Divine King of All Directions 1478-1480
ตอนที่ 1478
กลุ่มเมฆสีดำทมิฬปกคลุมเหนือม่านฟ้าเอาไว้พร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
พริบตานี้เองที่สถานที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิทขณะที่โลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยพลังทำลายล้างที่ทำให้ทุกชีวิตภายในรัศมีหลายกิโลเมตรพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังด้วยพลังทำลายที่พร้อมจะบดขยี้โลกทั้งใบทำให้ขุนเขาแห่งนี้สั่นไหวไม่หยุด
ภายในภูเขาแห่งนี้ จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่กำลังบ่มเพาะกันอยู่ต่างพากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายของพวกเขาปั่นป่วนอย่างมาก
หลินเทียนที่อยู่อีกด้านและรายล้อมไปด้วยคลื่นพลังสีทองได้แผดกลิ่นอายแห่งอนันตกาลออกมาอย่างเข้มข้น
หลังจากนั้นเองที่มันได้แผ่วลงและถูกดูดกลืนกลับมาอย่างฉับพลันทำให้คลื่นสายฟ้าสลายหายไปและส่งผลให้กลิ่นอายของทั้งสองคนกลับเป็นปกติอีกครั้ง
ผ่านไปได้ไม่นานหลินเทียนก็ได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยแววตาที่ส่องประกายคลื่นสายฟ้าออกมา
“ดูเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้จะอันตรายกว่าครั้งก่อนมาก ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองพร้อมทั้งแหงนหน้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้า
หลังจากที่ใช้เวลาดูดกลืนอยู่กว่างหนึ่งเดือนมานี้ก็ทำให้เขาตัดผ่านได้ในที่สุดและหลังจากนั้นเขาก็หยุดยั้งกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ทำให้ทัณฑ์สวรรค์สลายหายไปแต่เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ทำให้เขาสัมผัสได้เลยว่ามันเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงถึงขั้นทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนไปหมด
นี่ทำให้เขาจินตนาการได้เลยว่านี่น่าจะเป็นเพราะการตัดผ่านเขตแดนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเส้นทางบ่มเพาะดังนั้นอันตรายที่ตามมาถึงได้น่ากลัวกว่ามาก
เขาสงบสติลงอย่างรวดเร็ว
“ยังไงก็ผ่านได้อยู่แล้ว ”
แม้ว่าจะมีทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอยู่แต่ก็ไม่มีทางที่จะสามารถก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้แต่ด้วยหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่ได้มาก่อนหน้านี้มันสามารถนำไปกลั่นเป็นยาเสริมพลังสิบเท่าให้กับเขาได้และการตัดผ่านเองก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมากนัก
เขาไม่ได้คิดอะไรต่อพร้อมทั้งคอยปกป้องคนอื่นๆเอาไว้ขณะที่สายตาจดจ่ออยู่กับภาพด้านนอกถ้ำแห่งนี้
“บึ้สส ~! ”
“บึ้ส ~! ”
ร่างกายของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างเปล่งประกายแสงอันเข้มข้นออกมาขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามเดือนเต็มๆ
ตามเดือนมานี้กองภูเขาแร่ดาราเหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือเท่านั้นและมันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของทั้งสองคน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ต่างพากันลืมตากลับขึ้นมาด้วยแววตาที่ส่องประกายออกมาอย่างเข้มข้น
“ก้าวข้ามเขตแดนอนันตกาลได้แล้ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอย่างมาก
เป็นเพราะหลังจากที่ใช้เวลาดูดกลืนอยู่กว่าสามเดือนมานี้ทำให้มันตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้ในที่สุด
เมื่อตัดผ่านมาแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องกาลเวลาอีกต่อไปเพราะมันมีอายุขัยระดับเดียวกับโลกที่แทบไม่มีวันจะแตกดับ
ระหว่างนี้พลังอสูรที่แผดออกมาอย่างเข้มข้นนี้มันมากพอจะต่อกรได้แม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลตอนกลางเลยด้วยซ้ำ
ร่างกายของเสี่ยวไท่ชูเองก็รายล้อมไปด้วยประกายแสงหกสีอย่างเข้มข้นแถมยังสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
หลินเทียนหันมองไปทางพวกเขาพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้เลยว่าแม้ทั้งสองจะเพิ่งตัดผ่านแต่ความแข็งแกร่งนั้นก้าวข้ามเขตแดนเดียวกันไปไกลมากแล้ว
เสี่ยวไท่ชูตอบรับด้วยเสียงของทารกขณะที่จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงหัวเราะออกมาพลางถามว่า
“แล้วเจ้าล่ะ ? ”
มันมองมาทางเขาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เหมือนว่ายังไม่ตัดผ่านอย่างสมบูรณ์สินะแต่ก็สามารถตัดผ่านได้ตามใจนึก ? ฝืนยับยั้งระดับพลังเอาไว้ ? ”
เป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังทำลายล้างจากม่านฟ้าดังนั้นถึงได้รู้ดีว่ามันคือทัณฑ์สวรรค์ที่ก่อตัวขึ้นเพราะการตัดผ่านของหลินเทียน
แต่การที่มันหายไปดื้อๆแบบนี้ก็พอจะเดาได้เลยว่ามันเป็นฝ่ายหลินเทียนที่ยับยั้งพลังของตัวเองเอาไว้เพื่อทำให้ทัณฑ์สวรรค์สลายหายไปเพราะถึงอย่างไรมันก็เคยผ่านสถานการณ์แบบเดียวกันมาก่อนแล้วจึงไม่ได้ประหลาดใจมากนัก
หลินเทียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“อื้ม ”
“แล้วเป็นไง ทัณฑ์สวรรค์รอบนี้มันลำบากมากไหม ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามต่อด้วยใบหน้าที่จริงจังอย่างมากเพราะมันรู้ดีว่าทัณฑ์สวรรค์แต่ละครั้งของหลินเทียนนั้นป่าเถื่อนขนาดไหนและการตัดผ่านครั้งนี้ไม่บอกก็รู้ว่ามันต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องเป็นห่วง ”
หลินเทียนตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วจระเข้เบญจธาตุก็อดประหลาดใจไปไม่ได้
“มั่นใจในตัวเองจริงๆเลยนะ ”
มันพูดออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปพูดกับทั้งสองคนว่า
“พวกเจ้าก็ปรับสมดุลกันก่อนแล้วกัน ข้าจะคอยปกป้องให้แล้วหลังจากนั้นข้าต้องใช้เวลากลั่นยาทิพย์เพื่อเอาไว้สำหรับก้าวข้ามเขตแดนอนันตกาล ”
“กลั่นยา ? ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่จะระลึกได้ถึงบางสิ่งพร้อมพูดว่า
“ยาทิพย์ที่สร้างขึ้นจากหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อย ? ”
หลังจากนั้นดวงตาของมันก็ได้เปล่งประกายพลางพูดต่อว่า
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหนูนี่ถึงได้มั่นใจนักหนา ”
เป็นเพราะว่ามันเองก็รู้จักยาทิพย์ที่ช่วยเพิ่มระดับพลังสิบเท่าดีซึ่งด้วยพลังของมันแล้วก็เชื่อได้ว่าหลินเทียนจะต้องสามารถตัดผ่านได้อย่างแน่นอน
นี่ทำให้มันรู้สึกหมดห่วงพลางพูดออกมาว่า
“งั้นข้าและเจ้าหนูน้อยขอปรับสมดุลก่อนแล้วกันแล้วเจ้าก็ค่อยกลั่นยาสำหรับก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์แล้วกัน ”
หลังจากที่พูดจบแล้วมันก็รีบกลับไปปรับสมดุลพลังอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนเองก็คอยคุ้มกันพวกมันทั้งสองคนจนเวลาผ่านไปกว่าเจ็ดวัน
วันนี้เป็นวันที่ทั้งสองคนได้ลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
“เอาล่ะ ข้าเริ่มการกลั่นยาล่ะนะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะเขาเคยกลั่นมันมาตอนอยู่ในเขตแดนจ้าวแห่งเต๋ามาก่อนแล้วดังนั้นด้วยเขตแดนอนันตกาลทำให้ทักษะการปรุงยาของเขาเชี่ยวชาญขึ้นมากและก้าวข้ามปรมาจารย์ปรุงยาระดับ 9 ไปไกลมากแล้วถึงได้กลั่นได้อย่างง่ายดาย
เขาหยิบเอาหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยออกมาพร้อมๆกับวัตถุดิบอื่นๆรวมถึงหม้อยาสีดำทมิฬของจ้าวโอสถแล้วจุดประกายเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ขึ้นมา
พริบตาเวลาหกชั่วโมงก็ได้ผ่านพ้นไป
หกชั่วโมงหลังจากนั้นกลิ่นหอมได้คละคลุ้งไปทั่วถ้ำแห่งนี้ขณะที่เขาหยิบเอายาทิพย์ที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายออกมาจากหม้อยาตรงหน้า
“หากเทียบกันแล้วผลลัพธ์ของมันน่าจะดีกว่าครั้งก่อนมาก อย่างน้อยๆก็น่าจะคงสภาพได้ได้กว่าสองชั่วโมง ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เขาได้รับหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยมาจากตำหนักหยินสุดขั้วมาก่อนแล้วและกลั่นมาโดยที่ไม่เคยพลาดก็จริงแต่ก็กลั่นได้แต่สามเม็ดเท่านั้นแต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพหรือจำนวนก็เพิ่มสูงขึ้นมากเนื่องจากระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้
“สองชั่วโมง ?! ก่อนหน้านี้มันออกฤทธิ์เพียงแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ ”
จระเข้เบญจธาตุผงะไป
“ใช่ ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“เป็นเพราะว่าหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่ได้มามันสมบูรณ์กว่ามากแถมด้วยระดับพลังของข้าในตอนนี้รวมถึงเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ด้วยแล้วถึงได้ทำให้คุณภาพของมันสูงขึ้น”
เขาอธิบายออกไปก่อนที่จะส่งมันให้กับทั้งสองคนแล้วเก็บเอาไว้กับตัวสองเม็ด
จระเข้เบญจธาตุรับมันไปก่อนที่จะพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า
“พลังสิบเท่า ! ด้วยระดับพลังของข้าในตอนนี้แล้วมันน่าจะเพียงพอสำหรับต่อกรกับเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเลยก็ว่าได้”
หลินเทียนหันมองไปทางมันพร้อมทั้งพูดว่า
“อย่าเพ้อไปหน่อยเลย ความต่างชั้นของระดับพลังมันไกลเกินไปเพราะต่อให้เจ้ามีระดับพลังเพิ่มขึ้นยี่สิบเท่าก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขตแดนนิรันดร์แท้จริงอยู่ดี ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปพร้อมทั้งพูดว่า
“ไปกันเถอะ หาที่กว้างๆไว้ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์กัน ”
ตอนที่ 1479
เมื่อยาเสริมพลังได้ถูกกลั่นอย่างสมบูรณ์แล้วพวกเขาถึงได้เริ่มการออกเดินทางเพื่อค้นหาสถานที่โล่งกว้างไร้ผู้คนเอาไว้สำหรับก้าวข้ามเขตแดนอนันตกาลเนื่องจากรัศมีทำลายล้างของมันใหญ่มากจึงไม่อยากจะให้ผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
นี่ทำให้หลินเทียนรีบออกเดินทางออกไปยังสถานที่ๆห่างไกลพร้อมๆกับคนอื่นๆ
ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปฉีกมิติตรงหน้าออกไปหลายครั้งก่อนที่จะไปถึงทะเลทรายขนาดใหญ่หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางอยู่กว่าสิบสี่ชั่วโมง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันเป็นสถานที่โล่งกว้างกินพื้นที่หลายกิโลเมตรโดยที่ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าไปรออยู่ที่ขอบรอบนอกแล้วกัน ”
หลินเทียนหันไปพูดกับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชู
“ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุตอบรับขณะที่เสี่ยวไท่ชูส่งเสียงทารกออกมา
แม้ว่าทัณฑ์สวรรค์ของหลินเทียนจะทรงพลังอย่างมากแต่ด้วยยาเสริมพลังแล้วก็ทำให้พวกเขาเชื่อว่าจะต้องผ่านพ้นมันไปได้อย่างไม่เป็นปัญหาแน่ๆ
หลินเทียนก้าวเดินออกไปยังใจกลางของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วพลางหันมองกลับไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปไกลพร้อมแหงนมองขึ้นฟ้าไป
เขาตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะส่งความคิดออกไปพลางปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยับยั้งเอาไว้ออกมา
เสียงทึ้มม ~!
ดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับปรากฏหมู่เมฆที่รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าขึ้นอย่างฉับพลัน
พริบตาที่หมู่เมฆได้ก่อตัวขึ้นก็ปรากฏวังน้ำวนสายฟ้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยประกายสายฟ้าสีแดงฉานสร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงถึงขั้นทำให้ดาวดวงนี้สั่นไปไม่หยุด
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ~ !”
“ตู้ม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นไปอีก
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปไกลได้จ้องมองกลับขึ้นไปด้วยร่างกายที่อดสั่นไปไม่ได้
“นี่มัน…..”
จระเข้เบญจธาตุพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับกลุ่มหมอกสีดำทมิฬที่รายล้อมไปด้วยสายฟ้าสีแดงฉานเสมือนว่าต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้ด้วยพลังทำลายที่สามารถบดขยี้เขตแดนอนันตกาลลงได้อย่างง่ายดาย
“ตู้มมม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่กลิ่นอายที่ก่อตัวขึ้นยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ได้แหงนหน้ามองกลับขึ้นไปด้วยความรู้สึกที่ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างมาก
มันเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะสัมผัสถึงอันตรายของมันได้อย่างดีแต่สีหน้ากลับไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ไม่ได้มีความกลัวอยู่เลย
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งคว้าเอายาทิพย์เม็ดสีม่วงขึ้นมาทานลงไป
ไม่นานร่างกายของเขาก็ได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรงในขณะที่พลังเทวะ พลังวิญญาณและทะเลความรู้ของเขาขยายตัวออกอย่างบ้าคลั่ง
ประกายสายฟ้าสีเงินได้เปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาและด้วยฤทธิ์ของยาเสริมพลังแล้วจึงทำให้คลื่นพลังที่ส่งออกมาอดทำให้โลกทั้งใบสั่นสะท้านไปไม่ได้
ตู้มมม ~!
มิติรอบตัวของเขาได้บิดตัวอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างปะทุออกมา
“พลังสิบเท่าผสานกับทักษะนี้มัน…….”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่ากลิ่นอายที่หลินเทียนส่งออกมาในตอนนี้มันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“ตู้มม ~! ”
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงและเมื่อมองขึ้นไปยังวังน้ำวนสายฟ้าแล้วจะได้รับความรู้สึกเสมือนว่ามีดวงตาอันอัมหิตกำลังจ้องมองลงมาทางเขาเสมือนว่าต้องการจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลินเทียนยังคงยืนอยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ด้วยผมสีดำยาวปลิวไสวไปตามแรงลม
เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยประกายสายฟ้าอันเข้มข้นเสมือนว่าเป็นเทพสายฟ้าองค์หนึ่ง
“มา ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกมา
“ทึ้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งกดทับทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกลงมาเป็นลำแสงสายฟ้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง
หลินเทียนที่กำลังมองไปทางมันได้อาศัยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเหวี่ยงคลื่นสายฟ้าสีเงินออกไปรับมันเอาไว้พร้อมทั้งบดขยี้มันจนสลายหายไป
“มาอีก ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ทักษะเทวะอันทรงพลังได้สั่นไหวขณะที่กลิ่นอายอันหนักหน่วงยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกแถมยังสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาเพื่อต้องการหล่อหลอมมันด้วยทัณฑ์สายฟ้านี้
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังสีแดงฉานได้สั่นไหวพร้อมทั้งโอบร่างของเขาเอาไว้ดั่งห่าฝน
นี่ไม่ใช่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองแต่อย่างใดทว่ามันเป็นเพียงประกายสายฟ้าเล็กๆแต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นสามารถฉีกเขตแดนอนันตกาลเป็นชิ้นๆได้ง่ายๆ
หลังจากนั้นเองที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองจะก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงกว่าระลอกแรกตั้งไม่รู้กี่เท่าและกดทับลงมาอย่างไม่รอช้า
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งก้าวออกไปรับการโจมตีเอาไว้ด้วยร่างกายที่ห่อหุ้มไปด้วยคลื่นสายฟ้าขณะที่มีเจดีย์ราชันอมตะล่องลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
มันเป็นตอนนี้เองที่ร่างของเขาได้เข้าปะทะกับลำแสงสายฟ้าอย่างจังก่อนที่คลื่นสายฟ้าสีเงินของเขาจะถูกทำลายสลายหายไปโดยที่มีเจดีย์ราชันอมตะเป็นตัวรับพลังทำลายล้างเหล่านี้เอาไว้
นี่ทำให้เจดีย์ราชันอมตะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆเนื่องจากนี่เป็นความตั้งใจของหลินเทียนที่จะหล่อหลอมมันจึงได้ก่อมันขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ครั้งนี้เจดีย์ราชันอมตะขนาดย่อมกลับส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นออกมามากขึ้นกว่าเก่า
“สมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นแร่ที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่ว่าจะถูกทำลายอย่างไรก็สามารถรักษาตัวเองได้ตราบเท่าที่เจ้าของยังไม่ได้ตายมันก็จะไม่มีวันสลายหายไป ”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมา
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังกว่าเก่าแผดออกไปรอบทิศทาง
หลังจากนั้นเองที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามก็ได้ก่อตัวขึ้น
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้โดยที่ร่างกายยังคงห่อหุ้มไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีเงินอันทรงพลังได้ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
“ตู้มม ~! ”
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามจะกดทับเข้าใส่ร่างของพวกเขาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนไม่ได้มีท่าทางที่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งผสานพลังทั้งหมดเข้าด้วยกันก่อนที่จะอาศัยพลังของทัณฑ์สายฟ้านี้หล่อหลอมเจดีย์ราชันอมตะของเขาไปพร้อมๆกัน
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังยังคงผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งไปทั่วทะเลทรายแห่งนี้จนถึงช่วงที่หมู่เมฆได้สลายหายไปและเผยให้เห็นม่านฟ้าที่สว่างสดใสอีกครั้ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากพื้นที่โดยรอบกลายเป็นหลุมเป็นบ่อที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมไปหมดแถมยังมีประกายสายฟ้าโลดแล่นไปทั่วทิศทาง
กลิ่นอายทำลายล้างยังคงคุกรุ่นอยู่แต่ก็แผ่วลงมากแล้ว
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้อาบไปด้วยเลือดทั้งตัวด้วยสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างมากส่วนเจดีย์ราชันอมตะนั้นได้แหลกสลายเป็นผุยผงอยู่แทบเท้าของเขา
ปากของเขากลบไปด้วยเลือดซึ่งแม้จะอาศัยพลังของยาทิพย์แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นที่ยากจะจินตนาการได้เพราะมันช่างเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถก้าวข้ามมันได้แล้ว
“บึ้สส ~! ”
ปรากฏกลุ่มเมฆหลากสีส่องประกายแสงเจ็ดสีตกกระทบร่างของเขา
ไม่นานร่างกายที่บอบช้ำและได้รับบาดเจ็บสาหัสก็รักษาตัวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขามองออกไปยังเศษซากแทบเท้าพร้อมทั้งส่งความคิดออกไปก่อสร้างเจดีย์ราชันอมตะขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้วให้มันอาบแสงนี้ไปพร้อมๆกัน
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าพิศวง
บึ้สส ~!
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว
และมันเป็นตอนนี้เองที่ประกายแสงได้สลายหายไป
หลินเทียนยืนอยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ด้วยร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งอนันตกาลอันเข้มข้น
“เขตแดนอนันตกาลตอนต้น ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายความล้ำลึกออกมา
ณ ตอนนี้เขาได้ก้าวอยู่บนจุดที่ไม่มีวันแตกดับได้อย่างแท้จริงแล้วและสัมผัสได้เลยว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่ามาก
และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เขาสัมผัสได้เหมือนว่าตัวเองไม่ได้ต่างอะไรไปจากโลกเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่มีวันจะดับสูญลงได้ !
นับจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกาลเวลาอีกต่อไป
ตอนที่ 1480
เมื่อตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลอย่างแท้จริงแล้วมันทำให้เขาอยู่ในสภาวะที่ไม่มีวันดับสูญไปและไม่ได้รับผลกระทบจากกาลเวลาอีกต่อไปซึ่งแม้ว่าตัวเขาจะเป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่เองก็ยังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ก้าวข้ามมายังเขตแดนแห่งการมีชีวิตเป็นนิรันดร์แล้ว
“ในที่สุดก็อยู่ในเขตแดนอนันตกาลเสียที ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งสำรวจร่างกายของหลินเทียนพลางหันมองไปยังเจดีย์ราชันอมตะแล้วพูดออกมาด้วยดวงตาที่ส่องประกายว่า
“ดูเหมือนว่าพลังอำนาจของมันจะเพิ่มขึ้นมากเลยสินะ ”
เป็นเพราะอาวุธนี้คืออาวุธวิญญาณของเขาซึ่งหลังจากที่ได้แบกรับทัณฑ์สวรรค์ไปด้วยกันแล้วมันทำให้กลิ่นอายโกลาหลที่รายล้อมอยู่รอบๆยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกแถมยังมีประกายสายฟ้าโลดแกล่นอยู่รอบทิศทางจึงสร้างแรงกดดันที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่อาวุธอนันตกาลตอนต้นแต่สามารถต่อกรได้กับอาวุธนิรันดร์แท้จริงได้อย่างสบายๆ
“อื้ม ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
มันเป็นอาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลและผ่านการขัดเกลาและหล่อหลอมจากทัณฑ์สวรรค์และพลังแห่งความเชื่อมาหลายต่อหลายครั้งทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่ไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองออกไปพร้อมทั้งเก็บเอาเจดีย์ราชันอมตะกลับมาแล้วออกเดินทางไปจากสถานที่แห่งนี้
มันเป็นเพราะว่าหลังจากที่ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ได้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ไม่นานพวกเขาก็พากันออกเดินจากไปจากที่นี่พร้อมทั้งพบกับขุนเขาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
“หาสถานที่ปลอดภัยฝังร่างของนิรันดร์แท้จริงคนนั้นกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลกันหมดแล้วแถมด้วยระดับพลังของพวกเขายังเรียกได้ว่ายืนหนึ่งในเขตแดนนี้จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังจากร่างนิรันดร์แท้จริงอีกต่อไปแล้วถึงได้คิดจะฝังร่างๆนั้นเอาไว้เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายเองก็ช่วยเหลือเขามามากทำให้เขาทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้เพราะมันดูไม่มีคุณธรรมเอาเสียเลย
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันพร้อมทั้งพากันค้นหาสถานที่เหมาะๆก่อนที่จะเริ่มการขุดหลุมฝังศพแล้วจัดวางร่างนิรันดรืแท้จริงลงไปก่อนที่จะสลักป้ายหลุมศพเอาไว้
แต่เป็นเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อว่าอะไรดังนั้นเขาถึงได้สลักเอาไว้ว่า สุสานแห่งนิรันดร์ไร้ชื่อ
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำความเคารพเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินจากไป
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พากันก้าวเดินข้ามภูเขามากมายไปก่อนที่จะไปถึงถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายซึ่งกำลังสนทนากัน
“นานมาแล้วที่ไม่มีใครกล้ากระตุกหนวดของราชวงศ์แต่ไม่คิดเลยว่าซ่งหวางจะถูกสังหารไปแถมยังถูกชิงเองแร่ดาราทั้งหมดไปทำให้ทางราชวงศ์ออกประกาศจับพร้อมทั้งตั้งรางวัลให้สำหรับคนที่มีเบาะแสของอีกฝ่าย ”
“หื้ม ? ประกาศจับ ? ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายควบคุมร่างของนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ด้วยดวงวิญญาณโดยที่ไม่มีใครเคยเห็นร่างจริงๆของเขาด้วยซ้ำแล้วจะไปประกาศจับได้อย่างไรกัน ? แล้วจะหาเบาะแสของอีกฝ่ายได้อย่างไรเพราะขนาดหน้าตาเองก็ยังไม่รู้จักเลย ? ”
“รู้แล้ว ”
หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ได้ยินมาว่ามีคนเห็นตอนที่ซ่งหวางพยายามเชื้อเชิญคนๆหนึ่งเข้าร่วมกับรางวงศ์ทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบตกลงทำให้สีหน้าของข้ารับใช้ซ่งหวางเย็นชาลงอย่างมากซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่พอใจมากๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้พบกับศพของข้ารับใช้คนนั้นพร้อมๆกับตัวอักษรที่ว่า แค่เพียงไม่ยอมเข้าร่วมถึงกับต้องส่งคนมาฆ่า นี่ทำให้ทางราชวงศ์คิดว่าคนที่ควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงร่างนั้นจะต้องเป็นชายหนุ่มคนนั้นแน่ๆ ”
“หมายความว่า……….เป็นเพราะว่าเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมจึงทำให้ซ่งหวางไม่พอใจแล้วส่งคนออกไปสังหารชายคนนั้นแต่กลับล้มเหลวไม่พอแต่ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นไม่พอใจดังนั้นถึงได้ควบคุมร่างนิรัดนร์แท้จริงไปสังหารซ่งหวางแล้วชิงเอาแร่ดาราทั้งหมดไป ? ”
“เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ”
“นี่มันเป็นเพียงการคาดการณ์ไม่ใช่หรือไง ? ”
“จากที่ฟังมามันไม่เหมือนการคาดการณ์แต่คือความจริงเนื่องจากมีเพียงตอนที่ได้พบกับชายหนุ่มคนนั้นเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจและทำให้ซ่งหวางเสียหน้าซึ่งหากว่ารวมเรื่องพวกนี้เข้ากับเบาะแสที่ได้จากศพของข้ารับใช้แล้วมันก็สมเหตุสมผล ? ”
“นี่..ก็จริงแหะ ”
อีกคนได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆแล้วซ่งหวางก็คงได้แต่ต้องโทษตัวเองแล้วล่ะแต่นี่ทางราชวงศ์ถึงขั้นป่าวประกาศค่าหัวออกไปแบบนี้เลย ? ”
“แล้วไง ? คิดว่าทางราชวงศ์จะสนใจหรือไงว่ามันเป็นความผิดของใคร ? พวกเขาสนใจเพียงแค่เรื่องที่มีคนฆ่าคนของพวกเขาเท่านั้นเพราะนี่เป็นการหยามเกียรติแถมยังมีเรื่องของแร่ดาราจำนวนมากจนน่ากลัวถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติดังนั้นการที่อีกฝ่ายตั้งค่าหัวก็เป็นการล้างแค้นให้กับซ่งหวางและที่สำคัญที่สุดคือการชิงเอาแร่ดาราเหล่านั้นกลับมา ถึงขั้นที่ว่าขนาดบรรพบุรุษของพวกเขายังต้องออกมาจัดการด้วยตัวเอง ”
“ว่าไงนะ ? เพื่อคนๆเดียวถึงกับทำให้ตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงออกมาจัดการ ? ”
“ได้ยินมาว่างั้น ”
“นี่…..ถึงขั้นที่ขนาดเขตแดนนิรันดร์แท้จริงยังออกโรงด้วยตัวเองแบบนี้เลย ?! ”
“ทำไงได้ ก็ชายคนนั้นถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงดังนั้นถึงได้ชื่อว่าไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนั้นจึงมีเพียงนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นที่จัดการได้ ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันส่งเสียงสนทนาออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
หลินเทียนและคนอื่นๆเองเองก็ได้ยินบทสนทนานี้ได้อย่างดีทำให้ดวงตาของเขาอดหรี่เล็กลงไม่ได้
“พวกมันฉลาดจริงๆเลยนะที่เอาเบาะแสทั้งหมดมารวมกันแล้วสรุปได้ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าซ่งหวางแบบนี้ ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อย
“ถึงขั้นที่ปกครองจักรวาลได้ก็ต้องไม่ใช่พวกโง่อยู่แล้ว ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“อีกอย่างหากว่ารวมเบาะแสทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เดายากอะไร ”
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันก่อนที่จะพูดว่า
“ก็จริง ”
หลังจากนั้นก็ถามต่อว่า
“แล้วจะเอาอย่างไรกันดี หากว่าถูกพวกมันพบเข้าให้มีหวังต่อให้มียาเสริมก็ยังต่างชั้นกันอยู่ดี ”
มันหันมองไปทางหลินเทียนพลางพูดต่อว่า
“ลืมไปว่าเจ้าเป็นถึงกายราชันที่แข็งแกร่งที่สุดแถมยังแบกรับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วมากมายถึงได้มีสภาพร่างกายที่ต่างจากข้าและเจ้าหนูน้อยดังนั้นด้วยระดับพลังของเจ้าเสริมพลังสิบเท่ามันจะสามารถต่อกรกับนิรันดร์แท้จริงได้รึไม่ ? ”
นี่ทำให้แม้แต่เสี่ยวไท่ชูเองก็หันมองมาทางเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมพูดว่า
“เอาชนะไม่ได้เพราะว่าความต่างชั้นของข้ากับเขตแดนนิรันดร์แท้จริงมันไม่ใช่แค่สิบเท่าดังนั้นหากว่าต้องการจะ……”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้นคำพูดของเขาก็ได้หยุดลงพร้อมทั้งหันมองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของสถานที่แห่งนี้ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
“ว่าไง ? ”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเทียนแล้วทั้งสองก็อดแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่ได้
“เสียงพิณนั่นมัน….พิเศษมาก ”
หลินเทียนพูดออกมาขณะที่สายตาทอดยาวออกไป
“อะไร ? เสียง ? เสียงอะไร ? ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะหันมองตามไปแล้วอุทานออกมาว่า
“ได้ยินแล้ว ! ”
ดวงตาของมันเปล่งประกายพลางพูดต่อว่า
“นี่มัน…..ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
เสี่ยวไท่ชูหันมองออกไปพร้อมทั้งตอบรับด้วยเสียงของทารกเพราะมันเองก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกัน
“ไปตรวจสอบกันเถอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่ามันเป็นเสียงที่อ่อนโยนและเบาบางอย่างมากแต่กลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายที่พิเศษถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไหวไม่น้อย
นี่ทำให้พวกเขาพากันเหาะออกไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่จะไปถึงหมู่บ้านธรรมดาๆแห่งหนึ่งพลางได้ยินเสียงพิณที่ชัดเจนขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น