Elixir Supplier 561-564

 561 มีผี


 


หวังเย้าไม่ได้อยู่ที่บ้านของซูเสี่ยวซวีนานนัก เพราะเธอนั้นหายดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่า เธอจะกระตือรือร้นที่จะออกไปเที่ยวนอกบ้านอย่างมาก เธอค่อนข้างให้ความสนใจคลินิกและหมู่บ้านของหวังเย้า แต่หวังเย้าไม่สะดวกจะพาเธอเที่ยวในหมู่บ้านได้


 


“เซียนเชิงสัญญาแล้วนะ ว่าฉันไปหาได้” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


เขารับปาก แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อม


 


“ช่วงนี้ คุณหนูซูออกไปเที่ยวข้างนอกบ่อยเหรอครับ?” หลังออกมาจากบ้านตระกูลซูแล้ว หวังเย้าก็ถามกับเฉินหยิง


 


“ค่ะ เธอออกไปข้างนอกอยู่บ่อยๆ” เฉินหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่า มันคงจะเป็นเหมือนกับการชดเชยที่เธอต้องนอนติดเตียงมานานหลายปี เธอไปมาแล้วหลายที่ ทั้งในปักกิ่งและเทียนจินเลยล่ะค่ะ” ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวกับซูเสี่ยวซวีอยู่หลายครั้ง


 


“นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ” หวังเย้าพูด


 


ถ้าหากเขาต้องนอนติดเตียงเป็นเวลานานหลายปี เมื่อเขาหายดี เขาก็คงจะออกเดินทางไปทั่วโลก ไม่มีทางที่เขาจะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อชื่นชมในความโชคดีที่ตัวเองรอดพ้นจากโรคร้ายมาได้


 


“เธออยากจะไปเยี่ยมหมู่บ้านและคลินิกของหมอจริงๆนะคะ” เฉินหยิงพูด


 


“ผมจะลองดูว่าพอจะทำอะไรได้บ้างนะครับ” หวังเย้าพูด


 


เขามาปักกิ่งเพื่อรักษาและทำให้เธอหายดี เขาทิ้งพลังฉีเอาไว้ในร่างกายของเธอ และยังสอนบทสวดให้เธอไปหนึ่งบท มันอาจจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิตก็เป็นได้ ถ้าเธออยากจะมาเยี่ยมเขาจริงๆ เขาก็คงจะยินดีต้อนรับเธออยู่แล้ว


 


เฉินหยิงรับน้องชายของเธอกลับมาจากโรงพยาบาลในตอนบ่าย เฉินโจวดูปกติดีทุกอย่าง เฉินหยิงเชื่อมั่นว่า หลังจากที่ได้กินยาของหวังเย้าแล้ว เฉินโจวจะสามารถมีชีวิตเป็นปกติได้เดือนหนึ่งอย่างแน่นอน


 


“ขอบคุณนะครับ หมอหวัง” เฉินโจวพูดด้วยความเคารพ ต้องขอบคุณหวังเย้าที่ทำให้เขากลับมาเป็นปกติเหมือนคนทั่วไปได้


 


“เธอควรจะขอบคุณพี่สาวของเธอมากกว่านะ” หวังเย้าพูด “ผมยังมีเรื่องต้องทำต่อ คืนนี้คงจะไม่กลับมาที่นี่นะครับ”


 


“แล้วหมอจะไปพักที่ไหนเหรอคะ?” เฉินหยิงถาม


 


“เดี๋ยวไว้หาเอาอีกทีครับ” หวังเย้าพูด “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ มันเป็นคืนที่สวยงาม ผมอยากจะออกไปเดินให้ทั่วสักหน่อยน่ะครับ”


 


ปักกิ่งเป็นเมืองใหญ่ เขาสามารถหาที่พักได้ทุกที่ที่ไป


 


เขาไม่ได้อยู่ทานอาหารเย็นที่กระท่อม และได้ออกไปเดินเล่นรอบๆปักกิ่ง ยามเย็นในปักกิ่งดูมีชีวิตชีวากว่าเวลากลางวันมาก


 


หวังเย้าเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เมื่อเวลาเริ่มดึก เขาก็เช็ดอินเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง


 


เช้าวันต่อมา หลังจากที่ได้ยินว่าหวังเย้ามาที่ปักกิ่ง เฉินโจวฉวนก็มาหาเขาที่กระท่อม “อะไรนะ? เขาไม่อยู่ที่นี่เหรอ?”


 


“ค่ะ หมอเฉิน” เฉินหยิงพูด


 


“แล้วเขาไปไหนล่ะ?” หมอเฉินถาม


 


“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ หมอหวังบอกว่า เขาอยากจะไปเดินเล่นชื่นชมช่วงเวลากลางคืนของปักกิ่งน่ะค่ะ” เฉินหยิงพูด


 


“วิวกลางคืนมีอะไรน่าดูกัน?” หมอเฉินพูด


 


เขามองเห็นเด็กหนุ่มที่มีดวงตากระจ่างใสอยู่ภายในตัวบ้าน “นั่นน้องชายของเธอเหรอ?”


 


“ค่ะ” เฉินหยิงพูด


 


“ตอนนี้ เขาไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?” หมอเฉินถาม เขารู้เรื่องอาการป่วยของเฉินโจวดี แต่ก็ไม่เคยได้ลงมือรักษาด้วยตัวเอง และเฉินหยิงก็ไม่เคยมาขอให้เขาช่วยด้วย ในเมื่อเธอไม่ขอ เขาก็ไม่คิดจะเสนอความช่วยเหลือให้ก่อน


 


“หมอหวังเป็นคนรักษาเขาค่ะ อาการของเขาเป็นปกติดีได้เกือบเดือนแล้ว” เฉินหยิงพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” หมอเฉินพูด


 


“แล้วหมอเฉินมีเรื่องอะไรกับหมอหวังเหรอคะ?” เฉินหยิงถาม


 


“ไม่มีอะไรๆ” หมอเฉินโบกมือ “ฉันแค่อยากจะมาคุยกับเขาเท่านั้น เธอกับน้องชายต้องแยกกันอยู่มานาน ฉันคงไม่อยู่รบกวนพวกเธอแล้วล่ะ”


 


“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” เฉินหยิงพูด


 


“แล้วเจอกัน” หมอเฉินโบกมือลาด้วยรอยยิ้มและเดินออกไปจากกระท่อม


 


“พี่ เขาเป็นใครเหรอ?” หลังจากที่หมอเฉินออกไปแล้ว เฉินโจวก็ถามขึ้นมา


 


“เขาเป็นหมอยาจีนจ๊ะ” เฉินหยิงพูด


 


“แล้วเขาเก่งไหม?” เฉินโจวถาม


 


“เก่งสิ เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดหมอยาจีนในปักกิ่งเลยนะ” เฉินหยิงพูด “ตอนแรก พี่ก็คิดจะไปขอให้เขามารักษาเธอ แต่พอคิดดูดีดีแล้ว พี่ก็เปลี่ยนใจไม่ไปขอ”


 


“อ่อ” เฉินโจวพูด


 


ถึงแม้ว่าเขาจะใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายปี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีสติกลับมา เขาก็มักจะศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ เขาจึงพอจะรู้ว่าเฉินโจวฉวนเป็นใคร และรู้ว่า พี่สาวทำเพื่อเขามากแค่ไหน


 


“ขอบคุณนะฮะ พี่” เฉินโจวพูดออกมาจากใจ


 


“เด็กโง่ เธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณพี่เลย ขอแค่ให้เธอหายดี พี่ยินดีที่จะทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว” เฉินหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเธอคลอไปด้วยน้ำตา


 


หวังเย้าเดินทางไปที่บ้านตระกูลหวู


 


“เอายาให้เขากินต่อไปนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ได้ครับ” หวูถงหรงพูด


 


หลังชายชรากินยาเข้าไปแล้ว หวังเย้าก็ทำการฝังเข็มให้กับเขา เขาทำการฝังเข็มไปยังจุดเดิมเหมือนครั้งก่อน และรักษาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน


 


หวังเย้าพยายามที่จะยืดชีวิตของชายชราโดยการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายของเขา และซ่อมแซมอวัยวะภายในที่เสียหาย แต่เขาก็ไม่ใช่พระเจ้า ณ ตอนนี้ เขายังไม่สามารถทำยาที่สามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้


 


ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือความชรา ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับฟืนที่กำลังลุกไหม้ เปลวไฟจะค่อยๆดับไป โรคภัยและความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ ถ้าชายชราอายุน้อยกว่านี้ สุขภาพร่างกายของเขาก็จะดีกว่าด้วย แล้วหวังเย้าก็จะสามารถใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์แรงและมีประสิทธิภาพสูงกว่ากับเขาได้ ในตอนนี้ หวังเย้าสามารถใช้ได้แค้สมุนไพรที่มีฤทธิ์อ่อนและรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น ชายชราก็จะไม่สามารถทนรับการรักษาได้


 


หวังเย้าไม่รู้ว่า ชายชราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่และพลังใจของชายชราเอง


 


หลังรักษาเสร็จแล้ว หวังเย้าก็คุยกับหวูถงหรงเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไป


 


แค่ก! แค่ก! อยู่ๆชายชราก็ไอออกมา


 


แพทย์ประจำตระกูลรีบเข้าไปดูอาการของชายชราในทันที


 


“ถงชิ่ง” ชายชราเรียก


 


“ครับพ่อ” หวูถงชิ่งพูด


 


“พี่ชายของลูกอยู่ไหน?” ชายชราถาม


 


“เขายังไม่กลับมาเลยครับ” หวูถงชิ่งพูด


 


“ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ ให้พาเขามาหาพ่อด้วย พ่อมีเรื่องอยากจะพูดกับพวกลูกทุกคน” ชายชราพูด


 


“ได้ครับ ตอนนี้ พ่อนอนพักก่อนดีไหมครับ?” หวูถงชิ่งพูด


 


“อืม” ชายชราพูด


 


ชายชรานอนลงพร้อมกับดวงตาที่ยังคงเบิกกว้าง เขารู้สึกได้ว่า เขาจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะหวังเย้า เขาก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้ เขาไม่ได้หวาดกลัวความตาย เพราะในที่สุด เขาก็จะได้ไปพบหน้าภรรยาของเขาที่จากไปนานแล้ว รวมถึงผู้อาวุโส, และเพื่อนเก่าอีกหลายคนที่ไปก่อนเขานานแล้ว แต่เขายังมีเรื่องที่ต้องคุยกับลูกๆของเขาก่อนที่เขาจะไป เขายังคงเป็นห่วงพวกเขาอยู่


 


หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ หวังเย้าก็ไปที่หอสักการะฟ้าเทียนถัน เขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ เคยถูกใช้สำหรับทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในช่วงของราชวงศ์หมิงและชิง


 


ในช่วงบ่าย มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมที่นี่เป็นจำนวนมาก หวังเย้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานมาก เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังของหอสักการะฟ้าเทียนถันที่ต่างไปจากเดิม เขาพบว่ามันยากที่จะอธิบายออกมาได้


 


บางทีอาจจะเป็นเพราะเขายืนอยู่ตรงจุดนี้นานเกินไป หรือท่าทางของเขาอาจจะดูแตกต่างไปจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จึงทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา


 


“นี่ ดูนั่นสิ” นักท่องเที่ยวคนหนึ่งพูด “ผู้ชายคนนั้นไปยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ?”


 


“เขาอาจจะกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้ นายก็รู้ ว่าที่นี่เคยเป็นสถานที่สักการบูชามาก่อน” นักท่องเที่ยวอีกคนพูด


 


“ครั้งก่อนที่มา ฉันก็เคยเห็นคนทำแบบผู้ชายคนนั้นเหมือนกัน” นักท่องเที่ยวที่ดูอายุน้อยพูดขึ้นมา “แล้วรู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาน่ะ?”


 


“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” นักท่องเที่ยวอีกคนถาม


 


“เขาก็ถูกส่งไปโรงพยาบาลน่ะสิ” นักท่องเที่ยวที่อายุน้อยกว่าพูด


 


“ไร้สาระ” นักท่องเที่ยวอีกคนพูด


 


หวังเย้าค่อยๆลืมตาและมองไปรอบๆ เขาไม่สามารถทำเรื่องบางอย่างต่อหน้าคนจำนวนมากได้


 


น่าเสียดายที่ตรงนี้มีคนเยอะเกินไป


 


ไม่นานเขาก็จากไป


 


“เขาไปแล้วเหรอ?” นักท่องเที่ยวหนุ่มถาม


 


“อืม ฉันเดาว่า เขาน่าจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว” นักท่องเที่ยวอีกคนพูด


 


หวังเย้าเดินต่อไปที่หอสักการะดินตี้ถัน พลังของที่นี่ต่างไปจากที่อื่นๆ รวมถึงหอสักการะฟ้าเทียนถันด้วย ที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก หวังเย้าหาจุดเพื่อยืนนิ่งและหลับตาลงเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะจากไป


 


เวลาเริ่มเย็นลงแล้ว หวังเย้าหาอาหารง่ายๆทานในร้านเก่าแก่ร้านหนึ่ง


 


ค่ำคืนในปักกิ่งเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ประตูหอสักการะฟ้าเทียนถันก็ยังไม่ปิด ตัวหอยังคงตั้งตระหง่านอยู่อย่างเงียบเชียบ คล้ายกับชายชราที่สั่งสมประสบการณ์มานับพันปี มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ


 


อยู่ๆก็มีคนเดินเข้าไปด้านใน เขายืนนิ่งอยู่ใต้ท้องฟ้า และแน่นอนว่าเขาก็คือ หวังเย้า ไม่มีใครเดินไปเดินมาในบริเวณนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานที่แห่งนี้


 


หวังเย้ายืนนิ่งเพื่อรับพลังฟ้าดินจากพื้นที่โดยรอบ


 


วู้ววว! สายลมพัดผ่านตัวเขาไป เขาหายใจเข้าและหายใจออก


 


แกร๊ก!


 


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินมาพร้อมกับถือไฟฉ่ายเอาไว้ในมือ


 


“แปลกจริงๆ! ฉันสาบานได้เลยว่าฉันเห็นคนยืนอยู่ที่นี่!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถือไฟฉ่ายด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างของเขากำด้ามช๊อตไฟฟ้าเอาไว้ ร่างกายของเขาดูสั่นเทาเล็กน้อย


 


เขามั่นใจว่า เขาเห็นคนยืนอยู่บนห้อสักการะ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขากลับไม่เห็นใครเลย


 


“หรือว่าฉันจะเจอผีเข้าให้แล้ว?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูด


 


ผี! เขาตัวสั่นเทาด้วยความกลัว สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์หมิงเพื่อใช้สื่อสารกับเทพและภูติผี


562 เขาคือเทพเจ้า


 


เขาทำงานอยู่ที่หอสักการะฟ้าเทียนถันมานานหลายปี และได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาแล้วหลายเรื่อง เรื่องราวของพระราชวังต้องห้ามคือเรื่องที่ได้รับความสนใจมากที่สุด


 


บางคนพูดว่า เขาเห็นเงาอยู่บนกำแพงในคืนวันฝนตก อีกคนพูดว่า เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากพระราชวังในตอนกลางคืน มีเรื่องราวมากมายถูกเล่าต่อๆกันมา รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหอสักการะแห่งนี้ด้วย


 


“ฉันต้องตาฝาดไปเองแน่ๆ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินกลับไปพร้อมกับไฟฉายในมือ ระหว่างที่เดินไป เขาก็เผลอหันกลับไปมองที่ด้านหลังครั้งหนึ่ง


 


โอ้พระเจ้า! เขาอยู่ในอาการตกตะลึง มีชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดหอสักการะฟ้าเทียนถัน เขาถูกล้อมรอบไปด้วยแสงจันทร์ ทั่วทั้งร่างกายของเขาส่องเป็นประกาย ดูราวกับเทพพระเจ้า


 


(我的天啊!Wǒ de tiān a คำอุทานของคนจีน ที่คล้ายกับ โอ้มายก๊อด หรือโอ้มายบุดดา)


 


ตุบ!


 


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุกเข่าลงและพูดว่า “อามิตาพุทธ อามิตาพุทธ!”


 


หวังเย้าที่กำลังยืนอยู่บนยอดหอสักการะเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่แสนวิเศษ พลังในบริเวณนี้มีอยู่ทั่วไปหมด เขารู้สึกว่า ตัวเขาสามารถเอื้อมไปถึงท้องฟ้าได้จากจุดนี้ เขามีความสุขอยู่กับการได้อาบแสงจันทร์และแสงดาว เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้


 


อยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริง


 


น่าเสียดายจริงๆ! หวังเย้าถอนหายใจออกมา


 


เขามองตามเสียงไปและเห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่า พร้อมกับไฟฉ่ายที่หล่นอยู่บนพื้น


 


“ฉันคงจะทำให้เขากลัวมาแน่ๆ” หวังเย้าพูด


 


เขากระโดดไปยังอีกฝั่งหนึ่งของหอสักการะ


 


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าหรือลุกขึ้นยืน เมื่อในที่สุดที่เขาตัดสินใจลุกขึ้นและมองไปรอบๆ ร่างที่อยู่บนยอดหอสักการะก็ได้หายไปแล้ว


 


ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนมาสูง แต่เขาก็คุ้นเคยกับหอสักการะแห่งนี้ดี เขารู้ความสูงของที่นี่ ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ 38 เมตร ไม่มีใครสามารถขึ้นไปบนนั้นโดยไม่ใช่อุปกรณ์ช่วยเหลือได้ นอกจากว่า คนคนนั้นจะไม่ใช่มนุษย์


 


เขาเป็นตัวอะไรกันแน่? เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเพราะความกลัว


 


หลังออกมาจากหอสักการะฟ้าแล้ว หวังเย้าก็ยังไม่ได้กลับไปที่โรงแรมในทันที แต่เขากลับตรงไปที่หอสักการะดินตี้ถันต่อ เขาต้องการตามหาความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้ในตอนนั้นอีกครั้ง แต่เขาก็ล้มเหลว


 


น่าเสียดาย!


 


เขารู้ดีว่า ทั้งหมดคือโอกาสในครั้งนี้ ทำให้เขาสามารถเข้าถึงส่วนลึกของโลกได้ ครั้งก่อนที่อยู่บนกำแพงเมืองจีน เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของจักรวาล ในครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหน ที่จะทำให้เขาสามารถเข้าถึงจักรวาลได้อีกครั้ง


 


ได้เวลาไปแล้ว


 


เขากลับไปที่โรงแรม มันเป็นค่ำคืนมีสงบสุข


 


วันต่อมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกะกลางคืนที่หอสักการะฟ้าเทียนถันได้มาลาออกจากงาน


 


“ทำไมล่ะ?” หัวหน้าของเขาถาม เขาต้องการเก็บลูกน้องที่ซื่อสัตย์แบบเขาเอาไว้


 


“เมื่อคืนผมเห็น ไม่เทพเจ้าก็ผีนี่แหละครับ” เขาพูด


 


ไม่ว่าเขาจะเห็นอะไรก็ตาม เขาก็ไม่คิดจะทำงานที่นี่ต่อไปอีกแล้ว เขาไม่อยากจะทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่


 


หวังเย้าเดินทางไปที่บ้านตระกูลหวูเพื่อให้การรักษาชายชราเหมือนกับทุกครั้ง


 


“ผมทำเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว ผมจะกลับบ่ายวันนี้แล้วนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ครับ” หวูถงชิ่งไม่ได้พูดอะไรมาก


 


“หมอจะไม่ไปบอกลาคุณหนูซูสักหน่อยเหรอคะ?” หลังจากที่ได้ยินว่า หวังเย้าจะกลับแล้ว เฉินหยิงจึงถามเขาเรื่องนี้


 


“ไม่จำเป็นหรอกครับ” หวังเย้าพูด


 


“ฉันคิดว่า เธอคงจะเสียใจมากที่ไม่ได้บอกลาคุณนะคะ” เฉินหยิงพูด


 


เที่ยวบินของหวังเย้าคือตอนบ่าย เฉินหยิงและเฉินโจวเป็นคนไปส่งเขาขึ้นเครื่องกลับ


 


ทันทีที่เครื่องบินบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ก็มีใครคนหนึ่งมาที่กระท่อมที่หวังเย้าเคยพัก และเธอก็คือ ซูเสี่ยวซววี


 


“ไม่มีใครอยู่เหรอ?” เธอรู้สึกผิดหวังที่พบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้


 


“ฉันน่าจะโทรไปถามพี่เฉินหยิงก่อน


 


“เห็นไหม? ผิดจากที่ฉันพูดเมื่อไหร่ล่ะ?” เฉินหยิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเบอร์ของซูเสี่ยวซวีบนหน้าจอมือถือของเธอ


 


“อะไรนะคะ? หมอหวังกลับไปแล้วเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?” ตามคาด ซูเสี่ยวซวีรู้สึกผิดหวังอย่างมาก


 


“เมื่อกี้นี้เองค่ะ” เฉินหยิงพูด


 


“ทำไมเขาไม่บอกฉันเลย ว่าเขาจะกลับวันนี้น่ะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“หมอหวังบอกฉันไม่ให้บอกใครค่ะ เขาไม่อยากรบกวนเวลาของคนอื่น ขอโทษด้วยนะคะ” เฉินหยิงพูด


 


“ไม่เป็นไรค่ะ” ซูเสี่ยวซวีวางสายไป


 


“คุณหนูซูอยากจะไปที่ไหนคะ?” เมดวัยประมาณ 40ถาม


 


“ไม่ไปที่ไหนแล้วค่ะ หนูอยากกลับบ้าน” อยู่ๆเธอก็หมดความสนใจที่จะทำเรื่องต่างๆขึ้นมาดื้อๆ


 


“ได้ค่ะ” เมดพูด


 


ระหว่างทางกลับบ้าน พวกเขาก็บังเอิญเจอกับชายหนุ่มที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว


 


“เสี่ยวซวี ผมมาเยี่ยมเธอที่บ้านน่ะ” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอไปไหนมาเหรอ?”


 


“แค่ออกเดินเล่นมาน่ะ” ซูเสี่ยวซวีไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยกับกั๋วเจิ้งเหอ แล้วเธอก็ไม่ได้ชอบเขาด้วย


 


ทำไมหมอหวังถึงไม่มาบอกลาฉันนะ? หรือจะเป็นเพราะเขารำคาญฉันกัน? เธอหยุดคิดเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เลย


 


เมื่อเห็นว่า ซูเสี่ยวซวีกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ กั๋วเจิ้งเหอจึงไม่ชวนเธอคุยต่อ และเพียงแค่เดินไปส่งเธอที่บ้านเท่านั้น


 


“เจิ้งเหอ?” ซงรุ่ยปิงรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขา


 


ชายหนุ่มมีความแน่วแน่อย่างมาก เขามาที่นี่อยู่บ่อยๆ!


 


กั๋วเจิ้งเหอไม่คิดที่จะปิดบังความสนใจที่เขามีต่อซูเสี่ยวซวีเลยสักนิด


 


“คุณแม่คะ หนูเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักที่ห้องก่อนนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“ได้จ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด


 


“ดูและตัวเองดีดีล่ะ” กั๋วเจิ้งเหอพูด


 


ซูเสี่ยวซวีไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อคุยกับกั๋วเจิ้งเหอ ที่มักจะมาหาเธออยู่บ่อยๆ เธอกลับไปที่ห้องและนั่งนิ่งๆอยู่ข้างหน้าต่าง


 


กั๋วเจิ้งเหอไม่ได้อยู่นานนัก


 


“เด็กคนนั้นเปลี่ยนไปแล้วสินะ” ซงรุ่ยปิงพูด


 


หลังจากที่กั๋วเจิ้งเหอกลับไปแล้ว ซงรุ่ยปิงก็ถามคำถามกับเมด “เสี่ยวซวีเป็นอะไรไปเหรอ?”


 


“หมอหวังกลับไปแล้วค่ะ” เมดพูด


 


“แล้วเฉินหยิงล่ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม


 


“เธอเป็นคนไปส่งหมอหวังที่สนามบินค่ะ” เมดพูด


 


ซงรุ่ยปิงพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”


 


เธอไปหาลูกสาวของเธอที่ห้อง และพบว่า ซูเสี่ยวซวีกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่าง


 


“คุณแม่?” เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงหันกลับไปมอง


 


ซงรุ่ยปิงนั่งลงข้างๆลูกสาวของเธอและถามอย่างอ่อนโยนว่า “ลูกคิดอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?”


 


“คุณแม่คิดว่า หนูน่ารำคาญไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม


 


“ไม่แน่นอนจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงรีบตอบทันที “ลูกสาวของแม่ทั้งนิสัยดีและน่ารักเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ทุกคนต่างก็ชอบลูกกันทั้งนั้น บนโลกใบนี้ ไม่มีทางที่จะมีคนรำคาญลูกได้หรอกจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“แต่หนูไม่คิดแบบนั้นนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“ลูกอยากจะออกไปเที่ยวนอกปักกิ่งไหมจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม


 


เธอรู้ว่าลูกสาวของเธออยากออกไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ และเธอก็มีความสุขที่ได้พาลูกสาวของเธอไปในแต่ละที่ เพราะซูเสี่ยวซวีต้องนอนอยู่แต่บนเตียงมานานหลายปี โชคดีมากแค่ไหนแล้ว ที่จิตใจของเธอไม่แตกสลายไปเสียก่อน


 


ซงรุ่ยปิงได้ปรึกษาเรื่องลูกสาวของเธอกับจิตแพทย์ดูแล้ว จิตแพทย์ได้บอกกับเธอว่า มันเป็นเรื่องปกติที่อารมณ์ของซูเสี่ยวซวีจะขึ้นๆลงๆ หลังจากที่เธอต้องทรมานจากโรคร้ายมานานหลายปี มันถือว่าน่าอัศจรรย์มากแล้ว ที่ซูเสี่ยวซวีไม่ได้เป็นบ้าไป หลังจากที่เธอต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในครั้งนั้น แล้วจิตใจของเธอก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง


 


ซงรุ่ยปิงเชื่อว่า การได้ออกไปท่องเที่ยวและพบปะผู้คนมากมาย คือเรื่องที่ดีสำหรับซูเสี่ยวซวี


 


“ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“แล้วลูกอยากไปที่ไหนล่ะจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม “แม่จะไปกับลูกเอง”


 


“หนูอยากจะไปภูเขาซานชิง, ภูเขาหลงหู่, กับทิวเขาอู่ตังค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด


 


“หา?” ซงรุ่ยปิงรู้สึกประหลาดใจ


 


ทั้งสามสถานที่ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับลัทธิเต๋า ความจริงแล้ว สถานที่ที่ซูเสี่ยวซวีอยากไปมากที่สุดก็คือ หมู่บ้านที่หวังเย้าอยู่ มันอาจจะเป็นเพราะเธออ่านคัมภัร์เต๋าเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เธอเลือกจุดหมายลำดับที่สองที่เธออยากจะไปมากที่สุดแทน


 


“ได้จ๊ะ แม่จะไปกับลูกเองนะ” ซงรุ่ยปิงพูดด้วยรอยยิ้ม


 


หวังเย้าเดินทางมาถึงห่ายชิวในคืนวันนั้น เขามีสายไม่ได้รับอยู่สองสามสาย และทั้งหมดก็คือสายจากศาสตราจารย์ลู่ หวังเย้าจึงโทรกลับไปหาเขา


 


ศาสตราจารย์ลู่รู้สึกกังวลมาก เพราะว่าอาการของเวินหวานทรุดลงอย่างรวดเร็ว


 


“เธอยังดูและแม่ของเธออยู่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


เขารู้สึกกังวลอย่างมาก เขาและพี่น้องของเวินหว่านต่างก็พยายามพูดหว่านล้อม เพื่อให้เธอเลิกดูแลแม่ของเธอ แต่เธอก็ไม่ฟังใครเลย เธอดึงดันที่จะดูแลแม่ที่ป่วยหนักของเธอต่อ แม้แต่คนปกติที่ต้องดูแลคนป่วยก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนที่กำลังป่วยหนักอย่างเธอเลย


 


“เธอได้กินเม็ดยาจิ่วเฉาไปรึยังครับ?” หวังเย้าถาม


 


“เธอกินยาหมดไปแล้ว” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


เดิมที เม็ดยาจิ่วเฉาช่วยพยุงอาการของเวินหว่านได้ดีมาก แต่แล้วศาสตราจารย์ลู่ก็พบว่า อาการของเธอแย่ลงในทุกๆวัน เขาทั้งกังวลและโมโหเธอมาก


 


“เธออยากจะตายก่อนแม่ของเธอใช่ไหม? เธออยากจะให้แม่เห็นเธอตายไปต่อหน้าอย่างนั้นเหรอ?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม


 


พี่น้องของเวินหว่านก็โมโหเธอมากเช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียคนในครอบครัวไปพร้อมๆกันถึงสองคน เวินหว่านจึงค่อยๆยอมใจอ่อนและเข้ารับการรักษา แต่ทันทีที่เธอไปถึงโรงพยาบาล อาหารของเธอก็ทรุดลงในทันที


563 ผมไม่ใช่พระพุทธเจ้า


 


“ตอนนี้ อาการเธอแย่ยิ่งกว่าแม่ของเธอซะอีก” หมอพูด “คนป่วยแบบเธอไม่ควรไปดูแลคนป่วยอีกคน เธอจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดีซะก่อน แล้วถึงจะไปดูแลคนอื่นได้ จริงไหมครับ?”


 


คนในครอบครัวของเวินหว่าน พยายามขอร้องให้เธอกลับไปพักที่บ้าน ทันทีที่เธอกลับไปถึงบ้าน เธอก็รู้สึกไม่สบายและนอนหมดแรงอยู่บนเตียง ในตอนที่ดูแลแม่ของเธอที่โรงพยาบาล เป็นเพราะความมุ่งมั่นที่ทำให้เธอไม่ทรุดลงไปก่อน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ความมุ่งมั่นก็ได้หายไปด้วย เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ไม่นานหลังจากกลับมาบ้าน เธอก็ต้องถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล


 


เป็นเรื่องบังเอิญที่หมอนั้นรู้จักเธอ เขาพบว่า เรื่องทั้งหมดมันดูแปลกพิลึก


 


“จะให้ผมพูดกับเธอยังไงดีล่ะ?” หมอถาม


 


เวินหว่านป่วยหนักมาก เธอจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน อาการของเธอเหมือนกับที่หมอได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ มันคล้ายกับดินภูเขาที่ทรุดตัวลง มันทั้งดุดันและกะทันหัน ทันทีที่เธอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เธอก็ถูกส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉินในทันที เธออยู่ในอาการโคม่าแล้ว


 


หลังจากที่ได้ข่าวของเวินหว่าน ศาสตราจารย์ลู่ก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก เขาจึงรีบโทรไปหาหวังเย้าในทันที แต่ในขณะนั้น หวังเย้ายังคงอยู่บนเครื่องบินอยู่ ศาสตราจารย์ลู่จึงไม่สามารถติดต่อหวังเย้าได้ และเมื่อศาสตราจารย์ลู่ได้รับสายจากหวังเย้า ความกังวลของเขาก็ค่อยๆลดลงไป


 


“หมอช่วยมาดูอาการของเธอหน่อยได้ไหมครับ?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม


 


“ผมต้องขอโทษด้วยครับ” หวังเย้าพูด


 


แม้แต่ความเมตตาจากพระพุทธเจ้าก็ไม่อาจจะเรียกหาได้ แล้วหวังเย้าก็ได้เตือนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เธอก็ไม่ฟัง ดังนั้น เธอก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง


 


“เอ่อ…” ศาสตราจารย์ลู่รู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง อาการของเวินหว่านอยู่ในจุดที่สามารถจากไปได้ทุกเมื่อ “ได้โปรดเถอะ! ผมขอร้องล่ะ!”


 


“ผมขอโทษด้วยจริงๆ” หวังเยาพูด


 


ถึงแม้ศาสตราจารย์ลู่จะเป็นเพื่อนของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเวินหว่านไปมากกว่านี้แล้ว


 


“แล้วผมจะทำยังไงดี?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม


 


“พาเธอไปโรงพยาบาล ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายแล้วนะครับ” หวังเย้ากดวางสาย


 


การที่เธอคอยดูแลแม่ที่ป่วยทั้งๆที่เธอก็ป่วยอยู่เช่นกัน มันดูเหมือนว่าเธอจะเป็นลูกสาวที่กตัญญูอย่างมาก แต่นั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลยสักนิด เวินหว่านพยายามดูแลแม่ของเธออย่างสุดความสามารถ แต่เธอไม่คิดบ้างเลยว่า แม่ของเธอจะรู้สึกยังไงหากเธอตายก่อนเป็นคนแรก แม่ของเธอจะทนรับเรื่องนี้ได้เหรอ? แล้วถ้าหากเธอเกิดเสียใจจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปขึ้นมาล่ะ?


 


หวังเย้าไม่ได้รีบร้อนกลับบ้าน เขาพักอยู่ที่ห่ายชิวก่อน และกลับบ้านในเช้าของอีกวัน


 


เมื่อเขาไปถึงที่หมู่บ้าน ก็เห็นว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งกำลังคุยอยู่กับพ่อแม่ของเขา


 


“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้วครับ” หวังเย้าพูด “สวัสดีครับ คุณลุง”


 


“สวัสดี เสี่ยวเย้า”


 


“ไปพักสักหน่อยสิจ๊ะ ลูกคงจะเหนื่อยมากแล้ว” จางซิวหยิงพูดด้วยความเป็นห่วง


 


“ผมยังสบายดีครับ ผมมาถึงห่ายชิวตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็นอนค้างที่นั่นด้วย” หวังเย้าพูด


 


“เสี่ยวเย้า เธอไปต่างจังหวัดมาเหรอ?” ชายชาวบ้านถามเขาด้วยรอยยิ้ม


 


“ครับ ผมเพิ่งไปต่างจังหวัดมา ถ้าอย่างนั้นผมไม่อยู่รบกวนทุกคนแล้วนะครับ” หวังเย้าเดินเข้าไปในห้องของเขา


 


“จะเอาเท่าไหร่เหรอ?” หวังเฟิงฮวาถาม


 


“สามหมื่น” ชายชาวบ้านพูด


 


“ได้ แต่ต้องรอพรุ่งนี้ก่อนนะ” หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง หวังเฟิงฮวาก็พูดออกมา


 


“อ้อ ขอบคุณมากๆ” ชายชาวบ้านพูด


 


ยืมเงินงั้นเหรอ? หวังเย้าบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเข้า


 


หลังจากอยู่คุยกับพ่อแม่ของเขาได้อีกสักพัก ชายชาวบ้านก็กลับไป


 


“พ่อ เขามายืมเงินพ่อเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่ ลูกชายของเขามีกิจการของตัวเอง แล้วพวกเขาต้องการเงินด่วนน่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“มีกิจการของตัวเองเหรอ?” หวังเย้าจำได้ลางๆว่า หวังหมิงเปาเคยอพูดกับเขาว่า ลูกชายของคุณลุงคนเมื่อกี้ทำงานอยู่ในโรงงาน เขาไม่รู้เลยว่า ชายหนุ่มไปเปิดกิจการของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่


 


มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อเอาเงินให้คนอื่นยืม แต่มันยากมากกว่าที่จะได้เงินก้อนนั้นคืนมา


 


ถึงหวังเย้าจะมีเงิน แต่เขาก็ไม่คิดจะให้ใครยืมง่ายๆ นอกจากว่าคนคนนั้นจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจถือเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะทำให้คนที่ยืมต้องเสียใจ และเขาก็ไม่อยากจะทำเรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้นด้วย


 


“พ่อ แม่ ผมไม่อยากจะพูดอะไรไม่ดีหรอกนะครับ แต่ในอนาคตพยายามอย่าให้ใครยืมเงินเลยนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“เราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ถ้าเขาสามารถจัดการปัญหานี้ได้เอง เขาก็คงไม่มาคุกเข่าขอยืมเงินหรอก” หวังเฟิงฮวาพูด


 


หวังเย้าไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้ดีว่า พ่อแม่ของเขาเป็นคนใจอ่อนเกินไป


 


“แล้วไปปักกิ่งคราวนี้ เป็นยังไงบ้างล่ะ?” หวังเฟิงฮวาถาม


 


“ก็ดีครับ” หวังเย้าพูด


 


“ตอนที่ลูกไม่อยู่ มีคนมาที่คลินิกตั้งหลายคน” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“พวกเขาพากันมาที่นี่รึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ไม่มี” หวังเฟิงฮวาพูด


 


“ก็ดีครับ” หวังเย้าไม่ต้องการให้คนไข้ของเขามารบกวนชีวิตที่สงบสุขของพ่อแม่เขา “ไว้บ่ายนี้ ผมค่อยเข้าไปที่คลินิก”


 


เขาไปที่คลินิกหลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ในตอนบ่าย มีคนไข้มาหาเขาหกคน


 


หนึ่งในพวกเขามาด้วยอาการปวดศีรษะ อีกคนมาด้วยอาการปวดขา ส่วนอีกคนก็มาด้วยอาการอ่อนเพลีย โรคเหล่านี้สามารถรักษาได้ไม่ยาก


 


“ดูเหมือนคุณจะปวดหัวมาได้ซักพักแล้วนี่ครับ” หวังเย้าพูด “คุณเริ่มมีอาการมาตั้งแต่วันที่สองของตรุษจีนแล้วใช่ไหมครับ?”


 


“หมอพูดถูกแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ แต่ยิ่งนานมันก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ” ชายวัยประมาณ 30 พูด


 


“งั้นเชิญนั่งก่อนเลยครับ” หวังเย้าพูด


 


เขาหยิบเข็มออกมาสามเล่ม และแทงเข็มลงไปที่จุดฝังเข็มสามจุดในบริเวณศีรษะของชายคนนั้น จากนั้น หวังเย้าก็นวดศีรษะให้กับเขา


 


“ตอนนี้ คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม หลังการรักษาจบแล้ว


 


“โอ้ ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะ! แล้วก็ไม่ปวดหัวอีกแล้วด้วย” ชายคนนั้นพูดด้วยความประหลาดใจ “แล้วผมยังรู้สึกอุ่นๆอยู่ในหัวอีกด้วย หมอ ที่ผมปวดหัว มันเป็นเพราะอะไรเหรอ?”


 


“ในวันที่สองของตรุษจีน คุณได้ไปที่หลุมศพมารึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ไปครับ” ชายคนนั้นพูด


 


ตามธรรมเนียมของคนในท้องถิ่น พวกเขามักจะไปเคารพหลุมศพของบรรพบุรุษในวันที่สองของตรุษจีน แต่ละที่จะต่างกันก็แค่พิธีการบางอย่างเท่านั้น เหมือนอย่างที่คนสมัยก่อนพูดเอาไว้ว่า ต่างที่ต่างประเพณี


 


“แล้ววันนั้น อากาศก็เย็นมากด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ใช่ วันนั้นที่หลุมศพมีลมพัดแรงมาก แล้วผมก็ลืมใส่หมวกไปด้วย มันหนาวมากเลยล่ะ” ชายคนนั้นพูด


 


“หลังกลับมาจากที่นั่น คุณได้ดื่มเหล้าเข้าไปด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


หลังจากที่ไปเคารพหลุมศพของบรรพบุรุษแล้ว ชาวบ้านมักจะชอบตั้งวงดื่มเหล้ากันเสมอ แล้วมันยังอยู่ในช่วงของเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย ดังนั้น ผู้คนจึงดื่มกันเต็มที่ ตรุษจีนคือช่วงเวลาที่ญาติมิตรได้มารวมตัวกัน การดื่มมากอีกสักหน่อยถือเป็นเรื่องธรรมดาและค่อยนอนพักในตอนกลางวันแทน


 


“ใช่ วันนั้นผมดื่มไปมากกว่าสามแก้วเลยล่ะ” ชายคนนั้นพูด


 


“ผมเดาว่า คุณไม่ได้แค่ดื่มวันนั้นแค่วันเดียวด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม


 


ชายคนนี้มีปัญหาทั้งในกระเพาะและตับของเขา อาการของเขาดูแย่มาก ใบหน้าของเขาออกเหลืองเล็กน้อย หวังเย้าสามารถได้กลิ่นของแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขาอย่างชัดเจน เขาค่อนข้างแน่ใจว่า ชายคนนี้ดื่มมาเมื่อคืน และเขาอาจจะติดเหล้าด้วย


 


“ถูกแล้วล่ะหมอ คุณก็เห็น ผมไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นเลย นอกจากดื่มเหล้า” ชายคนนั้นพูด “แล้วดื่มเหล้ามันเกี่ยวกับอาการปวดหัวของผมยังไงเหรอ?”


 


“ตอนที่คุณไปไหว้หลุมศพเป็นช่วงที่ลมแรงมาก มันก็เลยทำให้คุณเป็นหวัด หลังจากนั้น คุณก็ดื่มเหล้าติดต่อกันหลายวัน แอลกอฮอล์เลยเข้าไปทำลายกระเพาะและตับของคุณ แล้วมันยังส่งผลถึงสมองของคุณด้วย อาการของคุณสะสมมานานกว่า 10 วัน ดังนั้น อาการปวดหัวของคุณก็เลยยิ่งแย่ลงไปอีก” หวังเย้าพูด


 


“ผมเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเข้าเค้าอยู่นะ” ชายคนนั้นพูด


 


“ผมเดาว่า คุณคงจะไม่ใช่แค่ปวดหัวอย่างเดียวด้วยใช่ไหมครับ คุณยังเจ็บตรงนี้ด้วยใช่ไหม?” หวังเย้าชี้ไปที่อกด้านขวาของชายคนนั้น


 


“ใช่ มันเจ็บเป็นพักๆน่ะ” ชายคนนั้นตอบ “มันเป็นเพราะอะไรเหรอหมอ?”


 


“เพราะคุณดื่มเหล้ามากเกินไป มันเลยส่งผลถึงตับของคุณด้วยยังไงล่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


ชายคนนี้อยู่ในช่วงอายุประมาณ 30 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เขาควรที่จะมีสุขภาพดีและแข็งแรง ถ้าหากเขาดูแลตัวเองดีดี แล้วทานอาหารที่ดีและมีพฤติกรรมที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ เขาก็จะสามารถคงความแข็งแรงของร่างกายเอาไว้ได้ในระยะยาว แต่คนจำนวนมากกลับไม่สามารถทำได้จากหลายสาเหตุ เช่น การทำงาน พวกเขาสูบบุหรี่, ดื่มเหล้า, นอนดึก, หรือมีเซ็กส์มากเกินไป พวกเขาคิดว่า ตัวเองแข็งแรงพอที่จะทำอะไรตามใจชอบได้ สุดท้ายแล้ว สุขภาพของพวกเขาก็เริ่มแย่ลง พวกเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย เป็นหวัดง่ายขึ้น หรือปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุและที่มาที่ไปของมัน


 


“แล้วผมต้องทำยังไงดี? หมอช่วยจ่ายยาให้ผมได้ไหม?” ชายคนนั้นถามขึ้นมาด้วยความกังวล


 


“ยาเหรอ?” หวังเย้ายิ้ม “อันดับแรก คือคุณต้องหยุดดื่มเหล้าให้ได้ก่อน”


 


ถ้าหากเขายังไม่หยุดดื่ม ก็ไม่มียาตัวไหนที่จะช่วยเขาได้


 


“ผมจะทำใหได้” ชายคนนั้นรีบพูด


 


“แต่คุณเพิ่งดื่มไปเมื่อคืนนี้เองนะ” หวังเย้าพูด


 


“เอ่อ แค่นิดหน่อยเอง” ชายคนนั้นพูด


 


“นิดหน่อยเหรอ? แล้วทำไมกลิ่นเหล้าตามตัวคุณถึงได้แรงขนาดนี้ล่ะ?” หวังเย้าถาม “ช่างเถอะ กลับบ้านได้เลยนะ คนต่อไป!”


 


หลังจากจ่ายค่ารักษาเสร็จ ชายคนนั้นก็ออกไปจากคลินิก


 


คนไข้คนต่อมาเป็นชายชราวัยประมาณ 70 มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนวัยนี้ที่จะมีอาการปวดขา


 


“คุณลุงยังปีนเขาอยู่บ่อยๆไหมครับ?” หวังเย้าถาม เขามองดูมือที่หยาบกระด้างของชายชรา “อาการปวดเกิดจากร่างกายที่เสื่อมโทรมลง ผมจะจ่ายยาให้คุณลุงไป แล้วคุณลุงก็ต้องพักผ่อนบ้างนะครับ”


 


“ได้ๆ ขอบคุณนะ” ชายชราพูด


 


หวังเย้าเขียนสูตรยาลงไป มันมีส่วนผสมของหงฮวา, โท้วกู่เฉา, กานเฉา, ตังกุย, ตู๊อีเว่ย


 


“เอาสมุนไพรพวกนี้ไปต้มนะครับ คุณลุงสามารถดื่มยา แล้วก็เอาสมุนไพรพวกนี้ไปโป๊ะขาของคุณลุงได้ด้วย” หวังเย้าพูด


 


“ได้ ขอบคุณมาก” ชายชราพูด


 


“พยายามอย่าให้เขาทำอะไรที่มันหนักเกินไปนะครับ” หวังเย้าพูดกับผู้หญิงที่มาด้วยกันกับชายชรา


 


ร่างกายของมนุษย์เป็นเหมือนกับเครื่องจักร เมื่อเครื่องจักรทำงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายสิบปี โดยที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ปัญหาก็จะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากไม่ทำการซ่อมแซม มันก็จะหยุดการทำงานลงในวันหนึ่ง


564 แอลกอฮอล์ไม่ดีต่อสุขภาพ


 


หวังเย้าตะโกนเรียก “คนต่อไป!”


 


“หมอ ผมรู้สึกไม่มีแรงแล้วยังมีเหงื่อออกเยอะมากด้วย เวลากลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ” คนไข้คนต่อไปพูด


 


อาการของเขาเป็นเรื่องปกติในคนอายุ 60 แต่เขาดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 30 เท่านั้น


 


ใบหน้าของเขาซีดเซียวและมีรอยคล้ำรอบดวงตา ผมของเขาแห้งเสียและเหลืองกรอบ เขายังหายใจติดขัดและมีกลิ่นเหม็นจากทั้งลมหายใจและร่างกาย


 


“คุณอายุเท่าไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม


 


“25” คนไข้ตอบ


 


“คุณแต่งงานรึยังครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ยัง ผมยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ” คนไข้ตอบ


 


คนไข้มีส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 180 เซนติเมตร แต่น้ำเสียงของเขากลับแผ่วเบาราวกับเสียงยุง มันอ่อนแอมากจนหวังเย้ารู้สึกแปลกใจ


 


ประสิทธิภาพการทำงานของไตคนไข้ลดลง ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากการมีเซ็กซ์มากเกินไป ไตคือส่วนสำคัญของร่างกาย จากทฤษฎีหยินหยาง ไตถูกจัดอยู่ในหมวดของธาตุหยิน จากทฤษฎีธาตุทั้งห้า ไตมีความสัมพันธ์กับธาตุน้ำ เมื่อธาตุหยินในไตไม่เพียงพอ ก็จะทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ, มีเสียงดังในหู, และรู้สึกอ่อนแรงตรงช่วงล่างและเข่า รวมถึงการนอนกระสับกระส่ายในเวลากลางคืนด้วย


 


“คุณมีนิสัยบางอย่างที่มักจะทำเป็นประจำไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“อะไรนะ?” คนไข้รู้สึกประหลาดใจ “นิสัยเหรอ?” เขาเข้าใจความหมายของหวังเย้าในทันทีและใบหน้าของเขาขึ้นสี


 


“ผมพูดถูกไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ครับ” คนไข้พูด


 


หวังเย้าค้นพบสาเหตุของอาการแล้ว


 


“อาการป่วยของผมเกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วยเหรอครับ?” ชายหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวกับปัญหาของเขาในตอนนี้เลยสักนิด


 


“ครับ” หวังเย้าพูด


 


“ผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มพูด


 


“คุณห้ามตัวเองไม่ได้เหรอ?” หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องนี้ง่ายมาก”


 


เขากดไปที่หน้าท้องของชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง


 


“อีกหนึ่งอาทิตย์ ให้กลับมาที่นี่อีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“แค่นี้เหรอครับ?” ชายหนุ่มถาม


 


“ครับ” หวังเย้าพูด


 


“ขอบคุณครับ หมอ” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางสุภาพ เขาเดินออก แต่หวังเย้ามองออกว่า ชายหนุ่มไม่ได้เชื่อในสิ่งที่หวังเย้าทำลงไปนัก


 


“นี่น่าจะได้ผลดีทีเดียว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“มันจะได้ผลจริงๆเหรอ?” หลังเดินออกมาจากคลินิกแล้ว ชายหนุ่มก็พูดพึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่หลายปีก่อน ที่เขาช่วยตัวเองด้วยการดูหนังโป๋ เขาก็กลายเป็นคนเสพติดการทำแบบนี้ไปเลย เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เหมือนกับคนติดยา  มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลิกทำมัน


 


ตั้งแต่นั้นมา สุขภาพของเขาก็เริ่มถดถอย และกลายเป็นคนโมโหง่าย เขาไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้ และขาดความมั่น


 


หวังเย้าเรียก “คนต่อไป!”


 


“หมอ ผมปวดท้องมากเลย” ชายวัยประมาณ 40 พูด


 


“ช่วยอธิบายให้ชัดกว่านี้หน่อยครับ” หวังเย้าพูด


 


“ตรงนี้ครับ มันเหมือนมีเข็มกำลังทิ่มอยู่” คนไข้ชี้ไปที่บริเวณท้องน้อยของเขา


 


“อ้าปากแล้วออกเสียง ‘อา’ทีครับ” หวังเย้าพูด


 


“อา!!!” คนไข้อ้าปาก ลมร้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์ถูกปล่อยออกมาจากปากของเขา


 


“คุณยังรู้สึกเจ็บและแสบร้อนตรงบริเวณหน้าอกด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


“ครับ” คนไข้พูด


 


“ผมคิดว่า คุณน่าจะมีแผลในกระเพาะครับ” หวังเย้าพูด “คุณได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาบ้างรึยังครับ?”


 


“ไม่ได้ไปครับ ตอนแรกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น ผมก็เลยไม่ได้สนใจ แต่ช่วงนี้มันกลับเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม พ่อของผมมารักษากับหมอเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน พอได้กินยาของหมอไป อาการของพ่อก็ดีขึ้นมาก ผมก็เลยตัดสินใจมาหาหมอน่ะครับ” คนไข้พูด


 


“คุณดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม


 


หวังเย้าได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของคนไข้ และเห็นคราบบุหรี่บนฟันแต่ละซี่ของเขา


 


“ครับ” คนไข้ตอบ


 


“คุณต้องหยุดดื่มและสูบครับ” หวังเย้าพูด


 


“อะไรนะ?” คนไข้ตกใจ


 


“สุขภาพคือสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญที่สุด” หวังเย้าพูด “ผมจะจ่ายยาให้คุณนะครับ”


 


หวังเย้าเดินไปเอาสมุนไพรจากในตู้เก็บสมุนไพร เขาต้องการหวงฉี, โร่วกุ้ย, ป่ายเฉา, เหลียนเฉียว, ตังกุย, หวงเหลียน, ชานกุย, จื๋อเตอติง, และกานเฉา ยาสูตรนี้มีสรรพคุณในการขับพิษร้อนและขับเสมหะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต มันสามารถรักษาแผลในกระเพาะได้


 


“ผมเขียนวิธีการต้มยาเอาไว้ให้คุณแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด


 


“ครับ ขอบคุณ” คนไข้พูด หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เขาก็เดินออกไปจากคลินิก


 


คนไข้คนต่อไปเป็นคนจากหมู่บ้านของหวังเย้าเอง และมีอายุในช่วงเดียวกับหวังเย้าด้วย เขามาด้วยอาการปวดศีรษะ


 


“นายแค่เป็นหวัดเท่านั้น มันไม่จำเป็นต้องกินยาเลย แค่ดื่มน้ำเยอะๆและดื่มน้ำขิงก่อนนอน พรุ่งนี้นายก็จะดีขึ้นเอง” หวังเย้าพูด


 


“โอเค” คนไข้พูด


 


ในตอนที่หวังเย้าตรวจคนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ด้านนอกก็เริ่มมืดลงแล้ว เขาบันทึกอาการของคนไข้แต่ละคน ก่อนกลับไปที่บ้าน


 


คืนนั้น เขากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน ซานเซียนกระดิกหางวิ่งลงมาหาหวังเย้า มันดูมีความสุขมาก


 


“ซานเซียยน นายอ้วนขึ้นอีกแล้วนะ” หวังเย้าพูด


 


บนเนินเขามีแต่ความเงียบ หวังเย้าได้ยินแค่เสียงลมพัดเท่านั้น


 


ซี่ๆซี่ๆ เมื่อหวังเย้าเดินเข้าไปในแปลงสมุนไพร งูตัวหนึ่งก็เลื่อยออกมา


 


“สวัสดี เสี่ยวเฮย” หวังเย้าพูด


 


เขาเดินเข้าไปเปิดไฟในกระท่อม บนโต๊ะมีแผนที่ของเนินเขาหนานชานวางเอาไว้ เขาต้องการจัดการเชื่อมเนินเขาทางทิศตะวันตกและออก ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่นอกค่ายกลรวมวิญญาณให้ไกลออกไปมากที่สุด เขาต้องการเหลือทางเดินขึ้นเขาเพียงเส้นเดียวเท่านั้น เขาจำเป็นต้องใชต้นไม้และหินอีกจำนวนมาก


 


กว่าหวังเย้าจะเขานอนก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว


 


วันต่อมา ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนโปรยลงมา หวังเย้าลงมาจากเนินเขาหนานชานพร้อมกับร่มในมือ ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถใช้พลังฉีป้องกันลมและฝนได้ก็ตามที


 


“หืม?” ระหว่างทางไปคลินิก เขาก็เห็นรถที่ดูคุ้นตาจอดอยู่ “อากาศแย่แบบนี้ ยังจะมีคนมาอยู่อีกเหรอ?”


 


“สวัสดี หมอหวัง” ศาสตราจารย์ลู่พูด เขาอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้าอย่างมาก


 


“สวัสดีครับ เชิญเข้ามาข้างในก่อสิครับ” หวังเย้าเชิญเขาเข้าไปในคลินิกและชงชาให้กับเขา “คุณต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ ถ้าไม่อย่างนั้น คุณจะป่วยเอาได้”


 


 


 


“ฟังนะครับ ผมได้ปรึกษากับครอบครัวของเวินหว่านแล้ว พวกเขาตกลงที่จะให้ผมพาเธอมารักษาที่คลินิกของหมอ” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


“คุณสามารถพาเธอมาที่นี่ได้ แต่ผมไม่รับประกันอะไรทั้งนั้นนะครับ” หวังเย้ามีความมั่นใจในตอนแรก ว่าเขาสามารถรักษาเวินหว่านได้ แต่ในเวลานี้ เขาไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถช่วยเธอได้


 


“ผมเข้าใจ” ศาสตราจารย์ลู่ถอนหายใจออกมา หลังจากที่ได้ดื่มชาไปถ้วยหนึ่งแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก “ขอโทษที่ต้องรบกวนหมอนะ”


 


“ไม่เป็นไรครับ คุณควรไปหาโรงแรม แล้วพักผ่อนสักหน่อยดีกว่านะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“โอเค” ศาสตราจารย์ลู่พูด


 


เขานั่งอยู่ในคลินิกต่ออีกครู่หนึ่ง จนกระทั้งมีแขกอีกคนมาหาหวังเย้า  เขาก็คือหวังหมิงเปา


 


“อ้าว นึกยังไงถึงมาที่นี่ได้ล่ะ? แล้วครูหานอยู่ไหน?” หวังเย้าถาม


 


“อย่าให้พูดเลย เธออยากจะกลับไปที่เขตเจีย บอกว่าเธอคิดถึงเด็กๆที่นั่น ฉันก็กำลังจะไปกับเธอด้วย” หวังหมิงเปาพูด


 


“เธอไม่ชอบเหลียนชานเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“ก็ไม่เชิง ฉันคิดว่าเธอคงจะเบื่อมากกว่า ความจริง ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะต้องการความช่วยเหลือจากนายนั่นแหละ” หวังหมิงเปาพูด


 


“มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?” หวังเย้าถาม


 


“ฉันต้องการทำให้เธอท้องให้เร็วที่สุด” หวังหมิงเปาพูด “นายพอจะมียาตัวไหนบ้างไหม ที่ช่วยให้ผู้หญิงท้องได้น่ะ?”


 


“หา?” หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ


 


“พอมีลูก เธอก็จะได้ไม่ว่างอีก แล้วพ่อแม่ของฉันก็อยากได้หลานมากด้วย” หวังหมิงเปาพูด


 


“เอ่อ!” หวังเย้านวดขมับ “ฉันคิดว่า ไม่มียาตัวไหนที่ช่วยได้หรอก”


 


“ฉันคิดว่า นายเป็นหมอที่รักษาได้ทุกอย่างซะอีก” หวังหมิเปาพูด


 


“ฉันไม่เคยทำเรื่องนี้มาก่อน” หวังเย้าพูด “แล้วการทำลูก มันก็ต้องเกิดจากความพยายามของพวกนายทั้งสองคนต่างหากล่ะ!”


 


“ฉันไม่สน นายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน นายต้องช่วยฉันสิ” หวังหมิงเปาพูด


 


“ก็ได้ นายว่างเมื่อไหร่ ก็พาครูหานมาหาฉันที่นี่แล้วกัน แล้วถ้านายอยากจะมีลูก นายก็ต้องหยุดสูบและหยุดดื่มเหล้าด้วย” หวังเย้าพูด


 


“โอเค ไม่มีปัญหา” หวังหมิงเปาพูด


 


ด้านนอกฝนยังคงตกอยู่ ฝนฤดูใบไม้ผลิให้ความรู้สึกเย็นสบาย


 


“สนใจไปกินข้าวเที่ยวด้วยกันไหม?” หวังหมิงเปาถาม


 


“เอาสิ ไปที่บ้านฉันนะ ฉันจะได้บอกให้แม่ทำเพิ่ม” หวังเย้าพูด


 


“โอเค” หวังหมิงเปาพูด


 


หวังหมิงเปาอยู่ทานอาการกลางวันที่บ้านของหวังเย้า และไม่ได้อยู่นานนัก


 


“ทำไมหมิงเปาถึงได้ดูรีบร้อนขนาดนั้นกัน?” จางซิวหยิงถาม “ดูเหมือนเขาจะมีเรื่องบางอย่างในใจนะจ๊ะ”


 


“ใช่ เขาอยากจะมีลูกน่ะครับ” หวังเย้าพูด


 


“อะไรนะ?” จางซิวหยิงถาม “เห็นไหม? เขากำลังจะมีลูกแล้ว แต่ลูกยังเป็นโสดอยู่เลยนะ!”


 


อยู่ๆหวังเย้าก็นึกขึ้นได้ว่า เขาดันพูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไปซะแล้ว


 


โชคดีที่จางซิวหยิงไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้


 


ตอนบ่าย ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ ท้องฟ้าดูขมุกขมัวไปตลอดทั้งวัน


 



 


ต้าหลี่ มันใกล้จะถึงวันที่พี่น้องหานต้องพาน้องชายของพวกเขาไปหาราชายาแล้ว


 


“พี่ พรุ่งนี้ก็ครบเจ็ดวันแล้วนะ” หานจื้อเกาพูด


 


“นายจัดการเรื่องการเดินทางเอาไว้รึยัง?” หานชิ่งถาม


 


“อืม” หานจื้อเกาพูด


 


น้องชายคนเล็กของพวกเขาได้สติแล้ว แต่เขายังคงไม่สามารถพูดได้


 


“ฉันจะพาเขาไปหาราชายาพรุ่งนี้เอง มันต้องใช้เวลาเดินทางนาน มันจะทำให้นายเหนื่อยเกินไป” หานชิ่งพูด


 


ราชายาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ไกลจากต้าหลี่มาก การขับรถไปจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง และส่วนสุดท้ายของการเดินทาง ถนนยังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ดังนั้น มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะเดินทางไปให้ถึงที่นั่น แม้แต่คนที่ปกติดีทุกอย่างก็ยังไม่ชอบมัน ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่ป่วยอยู่เลย


 


“ฉันจองรถที่นั่งได้สบายไว้แล้ว” หานจื้อเกาพูด


 


“ดี” หานชิ่งพูด


 


ในหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางใต้ของยูนนาน


 


ราชายาวัย 70 ปี กำลังจ้องมองยาของหวังเย้าอยู่


 


ตลอดหกวันที่ผ่านมา เขาพยายามใช้วิธีการทุกอย่างที่เขาคิดได้วิเคราะห์หาส่วนผสมในตัวยาของหวังเย้า แต่เขาก็ล้มเหลว


 


ทำไมนะ? ราชายารู้สึกสงสัย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)