศใต้ทันที เขาเดินไปจนกระทั่งถึงสุดทางหมู่บ้าน จากนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งไปยังทิศตะวันตกแทน ในเวลานี้ของวัน ไม่มีใครเดินอยู่ตามท้องถนนเลย แต่บ้านเกือบทุกหลังมีแสงไฟส่องลอดออกมา
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! มีเสียงเห่าของสุนัขดังขึ้นเป็นครั้งคราว
หวังเย้าเดินขึ้นไปบนเนินเขาซีชานเพียงลำพัง เขาเดินตรงไปที่หลุม เพียงครู่เดียว เขาก็ไปโผล่อยู่ด้านในหลุมแล้ว
เขามีเสียมอยู่ในมือ เขาจัดการตักดินใส่ลงไปในถุงและเก็บเอาไว้ในช่องเก็บของของระบบ เขาเคยนำตัวอย่างดินไปตรวจสอบในห้องแล็ปมาก่อนหน้านั้นแล้ว และผลก็ออกมาว่า ดินมีความเป็นพาสูงและไม่สามารถปลูกอะไรได้ แต่ในผลตรวจไม่ได้บอกว่าพิษในดินคือโรคระบาดและสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตได้
เขานำตัวอย่างดินกลับไปที่เนินเขาหนานชานและเดินเข้าไปในค่ายกลรวมวิญญาณ
“ซานเซียน!” เขาเรียกหาสุนัขของเขา “มาดูนี่สิ!”
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
หลังจากดมกลิ่นดินที่อยู่ในถุงแล้ว ซานเซียนก็มีท่าทีอยู่ไม่สุข ท่าทางของเขาคล้ายกับว่า มีระเบิดฝังอยู่ในถุงใบนี้
“ไม่ดีเหรอ?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ฉันเข้าใจแล้ว” หวังเย้าลูศีรษะของมันและเก็บถุงที่ใส่ดินเอาไว้
เขาจะทดสอบมันยังไงดี? หวังเย้าเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ กว่าจะหลับลงได้ก็ดึกมากแล้ว
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่นอนไม่หลับ
มันเป็นเช้าที่ฟ้าครึ้มเล็กน้อย
“ฝนกำลังจะตก” หวังเย้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ฝนเริ่มตกลงมาตอนประมาณ 9 โมงกว่า หวังเย้ามองเห็นรถคันหนึ่ง ขับเข้ามาในหมู่บ้านจากทางทิศใต้
มีคนมากันอีกกลุ่มแล้วสินะ
“กระต่ายเหรอ? ลูกจะเอากระต่ายไปทำอะไรกัน?” จางซิวหยิงถาม “ตัวที่ลูกเอากลับมาจากเนินเขาก็ยังอยู่นะ”
“ผมต้องใช้มันครับ” หวังเย้าพูด “แม่ช่วยหากระต่ายมาให้ผมสักหลายคนหน่อยได้ไหมครับ?”
“ลูกจะเอาพวกมันไปทำอะไรเหรอ? หรือลูกอยากจะกินเนื้อกระต่าย?” จางซิวหยิงถาม
“เปล่าครับ ผมอยากได้กระต่ายแบบที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะผมจะเอาพวกมันไปทดลองบางอย่างน่ะครับ” หวังเย้าพูด
“อ่อ” จางซิวหยิงพูด
“แกน่ารักเกินไปแล้ว!” หวังเย้ามองดูกระต่างที่อยู่ภายในกรง “มันอาจจะเจ็บสักหน่อยนะ”
เขาพากระต่ายกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“โอ้ พระเจ้า! เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?” ผู้เชี่ยวชาญของทางจังหวัดถาม ทีมแพทย์ของทางจังหวัดได้เดินทางตลอดทั้งคืน เพื่อมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ พวกเขาได้เข้าไปตรวจดูร่างกายของเฉินเจียกุ้ย
“คุณแน่ใจนะ ว่าเขาเพิ่งจะตายไปได้สี่วันน่ะ?” หนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญถาม
“เอ่อ ผมคิดว่าเป็นแบบนั้นนะครับ” แพทย์จากเหลียนชานตอบ
“คุณแน่ใจนะ?” ผู้เชี่ยวชาญถาม
“เอ่อ ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ครับ ดูจากร่างกายของเขาคุณก็น่าจะรู้แล้ว เราไม่สามารถยืนยันอะไรได้เลย” แพทย์จากเหลียนชานพูด
ทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ทำการปรึกษาหารือกัน เกิดบรรยากาศอึดอัดโดยรอบบ้านของเฉินเจียกุ้ย
“เราจำเป็นต้องนำร่างของเขาไป แต่ศพต้องได้รับการจัดการที่ถูกต้องก่อน” หนึ่งในเจ้าหน้าที่พูด
“คุณแน่ใจนะ?” เจ้าหน้าที่อีกคนถาม “นี่มันอาจจะเสี่ยงมากเลยนะ”
“ใช่ มันอาจจะเสี่ยง แต่ศพก็จะช่วยให้เราสามารถศึกษาไวรัสตัวนี้ได้ดีขึ้น” หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญพูด
588 ฝนโปรย
“เขายังเป็นอันตรายใหญ่หลวงที่ซ่อนเร้นอยู่ด้วย เป็นตัวแพร่เชื้อดีดีนี่เอง” หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญพูด “คำแนะนำจากฉันก็คือ ให้ทำลายเขาซะตรงนั้นเลย!”
“แล้วหมู่บ้านจำเป็นต้องถูกปิดกั้นการเข้าออกด้วยไหมครับ?” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถาม
“ตอนนี้ ฉันเสนอให้สังเกตการณ์ดูไปก่อน” ผู้เชี่ยวชาญอีกคนพูด
“สังเกตการณ์เหรอ? แล้วถ้าเกิดมีนำเชื้อออกไปข้างนอก จะเกิดอะไรขึ้น? นายได้คิดถึงเรื่องนี้บ้างรึเปล่า?” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญถาม
“ฉันเสนอให้ทำการปิดกั้นการเข้าออกเป็นการชั่วคราว” หัวหน้าทีมพูด “ห้ามทุกคนในหมู่บ้านออกไปไหนทั้งนั้น เราจะทำการสังเกตการณ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วนำเลือดของพวกเขาไปทำการทดสอบ”
ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนต่างก็เห็นด้วย แล้วคนคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้นมา เพื่อบอกเรื่องที่หวังเจียนหลี่ได้บอกเอาไว้
“อะไรนะ?” หัวหน้าทีมถาม
“เขาบอกมาแบบนั้นน่ะครับ” คนส่งสารพูด
“เขาพูดว่า ที่นั่นมีแรงกดดันสูงและมีพลังของความตายอยู่อย่างนั้นเหรอ?” หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญถาม
คนที่มีความรู้ในระดับสูง พวกเขามีหน้าที่ในการรักษาและช่วยชีวิตคน พวกเขาเชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องลวงและลึกลับ
“แล้วที่นั่นอยู่ที่ไหนเหรอ?” หัวหน้าทีมถาม
“ผมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนหรอก แต่มีคนหนึ่งที่รู้” หวังเจียนหลี่พูด เขาได้ถามหวังเย้าเกี่ยวกับสถานที่นั้นมาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้จุดที่แน่นอน
“คุณช่วยพาเราไปที่นั่นหน่อยได้ไหม?” หัวหน้าทีมถาม
“อืม ผมจะโทรเรียกเขามา” หวังเจียนหลี่กดโทรออก
“หัวหน้าเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญถาม
“แค่ลองไปดูเท่านั้นแหละ ถ้าเราเจอแหล่งที่มาของไวรัสตัวนี้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดี” หัวหน้าทีมพูด “แต่ถ้าไม่เจอ ก็คิดซะว่า เป็นการออกกำลังก็แล้วกันนะ”
“ออกกำลังกาย? ตอนฝนตกแบบนี้เนี้ยนะ?” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถาม
ฝนฤดูใบไม้ผลิโปรยลงไปเบาบางและแผ่วเบา ทำให้อากาศเย็นลงเล็กน้อย
บนเนินเขาหนานชาน หวังเย้าสร้างกรงขังขึ้นมาจากหินบนภูเขา ภายในนั้นมีกระต่ายตัวเล็กๆอยู่ตัวหนึ่ง และด้านล่างมีดินดำที่เขาเก็บมาจากหลุมนั่น จากการที่เขาทดสอบดู ดินนั้นเต็มไปด้วยพิษในปริมาณสูง เขาตั้งกรงเอาไว้ในบริเวณแปลงสมุนไพรและนั่งมองอยู่เงียบๆ
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าประท้วง
“อย่าเห่าสิ นายก็กินข้าวไปแล้วไม่ใช่เหรอไง? ขอฉันคิดดูก่อนนะ นายกินเนื้ออบพริกไทยไปใช่ไหม?” หวังเย้ายิ้มและลูบศีรษะของซานเซียน “แล้วนายดื่มยาไปรึยัง?”
โฮ่ง! ซานเซียนหันหน้าไปอีกทาง
“ไม่อร่อยเหรอ?” หวังเย้าถาม “ไม่ได้ มันดีต่อร่างกายนายนะ ไปดื่มเดี๋ยวนี้เลย” หวังเย้าชี้ไปที่ถ้วยแสตนเลสที่วางอยู่ข้างๆบ้านสุนัข
โฮ่ง!
ซานเซียนรู้สึกไม่พอใจและเห่าออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่มันก็ยังคงเดินไปที่บ้านสุนัขและดื่มยาที่หวังเย้าทำให้เข้าไป
อยู่ๆมือถือของหวังเย้าก็ส่งเสียงดังขึ้นมา “คุณลุง มีเรื่องอะไรเหรอครับ? อะไรนะ? จะไปดูที่นั่นเหรอครับ? ไปกับใครครับ? ผู้เชี่ยวชาญของทางจังหวัดเหรอ? เอ่อ ให้พวกเขารอแปบนึงนะครับ ผมจะลงจากเขาเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากวางสายแล้ว หวังเย้าก็เรียกซานเซียนให้มาหา
“ซานเซียน นายเฝ้ากระต่ายตัวนี้เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น นายก็จับมันโยนไปตรงนั้นเลยนะ!” หวังเย้าชี้ไปตรงจุดที่ปลูกสมุนไพรรากบางชนิดเอาไว้
หญ้าพิษสามารถจัดการกับสัตว์และแมลงมีพิษได้
เขาเคยนำดินในบริเวณที่ปลูกหญ้าพิษเอาไว้ไปทำการตรวจ และพบว่า มันไม่มีแมลงหรือสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย
“จำได้ใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง!
“ดีมาก! ตอนขากลับ ฉันจะเอาเนื้ออบซอสมาให้นายนะ!” หวังเย้าเดินลงไปจากเขา
ที่บริเวณตีนเขา เขาเห็นหวังเจียนหลี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขายังได้พบกับผู้เชี่ยวชาญของทางจังหวัดด้วย หัวหน้าทีมเป็นชายวัยประมาณ 50 เขามีศีรษะล้านเลี่ยนและสวมแว่นตา ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส แก้มของเขาตอบและมีร่างกายผอมบาง
“เสี่ยวเย้า นี่คือหัวหน้าหลิว” หวังเจียนหลี่พูด
“สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด
“สวัสดี เธอช่วยพาเราไปที่ที่เธอพูดถึงหน่อยได้ไหม?” หัวหน้าหลิวยิ้มอย่างใจดีให้กับหวังเย้า
“ได้สิครับ” หวังเย้าพูด
เขาพาพวกเขาไปยังเนินเขาซีชาน ซึ่งตั้งอยู๋ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
“เธอเจอที่ที่เรียกว่า ดินแดนแห่งความตายได้ยังไงเหรอ?” หัวหน้าหลิวถาม
“ดินแดนแห่งความตายเหรอครับ?” หวังเย้าตกใจ
“มีอะไรเหรอ?” หัวหน้าหลิวถาม “นั่นเป็นชื่อที่ผู้ใหญ่บ้านของเธอเป็นคนตั้งให้นะ”
ชื่อนี้ดูเหมือนจะเหมาะกับสถานที่แห่งนั้นดี
“ผมบังเอิญไปเจอมันเข้าน่ะครับ” หวังเย้าพูด
เขาเดินนำไปยังหลุมภายใต้สายฝนที่โปรยลงมา บนพื้นดินมียอดอ่อนโผล่ออกมา แต่ภายในหลุมยังคงมีสีทึมทึบ ภายในนั้นมีศากศพของสัตว์อยู่หลายตัว เช่น กระต่ายและกระรอก
“ที่นี่เหรอ?” หัวหน้าหลิวถาม
“ครับ” หวังเย้าพูด
ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความระมัดระวัง
“สีของดินดูแปลกมาก” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญพูด
“รู้สึกว่าที่นี่มีความกดดันสูงมากไหม?” ผู้เชี่ยวชาญอีกคนถาม
“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่เข้าไปใกล้ขนาดนั้นนะครับ” หวังเย้ายืนพูดอยู่ด้านหลังเขา
“พ่อหนุ่ม เธอรู้ไหมว่าอะไรอยู่ข้างในนั้น?” หัวหน้าหลิวถาม
“สิ่งที่สามารถฆ่าคนได้ครับ” หวังเย้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ในตอนสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เข้าไปใกล้หลุมนั่น แต่พวกเขาเลือกที่จะสำรวจบริเวณโดยรอบแทน พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านไบโอเมดิซีน ดังนั้น พวกเขาจึงมองเห็นความแตกต่างของพื้นที่บริเวณนี้ได้ดี
“เอาดินจากที่นี่กลับไปทดสอบดู” หัวหน้าหลิวพูด
“ครับ” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งตอบรับ
“พ่อหนุ่ม ขอบคุณเธอมากนะ” หัวหน้าหลิวพูด
“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด
ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการเก็บตัวอย่างดินจากขอบหลุมด้วยความระมัดระวัง และเดินทางกลับไป หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“ซานเซียน เป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าเดินมาที่จุดที่เขาทำการทดลองกระต่ายเอาไว้
โฮ่ง!
“มีปัญหาอะไรไหม?” หวังเย้าถาม
กระต่ายดูมีท่าทีหงุดหงิดและกระโดดไปมาอยู่ภายในกรงไม่หยุด
“มันป่วยเหรอ?” หวังเย้าถาม “เป็นเพราะมันสัมผัสกับดิน หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นกันนะ?”
หวังเย้ามองดูเวลา ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง กระต่ายก็เริ่มแสดงพฤติกรรมผิดปกติให้เห็นแล้ว
ที่ตีนเขา ผู้เชี่ยวชาญจากจังหวัดและห่ายชิวได้เดินทางกลับไปแล้ว พวกเขาไม่ได้นำร่างของเฉินเจียกุ้ยกลับไปด้วย และนำแค่เนื้อเยื่อบนร่างกายของเขากลับไปแทน การตัดสินใจนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ปรึกษากันดีแล้ว พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาเตรียมการมาไม่พร้อม ถ้าหากพวกเขารีบร้อนนำร่างกลับไปด้วย มันอาจจะส่งผลร้ายมากกว่าดีก็ได้
ในตอนบ่าย แพทย์กลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาถึง และปักหลักอยู่ที่ที่ทำการหมู่บ้าน พวกเขามาเพื่อตรวจสุขภาพให้กับชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน ทุกคนได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
หวังเย้าที่กำลังสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของกระต่ายบนเนินเขานั้น ก็ได้รับสายจากที่บ้าน “ตรวจร่างกายเหรอครับ?”
ภายในกรงหิน กระต่ายกระโดดขึ้นๆลงๆอย่างรุนแรง มันอยู่ไม่เป็นสุข หวังเย้าทำการจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้
ภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านคนแรกได้เข้ารับการตรวจเช็คร่างกาย ซึ่งมีทั้งการวัดอุณหภูมิ, วัดความดันโลหิต, อัตราการเต้นของหัวใจ, เก็บตัวอย่างเลือด, และฉีดยา มันดูธรรมดาทั่วไป แตมีเป้าหมายที่ชัดเจน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม “พวกเขามาถึงที่นี่ ทั้งๆที่ฝนตกเนี่ยนะ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ” ชาวบ้านอีกคนพูด
“คงจะไม่มีโรคระบาดในหมู่บ้านของเราหรอกนะ” ชาวบ้านอีกคนหนึ่งพูด
ในยุคที่อินเตอร์เนตและข่าวสารเดินทางด้วยความเร็วสูง ความรู้จึงเป็นสิ่งที่สามารเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้นั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
“ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ คนพวกนั้นไปรวมอยู่ที่หน้าบ้านเฉินเจียกุ้ยกันหมด” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด “ฉันได้ยินมาว่า เมื่อสองสามวันก่อน อยู่ๆเขาก็เป็นบ้าขึ้นมา แถมยังไปกัดหลี่จูฉ่ายด้วย!”
“จริงเหรอ?” ชาวบ้านอีกคนถาม
“ใช่ เรื่องจริงแน่นอน ที่คอของหลี่จูฉ่ายมีแผลเป็นใหญ่มากอยู่ด้วย ฉันเพิ่งเห็นเมื่อเช้านี้เอง” ชาวบ้านคนแรกพูด
ในตอนบ่าย หวังเย้าลงมาจากเนินเขา
“พ่อกับแม่ไปตรวจร่างกายมาเมื่อเช้านี้แล้วนะจ๊ะ” แม่ของเขาพูด
“ดีแล้วครับ แต่แม่กับพ่อก็แข็งแรงอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด
ผมหงอกของพวกเขากลับมาดกดำอีกครั้ง และผิวพรรณของพวกเขาก็มีสีอมชมพูและเป็นประกาย นี่เป็นผลจากการดื่มน้ำแร่โบราณเป็นประจำทุกวัน รวมถึงการที่หวังเย้านวดให้พวกเขาทุกเย็น และในระหว่างการนวด หวังเย้าก็จะส่งพลังฉีเข้าไปในร่างกายพ่อแม่ของเขาทีละน้อยอีกด้วย
ในคืนนั้น ภายในหมู่บ้านเงียบสงบดี ในที่สุด ฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวันก็หยุดลงในตอนกลางดึก
ผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางมาจากตัวจังหวัดได้เดินทางกลับไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เอาร่างของเฉินเจียกุ้ยกลับมาด้วย แต่พวกเขาก็ได้นำเนื้อเยื่อของเขากลับไปทำการทดสอบที่ตัวจังหวัด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น