Elixir Supplier 569-572

 569 ความสุขอยู่ที่ใจ


 


พันจวินรู้สึกกังวลเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสรักษาคนไข้ที่คลินิกของหวังเย้า ซึ่งต่างจากที่เขานวดให้ภรรยาที่บ้าน เขายังจดจำครั้งแรกที่เขาจับมีดในห้องผ่าตัดได้ดี เขาทั้งรู้สึกกังวลและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน


 


เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและเริ่มลงมือนวดรักษาให้กับคนไข้ทั้งสอง เขาทำอย่างช้าๆ แต่มือของเขายังคงนิ่งไม่เงอะงะ ถึงยังไงเขาก็เคยจับมีดผ่าตัดมาก่อน


 


พันจวินมีความคุ้นเคยกับเส้นเลือดและจุดฝังเข็มในร่างกายมนุษย์ดี เขายังได้เรียนความรู้พื้นฐานของการนวดมาแล้วเรียบร้อย เขาขาดเพียงแค่ภาคปฏิบัติ ดังนั้น เขาจึงยินดีกับโอกาสในครั้งนี้มาก


 


มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เขาค่อยๆเพิ่มแรงเข้าไปทีละน้อย ซึ่งเป็นเทคนิคที่หวังเย้าสอนเขา


 


“โอ๊ย!” อยู่ๆร่างกายของคนไข้ก็บิดเล็กน้อย


 


“ขอโทษครับ คุณลุงเจ็บเหรอ?” พันจวินถามด้วยความกังวล


 


“ใช่ นิดหน่อยน่ะ” ชายชราพูด


 


“เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ” หวังเย้าพูด การนวดไม่ได้หมายความว่า จะรู้สึกสบายและผ่อนคลายเสมอไป ความรู้สึกเจ็บ, คัน, หรือชาถือเป็นเรื่องปกติ “ทำต่อไปครับ”


 


พันจวินทำตามคำแนะนำของหวังเย้าไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ


 


“ผมว่า เท่านี้น่าจะพอแล้วล่ะ” หวังเย้าพูด


 


การนวดรักษาดำเนินไปเกือบหนึ่งชั่วโมง


 


“รออีกสักพักนะครับ แล้วดูว่าคุณลุงจะรู้สึกดีขึ้นบ้างรึเปล่า” หวังเย้าพูดกับคนไข้


 


“ได้” ชายชราพูด


 


อาการของคนไข้ทั้งสองนั้นคล้ายคลึงกัน พันจวินมีความมั่นใจมากขึ้นในการรักษาคนไข้คนที่สอง ดังนั้น การเคลื่อนไหวของเขาจึงคล่องแคล่วกว่าเดิม การรักษาใช้เวลาประมาณ 10 นาที


 


คนไข้ทั้งสองต่างก็พอใจกับการนวดรักษาของพันจวิน ตอนมาที่คลินิก พวกเขาสองคนรู้สึกเจ็บขาและแทบจะเดินไม่ตรง แต่ตอนนี้ พวกเขารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว


 


“อืม ฝีมือดีนะ” คนไข้พูด


 


หลังจากจ่ายค่ารักษาแล้ว คนไข้ทั้งสองก็กลับออกไป


 


“คิดว่ายังไงครับ?” หวังเย้าถาม


 


“มันเหมือนกับวันแรก ที่ฉันได้ช่วยชีวิตคนไข้ในห้องฉุกเฉินเลยล่ะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับรางวัลยังไงยังงั้น” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม เขาบอกความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง


 


“พยายามมาที่นี่บ่อยๆเท่าที่จะทำได้นะครับ พี่จะได้มีโอกาสฝึกมือบ่อยๆด้วย แล้วพี่ก็สามารถเอามันไปใช้รักษาคนไข้ที่คลินิกพี่สาวของพี่ได้ด้วย” หวังเย้าพูด


 


คนไข้ส่วนใหญ่ที่มารักษากับหวังเย้า มักจะมาด้วยอาการปวดศีรษะหรือปวดขา การเรียนรู้ทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ คือสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การเป็นหมอที่ดีได้


 


“โอเค” พันจวินพูด


 


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเริ่มมืดลง พันจวินขับรถออกไปจากหมู่บ้าน วันนี้ทั้งวัน เป็นวันที่ดีสำหรับเขามาก


 


“แม่ครับ น้ำพุร้อนที่หลี่เจียโกวเปิดให้เข้าได้แล้ว ผมว่าจะลองไปดูพรุ่งนี้ ไว้แม่ค่อยพาพ่อไปเที่ยวดูนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“แม่ไม่สนใจหรอก” จางซิวหยิงบอกปัดในทันที ถึงหวังเย้าจะหวังดี แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ให้ความสนใจเลย “งานหมั้นของพี่สาวลูกจะจัดขึ้นในอีกสองวันนี้นะจ๊ะ อย่าลืมล่ะ”


 


“ไม่ลืมครับ” หวังเย้าพูด


 


สำหรับครอบครัวของเขาแล้ว มันคืองานใหญ่ที่สุดในปีนี้ของพวกเขา


 


ในเย็นวันนั้น ลูกชายของเวินหว่านรู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับอาการป่วยของเธอมาก


 


“แม่รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” ลูกชายของเธอถาม


 


“แม่รู้สึกดีขึ้นมากแล้วจ๊ะ” เวินหว่านพูด


 


ยาที่หวังเย้าให้เธอกินได้ผลดีมาก เธอกินยาไปแล้วสองครั้งและรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงแม้เธอจะยังรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวอยู่ แต่อาการก็ไม่ได้เลวร้ายเท่ากับเมื่อวาน


 


“ดีครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ลูกชายของเธอพูด


 


“ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ” เวินหว่านพูด


 


หลังจากมองดูแม่ของเขาหลับไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก เขาก็จัดการห่มผ้าให้เธอและเดินออกมาที่ลานบ้าน เขาจุดบุหรี่สูบ ศาสตราจารย์ลู่ก็สูบบุหรี่อยู่ที่ลานบ้านเช่นกัน


 


“แม่ของเธอหลับแล้วเหรอ?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม


 


“ครับ ยาได้ผลดีมาก” ลูกชายของเวินหว่านตอบ “ลุงลู่ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ ผมดูแลแม่เองได้”


 


“ไม่เป็นไรหรอก ลุงทำเรื่องลางานเอาไว้แล้ว เธอคงไม่สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างที่นี่ได้หมดหรอก” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


ลูกชายของเวินหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “ผมไม่แน่ใจว่าเราจะอยู่ที่นี่กันนานแค่ไหน”


 


“เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะหาย” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


ลูกชายของเวินหว่านรู้สึกลังเลที่จะพาแม่ของเขามารักษาที่นี่ เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล และหมอก็อาจจะไม่เก่งพอที่จะรักษาแม่ของเขาได้ เขารู้สึกไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวหมอนัก เขาคิดว่า คงไม่มีหมอเก่งๆคนไหนที่จะอยากมาอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลแบบนี้ หมอดีดีทั้งส่วนใหญ่มักจะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่กันทั้งนั้น ถ้าศาสตราจารย์ลู่ไม่คะยั้นคะยอ และแม่ของเขาไม่บอกว่าหมอหวังเป็นหมอที่เก่งขนาดไหนละก็ เขาก็คงจะส่งตัวแม่ของเขาไปรักษาในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง แทนที่จะมาหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ไปนานแล้ว


 


เขาดูอายุพอๆกับฉัน แต่กลับเป็นหมอที่เก่งมาก ทำไมเขาถึงอยากมาอยู่ในที่แบบนี้กันนะ? ลูกชายของเวินหว่านไม่เข้าใจ


 


ลมเริ่มพัดแรงและอากาศด้านนอกเริ่มเย็นลง


 


“เข้าไปข้างในกันเถอะ เธอยุ่งมาตลอดทั้งวันแล้ว เธอต้องพักผ่อนบ้างนะ” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


“ครับ” ลูกชายของเวินหว่านพูด


 


ยามกลางคืนในหมู่บ้านเงียบสงบ ศาสตราจารย์ลู่, เวินหว่านและลูกชายของเธอต่างก็นอนหลับสนิท


 


เช้าวันต่อมา หวังเจ๋อเชิงมาที่คลินิกของหวังเย้าตอนประมาณ 9 โมงเช้า เพื่อมาซื้อยาเพิ่ม


 


“กลับมาเอายาให้พ่อของพี่ตอนกลางวันนะครับ” หวังเย้าพูด


 


 


“ได้ๆ” หวังเจ๋อเชิงพูด


 


“พี่ก็ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด


 


หวังเย้าคิดว่า สภาพของหวังเจ๋อเชิงดูโทรมลงไปมาก เขามีถุงใต้ตา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร่างกายเหนื่อยล้าเกินไป


 


“โอเค” หวังเจ๋อเชิงพูด


 


เขาเปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้ เขาเพียงทำเกษตรที่บ้านและหางานทำเล็กๆน้อยๆในเมืองเท่านั้น เขามีเคยมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่ตอนนี้ เพื่อที่จะหาเงินมารักษาพ่อของเขา เขาได้ใช้เงินเก็บตลอดหลายปีไปจนหมด ถ้าเขายังคงใช้เงินแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาก็จะไม่มีเงินเหลือเลย แต่เขาได้สาบานเอาไว้แล้วว่า เขาจะให้พ่อของเขาได้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขสบายไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ ในเมื่อเขาต้องซื้อยาของหวังเย้าต่อไปเรื่อยๆ เขาก็จำเป็นต้องหาเงินเพิ่ม ตอนนี้ เขาทำสองงาน และมันทำให้เขาเหนื่อยล้าอย่างมาก


 


“สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าพี่เกิดป่วยขึ้นมา ทุกอย่างที่พี่ทำก็จะกลายเป็นเสียเปล่าไปนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ฉันรู้ ฉันแค่อยากจะชดเชยสิ่งที่ฉันเคยทำกับพ่อไปก็เท่านั้นเอง” หวังเจ๋อเชิงพูด


 


มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คนไม่ดีจะกลับตัวมาเป็นคนดีได้


 


“เอาแบบนี้นะครับ ผมจะทำยาให้พี่ต่อ แต่พี่จ่ายผมแค่ครึ่งเดียวไปก่อน” หวังเย้าพูด


 


“นายแน่ใจเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงถามด้วยความประหลาดใจ


 


“ครับ” หวังเย้าพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย! ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะจ่ายเงินนายแน่นอน” หวังเจ๋อเชิงพูด


 


ถ้าหากเขาต้องจ่ายเงินเพียงแค่ครึ่งเดียว เขาก็จะรู้สึกกดดันน้อยลงไปด้วย


 


“แล้วตอนกลางวัน ก็อย่าลืมพาพ่อของพี่มาที่นี่ด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด


 


หวังเจ๋อเชิงบอกเรื่องที่หวังเย้าพูดกับเขาที่คลินิกให้ภรรยาของเขาได้รู้


 


“จ่ายแค่ครึ่งเดียวก็ดีสิ” ภรรยาของเขาพูด


 


“ใช่ ตอนนี้ ฉันรู้สึกกดดันน้อยลงมากเลยล่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด


 


“จริงด้วย ฉันได้ยินมาว่า อพาร์ทเมนต์ที่สร้างในตัวเมือง กำลังก่อสร้างกันเร็วมาเลยล่ะ เราสามารถเอาบ้านเก่าสองหลังของเราไปแลกกับอพาร์ทเมนต์ได้ด้วย ถ้าเราเงินขาดมือ เราก็ขายอพาร์ทเมนต์ออกไปซะ” ภรรยาของเขาพูด


 


“เธอพูดถูก เป็นความคิดที่ดีนะ” หวังเจ๋อเชิงพูด


 


ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็อยากจะขายบ้านในหมู่บ้านของพวกเขาออกไป เพื่อที่จะได้เอาเงินไปซื้ออพาร์ทเมนต์ในตัวเมือง อีกด้านหนึ่ง หวังเจ๋อเชิงกับภรรยาอยากจะขายอพาร์ทเมนต์ เพื่อที่จะได้เอาเงินไปรักษาพ่อของพวกเขา


 


หวังเย้าต้มยาอีกตัวในตอนเช้า เขากำลังรักษาคนไข้โรคมะเร็งสองคนในหมู่บ้าน


 


ฉันจะดูอาการของเขาในตอนกลางวัน และดูว่าจะทำยังไงต่อไป


 


หวังเย้ากลับมาที่คลินิกหลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว หวังเจ๋อเชิงพาพ่อของเขามาที่คลินิกตอนบ่ายโมง


 


สีหน้าของหวังยี่หลงดูดีขึ้นมาก แก้มของเขาแดงเรื่อ และดวงตาสดใส เขาดูไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด


 


หวังว่ามันจะไม่ใช่การฟื้นตัวก่อนตายนะ หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้เห็นสภาพของหวังยี่หลงในตอนนี้


 


การที่คนไข้โรคมะเร็งดูแข็งแรงขนาดนี้ได้ มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก มีเพียงคนที่กำลังจะตายเท่านั้น ที่จะแสดงสีหน้าเปล่งปลั่งแบบนี้ได้


 


“ลุงยี่หลง เชิญนั่งก่อนครับ” หวังเย้าตรวจดูอาการของชายชราอย่างละเอียด


 


“ดีครับ คุณลุงแข็งแรงดี” หลังจากตรวจดูอาการของชายชราแล้ว หวังเย้าก็พูดออกมา


 


หลังจากมั่นใจแล้วว่า ชายชายไม่ได้กำลังจะตาย เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายชราแข็งแรงดี เขาอาการดีกว่าที่หวังเย้าคาดไว้ซะอีก มันยังเป็นการยืนยันทฤษฎีการรักษาของเขาด้วยเช่นกัน อารมณ์ที่ดีจะช่วยเร่งให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แม้แต่กับคนไข้โรคมะเร็งก็เช่นกัน


 


“ลุงยี่หลงครับ ช่วงนี้ลุงรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม


 


“ดี ลุงรู้สึกสบายดีมาก” ชายชราพูด “เมื่อวันก่อน ลุงยังเดินขึ้นไปบนเขาอยู่เลย”


 


“แล้วเรื่องความอยากอาหารล่ะครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากนะ แล้วลุงก็ยังนอนหลับสนิทดีด้วย ยาของเธอได้ผลดีมากเลยล่ะ” ชายชราพูด


 


หวังเย้ามองเห็นถึงสภาวะอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างมากของชายชรา ชายชรามีสีหน้ายิ้มแย้ม และยิ้มออกมาจากใจจริง ความสุขอยู่ที่ใจ อารมณ์ที่ดีทำให้คนดูดีขึ้นได้


 


เขายังคงป่วยอยู่ แต่การลุกลามได้ถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้ว ยาของหวังเย้าได้ผล แต่อารมณ์ของเขาก็มีส่วนสำคัญกับเรื่องนี้มากเช่นกัน


570 เรื่องใหญ่ เรื่องไม่สำคัญ


 


“นี่ครับยา” หวังเย้าพูด “กินยาเหมือนเดิมเลยนะครับ หลังจากกินหมดแล้วก็ให้กลับมาตรวจอีกรอบ”


 


“ได้ ดีๆ” ชายชราพูดอย่างมีความสุข สภาพจิตใจของเขาในเวลานี้ดีมาก


 


หวังเจ๋อเชิงพาพ่อของเขากลับไปที่บ้าน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็หาข้ออ้างเพื่อออกจากบ้านและกลับไปที่คลินิก


 


“กลับมาทำไมอีกเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันอยากจะรู้ว่า อาการพ่อของฉันเป็นยังไงบ้าง” หวังเจ๋อเชิงพูด เขาไม่กล้าถามเรื่องนี้ต่อหน้าชายชรา เพราะไม่ต้องการทำให้ชายชรารู้สึกสงสัยขึ้นมา


 


“อาการของคุณลุงดีกว่าหลายวันก่อนมากครับ” หวังเย้าตอบ


 


“จริงเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงก็รู้สึกเช่นกันว่า พ่อของเขาอาการดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก


 


“เรื่องอารมณ์มีผลกับอาการของคุณลุงมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ขอแค่พ่ออาการดีกว่าเดิมก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูดอย่างยินดี


 


“แล้วพี่มีอะไรอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ไม่มีแล้ว ฉันไปแล้วนะ” หวังเจ๋อเชิงจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม


 


ความเงียบกลับสู่คลินิกอีกครั้ง


 


หวังเย้าลงมือทำยาสำหรับหวังยี่หลงและเวินหว่าน ตัวยาจำเป็นต้องใช่สมุนไพรที่เหนือกว่าสมุนไพรธรรมดาทั่วไป เขาจำเป็นต้องใช้สมุนไพรราก


 


สิ่งแรกที่เขาคิดถึงคือ หลิงชานจี เพราะมันมีความสามารถพิเศษในการขับไล่สิ่งไม่ดีออกไป สร้างกล้ามเนื้อ, บรรเทาความเจ็บปวด สิ่งไม่ดีทั้งหลายก็คือ สิ่งที่ส่งผลร้ายต่อร่างกายมนุษย์ กล้ามเนื้อนั้นรวมไปถึงเนื้อเยื่อด้วย คนไข้ทั้งสองรายล้วนมีอาการเจ็บปวดทรมาน ส่วนรากของหลิงชานจีมีฤทธิ์ในการบรรเทาความเจ็บปวด ซึ่งถือว่ามันเป็นสมุนไพรรากที่สุดยอดมาก


 


หลิงชานจีสามารถใช้รักษาคนไข้ได้ทั้งสองราย แต่พวกเขายังจำเป็นต้องรับสมุนไพรรากตัวอื่นด้วย เวินหว่านจำเป็นต้องฟื้นฟูอวัยวะสำคัญทั้งห้าและฟื้นคืนการทำงานให้กลับมาเป็นปกติ ธาตุหยินหยางของเธอก็จำเป็นต้องได้รับการปรับสมดุล


 


เดี๋ยวนะ! หวังเย้าคิดถึงขี้ผึ้งต้วนชื่อ ตั้งแต่ที่เขาทำเสร็จก็ไม่เคยได้เอาออกมาใช้งานเลยสักครั้ง


 


ตัวยาสุดยอดตัวนี้มีสุมนไพรทั้งหมดคือ โชวู, ปาเจียวถง, เฟยหลายเฟิง, และกุยหยวน มันสามารถนำมาเสริมในสิ่งที่ขาดไปได้


 


เขามองดูขี้ผึ้งสีเขียวเข็มในกระปุกยา ซึ่งมีสรรพคุณรักษาได้ทั้งภายนอกและภายใน มันเป็นสูตรยาที่เขาได้มาจากระบบ ราคาของมันจึงสูงตามไปด้วย หนึ่งโดสมีราคาสูงถึง 3 ล้านหยวน


 


เขาคิด ถ้าฉันไม่ได้ใช้หมดในทีเดียว ฉันก็คงไม่ต้องคิดราคาเต็มก็ได้ใช่ไหม?


 


ระบบพูด ‘คิดตามปริมาณที่ใช้’ เรื่องนี้ทำให้หวังเย้ารูสึกประหลาดใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการตอบกลับแบบนี้จากระบบ


 


ช่วงนี้ สายลมที่พัดผ่านเย็นเล็กน้อย หวังเย้าเงยหน้ามองท้องฟ้าและคิดขึ้นในใจ สองสามวันจากนี้อากาศจะเย็นขึ้นอีก!


 


เขาไม่มีคนไข้ในตอนกลางวัน แต่กลับมีแขกที่คาดไม่ถึงมาหาแทน


 


“เว่ยห่าย พี่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนะ!” หวังเย้ายิ้มและชงชาให้กับเขา


 


“พอดีมีเรื่องต้องจัดการที่ห่ายชิวหน่อยนะ” เว่ยห่ายพูด “ตอนนี้ บริษัทกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่”


 


“พี่ยังไม่ปล่อยมือเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันยังจำเป็นต้องดูบางเรื่องอยู่ แต่ฉันก็ยกงานส่วนใหญ่ให้พวกเขาจัดการไปหมดแล้ว” เว่ยห่ายพูด “ฉันจัดการแบ่งหุ้นใหม่ด้วย แล้วก็แบ่งให้นายด้วยนะ”


 


“หา?” หวังเย้าตกใจ “พี่กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”


 


“ก็ล้อเล่นน่ะสิ” หลังจากเห็นสีหน้าของหวังเย้าแล้ว เว่ยห่ายก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม


 


“ถ้างั้นก็ดี” หวังเย้าพูดออกมาอย่างโล่งใจ


 


เว่ยห่ายมาที่เหลียนชานก็เพื่อไปพบกับเทียนหยวนถู พอเขาจะกลับไปที่บ้านในตอนกลางวัน เขาก็ตัดสินใจโผล่ไปหาหวังเย้าและคุยเล่นกับเขา เพราะพวกเขาทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาได้สักพักแล้ว


 


“ฉันได้ยินมาว่า คุณซุนถึงกับซื้อที่ดินในตัวเมืองเหลียนชานเพราะนาย” เว่ยห่ายพูด “แล้วฉันยังได้ยินมาด้วยว่า เขาลงทุนสร้างโรงงานและเตรียมจะลงทุนในห่ายชิวด้วย”


 


หวังเย้าเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น


 


“เพียงแต่ว่า…ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขามีปัญหาอยู่น่ะสิ” เว่ยห่ายพูด


 


“ปัญหา? ปัญหาอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ช่วงนี้เขาถูกเบอร์ใหญ่ของจังหวัดหมายหัวอยู่น่ะสิ” เว่ยห่ายพูด “เรื่องต้องห้ามที่สุดสำหรับนักธุรกิจก็คือ การสนิทชิดเชื้อกับนักการเมือง เขาคิดว่า ตัวเองมีคนหนุนหลังอยู่ แต่เมื่ออีกฝ่ายร่วง เขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ถึงอาณาจักรธุรกิจของเขาจะยิ่งใหญ่ แต่เขาก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการเงินได้”


 


“ด้วยทรัพย์สินที่เขามีอยู่ คนจากจังหวัดคงจะไม่สามรถตรวจสอบเขาได้หรอก ใช่ไหมครับ?” ถึงหวังเย้าจะอยู่แต่บนเขา ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องการรักษาและสมุนไพรทั้งวันทั้งคืน แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเหมือนพระอยู่ในป่า ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกบ้าง เขายังพอรู้เรื่องราวข่าวสารต่างๆอยู่บ้าง เช่น เรื่องสถานการณ์ของตระกูลซุน การที่พวกเขามีอาณาจักรขนาดใหญ่ มันจึงมีธุรกิจมากมายรวมอยู่ในนั้น


 


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เว่ยห่ายพูด “เพราะมันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น แล้งพรุ่งนี้ นายมีเรื่องอะไรต้องทำรึเปล่า?”


 


“ทำไมเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เอ่อ ก็แค่พวกเขาไม่ได้รวมตัวกันมาสักพักแล้วน่ะสิ ฉันเลยอยากจะชวนนายไปที่ห่ายชิวสักหน่อยน่ะ” เว่ยห่ายพูด


 


“ชวนพวกเขาได้เลยครับ แต่ผมคงไปไม่ได้” หวังเย้าพูด


 


“งั้นเราเลื่อนเป็นวันอื่นก็ได้นี่” เว่ยห่ายพูด


 


ทั้งสองพูดคุยกันจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดลง หลังจากที่เว่ยห่ายกลับไปแล้ว หวังเย้าก็ปิดประตูและแขวนป้ายเอาไว้ พรุ่งนี้ เขาต้องเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน เพื่อเข้าร่วมงานหมั้นของพี่สาว


 


ในตอนเช้า ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า หวังเย้าตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ และขับรถพาพ่อแม่ของเขาเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน


 


นี่เป็นการพบกันครั้งแรกกับพ่อแม่ของตู้หมิงหยาง พวกเขาทั้งสองดูใจดีและสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณของพวกเขาดูสดใสเปล่งปลั่ง


 


ดี! หวังเย้าคิดในใจ หลังจากที่ได้พบพวกเขาแล้ว พูดกันว่า ใบหน้าคือภาพสะท้อนของจิตใจ เมื่อดูจากสีหน้าของพวกเขาแล้ว แสดงได้ว่า พวกเขาเป็นคนที่ใจกว้าง ซึ่งหมายความได้ว่า พี่สาวของเขาจะไม่โดนรังแก หลังจากที่แต่งงานกับตู้หมิงหยางไปแล้ว เพราะความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ เป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก


 


ที่มากไปกว่านั้น พวกเขายังมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอายุยืน การจะมีอายุได้ มีอยู่หลายสาเหตุ แต่สำหรับหวังเย้าแล้ว การมีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ดีและมองโลกในแง่ดี คือลำดับแรกๆของการมีอายุยืน


 


หลังจบมื้ออาหาร พวกเขาพากันไปดูบ้านที่ตู้หมิงหยางเพิ่งจะซื้อไป พ่อแม่ของเขาได้ซื้อบ้านเอาไว้ให้แล้วหลังหนึ่ง แต่ตู้หมิงหยางเลือกจะมาซื้อที่นี่ เพราะมีทำเลที่ดีและมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง


 


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็ขับรถพาพ่อแม่ของเขากลับไปที่หมู่บ้าน


 


“ในที่สุด เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว” จางซิวหยิงพูด


 


“แม่ โชคดีนะที่พี่ไม่ได้ยินที่แม่พูดน่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ผมไม่รู้เลยว่าพี่จะคิดยังไง” หวังเย้าพูด


 


“เธอจะคิดอะไรได้ล่ะ?” จางซิวหยิงถาม “มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว”


 


หวังเย้าดูออกว่า พ่อแม่ของเขามีความสุจมากแค่ไหน


 


มันเป็นเวลาเกือบบ่าย 3 โมงแล้ว ในตอนที่พวกเขากลับไปถึงที่บ้าน หลังจอดรถเรียบร้อย หวังเย้าก็เดินตรงไปที่คลินิก


 



 


ในบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านกลางเขา ศาสตราจารย์ลู่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง เขาสามารถมองเห็นภูเขาได้จากไกลๆ


 


มันเป็นเวลาสามวันแล้ว ที่เขามาอยู่ที่ที่ เขาเปลี่ยนจากคนที่เหน็ดเหนื่อย, เป็นกังวล, และนอนไม่หลับในวันแรกๆ กลายเป็นคนที่สงบนิ่งในที่สุด ดูเหมือนเขาจะชอบชีวิตในหมู่บ้านกลางเขาแบบนี้


 


แค่ก! แค่ก! เวินหว่านที่สวมเสื้อผ้าตัวหนาเดินออกมาจากตัวบ้าน


 


“เธอออกมาทำไมกัน?” ศาสตราจารย์ลู่รีบเข้าไปพยุงตัวเธอ


 


“นอนอยู่แต่บนเตียงคัง มันอึดอัดน่ะสิ” เธอตอบ “ฉันเลยอยากจะออกมาสูดอากาศสดชื่อข้างนอกบ้าง”


 


“มานั่งนี่ก่อน” ศาสตราจารย์ลู่หยิบเก้าอี้มาวางติดกับกำแพง


 


สายลมถูกกำแพงบ้านปิดกั้นทางเอาไว้ ในเวลานี้ แสงแดดส่องสว่างจ้า การได้อยู่ใต้ดวงอาทิตย์ได้ให้ความรู้สึกที่อุ่นสบาย


 


“คุณกลับไปเถอะค่ะ ให้โย่วเหรินจัดการเรื่องทุกอย่างที่นี่ก็พอแล้ว” เวินหว่านพูด


 


“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันลางานกับทางมหาวิทยาลัยและบอกกับคนที่บ้านไว้แล้วเรียบร้อย” ศาสตราจารย์ลู่ทิ้งบุหรี่ไปที่พื้น “เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”


 


“ฉันรู้สึกดีกว่าสองวันที่แล้วมาก” เวินหว่านพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


เวินหว่านมองดูชายที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ เธอรู้จักกับเขามานานหลายสิบปี เธอไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อก้าวพลาดไปครั้งหนึ่ง ก้าวต่อๆไปก็กลายเป็นผิดพลาดไปหมด ในเมื่อพวกเขาได้มาพบกันอีกครั้ง พวกเขารู้ใจกันและรักกัน แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้


 


“ฉันไม่มีค่าพอสำหรับทุกอย่างที่คุณทำให้ฉันหรอกนะ” เวินหว่านพูด


 


“เราก็อายุมากกันแล้ว อย่ามาพูดอะไรเด็กๆแบบนี้อีกเลย” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


“แล้วโย่วเหรินอยู่ไหนเหรอ?”


 


“เขายังเด็ก” ศาสตราจารย์ลู่พูด “ถ้าเขาอยู่ที่นี่นานๆ เขาก็คงจะเบื่อ ฉันก็เลยบอกให้เขาออกที่ยวเล่นบ้างน่ะ”


 


“มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขามาก” เวินหว่านพูด


 


“ยากตรงไหนกัน?” ศาสตราจารย์ลู่พูด “มันเป็นเรื่องธรรมชาติและเรื่องธรรมดา ที่เขาจะเป็นลูกที่ดีต่อพ่อแม่ของเขา เธอคิดมากเกินไปแล้วล่ะ!”


 



 


ต้าหลี่


 


หานจื้อหยูรู้สึกกังวลใจอย่างมาก “หมอ คุณช่วยตรวจอีกรอบได้ไหมครับ?”


 


“ก็อย่างที่ผมบอกไป นี่เป็นโรคผิวหนัง เขาจำเป็นต้องได้รับการรักษา” หมอพูด


 


“มันไม่ใช่โรคผิวหนังนะ” หานจื้อหยูพูด


 


“คุณหรือผมที่เป็นหมอกันแน่?” หมอถาม


571 เสาะหาการรักษา


 


“แน่นอนว่าต้องเป็นหมอน่ะสิ” หานจื้อหยูพูด


 


“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องเชื่อผม” หมอพูด


 


“แต่หมอ ผมยุ่งมากนะ” หานจื้อหยูพูด “ผมไม่มีเวลามานอนโรงพยาบาลหรอก!”


 


“งั้นคุณก็เอายากลับไปกินแล้วกัน” หมอพูด


 


“โอ้ ได้ครับ” หานจื้อหยูพูด


 


หมอให้ยาเขามาหลายตัว มีทั้ง ยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้คัน, ยาทาภายนอก, และยาฉีด


 


“ล้อเล่นกันรึเปล่าเนี่ย! หมอปลอมเอ้ย!” หานจื้อหยูจากไปพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยยา


 


แผลที่มือและแขนของเขา เกิดจากการที่เขาไปหาราชายาและช่วยลูกศิษย์ของเขารักษาน้องชายคนเล็กของเขา เขาบังเอิญไปแตะโดนตัวยาเข้า และจัดการทำความสะอาดไม่ทันเวลา ตอนที่เขาจะกลับ ลูกศิษย์ของราชายาก็ได้เอ่ยเรื่องนี้กับเขาไว้แล้ว และบอกว่าไม่ต้องกังวลมาก ในเวลานั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาเพียงรู้สึกเย็นสบายที่แขนของเขาก็เท่านั้น


 


ระหว่างทางกลับ เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง มือและแขนของเขามีอาการคันและเจ็บเล็กน้อย เขาเกาอยู่สองสามครั้ง แล้วผิวหนังก็หลุดหลอกออกมา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกตกใจมาก เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน สถานการณ์ก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปได้คืนหนึ่ง ผิวหนังที่แขนของเขาก็หลุดหลอกออกไปจนหมด เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันใหม่ เขาก็รู้สึกได้แค่อาการแสบร้อน ภายในระยะเวลาหนึ่งวัน แขนของเขาก็เริ่มมีหนองออก มันไม่ใช่แค่โรคผิวหนังแล้ว


 


“เป็นยังไงบ้าง?” หานชิ่งถามหลังจากที่หานจื้อหยูกลับมาถึงที่บ้าน


 


“บ้ามากเลยล่ะ เขาไม่ได้ให้คำตอบที่ดีเลยสักนิด แล้วก็ให้ยามาอีกเป็นกองเท่านั้น” หานจื้อหยูพูด


 


“ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้ผล นายก็ยังจะกินยาพวกนั้นอยู่อีกเหรอ?” พี่ชายของเขาถาม


 


“อืม ฉันก็ว่าจะลองกินดูน่ะ” หานจื้อหยูพูด “เผื่อว่าพวกมันได้ผลขึ้นมาล่ะ?”


 


“ถึงพวกมันจะได้ผล มันก็ไม่ใช่ยาที่ราชายาทำขึ้นมาเองอยู่ดี” หานชิ่งพูด “ถ้านายยังไม่ดีขึ้น นายก็น่าจะลองไปหาราชายาดูนะ”


 


“ฉันไม่ไปหรอก” หานจื้อหยูรีบโบกมือปฏิเสธทันที


 


ที่ราชายายินดีให้พวกเขาเข้าพบ ก็เป็นเพราะยาที่ได้มาจากหวังเย้า ซึ่งมีความพิเศษอย่างมาก ถ้าหากเขาไปที่นั่นตัวเปล่า เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน แล้วเขาก็ยังรู้สึกกลัวราชายาอยู่เล็กน้อยด้วย เวลาอยู่ใกล้ราชายา เขารู้สึกราวกับว่า ตัวเองอยู่ภายในกรงที่ขังเสือร้ายกินเนื้อคนเอาไว้


 


“แล้วนายจะทำยังไงล่ะ?” หานชิ่งถาม


 


“ไม่ทำอะไรเลย ตอนนี้ มันก็ไม่ได้แย่อะไรมาก บางทีอีกสักพักมันอาจจะดีขึ้นเองก็ได้” หานจื้อหยูโบกมือของเขา


 


“อืม ถ้านายทนไม่ไหวเมื่อไหร่ ให้รีบบอกฉันเลยนะ” หานชิ่งพูด


 


“ได้” หานจื้อหยูพูด


 



 


หลี่ชื่อหยูขับรถบรรทุกเพื่อนำต้นไม้ไปส่งที่หมู่บ้าน นี่เป็นต้นไม้ที่หวังเย้าสั่งเอาไว้กับเขาที่ร้าน


 


“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ” หลี่ชื่อหยูพูด “ยังมีอีกส่วนที่ต้องใช้เวลาหน่อย และจำเป็นต้องส่งจากทางใต้ผ่านทางเรือด้วย”


 


“ไม่มีปัญหาครับ” หวังเย้าตรวจดูต้นไม้ และพบว่าทุกต้นแข็งแรงดี หลังจากที่ดับดูเรียบร้อยแล้ว เขาก็จัดการจ่ายเงิน


 


“ให้ผมเอาต้นไม้พวกนี้ไปไว้ที่ไหนดีครับ?” หลี่ชื่อหยูถาม


 


“เอาไปไว้ที่ตีนเขาเลยครับ” หวังเย้าพูด “ผมจะพาคุณไปที่นั่นเอง”


 


เขาเดินนำพวกเขาไปที่ตีนเขา เพื่อให้พวกเขาขนต้นไม้ลงไว้ในจุดนี้


 


“คุณจะเอาพวกมันไปปลูกไว้ที่ไหนเหรอ? ให้พวกเราช่วยไหม?” หลี่ชื่อหยูถาม


 


“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเองได้” หวังเย้าพูด


 


“โอเค ผมจะเอาต้นไม้ที่เหลือมาส่งให้เร็วที่สุดนะครับ” หลี่ชื่อหยูพูด


 


เมื่อพวกเขากลับไปกันแล้ว หวังเย้าก็ดูต้นไม้เหล่านี้ เขาเพียงแค่ใช้มือข้างหนึ่งถือต้นไม้หนึ่งต้นก็ได้แล้ว มันราวกับว่า เขากำลังแบกนุ่นสองก้อนแทนที่จะเป็นต้นไม้ เขาพุ่งตัวขึ้นไปบนเขาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากนัก เขาจัดการขนต้นไม้ทั้งหมดขึ้นไปบนเขา ด้วยการขึ้นลงสิบกว่าเที่ยวเท่านั้น


 


หวังเย้ารู้อยู่แล้วว่าเขาจะปลูกต้นไม้ไว้ตรงไหน แต่เขายังไม่ได้ขุดหลุม


 


หลังจบมื้อค่ำ เขาก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน และเดินดูรอบๆเนินเขา ซานเซียนก็เดินตามหลังเขาไปด้วย


 


“ซานเซียน พรุ่งนี้เราจะปลูกต้นไม้กันนะ” หวังเย้าพูด


 


โฮ่ง!


 


เช้าของอีกวัน หวังเย้าตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่และหาอะไรทานในกระท่อม เขาได้บอกกับคนที่บ้านเอาไว้แล้วว่า เขาจะอยู่บนเขาตลอดทั้งวัน


 


เขาแบกเสียมและจอบมุ่งหน้าไปยังจุดที่เขาจะปลูกต้นไม้ “เริ่มกันได้เลย!”


 


หวังเย้าไม่สามารถเทียบกับมาตรฐานความแข็งแรงและร่างกายกับคนธรรมดาทั่วไปได้ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องใช้จอบและเสียมด้วยซ้ำ เขาสามารถใช้มือและนิ้วมือของเขาขุดหลุมได้อย่างง่ายดาย สำหรับเขาแล้ว แม้แต่ก้อนหิน เขาก็สามารถบีบจนแหลกละเอียดได้


 


หลุมสำหรับปลูกต้นไม้ถูกขุดอย่างรวดเร็ว หวังเย้าถือต้นไม้ไว้มือหนึ่ง เพียงโบกมือครั้งเดียว พลังที่มองไม่เห็นก็จัดการกลบดินจนเต็มหลุม


 


“ซานเซียน ดูซิว่ามันตรงไหม” หวังเย้าพูด


 


โฮ่ง! โฮ่ง!


 


“ดี” หวังเย้าพูด “มาต่อกันเถอะ”


 


ตลอดทั้งเช้า มีต้นไม้หลาบสิบต้นปรากฏขึ้นมาบนเนินเขาหนานชาน มันดูยุ่งเหยิงและลึกลับในเวลาเดียวกัน


 


ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีรถหรูคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้าน ชายหนุ่มสองคนได้ลงมาจากรถคันนั้น


 


“นี่คือที่ที่นายพูดถึงใช่ไหม?” ชายหนุ่มร่างกายสูงกำยำมองดูคลินิกด้วยสายตาดูถูก


 


“ใช่ ที่นี่แหละ” ชายหนุ่มอีกคนพูด


 


“ในหมู่บ้านบนเขาแบบนี้ จะมีหมอเก่งๆอยู่จริงเหรอ?” ชายหนุ่มร่างกายกำยำพูด “นายถูกหลอกแล้วล่ะมั้ง?”


 


“ไม่หรอก” ชายหนุ่มอีกคนรีบพูด


 


“เอาเถอะ เข้าไปดูข้างในกันดีกว่า” ชายร่างกายกำยำพูด


 


เมื่อพวกเขาเดินไปถึงที่ประตู ก็เห็นว่ามีป้ายไม้แขวนอยู่


 


“ไม่ว่างเหรอ? แล้วจะให้มาถึงที่นี่เพื่ออะไรกัน?” ชายหนุ่มร่างกายกำยำพูด


 


“โอ้!” ชายหนุ่มอีกคนที่เตี้ยกว่าพูด เขามองดูป้ายที่แขวนอยู่และเกาหัวตัวเอง “เป็นความผิดของฉันเอง”


 


“มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก” ชายหนุ่มร่างกายกำยำพูด “เขาไม่อยู่ที่นี่ งั้นเราไปกันเถอะ”


 


“อืม” ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าพูด


 


“อั้ก โอ๊ย!” ชายหนุ่มร่างกายกำยำกดที่หน้าท้องของเขา ใบหน้าของเขาซีดลงไปทันที


 


“เป็นอะไรไปน่ะ?” ชายหนุ่มอีกคนถาม


 


“มันกำเริบอีกแล้ว! รีบเอายามาให้ฉันเร็วเข้า!” เขาพูดออกมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา


 


“โอเค ทนไว้ก่อนนะ!” ชายหนุ่มอีกคนรีบเข้าไปในตัวรถ แล้วหยิบขวดยาออกมา ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปหาเพื่อนของเขา


 


ชายหนุ่มร่างกายกำยำเทยาออกมาสองสามเม็ด แล้วกลืนมันลงไป หลังจากกินยาเข้าไปได้สักพัก สีหน้าเจ็บปวดทรมานก็ค่อยๆจางหายไป


 


“ดีขึ้นบ้างรึยัง?” ชายหนุ่มอีกคนถาม


 


“อืม ดีขึ้นแล้วล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจออกมา “มันมาจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย!”


 


อาการป่วยของเขาค่อนข้างแปลก สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ มันไม่มีวิธีดีดีที่สามารถรักษาให้หายได้เลย ถึงแม้ว่าเขาจะลองไปรักษาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็ตามที เขาได้ยินข่าวลือมาว่า มีหมอหนุ่มฝีมือดีอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่เขาก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลองมาดู


 


“กลับกันเถอะ” ชายร่างสูงพูด


 


“เรารออีกสักหน่อยดีไหม?” ชายอีกคนพูด


 


“ไม่จำเป็นต้องรอหรอก” ชายหนุ่มร่างสูงโบกมือ เขารู้สึกกลัวความเจ็บปวดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไปไม่นาน


 


ถ้าหากความเจ็บปวดที่เพิ่งเกิดขึ้นส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ในหมู่บ้านกลางหุบเขาแห่งนี้คงจะไม่มีการรักษาที่ดีพอที่จะรักษาเขาได้ และเขามีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก


 


ในตอนที่ทั้งสองเตรียมจะกลับขึ้นไปนั่งบนรถ พวกเขาก็เห็นรถสองสามคันขับเข้ามาจอดอยู่หน้าคลินิก มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ชายวัยกลางคนแบกคนคนหนึ่งเอาไว้บนหลังของเขา


 


“ที่นี่เหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม


 


“ใช่ ที่นี่แหละ” ชายอีกคนพูด


 


“หมอหวังไม่อยู่เหรอ?” ชายวัยกลางคนพูด “เราจะทำยังไงกันดี? เราไปที่บ้านของเขากันดีไหม?”


 


“เราทำแบบนั้นไม่ได้” ชายอีกคนพูด “นี่เป็นกฎของเขา”


 


“กฎเหรอ?” ชายหนุมร่างสูงที่กำลังยืนมองอยู่รู้สึกตกใจ


 


“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” ชายวัยกลางคนพูด


 


“อย่ารอเลย รีบไปโรงพยาบาลในเมืองกันดีกว่า” ชายอีกคนพูด “เด็กรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”


 


“ใช่ๆ ฉันบอกแล้ว ว่าให้ไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก แต่คุณก็ไม่เชื่อฉัน” ผู้หญิงคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมา เธอแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่


 


“หืม?” ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากัน


 


ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากภูเขา


 


“หมอหวังมาแล้ว!” มีคนจำหน้าหวังเย้าได้และตะโกนออกมาด้วยความดีใจ


 


หวังเย้าถูกแม่ของเขาโทรเรียกตัว เขาจึงคิดว่า มีใครบางคนไปที่บ้านของเขาและมันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อเขาถามถึงรายละเอียด เขาก็รู้ว่าไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ตอนที่จางซิวหยิงเอาขยะออกไปทิ้ง เธอก็เห็นรถหลายคันจอดอยู่ที่หน้าประตูคลินิก เธอกังวลว่าอาจจะมีคนป่วยหนักอยู่ในนั้น เธอจึงได้โทรเรียกลูกชายของเธอให้ลงมาดู


 


“หมอหวัง คุณช่วยดูอาการเด็กคนนี้ให้หน่อยได้ไหม?” ชายวัยกลางคนถาม


 


“เข้ามาข้างในเลยครับ” หวังเย้าพูด


572 แก้วตาดวงใจ


 


“เด็กเป็นอะไรครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไข้ของเขาไม่ลดลงเลย หมอช่วยตรวจดูเขาหน่อยจะได้ไหม? เขายังมีแผลตรงนี้ด้วย” ชายวัยกลางคนวางตัวเด็กลงบนเตียงอย่างเบามือ และเปิดแผลที่แขนของเด็กให้หวังเย้าดู บนแขนของเด็กชายมีรูเล็กๆอยู่สองรู้ และบริเวณโดยรอบได้กลายเป็นสีม่วงไปแล้ว


 


ร่างของเด็กมีความร้อนสูง และไม่ได้สติ


 


หืมมม! หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจที่เห็นรอยแผล เพราะมันดูคุ้นตามาก เขาจำได้ว่า กั๋วเจิ้งเหอที่ถูกอะไรบางอย่างกัดก็มีบาดแผลแบบนี้เหมือนกัน รวมถึงอาการของกั๋วเจิ้งเหอก็คล้ายกันด้วย


 


“รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูด


 


เขาเข้าไปเอาสมุนไพรแก้พิษออกมาและใส่มันลงไปในน้ำ ไม่นานน้ำก็กลายเป็นสีเขียว เขาเอายาที่ใส่สมุนไพรแก้พิษเอาไว้ให้เด็กชายกินเข้าไป


 


หลังจากที่ดื่มยาไปได้สักพัก เด็กชายก็ค่อยๆมีสติกลับคืนมา


 


“ว้าว! สุดยอดไปเลย” คนในครอบครัวของเด็กชายพูด


 


“ดีจริงๆ” อีกคนพูด


 


ทุกคนในครอบครัวต่างก็พากันตื่นเต้น ชายหนุ่มสองคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ก็รู้สึกประทับใจกับภาพที่เห็นเช่นกัน


 


“พวกเขามาจากหมู่บ้านไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เรามาจากบ้านหลี่เจียโกวน่ะ” พ่อเด็กพูด


 


“หลี่เจียโกวเหรอ? ใช่ที่ที่มีน้ำพุร้อนรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่แล้วล่ะ หมอหวัง ถ้าหมออยากจะไปเที่ยวน้ำพุร้อน ก็มาหาฉันได้นะ” พ่อเด็กพูด


 


“แล้วลูกชายของคุณไปโดนกัดที่ไหนมาเหรอครับ?” หวังเย้าถาม พ่อเด็กเข้าใจคำถามของหวังเย้าผิดไป


 


“อ่อ เขาโดนกัดที่บนเขาน่ะ” พ่อเด็กพูด


 


“คุณพอจะบอกรายละเอียดมากกว่านี้จะได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันก็ไม่แน่ใจ ถ้าเจ้าหนูมีสติดีกว่านี้ ฉันจะลองถามเขาดูให้นะ” พ่อเด็กพูด


 


“โอเคครับ ถ้าเขาดีขึ้นแล้วก็ช่วยบอกผมทีนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ได้สิ” พ่อเด็กพูด “แล้วค่ารักษาเท่าไหร่เหรอ?”


 


“10,000 หยวนครับ” หวังเย้าพูด


 


“เท่าไหร่นะ?” พ่อเด็กถามด้วยความตกใจ


 


ไม่เพียงแต่ครอบครัวเด็กจะตกใจเท่านั้น แต่ชายหนุ่มสองคนที่ยืนดูอยู่ก็ตกใจเช่นกัน


 


“ยาอะไรกัน ทำไมถึงได้แพงขนาดนี้เนี่ย?” หนึ่งในชายหนุ่มสองคนพูดขึ้นมา


 


“ใช่แล้ว! พ่อหนุ่ม เธอกำลังปล้นเงินเราชัดๆ!” ครอบครัวเด็กต่างก็รู้สึกไม่พอใจ


 


ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ พวกเขาได้ยินมาว่า หวังเย้าเป็นหมอที่เก่งมาก แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าจะต้องจ่ายเงินมากขนาดนี้ ราคายาแก้พิษทำให้พวกเขาต้องอึ้ง แล้วก็กลายเป็นความขมขื่น


 


“มันเป็นความผิดของผมเอง” หวังเย้าพูด


 


เขาคิดเพียงแต่ว่า เขากำลังช่วยชีวิตของเด็กอยู่ แต่กลับลืมบอกราคายากับครอบครัวของเด็กไป สมุนไพรรากเป็นของล้ำค่าที่ถูกตั้งราคาไว้สูง พวกมันเป็นสิ่งที่หาค่าไม่ได้


 


“แต่นั่นมันแพงเกินไปนะหมอ” พ่อเด็กพูด


 


“แล้วคุณคิดว่า ชีวิตของลูกคุณมีค่าเท่าไหร่ล่ะครับ? บอกตามตรงนะครับ ผมเคยรักษาคนที่มีอาการแบบเดียวกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้น ผมคิดค่ายาตัวเดียวกันนี้ที่ 100,000 หยวน” คำพูดของหวังเย้าสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่อยู่ภายในห้อง


 


“หาเงินง่ายจริงๆ” หนึ่งในพวกเขาพูด


 


“เราไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วยเยอะขนากนั้นหรอก” พ่อเด็กพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ เขาคิดว่า ราคายาของหวังเย้านั้นแพงจนเกินไป มันก็แค่น้ำถ้วยเดียวเท่านั้น แล้วน้ำถ้วยเดียวจะไปแพงขนาดนั้นได้ยังไงกัน?


 


หวังเย้าหัวเราะออกมา เขาคิดเงินแต่ละคนต่างกันไป ถ้าหากเป็นคนที่เขาคุ้นเคย เช่น หวังเฟิงหมิง ที่กินยาสมุนไพรแก้พิษของเขาไป เขาจะไม่คิดแม้แต่หยวนเดียว แต่คนพวกนี้ขับรถมากันถึงสามคัน เพื่อพาเด็กคนหนึ่งมาที่นี่ รถสองในสามมีราคากว่า 200,000 หยวน พวกเขามีเงินซื้อรถ แต่กลับลังเลที่จะจ่ายเงินค่ารักษา


 


พวกเขารู้ว่ารถมีราคาแพง แต่กลับไม่คิดบ้างว่า ค่ารักษาก็มีราคาแพงพอๆกันได้


 


“ฉันเอาติดตัวมาแค่ 300หยวนเท่านั้นเอง” พ่อเด็กพูด แล้วหยิบเงิน 300 หยวนโยนลงไปบนโต๊ะ สำหรับเขา เงิน300 หยวนก็ถือว่าแพงมากแล้ว


 


“พิลึกจริงๆเลย” หญิงชราวัย 60 พูด “ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้โลภมากขนาดนี้กัน?”


 


ครอบครัวเด็กพากันออกไปจากคลินิกของหวังเย้าด้วยความโมโห ราวกับว่า หวังเย้าทำผิดต่อพวกเขาหนักหนา ทั้งพ่อแม่ ปู่ย่า และลุงของเด็กต่างพากันมาที่คลินิก ดูเหมือนว่า เด็กชายจะสำคัญกับพวกเขาอย่างมาก


 


หวังเย้าไม่ได้หยุดพวกเขาเอาไว้ เขาจดจำใบหน้าคนทั้งหมดเอาไว้ในใจ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาทั้งหมดจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในคลินิกของเขาอีกเป็นครั้งที่สอง


 


ตอนนี้ เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนอยู่ภายในคลินิก และพวกเขาก็กำลังมองไปที่หวังเย้า


 


“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าหันไปมองทั้งสองคนและถามออกไป


 


“บอกหมอไปสิ ว่านายเป็นอะไร” ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าพูด


 


“เอ่อ ผมมีอาการปวดท้องเรื่อรังน่ะครับ เวลาอาการกำเริบ ผมก็จะปวดจนต้องกลิ้งไปกับพื้นเลย” ชายหนุ่มที่ตัวสูงและดูแข็งแรงพูด


 


“นั่งก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด หวังเย้าต้องตกใจกับชีพจรของชายหนุ่ม “คุณเริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”


 


“ประมาณสี่ปีก่อนครับ” ชายหนุ่มพูด


 


“แล้วสี่ปีที่ผ่านมา รูปร่างของคุณมีการเปลี่ยนแปลงบ้างไหมครับ? แล้วคุณน้ำหนักลดลงด้วยรึเปล่า?” หวังเย้าถาม


 


“เอ่อ ไม่นะครับ” ชายหนุ่มพูด


 


แปลก! “คุณเคยเข้ารับการผ่าตัดมาก่อนไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ครับ ส่วนใหญ่เป็นผ่าตัดเล็ก” ชายหนุ่มพูด


 


“แล้วหลังผ่าตัด อาการปวดท้องของคุณหายไปด้วยไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ไม่ครับ” ชายหนุ่มตอบ


 


“คุณมีเนื้องอกอยู่ตรงส่วนท้องน้อย โชคดีที่เป็นแค่เนื้องอกธรรมดาเท่านั้น แต่มันโตขึ้นเรื่อยๆอยู่” หวังเย้าพูด


 


“หมอพูดถูกแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพูด


 


เขาป่วยด้วยโรคประหลาดมาได้สักพักแล้ว มีเนื้องอกเติบโตอยู่ในท้องน้อยของเขา ทุกครั้งที่ขับตัดมันออก มันก็จะงอกกลับมาที่เดิมทุกครั้ง เขาได้ผ่าตัดเอามันออกไปแล้วสองครั้ง ครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาลในปักกิ่ง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในปักกิ่งก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น กับการที่เนื้องอกกลับมาเติบโตในที่เดิมทุกๆครั้งอย่างรวดเร็ว


 


การผ่าตัด แม้แต่การผ่าตัดเล็กก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้ บวกกับเขาที่เป็นคนป่วยอยู่แล้วด้วย จากการจับดูชีพจรของชายหนุ่ม หวังเย้าพบว่า การไหลเวียนของโลหิตและพลังฉีสูงมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีร่างกายที่กำยำ หวังเย้ารู้สึกสับสนกับอาการของชายหนุ่มอยู่เล็กน้อย


 


“ปกติแล้ว คุณกินอาหารแบบไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“กินทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเนื้อ” ชายหนุ่มพูด


 


“คุณมีงานอดิเรกอะไรรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ผมชอบการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการเล่นบาสเกตบอล” ชายหนุ่มพูด


 


“เอาล่ะ ผมจะจ่ายให้คุณ แล้วให้กลับมาที่นี่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เวลาเดิมนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“โอเคครับ” ชายหนุ่มพูด


 


“ผมต้องบอกคุณไว้ก่อนว่า ยาของผมมีราคาค่อนข้างแพง คุณก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้” หวังเย้าพูด


 


“ฮาฮา ผมจ่ายไหวอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“มันอาจจะแพงกว่า 10,000 หยวนนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” หวังเย้าพูด


 


ตัวยามีส่วนผสมของสมุนไพรรากระดับกลาง ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าสมุนไพรแก้พิษขั้นหนึ่ง


 


ชายหนุ่มพากันออกไปจากคลินิก


 


“นายเชื่อเขาเหรอ?” ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าถาม


 


“นายเป็นคนพาฉันมาที่นี่เองนะ แล้วนายก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น” ชายหนุ่มอีกคนพูด “หมอหนุ่มคนนี้เป็นของแท้แน่นอน อีกอย่าง ถึงพระจะหนีหาย แต่อารมก็ยังอยู่ ถ้ายาของเขาไม่ได้ผล แล้วยังเก็บเงินฉันแพงอีก คลินิกและครอบครัวของเขาก็ยังอยู่ที่นี่ ทำไมฉันจะต้องคิดมากด้วยล่ะ?”


 


“ที่นายพูดมาก็ถูก” เพื่อนของเขาพูด


 


“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันได้มาเจอกับยาราคาเป็นหมื่นแบบนี้น่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงพูด


 


อาการแปลกมาก! หวังเย้ายังคงคิดถึงเรื่องอาการของชายหนุ่มที่เพิ่งจากไป ปกติคนที่มีอาการป่วย มักจะมีการไหลเวียนของโลหิตและพลังฉีที่อ่อนแอ โดยเฉพาะคนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ชายหนุ่มคนนี้ได้เข้ารับการผ่าตัดอยู่หลายครั้ง แล้วยังมีอาการป่วยด้วย แต่น้ำหนักของเขากลับไม่ลดลงเลย มันเป็นอะไรที่แปลกมาก


 


แต่สิ่งสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกก็คือ การกำจัดเนื้องอกออกไป มีสมุนไพรรากอยู่สองชนิดที่สามารถกำจัดเนื้องอกออกไปได้ หนึ่งในนั้นคือ หญ้าหลี่ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาแผลเน่าเปื่อย ส่วนอีกชนิดหนึ่งก็คือ จื้อชาน ซึ่งสามารถกำจัดเนื้องอกได้


 


ฉันควรจะใช้ตัวไหนดี?


 


เมื่อดูจากอาการของชายหนุ่มแล้ว หวังเย้าตัดสินใจใช้จื้อชานเป็นสมุนไพรหลัก และมีสมุนไพรธรรมดาตัวอื่นเป็นส่วนเสริม


 



 


คลินิกแห่งหนึ่งในตัวเมืองเหลียนชาน


 


พันจวินกำลังนวดรักษาให้กับคนไข้สูงอายุรายหนึ่งอยู่ คนไข้สูงอายุรายนี้ มีอาการปวดเมื่อยที่ไหล่เรื่อรัง เขาทั้งกินยา ทั้งฉีดยา แต่มันก็ไม่ช่วยลดความเจ็บปวดของเขาได้เลย


 


“รู้สึกยังไงบ้างครับ?” พันจวินถาม


 


“ไม่เลวเลย” คนไข้พูด


 


เขาเป็นคนไข้ประจำของคลินิก ทุกครั้งที่เขารู้สึกไม่สบาย เป็นหวัด หรือปวดหัว เขาก็จะมารักษาที่คลินิกของพันเหมย เขาอาศัยอยู่ใกล้กับคลินิก ซึ่งมีชื่อเสียงค่อนข้างดี


 


หลังจากจบการนวดรักษาแล้ว ชายชราก็ลองขยับไหล่ของเขาเล็กน้อย


 


“หืมมม ตอนนี้ ฉันไม่รู้สึกเจ็บแล้ว หมอเก่งมากเลยนะ” ชายชราพูด


 


“ผมเพิ่งจะเรียนมาได้ไม่นานเองครับ” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“ไว้ฉันจะมาที่นี่บ่อยๆนะ แล้วเจอกัน” ชายชราพูด


 


“ได้เลยครับ” พันจวินพูด


 


ชายชราจากไปหลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว


 


“พี่คิดว่าเป็นยังไงบ้าง?” พันจวินถาม


 


“นายไปเรียนมาจากหวังเย้าเหรอ?” พันเหมยถาม


 


“ใช่ ผมเพิ่งจะเรียนแค่ขึ้นพื้นฐานไปเองนะ ไม่สิ อาจจะยังไม่ถึงขั้นพื้นฐานเลยด้วยซ้ำ” พันจวินพูด


 


“นายกลายป็นคนถ่อมตัวแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” พันเหมยล่อน้องชายของเธอ


 


“มันก็จริงนี่ ยิ่งผมได้ใช้เวลากับหมอหวังนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยล่ะ โดยเฉพาะเรื่องแพทย์แผนจีน ผมนับถือเขาจริงๆ” พันจวินพูด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)