Divine King of All Directions 1462-1477
ตอนที่ 1462
หลังจากที่วางข่ายอาคมลงไปแล้วหลินเทียนก็ได้ส่งเอายาทิพย์ให้กับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูก่อนที่จะพูดว่า
“เอาไปดูดกลืนสิ ”
“ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุได้พยักหน้าของมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมาก
ณ ตอนนี้มันและเสี่ยวไท่ชูได้เริ่มการดูดกลืนยาทิพย์ไปอย่างรวดเร็ว
บึ้สสส ~!
ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายของมันและเสี่ยวไท่ชูพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
เมื่อผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้วคลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ปะทุออกมาอย่างรุนแรงขณะที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างแผดกลิ่นอายของนิรันดร์อมตะออกมา
“ในที่สุดก็ก้าวมาถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะได้เสียที ! ”
จระเข้เบญจธาตุลืมตากลับขึ้นมาพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้มันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังอสูร ดวงวิญญาณและทะเลความรู้ของตัวเองดีว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากแต่ที่เปลี่ยนไปมากที่สุดนั้นคือร่างกายของมันที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นที่ทำให้ดวงตาของมันส่องประกายความตื่นเต้นออกมาไม่หยุด
“นี่คือเขตแดนนิรันดร์อมตะ ? มันคือการที่ร่างกายไม่มีวันถูกทำลาย ”
ดวงตาของมันเปล่งประกายออกมา
“อย่างแรกก็ควรจะปรับสมดุลให้เข้ากับมันก่อนนะ ”
หลินเทียนได้พูดออกมา
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันพร้อมทั้งหมุนวนพลังภายในร่างเพื่อเริ่มการปรับสมดุล
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกหลายวัน
วันนี้จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันลืมตากลับขึ้นมาด้วยระดับพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
“ชื่นใจจริงๆ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงโห่ร้องออกมา
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะว่าตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในเขตแดนใหญ่เขตแดนเดียวกันกับเขาแล้ว
“ไปกัน ”
เขาพูดออกมา
นี่ทำให้พวกเขารีบพากันไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ก้าวข้ามภูเขาและลำธารไปกว่าหลายสิบแห่ง
“แล้วจะไปไหนกัน ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมา
“ไปหาเหลา……….”
ระหว่างที่กำลังพูดอยู่สีหน้าของหลินเทียนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกขนหัวลุกพร้อมทั้งแหงนหน้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้า
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่เสี่ยวไท่ชูและจระเข้เบญจธาตุเองก็ได้หันมองไปในทิศทางเดียวกัน
“นั่นมัน ?! ”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุถึงกับหดเล็กลงอย่างฉับพลัน
“ปัญหามาแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นได้ว่ามีร่างของชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำกำลังยืนมองลงมาทางพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่แยแสเป็นอย่างมากซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายคือชายชราที่พวกเขาได้พบในแผ่นดินแปลกๆช่วงก่อนหน้านี้
เป็นเพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถูกหอกตรึงร่างเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้แต่เพียงแต่จิตสัมผัสอันเบาบางของมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหายนะซึ่งแน่นอนว่าที่มันปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็เพื่อจะหาตัวของพวกเขา
“หนีเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลที่มีร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่แถมคนอื่นๆก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะที่แข็งแกร่งก็ยังรู้ดีว่าพวกดเขาไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้
เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนได้สัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของอีกฝ่ายมาก่อนแล้วว่าต่อให้เป็นนิรันดร์แท้จริงก็ไม่มีทางต่อต้านมันได้
วิ้สส !
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งออกไปพร้อมๆกับคนอื่นๆด้วยความเร็วที่ทำให้มิติตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชายชราที่ยืนอยู่บนฟากฟ้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมยังคงมีร่างกายที่แห้งเหี่ยวเสมือนดั่งซากศพก็จริงแต่ทว่ากลิ่นอายที่เขาส่งออกมามันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
เขามองออกไปทางหลินเทียนก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหลินเทียนและคนอื่นๆพลางพูดว่า
“เอาตราจักรพรรดิหยวนมาซะ ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่แยแสสิ่งดีเสมือนว่าเป็นเสียงแก้วที่เสียดสีกันทำให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนแก้วหูจะฉีก
ระหว่างที่พูดเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยแต่กลับคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน
พริบตาที่มือถูกคว้าออกไปคลื่นพลังอันแข็งแกร่งก็ได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด
หลินเทียนได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นเพราะไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ดังนั้นถึงได้หมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเพื่อตอบโต้กลับไปด้วยง้าวอัสนี
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ต่างพากันเปิดฉากโจมตีพร้อมๆกันเพื่อผสานพลังอัดเข้าใส่ทางชายชรา
“ตู้มม ม~! ”
พลังทำลายของทั้งสองคนที่ส่งออกมาถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าของชายชราแล้วเขาทำเพียงแค่คว้ามือออกไปเปล่าๆโดยที่ไม่ได้ใช้พลังเทวะเลยด้วยซ้ำแต่ทว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของอีกฝ่ายกลับสามารถบดขยี้ทักษะเทวะของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ตู้มม ! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มม ! ”
หลินเทียนและคนอื่นๆถูกกระแทกปลิวออกไปไกลก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโต
“ไอ้แก่นี่มันแข็งแกร่งกว่าช่วงก่อนหน้านี้เสียอีก ดูเหมือนว่าจะฟื้นคืนกำลังกลับมาได้ส่วนหนึ่ง……..”
หัวใจของจระเข้เบญจธาตุสั่นไหวไม่หยุด
เป็นเพราะชายชราคนนี้ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัว
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้พลางส่งเสียงออกมาว่า
“หนีเร็ว”
เขาไม่มีความคิดที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายตรงๆอยู่แล้วดังนั้นถึงได้ใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์พุ่งหนีไปพร้อมๆกับคนอื่นๆด้วยความเร็วที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเก่า
ชายชรายังคงจับจ้องมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะก้าวออกมาขวางทางพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง
เขาได้คว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนอีกครั้งโดยที่แผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“บึ้สส ! ”
ฝ่ามือของอีกฝ่ายส่องประกายแสงออกมาซึ่งครั้งนี้มันผสมผสานพลังเทวะอยู่ด้วยทำให้มันกลายเป็นฝ่ามือที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่ามากและไม่ต่างไปจากการกดทับของห้วงจักรวาลเลยก็ว่าได้
นี่ทำให้มิติโดยรอบถูกกำจัดหายไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนและคนอื่นๆที่ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้รู้ดีว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
เขาได้ส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งคว้าเอาคริสตัลล้ำลึกสำหรับเคลื่อนย้ายพริบตาที่ได้มาจากขุมพลังทั้งสี่ออกมา
เขาส่งถ่ายพลังวิญญาณลงไปทำให้ประกายแสงโอบร่างของพวกเขาเอาไว้ก่อนที่จะหายตัวไปโดยทันที
ฝ่ามือของชายชราฟาดเข้าใส่จุดที่พวกเขาเคยอยู่ทำให้พื้นที่โยดรอบรัศมีกว่าหลายกิโลเมตรสลายหายไปอย่างฉับพลัน
สายตาของชายชรายังคงราบเรียบขณะที่มองออกไปยังฟากฟ้า
…………….
ภายในห้วงจักรวาลที่มืดมิด
บึ้สสส ~! ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งออกมาพร้อมทั้งปรากฏร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆ
ใต้เท้าของเขามีดาวขนาดใหญ่ซึ่งนั่นก็คือดาวตงเฮิง
“หนีเร็ว ”
หลินเทียนพูดออกมา
ก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะหนีมายังห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายเพราะมันมีความเป็นไปได้ที่จะทิ้งห่างศัตรูได้มากกว่าหนีอยู่ภายในดวงดาว
หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้พลังเทวะโอบร่างของคนอื่นๆเอาไว้แล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
และแทบจะในเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาพุ่งหนีไปนั้นประกายแสงก็ได้ถูกส่งออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งปรากฏร่างของชายชายที่มีสายตาที่ล้ำลึกและกำลังจ้องมองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก
หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไปอีกครั้งด้วยพลังที่ทำให้ห้วงอวกาศถึงกับบิดตัวอย่างน่ากลัว
………..
หลินเทียนนำคนอื่นๆพุ่งหนีผ่านห้วงจักรวาลไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสังเวยแก่นพลังของตัวเองและคนอื่นๆออกมาแล้วกระจายพวกมันออกไปในทิศทางต่างๆมากมายทั่วทั้งจักรวาล
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องไล่ล่าพวกเขามาอย่างแน่นอนดังนั้นถึงได้ใช้วิธีการนี้ป่วนจิตสัมผัสของมัน
“เป็นความคิดที่ดีหนิไอ้หนู ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“แบ่งกลิ่นอายออกไปมากมายแบบนี้แล้วมันคงยากจะหาตัวเราพบแน่ๆ ”
“ก็หวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งพุ่งหนีไป
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงขณะที่พวกเขาทิ้งห่างออกไปไกลมากแล้ว
“ไม่มีใครตามมาแล้วล่ะมั้ง ”
จระเข้เบญจธาตุหันมองกลับไปและถอนหายใจออกมาหลังจากที่ไม่เห็นร่างของชายชราแล้ว
หลินเทียนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาและยังคงพุ่งผ่านออกไปก่อนที่เขาจะรู้สึกขนหัวลุกไปอย่างฉับพลันทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับร่างของชายชราที่กำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบและในมือกำลังกำกลุ่มก้อนพลังเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือเศษเสี้ยวกลิ่นอายที่พวกเขากระจายมันออกไปก่อนหน้านี้
นี่แสดงให้เห็นว่าวิธีการของพวกเขาไม่ได้มีผลอะไรมากนัก
“ไอ้แก่เวรนี่ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความรู้สึกขนหัวลุกโดยทันที
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาขัดขวางการไล่ล่าของอีกฝ่าย
น่าเสียดายที่มันเปล่าประโยชน์เพราะชายชราสามารถบดขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย
ตอนที่ 1463
ชายชราคนนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้ว่าจะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแต่มันกลับให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
สายตาของอีกฝ่ายลึกล้ำและเย็นยะเยือกอย่างมาก
“หนีเร็วเจ้าหนู ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนได้หันมองออกไปด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งสังเวยทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุดแล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทิ้งระยะห่างออกจากชายชราเพราะอีกฝ่ายสามารถเข้าประชิดร่างของเขาได้อย่างง่ายดายแถมยังคว้าฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่ทางเขาและคนอื่นๆ
หลินเทียนและคนอื่นๆได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปตามๆกันและได้แต่มองไปยังฝ่ามือยักษ์ที่กดทับเข้าใส่โดยมิอาจขัดขืนได้
“ข้าเองก็ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะมาได้ไม่นานแต่กลับต้องกลายเป็นศพที่กองอยู่กับพื้นไป ?! ”
จระเข้เบญจธาตุถึงกับอยากร้องไห้ออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปและพยายามที่จะทำลายการพันธนาการนี้แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไร้ผลเนื่องจากอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งจนเกินไป
ตู้มม
ฝ่ามือของอีกฝ่ายได้เข้าประชิดร่างของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“บึ้สส ! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่ห่วงจักรวาลได้สั่นไหวก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดเข้าใส่อย่างรุนแรง
ปรากฏร่างของสัตว์อสูรที่รายล้อมไปด้วยเกล็ดสีดำทมิฬบนร่างกายที่ใหญ่โตไม่ได้ด้อยไปกว่าดวงดาวขึ้นตรงหน้าของพวกเขา
“โร๊ววว ! ”
ก่อนหน้านี้มันจำศีลอยู่ที่นี่และถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงการปะทะกันทำให้มันรู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังทำให้ห้วงจักรวาลที่อยู่โดยรอบถึงกับปริแตก
ฝ่ามือของชายชราถูกกระแทกกลับไปทำให้การปิดกั้นทั้งหมดสลายหายไปอย่างฉับพลัน
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนและคนอื่นๆต่างพากันพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งเกือบจะตายลงด้วยเงื้อมมือของอีกฝ่าย
“นั่นมัน …….. อสูรดวงดารา ?”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่จ้องมองกลับไป
“น่าจะใช่”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เป็นเพราะว่ามันมีบันทึกเกี่ยวกับอสูรดวงดาราอยู่ว่ามันถือเป็นหายนะแห่งห้วงจักรวาลที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
อีกฝ่ายเป็นอสูรที่อยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลซึ่งอาศัยการดูดกลืนแก่นพลังจากดาวเป็นอาหารทำให้แข็งแกร่งถึงขั้นสังหารเขตแดนอนันตกาลลงได้ง่ายๆ
“โร๊วว ~! ”
อสูรดวงดาราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังด้วยคลื่นพลังที่ทำให้ท้องไส้ของพวกเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ดวงตาขนาดใหญ่ของมันจ้องมองออกไปขณะที่มันอ้าปากดูดกลืนแก่นดาวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลรวมถึงร่างของชายชราเข้าไปด้วย
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะออกมาว่า
“ไอ้แก่นั่นโชคร้ายจริงๆเลยนะ ! สมน้ำหน้ามัน ! ”
หลินเทียนเองก็ผงะไปไม่น้อยเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะถูกกินไปง่ายๆแบบนี้เลย ?
อสูรดวงดาราร่างยักษ์ที่กลืนชายชราลงไปแล้วได้หันมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายอย่างเคย
“โร๊ววว ! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งสร้างแรงดึงดูดอันรุนแรงดูดเขาร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆเข้าหาตัวเอง
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมันได้สั่นไหวก่อนที่จะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาทำให้แรงดูดที่มีต่อหลินเทียนและคนอื่นๆสลายหายไป
พุฟฟฟ ~!
กองเลือดระเบิดออกมาจากช่องท้องของมันขณะที่ชายชราก้าวเดินออกมาด้วยร่างกายที่ชโลมไปด้วยเลือด
หลินเทียนและคนอื่นๆที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอดสั่นไปไม่ได้เพราะชายชราคนนั้นสามารถฉีกหน้าท้องของอีกฝ่ายออกมาได้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยแม้แต่น้อย
ช่องท้องที่ถูกฉีกออกทำให้เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
อย่างไรก็ตามพลังแห่งดวงดาราได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของมันพร้อมทั้งรีบรักษาอาการบาดเจ็บไปอย่างรวดเร็ว
ณ ตอนนี้มันได้แต่จ้องมองลงมาทางชายชราด้วยสายตาที่โกรธจัดถึงขีดสุดพร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังก่อนที่จะอ้าปากงับเข้าใส่ร่างของชายชราอย่างไม่รอช้า
ครั้งนี้มันไม่ได้คิดจะกลืนร่างของชายชราลงไปอีกแต่ต้องการจะเคี้ยวร่างของอีกฝ่ายให้ตายคาปากของมัน
วินาทีนี้เองที่ปากของมันได้อ้าออกกว้างพร้อมทั้งเผยให้เห็นซี่ฟันที่ให้ความรู้สึกน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
ชายชรายังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาโดยที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปทางหลินเทียนและไม่ได้สนใจอสูรดวงดาราเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาพร้อมทั้งส่งคลื่นลำแสงสีดำออกไป
มันเป็นลำแสงที่เย็นยะเยือกและหม่นหมองเป็นอย่างมากก่อนที่จะทะลวงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายไป
วินาทีนี้เองที่อสูรดวงดาราได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวออกมาก่อนที่ร่างกายจะระเบิดออกแล้วตกตายลงโดยทันที
กองเลือดสีแดงสดเจิ่งนองไปทั่วพื้นที่แห่งนี้
หลินเทียนและคนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปได้แต่อดสั่นไปไม่ได้
“นี่มัน…….”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุถึงกับเบิกกว้างขึ้น
เสี่ยวไท่ชูได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปด้วยร่างกายที่สั่นๆของมัน
หลินเทียนเองก็รู้สึกชาไปทั้งตัวไม่ต่างกัน
เป็นเพราะว่าอสูรดวงดารานั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวและถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหายนะแห่งห้วงจักรวาลทว่ากลับถูกชายชราสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้
“ไอ้หนูรีบหนีกันเร็ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงสั่นๆออกมาเพราะว่าอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งเกินไปถึงขั้นทำให้มันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
หลินเทียนเองก็รีบใช้พลังโอบร่างพวกเขาเอาไว้พร้อมทั้งพุ่งหนีไปอย่างไม่รอช้า
เป็นเพราะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่ร้ายกาจแบบนี้แล้วพวกเขาทำได้เพียงแค่หนีไปเท่านั้น
วิ้สส ! เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งหนีไปไกลพร้อมๆกับคนอื่นๆ
ชายชราที่ยืนอยู่ด้วยร่างที่ชโลมไปด้วยเลือดของอสูรดวงดารายังคงจ้องมองไปทางทิศที่หลินเทียนพุ่งหนีไปพร้อมทั้งก้าวเทาออกไปโดยที่ใช้พลังปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้อีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็เข้าประชิดร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆ
หลินเทียนและคนอื่นๆต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงและได้แต่จ้องมองไปยังร่างของชายชราที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะหยิบเอาตราจักรพรรดหยวนที่ได้มาก่อนหน้านี้แล้วพูดว่า
“อย่าขยับไม่งั้นข้าจะทำลายมัน ! ”
มันเป็นตราขนาดเท่าฝ่ามือสลักอักษรคำว่าหยวนเอาไว้ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแม้จะไม่รู้ว่ามีเอาไว้ทำอะไรได้ก็ตามแต่ก็ตระหนักดีว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับมันเอามากๆ
แต่ความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้เพราะชายชราให้ความสำคัญกับมันมากถึงขั้นที่หยุดเท้าลงโดยทันที
ทว่ามันเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะระเบิดออกมาโอบร่างของหลินเทียนเอาไว้
“อย่างเจ้าน่ะรึจะสามารถทำลายมันได้ ? ”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่รู้สึกสั่นสะท้านไป
“ครั้งนี้ซวยแล้วแน่ๆ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
สีหน้าของหลินเทียนในตอนนี้ดูน่าเกลียดเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อยและได้แต่มองไปยังคลื่นพลังทำลายล้างที่กำลังกดทับเข้ามา
บึ้สส !
มันเป็นตอนนี้เองที่ตราในมือของเขาได้ส่องประกายแสงอันทรงพลังออกมาพร้อมกระเพื่อมออกไปรอบทิศทาง
นี่ทำให้ฝ่ามือที่กำลังกดทับเข้าใส่ได้แหลกสลายหายไปก่อนที่ร่างของชายชราจะถูกกระแทกออกไปไกล
มิติโดยรอบได้กลับมาอยู่ในสภาพปกติทำให้พวกเขาสามารถขยับร่างกายได้อีกครั้ง
บึ้สส ~!
ตราในมือของเขาส่องประกายแสงที่อบอุ่นและยิ่งใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
“นี่มัน……”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
เป็นเพราะตั้งแต่ที่ได้รับมันมาเขาก็ใช้เวลาศึกษามันอยู่นานแต่ก็ไม่พบอะไรแถมยังไม่สามารถใช้งานมันได้แต่ครั้งนี้มันกลับเคลื่อนไหวด้วยตัวเองพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังออกมากระแทกร่างของชายชราจนปลิวออกไปไกล
“บึ้สส ! ”
มันเป็นประกายแสงที่ทรงพลังเสมือนว่าสามารถคงอยู่ได้ตลอดไป
ชายชราที่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลได้พยุงร่างตัวเองกลับขึ้นมาอีกครั้งขณะที่สายตาจับจ้องไปยังตราที่อยู่ในมือของหลินเทียนอย่างไม่วางตา
เขาพุ่งออกมาพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่หลินเทียนพลางพูดว่า
“เอามา ! ”
หลินเทียนผงะไปพร้อมทั้งซัดตรานี้เข้าใส่อีกฝ่าย
ตู้มม ~!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลทำให้เลือดสาดกระจายไปทั่วพื้นที่
ภาพเหล่านี้ทำให้หลินเทียนและคนอื่นๆได้แต่โง่งมไปทันทีเพราะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ร้ายกาจอะไรได้แต่กลับสามารถสร้างความเสียหายให้กับชายชราได้อย่างง่ายดาย
ชายชราได้พยุงร่างตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสภาพหน้าอกที่เลือดไหลทะลักออกมาจากแผลเก่าที่เคยถูกหอกแทงเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่าบาดแผลยังไม่หายดีสมบูรณ์
“ไอ้พวกมดปลวก ! ”
เขาจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างมากขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน
ตอนที่ 1464
ลำแสงสังหารทั้งหลายอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวเสมือนว่าสามารถสังหารได้ทุกสิ่งแถมฝ่ามือของอีกฝ่ายเองก็ยังปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปทั่วเสมือนว่ากำลังถูกเทพแห่งความตายคว้าคอของเขาเอาไว้
เขากัดฟันเอาไว้แน่นโดยที่ไม่สามารถถอยหนีไปไหนได้และมีเพียงตราภายในมือของเขาเท่านั้นที่เป็นเพียงความหวังเดียวดังนั้นถึงได้ซัดมันออกไปด้านหน้าโดยทันที
“บึ้สสส ~! ”
คลื่นพลังทำลายล้างอันทรงพลังได้แผดออกไปรอบทิศทาง
เสียง ฟึ้บบ ~! ถูกส่งออกมาขณะที่พลังทำลายล้างทั้งหมดได้แหลกสลายหายไปก่อนที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายจะกระแทกเข้ากับตราประทับนี้อย่างจังทำให้ร่างของชายชราถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลอีกครั้งก่อนที่แขนทั้งข้างจะแหลกสลายหายไป
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาขณะที่คนอื่นๆถึงกับอ้าปากค้างไประหว่างที่มองไปยังร่างของชายชราที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ตราประทับในมือของหลินเทียน
“นี่มันจะ….สุดยอดเกินไปแล้ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุสูดหายใจเข้าลึก
ชายชราคนนั้นมันแข็งแกร่งอย่างมากเพราะถึงขนาดที่สามารถสังหารอสูรดวงดาราได้อย่างง่ายดายทว่ากลับถูกตราประทับที่ส่องประกายแสงสีน้ำเงินออกมากระแทกปลิวออกไปไกลหลายต่อหลายครั้งแถมยังทำลายท่อนแขนของอีกฝ่ายไปแบบนี้นี่มันน่ากลัวอย่างมาก
เสี่ยวไท่ชูเองก็อดสั่นไปไม่ได้และได้แต่จ้องมองไปยังตราประทับในมือของหลินเทียน
หลินเทียนก้มมองลงไปยังตราในมือที่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมาพร้อมทั้งคิดว่า…….มันน่ากลัวจริงๆ
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากสถานที่ๆอยู่ห่างออกไปขณะที่ชายชราลุกกลับขึ้นมาพร้อมๆกับแขนที่ก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยสายตาที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเองที่เขาได้พุ่งเข้าหาทางหลินเทียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อก่อนที่จะเหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่อีกครั้ง
มันเป็นกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังไม่ต่างไปจากการกดทับของหมู่ดาวเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของมันได้เป็นอย่างดีแต่ก็สุขุมกว่าก่อนหน้านี้มากและซัดตราประทับออกไปรับเอาไว้
ตู้มม ~!
ตรประทับส่องประกายแสงและคลื่นพลังที่อ่อนโยนออกมาอัดกระแทกร่างของชายชราจนลอยเคว้งออกไปไกลกว่าหลายร้อยเมตรถึงจะพยุงตัวเองกลับขึ้นมาได้
ที่หน้าอกของอีกฝ่ายมีเลือดไหลทะลักออกมาขณะที่อีกฝ่ายได้แต่จ้องมองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายอย่างมาก
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพลางจ้องมองไปยังหน้าอกที่เลือดไหลทะลักของอีกฝ่ายและพูดว่า
“ไอ้แก่ เจ้าซวยแล้วล่ะ ”
เขาส่งเสียงนี้ออกมาพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง
ทึ้มม ~!
เขากำตรานี้เอาไว้ในมือพร้อมทั้งซัดหมัดอันทรงพลังออกไปอัดเข้าใส่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย
เป็นเพราะตอนนี้เขายืนยันได้แล้วว่ามันเป็นตราประทับที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงขั้นที่สามารถสยบอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายดังนั้นถึงได้เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีด้วยตัวเอง
เนื่องจากอีกฝ่ายเพ่งเล็งมาที่นี่แถมยังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นหากว่าไม่ใช้โอกาสนี้ระหว่างที่พละกำลังของอีกฝ่ายยังไม่ฟื้นคืนกลับมาจัดการมันนั้น ในอนาคตก็จะกลายเป็นอันตรายครั้งใหญ่แน่ๆเพราะหากว่าอีกฝ่ายฟื้นคืนพลังได้เมื่อไหร่แล้วแต่ให้มีตรานี้คอยช่วยเหลือก็ยังไม่เพียงพอ
“บึ้สส ~! ”
เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังออกไปพร้อมทั้งอัดกระแทกเข้ากลางหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างจัง
ตู้มม ~!
หมัดอันทรงพลังของเขาได้กระแทกเข้ากลางหน้าอกของอีกฝ่ายทำให้เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีด้วยตัวเองแบบนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็ตระหนักดีว่าหลินเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้
“ฆ่ามันเลย ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
ชายชราคนนี้นั้นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขามากดังนั้นถึงต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด
ชายชราที่อยู่ห่างออกไปในตอนนี้โชกไปด้วยเลือดขณะที่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นชามากกว่าเก่าแล้วพูดว่า
“เจ้ามดปลวก ! ”
“มดแม่เจ้าน่ะสิ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่อีกครั้ง
ชายชราส่งคลื่นพลังสีดำออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้แต่มันก็ยังเปล่าประโยชน์เนื่องจากประกายแสงสีน้ำเงินที่ห่อหุ้มมันทำลายได้ทุกสิ่งก่อนที่จะอัดกระแทกเข้ากลางหน้าอกของอีกฝ่ายจนซัดร่างของมันปลิวออกไปไกล
เลือดไหลทะลักออกมาทั่วทั้งห้วงมิติให้ความรู้สึกที่น่าสยดสยองอย่างมาก
“วิ้สส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่หลินเทียนไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดร่างของชายชราแล้วเหวี่ยงหมัดอัดซ้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ชายชราส่งเสียงกระอักเลือดออกมาขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่ชโลมไปด้วยเลือด
“ไอ้หนูนี่มันชั่วได้ใจจริงๆ เล่นอัดเข้าใส่แผลเก่าของตาเฒ่านั้นไม่หยุด ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้พุ่งเข้าประชิดร่างของชายชราพลางซัดเข้าใส่อย่างไม่ยั้งมือ
“ทึ้มม ~! ”
เขาซัดหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
เสียง ตู้มม ~! ถูกส่งออกมาไม่หยุดขณะที่หมัดของเขากระแทกเข้าใส่หน้าอกของชายชราซ้ำๆโดยที่พุ่งเป้าทั้งหมดไปที่บาดแผลเก่าของมัน
พุฟฟ ~!
หน้าอกของชายชราได้ระเบิดออกพร้อมเผยให้เห็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่หัวใจแหลกเหลวไม่มีเหลือจนกลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างมาก
“นี่คือแผลที่ได้รับมาจากหอกนั่น ? หัวใจแหลกสลายไม่มีเหลือถึงขั้นที่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูได้ ?”
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าบาดแผลที่อีกฝ่ายได้รับไปก่อนหน้านี้มันจะทรงพลังขนาดนี้
หลินเทียนที่เห็นเช่นนั้นถึงกับผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเรียกสติกลับมาและไม่ลังเลเลยที่จะเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไปอีกครั้ง
“ตู้มมม ~! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มม ~! ”
แต่ละหมัดของเขาที่กระแทกเข้าใส่นั้นทรงพลังถึงขั้นทำให้หัวใจของชายชราแหลกสลายหายไป
“พอได้แล้ว ! ”
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งแผดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมากระแทกร่างหลินเทียน
เขาโบกมือขวาออกไปพร้อมทั้งสังเวยเอาหอกแหลมที่รายล้อมไปด้วยรอยแตกร้าวเสมือนเพียงแค่แตะก็สามารถทำลายมันไดแต่กลับส่งกลิ่นอายที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปเพราะเขาจำได้ว่ามันเป็นหอกเล่มเดียวกับที่ทะลวงผ่านหน้าอกของอีกฝ่ายเพราะไม่คิดเลยว่าจะสามารถชิงเอามาได้
แน่นอนว่ามันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงอย่างมากแถมยังมีพลังทำลายล้างสูงถึงขั้นที่ก้าวไกลกว่าอาวุธนิรันดร์แท้จริงมาก
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปเองก็เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
“แกร๊ง ! ”
เสียงอาวุธคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ชายชราซึ่งกำหอกเอาไว้ในมือได้แทงมันเข้าใส่ทางหลินเทียน
สายตาของอีกฝ่ายเย็นยะเยือกถึงขีดสุดระหว่างที่แทงหอกในมือออกไปด้วยพลังทำลายที่ทำให้ม่านจักรวาลถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะบิดตัวเสมือนว่ากำลังจะแหลกสลายหายไป
หลินเทียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุดทำให้เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้ถอยหนีไปไหนเพราะรู้ดีว่าไม่สามารถเบี่ยงหลบมันได้ดังนั้นถึงได้กำตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไป
“โร๊วว ~~~ !”
เสียงมังกรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ภาพร่างของมังกรและนกฟินิกซ์พุ่งอัดกระแทกเข้ากับหอกสังหารของชายชราทำให้เกิดคลื่นระเบิดออกมาอย่างดัง
ตู้มม ~!
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงก่อนที่จะถูกกระแทกถอยกลับไปไกลด้วยความรู้สึกชาไปทั้งตัว
อีกฝ่ายเองก็รับพลังทำลายล้างที่รุนแรงไปไม่ต่างกันก่อนที่จะถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่โชกไปด้วยเลือด
แน่นอนว่ามันเป็นการปะทะกันที่หลินเทียนยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ดูเหมือนว่าด้วยหอกนั่นก็ยังเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้สินะ ”
หลินเทียนแสยะออกมา
ชายชราที่กำหอกเอาไว้ในมือนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแต่น่าเสียดายที่ตราประทับในมือของหลินเทียนมันแข็งแกร่งยิ่งกว่า
เขาหันมองออกไปทางชายชราด้วยร่างกายที่รู้สึกปวดร้าวแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลซ้ำออกไป
ชายชรากำหอกในมือขวาเอาไว้แน่นก่อนที่จะแทงหอกออกไปด้านหน้าอย่างไม่ปราณี
การโจมตีของทั้งสองได้อัดกระแทกเข้าใส่กันอีกครั้ง
“ตู้มม ~! ”
ร่างชองชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่แตกร้าวพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ตอนที่ 1465
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่แหลกเป็นเสี่ยงๆ
หลินเทียนเองก็สั่นสะท้านไปไม่ต่างกันเพราะเขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา
“มาต่อกัน ”
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งกระโดดออกไปพลางเหวี่ยงหมัดอัดเข้าใส่ร่างของชายชราไปอีกครั้ง
ทึ้มม ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาพร้อมๆกับพลังทำลายล้างของหมัดจักรพรรดิโกลาหล
ชายชราได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพร้อมทั้งซัดหอกออกไปโดยที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของตัวเองแม้แต่น้อย
การปะทะกันของพวกเขาทั้งสองก่อให้เกิดคลื่นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ~! ”
“ตู้ม ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาระหว่างที่ร่างของทั้งสองลอยเคว้งออกไปไกล
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งสังเวยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกมาและสร้างเขตแดนสายฟ้าขึ้น
นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีเงินอย่างฉับพลัน
มันเป็นเขตแดนที่สามารถเคลื่อนย้ายร่างของเขาไปที่ใดก็ได้ภายใต้รัศมีสายฟ้าของมันทำให้ร่างของเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างฉับพลัน
“ทึ้มม ~! ”
ตัวเขาได้เหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกมาอัดเข้าใส่ร่างของชายชราไปพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าสีเงินที่ทรงพลังอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้ร่างของชายชราพุ่งกระเด็นออกไปไกลด้วยสภาพที่ไม่ต่างไปจากอุกกาบาตเลยก็ว่าได้
กองเลือดมากมายสาดกระเซ็นออกไปทั้งสองข้างทาง
หลินเทียนมองออกไปยังร่างของชายชราที่ลอยเคว้งออกไปไกลซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ออกไปจากอาณาเขตของเขาดังนั้นถึงได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำเข้าใส่
“อั๊กก ~! ”
ชายชรากระอักเลือดออกมาขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่น่าสังเวชอย่างมาก
แต่นี่ยังไม่จบเพราะหลังจากที่สังเวยเอาเขตแดนนี้ออกมาแล้วความเร็วของหลินเทียนนั้นสูงถึงขั้นที่ไม่จำเป็นจ้องขยับแม้แต่น้อยพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพลางเหวี่ยงหมัดอัดเข้าใส่ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียง วิ้ส ~! ถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนย่นระยะไปอยู่ตรงหน้าร่างของชายชราพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่องทำให้สภาพของชายชรายิ่งตกต่ำลงอย่างมาก
“สลายไปซะ ! ”
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปลดปล่อยลำแสงสีดำทมิฬออกไปรอบทิศทางทำให้อาณาเขตสายฟ้าของหลินเทียนสลายหายไป
แกร๊ง ~!
หอกในมือของเขาได้สั่นไหวก่อนที่จะซัดมันเข้าใส่ทางศีรษะของหลินเทียนด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลินเทียนใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์เบี่ยงหลบการโจมตีนี้ไปก่อนที่จะสวนกลับเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่าย
ชายชราตวัดหอกกลับมารับหมัดของหลินเทียนเอาไว้พร้อมทั้งใช้มือซ้ายคว้าเข้าใส่ศีรษะของหลินเทียน
หลินเทียนรีบถอยร่นกลับไปเพื่อหลบการโจมตีนี้ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลซ้ำออกไปอีกครั้ง
ชายชราพยายามป้องกันการโจมตีเอาไว้ด้วยหอกของเขาแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถป้องกันได้ทำให้ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลกว่าหลายร้อยเมตร
“ไอ้มดปลวก ! ”
เขาส่งเสียงออกมาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกอย่างมากขณะที่อาการบาดเจ็บที่หน้าอกยิ่งทรุดตัวลงทำให้เลือดไหลทะลักออกมา
หลินเทียนแสยะตอบกลับไปว่า
“การที่เจ้าถูกข้าต่อยปลิวซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้แล้วยังเรียกข้าว่ามดแล้วเจ้าเป็นอะไรกัน ? ขี้หมา ? ”
นี่ทำให้สายตาของชายชรายิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกพร้อมทั้งซัดหอกอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้ายถึงขีดสุด
ระหว่างที่โจมตีออกไปสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ตราประทับในมือของหลินเทียนอย่างไม่วางตา
“อยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้แล้วยังคิดจะชิงมันไปจากข้าอีก ? ”
หลินเทียนแสยะออกมา
เขาพุ่งออกไปโดยที่ไม่เบี่ยงหลบการโจมตีแม้แต่น้อยก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไป
“ทึ้มม ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่พลังของตราประทับและหมักจักรพรรดิโกลาหลผสานเข้าใส่กัน
การปะทะกันของพวกเขาก่อให้เกิดคลื่นแรงระเบิดอันทรงพลังกระจายตัวออกไปทั่วทั้งจักรวาล
หลังจากนั้นพวกเขาก็ยังคงอัดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง
ตู้มม ~!
ร่างกายของชายชราสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงสีดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาทำให้ระดับพลังเพิ่งสูงขึ้นกว่าเก่าและส่งผลให้หลินเทียนถูกกระแทกถอยกลับไป
“ฝืนใช้ทักษะเทวะ ? ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว ”
ณ ตอนนี้แม้จะพบว่าระดับพลังของอีกฝ่ายเพิ่มสูงขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากว่าด้วยสภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้แล้วมันไม่มีทางที่จะคงสภาพนี้ไว้ได้นานนัก
เขากำหมัดเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงออกไปตอบโต้มัน
ตู้มมม ~!
แรงระเบิดอันทรงพลังทำให้ม่านฟ้าถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
ชายชราที่ฝืนดึงพลังออกมาใช้เองก็ยังคงจ้องเขม็งไปยังตราในมือของหลินเทียนพร้อมทั้งซัดหอกออกไปปะทะอย่างไม่ยอมแพ้จึงทำให้ห้วงจักรวาลสั่นไหวไม่หยุด
ตู้มม
ตู้ม !
ตู้มมม !
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ห้วงมิติโดยรอบถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปได้แต่ผงะไปกับพลังทำลายระดับนี้
แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายความดุร้ายออกมาพลางหันไปพูดกับเสี่ยวไท่ชูว่า
“เจ้าหนู พวกเราก็รวมพลังกันเถอะเพราะถึงแม้ว่าจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้แต่ก็พอจะก่อกวนมันได้บ้าง ”
เสี่ยวไท่ชูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าตอบรับเพราะเห็นด้วยกับความคิดนี้
บึ้สส ~!
เสี่ยวไท่ชูกระพือปีกสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังออกมากดทับเข้าใส่ทางชายชราอย่างไม่รอช้า
จระเข้เบญจธาตุเองก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังของมันออกมา
ทักษะทั้งสองผสานกันก่อนที่จะพุ่งอัดเข้าใส่ร่างของชายชราทำให้อีกฝ่ายแทบจะถูกกระแทกปลิวออกไป
“พวกสัตว์ชั้นต่ำ ! ”
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวพลางหันมองกลับไปทางทั้งสองคนเพราะแม้การโจมตีเหล่านี้จะทำอะไรเขาไม่ได้แต่มันก็ขัดขวางรูปแบบการโจมตีของเขา
“ไอ้แก่กำลังมองไปทางไหนกัน คู่ต่อสู้เจ้าอยู่นี่ ”
หลินเทียนพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอัดเสยคางของชายชราอย่างจัง
ตู้มม ~!
ร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่ฟันเกือบร่วงหมดปาก
หลินเทียนหันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูพร้อมยกนิ้วให้
“ทำได้ดีมาก ! ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็พุ่งเข้าใส่ร่างของชายชราพร้อมทั้งสังเวยทักษะเพลงกระบี่ศุกลสวรรค์ออกมาฟาดฟันเข้าใส่อย่างไม่รอช้า
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังสนั่นหวั่นไหว
ชายชรารีบแทงหอกออกไปรับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้ขณะที่ลำแสงสีดำพุ่งเข้าใส่ศีรษะของหลินเทียน
หลินเทียนไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อยพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดออกไปรับการโจมตีเอาไว้และสร้างคลื่นพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงออกมา
นี่เปิดโอกาสให้จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูได้สังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของชายชราอีกครั้ง
ตู้มม
ร่างของชายชรากระเด็นออกไป
“รนหาที่ตายนักนะ ! ”
ชายชราได้หันมองออกไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูด้วยสายตาที่ดุร้ายและอาฆาตอย่างมาก
“หอนอยู่ทำไมกัน ? เก่งจริงก็มากัดลุงจระเข้สิ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
ชายชราที่มีชีวิตอยู่มาอย่างเนิ่นนานแต่กลับถูกยั่วยุขนาดนี้ทำให้เขาพุ่งเข้าหาทางจระเข้เบญจธาตุด้วยกลิ่นอายที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
“เหอะ ! ”
เสียงแสยะถูกส่งออกมาจากทางหลินเทียนขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของชายชราพร้อมทั้งซัดหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังอัดเข้าใส่กลางหลังของอีกฝ่ายหลังจากที่ได้ทั้งสองช่วยซื้อเวลาเอาไว้ให้
“อั๊ก ~! ”
ชายชราส่งเสียงออกมาขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกล
หลินเทียนพุ่งไล่ตามเขาไปพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้ชายชราได้แต่ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาอย่างดังพลางซัดหอกอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม วินาทีที่เขาเปิดฉากโจมตีออกไปก็ต้องเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูทำให้เขาชะงักไป
“ระยำเอ้ย ! ”
เขาหันมองกลับไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่ดุร้ายถึงขีดสุดพลางพุ่งออกไป
แต่วินาทีนี้เองที่หลินเทียนได้ฉวยโอกาสเหวี่ยงหมัดอัดเข้าใส่กลางหน้าอกอย่างจัง
ตู้มมม ~!
ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่เต็มไปด้วยบาดแผลถึงขั้นเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุดก่อนที่จะยืนกลับขึ้นมาอย่างยากลำบาก
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่ประกายแสงสีดำอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่ร่างกายของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาทำให้แรงกดดันที่กำลังเพิ่งสูงขึ้นหดหายไปแถมกลิ่นอายยังแผ่วลงยิ่งกว่าตอนแรกด้วยซ้ำ
ขนาดมือที่กำลังกำหอกเอาไว้เองก็ยังสั่นไหวไม่หยุด
“พลังงานที่ฝืนใช้ได้หมดแล้ว ? ”
หลินเทียนแสยะออกมา
ปากและหน้าอกของชายชรามีเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุดแต่แววตาของเขายังคงส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
หลินเทียนพุ่งออกไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งพูดว่า
“จะตายอยู่แล้วยังกล้าปลดปล่อยจิตสังหารใส่ข้าอีกงั้นรึ ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังออกไปอัดเข้าใส่แก้มของชายชราอย่างจัง
“ตู้มม ~! ”
ร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดขณะที่หอกในมือสั่นสะท้านไม่หยุด
ประกายแสงสีน้ำเงินสาดส่องออกมาขณะที่หลินเทียนเหวี่ยงหมัดของเขาออกไปอีกครั้ง
ชายชราคว้าหอกขึ้นมากันเอาไว้ก่อนที่จะถูกกระแทกปลิวออกไปไกลขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
“มา ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
เขาก้าวเดินออกไปพร้อมๆกับเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายทำให้มีเสียงกระแทกถูกส่งออกมาอย่างดัง
ตู้มม ~!
ร่างกายของชายชราถึงกับชโลมไปด้วยเลือดแต่ก็ยังคงปลดปล่อยลำแสงสีดำออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นไม่หยุด
“ข้าฝากตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้ที่เจ้าก่อนแล้วกัน หลังจากที่ข้ากลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วข้าจะกลับมาเอา ! ”
เขาจ้องมองไปยังตราในมือของหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายก่อนที่จะพุ่งหนีไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
ตอนที่ 1466
ชายชราพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากถึงขั้นที่หายไปสุดขอบฟ้า
“อย่าหนีสิ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ! ”
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่หลินเทียนจะปล่อยโอกาสทองครั้งนี้ไปได้พร้อมทั้งรีบพุ่งไล่ตามมันไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
แกร๊ง !
เสียงกระบี่พุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
พุฟฟ ~!
ร่างของชายชราได้ถูกกระบี่นี้ทะลวงผ่านร่างไปทำให้เลือดไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของเขาไม่หยุด
เขาหันกลับมามองไปทางหลินเทียนและยังคงพยายามพุ่งหนีต่อไปเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถต่อสู้กับหลินเทียนได้ในตอนนี้
“จะตายอยู่แล้วยังอวดดีอีกนะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมา
เขากำตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้ในมือพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอย่างไม่รอช้า
เสียง ฟึ้บบ ~ ถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นลำแสงสังหารอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปอัดกระแทกเข้าใส่กลางหลังของชายชราอย่างจัง
ตู้มมม ~! ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
แถมตอนนี้ร่างกายอีกฝ่ายเองก็ยังรายล้อมไปด้วยรอยแตกร้าวที่แผดขยายออกไปรอบทิศทาง
“ไอ้มดปลวก ! ”
เขาหันมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกอย่างมากพร้อมทั้งพุ่งหนีไปโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
“มดแม่เจ้าน่ะสิ ”
หลินเทียนก่นด่าออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงคลื่นพลังทำลายล้างออกไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงซึ่งกลิ่นอายของชายชราในตอนนี้แผ่วลงอย่างมากดังนั้นถึงได้ฉีกห้วงจักรวาลตรงหน้าด้วยมือเปล่าพร้อมทั้งพุ่งหนีหายไปจากทัศนวิสัยของทุกคนภายในชั่วพริบตา
“ช่องว่างจักรวาล ?! ขนาดอยู่ในสภาพกึ่งตายแบบนี้แล้วมันยังสามารถฉีกห้วงจักรวาลหนีไปได้ ?! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไป
“อย่างน้อยๆตอนนี้ระดับพลังของเขาก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงดังนั้นการจะฉีกช่วงว่างจักรวาลก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ”
หลินเทียนพูดจบก็หันมองออกไปแล้วกัดฟันพูดต่อว่า
“ไล่ตามมันไป ! ”
แม้จะไม่รู้ว่าชายชราหลบหนีไปในทิศทางไหนแต่เขาก็ยังไม่อยากจะปล่อยอีกฝ่ายไปไม่งั้นหากว่าอาการบาดเจ็บของมันหายเป็นปกติแล้วก็จะกลายเป็นหายนะสำหรับเขาไปทันที
“วิ้สส ~! ”
เขาสังเวยทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังลงไปภายในตราประทับในมือและทำให้เกิดช่องว่างอยู่ตรงหน้าพลางก้าวเข้าไปก่อนที่จะหายตัวไปจากจุดๆนั้น
พื้นที่โดยรอบของเขารายล้อมไปด้วยความมืดมิดและหลังจากนั้นไม่รู้ว่านานขนาดไหนก็ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกมาจากมัน
“ที่นี่คือ ? ”
พวกเขาพากันผงะไป
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้ว่ามันเป็นโลกกว้างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขุนเขามากมายที่ดูสง่างามและยิ่งใหญ่กว่าดาวตงเฮิงอยู่มากหลายเท่า
“ไม่ใช่ห้วงจักรวาล ? ที่นี่ที่ไหนกัน ?”
จระเข้เบญจธาตุได้ผงะไป
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันก่อนที่จะหันมองไปทางทิศตะวันออกและเห็นร่างของชายชราที่กำลังพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“ไล่ตามมันไป ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งรีบพุ่งตามร่างของอีกฝ่ายไปอย่างไม่รอช้า
เป็นเพราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือใคร
“วิ้สสส ! ”
เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากตราจักรพรรดิหยวนในมือถึงได้ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นมากและเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายได้ภายในพริบตาก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดอัดร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปทำให้มันถล่มลงมา
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพุ่งหนีไปอย่างไม่รอช้า
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพวยพุ่งเข้าใส่ทางร่างของชายชราอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นกระบี่เหล่านี้ได้อัดกระแทกเข้าใส่ร่างของชายชราจนลอยเคว้งออกไปไกลสุดขอบฟ้า
วิ้สส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาระหว่างที่ชายชราที่มีกลิ่นอายอันเบาบางได้ลุกกลับขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งหนีไปอีกครั้ง
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาหลังจากที่มันได้ฉีกห้วงมิติตรงหน้าแล้วหนีไปอีกครั้ง
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งยกตราประทับในมือขึ้นมาเพื่อพยายามไล่ตาม
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลง
“เป็นอะไรไปล่ะเจ้าหนู ? ไล่ตามมันไปซะ นี่น่ะโอกาสทองในการฆ่ามันเลยนะ ไม่งั้นหลังจากนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
“ข้ารู้แล้ว ”
หลินเทียนจ้องมองออกไปยังช่องว่างมิติตรงหน้าก่อนที่จะพูดต่อว่า
“น่าเสียดายที่เราไล่ตามไม่ได้แล้ว ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้ปล่อยมือออกจากตราประทับเนื่องจากประกายแสงที่ส่งออกมามันหม่นหมองลงแล้ว
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไประหว่างที่มองไปยังตราในมือของหลินเทียนแล้วพูดว่า
“นี่…….ไม่สามารถไล่ตามมันได้อีกแล้ว ”
เป็นเพราะชายชรานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่ก็ยังแข็งแกร่งไร้เทียมทานและเหตุผลที่พวกเขาสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ก็เป็นเพราะตราประทับในมือนี้ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะตายไปแล้วและในเมื่อพลังที่ได้มาได้สลายหายไปแล้วจะให้ไล่ตามได้อย่างไรกัน ?
การกระทำเช่นนั้นมันรนหาที่ตายชัดๆ
“โชคดีที่มันไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้ไม่งั้นเราก็คงจะตายไปแล้ว ”
มันได้แต่คอหดไป
หลินเทียนพยักหน้าของเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“น่าเสียดายที่พลังของมันหมดไปก่อนที่จะจัดการกับมันได้ ”
เป็นเพราะว่าชายชรานั้นพุ่งเป้ามาที่เขาเนื่องจากตราประทับและเจดีย์ราชันอมตะแต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายไปได้นี่ทำให้เพิ่มอันตรายให้กับตัวพวกเขาเองมากขึ้นไปอีก
“น่าเสียดายจริงๆนั่นแหละ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าตรานี่มันจะไม่ธรรมดาๆเลยนะ ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ร้ายกาจใดๆจากประกายแสงสีครามนั่นได้เลยแต่กลับให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง ”
ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นตราประทับที่ไม่ธรรมดาอย่างมากเนื่องจากมันเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานอย่างไรและมีประโยชน์อะไร
ทว่าตอนนี้ได้รู้แล้วว่าพลังของมันทำให้หลินเทียนผู้ซึ่งอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับสามารถต่อต้านอีกฝ่ายที่ร้ายกาจขนาดนั้นได้ซึ่งมันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเลย
“มันเรียกตรานี่ว่าอะไรแล้วนะ อ่อใช่แล้ว ตราจักรพรรดิหยวน ”
หลินเทียนมองลงไปยังตราประทับในมือก่อนที่จะพูดต่อว่า
“มันคืออาวุธ ? หรือว่าอะไรกัน ? ”
เขารู้ว่ามันไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่รู้เลยว่ามันมีเอาไว้ทำอะไร มันคืออาวุธ ? ก็เหมือนจะไม่ใช่
“ไม่รู้เหมือนกัน ”
จระเข้เบญจธาตุส่ายศีรษะของมันก่อนที่จะพูดต่อว่า
“แต่เราสามารถคิดว่ามันเป็นอาวุธก็ได้ ”
หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า
“เจ้าลองดูสิว่ามันดึงเอาพลังงานสีครามนั่นออกมาใช้ได้อีกไหม ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังเทวะลงไป
ทว่าผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยเพราะว่ามันไม่ยังคงนิ่งสนิทไม่ตอบสนองใดๆแม้แต่น้อย
เขาส่งมันให้กับทั้งสองคนเพื่อลองพยายามเปิดใช้งานมันแต่ก็เปล่าประโยชน์
“ดูเหมือนว่ามันจะบังเอิญเปิดทำงานเองหลังจากที่ได้รับพลังทำลายของไอ้แก่นั่น ”
เขาวิเคราะห์ออกมา
“อื้ม ”
จระเข้เบญจธาตุได้พูดต่อว่า
“ก็คิดได้เพียงแค่นี้เท่านั้น ”
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งเก็บมันกลับเข้าไปภายในร่างของเขา
ในตอนนี้ศัตรูของพวกเขาได้หนีหายไปไกลแล้วดังนั้นพวกเขาถึงไม่ต้องเป็นกังวลอะไรก่อนที่จะหันมองออกไปรอบๆ
“จะว่าไปแล้วที่นี่มันที่ไหนกัน ? ดูเหมือนว่ามันไม่ธรรมดาเลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุพูดออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงพลังฉีที่เข้มข้นอย่างมากถึงขั้นที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาวไหนๆที่เคยพบเจอมา
หลินเทียนหันมองออกไปซึ่งเขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดเดียวกัน
“ลองสอบถามคนรอบๆดูก่อนแล้วกัน ”
เขาพูดออกมา
นี่ทำให้พวกเขาพากันออกเดินทางออกไปพร้อมทั้งสอบถามผู้เชี่ยวชาญต่างๆที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“ดวงดาวจักรพรรดิในหมู่หมื่นดวงดารา ? นี่เรามาโผล่ที่นี่ ? ”
สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปโดยทันที
ตอนที่ 1467
หมู่ดาวนั้นเป็นสถานที่ๆกว้างใหญ่อย่างมากซึ่งภายในห้วงจักรวาลนี้ก็เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายที่บรรจุไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วนซึ่งดาวจักรพรรดินี้ถือเป็นดาวที่โดดเด่นที่สุด
เป็นเพราะว่ามันได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งหมื่นหมูดาวทั้งปวงจึงได้ชื่อว่าเป็นแกนหลักของห้วงจักรวาลที่แท้จริง
แน่นอนว่าความหมายของมันคือดวงดาวอันดับหนึ่งในหมู่ดาวนับหมื่นๆ
“ไม่คิดเลยว่าจะมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ ”
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
เป็นเพราะว่าเขาได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมันมาจากตำราบันทึกโบราณที่ได้มาว่าโลกเองก็เคยได้อยู่ในระดับเดียวกันกับดาวดวงนี้ซึ่งถือว่าเป็นรองเพียงแค่ดาวดวงนี้ดวงเดียวเท่านั้น
“ดาวจักรพรรดินี้เป็นดาวที่แข็งแกร่งที่สุดและได้ยินมาว่ามีคนที่แข็งแกร่งถึงขั้นสามารถฉีกม่านจักรวาลระหว่างดินแดนนิรันดร์ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุผงะไป
หลินเทียนเองก็รู้จักดาวดวงนี้เป็นอย่างดีทว่ากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดินแดนนิรันดร์เลยแม้แต่น้อยและรู้เพียงว่าเหนือไปจากห้วงจักรวาลเหล่านี้แล้วยังมีสถานที่ในตำนานอย่างดินแดนนิรันดร์อยู่อีก
หลังจากนั้นก็ได้ถามว่า
“อยากจะรู้เหมือนกันว่าการที่สามารถฉีกมิติไปยังดินแดนนิรันดร์ได้นี่ต้องอยู่ในระดับพลังอะไรกัน ? ”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะในตำราไม่ได้มีบันทึกเอาไว้แต่อย่างน้อยๆก็ต้องเขตแดนนิรันดร์แท้จริง ”
หลินเทียนตอบกลับ
นี่ทำให้พวกเขาได้แต่พากันนิ่งเงียบไปทันที
ฟู้วว ~!
สายลมได้พัดผ่านเข้ามากระทบร่างของพวกเขาให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
พริบตาพวกเขาก็ได้แต่จ้องมองไปยังโลกตรงหน้าอยู่นาน
“แล้วเราจะเอาไงกันต่อดีล่ะเจ้าหนู ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนเองก็ยังไม่ทันคิดถึงได้ตอบกลับไปว่า
“ที่นี่เป็นดาวที่ทรงพลังอำนาจที่สุดถึงขั้นที่กว้างใหญ่กว่าดาวตงเฮิงหลายพันเท่าดังนั้นจึงขึ้นชื่อว่าเป็นดาวที่เหมาะแก่การบ่มเพาะที่สุดดังนั้นในเมื่อเราอุส่ามาถึงแล้วก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์กัน จะได้ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลเสียที ”
“ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ข้าจะต้องตัดผ่านให้ได้ ”
“ไปสอบถามกันหน่อยว่ามีที่ไหนเหมาะกับการบ่มเพาะบ้าง ”
หลินเทียนพูดออกมา
นี่ทำให้พวกเขาต่างพากันออกเดินทางออกไปยังถนนแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ตามถนนเองก็มีผู้คนสัญจรไปมากันอย่างมากมาย
“ได้ยินมาว่ามีคนค้นพบดินแดนบ่มเพาะภายในที่รกร้าง ? ถึงขั้นทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังตื่นตัว ? ”
“ล้อเล่นหรือเปล่า ? ”
“ข้าจำได้ว่าที่นั่นมันไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมอยู่ดีๆถึงได้มีดินแดนบ่มเพาะที่ทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจ ?! ”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมา
หลินเทียนและคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็อดประหลาดใจไปไม่ได้
เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่ามันเป็นสถานที่ๆให้กำเนิดสมบัติอันยิ่งใหญ่กว่าโลกภายนอกมาก
ตั้งแต่ที่เริ่มบ่มเพาะมาพวกเขาก็เคยเข้าไปภายในดินแดนบ่มเพาะมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแถมยังได้รับประโยชน์มามากมายแต่ก็เพิ่งเคยได้ยินว่ามีแม้กระทั่งสถานที่ๆทำให้อนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจ
“ขนาดเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังสนใจนี่มัน……”
“แสดงว่าอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นสถานที่ๆหาได้ยากยิ่งมากๆและมีม่านพลังที่แข็งแกร่งคอยป้องกันเอาไว้ทำให้เขตแดนอนันตกาลธรรมดาๆไม่สามารถฝ่าไปได้ ……นี่มัน…ใครเป็นคนค้นพบกัน ? ”
“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มันมีคลื่นกระบี่สีครามพุ่งผ่านอากาศออกไปเฉือนห้วงมิติออกแล้วเผยให้เห็นดินแดนบ่มเพาะที่อยู่ภายใน ”
“เห็นเพียงแค่คลื่นกระบี่นั้นแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ? ”
“น่าจะใช่ ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมาขณะที่มุ่งหน้าออกไปยังทิศทางหนึ่ง
แน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ตั้งของดินแดนบ่มเพาะอย่างแน่นอน
หลินเทียนและคนอื่นๆที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็ได้แต่พากันผงะไป
จระเข้เบญจธาตุหันมองมาทางเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“เจ้าหนู ไอ้คลื่นกระบี่ที่ว่านี่มัน…..”
หลินเทียนเองก็อดตอบกลับไปแบบฝืนๆไม่ได้ว่า
“น่าจะเป็น…ฝีมือของข้าเอง ”
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาได้ส่งคลื่นกระบี่สังหารไล่ล่าชายชราไปซึ่งส่วนหนึ่งของมันได้พุ่งทะลวงผ่านออกไปไกลและเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่กลุ่มคนเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าไปไม่มีผิด
แน่นอนว่ามันเป็นคลื่นกระบี่ที่เขาส่งออกไปเพื่อโจมตีชายชราอย่างแน่นอน
“นี่มันจะไม่…….บังเอิญเกินไปหน่อยหรือไง ? ”
จระเข้เบญจธาตุถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมา
เป็นเพราะการโจมตีของหลินเทียนทำให้ม่านพลังของดินแดนบ่มเพาะได้ถูกทำลายลงส่งผลให้ค้นพบดินแดนบ่มเพาะที่แม้แต่เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจ
หลินเทียนเองก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ก่อนที่จะปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วแล้วหันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพลางพูดว่า
“ไปกันเถอะ ”
เป็นเพราะว่าสถานที่ๆแม้แต่เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจแบบนี้แล้วมันจะต้องอัดแน่นไปด้วยสมบัติที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
นี่ทำให้พวกเขาพากันมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางเดียวกันอยู่กว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่จะไปถึงพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้ว่าสถานที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแถมยังมีเศษฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเสมือนว่าเพิ่งแบกรับพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงทำให้สถานที่แห่งนี้พังทลายลง
“ที่รอยแยกมิตินั่นยังมีกลิ่นอายของตราจักรพรรดิหยวนอยู่เลย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคลื่นกระบี่ของเจ้าจริงๆนะ ”
จระเข้เบญจธาตุพูดออกมาและยืนยันได้ทันทีว่าคลื่นกระบี่ที่กลุ่มคนทั้งหลายพูดถึงขั้นเป็นการโจมตีก่อนหน้านี้ของหลินเทียนและเมื่อมาเห็นกับตาตัวเองแล้วก็ยังอดแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาไม่ได้
ตอนที่ 1468
หลินเทียนได้หันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ช่างเรื่องอื่นก่อนเถอะ เราเข้าไปภายในดินแดนบ่มเพาะนั่นกัน ”
เป็นเพราะว่า ณ ตอนนี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็ยิ่งพากันแห่มาที่นี่ทำให้เขาอยากรู้มากว่าเบื้องหลังรอยแยกมิตินั้นจะเป็นดินแดนบ่มเพาะแบบไหนกัน
“เอาล่ะ ไปกัน ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเล็กน้อยพร้อมทั้งพากันก้าวเดินออกไปภายในก่อนที่จะก้าวผ่านรอยแยกมิติไป
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบได้กับเทือกเขาขนาดไม่ใหญ่มากรายล้อมกันอยู่รอบทิศทางและให้ความรู้สึกเสมือนว่ามันเป็นจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง
แถมพลังฉีภายในสถานที่แห่งนี้ยังเข้มข้นเสียยิ่งกว่าโลกภายนอกถึงหลายเท่าตัวถึงขั้นที่แทบจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นของเหลวเลยก็ว่าได้
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
หลินเทียนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันจะให้กำเนิดสมบัติมากมายเลย ด้วยสภาพแวดล้อมระดับนี้มันเรียกได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะเลยก็ว่าได้ มันไม่ได้ด้อยไปกว่ารากฐานของขุมพลังใหญ่เลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงที่ประหลาดใจออกมา
เสี่ยวไท่ชูไม่ได้ตอบกลับอะไรเพราะมันไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วและได้แต่จ้องมองไปยังภาพด้านหน้า
“โร๊วว ~!!”
แน่นอนว่าภายในสถานที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายที่ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาอย่างดังและให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งตามออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถูกสัตว์อสูรเหล่านี้ฉีกออกเป็นชิ้นๆก่อนที่จะกลืนกินลงท้องไป
หลินเทียนเองก็พบเจอกับเรื่องเหล่านี้จนเคยชินไปแล้วถึงไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปภายในพร้อมๆกับคนอื่นๆ
เป็นเพราะหากพูดกันตามปกติแล้วสมบัติมันมักจะอยู่ภายในใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“นั่นมันคริสตัลนิรันดร์ ! มีอยู่กว่าหลายร้อย……กิโลกรัมเลยนะ ”
“สมุนไพรเป๋าเหลียง…..สามารถเพิ่มระดับพลังเขตแดนปรินิพพานได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ! ”
“เหล็กล้ำลึก ! แร่สำหรับสร้างอาวุธสวรรค์ ! ”
ระหว่างทางเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้พากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นเพราะมีหลายคนที่ค้นพบสมบัติที่ล้ำค่าไม่น้อย
ระหว่างทางที่หลินเทียนและคนอื่นๆกำลังไปนั้นก็ได้พบกับสมบัติมากมายแต่มันมีประโยชน์เพียงกับเขตแดนปลุกพลังและปรินิพพานและถึงพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรก็ยังเก็บกลับไปเพราะมันยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆ
ทึ้มมม ~!
วานรตัวใหญ่ปรากฏตัวตัวออกมาพร้อมทั้งซัดฝ่ามือเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า
มันเป็นอสูรเขตแดนปรินิพพานที่มีความสูงกว่าสามสิบเมตรดังนั้นฝ่ามือของมันถึงได้บดบังฟากฟ้าไปทันที
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรและยังคงก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้ตอบโต้เลยด้วยซ้ำก่อนที่คลื่นพลังจะกระแทกร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลแสนไกล
ไม่นานพวกเขาก็พากันก้าวเดินเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหลผสมผสานไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นถูกส่งออกมา
“กลิ้มหอมนี้มัน……..”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเพราะว่ามันเป็นกลิ่นหอมเฉพาะที่ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของอะไร
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆส่งกลิ่นหอมนี้ออกมาจนไปหยุดอยู่ที่แม่น้ำขนาดใหญ่
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันมีขนาดที่ใหญ่มากๆแถมยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังงมหาบางสิ่งจากด้านใต้เนื่องจากมีหลายๆคนตกเอาสมบัติล้ำค่าขึ้นมาได้
หลินเทียนและคนอื่นๆที่มาถึงที่นี่โดยการตามกลิ่นหอมมาเองก็ก้าวออกไปยังใจกลางของสถานที่แห่งนี้ก่องที่จะมองไปยังหินก้อนที่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมา
“ใช่มันจริงๆ ”
ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าภายในหินนี้มันมีชื่อว่าหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณได้อย่างน้อยๆสามเท่าตัวแต่กลิ่นอายที่เน่าเปื่อยของมันจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกลายเป็นผีร้ายไปจึงเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีพิษร้ายอย่างมากทำให้คนธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้
แต่หลินเทียนนั้นกลับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
เพราะแม้มันอาจจะดูเหมือนหายนะสำหรับคนอื่นๆทว่ากลับเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสำหรับเขาอย่างมากเนื่องจากเขาเชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นจึงสามารถใช้มันกลั่นเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าได้
มันเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าถึงขั้นสามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้เป็นสิบๆเท่าโดยที่ไม่ได้รับผลข้างเคียงใดๆหลังจากนั้นเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง
ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้รับหญ้าแบบนี้มาก่อนแล้วและกลั่นยาทิพย์เสริมพลังมาสามเม็ดซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่พบหญ้าแบบเดียวกันนี้อีกเลยเนื่องจากมันถือกำเนิดขึ้นได้ยากมากๆดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ถึงได้ทำให้เขามีความสุขสุดๆ
“สมบัติชั้นเยี่ยม ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองไปทางมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะมันยังจดจำได้ดีว่าตัวเองเคยเห็นหลินเทียนใช้มันกลั่นยาทิพย์มาก่อน
หลินเทียนตั้งสติของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปทางมันโดยทันที
แน่นอนว่าการกระทำของพวกเขาดึงดูดสายตาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก
“นี่เขา……ทำอะไรกัน ? ”
“กำลังตรงไปยังหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อย ? คิดจะเก็บมัน ? ”
“เอามันไปทำอะไรได้กัน ? มันน่ะเต็มไปด้วยพิษร้ายที่ทำให้คนปกติไม่สามารถสัมผัสมันได้ เก็บไปก็มีแต่จะเป็นอันตรายเปล่าๆ ”
“หรือว่าเขาไม่รู้จักมันถึงได้คิดว่ามันเป็นสมุนไพรชั้นเลิศ ? ”
“นี่…..เหมือนจะเป็นไปได้ ”
กลุ่มคนพากันแสดงสีหน้าแปลำๆออกมา
เป็นเพราะว่าพวกเขาเองก็ค้นพบมันอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มันเพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่ของดีอะไรแต่หลังจากที่เห็นหลินเทียนเข้าใกล้มันด้วยตัวเองแบบนี้แล้วจึงอดทำให้พวกเขาประหลาดใจไปไม่ได้
หลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงท่าทางของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและก้าวเข้าไปอย่างเคย
ไม่นานเขาก็ได้เข้าไปถึงหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
“ตู้มม ~! ”
แต่มันเป็นตอนนี้เองที่แม่น้ำได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่อสูรร่างยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาจะปรากฏตัวขึ้นมาด้วยกลิ่นอายอสูรที่ทรงพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า
“อสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ! ”
กลุ่มคนทั้งหลายที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอดผงะไปไม่ได้
เป็นเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีอสูรร้ายแบบนี้อยู่ใต้พื้นน้ำ
“โร๊วว ~! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับงับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
“ชายคนนั้น….ตายแน่ๆ ! ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบพากันส่งเสียงออกมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เพราะถึงอย่างไรอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านั้นถือว่าเป็นตัวคนที่แข็งแกร่งอย่างมากและหากยังคิดจะลงไปเก็บสมบัติอีกก็จะกลายเป็นอาหารของมันไปอย่างแน่นอน
“โร๊วว ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังทำให้กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เป็นเพราะภาพตรงหน้าที่พวกเขากำลังเห็นอยู่นั้นคือภาพที่หลินเทียนทำเพียงแค่เหวี่ยงฝ่ามือตบเข้าใส่มันจนอสูรตัวนั้นลอยเคว้งออกไปไกลแสนไกลพร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา
“นี่มัน ?! ”
“ตบอสูรจักรพรรดิว่างเปล่าปลิวไปง่ายๆแบบนั้นเลย ?! ”
“ชายคนนี้มัน……”
“ยังดูหนุ่มอยู่เลยแท้ๆแต่กลับ…..แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย ?! ”
“เขาเป็นนายน้อยของขุมพลังไหน ? นี่…ดูไม่คุ้นหน้าเลยนะ ”
หลายๆคนได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียน
ในตอนนี้เองที่มีร่างสามร่างที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งชายหนุ่มที่เป็นหนึ่งในนั้นกำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่คาดหวังพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“แข็งแกร่งไม่เบา ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันไปพูดกับชายชราที่อยู่ด้านหลังว่า
“เชิญเขามาพบข้าหน่อย ข้าอยากจะพูดกับเขา ”
“ขอรับ ”
ชายชราทั้งสองตอบรับพร้อมทั้งเดินออกไป
หลินเทียนที่อยู่กลางแม่น้ำได้โบกมือส่งตรามังกรออกไปห่อหุ้มหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยเอาไว้เพื่อเก็บมันแล้วเดินกลับไปหาจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชู
จระเข้เบญจธาตุที่เห็นเช่นนั้นเองก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ไปกันเถอะ ”
“ไปแบบนี้เลย ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้พูดต่อขณะที่กวาดสายตาออกไปรอบๆว่า
“ดูก็รู้ว่าแม่น้ำนี่ไม่ใช่ธรรมดาๆแน่ๆ เรามาขุดเอาสมบัติกันต่อไม่ดีรึไง ถึงอย่างไรแม้มันจะไม่มีประโยชน์กับเราแต่ก็ยังสามารถเอากลับไปให้ศิษย์ที่สำนักได้นะ ”
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ก็ดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดแบบนี้ด้วย ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันหันหลังเดินออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรอีก
แต่มันเป็นตอนนี้เองที่มีชายชราสองคนเดินเข้าใกล้พวกเขาก่อนที่จะพูดกับหลินเทียนว่า
“มีท่านๆหนึ่งอยากจะพบกับเจ้า ตามข้ามา ”
ตอนที่ 1469
ชายชราชุดครามได้ส่งเสียงอันราบเรียบออกมาขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนเล็กน้อย
หลินเทียนได้ขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมากเสมือนว่ากำลังสั่งการเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เขากวาดสายตาออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป
“ข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้า ไม่ได้ยินหรือไงกัน ? ”
เมื่อเห็นว่าหลินเทียนไม่ตอบกลับทำให้สีหน้าของชายชราตกต่ำลงทันที
“ก่อนที่จะพูดกับคนอื่นก็ช่วยดูกิริยามารยาทของตัวเองก่อนได้ไหม ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้กล้าแสดงท่าทางแบบนั้นกับข้า ? ”
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้พูดต่อว่า
“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าด้วยว่า อยากจะพบข้าก็ให้มาเอง ”
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมันอวดดีเกินไปเพราะอยากจะพบเขาแต่กลับให้เขาไปหามันด้วยตัวเองแบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือไงกัน ?
หลังจากที่พูดจบแล้วพวกเขาก็ได้พากันก้าวเดินออกไปอย่างไม่แยแส
นี่ทำให้ชายชราได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมากก่อนที่จะกลับไปรายงานให้กับชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ห่างออกไป
“แล้วเขาล่ะ ? ”
ชายหนุ่มถามออกมา
ชายชราได้ก้มหน้าลงพร้อมทั้งตอบว่า
“มันบอกว่าหากอยากจะคุยกับมันก็ให้ไปพบมันเองขอรับ ”
“ได้บอกสถานะของข้าไปหรือยัง ? ”
ชายชราตอบกลับไปว่า
“เปล่าขอรับ ”
ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“งั้นก็ไปบอกเขาว่า หยานซ่งหวางจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิต้องการจะให้เขาเข้าร่วมกับเรา ”
ชายชราพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปหาหลินเทียนอีกครั้ง
“มาไงอีกล่ะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาเพราะมันเองก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายเช่นกัน
ชายชราได้กวาดสายตามองจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“นายน้อยหยางซ่งหวางจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิต้องการให้เจ้าเข้าร่วมกับขุมพลังของเรา ”
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
เป็นเพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นชื่อของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้และได้ชื่อว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลทั้งปวงที่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายรวมถึงตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงอยู่มากกว่าหนึ่งคน
หลินเทียนเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเลยที่คนที่อยากจะพบกับเขาจะเป็นคนของทางราชวงศ์แถมน่าจะมีสถานะที่ไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่อีกฝ่ายยังคงทำตัวหยิ่งยโสเสมือนว่าเขาเป็นลูกน้องของมันและทำเหมือนว่าการที่ให้เขาเข้าร่วมกับทางราชวงศ์นั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่
“กลับไปบอกเขาว่าข้าขอปฏิเสธความมีน้ำใจนี้ ข้ายังไม่อยากจะเข้าร่วมกับขุมพลังไหนๆ ”
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
หลังจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
นี่ทำให้สีหน้าของชายชรายิ่งตกต่ำลงกว่าเก่าพร้อมทั้งส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาชายหนุ่มรูปหล่อแล้วรายงานว่า
“เขาไม่ต้องการของรับ ”
“บอกสถานะของข้าไปหรือยัง ? ”
“แล้วขอรับ ”
ชายชราตอบกลับ
นี่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยและได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่คมกริบให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมาก
เขาที่เป็นถึงคนของขุมพลังใหญ่อุส่าเปิดปากชวนอีกฝ่ายเข้าร่วมกับขุมพลังของเขาด้วยตัวเองแบบนี้มันถือเป็นบุญคุณครั้งยิ่งใหญ่ทว่าอีกฝ่ายกลับกล้าปฏิเสธเขา
นี่มันมีความกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ
“หาเวลาแล้วฆ่ามันซะ ”
เขาพูดออกมา
“ขอรับ”
ชายชราได้ตอบกลับ
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งหันหลังเดินจากไป
…………..
หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปภายในแม่น้ำแห่งนี้พร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสและตรามังกรออกไปเพื่อเก็บเอาสมบัติทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมา
แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไรมากนักแต่หากนำไปให้กับเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลหรือต่ำลงไปแล้วก็จะเรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติชั้นเลิศเลยก็ว่าได้
พวกเขาพากันล่าสมบัติอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อยู่กว่างครึ่งเดือนเต็ม
“ดูเหมือนว่าของดีจะถูกเก็บไปหมดแล้วนะ ไปกันเถอะ”
หลินเทียนพูดออกมา
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพยักหน้าของพวกเขาพร้อมทั้งพากันก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ไม่นานพวกเขาก็ออกห่างจากแม่น้ำไปไกลมากแล้ว
“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าที่นี่มันถึงขั้นทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังให้ความสนใจแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ”
หลินเทียนพูดออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“แต่น่าจะเป็นเพราะค้นพบสมบัติที่ไม่ธรรมดา ”
จระเข้เบญจธาตุหันมองมาทางเขาก่อนที่จะพูดว่า
“พูดให้เสียเวลาทำไมกัน เรื่องแค่นี้ข้าก็พอรู้อยู่แต่ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นสมบัติอะไรกัน ”
“ใครจะไปรู้กันล่ะ ”
หลินเทียนตอบกลับ
หลังจากนั้นเขาก็ได้พากันก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏอสูรร่างยักษ์ดวงตาสีเขียวขจีส่องประกายความกระหายเลือดออกมาอย่างเข้มข้นด้วยระดับพลังเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางที่คว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
หลินเทียนเดินนำออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อยก่อนที่จะส่งการโจมตีออกไปทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายแล้วก้าวเดินออกไปขณะที่จระเข้เบญจธาตุหันมองไปทางมันเล็กน้อย
อสูรตัวนี้มีสายตาที่เย็นชาเป็นอย่างมากและอยากจะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอีกครั้งแต่วินาทีที่ได้สบตากับจระเข้เบญจธาตุแล้วก็ทำให้ร่างกายของมันสั่นสะท้านไปไม่หยุดเพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งนิรันดร์จากพลังอสูรของจระเข้เบญจธาตุ
ทั้งหมดนี้ทำให้มันนิ่งไปและไม่กล้าเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนรู้ดีว่าเป็นเพราะจระเข้เบญจธาตุได้ส่งแรงกดดันออกไปทำให้พวกเขาพากันก้าวเดินต่อไปอย่างไม่สนใจอะไร
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอสูรและสัตว์ป่าหายากมากมายซึ่งระหว่างทางที่ก้าวเดินเข้าไปก็ต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีหลายครั้งแต่ก็ไม่มีอสูรตัวไหนเลยที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับพวกเขาได้เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของพวกเขาก็ถือว่าแข็งแกร่งมากทำให้อสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายก็ยังแตะต้องพวกเขาไม่ได้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่ที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่งพุ่งเข้าใส่ทางพวกเขา
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบเบี่ยงหลบการโจมตีนี้ไปอย่างรวดเร็ว
คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาลูกใหญ่ทำให้มันระเบิดออกเหลือไว้เพียงแค่เศษซากปรักหักพังเท่านั้น
“จิตสัมผัสใช้ได้หนิ ”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างชองชายชรากำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
“เป็นเจ้า ”
หลินเทียนจดจำอีกฝ่ายได้อย่างดี
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะพวกมันเองก็จดจำชายชราคนนี้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาสนทนากับพวกเขาสองครั้งโดยการสั่งให้พวกเขาเข้าร่วมกับทางราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิ
“ไอ้แก่ ต้องการอะไร ? ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
ชายชราได้หันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“พวกหน้าไม่อาย นายน้อยอุส่าเอ่ยปากชวนด้วยตัวเองแบบนี้แล้วกลับกล้าปฏิเสธ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? คิดว่าขุมพลังของข้าเป็นอะไร ? ”
“เป็นเพราะข้าไม่ต้องการเข้าร่วมดังนั้นถึงได้ส่งคนมาฆ่าข้า ? ”
หลินเทียนหันมองออกไป
“เจ้าเป็นคนแรกเลยนะที่กล้าขัดคำสั่งของนายน้อยและขุมพลังของเรา ”
ชายชราไม่ได้ตอบกลับพร้อมทั้งซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล
“ตาย ! ”
มันเป็นฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่ปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้อย่างฉับพลัน
“กึ่งอนันตกาล ? ”
หลินเทียนได้หรี่ตาลงเล็กน้อยหลังจากที่สัมผัสได้ถึงระดับพลังของอีกฝ่าย
หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือของเขาออกไปคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างฉับพลัน
นี่ทำให้สีหน้าของชายชราถึงกับเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะแม้จะยั้งมือเอาไว้แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะรับได้มือเปล่าแบบนี้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพลางส่งเสียงอันทุ้มต่ำออกมาว่า
“น่าสนใจดีหนิ อย่างน้อยๆก็น่าจะแข็งแกร่งเทียบ…….”
ระหว่างที่กำลังพูดอยู่ดีๆเขาก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังหลังจากที่หลินเทียนได้บิดข้อมือของเขากลับไปพร้อมทั้งส่งถ่ายคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของเขาทำให้ดวงวิญญาณของเขาเกือบแหลกสลายหายไป
“นี่เจ้า….”
“ตู้มม ~! ”
หลินเทียนยกเท้าขึ้นมาเตะอัดหน้าอกของอีกฝ่ายจนปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
หลังจากนั้นเขาก็ได้กระทืบลงไปกลางหน้าอกของอีกฝ่ายอีกครั้ง
บึ้สสส
หน้าผากของเขาส่องประกายแสงออกมาขณะที่จิตสัมผัสอันทรงพลังทะลวงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายเพื่ออ่านความทรงจำของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าหยานซ่งหวางที่ว่านั้นมีความสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงรวมถึงจักรพรรดิของราชวงศ์
“เป็นเพราะข้าไม่ยอมเข้าร่วมถึงได้คิดจะฆ่าข้า อวดดีไม่เบาหนิ สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงขุมพลังที่แข็งแกน่งที่สุด ”
ตอนที่ 1470
หลินเทียนส่งเสียงแสยะออกมาเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหยิ่งผยองไม่เบาแถมยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมถึงขีดสุด
“เจ้า……”
ชายชราที่อยู่ใต้เท้าของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเมื่อครู่หลินเทียนเพิ่งจะอ่านความทรงจำของเขาที่อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลไปได้ง่ายๆและมันทำให้เขาอดรู้สึกใจสั่นไปไม่ได้เพราะเขาได้รู้แล้วว่าระดับพลังของหลินเทียนนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแต่ความแข็งแกร่งกลับแซงหน้าเขาไปไกลมากๆ
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมๆกับระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาเพื่อพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการพันธนาการของหลินเทียน
หลินเทียนก้มมองลงไปเล็กน้อยพร้อมทั้งง้างขาก่อนที่จะเตะอัดเข้าที่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย
อั๊กก ~!
ชายชราส่งเสียงโห่ร้องออกมาขณะที่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดก่อนที่ประกายแสงทั้งหมดจะสลายหายไป
หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่หน้าผากของเขาจะส่องประกายเพื่อสังเวยเอาปรากฏการณ์ทะเลความรู้ของตัวเองออกมา
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาหลังจากนั้นขณะที่กลีบดอกบัวมากมายก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่ดอกบัวที่พุ่งทะลวงผ่านหน้าผากของชายชราไปโดยที่ไม่ได้ปิดบังจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย
ชายชราได้แต่สั่นไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“ไม่….อย่าฆ่าข้า ข้าก็แค่รับคำสั่งมาจาก……”
“แกร๊ง ! ”
กระบี่ดอกบัวส่งเสียงคำรามออกมาขัดจังหวะอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งทะลวงผ่านทะเลความรู้ของมันไปทันที
“อ๊ากก ~! ”
ชายชราส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณแหลกสลายหายไปโดยเหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายหยาบที่ยังสมบูรณ์เท่านั้น
จระเข้เบญจธาตุหันมองไปยังซากศพของมันพร้อมทั้งถามออกมาว่า
“เจ้าซ่งหวางนั่นส่งมันมาฆ่าเจ้าจริงๆ ? ”
หลินเทียนได้พยักหน้าของเขาพร้อมทั้งสร้างภาพร่างจิตสัมผัสของความทรงจำเมื่อครู่ที่ได้รับออกมา
“นี่มันจะป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุแสยะออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็ทำแบบเดียวกันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหันมองออกไปยังภูเขานิรันดร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปโดยที่ไม่ปิดบังจิตสังหารแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนสายตากลับมาและพูดขึ้นว่า
“ดูดกลืนร่างๆนี้ไปก่อนน่าจะทำให้พวกเจ้าตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางได้แล้วเราค่อยไปฆ่าซ่งหวางระหว่างทางไปเอาสมบัติกัน ”
“สมบัติ ? สมบัติอะไร ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัยว่า
“แล้วเจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน ? ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะได้รับความทรงจำของอีกฝ่ายมามากมายดังนั้นถึงได้อธิบายออกมาว่า
“มีคนค้นพบเหมืองแห่งดาราขึ้นภายในดินแดนบ่มเพาะนี้ซึ่งมันเต็มไปด้วยแร่ดารามากมายที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นพลังของดวงดาวจึงถือได้ว่าเป็นสมบัติสำหรับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะเพราะมันสามารถเพิ่มระดับพลังได้ทันทีถึงขั้นที่เร่งให้ร่างกายตัดผ่านไปยังเขตแดนอนันตกาลได้อย่างรวดเร็ว”
หลังจากนั้นเขาได้พูดต่อว่า
“ก่อนหน้านี้เจ้าสงสัยไม่ใช่หรือไงว่าภายในสถานที่แห่งนี้มันมีอะไรที่ทำให้แม้แต่เขตแดนอนันตกาลก็ยังต้องให้ความสนใจ คำตอบคือสิ่งนี้ไงล่ะ ”
เป็นเพราะว่าเมื่อตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะแล้วแก่นแท้ของการบ่มเพาะในสองเขตแดนนี้คือการดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาหล่อหลอมร่างกายและดวงวิญญาณดังนั้นสมบัตินี้ถึงได้มีค่าเป็นอย่างมากและทำให้สามารถตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้จากเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า
ดังนั้นแล้วหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแร่ดาราภายในสถานที่แห่งนี้แล้วก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลหลายๆคนพากันแห่มาที่นี่ไม่เว้นแม้กระทั่งคนของราชวงศ์เกียรติภูมิและขุมพลังใหญ่ๆมากมายเพื่อเก็บเกี่ยวมัน
แม้ว่าของเหล่านี้จะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขตแดนอนันตกาลอย่างพวกเขาแต่พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรากฐานเป็นขุมพลังใหญ่ดังนั้นหากว่าสามารถนำมันกลับไปได้มากพอแล้วก็จะถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆเพราะจะสามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นได้ในเวลาสั้นๆ
ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้มีค่าเพียงแค่สำหรับการบ่มเพาะเท่านั้นเพราะมันยังสามารถเอาไปหลอมทำอาวุธที่ทำให้ระดับพลังของมันเพิ่มสูงขึ้นรวมถึงการนำไปกลั่นเป็นยาที่เพิ่มโอกาสสำเร็จในการกลั่นได้มาก
ดังนั้นแล้วมูลค่าของมันถึงไม่ได้น้อยๆเลย
จระเข้เบญจธาตุที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะมันเองก็รู้จักแร่นี้เป็นอย่างดีเนื่องจากเคยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับมันมาจากตำราทั้งหลายที่หลินเทียนนำกลับมาจึงได้พูดออกมาว่า
“นี่มันพบเหมืองดารา ? แถมยังเต็มไปด้วยแร่ดารานับไม่ถ้วน ? พูดจริงงั้นรึ ? ”
“จริงๆ ”
“งั้นไอ้ซ่งหวางนั่น…….ก็อยู่ที่นั่น ? มาที่นี่เพื่อเหมืองนั่น ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ใช่แล้ว ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า
“เขาเป็นตัวแทนของราชวงศ์ที่มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวเอาแร่เหล่านั้นกลับไปเพราะมันก็ยังคือเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาของขุมพลังใหญ่อยู่ดี ”
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งปล่อยให้ทั้งสองคนหล่อหลอมพลังของร่างไร้วิญญาณไปแล้วมุ่งหน้าไปยังเหมืองแห่งนั้น
เป็นเพราะเขารู้ถึงตำแหน่งที่แน่ชัดของมันมาจากความทรงจำของศัตรูก่อนแล้ว
“ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมัน
นี่ทำให้หลินเทียนรีบแผดจิตสัมผัสออกไปเพื่อค้นหาสถานที่ปลอดภัยและให้ทั้งสองคนเริ่มการดูดกลืนโดยที่เขาเป็นผู้คุ้มกันให้
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าเจ็ดวันเต็มๆ
หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่าเจ็ดวันแล้วร่างกายหยาบของชายชราก็ได้แหลกสลายหายไปและแปรเปลี่ยนกลายเป็นเพียงเศษเถ้าธุลีขณะที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูล้วนตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางกันหมด
“เข้าใกล้เขตแดนอนันตกาลมากขึ้นแล้ว ! ”
แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“หากว่าเราสามารถชิงเอาเหมืองนั่นได้แล้วล่ะก็ มีหวังเราได้ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลกันหมดแน่ๆ ”
“หากว่าเรายึดเหมืองนั่นได้ทั้งหมดก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ”
หลินเทียนตอบกลับ
เป็นเพราะเขารู้มาจากความทรงจำของอีกฝ่ายว่ามันเป็นเหมืองที่อัดแน่นไปด้วยแร่ดารามากมายและหากว่ายึดเอามันมาหมดแล้วและด้วยระดับพลังของพวกเขาจะต้องสามารถตัดผ่านกันได้หมดแน่นอน
“แล้วจะรออะไรกัน ? รีบไปกันเร็ว หากว่าไปช้าเดี๋ยวก็ถูกชิงไปหมดหรอก ”
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมาว่า
“แม้ว่าจะถูกค้นพบนานแล้วก็จริงแต่มันก็รายล้อมไปด้วยหมอกพิษที่ถึงขนาดกึ่งนิรันดร์แท้จริงก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรอให้หมอกเหล่านั้นสลายหายไปก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้และมีการประมาณการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่ามันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนเต็มๆเราจึงไม่ต้องรีบร้อนไปที่นั่นก็ได้ ”
อย่างไรก็ตามแม้จะพูดไปเช่นนั้นแต่เขาก็ได้หันไปพูดกับทั้งสองคนพร้อมทั้งเริ่มการออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าพวกเขามุ่งหน้าไปยังเส้นทางของเหมืองแห่งนั้น
ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงขุนเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้
มันเป็นภูเขานิรันดร์ที่มีพลังฉีอันเข้มข้นและรายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมายแต่เมื่อยิ่งก้าวเข้าไปก็จะพบว่าพืชพันธุ์ทั้งหลายยิ่งลดน้อยลงจนถึงจุดที่ไม่มีเหลืออยู่แต่กลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของแร่ดาราที่เข้มข้น
“ขนาดกลิ่นอายที่อยู่ด้านนอกยังเข้มข้นได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเหมืองใหญ่จริงๆด้วยซินะ ”
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะแม้จะรู้มาจากหลินเทียนก่อนแล้วว่ามันเป็นเหมืองที่ใหญ่มากๆแต่เมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นอายด้วยตัวของมันเองแล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้
“ก็บอกแล้วไงล่ะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
พวกเขาพากันเดินหายเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ยิ่งตรงลึกเข้าไปก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นขึ้นกว่าเก่าแต่ก็พบว่ามันมีกลุ่มหมอกสีเทารายล้อมสถานที่ตรงหน้าของพวกเขาเอาไว้และมันมักจะส่งเสียงกัดกร่อนห้วงมิติโดยรอบออกมาอย่างต่อเนื่อง
“นี่คือหมอกพิษที่ว่า ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ใช่ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
พวกเขาต่างพากันมาถึงพื้นที่รอบนอกของสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งพบกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลนับสิบๆคนที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่างกันออกไปทำให้สีหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะสมแล้วจริงๆที่เป็นดาวที่แข็งแกร่งที่สุดถึงขั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้อยู่มากมาย
เขากวาดสายออกไปก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ร่างชองชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชายชราชุดสีเทายืนอยู่ด้านหลัง
เขามองออกไปทางชายหนุ่มคนนี้ด้วยแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพลางแสยะออกมาว่า
“หยานซ่งหวาง ”
เป็นเพราะเขารู้มากจากความทรงจำของชายชราว่าอีกฝ่ายไม่พอใจที่เขาไม่ยอมเข้าร่วมกับขุมพลังดังนั้นถึงได้ส่งชายชราออกมาฆ่าเขาทำให้เขารู้จักรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีและส่งผลให้แววตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งแสยะออกมาว่า
“อย่าลืมฆ่ามันด้วยล่ะ ! ”
หลังจากนั้นก็ได้พูดต่อว่า
“แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ธรรมดาเลยนะ ”
“ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“มันอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง ”
นี่คือสิ่งที่เขาได้รับรู้มาจากความทรงจำของชายชรา
ตอนที่ 1471
“กึ่งนิรันดร์แท้จริง ? ”
เมื่อฟังคำพูดนี้จากหลินเทียนแล้วก็ทำให้จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งอดถามออกมาไม่ได้ว่า
“จะจัดการได้ไหม ? ”
เป็นเพราะมันรู้ว่าหลินเทียนนั้นถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่และสามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลตอนปลายลงได้ง่ายๆแต่ตัวตนระดับกึ่งนิรันดร์แท้จริงก็ยังอดทำให้มันเป็นกังวลไม่ได้
“ไม่น่าจะทำได้ง่ายๆแต่ก็สามารถฆ่ามันได้ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เมื่อมองอกไปทางซ่งหวางที่อยู่ห่างออกไปแล้วเขาสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งไม่ธรรมดาแต่ด้วยระดับพลังของเขาผนวกกับร่างนิรันดร์แท้จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารอีกฝ่าย
จระเข้เบญจธาตุได้หันมองออกไปและเมื่อเห็นความมั่นใจนี้ก็ทำให้ความเป็นกังวลของมันสลายหายไปโดยทันที
“แล้วกลุ่มหมอกพวกนี้มันมาจากไหนกัน ถึงขั้นทำให้แม้แต่กึ่งนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังไม้กล้าฝ่าเข้าไป ”
มันได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจไม่น้อย
เนื่องจากว่าเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงนั้นเข้าใกล้นิรันดร์แท้จริงแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรกลุ่มหมอกเหล่านี้ได้
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ช่างมันเถอะ รู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ”
หลินเทียนหันมองออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเพราะถึงอย่างไรมันก็กำลังค่อยๆสลายตัวไปอย่างช้าๆและพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ด้วยว่ามันมาจากไหน
เขา จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันหันมองออกไปยังกลุ่มหมอกที่อยู่ห่างไกลออกไปจนเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเต็ม
วันนี้เป็นวันที่กลุ่มหมอกได้สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ส่องประกายแสงสีเงินออกมาจากภายในโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันมีความลึกขนาดไหน
กลิ่นอายแห่งดวงดาวอันเข้มข้นถูกส่งออกมาจากภายในสถานที่แห่งนี้
“เหมืองนั่นอยู่ในภูเขาใหญ่ลูกนี้ ?! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่ส่องประกาย
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมตอบว่า
“น่าจะใช่ ”
เป็นเพราะมันไม่มีทางเลยที่จะส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นออกมาขนาดนี้ได้
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งทั้งหลายต่างพากันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่อุโมงค์ตรงหน้าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ในขั้นตอนเหล่านี้ซ่งหวางนั้นเป็นคนที่อยู่แถวหน้าสุดโดยที่ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำออกไปเพราะพวกเขาล้วนหวาดหวั่นเป็นอย่างมากเนื่องจากอีกฝ่ายมีสถานะลองลงมาจากจักรพรรดิของราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ดาวทั้งปวง
หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่ซ่งหวางพุ่งเข้าไปภายในส่วนลึกพร้อมๆกันกับคนอื่นๆที่แววตาส่องประกายออกมาอย่างเข้มข้น
หลินเทียนและคนอื่นๆยังคงอยู่ด้านนอกพื้นที่แห่งนี้ขณะที่แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาพลางพูดว่า
“เจ้าหนู กลุ่มหมอกได้สลายหายไปหมดแล้ว เราเองก็ไปกันเถอะ”
มันได้แต่มองออกไปด้วยความรู้สึกที่หยุดไม่อยู่เพราะหากได้รับแร่ดาราทั้งหมดภายในสถานที่แห่งนี้มาก็จะทำให้มันตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้โดยทันที
“ไม่ เราจะไม่เข้าไปกัน ”
หลินเทียนจ้องมองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เราออกห่างจากสถานที่แห่งนี้กันก่อนแล้วหาสถานที่เหมาะๆให้ร่างหลักของข้าหลบซ่อนตัวแล้วข้าจะใช้ร่างนิรันดร์แท้จริงหาโอกาสจัดการกับซ่งหวางภายในเหมืองนั่นส่วนพวกเจ้าก็ช่วยข้าปกป้องร่างหลักด้วยแล้วกัน ”
จระเข้เบญจธาตุที่ได้ยินเช่นนั้นได้ตอบกลับว่า
“อ่อใช่ ลืมไปเลยว่ามันต้องมีคนคอยดูแลร่างกายของเจ้าระหว่างที่ควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริง ”
หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า
“เอาล่ะ ข้าและเจ้าหนูน้อยจะเป็นคนช่วยดูแลร่างของเจ้าเอง ยิ่งไปกว่านั้นด้วยระดับพลังของพวกข้าในตอนนี้ต่อให้เข้าไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ”
นี่ทำให้พวกเขาพากันทิ้งระยะห่างออกไปจากสถานที่แห่งนี้อยู่ไกลมากๆก่อนที่จะวางข่ายอาคมป้องกันแล้วนั่งขัดสมาธิลงพลางเปิดเอาโลกใบเล็กเพื่อเอาร่างไร้วิญญาณออกมาแล้วควบคุมมันด้วยดวงวิญญาณของตัวเอง
“เอาล่ะ ได้แล้ว ”
น้ำเสียงของเขาถูกส่งออกมาจากร่างๆนี้
“ไปเถอะ ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ข้ากับเจ้าหนูน้อยจะดูแลร่างกายของเจ้าให้อง ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็ส่งเสียงตอบรับเช่นกันก่อนที่จะโบกกรงเล็บให้กับเขาเพื่อเป็นการให้กำลังใจ
หลินเทียนพยักหน้าให้กับเจ้าหนูน้อยและจระเข้เบญจธาตุก่อนที่จะหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่กลับออกมานั้นเขาก็พุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากและไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปภายในเหมืองที่อยู่ห่างออกไป
แม้ว่าด้านนอกของเหมืองจะมีกลิ่นอายแห่งดวงดาวที่เข้มข้นแต่วินาทีที่เข้าไปภายในเหมืองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นยิ่งกว่าเก่าหลายเท่าตัวถึงขั้นทำให้เขาอดแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่ได้
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่เยอะธรรมดาๆแต่มันเยอะจนน่ากลัวเลยสินะ ”
เขาคิดอยู่ภายในใจ
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ก็ยังคงพุ่งผ่านเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางเขาก็พบกับเศษหินที่ถูกขุดมากมายซึ่งบ่งบอกว่ามันเคยเป็นที่อยู่ของสมบัติแต่กลับถูกคนขุดออกไปแล้ว
ไม่นานเขาก็ได้พบกับกองศพของผู้เชี่ยวชาญและอสูรที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภายในสถานที่แห่งนี้มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งคอยปกป้องและสังหารกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่รุกล้ำเข้ามาภายในแต่พวกมันเองก็ถูกสังหารลงเช่นกัน
เขาจ้องมองเข้าไปภายในขณะที่ความเร็วเพิ่มสูงขึ้นไปอีกก่อนที่จะพบกับกลิ่นอายที่เข้มข้นถึงขั้นที่แทบจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นของเหลวเลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นไม่นานก็สัมผัสได้ถึงพลังเทวะอันหนักหน่วงที่กำลังระเบิดออกมาพร้อมๆกับพลังอสูรอันเข้มข้น
มันทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าของตัวเองมากขึ้นไปอีกก่อนที่จะพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงหน้า
“โร๊วว ~! ”
อสูรร่างยักษ์ได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่กลุ่มอสูรและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันกระโจนเข้าใส่กันซึ่งอสูรแต่ละตัวล้วนปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมาโดยที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ส่วนแข็งแกร่งที่สุดมีแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลหลายตัว
“อ๊ากก ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาจากผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่ถูกฉีกร่างและกลืนกินลงไปทั้งเป็น
พุฟฟฟ ~!
กองเลือดระเบิดออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายคนหนึ่งได้ลงมือส่งคลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดร่างของอสูรเขตแดนอนันตกาลแหลกสลายหายไปเป็นกองเลือด
หลินเทียนที่อยู่รอบนอกได้แต่มองไปยังศึกสงครามตรงหน้าก่อนที่จะหันมองออกไปยังจุดๆหนึ่งด้วยแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
ประกายแสงสีเงินถูกส่งออกมาจากกลุ่มก้อนแร่ขนาดเท่าๆกับกำปั้นที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งดวงดาวอันเข้มข้น
“แร่ดารา ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่ามันคือแร่ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังงานอันเข้มข้นของดวงดารา
“มีอยู่เยอะมาก ”
เขาหันมองออกไปรอบๆทั่วทุกมุมห้องพร้อมทั้งพบว่าอย่างน้อยๆมันก็มีอยู่หลายล้านก้อน !
มันเป็นตัวเลขที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมากเพราะอย่างน้อยมันสามารถทำให้เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากว่าร้อยคนตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลกันได้ทั้งหมด
ภาพเหล่านี้ทำให้เขาอดสูดหายใจเข้าลึกไปไม่ได้เพราะมูลค่าของมันในตอนนี้ถึงขั้นทำให้แม้แต่เขตแดนนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังต้องผวาไป
วิ้สส ~!
วิ้ส !
วิ้สสส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญปะทะเข้ากับกลุ่มอสูรมากมายซึ่งระหว่างนั้นก็หาโอกาสเก็บเกี่ยวเอาแร่ดาราทั้งหลายไปตามมุมต่างๆของห้องโดยที่ไม่มีไกลกล้ารุกล้ำไปมากกว่านี้เนื่องจากห่างออกไปไม่ไกลนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังพุ่งผ่านออกไปพร้อมๆกับชายชราขณะที่ในมือเก็บเกี่ยวเอาแร่ดาราทั้งหลายลงไปภายในขวดหยกซึ่งแน่นอนว่านี่คือซ่งหวาง
เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายหวั่นเกรงในตัวขุมพลังที่หนุนหลังซ่งหวางเอาไว้ทำให้ไม่กล้ารุกล้ำเข้าไปมากแถมตัวซ่งหวางเองก็ยังแข็งแกร่งอยู่มากถึงขั้นที่เขตแดนอนันตกาลตอนปลายเองก็ยังรับมือเขาได้เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งเตรียมการจะเก็บเกี่ยวแร่ดาราเหล่านั้น
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองทีเขาได้หยุดเท้าลงและได้แต่มองไปยังขวดหยกในมือของซ่งหวางที่อัดแน่นไปด้วยแร่ดารามากมายพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
เป็นเพราะจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแล้วแร่ดารากว่าเก้าในสิบส่วนล้วนตกอยู่ในเงื้อมมือของซ่งหวาง
“เราก็แค่รออยู่เฉยๆจนกว่ามันจะเก็บเอาแร่ทั้งหมดไปแล้วค่อยฆ่าชิงทรัพย์มันมาก็ได้ ”
เขาแสยะออกมา
แม้ว่าการฆ่าชิงทรัพย์จะเป็นเรื่องที่ขัดศีลธรรมอย่างมากแต่อีกฝ่ายเป็นคนที่สั่งฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยมดังนั้นมันจำเป็นต้องพูดเรื่องศีลธรรมกับมันอีก ?
ในเมื่อมันกล้าส่งคนมาฆ่าเขาแล้วงั้นเขาก็จะต้องเอาคืนโดยการฆ่ามันแล้วชิงเอาแร่ดาราทั้งหมดของมันไป
ตอนที่ 1472
ภายในเหมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ดารามากมายส่องประกายแสงสีเงินออกมาอย่างเข้มข้น
“โร๊วว ~ !”
เสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกไปรอบทิศทาง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเองก็พยายามเก็บเกี่ยวแร่เหล่านั้นไประหว่างที่เผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูร
“ไสหัวไปไกลๆ ! ”
ซ่งหวางได้ส่งเสียงออกมาขณะที่เก็บเอาแร่ดารามากมายลงไปพร้อมทั้งโบกมือส่งการโจมตีออกไปสังหารอสูรเขตแดนอนันตกาลตอนต้นลงได้ง่ายๆซึ่งแน่นอนว่านี่คือพลังของกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่แข็งแกร่ง
หลินเทียนหันมองออกไปซึ่งแม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คนอื่นๆเก็บเกี่ยวเอาแร่เหล่านี้เพราะถึงอย่างไรคนที่มาที่นี่ก็ล้วนเป็นตัวตนระดับผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังต่างๆรวมถึงผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนที่แม้ระดับพลังของซ่งหวางจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้ทั้งหมดแต่การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการล่วงเกินขุมพลังทั้งดาวทำให้แม้ราชวงศ์ของพวกเขาจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่คิดจะทำเรื่องบ้าๆแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เก็บเกี่ยวเอาแร่จากมุมห้องต่างๆโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาดังนั้นถึงไม่ได้ว่าอะไร
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะที่จ้องมองออกไปยังขวดหยกในมือของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเริ่มก้าวเดินออกไปเก็บเกี่ยวแร่ตามสถานที่ต่างๆ
เพราะแม้เขาจะตั้งใจฆ่าอีกฝ่ายแล้วแต่ก็จะยืนอยู่เฉยๆไม่ได้เพราะหากว่ายืนอยู่นิ่งๆท่ามกลางการแย่งชิงของผู้คนทั้งหลายแล้วก็จะกลายเป็นจุดสนใจของคนโดยรอบไปทันที
นี่ทำให้เขาก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งแย่งชิงแร่ดารากับคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าระหว่างนี้เขาไม่ได้เปิดเผยระดับพลังของตัวเองออกไปแม้แต่น้อยและทำเพียงแค่หยิบเอาแร่ต่างๆที่อยู่ตามมุมขึ้นมาเพื่อไม่ให้กลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆ
เสียงอสูรกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลุ่มคนพากันเข้าปะทะกับฝูงสัตว์อสูรอันทรงพลังอยู่เป็นครั้งคราวทำให้สถานที่แห่งนี้แทบจะถล่มลงมา
ไม่นานเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็มและมันเป็นตอนนี้มีเสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่การต่อสู้จะหยุดลงหลังจากที่แร่ดาราทั้งหมดได้ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว
“ยินดีกับนายน้อยซ่งหวางด้วยที่เก็บเกี่ยวได้ขนาดนี้ ต้องฉลองให้กับราชวงศ์จริงๆ ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคนหนึ่งส่งเสียงออกมา
ระหว่างนี้คนอื่นๆเองก็ต่างพากันแสดงความยินดีอย่างพร้อมเพียง
“ที่ไหนกันล่ะ ก็ได้มาพอประมาณเท่านั้นแหละ ”
ซ่งหวางได้ตอบกลับด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
หลินเทียนที่กำลังจ้องมองไปทางอีกฝ่ายเองก็ได้แต่แสยะอยู่ภายในใจเพราะผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเก็บเกี่ยวไปได้เพียงแต่หนึ่งในสิบส่วนของแร่ทั้งหมดเท่านั้นแล้วยังกล้าพูดออกมาแบบนี้อีก
“เป็นเพราะนายน้อยมีน้ำใจที่กว้างใหญ่จริงๆที่ไม่ห้ามให้พวกเราเก็บเอาแร่เหล่านี้ไม่งั้นพวกเราก็คงไม่ได้มันหรอก ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมา
หลายๆคนเองก็ส่งเสียงสะท้อนออกมาแบบเดียวกันด้วยรอยยิ้ม
ซ่งหวางได้ยิ้มออกมาจางๆพร้อมทั้งตอบกลับว่า
“พวกท่านก็พูดเกินไป สถานที่แห่งนี้ถูกค้นพบมาด้วยกันแล้วข้าจะไปยึดเอาไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน ? ”
คำพูดเหล่านี้ทำเหมือนว่าเขามีจิตใจที่เผื่อแผ่อย่างมาก
ซ่งหวางได้พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมๆกับชายชรากึ่งอนันตกาล
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็เดินตามออกไปเช่นกัน
เป็นเพราะสมบัติที่อยู่ที่นี่ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่อีกต่อไป
หลินเทียนที่กำลังจ้องมองอยู่เองก็ได้เดินเข้าไปรวมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้าใกล้ร่างของซ่งหวางอย่างช้าๆ
ไม่นานก็พบกับแหล่งแสงขึ้นตรงหน้าของพวกเขาก่อนที่จะพากันกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ซ่งหวางได้แต่แสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาเพราะว่าเก้าในสิบของสมบัติทั้งหมดอยู่ในมือของเขาและอย่างน้อยๆมันจะสร้างกองกำลังอนันตกาลได้กว่าเก้าสิบคนในระยะเวลาสั้นๆซึ่งเขาที่เป็นคนนำกลับไปจะได้รับความชอบครั้งใหญ่ทำให้มีประโยชน์กับตัวเองมากๆ
เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขายิ้มแย้มขึ้นมากกว่าเก่าพลางหันไปพูดกับชายชราว่า
“ไปกัน กลับไปที่…….”
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่หมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของเขาและขัดจังหวะคำพูดของเขาไปทันที
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปและจดจ่ออยู่กับทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ฉวยโอกาสนี้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
มันเป็นหมัดที่ทรงพลังและอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างและความเร็วที่ปกคลุมร่างของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างฉับพลัน
ซ่งหวางที่ต้องเผชิญหน้ากับคลื่นพลังทำลายล้างระดับนี้อย่างไม่ทันตั้งตัวได้แต่ส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้า…..”
“พุฟฟ ~! ”
หมัดของหลินเทียนได้อัดกระแทกเข้าใส่กลางหน้าอกของซ่งหวางพร้อมทั้งส่งร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกล
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบทั้งหมดถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าลงมือกับคนของทางราชวงศ์ นี่มันจะกล้าหาญและบ้าบิ่นเกินไปแล้ว !
ระหว่างนี้พวกเขาก็พากันหันมองไปทางร่างของหลินเทียนด้วยความรู้สึกที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะหมัดธรรมดาๆกลับกระแทกร่างของกึ่งนิรันดร์แท้จริงลอยเคว้งไปไกลได้แบบนี้ นี่มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
“นายน้อย ! ”
ชายชราผู้ติดตามได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมาอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลินเทียนทำเพียงแค่โบกมือกลับไปทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายลงก่อนที่คลื่นพลังของมันจะกระแทกร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกล
ดวงตาของเขาได้ส่องประกายออกมาก่อนที่จะพุ่งตามร่างของซ่งหวางที่ลอยเคว้งออกไปไกล
อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงกึ่งนิรันดร์แท้จริงของขุมพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นถึงได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมพลางหันมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกว่า
“เจ้าเป็นใคร ?! ”
เป็นเพราะได้รับการโจมตีที่ทรงพลังอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ใบหน้าของเขาซีดลงอย่างมากซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่กล้าเปิดฉากโจมตีใส่เขาในสถานที่แห่งนี้ !
หลินเทียนไม่ได้ปริปากแม้แต่น้อยพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายแล้วเปิดฉากโจมตีเข้าใส่อีกครั้ง
ตู้มม ~!
เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่ด้วยพลังทำลายล้างที่แทบจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
ซ่งหวางที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ได้แต่อดทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปไม่ได้
เขาส่งเสียงคำรามออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังออกมารับการโจมตีเอาไว้
การโจมตีของทั้งสองได้อัดใส่กันอย่างรุนแรง
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มม ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับคลื่นพลังเทวะที่หนักหน่วงทำให้มิติโดยรอบพังทลายลงมาโดยทันที
หลินเทียนที่กำลังควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่เองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แถมยังรับการโจมตีต่อเนื่องของเขาได้กว่าสามสิบครั้งซึ่งนี่ถือเป็นความแข็งแกร่งที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
ทว่าความรู้สึกนี้ก็ได้สลายหายไปอย่างรวดเร็วเพราะแม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งอย่างไรแต่ก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบทำให้กลิ่นอายที่อีกฝ่ายส่งออกมายิ่งแผ่วเบาลงอย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้เขาเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วมากกว่าเก่าและส่งผลให้อีกฝ่ายถูกกระแทกถอยกลับไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
หลังจากนั้นไม่นานหมัดที่เขาซัดออกไปก็ได้บดขยี้การโจมตีและการป้องการของอีกฝ่ายลงก่อนที่จะกระแทกเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
นี่ทำให้เลือดไหลทะลักออกมาขณะที่ร่างกายของซ่งหวางถึงกับแตกร้าวไปทั้งตัว
“บึ้สส ~! ”
หลินเทียนได้คว้ามือของเขาออกไปพร้อมทั้งชิงเอาขวดหยกมาจากร่างของอีกฝ่ายซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสมบัติที่ใช้เก็บแร่ดาราจำนวนมหาศาลไป
ตอนที่ 1473
มันเป็นขวดหยกขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่พื้นที่ว่างภายในกลับกว้างใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อเพราะเมื่อหลินเทียนลองสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสดูแล้วก็ได้พบกับกองภูเขาแร่ดาราจำนวนมหาศาลถึงขั้นที่ทำให้ดวงวิญญาณของเขายังต้องสั่นไหว
“เยี่ยมมาก ”
เขาส่งเสียงออกมาด้วยความพึงพอใจ
เป็นเพราะด้วยจำนวนของแร่ดาราเหล่านี้แล้วมันเพียงพอจะทำให้พวกเขาทุกคนตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลไปได้ในเวลาสั่นๆแถมยังมีเหลืออยู่อีกมากพอจะนำกลับไปให้หลินซี่และคนอื่นๆตัดผ่านเขตแดนเดียวกัน
“นี่เขา…….กล้าชิงเอาแร่ดาราของซ่งหวางไปงั้นรึ ! ”
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้เห็นเต็มตาว่าหลินเทียนได้ชิงเอาขวดหยกในมือของซ่งหวางไปด้วยสายตาที่ประหลาดใจและตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความกล้าถึงขั้นหักหน้าของราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้ได้
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาขณะที่ซ่งหวางได้ก่อสร้างร่างกายกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หลินเทียนเก็บเอาขวดหยกกลับไปพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพลางเหวี่ยงหมัดอันหนักหน่วงซ้ำเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
ตู้มม ~!
คลื่นพลังทำลายล้างที่รุนแรงระเบิดออกมาขณะที่มิติตรงหน้าแหลกสลายหายไปไม่เหลือชิ้นดี
เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมเข้าร่วมขุมพลังของอีกฝ่ายถึงได้คิดจะฆ่าเขาแบบนี้แล้วดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอดต่อไปได้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะที่สูงส่งเพียงใดเขาก็ไม่สนใจเนื่องจากว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับเขาอย่างไร้เหตุผลดังนั้นแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจักรพรรดิองค์ไหนเขาก็พร้อมที่จะสะบั้นศีรษะของมัน
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงพร้อมพุ่งเข้าใส่ร่างของซ่งหวางอย่างไม่รอช้า
“เขา….ไม่เพียงต้องการแย่งชิงเอาแร่ดาราแต่คิดจะฆ่าซ่งหวางด้วย ?! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกันเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าดีขนาดนี้ ?!
และมันเป็นตอนนี้เองที่หมัดอันทรงพลังของหลินเทียนได้ปกคลุมร่างของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบทิศทาง
แกร๊ง ~!
เศษชิ้นเนื้อของซ่งหวางได้สั่นไหวขณะที่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายยังคงไม่แตกดับและสังเวยเอาอาวุธอนันตกาลออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้
หลังจากนั้นเองที่ร่างของซ่งหวางได้ก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยดวงตาที่ส่องประกายความโกรธออกมาถึงขีดสุดพลางสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน
“เอาคืนมา ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
เป็นเพราะว่าหลังจากที่หลินเทียนได้ทำลายร่างกายของเขาแล้วยังกล้าแย่งชิงเอาสมบัติของเขาไป
นี่มันจะโอหังเกินไปแล้ว !
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาและยังคงซัดการโจมตีออกไป
“เปรี้ยย ~! ”
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาจากอาวุธอนันตกาลในมือของซ่งหวางก่อนที่มันจะแหลกสลายหายไป
เป็นเพราะแม้อาวุธระดับนี้จะทรงพลังมากๆแต่ร่างกายของนิรันดร์แท้จริงนั้นแข็งแกร่งจนเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ
เมื่ออาวุธอนันตกาลได้สลายหายไปแล้วคลื่นพลังทำลายล้างจากหมัดนี้ก็ยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของซ่งหวางอย่างไม่ปราณี
ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งสังเวยเอาอักขระมากมายออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้
ตู้มม ~!
ตู้ม ~!
ตู้มม ~!
ทั้งสองอัดเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่ง
นี่ทำให้มิติโดยรอบระเบิดออกเป็นชิ้นๆขณะที่พื้นดินพังทลายลงไปไม่เหลือชิ้นดี
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อยเพราะความอวดดีของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆก็จริงแต่ต้องบอกเลยว่าอีกฝ่ายเองก็แข็งแกร่งอย่างมากเพราะผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็ยังสามารถต่อกรกับร่างนิรันดร์แท้จริงของเขาได้ถึงขนาดนี้
“เอาคืนมา ! ”
ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งซัดอักขระมากมายออกไปซึ่งแน่นอนว่านี่คือทักษะเทวะที่ทรงพลังอย่างมาก
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดกระแทกเข้าใส่อักขระเหล่านี้อย่างจัง
นี่ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมสร้างคลื่นแสงส่องสว่างออกไปรอบทิศทาง
ตู้มม ~!
การปะทะกันของหมัดและทักษะเทวะที่ทรงพลังกระจายตัวออกไปโดยรอบและส่งผลให้มิติรอบข้างบิดตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไป
ตู้มม ~!
ร่างของซ่งหวางได้ลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
ชุดคลุมที่ปกคลุมร่างของหลินเทียนเอาไว้ได้แหลกสลายหายไปและเผยให้เห็นร่างนิรันดร์แท้จริงที่อยู่ภายใน
มันเป็นร่างที่แห้งเหี่ยวโดยที่ดวงตาที่มีประกายออกมาแม้แต่น้อยและทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่ผงะไป
“ศพ ?! ”
“ส่งกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงออกมาด้วยนี่มัน…..ศพของนิรันดร์แท้จริง ! ”
“นี่……”
ผู้คนโดยรอบพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
เพราะไม่คิดเลยว่าคนที่เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ซ่งหวางจะไม่ใช่มนุษย์ที่มีชีวิต
แต่เป็น…ศพของนิรันดร์แท้จริง !
“หรือว่ามันเป็นศพที่เปิดภูมิปัญญาได้ ?”
“ไม่ ไม่ใช่ ! มันไม่มีกลิ่นอายของศพแม้แต่น้อย ”
“นี่….หรือว่ามีใครบางคนกำลังควบคุมร่างนี้เพื่อใช้มันฆ่าซ่งหวาง ?! ”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
ซ่งหวางที่กำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาอย่างมากก่อนที่ร่างกายของเขาจะสั่นไหวไปอย่างรุนแรงขณะที่จดจ่ออยู่กับดวงวิญญาณที่อย่าภายในร่างนิรันดร์แท้จริงนี้
“เป็นเจ้า ! เจ้าสังหารคนที่ข้าส่งไป ?! …..”
เป็นเพราะระดับพลังของเขาอยู่สูงมากๆทำให้มีจิตสัมผัสที่ทรงพลังถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของหลินเทียนที่อยู่ภายในร่างนิรันดร์แท้จริงนี้ได้
หลินเทียนเองก็ผงะไปไม่น้อยเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถจำแนกเขาได้และรู้ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมร่างๆนี้
“เหอะ ! ”
เขาส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาเพราะถึงอีกฝ่ายจะรู้ไปก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดและเหวี่ยงหมัดเข้าใส่อย่างจัง
“ทึ้มม ~! ”
หมัดอันทรงพลังนี้อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นที่สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง
ซ่งหวางได้แต่จ้องมองไปยังดวงวิญญาณของหลินเทียนพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“เป็นเจ้าจริงๆ ! ”
เขารู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าคนที่เปิดฉากโจมตีเข้าใส่เขาจะเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าร่วมขุมพลังเดียวกับเขา
เขาได้ส่งชายชราออกไปลอบสังหารอีกฝ่ายมาก่อนหน้านี้แล้วและคิดว่าด้วยระดับพลังของชายชราก็น่าจะเพียงพอสังหารหลินเทียนลงได้แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะล้มเหลวแถมหลินเทียนเองก็ยังมาที่นี่เพื่อชิงเอาสมบัติและคิดจะฆ่าเขา
แถมอีกฝ่ายเองก็ยังมีร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่ด้วย !
“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”
ดวงตาของเขาได้ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาขณะที่อักขระที่ซัดออกไปยิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่า
พริบตานี้เองที่อักขระอันทรงพลังได้รายล้อมร่างของหลินเทียนเอาไว้ทั้งหมดเพื่อพันธนาการร่างของเขา
หลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางการปิดกั้นเหล่านี้ไม่ได้สนใจอะไรและทำเพียงแค่เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังของเขาออกไป
เสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งบดขยี้ทักษะเทวะของอีกฝ่ายลงได้อย่างง่ายดาย
“เป็นเพราะว่าข้าไม่อยากจะเข้าร่วมขุมพลังของเจ้าถึงได้คิดจะฆ่าข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? เทพสวรรค์หรือไงกัน ? ใครก็ตามที่ขัดใจเจ้าต้องตาย ? ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาเพราะในเมื่ออีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความลับนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอีกครั้งพลางเหวี่ยงหมัดอันแข็งแกร่งเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
ทึ้มม ~!
หมัดที่หนักหน่วงและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเมื่อครู่ถูกส่งออกไป
ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพลางประสานมือเข้าหากันเพื่อสร้างร่างปีศาจเก้าศีรษะส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมา
มันเป็นภาพร่างปีศาจขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายปีศาจอันเข้มข้น
หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไป
“ตู้มมม ~! ”
หมัดๆนี้ได้บดขยี้ภาพร่างปีศาจตนนี้ลงได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นเขาก็ได้พุ่งเข้าประชิดร่างของซ่งหวางพร้อมทั้งซัดการโจมตีที่ทรงพลังออกไปอีกครั้ง
“เจ้า……”
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของซ่งหวางสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
“อ๊ากก ~~~! ”
ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งรีบก่อสร้างร่างกายใหม่กลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่โกรธจัดถึงขีดสุดพลางสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้ม่านฟ้าเปลี่ยนสีไปออกมา
แม้ว่าทักษะเทวะเหล่านี้จะทรงพลังถึงเพียงใดแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างนิรันดร์แท้จริงของหลินเทียนแล้วก็ถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดายก่อนที่หมัดของหลินเทียนจะอัดเข้าใส่กลางหน้าอกของซ่งหวางอีกครั้ง
พุฟฟ ~! ~!
ร่างกายของเขาได้ระเบิดออกทำให้กองเลือดและเศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายออกไปทั่ว
“ระยำเอ้ย ! ”
ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเนื่องด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้นั้นถือว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงคนอื่นๆมากทำให้ดวงวิญญาณของเขาไม่ได้แตกดับลงด้วยการโจมตีของหลินเทียนพร้อมทั้งรีบก่อสร้างร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ตาย !! ”
เขาจ้องเขม็งไปทางหลินเทียนอย่างไม่วางตาก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพลางประสานมือเข้าหากันทำให้กลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์จะพวยพุ่งออกมาซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเบาบางแต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่ทรงพลังอย่างมาก
ตอนที่ 1474
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์ของอีกฝ่ายแล้วมันถึงกับทำให้สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะการที่อีกฝ่ายที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงสามารถแผดกลิ่นอายที่แม้จะเบาบางออกมาได้แต่มันก็เป็นพลังที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของสัจธรรมทั้งสามพันชนิดไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เป็นเพราะว่าต่อให้อีกฝ่ายมีกลิ่นอายแบบนั้นแล้วยังไง จะต่อกรกับร่างนิรันดร์แท้จริงของเขาได้ ?
เขาแสยะออกมาพร้อมทั้งรับคลื่นพลังของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยหมัดอันทรงพลังของเขาที่ผสานไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงที่ทำให้มิติโดยรอบสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ฟึ้บบ ~!
กลิ่นอายอันเบาบางของซ่งหวางได้ถูกบดขยี้สลายหายไปโดยทันที
ซ่งหวางได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า
“เจ้า……”
เขานั้นอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้วแถมยังมีกลิ่นอายอันเบาบางของเขตแดนนั้นแต่ก็ยังคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเทียนก็ยังสามารถทำลายการโจมตีของเขาลงได้อย่างง่ายดาย
“เหอะ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งซัดหวัดอันทรงพลังออกไปกดทับเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
พลังหมัดและกลิ่นอายผสมผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
พุฟฟ ~!
ซ่งหวางได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหน่วงขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปท่ามกลางม่านฟ้า
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณอันแข็งแกร่งของเขาได้ก่อสร้างร่างกายหยาบขึ้นมาใหม่อีกครั้งพลางจ้องมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นพร้อมทั้งสังเวยสัจธรรมและกลิ่นอายอันเบาบางออกมาอีกครั้ง
เป็นเพราะหลินเทียนชิงเอาสมบัติของเขาไปทั้งหมดดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องฆ่าหลินเทียนเพื่อเอามันคืนมา
ตู้มม ~!
กลิ่นอายอันเบาบางส่งผลให้มิติโดยรอบสั่นไหวไม่หยุดพร้อมทั้งโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน
หลินเทียนแสยะออกมาว่า
“เมื่อครู่เพิ่งถูกบดขยี้ไปรอบนึงแล้วยังกล้าสังเวยของแบบนี้ออกมาอีก ? ”
เขาเหวี่ยงหมัดของเขาออกไปอัดกระแทกเข้ากับการโจมตีของอีกฝ่ายโดยทันที
เสียง ฟึ้บบ ~! ถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายทั้งหมดของซ่งหวางถูกสลายหายไป
เขาพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้าพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปทั่วทิศทางขณะที่ร่างของซ่งหวางได้ถูกบดขยี้แหลกสลายหายไปอีกครั้ง
หลินเทียนได้คว้ามือขวาของเขาออกไปจับร่างวิญญาณของอีกฝ่ายเอาไว้
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาจากดวงวิญญาณของอีกฝ่ายพร้อมทั้งปรากฏอาวุธอนันตกาลตอนกลายที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังและแผดแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นรับฝ่ามือของหลินเทียนเอาไว้
หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือตบอัดลงไปอย่างเต็มกำลังพร้อมทั้งบดขยี้อาวุธนี้แหลกสลายหายไป
ทว่ามันก็เปิดโอกาสให้ซ่งหวางได้ก่อสร้างร่างกายกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“หนังเหนียวนักนะ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ”
เขาจ้องมองก่อนที่จะพูดออกไปพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าหาโดยทันที
ซ่งหวางนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อฆ่าอีกฝ่ายให้ได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเทียนแล้วสีหน้าของซ่งหวางในตอนนี้นั้นเย็นชาเป็นอย่างมากเพราะรู้ดีว่าด้วยระดับพลังของตัวเองในตอนนี้มันไม่เพียงพอจะต่อกรกับหลินเทียนอย่างแน่นอน
“วิ้สสส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
ทึ้มม ~!
มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปด้วยพลังทำลายระดับนี้
ซ่งหวางรีบสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมารับการโจมตีเหล่านี้เอาไว้
“โปรดช่วยเหลือข้าด้วย แล้วข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้เอาไว้ ”
มันเป็นตอนนี้เองที่เขาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้มันไม่เพียงพอจะต่อกรกับหลินเทียนอยู่แล้วแต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆถึงขั้นที่มีแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลตอนปลายดังนั้นหากว่าคนทั้งหมดนี้ยื่นมือเข้าช่วยเขาแล้วก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะต้องสามารถจัดการกับหลินเทียนได้อย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าซ่งหวางกำลังขอความช่วยเหลือ ?!
พวกเขาพากันหันมองออกไปทางหลินเทียนด้วยแววตาที่ส่องประกายออกมาเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าซ่งหวางนั้นเป็นถึงคนสำคัญของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในห้วงจักรวาลดังนั้นในเมื่ออีกฝ่ายเปิดปากด้วยตัวเองแบบนี้แล้วหากว่าช่วยสำเร็จก็จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายแต่ก็อดหันมองไปยังร่างนิรันดร์แท้จริงที่สำแดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาไม่ได้
ซ่งหวางสัมผัสได้ถึงความลังเลของผู้คนได้เป็นอย่างดีและได้แต่กัดฟันระหว่างที่รับมือกับการโจมตีของหลินเทียน
“ช่วยข้าด้วย หากว่าสามารถสังหารมันได้แล้วข้าจะแบ่งแร่ดาราครึ่งหนึ่งที่ได้ให้กับทุกคนที่ยื่นมือช่วยอย่างเท่าเทียม ”
ในตอนนี้เขาไม่สามารถต่อกรกับหลินเทียนได้เลยและเป็นเพราะว่าทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกลังเลทำให้ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วยเขาดังนั้นจึงจำเป็นจ้องสร้างแรงจูงใจให้กับอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน……เป็นเพราะหลังจากที่จัดการกับหลินเทียนได้แล้วพวกเขาจะได้รับแร่ดารากว่าครึ่งสำหรับทุกๆคนที่ได้ยื่นมือเข้าช่วย ?!
ต้องรู้ก่อนนะว่าซ่งหวางนั้นได้รับแร่ดาราไปกว่าเก้าในสิบส่วนดังนั้นต่อให้แบ่งครึ่งแล้วแบ่งเท่าๆกันก็ยังถือว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลอย่างมาก !
“ในเมื่อนายน้อยซ่งเอ่ยปากขนาดนี้แล้วพวกเราจะอยู่เฉยได้อย่างไรกัน ? ”
“ใช่ ! ”
“คนที่กล้าใช้ร่างศพเพื่อลอบสังหารคนอื่นแบบนี้จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต้องฆ่ามัน ! ”
“หากว่ามันไม่ฉวยโอกาสโจมตีทีเผลอแล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายน้อยได้อย่างไรกัน ? คนแบบนี้มันไม่สมควรอยู่อีกต่อไป ”
“ลงมือ ฆ่ามันให้ได้ ! ”
“กล้าล่วงเกินนายน้อยแบบนี้มันอวดดีจริงๆ ! รุมมัน ต่อให้มันมีร่างนิรันดร์แท้จริงก็ไม่มีทางรับมือกับพวกเราพร้อมๆกันได้ ! ”
“ฆ่ามันให้ได้ ! ”
นี่ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อพลางส่งเสียงชักชวนออกมาเพราะต่อให้หลินเทียนควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่ก็จริงแต่ก็มีแค่ร่างเปล่าๆดังนั้นคงไม่มีทางเลยที่จะต่อกรกับพวกเขาได้
หลินเทียนที่กำลังควบคุมร่างอยู่ได้หันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพร้อมทั้งส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“ข้าขอเตือนนะว่าหากใครกล้าขยับข้าจะฆ่ามันให้เฮี้ยน ! ”
หลังจากที่ส่งเสียงออกมาแล้วก็เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของซ่งหวางอย่างไม่รอช้า
กลิ่นอายระดับนี้ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหวาดหวั่นก็จริงแต่มันก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะว่าสิ่งเย้ายวนที่ได้รับมามันยั่วยวนอย่างมากทำให้แววตาของพวกเขาต่างส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“เป็นแค่พวกที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนออกมาแบบนี้ยังกล้าอวดดีอีกงั้นรึ ! ”
“คนๆเดียวคิดว่าร่างนิรันดร์แท้จริงมันไร้เทียมทาน ?! ”
“ลงมือเลย ! มันต่อกรกับพวกเราทั้งหมดพร้อมๆกันไม่ได้หรอก ! ที่นี่มีอนันตกาลอยู่นับสิบๆคนแถมยังมีเขตแดนอื่นๆอยู่อีก หากว่าพวกเราร่วมมือกันกับนายน้อยแล้วจะต้องสามารถจัดการมันได้อย่างแน่นอน ! ”
“ใช่ ! ”
“ฆ่ามันให้ได้ ! ”
กลุ่มคนพากันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งสิบสองคนนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายกันทั้งหมดซึ่งพวกเขานั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังต่างๆที่สังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากการโจมตีนี้แล้วผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอื่นๆเองก็ล้วนพากันเปิดฉากโจมตีออกมาเพราะตราบเท่าที่พวกเขาพยายามมากพอจนสามารถสยบหลินเทียนได้แล้วหลังจากนี้ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากซ่งหวางซึ่งสำหรับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะแล้วมันถึงเป็นสมบัติสวรรค์เลยก็ว่าได้เพราะหากว่าได้รับมามากพอก็จะทำให้พวกเขาตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้ง่ายๆ
เขตแดนอนันตกาลนั้นคือเขตแดนที่ไม่มีวันแตกดับอย่างแท้จริง
“ฆ่า ! ”
ผู้คนพากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างดังพร้อมๆกับส่งคลื่นพลังทำลายล้างอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่คิดชีวิต
มันเป็นพลังที่ถึงขั้นทำให้แม้แต่หลินเทียนเองก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมๆกับดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมา
“ในเมื่อรนหาที่ตายกันนักงั้นข้าจะสนองให้ ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นชาออกมา
เมื่อพูดจบแล้วกระบี่นิรันดร์แท้จริงอันทรงพลังก็ได้ถูกสังเวยออกมาจากร่างของเขาก่อนที่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวจะปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่ง
มันคืออาวุธนิรันดร์แท้จริง !
เป็นเพราะเพื่อความแน่ใจเขาถึงได้นำมันติดตัวมาด้วยก่อนแล้วดังนั้นตอนนี้ถึงได้ใช้มือเหี่ยวๆคว้ามันเอาไว้พร้อมทั้งกวัดแกว่งออกไปโดยที่ไม่ได้ใส่แรงแม้แต่น้อย
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังได้สะบั้นทักษะเทวะทั้งหลายสลายหายไปภายในชั่วพริบตา
“อาวุธนิรันดร์แท้จริง ?! ”
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบไม่เว้นซ่งหวางเองก็ยังต้องมีร่างกายที่สั่นสะท้านไป
ตอนที่ 1475
กระบี่นี้รายล้อมไปด้วยอักขระอันทรงพลังมากมายส่องประกายกลิ่นอายกระบี่ที่รุนแรงออกมาอย่างเข้มข้นเสมือนว่าสามารถสะบั้นดวงดาวลงได้อย่างง่ายดายทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
“เขา…..มีแม้กระทั่งอาวุธนิรันดร์แท้จริง ! ”
กลุ่มคนพากันส่งเสียงสั่นๆออกมา
เป็นเพราะว่านอกจากจะควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงแล้วยังติดอาวุธนิรันดร์แท้จริงมาด้วย นี่มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน !?
“นี่…….”
กลุ่มคนที่เพิ่งพากันส่งเสียงโหวกเหวกออกมาว่าจะให้ความช่วยเหลือซ่งหวางต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
ซ่งหวางเองก็มีสีหน้าที่น่าเกลียดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเพิ่งวางเหยื่อล่อให้คนยื่นมือเข้าช่วยจัดการกับหลินเทียนเนื่องจากคิดว่ามีเพียงนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะมีแม้กระทั่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ในมือ
อาวุธระดับนี้แม้กระทั่งเข้าเองก็ยังไม่มีสิทธิ์ถือครองมันได้ด้วยซ้ำ
“ระยำเอ้ย ! ”
นี่ทำให้เขาได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่น
หลินเทียนที่กำลังคว้ากระบี่เอาไว้ในมือได้หันมองออกไปทางผู้คนโดยรอบพร้อมทั้งกวัดแกว่งมันออกไปอย่างไม่รอช้า
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งผ่านอากาศออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ! ”
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายพากันกระอักเลือดออกมาก่อนที่จะถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลส่วนผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆล้วนตกตายลงโดยทันที
“นี่มัน…”
ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะกระบี่เดียวกับสร้างพลังทำลายล้างได้ขนาดนี้นี่
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่ในมือเข้าใส่ทางผู้คนที่อยู่รอบทิศทางอย่างไม่ปราณี
มันเป็นคลื่นกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงจึงสามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่งได้อย่างง่ายดาย
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ~ ”
“พุฟฟ ~ ”
ร่างของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและอื่นๆหลายคนได้ระเบิดออกก่อนที่ดวงวิญญาณจะแหลกสลายหายไป
ด้วยพลังทำลายระดับนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนอนันตกาลตอนปลายนั้นไม่ได้ต่างไปจากเศษเถ้าธุลีเลยแม้แต่น้อย
“สองกระบี่…….สังหารผู้เชี่ยวชาญไปแล้วกว่าสามสิบคน ”
ผู้เชี่ยวชาญกว่าร้อยคนที่อยู่ที่นี่นั้นไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของซ่งหวางกันหมดเนื่องจากหลายๆคนยังรู้สึกหวาดหวั่นไปกับพลังทำลายล้างของหลินเทียนทำให้ตอนนี้พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงและรู้สึกมีความสุขที่เมื่อครู่ไม่ได้เลือกเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมกับคนอื่นๆไม่งั้นพวกเขาก็คงจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคนตรงหน้า
เป็นเพราะแค่มองดูก็รู้แล้วว่าต่อให้รวมพลังกันก็ไม่ใช่คู่มือของหลินเทียนอยู่ดีซึ่งคนเหล่านี้ล้วนคิดว่าหลินเทียนมีเพียงแค่ร่างนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นแต่พวกเขาคิดผิดไป ! ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้แล้วใครจะไปสามารถต่อกรได้กัน ?
“เจ้า…..”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหน้าและร่วมมือกับซ่งหวางเหลืออยู่เพียงแค่สามสิบสามคนเท่านั้นและสิบสองคนอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลาย สิบคนเขตแดนกึ่งอนันตกาล อีกสิบเอ็ดคนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายที่กำลังยืนสั่นสะท้านไม่หยุด
หลินเทียนได้หันมองไปทางพวกเขาด้วยดวงตาที่กลวงโบ๋พร้อมๆกับแววตาที่ส่องประกายความไม่แยแสออกมา
เขาก้าวเท้าเดินออกไปพร้อมทั้งเปิดฉากโจมตีสังหารเข้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าโดยการพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขตแดนกึ่งอนันตกาลคนหนึ่งแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่
“พุฟฟ ~!”
ร่างของอีกฝ่ายได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆก่อนที่ดวงวิญญาณจะแตกสลายกลายเป็นประกายระยิบระยับไป
เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกคนอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งซัดหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อีกครั้ง
ทึ้มมม ~! ~!
หมัดๆนี้ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงเสมือนว่ามีท้องฟ้ากำลังถล่มทลายลงมา
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างดังว่า
“ไม่นะ ! ได้โปรด…..”
“พุฟฟ ~! ”
หมัดธรรมดาๆได้อัดกระแทกเข้ากลางร่างกึ่งอนันตกาลจนร่างกายของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กระบี่ในมือของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังออกไปรอบทิศทาง
พุฟฟ ~!
พุฟ ~
พุฟฟ~!
คลื่นกระบี่อันหนักหน่วงได้แปรสภาพของผู้คนกลายเป็นกองเลือดไปขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายหกคนได้ตกตายลง
นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่พากันสั่นสะท้านไปไม่หยุด
เป็นเพราะว่าซ่งหวางเอ่ยปากชวนดังนั้นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายทั้งสิบสองคนถึงได้ยอมเข้าช่วยแต่ตอนนี้หนึ่งในชายชราได้หันมองไปทางซ่งหวางแล้วพูดว่า
“ต้องขออภัยนายน้อยด้วยจริงๆแต่ข้าไม่ต้องการรางวัลจากท่านแล้ว……ข้าไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ ”
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนที่หลังจากพูดจบแล้วได้หันหลังพร้อมทั้งพยายามออกห่างจากสถานที่แห่งนี้เพราะว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งจนเกินไปทำให้ไม่มีทางเลยที่ใครในที่นี้จะสามารถต่อกรได้
ซ่งหวางที่มีสีหน้าน่าเกลียดอยู่แล้วก็ยิ่งตกต่ำลงไปกว่าเก่า
เป็นเพราะแม้หลินเทียนจะสังเวยอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมาแต่เขาก็เชื่อว่าหากรวมพลังกันแล้วก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับหลินเทียนลงได้และเขาจะต้องชิงเอาแร่ดารากลับมาให้ได้แต่ทว่าตอนนี้กลับมีคนเอ่ยปากล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยเขาแล้ว
นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมาก
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของชายชราเอาไว้ขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งเข้าใส่ทางเขา
พุฟฟ ~! ~!
คลื่นกระบี่อันทรงพลังทะลวงผ่านร่างของชายชราจนทำให้ร่างของอีกฝ่ายมีรูเลือดอยู่กลางหน้าอก
“ก่อนหน้านี้ยังแห่กันเข้ามาโจมตีข้าอยู่เลยแต่ตอนนี้คิดจะถอยงั้นรึ คิดว่ามันมีเรื่องง่ายๆแบบนี้อยู่ด้วย ? ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาได้พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายโดยทันที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเทียนเช่นนี้แล้วสีหน้าของชายชราเองก็ถึงกับเปลี่ยนสีไปทันทีเพราะเขาตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของร่างนิรันดร์แท้จริงนี้เป็นอย่างดีดังนั้นถึงได้รีบหันหลังพุ่งหนีไป
น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว
“ทึ้ม~! ”
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังของเขาอัดเข้าใส่ร่างของชายชราอย่างจัง
พุฟฟ ~!
ร่างของชายชราได้ถูกบดขยี้ลงด้วยการโจมตีเหล่านี้ขณะที่ดวงวิญญาณแตกร้าวไปทั้งตัวเสมือนว่าแต่สัมผัสเบาๆมันก็จะแหลกสลายหายไปทำให้อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปบดขยี้ร่างวิญญาณของอีกฝ่ายจนสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
“ตะ..ตายแล้ว….เขตแดนอนันตกาลตอนปลายกลับถูกสังหารลงง่ายๆแบบนี้นี่มัน……”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่นอกสนามรบพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายในเองก็มีร่างกายที่สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
เสียง วิ้ส วิ้ส วิ้สส ถูกส่งออกมาขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันหันหลังพุ่งหนีไปจากที่นี่
“เหอะ ! ”
หลินเทียนได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งฟาดฟันคลื่นกระบี่ออกไปปกคลุมร่างของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ทำให้พวกเขาถูกปิดกั้นเอาไว้ในอาณาเขตที่เฉพาะเจาะจง
หลังจากนั้นร่างของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของกึ่งอนันตกาลคนหนึ่งพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดกระแทกร่างและบดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
“พุฟฟ ~! ”
ไม่นานก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้เชี่ยวชาญอีกคนและลงมือสังหารไปอย่างรวดเร็ว
จริงๆแล้วเขามาที่นี่ก็เพื่อชิงเอาแร่ดาราและสังหารซ่งหวางแต่ตอนนี้ไม่ได้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ซ่งหวางอีกต่อไปแต่เริ่มสังหารผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้
เพราะหากเทียบกันแล้วเขารู้สึกรังเกียจคนประเภทนี้มากเสียกว่าซ่งหวางเสียอีก
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ถูกส่งออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งบดขยี้ร่างของกึ่งอนันตกาลไปสามคนและเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายไปสี่คน
“สหายโปรดอภัยให้ด้วย ! พวกข้ารู้สำนึกแล้วว่าไม่ควรจะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่เจ้า ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายคนหนึ่งส่งเสียงสั่นๆออกมาพลางพูดต่อว่า
“ได้โปรดให้โอกาส…….”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งทะลวงผ่านหน้าผากของมันไป
หลังจากที่สังหารชายคนนี้แล้วเขาก็ยังคงลงมือสังหารอย่างต่อเนื่อง
ตัวเขาส่งความคิดออกไปเพื่อฟาดฟันคลื่นกระบี่เข้าใส่ผู้เชี่ยวชาญสิบกว่าคนที่ยังเหลือรอดอยู่ทำให้พวกเขาพากันลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
หลังจากนั้นเสียงพุ่งผ่านอากาศก็ได้ถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของชายชราเขตแดนอนันตกาลตอนปลายคนหนึ่งและเหวี่ยงหมัดบดขยี้ร่างกายหยาบของอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
วิ้สสส ~!
ร่างวิญญาณของชายชราที่ยังคงไม่แตกดับได้รีบพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าความเร็วของหลินเทียนนั้นสูงกว่ามากพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่ดวงวิญญาณของอีกฝ่าย
ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดเสมือนว่ากำลังถูกเทพแห่งความตายคว้าคอเอาไว้ถึงได้แต่มองไปทางหลินเทียนพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัวว่า
“ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ! ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเตาพลังวิญญาณหยก ! ”
“ผู้อาวุโสสูงสุดแล้วไง ? ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“ขนาดนายน้อยราชวงศ์เกียรติภูมิข้ายังคิดจะฆ่าแล้วคิดว่านิกายของเจ้าเป็นอะไร ? คิดว่ามันแข็งแกร่งว่าราชวงศ์ไหม ? ”
ตอนที่ 1476
เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดเพราะหลินเทียนกล้าแม้กระทั่งคิดจะสังหารนายน้อยราชวงศ์ที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของจักรวาลแล้วคิดว่าหลินเทียนจะสนใจเกี่ยวกับเขาที่เป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังเล็กๆ ?
เขาได้ส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“เฒ่าคนนี้ผิดไปแล้ว ขออภัยจริงๆ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรข้าก็ยินดีจะทำตาม ! ”
ไม่มีใครในโลกอยากตายดังนั้นชายชราเองก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างมาก
หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังออกไประเบิดดวงวิญญาณในมือของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ
“นี่มัน….จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ! ”
กลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไปและไม่ได้ลงมือเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอดสั่นไปไม่ได้
เป็นเพราะว่าชายชราที่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายได้ตกตายลงอีกคนแล้ว
ตัวตนที่ไม่มีวันดับสูญกลับถูกสังหารลงไปกว่าสองคนภายในระยะเวลาสั้นๆ
ผู้คนที่ให้ความช่วยเหลือซ่งหวางที่ยังเหลือรอดอยู่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นซึ่งสิบคนอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายและสามคนเขตแดนกึ่งอนันตกาลซึ่งพวกเขาต่างพากันรู้สึกขนหัวลุกไปตามๆกันเพราะศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าด้วยมันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลินเทียนหันมองออกไปทางกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งฟาดฟันคลื่นกระบี่ในมือออกไปปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
พุฟฟ ~!
เขตแดนกึ่งอนันตกาลได้ถูกคลื่นกระบี่ทะลวงผ่านศีรษะไปทำให้ดวงวิญญาณและทะเลความรู้แหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
“คิดจะฆ่าพวกเราทั้งหมดเลยรึไง !? เราไหมว่าพวกเราล้วนมาจากขุมพลังแนวหน้าของดาวดวงนี้ หากว่าเจ้าทำเช่นนั้นแล้วมันก็ไม่ต่างกับการล่วงเกินดาวทั้งดวง ! อย่าทำเรื่องบ้าๆเลยดีกว่า ! ”
ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งส่งเสียงโห่ร้องออกมา
หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างดังว่า
“เจ้า…..”
พุฟฟ ~!
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของอีกฝ่ายได้ระเบิดออกเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พยายามพุ่งหนีไปอย่างยากลำบากแต่ก็ถูกทำลายลงด้วยฝ่ามือของหลินเทียน
ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกันเพราะว่านี่คือผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายอีกคนที่ตกตายลงที่นี่
“แกร๊ง !”
เสียงกระบี่คำรามยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่คลื่นกระบี่อันไร้เทียมทานได้พวยพุ่งเข้าใส่ทางซ่งหวางและคนอื่นๆโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งอนันตกาลสองคนได้ตกตายลง
นี่ทำให้เหลือผู้รอดชีวิตอยู่เพียงแค่สิบคนภายในระยะเวลาไม่กี่อึดใจ
ทั้งสิบคนนี้มีซ่งหวางเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงและชายชราเก้าคนเขตแดนอนันตกาลตอนปลาย
แกร๊ง ~!
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังพวยพุ่งออกไปปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้ตามด้วยคลื่นพลังหมัดสังหารที่ไม่ได้ปกปิดความกระหายเลือดเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสิบคนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารได้เป็นอย่างดีดังนั้นจึงไม่มีใครที่กล้าประมาทกับการโจมตีนี้
“แม้ว่าเราจะเปิดฉากโจมตีใส่เจ้าก็จริงแต่เจ้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแต่นี่คิดจะฆ่าพวกเราทั้งหมด เจ้ามันจะไม่โหดเหี้ยมไปหน่อยรึ ? ”
หนึ่งในพวกเขากัดฟันพูดออกมาซึ่งผู้พูดนั้นอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายที่ใกล้จะตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้ว
“ข้าและพวกเจ้าเองก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันแต่พวกเจ้ากลับเปิดฉากโจมตีใส่ข้าทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน เจ้าคิดว่ามันไม่โหดเหี้ยม ? ”
หลินเทียนตอบกลับไป
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปกับที่และไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบโต้
และมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ร่างของหลินเทียนได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างฉับพลันพลางเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล
ทึ้มม ~!
หมัดๆนี้ส่งผลให้ร่างกายของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปก่อนที่ดวงวิญญาณจะถูกบดขยี้ไปหลังจากนั้น
เขาหันมองออกไปทางกลุ่มคนที่เหลืออยู่พร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่ต้องอ้วนวอนขอความเมตตาหรือพยายามข่มขู่ข้าด้วยขุมพลังของพวกเจ้าหรอกเพราะมันเปล่าประโยชน์ ในเมื่อพวกเจ้าคิดจะฆ่าข่าแล้วก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะถูกฆ่าเช่นกัน ”
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะฟาดฟันกระบี่เข้าใส่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายว่า
“ถึงยังไงวันนี้พวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องตาย ! ”
“แกร๊ง ! ”
สิ้นเสียงของเขาแล้วคลื่นกระบี่อันบ้าคลั่งก็โหมกระหน่ำเข้าใส่กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบโดยทันที
การโจมตีของเขาได้บดขยี้สัจธรรมทั้งหลายลงได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครสามารถต่อต้านได้ถึงขั้นที่แม้จะรวมพลังกันแล้วก็ยังถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยร่างกายที่โชกไปด้วยเลือด
กองเลือดระเบิดออกไปก่อนที่เขตแดนอนันตกาลตอนปลายอีกเจ็ดคนจะถูกสังหารลง
“เจ้า…..ฆ่าคนไปมากมายขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกหรือไง !? ปล่อย…ข้าไปเถอะ ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้ส่งเสียงสั่นๆออกมาด้วยร่างกายที่ชโลมไปด้วยเลือดทั้งตัว
หลินเทียนก้าวเดินเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนที่จะซัดหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่โดยที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป
พุฟฟ ~!
อีกฝ่ายที่ไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ถูกบดขยี้สลายหายไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณที่แตกดับ
“ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายสิบสองคน เขตแดนกึ่งอนันตกาลสิบคนและนิรันดร์อมตะตอนปลายและจักรพรรดิว่างเปล่าอีกหลายสิบคนกลับ……..”
กลุ่มคนที่ไม่ได้หน้ามืดตามัวไปกับรางวัลของซ่งหวางที่อยู่รอบนอกต่างพากันจ้องมองลงไปยังใจกลางสนามรบด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านถึงขั้นที่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
“เหลือเพียงแค่ซ่งหวางคนเดียวแล้ว ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
พื้นที่ใจกลางสถานที่แห่งนี่ได้เจิ่งนอกไปด้วยกองเลือดมากมายซึ่งผู้คนทั้งหมดที่คิดร้ายต่อหลินเทียนได้ถูกกำจัดไปหมดแล้วและเหลือเพียงแค่ซ่งหวางที่กำลังมีสีหน้าที่น่าเกลียดถึงขีดสุด
และมันเป็นตอนนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะอย่างเขาได้แสดงท่าทางที่หวาดหวั่นออกมา
หลินเทียนในตอนนี้ได้สังหารฝูงผู้เชี่ยวชาญของขุมพลังใหญ่แนวหน้าของดาวดวงนี้ไปมากมายซึ่งการกระทำเช่นนั้นทำให้เขาถึงกับรู้สึกขนหัวลุกอย่างมาก
“ถึงเวลาของเจ้าแล้ว ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
หลินเทียนก้าวเดินออกไปทีละก้าวขณะที่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับร่างของซ่งหวาง
ซ่งหวางที่เห็นเช่นนั้นได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกที่ใจสั่นถึงขีดสุด
เขากัดฟันเอาไว้แล้วพูดออกมาว่า
“สหาย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรจะส่งคนไปสังหารเจ้าเพียงเพราะเจ้าไม่คิดจะเข้าร่วมกับพวกเรา ได้โปรดเห็นแก่หน้าของราชวงศ์ข้าแล้วหยุดเรื่องนี้แต่เพียงเท่านี้……”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่มันจะทะลวงผ่านหน้าอกของซ่งหวางไป
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเสียเวลาอ้อนวอนร้องขอชีวิตเพราะมันเปล่าประโยชน์ ”
หลินเทียนพูดออกมา
ระหว่างนั้นก็ยังคงก้าวเดินออกไป
ซ่งหวางได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งอดก้าวถอยหลังไปไม่ได้พลางพูดขึ้นว่า
“อย่าทำอะไรที่มันเกินไปเถอะ หากว่าเจ้าสังหารข้าแล้วมันจะเป็นการล่วงเกินขุมพลังของข้าซึ่งมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเจ้าเลยด้วยซ้ำเพราะทางราชวงศ์ของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ๆ ! ”
“แกร๊ง ~ ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่ของหลินเทียนทะลวงผ่านร่างของซ่งหวางไปอีกครั้ง
“ข้าบอกไปแล้วไงว่านอกจากการอ้อนวอนอย่างเปล่าประโยชน์แล้วการยกเอาขุมพลังที่หนุนหลังขึ้นมาอ้างมันไม่ได้ประโยชน์อะไรไหม ? ”
หลินเทียนพูดออกมา
ซ่งหวางได้แต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆขณะที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือดว่า
“เจ้า……”
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพลางก้าวเข้าใกล้ร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่ในมือเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
ซ่งหวางที่ถูกตรึงร่างเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเบี่ยงหลบไปไหนได้จึงทำได้เพียงแค่รับมือกับการโจมตีของหลินเทียนอย่างสุดกำลังเท่านั้น
พุฟฟ ~!
พลังทำลายล้างที่หลินเทียนส่งออกมาได้บดขยี้ร่างของเขาจนแหลกสลายหายไปโดยทันที
“แผละ~~ ”
เสียงเศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายถูกส่งออกมาจากรอบทิศทางขณะที่ดวงวิญญาณของซ่งหวางได้ก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเพราะต้องยอมรับจริงๆว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งอย่างมากเพราะแม้จะถูกบดขยี้ร่างกายไปหลายครั้งแต่ก็ยังสามารถแบกรับการโจมตีเหล่านี้เอาไว้ได้
มันเป็นระดับพลังที่เขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงธรรมดาไม่สามารถมีได้จึงเรียกได้ว่าเป็นราชาในเขตแดนเดียวกันเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็ยังไม่สามารถต่อกรกับร่างนิรันดร์แท้จริงของเขาได้อยู่ดี
เขาส่งการโจมตีสังหารอันทรงพลังออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายแตกดับและก่อสร้างกลับมาอย่างต่อเนื่องและหลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นานกลิ่นอายที่อีกฝ่ายแผดออกมาก็แผ่วลงถึงขีดสุด
และมันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้เปิดฉากโจมตีอย่างเต็มกำลังพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังทำลายล้างอัดเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง
ตู้มมม ~!
มิติโดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ม่านฟ้าถึงกับแตกร้าวพร้อมๆกับพื้นแผ่นดินที่พังทลาย
ซ่งหวางที่อยู่ในสภาพอ่อนแอถึงขีดสุดและกำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาพลางส่งเสียงว่า
“หยุดก่อน! ได้โปรด……”
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังทำลายล้างอันหนักหน่วงได้ขัดจังหวะคำพูดทุกอย่างและอัดกระแทกเข้าใส่อย่างจัง
พุฟฟ ~! กองเลือดได้ระเบิดออกมาพร้อมๆกับระเบิดแสงสว่างจ้าที่ส่องประกายออกไปทั่วทิศทาง
เมื่อแสงสว่างได้จางหายไปแล้วร่างของซ่งหวางได้สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
นี่ทำให้ผู้คนที่เหลืออยู่ที่นี่ต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“นี่เขา…ลงมือสังหารซ่งหวางจริงๆ………”
ใบหน้าของผู้คนโดยรอบซีดเผือดเป็นอย่างมากเพราะแม้จะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าหลินเทียนตั้งใจฆ่าซ่งหวางจริงๆแต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองแล้วก็ยังอดตกตะลึงไปไม่ได้เพราะว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่ถึงขั้นเป็นคนของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลและการที่สังหารตัวตนระดับนี้ลงจะถือว่าเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองอย่างแน่นอน
ตอนที่ 1477
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากขณะที่จ้องมองออกไปเพราะไม่คิดเลยว่าซ่งหวางจะถูกสังหารลงแบบนี้
“นี่มัน……..”
หลายๆคนได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยความรู้สึกที่สั่นสะท้านไม่หยุด
ชายผู้ที่ถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงและใช้มันสังหารคนของทางราชวงศ์แบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
หลินเทียนที่กำลังควบคุมร่างนิรันดร์อยู่ได้กวาดสายตามองออกไปยังกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบก่อนที่จะหันหลังแล้วเหาะจากไปโดยทันทีเป็นเพราะเป้าหมายที่เขามาที่นี่ได้สำเร็จลุล่วงหมดแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ต่อไป
เขาพุ่งผ่านอากาศออกไปด้วยความเร็วที่สามารถหายไปสุดขอบฟ้าได้ภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังมองไปทางหลินเทียนที่กำลังพุ่งออกห่างจากสถานที่แห่งนี้ได้หันมองกลับไปทางกองเลือดที่เจิ่งนอกอยู่รอบทิศทางด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดอีกครั้ง
“ซ่งหวางถูกสังหารลงไปพร้อมๆกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆซึ่งนี่รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังทั้งหลายที่รองลงมาจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิแบบนี้จะต้องทำให้ขุมพลังของพวกเขา…….”
“ไม่ต้องพูดถึงหรอกเพราะเพียงแค่ทางราชวงศ์อย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้โลกทั้งใบสั่นสะท้านแล้ว ”
“นี่จะต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน ”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญพึมพำออกมา
………
หลังจากที่ออกจากสถานที่แห่งนี้แล้วหลินเทียนก็ได้มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ๆห่างไกลออกไป
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้นำร่างๆนี้เข้าไปภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
“กลับมาแล้ว ”
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่กำลังปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้ได้หันมองมาทางเขาโดยทันที
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปก่อนที่จะย้ายดวงวิญญาณกลับไปยังร่างหลักของเขา
“เป็นอย่างไรบ้าง ? ”
จระเข้เบญจธาตุที่เห็นว่าเขาไม่ได้รับความเสียดายใดๆได้ถามออกมาเกี่ยวกับเรื่องของแร่ดารา
“เอามาหมดแล้ว ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้โบกมือคว้าเอาขวดหยกออกมาส่งให้กับทั้งสองคน
จระเข้เบญจธาตุได้คว้ามันเอาไว้ก่อนที่จะสำรวจด้วยจิตสัมผัสพร้อมพบกับกองภูเขาแร่ดารามากมายที่กองเรียงรายกันอยู่รอบทิศทาง
“เยอะขนาดนี้เลย ?! ”
มันได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกที่ตกตะลึงอย่างมาก
เป็นเพราะเมื่อมองดูแล้วจะพบได้ว่ามันเป็นจำนวนที่ทำให้สามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลจากเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้กว่าเก้าสิบคนในเวลาสั้นๆซึ่งนี่มันคือเป็นขุมสมบัติเลยก็ว่าได้
เสี่ยวไท่ชูเองก็อดมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นไม่ได้เช่นกัน
“ไม่คิดเลยว่าจะมากมายขนาดนี้ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนที่จะสงบสติลงแล้วพูดว่า
“อ่อใช่แล้วได้ฆ่าเจ้าซ่งหวางอะไรนั่นไปหรือยังล่ะ ? ”
“ฆ่าไปแล้ว ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมพูดต่อว่า
“ของพวกนี้เป็นสิ่งที่ชิงเอามาจากมันซึ่งเป็นแร่ดารากว่าเก้าในสิบส่วนของเหมือง ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้อธิบายเรื่องราวต่างๆออกไปรวมถึงเรื่องของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่รวมหัวกันฆ่าเขา
“พวกชั่ว สมควรตายแล้วล่ะ ”
จระเข้เบญจธาตุพูดออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า
“เราควรจะไปจากดินแดนบ่มเพาะแห่งนี้กันก่อนแล้วหาที่ปลอดภัยดูดกลืนแร่พวกนี้กัน ”
“เอาล่ะ ไปกัน ”
จระเข้เบญจธาตุได้พยักหน้าของมันซ้ำๆด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
ณ ตอนนี้พวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกันหมดแล้วดังนั้นหากว่าดูดกลืนแร่เหล่านี้ไปก็จะสามารถตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้อย่างรวดเร็วและทำให้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอายุขัยอีกต่อไปซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผู้คนเฝ้าฝันเลยก็ว่าได้
“ไปกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
ณ ตอนนี้พวกเขาก็พากันออกจากสถานที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาใช้เวลาอยู่กว่าสามวันเพื่อค้นหาภูเขาที่อ้างว้างไร้ซึ่งผู้คนและแม้แต่สัตว์อสูรเองก็ตาม
หลินเทียนวางข่ายอาคมปิดกั้นของกึ่งอนันตกาลเอาไว้โดยรอบพื้นที่ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงเพราะด้วยข่ายอาคมเหล่านี้แล้วต่อให้มีเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้แต่ไม่ได้ใช้จิตสัมผัสสำรวจโดยรอบก็ไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่
หลังจากที่นั่งลงแล้วเขาก็ได้หยิบเอากองแร่ดาราออกมาตรงหน้าของเขาทำให้พลังแห่งดวงดาวภายในสถานที่แห่งนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“เริ่มกันเถอะ มันน่าจะเพียงพอสำหรับการตัดผ่านของพวกเรา ”
เขาพูดออกมา
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูได้พยักหน้าของพวกมันก่อนที่จะเริ่มการดูดกลืนพลังเหล่านี้
หลินเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่กับที่ขณะที่หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อดูดกลืนมัน
ไม่นานพลังแห่งดวงดาวอันเข้มข้นเสมือนดั่งคลื่นมหาสมุทรก็โถมอัดเข้าใส่ร่างของเขาพร้อมทั้งพวยพุ่งเข้าไปทั่วทุกมุมร่างของเขา
มันทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไหวไม่หยุดพร้อมๆกับกลิ่นอายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขตแดนนิรันดร์อมตะนั้นคือเขตแดนที่ร่างกายจะไม่มีวันเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลาซึ่งในเขตแดนนี้จำเป็นจะต้องบ่มเพาะดวงวิญญาณด้วยพลังแห่งดวงดาวเพื่อทำให้มันมีสภาพแบบเดียวกับร่างกายที่ไม่มีวันแตกดับแล้วถึงจะตัดผ่านไปยังเขตแดนอนันตกาลได้อย่างแท้จริง แน่นอนว่ามันไมจำเป็นต้องใช้เพียงแค่พลังดวงดาวเท่านั้นแต่พลังฉีและสมบัติอื่นๆก็ได้ไม่ต่างกัน
หรือจะเรียกได้ว่าไม่ว่าเขตแดนไหนก็ยังจำเป็นต้องใช้พลังฉีอันเข้มข้นหรือสมบัติสวรรค์จำนวนมากเพื่อตัดผ่านอยู่ดี
บึ้สสส ~!
เขาดูดกลืนมันเข้าไปภายในร่างขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับเข้าใกล้เขตแดนอนันตกาลมากยิ่งขึ้น
………….
ใจกลางของดาวดวงนี้มีขุนเขาขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นเสมือนว่ามันตั้งอยู่บนเส้นชีพจรมังกรบรรพกาลของโลกใบนี้
ภายในขุนเขามากมายเหล่านี้เต็มไปด้วยตำหนักเรียงรายไปทั่วทำให้มีสภาพไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ในความฝันเลยก็ว่าได้
นี่คือความยิ่งใหญ่ของขุมพลังอันดับที่หนึ่งของห้วงจักรวาลนี้
“ว่าไงนะ ?! ”
เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังด้วยพลังที่ทำให้ห้องโถงถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
ภายในห้องโถงที่สร้างขึ้นจากทองคำนี้มีจักรพรรดิที่ยืนอยู่ใจกลางด้วยสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดเพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งได้รับรายงานเรื่องที่ซ่งหวางได้ถูกสังหารลงแถมยังถูกชิงเอาทรัพยากรบ่มเพาะที่สามารถสร้างเขตแดนอนันตกาลกว่าเก้าสิบคนไปได้ไป
ขุมพลังของเขานั้นได้ชื่อว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้ทว่าตอนนี้กลับมีคนกล้าสังหารคนของเขาและยังชิงเอาสมบัติทั้งหมดไปส่งผลให้ความฝันที่จะสร้างเขตแดนอนันตกาลกว่าเก้าสิบคนขึ้นมาในเวลาสั้นๆได้สูญสลายหายไป
“ใครกัน ! มันเป็นใคร ?! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
เป็นเพราะว่าหลินเทียนควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงดังนั้นแม้จะมีคนอยู่ในเหตุการณ์มากมายแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือใครนอกจากซ่งหวางเท่านั้นแต่อีกฝ่ายก็ได้ตกตายลงไปแล้ว
และผู้ติดตามของซ่งหวางทั้งสองคนเองก็ถูกหลินเทียนสังหารไปก่อนแล้วหนึ่งคนก่อนที่หลังจากนั้นจะถูกฝ่ามือของเขาตบจนตายทั้งเป็นไปดังนั้นแล้วจึงทำให้ทางราชวงศ์ไม่มีเบาะแสเลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนที่สังหารซ่งหวางและชิงเอาสมบัติไป
ณ ตอนนี้ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญของราชวงศ์ทั้งหลายถูกส่งออกไปสืบสวนเรื่องราวเหล่านี้และชิงเอาแร่ดารากลับมาให้ได้เนื่องจากมันมีความสำคัญกับพวกเขาอย่างมาก
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่ขุมพลังที่แข็งแกร่งทั่วทั้งโลกใบนี้ก็ได้แต่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นเพราะผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ถูกสังหารไป
แต่พวกเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนกับทางราชวงศ์เพราะได้ยินมาว่าคนที่ลงมือสังหารซ่งหวางไปนั้นมีร่างของนิรันดร์แท้จริงและอาวุธนิรันดร์แท้จริงซึ่งถือได้ว่าไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนี้ดังนั้นพวกเขาที่สูญเสียผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้วจึงทำได้เพียงกัดฟันไว้เท่านั้น
ตอนนี้มีเพียงราชวงศ์และขุมพลังที่มีตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นถึงจะจัดการกับชายคนนั้นได้
………
หลินเทียนที่อยู่ภายในภูเขาที่อยู่ห่างออกไปยังคงดูดกลืนแร่ดาราอยู่เงียบๆขณะที่ทั่วทั้งถ้ำอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งดวงดาวอันเข้มข้น
บึ้สส ~!
ร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้อาบไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามขณะที่กลิ่นอายของเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเต็ม
หนึ่งเดือนหลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่ม่านฟ้าจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น