Divine King of All Directions 1462-1477

ตอนที่ 1462

 

หลังจากที่วางข่ายอาคมลงไปแล้วหลินเทียนก็ได้ส่งเอายาทิพย์ให้กับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูก่อนที่จะพูดว่า

“เอาไปดูดกลืนสิ ”

“ได้ ”

จระเข้เบญจธาตุได้พยักหน้าของมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมาก

ณ ตอนนี้มันและเสี่ยวไท่ชูได้เริ่มการดูดกลืนยาทิพย์ไปอย่างรวดเร็ว

บึ้สสส ~!

ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายของมันและเสี่ยวไท่ชูพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน

เมื่อผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้วคลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ปะทุออกมาอย่างรุนแรงขณะที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างแผดกลิ่นอายของนิรันดร์อมตะออกมา

“ในที่สุดก็ก้าวมาถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะได้เสียที ! ”

จระเข้เบญจธาตุลืมตากลับขึ้นมาพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา

ณ ตอนนี้มันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังอสูร ดวงวิญญาณและทะเลความรู้ของตัวเองดีว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากแต่ที่เปลี่ยนไปมากที่สุดนั้นคือร่างกายของมันที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นที่ทำให้ดวงตาของมันส่องประกายความตื่นเต้นออกมาไม่หยุด

“นี่คือเขตแดนนิรันดร์อมตะ ? มันคือการที่ร่างกายไม่มีวันถูกทำลาย ”

ดวงตาของมันเปล่งประกายออกมา

“อย่างแรกก็ควรจะปรับสมดุลให้เข้ากับมันก่อนนะ ”

หลินเทียนได้พูดออกมา

จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันพร้อมทั้งหมุนวนพลังภายในร่างเพื่อเริ่มการปรับสมดุล

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกหลายวัน

วันนี้จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันลืมตากลับขึ้นมาด้วยระดับพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

“ชื่นใจจริงๆ ! ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงโห่ร้องออกมา

หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะว่าตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในเขตแดนใหญ่เขตแดนเดียวกันกับเขาแล้ว

“ไปกัน ”

เขาพูดออกมา

นี่ทำให้พวกเขารีบพากันไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ก้าวข้ามภูเขาและลำธารไปกว่าหลายสิบแห่ง

“แล้วจะไปไหนกัน ? ”

จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมา

“ไปหาเหลา……….”

ระหว่างที่กำลังพูดอยู่สีหน้าของหลินเทียนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกขนหัวลุกพร้อมทั้งแหงนหน้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้า

และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่เสี่ยวไท่ชูและจระเข้เบญจธาตุเองก็ได้หันมองไปในทิศทางเดียวกัน

“นั่นมัน ?! ”

ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุถึงกับหดเล็กลงอย่างฉับพลัน

“ปัญหามาแล้ว ”

หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นได้ว่ามีร่างของชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำกำลังยืนมองลงมาทางพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่แยแสเป็นอย่างมากซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายคือชายชราที่พวกเขาได้พบในแผ่นดินแปลกๆช่วงก่อนหน้านี้

เป็นเพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถูกหอกตรึงร่างเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้แต่เพียงแต่จิตสัมผัสอันเบาบางของมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหายนะซึ่งแน่นอนว่าที่มันปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็เพื่อจะหาตัวของพวกเขา

“หนีเร็ว ! ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลที่มีร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่แถมคนอื่นๆก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะที่แข็งแกร่งก็ยังรู้ดีว่าพวกดเขาไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้

เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนได้สัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของอีกฝ่ายมาก่อนแล้วว่าต่อให้เป็นนิรันดร์แท้จริงก็ไม่มีทางต่อต้านมันได้

วิ้สส !

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งออกไปพร้อมๆกับคนอื่นๆด้วยความเร็วที่ทำให้มิติตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ชายชราที่ยืนอยู่บนฟากฟ้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมยังคงมีร่างกายที่แห้งเหี่ยวเสมือนดั่งซากศพก็จริงแต่ทว่ากลิ่นอายที่เขาส่งออกมามันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

เขามองออกไปทางหลินเทียนก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหลินเทียนและคนอื่นๆพลางพูดว่า

“เอาตราจักรพรรดิหยวนมาซะ ”

น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่แยแสสิ่งดีเสมือนว่าเป็นเสียงแก้วที่เสียดสีกันทำให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนแก้วหูจะฉีก

ระหว่างที่พูดเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยแต่กลับคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน

พริบตาที่มือถูกคว้าออกไปคลื่นพลังอันแข็งแกร่งก็ได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด

หลินเทียนได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นเพราะไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ดังนั้นถึงได้หมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเพื่อตอบโต้กลับไปด้วยง้าวอัสนี

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ต่างพากันเปิดฉากโจมตีพร้อมๆกันเพื่อผสานพลังอัดเข้าใส่ทางชายชรา

“ตู้มม ม~! ”

พลังทำลายของทั้งสองคนที่ส่งออกมาถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าของชายชราแล้วเขาทำเพียงแค่คว้ามือออกไปเปล่าๆโดยที่ไม่ได้ใช้พลังเทวะเลยด้วยซ้ำแต่ทว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของอีกฝ่ายกลับสามารถบดขยี้ทักษะเทวะของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

“ตู้มม ! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ! ”

หลินเทียนและคนอื่นๆถูกกระแทกปลิวออกไปไกลก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโต

“ไอ้แก่นี่มันแข็งแกร่งกว่าช่วงก่อนหน้านี้เสียอีก ดูเหมือนว่าจะฟื้นคืนกำลังกลับมาได้ส่วนหนึ่ง……..”

หัวใจของจระเข้เบญจธาตุสั่นไหวไม่หยุด

เป็นเพราะชายชราคนนี้ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัว

หลินเทียนกัดฟันเอาไว้พลางส่งเสียงออกมาว่า

“หนีเร็ว”

เขาไม่มีความคิดที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายตรงๆอยู่แล้วดังนั้นถึงได้ใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์พุ่งหนีไปพร้อมๆกับคนอื่นๆด้วยความเร็วที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเก่า

ชายชรายังคงจับจ้องมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะก้าวออกมาขวางทางพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง

เขาได้คว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนอีกครั้งโดยที่แผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้อย่างสมบูรณ์

“บึ้สส ! ”

ฝ่ามือของอีกฝ่ายส่องประกายแสงออกมาซึ่งครั้งนี้มันผสมผสานพลังเทวะอยู่ด้วยทำให้มันกลายเป็นฝ่ามือที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่ามากและไม่ต่างไปจากการกดทับของห้วงจักรวาลเลยก็ว่าได้

นี่ทำให้มิติโดยรอบถูกกำจัดหายไปอย่างฉับพลัน

หลินเทียนและคนอื่นๆที่ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้รู้ดีว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย

เขาได้ส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งคว้าเอาคริสตัลล้ำลึกสำหรับเคลื่อนย้ายพริบตาที่ได้มาจากขุมพลังทั้งสี่ออกมา

เขาส่งถ่ายพลังวิญญาณลงไปทำให้ประกายแสงโอบร่างของพวกเขาเอาไว้ก่อนที่จะหายตัวไปโดยทันที

ฝ่ามือของชายชราฟาดเข้าใส่จุดที่พวกเขาเคยอยู่ทำให้พื้นที่โยดรอบรัศมีกว่าหลายกิโลเมตรสลายหายไปอย่างฉับพลัน

สายตาของชายชรายังคงราบเรียบขณะที่มองออกไปยังฟากฟ้า

…………….

ภายในห้วงจักรวาลที่มืดมิด

บึ้สสส ~! ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งออกมาพร้อมทั้งปรากฏร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆ

ใต้เท้าของเขามีดาวขนาดใหญ่ซึ่งนั่นก็คือดาวตงเฮิง

“หนีเร็ว ”

หลินเทียนพูดออกมา

ก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะหนีมายังห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายเพราะมันมีความเป็นไปได้ที่จะทิ้งห่างศัตรูได้มากกว่าหนีอยู่ภายในดวงดาว

หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้พลังเทวะโอบร่างของคนอื่นๆเอาไว้แล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

และแทบจะในเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาพุ่งหนีไปนั้นประกายแสงก็ได้ถูกส่งออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งปรากฏร่างของชายชายที่มีสายตาที่ล้ำลึกและกำลังจ้องมองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก

หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไปอีกครั้งด้วยพลังที่ทำให้ห้วงอวกาศถึงกับบิดตัวอย่างน่ากลัว

………..

หลินเทียนนำคนอื่นๆพุ่งหนีผ่านห้วงจักรวาลไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสังเวยแก่นพลังของตัวเองและคนอื่นๆออกมาแล้วกระจายพวกมันออกไปในทิศทางต่างๆมากมายทั่วทั้งจักรวาล

เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องไล่ล่าพวกเขามาอย่างแน่นอนดังนั้นถึงได้ใช้วิธีการนี้ป่วนจิตสัมผัสของมัน

“เป็นความคิดที่ดีหนิไอ้หนู ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า

“แบ่งกลิ่นอายออกไปมากมายแบบนี้แล้วมันคงยากจะหาตัวเราพบแน่ๆ ”

“ก็หวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง ”

หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งพุ่งหนีไป

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงขณะที่พวกเขาทิ้งห่างออกไปไกลมากแล้ว

“ไม่มีใครตามมาแล้วล่ะมั้ง ”

จระเข้เบญจธาตุหันมองกลับไปและถอนหายใจออกมาหลังจากที่ไม่เห็นร่างของชายชราแล้ว

หลินเทียนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาและยังคงพุ่งผ่านออกไปก่อนที่เขาจะรู้สึกขนหัวลุกไปอย่างฉับพลันทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับร่างของชายชราที่กำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบและในมือกำลังกำกลุ่มก้อนพลังเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือเศษเสี้ยวกลิ่นอายที่พวกเขากระจายมันออกไปก่อนหน้านี้

นี่แสดงให้เห็นว่าวิธีการของพวกเขาไม่ได้มีผลอะไรมากนัก

“ไอ้แก่เวรนี่ ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความรู้สึกขนหัวลุกโดยทันที

หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาขัดขวางการไล่ล่าของอีกฝ่าย

น่าเสียดายที่มันเปล่าประโยชน์เพราะชายชราสามารถบดขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย 

 

 


ตอนที่ 1463

 

ชายชราคนนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้ว่าจะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแต่มันกลับให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

สายตาของอีกฝ่ายลึกล้ำและเย็นยะเยือกอย่างมาก

“หนีเร็วเจ้าหนู ! ”

จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมา

หลินเทียนได้หันมองออกไปด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งสังเวยทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุดแล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทิ้งระยะห่างออกจากชายชราเพราะอีกฝ่ายสามารถเข้าประชิดร่างของเขาได้อย่างง่ายดายแถมยังคว้าฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่ทางเขาและคนอื่นๆ

หลินเทียนและคนอื่นๆได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปตามๆกันและได้แต่มองไปยังฝ่ามือยักษ์ที่กดทับเข้าใส่โดยมิอาจขัดขืนได้

“ข้าเองก็ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะมาได้ไม่นานแต่กลับต้องกลายเป็นศพที่กองอยู่กับพื้นไป ?! ”

จระเข้เบญจธาตุถึงกับอยากร้องไห้ออกมา

เสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปและพยายามที่จะทำลายการพันธนาการนี้แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไร้ผลเนื่องจากอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งจนเกินไป

ตู้มม

ฝ่ามือของอีกฝ่ายได้เข้าประชิดร่างของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“บึ้สส ! ”

มันเป็นตอนนี้เองที่ห่วงจักรวาลได้สั่นไหวก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดเข้าใส่อย่างรุนแรง

ปรากฏร่างของสัตว์อสูรที่รายล้อมไปด้วยเกล็ดสีดำทมิฬบนร่างกายที่ใหญ่โตไม่ได้ด้อยไปกว่าดวงดาวขึ้นตรงหน้าของพวกเขา

“โร๊ววว ! ”

ก่อนหน้านี้มันจำศีลอยู่ที่นี่และถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงการปะทะกันทำให้มันรู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังทำให้ห้วงจักรวาลที่อยู่โดยรอบถึงกับปริแตก

ฝ่ามือของชายชราถูกกระแทกกลับไปทำให้การปิดกั้นทั้งหมดสลายหายไปอย่างฉับพลัน

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนและคนอื่นๆต่างพากันพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เป็นเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งเกือบจะตายลงด้วยเงื้อมมือของอีกฝ่าย

“นั่นมัน …….. อสูรดวงดารา ?”

จระเข้เบญจธาตุได้แต่จ้องมองกลับไป

“น่าจะใช่”

หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เป็นเพราะว่ามันมีบันทึกเกี่ยวกับอสูรดวงดาราอยู่ว่ามันถือเป็นหายนะแห่งห้วงจักรวาลที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

อีกฝ่ายเป็นอสูรที่อยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลซึ่งอาศัยการดูดกลืนแก่นพลังจากดาวเป็นอาหารทำให้แข็งแกร่งถึงขั้นสังหารเขตแดนอนันตกาลลงได้ง่ายๆ

“โร๊วว ~! ”

อสูรดวงดาราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังด้วยคลื่นพลังที่ทำให้ท้องไส้ของพวกเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรง

ดวงตาขนาดใหญ่ของมันจ้องมองออกไปขณะที่มันอ้าปากดูดกลืนแก่นดาวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลรวมถึงร่างของชายชราเข้าไปด้วย

จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะออกมาว่า

“ไอ้แก่นั่นโชคร้ายจริงๆเลยนะ ! สมน้ำหน้ามัน ! ”

หลินเทียนเองก็ผงะไปไม่น้อยเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะถูกกินไปง่ายๆแบบนี้เลย ?

อสูรดวงดาราร่างยักษ์ที่กลืนชายชราลงไปแล้วได้หันมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายอย่างเคย

“โร๊ววว ! ”

มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งสร้างแรงดึงดูดอันรุนแรงดูดเขาร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆเข้าหาตัวเอง

ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมันได้สั่นไหวก่อนที่จะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาทำให้แรงดูดที่มีต่อหลินเทียนและคนอื่นๆสลายหายไป

พุฟฟฟ ~!

กองเลือดระเบิดออกมาจากช่องท้องของมันขณะที่ชายชราก้าวเดินออกมาด้วยร่างกายที่ชโลมไปด้วยเลือด

หลินเทียนและคนอื่นๆที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอดสั่นไปไม่ได้เพราะชายชราคนนั้นสามารถฉีกหน้าท้องของอีกฝ่ายออกมาได้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยแม้แต่น้อย

ช่องท้องที่ถูกฉีกออกทำให้เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด

อย่างไรก็ตามพลังแห่งดวงดาราได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของมันพร้อมทั้งรีบรักษาอาการบาดเจ็บไปอย่างรวดเร็ว

ณ ตอนนี้มันได้แต่จ้องมองลงมาทางชายชราด้วยสายตาที่โกรธจัดถึงขีดสุดพร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังก่อนที่จะอ้าปากงับเข้าใส่ร่างของชายชราอย่างไม่รอช้า

ครั้งนี้มันไม่ได้คิดจะกลืนร่างของชายชราลงไปอีกแต่ต้องการจะเคี้ยวร่างของอีกฝ่ายให้ตายคาปากของมัน

วินาทีนี้เองที่ปากของมันได้อ้าออกกว้างพร้อมทั้งเผยให้เห็นซี่ฟันที่ให้ความรู้สึกน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก

ชายชรายังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาโดยที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปทางหลินเทียนและไม่ได้สนใจอสูรดวงดาราเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาพร้อมทั้งส่งคลื่นลำแสงสีดำออกไป

มันเป็นลำแสงที่เย็นยะเยือกและหม่นหมองเป็นอย่างมากก่อนที่จะทะลวงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายไป

วินาทีนี้เองที่อสูรดวงดาราได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวออกมาก่อนที่ร่างกายจะระเบิดออกแล้วตกตายลงโดยทันที

กองเลือดสีแดงสดเจิ่งนองไปทั่วพื้นที่แห่งนี้

หลินเทียนและคนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปได้แต่อดสั่นไปไม่ได้

“นี่มัน…….”

ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุถึงกับเบิกกว้างขึ้น

เสี่ยวไท่ชูได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปด้วยร่างกายที่สั่นๆของมัน

หลินเทียนเองก็รู้สึกชาไปทั้งตัวไม่ต่างกัน

เป็นเพราะว่าอสูรดวงดารานั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวและถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหายนะแห่งห้วงจักรวาลทว่ากลับถูกชายชราสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้

“ไอ้หนูรีบหนีกันเร็ว ! ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงสั่นๆออกมาเพราะว่าอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งเกินไปถึงขั้นทำให้มันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

หลินเทียนเองก็รีบใช้พลังโอบร่างพวกเขาเอาไว้พร้อมทั้งพุ่งหนีไปอย่างไม่รอช้า

เป็นเพราะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่ร้ายกาจแบบนี้แล้วพวกเขาทำได้เพียงแค่หนีไปเท่านั้น

วิ้สส ! เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งหนีไปไกลพร้อมๆกับคนอื่นๆ

ชายชราที่ยืนอยู่ด้วยร่างที่ชโลมไปด้วยเลือดของอสูรดวงดารายังคงจ้องมองไปทางทิศที่หลินเทียนพุ่งหนีไปพร้อมทั้งก้าวเทาออกไปโดยที่ใช้พลังปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้อีกครั้ง

หลังจากนั้นเขาก็เข้าประชิดร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆ

หลินเทียนและคนอื่นๆต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงและได้แต่จ้องมองไปยังร่างของชายชราที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้

หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะหยิบเอาตราจักรพรรดหยวนที่ได้มาก่อนหน้านี้แล้วพูดว่า

“อย่าขยับไม่งั้นข้าจะทำลายมัน ! ”

มันเป็นตราขนาดเท่าฝ่ามือสลักอักษรคำว่าหยวนเอาไว้ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแม้จะไม่รู้ว่ามีเอาไว้ทำอะไรได้ก็ตามแต่ก็ตระหนักดีว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับมันเอามากๆ

แต่ความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้เพราะชายชราให้ความสำคัญกับมันมากถึงขั้นที่หยุดเท้าลงโดยทันที

ทว่ามันเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะระเบิดออกมาโอบร่างของหลินเทียนเอาไว้

“อย่างเจ้าน่ะรึจะสามารถทำลายมันได้ ? ”

น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่รู้สึกสั่นสะท้านไป

“ครั้งนี้ซวยแล้วแน่ๆ ! ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

สีหน้าของหลินเทียนในตอนนี้ดูน่าเกลียดเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อยและได้แต่มองไปยังคลื่นพลังทำลายล้างที่กำลังกดทับเข้ามา

บึ้สส !

มันเป็นตอนนี้เองที่ตราในมือของเขาได้ส่องประกายแสงอันทรงพลังออกมาพร้อมกระเพื่อมออกไปรอบทิศทาง

นี่ทำให้ฝ่ามือที่กำลังกดทับเข้าใส่ได้แหลกสลายหายไปก่อนที่ร่างของชายชราจะถูกกระแทกออกไปไกล

มิติโดยรอบได้กลับมาอยู่ในสภาพปกติทำให้พวกเขาสามารถขยับร่างกายได้อีกครั้ง

บึ้สส ~!

ตราในมือของเขาส่องประกายแสงที่อบอุ่นและยิ่งใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

“นี่มัน……”

สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยทันที

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา

เป็นเพราะตั้งแต่ที่ได้รับมันมาเขาก็ใช้เวลาศึกษามันอยู่นานแต่ก็ไม่พบอะไรแถมยังไม่สามารถใช้งานมันได้แต่ครั้งนี้มันกลับเคลื่อนไหวด้วยตัวเองพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังออกมากระแทกร่างของชายชราจนปลิวออกไปไกล

“บึ้สส ! ”

มันเป็นประกายแสงที่ทรงพลังเสมือนว่าสามารถคงอยู่ได้ตลอดไป

ชายชราที่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลได้พยุงร่างตัวเองกลับขึ้นมาอีกครั้งขณะที่สายตาจับจ้องไปยังตราที่อยู่ในมือของหลินเทียนอย่างไม่วางตา

เขาพุ่งออกมาพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่หลินเทียนพลางพูดว่า

“เอามา ! ”

หลินเทียนผงะไปพร้อมทั้งซัดตรานี้เข้าใส่อีกฝ่าย

ตู้มม ~!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลทำให้เลือดสาดกระจายไปทั่วพื้นที่

ภาพเหล่านี้ทำให้หลินเทียนและคนอื่นๆได้แต่โง่งมไปทันทีเพราะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ร้ายกาจอะไรได้แต่กลับสามารถสร้างความเสียหายให้กับชายชราได้อย่างง่ายดาย

ชายชราได้พยุงร่างตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสภาพหน้าอกที่เลือดไหลทะลักออกมาจากแผลเก่าที่เคยถูกหอกแทงเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่าบาดแผลยังไม่หายดีสมบูรณ์

“ไอ้พวกมดปลวก ! ”

เขาจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างมากขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน

 

 

 


ตอนที่ 1464

 

ลำแสงสังหารทั้งหลายอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวเสมือนว่าสามารถสังหารได้ทุกสิ่งแถมฝ่ามือของอีกฝ่ายเองก็ยังปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้อย่างสิ้นเชิง

หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปทั่วเสมือนว่ากำลังถูกเทพแห่งความตายคว้าคอของเขาเอาไว้

เขากัดฟันเอาไว้แน่นโดยที่ไม่สามารถถอยหนีไปไหนได้และมีเพียงตราภายในมือของเขาเท่านั้นที่เป็นเพียงความหวังเดียวดังนั้นถึงได้ซัดมันออกไปด้านหน้าโดยทันที

“บึ้สสส ~! ”

คลื่นพลังทำลายล้างอันทรงพลังได้แผดออกไปรอบทิศทาง

เสียง ฟึ้บบ ~! ถูกส่งออกมาขณะที่พลังทำลายล้างทั้งหมดได้แหลกสลายหายไปก่อนที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายจะกระแทกเข้ากับตราประทับนี้อย่างจังทำให้ร่างของชายชราถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลอีกครั้งก่อนที่แขนทั้งข้างจะแหลกสลายหายไป

หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาขณะที่คนอื่นๆถึงกับอ้าปากค้างไประหว่างที่มองไปยังร่างของชายชราที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ตราประทับในมือของหลินเทียน

“นี่มันจะ….สุดยอดเกินไปแล้ว ! ”

จระเข้เบญจธาตุสูดหายใจเข้าลึก

ชายชราคนนั้นมันแข็งแกร่งอย่างมากเพราะถึงขนาดที่สามารถสังหารอสูรดวงดาราได้อย่างง่ายดายทว่ากลับถูกตราประทับที่ส่องประกายแสงสีน้ำเงินออกมากระแทกปลิวออกไปไกลหลายต่อหลายครั้งแถมยังทำลายท่อนแขนของอีกฝ่ายไปแบบนี้นี่มันน่ากลัวอย่างมาก

เสี่ยวไท่ชูเองก็อดสั่นไปไม่ได้และได้แต่จ้องมองไปยังตราประทับในมือของหลินเทียน

หลินเทียนก้มมองลงไปยังตราในมือที่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมาพร้อมทั้งคิดว่า…….มันน่ากลัวจริงๆ

“ตู้มม ~! ”

คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากสถานที่ๆอยู่ห่างออกไปขณะที่ชายชราลุกกลับขึ้นมาพร้อมๆกับแขนที่ก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยสายตาที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นเองที่เขาได้พุ่งเข้าหาทางหลินเทียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อก่อนที่จะเหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่อีกครั้ง

มันเป็นกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังไม่ต่างไปจากการกดทับของหมู่ดาวเลยก็ว่าได้

แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของมันได้เป็นอย่างดีแต่ก็สุขุมกว่าก่อนหน้านี้มากและซัดตราประทับออกไปรับเอาไว้

ตู้มม ~!

ตรประทับส่องประกายแสงและคลื่นพลังที่อ่อนโยนออกมาอัดกระแทกร่างของชายชราจนลอยเคว้งออกไปไกลกว่าหลายร้อยเมตรถึงจะพยุงตัวเองกลับขึ้นมาได้

ที่หน้าอกของอีกฝ่ายมีเลือดไหลทะลักออกมาขณะที่อีกฝ่ายได้แต่จ้องมองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายอย่างมาก

หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพลางจ้องมองไปยังหน้าอกที่เลือดไหลทะลักของอีกฝ่ายและพูดว่า

“ไอ้แก่ เจ้าซวยแล้วล่ะ ”

เขาส่งเสียงนี้ออกมาพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง

ทึ้มม ~!

เขากำตรานี้เอาไว้ในมือพร้อมทั้งซัดหมัดอันทรงพลังออกไปอัดเข้าใส่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย

เป็นเพราะตอนนี้เขายืนยันได้แล้วว่ามันเป็นตราประทับที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงขั้นที่สามารถสยบอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายดังนั้นถึงได้เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีด้วยตัวเอง

เนื่องจากอีกฝ่ายเพ่งเล็งมาที่นี่แถมยังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นหากว่าไม่ใช้โอกาสนี้ระหว่างที่พละกำลังของอีกฝ่ายยังไม่ฟื้นคืนกลับมาจัดการมันนั้น ในอนาคตก็จะกลายเป็นอันตรายครั้งใหญ่แน่ๆเพราะหากว่าอีกฝ่ายฟื้นคืนพลังได้เมื่อไหร่แล้วแต่ให้มีตรานี้คอยช่วยเหลือก็ยังไม่เพียงพอ

“บึ้สส ~! ”

เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังออกไปพร้อมทั้งอัดกระแทกเข้ากลางหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างจัง

ตู้มม ~!

หมัดอันทรงพลังของเขาได้กระแทกเข้ากลางหน้าอกของอีกฝ่ายทำให้เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีด้วยตัวเองแบบนี้

อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็ตระหนักดีว่าหลินเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

“ฆ่ามันเลย ! ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

ชายชราคนนี้นั้นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขามากดังนั้นถึงต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด

ชายชราที่อยู่ห่างออกไปในตอนนี้โชกไปด้วยเลือดขณะที่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นชามากกว่าเก่าแล้วพูดว่า

“เจ้ามดปลวก ! ”

“มดแม่เจ้าน่ะสิ ! ”

หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่อีกครั้ง

ชายชราส่งคลื่นพลังสีดำออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้แต่มันก็ยังเปล่าประโยชน์เนื่องจากประกายแสงสีน้ำเงินที่ห่อหุ้มมันทำลายได้ทุกสิ่งก่อนที่จะอัดกระแทกเข้ากลางหน้าอกของอีกฝ่ายจนซัดร่างของมันปลิวออกไปไกล

เลือดไหลทะลักออกมาทั่วทั้งห้วงมิติให้ความรู้สึกที่น่าสยดสยองอย่างมาก

“วิ้สส ~! ”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่หลินเทียนไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดร่างของชายชราแล้วเหวี่ยงหมัดอัดซ้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

ชายชราส่งเสียงกระอักเลือดออกมาขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่ชโลมไปด้วยเลือด

“ไอ้หนูนี่มันชั่วได้ใจจริงๆ เล่นอัดเข้าใส่แผลเก่าของตาเฒ่านั้นไม่หยุด ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้พุ่งเข้าประชิดร่างของชายชราพลางซัดเข้าใส่อย่างไม่ยั้งมือ

“ทึ้มม ~! ”

เขาซัดหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง

เสียง ตู้มม ~! ถูกส่งออกมาไม่หยุดขณะที่หมัดของเขากระแทกเข้าใส่หน้าอกของชายชราซ้ำๆโดยที่พุ่งเป้าทั้งหมดไปที่บาดแผลเก่าของมัน

พุฟฟ ~!

หน้าอกของชายชราได้ระเบิดออกพร้อมเผยให้เห็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่หัวใจแหลกเหลวไม่มีเหลือจนกลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างมาก

“นี่คือแผลที่ได้รับมาจากหอกนั่น ? หัวใจแหลกสลายไม่มีเหลือถึงขั้นที่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูได้ ?”

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าบาดแผลที่อีกฝ่ายได้รับไปก่อนหน้านี้มันจะทรงพลังขนาดนี้

หลินเทียนที่เห็นเช่นนั้นถึงกับผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเรียกสติกลับมาและไม่ลังเลเลยที่จะเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไปอีกครั้ง

“ตู้มมม ~! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ~! ”

แต่ละหมัดของเขาที่กระแทกเข้าใส่นั้นทรงพลังถึงขั้นทำให้หัวใจของชายชราแหลกสลายหายไป

“พอได้แล้ว ! ”

ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งแผดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมากระแทกร่างหลินเทียน

เขาโบกมือขวาออกไปพร้อมทั้งสังเวยเอาหอกแหลมที่รายล้อมไปด้วยรอยแตกร้าวเสมือนเพียงแค่แตะก็สามารถทำลายมันไดแต่กลับส่งกลิ่นอายที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปเพราะเขาจำได้ว่ามันเป็นหอกเล่มเดียวกับที่ทะลวงผ่านหน้าอกของอีกฝ่ายเพราะไม่คิดเลยว่าจะสามารถชิงเอามาได้

แน่นอนว่ามันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงอย่างมากแถมยังมีพลังทำลายล้างสูงถึงขั้นที่ก้าวไกลกว่าอาวุธนิรันดร์แท้จริงมาก

สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปเองก็เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน

“แกร๊ง ! ”

เสียงอาวุธคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ชายชราซึ่งกำหอกเอาไว้ในมือได้แทงมันเข้าใส่ทางหลินเทียน

สายตาของอีกฝ่ายเย็นยะเยือกถึงขีดสุดระหว่างที่แทงหอกในมือออกไปด้วยพลังทำลายที่ทำให้ม่านจักรวาลถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะบิดตัวเสมือนว่ากำลังจะแหลกสลายหายไป

หลินเทียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุดทำให้เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้ถอยหนีไปไหนเพราะรู้ดีว่าไม่สามารถเบี่ยงหลบมันได้ดังนั้นถึงได้กำตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไป

“โร๊วว ~~~ !”

เสียงมังกรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ภาพร่างของมังกรและนกฟินิกซ์พุ่งอัดกระแทกเข้ากับหอกสังหารของชายชราทำให้เกิดคลื่นระเบิดออกมาอย่างดัง

ตู้มม ~!

ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงก่อนที่จะถูกกระแทกถอยกลับไปไกลด้วยความรู้สึกชาไปทั้งตัว

อีกฝ่ายเองก็รับพลังทำลายล้างที่รุนแรงไปไม่ต่างกันก่อนที่จะถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่โชกไปด้วยเลือด

แน่นอนว่ามันเป็นการปะทะกันที่หลินเทียนยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“ดูเหมือนว่าด้วยหอกนั่นก็ยังเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้สินะ ”

หลินเทียนแสยะออกมา

ชายชราที่กำหอกเอาไว้ในมือนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแต่น่าเสียดายที่ตราประทับในมือของหลินเทียนมันแข็งแกร่งยิ่งกว่า

เขาหันมองออกไปทางชายชราด้วยร่างกายที่รู้สึกปวดร้าวแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลซ้ำออกไป

ชายชรากำหอกในมือขวาเอาไว้แน่นก่อนที่จะแทงหอกออกไปด้านหน้าอย่างไม่ปราณี

การโจมตีของทั้งสองได้อัดกระแทกเข้าใส่กันอีกครั้ง

“ตู้มม ~! ”

ร่างชองชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่แตกร้าวพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาไม่หยุด

 

 

 


ตอนที่ 1465

 

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่แหลกเป็นเสี่ยงๆ

หลินเทียนเองก็สั่นสะท้านไปไม่ต่างกันเพราะเขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา

“มาต่อกัน ”

เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งกระโดดออกไปพลางเหวี่ยงหมัดอัดเข้าใส่ร่างของชายชราไปอีกครั้ง

ทึ้มม ~!

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาพร้อมๆกับพลังทำลายล้างของหมัดจักรพรรดิโกลาหล

ชายชราได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพร้อมทั้งซัดหอกออกไปโดยที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของตัวเองแม้แต่น้อย

การปะทะกันของพวกเขาทั้งสองก่อให้เกิดคลื่นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

“ตู้มม ~! ”

“ตู้ม ~! ”

“ตู้ม ~! ”

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาระหว่างที่ร่างของทั้งสองลอยเคว้งออกไปไกล

หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งสังเวยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกมาและสร้างเขตแดนสายฟ้าขึ้น

นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีเงินอย่างฉับพลัน

มันเป็นเขตแดนที่สามารถเคลื่อนย้ายร่างของเขาไปที่ใดก็ได้ภายใต้รัศมีสายฟ้าของมันทำให้ร่างของเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างฉับพลัน

“ทึ้มม ~! ”

ตัวเขาได้เหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกมาอัดเข้าใส่ร่างของชายชราไปพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าสีเงินที่ทรงพลังอย่างไม่ปราณี

นี่ทำให้ร่างของชายชราพุ่งกระเด็นออกไปไกลด้วยสภาพที่ไม่ต่างไปจากอุกกาบาตเลยก็ว่าได้

กองเลือดมากมายสาดกระเซ็นออกไปทั้งสองข้างทาง

หลินเทียนมองออกไปยังร่างของชายชราที่ลอยเคว้งออกไปไกลซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ออกไปจากอาณาเขตของเขาดังนั้นถึงได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำเข้าใส่

“อั๊กก ~! ”

ชายชรากระอักเลือดออกมาขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่น่าสังเวชอย่างมาก

แต่นี่ยังไม่จบเพราะหลังจากที่สังเวยเอาเขตแดนนี้ออกมาแล้วความเร็วของหลินเทียนนั้นสูงถึงขั้นที่ไม่จำเป็นจ้องขยับแม้แต่น้อยพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพลางเหวี่ยงหมัดอัดเข้าใส่ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว

เสียง วิ้ส ~! ถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนย่นระยะไปอยู่ตรงหน้าร่างของชายชราพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่องทำให้สภาพของชายชรายิ่งตกต่ำลงอย่างมาก

“สลายไปซะ ! ”

ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปลดปล่อยลำแสงสีดำทมิฬออกไปรอบทิศทางทำให้อาณาเขตสายฟ้าของหลินเทียนสลายหายไป

แกร๊ง ~!

หอกในมือของเขาได้สั่นไหวก่อนที่จะซัดมันเข้าใส่ทางศีรษะของหลินเทียนด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

หลินเทียนใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์เบี่ยงหลบการโจมตีนี้ไปก่อนที่จะสวนกลับเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่าย

ชายชราตวัดหอกกลับมารับหมัดของหลินเทียนเอาไว้พร้อมทั้งใช้มือซ้ายคว้าเข้าใส่ศีรษะของหลินเทียน

หลินเทียนรีบถอยร่นกลับไปเพื่อหลบการโจมตีนี้ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลซ้ำออกไปอีกครั้ง

ชายชราพยายามป้องกันการโจมตีเอาไว้ด้วยหอกของเขาแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถป้องกันได้ทำให้ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลกว่าหลายร้อยเมตร

“ไอ้มดปลวก ! ”

เขาส่งเสียงออกมาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกอย่างมากขณะที่อาการบาดเจ็บที่หน้าอกยิ่งทรุดตัวลงทำให้เลือดไหลทะลักออกมา

หลินเทียนแสยะตอบกลับไปว่า

“การที่เจ้าถูกข้าต่อยปลิวซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้แล้วยังเรียกข้าว่ามดแล้วเจ้าเป็นอะไรกัน ? ขี้หมา ? ”

นี่ทำให้สายตาของชายชรายิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกพร้อมทั้งซัดหอกอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้ายถึงขีดสุด

ระหว่างที่โจมตีออกไปสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ตราประทับในมือของหลินเทียนอย่างไม่วางตา

“อยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้แล้วยังคิดจะชิงมันไปจากข้าอีก ? ”

หลินเทียนแสยะออกมา

เขาพุ่งออกไปโดยที่ไม่เบี่ยงหลบการโจมตีแม้แต่น้อยก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไป

“ทึ้มม ~! ”

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่พลังของตราประทับและหมักจักรพรรดิโกลาหลผสานเข้าใส่กัน

การปะทะกันของพวกเขาก่อให้เกิดคลื่นแรงระเบิดอันทรงพลังกระจายตัวออกไปทั่วทั้งจักรวาล

หลังจากนั้นพวกเขาก็ยังคงอัดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง

ตู้มม ~!

ร่างกายของชายชราสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงสีดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาทำให้ระดับพลังเพิ่งสูงขึ้นกว่าเก่าและส่งผลให้หลินเทียนถูกกระแทกถอยกลับไป

“ฝืนใช้ทักษะเทวะ ? ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว ”

ณ ตอนนี้แม้จะพบว่าระดับพลังของอีกฝ่ายเพิ่มสูงขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากว่าด้วยสภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้แล้วมันไม่มีทางที่จะคงสภาพนี้ไว้ได้นานนัก

เขากำหมัดเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงออกไปตอบโต้มัน

ตู้มมม ~!

แรงระเบิดอันทรงพลังทำให้ม่านฟ้าถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง

ชายชราที่ฝืนดึงพลังออกมาใช้เองก็ยังคงจ้องเขม็งไปยังตราในมือของหลินเทียนพร้อมทั้งซัดหอกออกไปปะทะอย่างไม่ยอมแพ้จึงทำให้ห้วงจักรวาลสั่นไหวไม่หยุด

ตู้มม

ตู้ม !

ตู้มมม !

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ห้วงมิติโดยรอบถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปได้แต่ผงะไปกับพลังทำลายระดับนี้

แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายความดุร้ายออกมาพลางหันไปพูดกับเสี่ยวไท่ชูว่า

“เจ้าหนู พวกเราก็รวมพลังกันเถอะเพราะถึงแม้ว่าจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้แต่ก็พอจะก่อกวนมันได้บ้าง ”

เสี่ยวไท่ชูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าตอบรับเพราะเห็นด้วยกับความคิดนี้

บึ้สส ~!

เสี่ยวไท่ชูกระพือปีกสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังออกมากดทับเข้าใส่ทางชายชราอย่างไม่รอช้า

จระเข้เบญจธาตุเองก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังของมันออกมา

ทักษะทั้งสองผสานกันก่อนที่จะพุ่งอัดเข้าใส่ร่างของชายชราทำให้อีกฝ่ายแทบจะถูกกระแทกปลิวออกไป

“พวกสัตว์ชั้นต่ำ ! ”

ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวพลางหันมองกลับไปทางทั้งสองคนเพราะแม้การโจมตีเหล่านี้จะทำอะไรเขาไม่ได้แต่มันก็ขัดขวางรูปแบบการโจมตีของเขา

“ไอ้แก่กำลังมองไปทางไหนกัน คู่ต่อสู้เจ้าอยู่นี่ ”

หลินเทียนพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอัดเสยคางของชายชราอย่างจัง

ตู้มม ~!

ร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่ฟันเกือบร่วงหมดปาก

หลินเทียนหันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูพร้อมยกนิ้วให้

“ทำได้ดีมาก ! ”

เมื่อพูดจบแล้วเขาก็พุ่งเข้าใส่ร่างของชายชราพร้อมทั้งสังเวยทักษะเพลงกระบี่ศุกลสวรรค์ออกมาฟาดฟันเข้าใส่อย่างไม่รอช้า

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังสนั่นหวั่นไหว

ชายชรารีบแทงหอกออกไปรับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้ขณะที่ลำแสงสีดำพุ่งเข้าใส่ศีรษะของหลินเทียน

หลินเทียนไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อยพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดออกไปรับการโจมตีเอาไว้และสร้างคลื่นพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงออกมา

นี่เปิดโอกาสให้จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูได้สังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของชายชราอีกครั้ง

ตู้มม

ร่างของชายชรากระเด็นออกไป

“รนหาที่ตายนักนะ ! ”

ชายชราได้หันมองออกไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูด้วยสายตาที่ดุร้ายและอาฆาตอย่างมาก

“หอนอยู่ทำไมกัน ? เก่งจริงก็มากัดลุงจระเข้สิ ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

ชายชราที่มีชีวิตอยู่มาอย่างเนิ่นนานแต่กลับถูกยั่วยุขนาดนี้ทำให้เขาพุ่งเข้าหาทางจระเข้เบญจธาตุด้วยกลิ่นอายที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว

“เหอะ ! ”

เสียงแสยะถูกส่งออกมาจากทางหลินเทียนขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของชายชราพร้อมทั้งซัดหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังอัดเข้าใส่กลางหลังของอีกฝ่ายหลังจากที่ได้ทั้งสองช่วยซื้อเวลาเอาไว้ให้

“อั๊ก ~! ”

ชายชราส่งเสียงออกมาขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกล

หลินเทียนพุ่งไล่ตามเขาไปพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง

นี่ทำให้ชายชราได้แต่ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาอย่างดังพลางซัดหอกอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตาม วินาทีที่เขาเปิดฉากโจมตีออกไปก็ต้องเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูทำให้เขาชะงักไป

“ระยำเอ้ย ! ”

เขาหันมองกลับไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่ดุร้ายถึงขีดสุดพลางพุ่งออกไป

แต่วินาทีนี้เองที่หลินเทียนได้ฉวยโอกาสเหวี่ยงหมัดอัดเข้าใส่กลางหน้าอกอย่างจัง

ตู้มมม ~!

ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพหน้าอกที่เต็มไปด้วยบาดแผลถึงขั้นเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุดก่อนที่จะยืนกลับขึ้นมาอย่างยากลำบาก

เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่ประกายแสงสีดำอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่ร่างกายของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาทำให้แรงกดดันที่กำลังเพิ่งสูงขึ้นหดหายไปแถมกลิ่นอายยังแผ่วลงยิ่งกว่าตอนแรกด้วยซ้ำ

ขนาดมือที่กำลังกำหอกเอาไว้เองก็ยังสั่นไหวไม่หยุด

“พลังงานที่ฝืนใช้ได้หมดแล้ว ? ”

หลินเทียนแสยะออกมา

ปากและหน้าอกของชายชรามีเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุดแต่แววตาของเขายังคงส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

หลินเทียนพุ่งออกไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งพูดว่า

“จะตายอยู่แล้วยังกล้าปลดปล่อยจิตสังหารใส่ข้าอีกงั้นรึ ”

เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังออกไปอัดเข้าใส่แก้มของชายชราอย่างจัง

“ตู้มม ~! ”

ร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดขณะที่หอกในมือสั่นสะท้านไม่หยุด

ประกายแสงสีน้ำเงินสาดส่องออกมาขณะที่หลินเทียนเหวี่ยงหมัดของเขาออกไปอีกครั้ง

ชายชราคว้าหอกขึ้นมากันเอาไว้ก่อนที่จะถูกกระแทกปลิวออกไปไกลขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด

“มา ! ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

เขาก้าวเดินออกไปพร้อมๆกับเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายทำให้มีเสียงกระแทกถูกส่งออกมาอย่างดัง

ตู้มม ~!

ร่างกายของชายชราถึงกับชโลมไปด้วยเลือดแต่ก็ยังคงปลดปล่อยลำแสงสีดำออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นไม่หยุด

“ข้าฝากตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้ที่เจ้าก่อนแล้วกัน หลังจากที่ข้ากลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วข้าจะกลับมาเอา ! ”

เขาจ้องมองไปยังตราในมือของหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายก่อนที่จะพุ่งหนีไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 1466

 

ชายชราพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากถึงขั้นที่หายไปสุดขอบฟ้า

“อย่าหนีสิ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ! ”

มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่หลินเทียนจะปล่อยโอกาสทองครั้งนี้ไปได้พร้อมทั้งรีบพุ่งไล่ตามมันไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า

แกร๊ง !

เสียงกระบี่พุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด

พุฟฟ ~!

ร่างของชายชราได้ถูกกระบี่นี้ทะลวงผ่านร่างไปทำให้เลือดไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของเขาไม่หยุด

เขาหันกลับมามองไปทางหลินเทียนและยังคงพยายามพุ่งหนีต่อไปเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถต่อสู้กับหลินเทียนได้ในตอนนี้

“จะตายอยู่แล้วยังอวดดีอีกนะ ! ”

หลินเทียนแสยะออกมา

เขากำตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้ในมือพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอย่างไม่รอช้า

เสียง ฟึ้บบ ~ ถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นลำแสงสังหารอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปอัดกระแทกเข้าใส่กลางหลังของชายชราอย่างจัง

ตู้มมม ~! ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด

แถมตอนนี้ร่างกายอีกฝ่ายเองก็ยังรายล้อมไปด้วยรอยแตกร้าวที่แผดขยายออกไปรอบทิศทาง

“ไอ้มดปลวก ! ”

เขาหันมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกอย่างมากพร้อมทั้งพุ่งหนีไปโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย

“มดแม่เจ้าน่ะสิ ”

หลินเทียนก่นด่าออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงคลื่นพลังทำลายล้างออกไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก

พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงซึ่งกลิ่นอายของชายชราในตอนนี้แผ่วลงอย่างมากดังนั้นถึงได้ฉีกห้วงจักรวาลตรงหน้าด้วยมือเปล่าพร้อมทั้งพุ่งหนีหายไปจากทัศนวิสัยของทุกคนภายในชั่วพริบตา

“ช่องว่างจักรวาล ?! ขนาดอยู่ในสภาพกึ่งตายแบบนี้แล้วมันยังสามารถฉีกห้วงจักรวาลหนีไปได้ ?! ”

จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไป

“อย่างน้อยๆตอนนี้ระดับพลังของเขาก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงดังนั้นการจะฉีกช่วงว่างจักรวาลก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ”

หลินเทียนพูดจบก็หันมองออกไปแล้วกัดฟันพูดต่อว่า

“ไล่ตามมันไป ! ”

แม้จะไม่รู้ว่าชายชราหลบหนีไปในทิศทางไหนแต่เขาก็ยังไม่อยากจะปล่อยอีกฝ่ายไปไม่งั้นหากว่าอาการบาดเจ็บของมันหายเป็นปกติแล้วก็จะกลายเป็นหายนะสำหรับเขาไปทันที

“วิ้สส ~! ”

เขาสังเวยทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังลงไปภายในตราประทับในมือและทำให้เกิดช่องว่างอยู่ตรงหน้าพลางก้าวเข้าไปก่อนที่จะหายตัวไปจากจุดๆนั้น

พื้นที่โดยรอบของเขารายล้อมไปด้วยความมืดมิดและหลังจากนั้นไม่รู้ว่านานขนาดไหนก็ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกมาจากมัน

“ที่นี่คือ ? ”

พวกเขาพากันผงะไป

เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้ว่ามันเป็นโลกกว้างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขุนเขามากมายที่ดูสง่างามและยิ่งใหญ่กว่าดาวตงเฮิงอยู่มากหลายเท่า

“ไม่ใช่ห้วงจักรวาล ? ที่นี่ที่ไหนกัน ?”

จระเข้เบญจธาตุได้ผงะไป

หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันก่อนที่จะหันมองไปทางทิศตะวันออกและเห็นร่างของชายชราที่กำลังพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก

“ไล่ตามมันไป ”

เขาพูดออกมาพร้อมทั้งรีบพุ่งตามร่างของอีกฝ่ายไปอย่างไม่รอช้า

เป็นเพราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือใคร

“วิ้สสส ! ”

เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากตราจักรพรรดิหยวนในมือถึงได้ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นมากและเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายได้ภายในพริบตาก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดอัดร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปทำให้มันถล่มลงมา

ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพุ่งหนีไปอย่างไม่รอช้า

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพวยพุ่งเข้าใส่ทางร่างของชายชราอย่างบ้าคลั่ง

คลื่นกระบี่เหล่านี้ได้อัดกระแทกเข้าใส่ร่างของชายชราจนลอยเคว้งออกไปไกลสุดขอบฟ้า

วิ้สส ~!

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาระหว่างที่ชายชราที่มีกลิ่นอายอันเบาบางได้ลุกกลับขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งหนีไปอีกครั้ง

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาหลังจากที่มันได้ฉีกห้วงมิติตรงหน้าแล้วหนีไปอีกครั้ง

หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งยกตราประทับในมือขึ้นมาเพื่อพยายามไล่ตาม

ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลง

“เป็นอะไรไปล่ะเจ้าหนู ? ไล่ตามมันไปซะ นี่น่ะโอกาสทองในการฆ่ามันเลยนะ ไม่งั้นหลังจากนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ ! ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

“ข้ารู้แล้ว ”

หลินเทียนจ้องมองออกไปยังช่องว่างมิติตรงหน้าก่อนที่จะพูดต่อว่า

“น่าเสียดายที่เราไล่ตามไม่ได้แล้ว ”

หลังจากนั้นเขาก็ได้ปล่อยมือออกจากตราประทับเนื่องจากประกายแสงที่ส่งออกมามันหม่นหมองลงแล้ว

จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไประหว่างที่มองไปยังตราในมือของหลินเทียนแล้วพูดว่า

“นี่…….ไม่สามารถไล่ตามมันได้อีกแล้ว ”

เป็นเพราะชายชรานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่ก็ยังแข็งแกร่งไร้เทียมทานและเหตุผลที่พวกเขาสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ก็เป็นเพราะตราประทับในมือนี้ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะตายไปแล้วและในเมื่อพลังที่ได้มาได้สลายหายไปแล้วจะให้ไล่ตามได้อย่างไรกัน ?

การกระทำเช่นนั้นมันรนหาที่ตายชัดๆ

“โชคดีที่มันไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้ไม่งั้นเราก็คงจะตายไปแล้ว ”

มันได้แต่คอหดไป

หลินเทียนพยักหน้าของเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“น่าเสียดายที่พลังของมันหมดไปก่อนที่จะจัดการกับมันได้ ”

เป็นเพราะว่าชายชรานั้นพุ่งเป้ามาที่เขาเนื่องจากตราประทับและเจดีย์ราชันอมตะแต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายไปได้นี่ทำให้เพิ่มอันตรายให้กับตัวพวกเขาเองมากขึ้นไปอีก

“น่าเสียดายจริงๆนั่นแหละ ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ดูเหมือนว่าตรานี่มันจะไม่ธรรมดาๆเลยนะ ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ร้ายกาจใดๆจากประกายแสงสีครามนั่นได้เลยแต่กลับให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง ”

ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นตราประทับที่ไม่ธรรมดาอย่างมากเนื่องจากมันเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานอย่างไรและมีประโยชน์อะไร

ทว่าตอนนี้ได้รู้แล้วว่าพลังของมันทำให้หลินเทียนผู้ซึ่งอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับสามารถต่อต้านอีกฝ่ายที่ร้ายกาจขนาดนั้นได้ซึ่งมันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเลย

“มันเรียกตรานี่ว่าอะไรแล้วนะ อ่อใช่แล้ว ตราจักรพรรดิหยวน ”

หลินเทียนมองลงไปยังตราประทับในมือก่อนที่จะพูดต่อว่า

“มันคืออาวุธ ? หรือว่าอะไรกัน ? ”

เขารู้ว่ามันไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่รู้เลยว่ามันมีเอาไว้ทำอะไร มันคืออาวุธ ? ก็เหมือนจะไม่ใช่

“ไม่รู้เหมือนกัน ”

จระเข้เบญจธาตุส่ายศีรษะของมันก่อนที่จะพูดต่อว่า

“แต่เราสามารถคิดว่ามันเป็นอาวุธก็ได้ ”

หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า

“เจ้าลองดูสิว่ามันดึงเอาพลังงานสีครามนั่นออกมาใช้ได้อีกไหม ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังเทวะลงไป

ทว่าผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยเพราะว่ามันไม่ยังคงนิ่งสนิทไม่ตอบสนองใดๆแม้แต่น้อย

เขาส่งมันให้กับทั้งสองคนเพื่อลองพยายามเปิดใช้งานมันแต่ก็เปล่าประโยชน์

“ดูเหมือนว่ามันจะบังเอิญเปิดทำงานเองหลังจากที่ได้รับพลังทำลายของไอ้แก่นั่น ”

เขาวิเคราะห์ออกมา

“อื้ม ”

จระเข้เบญจธาตุได้พูดต่อว่า

“ก็คิดได้เพียงแค่นี้เท่านั้น ”

หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งเก็บมันกลับเข้าไปภายในร่างของเขา

ในตอนนี้ศัตรูของพวกเขาได้หนีหายไปไกลแล้วดังนั้นพวกเขาถึงไม่ต้องเป็นกังวลอะไรก่อนที่จะหันมองออกไปรอบๆ

“จะว่าไปแล้วที่นี่มันที่ไหนกัน ? ดูเหมือนว่ามันไม่ธรรมดาเลยนะ ”

จระเข้เบญจธาตุพูดออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงพลังฉีที่เข้มข้นอย่างมากถึงขั้นที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาวไหนๆที่เคยพบเจอมา

หลินเทียนหันมองออกไปซึ่งเขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดเดียวกัน

“ลองสอบถามคนรอบๆดูก่อนแล้วกัน ”

เขาพูดออกมา

นี่ทำให้พวกเขาพากันออกเดินทางออกไปพร้อมทั้งสอบถามผู้เชี่ยวชาญต่างๆที่อยู่ไม่ไกลออกไป

“ดวงดาวจักรพรรดิในหมู่หมื่นดวงดารา ? นี่เรามาโผล่ที่นี่ ? ”

สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปโดยทันที

 

 

 


ตอนที่ 1467

 

หมู่ดาวนั้นเป็นสถานที่ๆกว้างใหญ่อย่างมากซึ่งภายในห้วงจักรวาลนี้ก็เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายที่บรรจุไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วนซึ่งดาวจักรพรรดินี้ถือเป็นดาวที่โดดเด่นที่สุด

เป็นเพราะว่ามันได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งหมื่นหมูดาวทั้งปวงจึงได้ชื่อว่าเป็นแกนหลักของห้วงจักรวาลที่แท้จริง

แน่นอนว่าความหมายของมันคือดวงดาวอันดับหนึ่งในหมู่ดาวนับหมื่นๆ

“ไม่คิดเลยว่าจะมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ ”

หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา

เป็นเพราะว่าเขาได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมันมาจากตำราบันทึกโบราณที่ได้มาว่าโลกเองก็เคยได้อยู่ในระดับเดียวกันกับดาวดวงนี้ซึ่งถือว่าเป็นรองเพียงแค่ดาวดวงนี้ดวงเดียวเท่านั้น

“ดาวจักรพรรดินี้เป็นดาวที่แข็งแกร่งที่สุดและได้ยินมาว่ามีคนที่แข็งแกร่งถึงขั้นสามารถฉีกม่านจักรวาลระหว่างดินแดนนิรันดร์ได้ ”

จระเข้เบญจธาตุผงะไป

หลินเทียนเองก็รู้จักดาวดวงนี้เป็นอย่างดีทว่ากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดินแดนนิรันดร์เลยแม้แต่น้อยและรู้เพียงว่าเหนือไปจากห้วงจักรวาลเหล่านี้แล้วยังมีสถานที่ในตำนานอย่างดินแดนนิรันดร์อยู่อีก

หลังจากนั้นก็ได้ถามว่า

“อยากจะรู้เหมือนกันว่าการที่สามารถฉีกมิติไปยังดินแดนนิรันดร์ได้นี่ต้องอยู่ในระดับพลังอะไรกัน ? ”

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะในตำราไม่ได้มีบันทึกเอาไว้แต่อย่างน้อยๆก็ต้องเขตแดนนิรันดร์แท้จริง ”

หลินเทียนตอบกลับ

นี่ทำให้พวกเขาได้แต่พากันนิ่งเงียบไปทันที

ฟู้วว ~!

สายลมได้พัดผ่านเข้ามากระทบร่างของพวกเขาให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

พริบตาพวกเขาก็ได้แต่จ้องมองไปยังโลกตรงหน้าอยู่นาน

“แล้วเราจะเอาไงกันต่อดีล่ะเจ้าหนู ? ”

จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมา

หลินเทียนเองก็ยังไม่ทันคิดถึงได้ตอบกลับไปว่า

“ที่นี่เป็นดาวที่ทรงพลังอำนาจที่สุดถึงขั้นที่กว้างใหญ่กว่าดาวตงเฮิงหลายพันเท่าดังนั้นจึงขึ้นชื่อว่าเป็นดาวที่เหมาะแก่การบ่มเพาะที่สุดดังนั้นในเมื่อเราอุส่ามาถึงแล้วก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์กัน จะได้ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลเสียที ”

“ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า

“ข้าจะต้องตัดผ่านให้ได้ ”

“ไปสอบถามกันหน่อยว่ามีที่ไหนเหมาะกับการบ่มเพาะบ้าง ”

หลินเทียนพูดออกมา

นี่ทำให้พวกเขาต่างพากันออกเดินทางออกไปยังถนนแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ตามถนนเองก็มีผู้คนสัญจรไปมากันอย่างมากมาย

“ได้ยินมาว่ามีคนค้นพบดินแดนบ่มเพาะภายในที่รกร้าง ? ถึงขั้นทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังตื่นตัว ? ”

“ล้อเล่นหรือเปล่า ? ”

“ข้าจำได้ว่าที่นั่นมันไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมอยู่ดีๆถึงได้มีดินแดนบ่มเพาะที่ทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจ ?! ”

ผู้คนพากันส่งเสียงออกมา

หลินเทียนและคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็อดประหลาดใจไปไม่ได้

เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่ามันเป็นสถานที่ๆให้กำเนิดสมบัติอันยิ่งใหญ่กว่าโลกภายนอกมาก

ตั้งแต่ที่เริ่มบ่มเพาะมาพวกเขาก็เคยเข้าไปภายในดินแดนบ่มเพาะมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแถมยังได้รับประโยชน์มามากมายแต่ก็เพิ่งเคยได้ยินว่ามีแม้กระทั่งสถานที่ๆทำให้อนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจ

“ขนาดเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังสนใจนี่มัน……”

“แสดงว่าอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นสถานที่ๆหาได้ยากยิ่งมากๆและมีม่านพลังที่แข็งแกร่งคอยป้องกันเอาไว้ทำให้เขตแดนอนันตกาลธรรมดาๆไม่สามารถฝ่าไปได้ ……นี่มัน…ใครเป็นคนค้นพบกัน ? ”

“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มันมีคลื่นกระบี่สีครามพุ่งผ่านอากาศออกไปเฉือนห้วงมิติออกแล้วเผยให้เห็นดินแดนบ่มเพาะที่อยู่ภายใน ”

“เห็นเพียงแค่คลื่นกระบี่นั้นแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ? ”

“น่าจะใช่ ”

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมาขณะที่มุ่งหน้าออกไปยังทิศทางหนึ่ง

แน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ตั้งของดินแดนบ่มเพาะอย่างแน่นอน

หลินเทียนและคนอื่นๆที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็ได้แต่พากันผงะไป

จระเข้เบญจธาตุหันมองมาทางเขาพร้อมทั้งพูดว่า

“เจ้าหนู ไอ้คลื่นกระบี่ที่ว่านี่มัน…..”

หลินเทียนเองก็อดตอบกลับไปแบบฝืนๆไม่ได้ว่า

“น่าจะเป็น…ฝีมือของข้าเอง ”

เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาได้ส่งคลื่นกระบี่สังหารไล่ล่าชายชราไปซึ่งส่วนหนึ่งของมันได้พุ่งทะลวงผ่านออกไปไกลและเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่กลุ่มคนเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าไปไม่มีผิด

แน่นอนว่ามันเป็นคลื่นกระบี่ที่เขาส่งออกไปเพื่อโจมตีชายชราอย่างแน่นอน

“นี่มันจะไม่…….บังเอิญเกินไปหน่อยหรือไง ? ”

จระเข้เบญจธาตุถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมา

เป็นเพราะการโจมตีของหลินเทียนทำให้ม่านพลังของดินแดนบ่มเพาะได้ถูกทำลายลงส่งผลให้ค้นพบดินแดนบ่มเพาะที่แม้แต่เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจ

หลินเทียนเองก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ก่อนที่จะปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วแล้วหันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพลางพูดว่า

“ไปกันเถอะ ”

เป็นเพราะว่าสถานที่ๆแม้แต่เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังต้องสนใจแบบนี้แล้วมันจะต้องอัดแน่นไปด้วยสมบัติที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นี่ทำให้พวกเขาพากันมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางเดียวกันอยู่กว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่จะไปถึงพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้ว่าสถานที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแถมยังมีเศษฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเสมือนว่าเพิ่งแบกรับพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงทำให้สถานที่แห่งนี้พังทลายลง

“ที่รอยแยกมิตินั่นยังมีกลิ่นอายของตราจักรพรรดิหยวนอยู่เลย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคลื่นกระบี่ของเจ้าจริงๆนะ ”

จระเข้เบญจธาตุพูดออกมาและยืนยันได้ทันทีว่าคลื่นกระบี่ที่กลุ่มคนทั้งหลายพูดถึงขั้นเป็นการโจมตีก่อนหน้านี้ของหลินเทียนและเมื่อมาเห็นกับตาตัวเองแล้วก็ยังอดแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาไม่ได้

 

 

 


ตอนที่ 1468

 

หลินเทียนได้หันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ช่างเรื่องอื่นก่อนเถอะ เราเข้าไปภายในดินแดนบ่มเพาะนั่นกัน ”

เป็นเพราะว่า ณ ตอนนี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็ยิ่งพากันแห่มาที่นี่ทำให้เขาอยากรู้มากว่าเบื้องหลังรอยแยกมิตินั้นจะเป็นดินแดนบ่มเพาะแบบไหนกัน

“เอาล่ะ ไปกัน ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

หลินเทียนพยักหน้าของเขาเล็กน้อยพร้อมทั้งพากันก้าวเดินออกไปภายในก่อนที่จะก้าวผ่านรอยแยกมิติไป

เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบได้กับเทือกเขาขนาดไม่ใหญ่มากรายล้อมกันอยู่รอบทิศทางและให้ความรู้สึกเสมือนว่ามันเป็นจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง

แถมพลังฉีภายในสถานที่แห่งนี้ยังเข้มข้นเสียยิ่งกว่าโลกภายนอกถึงหลายเท่าตัวถึงขั้นที่แทบจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นของเหลวเลยก็ว่าได้

“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”

หลินเทียนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันจะให้กำเนิดสมบัติมากมายเลย ด้วยสภาพแวดล้อมระดับนี้มันเรียกได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะเลยก็ว่าได้ มันไม่ได้ด้อยไปกว่ารากฐานของขุมพลังใหญ่เลยนะ ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงที่ประหลาดใจออกมา

เสี่ยวไท่ชูไม่ได้ตอบกลับอะไรเพราะมันไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วและได้แต่จ้องมองไปยังภาพด้านหน้า

“โร๊วว ~!!”

แน่นอนว่าภายในสถานที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายที่ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาอย่างดังและให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

“อ๊ากก ~! ”

เสียงกรีดร้องถูกส่งตามออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถูกสัตว์อสูรเหล่านี้ฉีกออกเป็นชิ้นๆก่อนที่จะกลืนกินลงท้องไป

หลินเทียนเองก็พบเจอกับเรื่องเหล่านี้จนเคยชินไปแล้วถึงไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปภายในพร้อมๆกับคนอื่นๆ

เป็นเพราะหากพูดกันตามปกติแล้วสมบัติมันมักจะอยู่ภายในใจกลางของสถานที่แห่งนี้

“นั่นมันคริสตัลนิรันดร์ ! มีอยู่กว่าหลายร้อย……กิโลกรัมเลยนะ ”

“สมุนไพรเป๋าเหลียง…..สามารถเพิ่มระดับพลังเขตแดนปรินิพพานได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ! ”

“เหล็กล้ำลึก ! แร่สำหรับสร้างอาวุธสวรรค์ ! ”

ระหว่างทางเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้พากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นเพราะมีหลายคนที่ค้นพบสมบัติที่ล้ำค่าไม่น้อย

ระหว่างทางที่หลินเทียนและคนอื่นๆกำลังไปนั้นก็ได้พบกับสมบัติมากมายแต่มันมีประโยชน์เพียงกับเขตแดนปลุกพลังและปรินิพพานและถึงพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรก็ยังเก็บกลับไปเพราะมันยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆ

ทึ้มมม ~!

วานรตัวใหญ่ปรากฏตัวตัวออกมาพร้อมทั้งซัดฝ่ามือเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า

มันเป็นอสูรเขตแดนปรินิพพานที่มีความสูงกว่าสามสิบเมตรดังนั้นฝ่ามือของมันถึงได้บดบังฟากฟ้าไปทันที

หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรและยังคงก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้ตอบโต้เลยด้วยซ้ำก่อนที่คลื่นพลังจะกระแทกร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลแสนไกล

ไม่นานพวกเขาก็พากันก้าวเดินเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้

และมันเป็นตอนนี้เองที่มีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหลผสมผสานไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นถูกส่งออกมา

“กลิ้มหอมนี้มัน……..”

ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเพราะว่ามันเป็นกลิ่นหอมเฉพาะที่ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของอะไร

หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆส่งกลิ่นหอมนี้ออกมาจนไปหยุดอยู่ที่แม่น้ำขนาดใหญ่

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันมีขนาดที่ใหญ่มากๆแถมยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังงมหาบางสิ่งจากด้านใต้เนื่องจากมีหลายๆคนตกเอาสมบัติล้ำค่าขึ้นมาได้

หลินเทียนและคนอื่นๆที่มาถึงที่นี่โดยการตามกลิ่นหอมมาเองก็ก้าวออกไปยังใจกลางของสถานที่แห่งนี้ก่องที่จะมองไปยังหินก้อนที่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมา

“ใช่มันจริงๆ ”

ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาโดยทันที

เป็นเพราะว่าภายในหินนี้มันมีชื่อว่าหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณได้อย่างน้อยๆสามเท่าตัวแต่กลิ่นอายที่เน่าเปื่อยของมันจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกลายเป็นผีร้ายไปจึงเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีพิษร้ายอย่างมากทำให้คนธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้

แต่หลินเทียนนั้นกลับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

เพราะแม้มันอาจจะดูเหมือนหายนะสำหรับคนอื่นๆทว่ากลับเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสำหรับเขาอย่างมากเนื่องจากเขาเชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นจึงสามารถใช้มันกลั่นเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าได้

มันเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าถึงขั้นสามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้เป็นสิบๆเท่าโดยที่ไม่ได้รับผลข้างเคียงใดๆหลังจากนั้นเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง

ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้รับหญ้าแบบนี้มาก่อนแล้วและกลั่นยาทิพย์เสริมพลังมาสามเม็ดซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่พบหญ้าแบบเดียวกันนี้อีกเลยเนื่องจากมันถือกำเนิดขึ้นได้ยากมากๆดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ถึงได้ทำให้เขามีความสุขสุดๆ

“สมบัติชั้นเยี่ยม ! ”

จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองไปทางมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะมันยังจดจำได้ดีว่าตัวเองเคยเห็นหลินเทียนใช้มันกลั่นยาทิพย์มาก่อน

หลินเทียนตั้งสติของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปทางมันโดยทันที

แน่นอนว่าการกระทำของพวกเขาดึงดูดสายตาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก

“นี่เขา……ทำอะไรกัน ? ”

“กำลังตรงไปยังหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อย ? คิดจะเก็บมัน ? ”

“เอามันไปทำอะไรได้กัน ? มันน่ะเต็มไปด้วยพิษร้ายที่ทำให้คนปกติไม่สามารถสัมผัสมันได้ เก็บไปก็มีแต่จะเป็นอันตรายเปล่าๆ ”

“หรือว่าเขาไม่รู้จักมันถึงได้คิดว่ามันเป็นสมุนไพรชั้นเลิศ ? ”

“นี่…..เหมือนจะเป็นไปได้ ”

กลุ่มคนพากันแสดงสีหน้าแปลำๆออกมา

เป็นเพราะว่าพวกเขาเองก็ค้นพบมันอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มันเพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่ของดีอะไรแต่หลังจากที่เห็นหลินเทียนเข้าใกล้มันด้วยตัวเองแบบนี้แล้วจึงอดทำให้พวกเขาประหลาดใจไปไม่ได้

หลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงท่าทางของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและก้าวเข้าไปอย่างเคย

ไม่นานเขาก็ได้เข้าไปถึงหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว

“ตู้มม ~! ”

แต่มันเป็นตอนนี้เองที่แม่น้ำได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่อสูรร่างยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาจะปรากฏตัวขึ้นมาด้วยกลิ่นอายอสูรที่ทรงพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า

“อสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ! ”

กลุ่มคนทั้งหลายที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอดผงะไปไม่ได้

เป็นเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีอสูรร้ายแบบนี้อยู่ใต้พื้นน้ำ

“โร๊วว ~! ”

มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับงับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี

นี่ทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที

“ชายคนนั้น….ตายแน่ๆ ! ”

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบพากันส่งเสียงออกมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

เพราะถึงอย่างไรอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านั้นถือว่าเป็นตัวคนที่แข็งแกร่งอย่างมากและหากยังคิดจะลงไปเก็บสมบัติอีกก็จะกลายเป็นอาหารของมันไปอย่างแน่นอน

“โร๊วว ~! ”

มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังทำให้กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง

เป็นเพราะภาพตรงหน้าที่พวกเขากำลังเห็นอยู่นั้นคือภาพที่หลินเทียนทำเพียงแค่เหวี่ยงฝ่ามือตบเข้าใส่มันจนอสูรตัวนั้นลอยเคว้งออกไปไกลแสนไกลพร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา

“นี่มัน ?! ”

“ตบอสูรจักรพรรดิว่างเปล่าปลิวไปง่ายๆแบบนั้นเลย ?! ”

“ชายคนนี้มัน……”

“ยังดูหนุ่มอยู่เลยแท้ๆแต่กลับ…..แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย ?! ”

“เขาเป็นนายน้อยของขุมพลังไหน ? นี่…ดูไม่คุ้นหน้าเลยนะ ”

หลายๆคนได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียน

ในตอนนี้เองที่มีร่างสามร่างที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งชายหนุ่มที่เป็นหนึ่งในนั้นกำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่คาดหวังพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“แข็งแกร่งไม่เบา ”

หลังจากนั้นเขาก็ได้หันไปพูดกับชายชราที่อยู่ด้านหลังว่า

“เชิญเขามาพบข้าหน่อย ข้าอยากจะพูดกับเขา ”

“ขอรับ ”

ชายชราทั้งสองตอบรับพร้อมทั้งเดินออกไป

หลินเทียนที่อยู่กลางแม่น้ำได้โบกมือส่งตรามังกรออกไปห่อหุ้มหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยเอาไว้เพื่อเก็บมันแล้วเดินกลับไปหาจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชู

จระเข้เบญจธาตุที่เห็นเช่นนั้นเองก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า

“ไปกันเถอะ ”

“ไปแบบนี้เลย ? ”

จระเข้เบญจธาตุได้พูดต่อขณะที่กวาดสายตาออกไปรอบๆว่า

“ดูก็รู้ว่าแม่น้ำนี่ไม่ใช่ธรรมดาๆแน่ๆ เรามาขุดเอาสมบัติกันต่อไม่ดีรึไง ถึงอย่างไรแม้มันจะไม่มีประโยชน์กับเราแต่ก็ยังสามารถเอากลับไปให้ศิษย์ที่สำนักได้นะ ”

หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า

“ก็ดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดแบบนี้ด้วย ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันหันหลังเดินออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรอีก

แต่มันเป็นตอนนี้เองที่มีชายชราสองคนเดินเข้าใกล้พวกเขาก่อนที่จะพูดกับหลินเทียนว่า

“มีท่านๆหนึ่งอยากจะพบกับเจ้า ตามข้ามา ”

 

 

 


ตอนที่ 1469

 

ชายชราชุดครามได้ส่งเสียงอันราบเรียบออกมาขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนเล็กน้อย

หลินเทียนได้ขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมากเสมือนว่ากำลังสั่งการเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น

เขากวาดสายตาออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป

“ข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้า ไม่ได้ยินหรือไงกัน ? ”

เมื่อเห็นว่าหลินเทียนไม่ตอบกลับทำให้สีหน้าของชายชราตกต่ำลงทันที

“ก่อนที่จะพูดกับคนอื่นก็ช่วยดูกิริยามารยาทของตัวเองก่อนได้ไหม ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้กล้าแสดงท่าทางแบบนั้นกับข้า ? ”

หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้พูดต่อว่า

“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าด้วยว่า อยากจะพบข้าก็ให้มาเอง ”

เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมันอวดดีเกินไปเพราะอยากจะพบเขาแต่กลับให้เขาไปหามันด้วยตัวเองแบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือไงกัน ?

หลังจากที่พูดจบแล้วพวกเขาก็ได้พากันก้าวเดินออกไปอย่างไม่แยแส

นี่ทำให้ชายชราได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมากก่อนที่จะกลับไปรายงานให้กับชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ห่างออกไป

“แล้วเขาล่ะ ? ”

ชายหนุ่มถามออกมา

ชายชราได้ก้มหน้าลงพร้อมทั้งตอบว่า

“มันบอกว่าหากอยากจะคุยกับมันก็ให้ไปพบมันเองขอรับ ”

“ได้บอกสถานะของข้าไปหรือยัง ? ”

ชายชราตอบกลับไปว่า

“เปล่าขอรับ ”

ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“งั้นก็ไปบอกเขาว่า หยานซ่งหวางจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิต้องการจะให้เขาเข้าร่วมกับเรา ”

ชายชราพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปหาหลินเทียนอีกครั้ง

“มาไงอีกล่ะ ? ”

จระเข้เบญจธาตุถามออกมาเพราะมันเองก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายเช่นกัน

ชายชราได้กวาดสายตามองจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า

“นายน้อยหยางซ่งหวางจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิต้องการให้เจ้าเข้าร่วมกับขุมพลังของเรา ”

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน

เป็นเพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นชื่อของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้และได้ชื่อว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลทั้งปวงที่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายรวมถึงตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงอยู่มากกว่าหนึ่งคน

หลินเทียนเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเลยที่คนที่อยากจะพบกับเขาจะเป็นคนของทางราชวงศ์แถมน่าจะมีสถานะที่ไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่อีกฝ่ายยังคงทำตัวหยิ่งยโสเสมือนว่าเขาเป็นลูกน้องของมันและทำเหมือนว่าการที่ให้เขาเข้าร่วมกับทางราชวงศ์นั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่

“กลับไปบอกเขาว่าข้าขอปฏิเสธความมีน้ำใจนี้ ข้ายังไม่อยากจะเข้าร่วมกับขุมพลังไหนๆ ”

เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

หลังจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

นี่ทำให้สีหน้าของชายชรายิ่งตกต่ำลงกว่าเก่าพร้อมทั้งส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาชายหนุ่มรูปหล่อแล้วรายงานว่า

“เขาไม่ต้องการของรับ ”

“บอกสถานะของข้าไปหรือยัง ? ”

“แล้วขอรับ ”

ชายชราตอบกลับ

นี่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยและได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่คมกริบให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมาก

เขาที่เป็นถึงคนของขุมพลังใหญ่อุส่าเปิดปากชวนอีกฝ่ายเข้าร่วมกับขุมพลังของเขาด้วยตัวเองแบบนี้มันถือเป็นบุญคุณครั้งยิ่งใหญ่ทว่าอีกฝ่ายกลับกล้าปฏิเสธเขา

นี่มันมีความกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ

“หาเวลาแล้วฆ่ามันซะ ”

เขาพูดออกมา

“ขอรับ”

ชายชราได้ตอบกลับ

ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งหันหลังเดินจากไป

…………..

หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปภายในแม่น้ำแห่งนี้พร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสและตรามังกรออกไปเพื่อเก็บเอาสมบัติทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมา

แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไรมากนักแต่หากนำไปให้กับเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลหรือต่ำลงไปแล้วก็จะเรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติชั้นเลิศเลยก็ว่าได้

พวกเขาพากันล่าสมบัติอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อยู่กว่างครึ่งเดือนเต็ม

“ดูเหมือนว่าของดีจะถูกเก็บไปหมดแล้วนะ ไปกันเถอะ”

หลินเทียนพูดออกมา

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพยักหน้าของพวกเขาพร้อมทั้งพากันก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้

ไม่นานพวกเขาก็ออกห่างจากแม่น้ำไปไกลมากแล้ว

“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าที่นี่มันถึงขั้นทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังให้ความสนใจแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ ? ”

จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยความสงสัย

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ”

หลินเทียนพูดออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า

“แต่น่าจะเป็นเพราะค้นพบสมบัติที่ไม่ธรรมดา ”

จระเข้เบญจธาตุหันมองมาทางเขาก่อนที่จะพูดว่า

“พูดให้เสียเวลาทำไมกัน เรื่องแค่นี้ข้าก็พอรู้อยู่แต่ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นสมบัติอะไรกัน ”

“ใครจะไปรู้กันล่ะ ”

หลินเทียนตอบกลับ

หลังจากนั้นเขาก็ได้พากันก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏอสูรร่างยักษ์ดวงตาสีเขียวขจีส่องประกายความกระหายเลือดออกมาอย่างเข้มข้นด้วยระดับพลังเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางที่คว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

หลินเทียนเดินนำออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อยก่อนที่จะส่งการโจมตีออกไปทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายแล้วก้าวเดินออกไปขณะที่จระเข้เบญจธาตุหันมองไปทางมันเล็กน้อย

อสูรตัวนี้มีสายตาที่เย็นชาเป็นอย่างมากและอยากจะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอีกครั้งแต่วินาทีที่ได้สบตากับจระเข้เบญจธาตุแล้วก็ทำให้ร่างกายของมันสั่นสะท้านไปไม่หยุดเพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งนิรันดร์จากพลังอสูรของจระเข้เบญจธาตุ

ทั้งหมดนี้ทำให้มันนิ่งไปและไม่กล้าเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ

หลินเทียนรู้ดีว่าเป็นเพราะจระเข้เบญจธาตุได้ส่งแรงกดดันออกไปทำให้พวกเขาพากันก้าวเดินต่อไปอย่างไม่สนใจอะไร

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอสูรและสัตว์ป่าหายากมากมายซึ่งระหว่างทางที่ก้าวเดินเข้าไปก็ต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีหลายครั้งแต่ก็ไม่มีอสูรตัวไหนเลยที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับพวกเขาได้เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของพวกเขาก็ถือว่าแข็งแกร่งมากทำให้อสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายก็ยังแตะต้องพวกเขาไม่ได้

ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่ที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่งพุ่งเข้าใส่ทางพวกเขา

สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบเบี่ยงหลบการโจมตีนี้ไปอย่างรวดเร็ว

คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาลูกใหญ่ทำให้มันระเบิดออกเหลือไว้เพียงแค่เศษซากปรักหักพังเท่านั้น

“จิตสัมผัสใช้ได้หนิ ”

น้ำเสียงที่คุ้นเคยถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างชองชายชรากำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา

“เป็นเจ้า ”

หลินเทียนจดจำอีกฝ่ายได้อย่างดี

สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะพวกมันเองก็จดจำชายชราคนนี้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาสนทนากับพวกเขาสองครั้งโดยการสั่งให้พวกเขาเข้าร่วมกับทางราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิ

“ไอ้แก่ ต้องการอะไร ? ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

ชายชราได้หันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า

“พวกหน้าไม่อาย นายน้อยอุส่าเอ่ยปากชวนด้วยตัวเองแบบนี้แล้วกลับกล้าปฏิเสธ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? คิดว่าขุมพลังของข้าเป็นอะไร ? ”

“เป็นเพราะข้าไม่ต้องการเข้าร่วมดังนั้นถึงได้ส่งคนมาฆ่าข้า ? ”

หลินเทียนหันมองออกไป

“เจ้าเป็นคนแรกเลยนะที่กล้าขัดคำสั่งของนายน้อยและขุมพลังของเรา ”

ชายชราไม่ได้ตอบกลับพร้อมทั้งซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล

“ตาย ! ”

มันเป็นฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่ปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้อย่างฉับพลัน

“กึ่งอนันตกาล ? ”

หลินเทียนได้หรี่ตาลงเล็กน้อยหลังจากที่สัมผัสได้ถึงระดับพลังของอีกฝ่าย

หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือของเขาออกไปคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างฉับพลัน

นี่ทำให้สีหน้าของชายชราถึงกับเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะแม้จะยั้งมือเอาไว้แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะรับได้มือเปล่าแบบนี้

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพลางส่งเสียงอันทุ้มต่ำออกมาว่า

“น่าสนใจดีหนิ อย่างน้อยๆก็น่าจะแข็งแกร่งเทียบ…….”

ระหว่างที่กำลังพูดอยู่ดีๆเขาก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังหลังจากที่หลินเทียนได้บิดข้อมือของเขากลับไปพร้อมทั้งส่งถ่ายคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของเขาทำให้ดวงวิญญาณของเขาเกือบแหลกสลายหายไป

“นี่เจ้า….”

“ตู้มม ~! ”

หลินเทียนยกเท้าขึ้นมาเตะอัดหน้าอกของอีกฝ่ายจนปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด

หลังจากนั้นเขาก็ได้กระทืบลงไปกลางหน้าอกของอีกฝ่ายอีกครั้ง

บึ้สสส

หน้าผากของเขาส่องประกายแสงออกมาขณะที่จิตสัมผัสอันทรงพลังทะลวงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายเพื่ออ่านความทรงจำของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าหยานซ่งหวางที่ว่านั้นมีความสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงรวมถึงจักรพรรดิของราชวงศ์


“เป็นเพราะข้าไม่ยอมเข้าร่วมถึงได้คิดจะฆ่าข้า อวดดีไม่เบาหนิ สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงขุมพลังที่แข็งแกน่งที่สุด ”

 

 

 


ตอนที่ 1470

 

หลินเทียนส่งเสียงแสยะออกมาเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหยิ่งผยองไม่เบาแถมยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมถึงขีดสุด

“เจ้า……”

ชายชราที่อยู่ใต้เท้าของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเมื่อครู่หลินเทียนเพิ่งจะอ่านความทรงจำของเขาที่อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลไปได้ง่ายๆและมันทำให้เขาอดรู้สึกใจสั่นไปไม่ได้เพราะเขาได้รู้แล้วว่าระดับพลังของหลินเทียนนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแต่ความแข็งแกร่งกลับแซงหน้าเขาไปไกลมากๆ

เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมๆกับระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาเพื่อพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการพันธนาการของหลินเทียน

หลินเทียนก้มมองลงไปเล็กน้อยพร้อมทั้งง้างขาก่อนที่จะเตะอัดเข้าที่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย

อั๊กก ~!

ชายชราส่งเสียงโห่ร้องออกมาขณะที่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดก่อนที่ประกายแสงทั้งหมดจะสลายหายไป

หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่หน้าผากของเขาจะส่องประกายเพื่อสังเวยเอาปรากฏการณ์ทะเลความรู้ของตัวเองออกมา

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาหลังจากนั้นขณะที่กลีบดอกบัวมากมายก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่ดอกบัวที่พุ่งทะลวงผ่านหน้าผากของชายชราไปโดยที่ไม่ได้ปิดบังจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย

ชายชราได้แต่สั่นไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า

“ไม่….อย่าฆ่าข้า ข้าก็แค่รับคำสั่งมาจาก……”

“แกร๊ง ! ”

กระบี่ดอกบัวส่งเสียงคำรามออกมาขัดจังหวะอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งทะลวงผ่านทะเลความรู้ของมันไปทันที

“อ๊ากก ~! ”

ชายชราส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณแหลกสลายหายไปโดยเหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายหยาบที่ยังสมบูรณ์เท่านั้น

จระเข้เบญจธาตุหันมองไปยังซากศพของมันพร้อมทั้งถามออกมาว่า

“เจ้าซ่งหวางนั่นส่งมันมาฆ่าเจ้าจริงๆ ? ”

หลินเทียนได้พยักหน้าของเขาพร้อมทั้งสร้างภาพร่างจิตสัมผัสของความทรงจำเมื่อครู่ที่ได้รับออกมา

“นี่มันจะป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ! ”

จระเข้เบญจธาตุแสยะออกมา

เสี่ยวไท่ชูเองก็ทำแบบเดียวกันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก

ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหันมองออกไปยังภูเขานิรันดร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปโดยที่ไม่ปิดบังจิตสังหารแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนสายตากลับมาและพูดขึ้นว่า

“ดูดกลืนร่างๆนี้ไปก่อนน่าจะทำให้พวกเจ้าตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางได้แล้วเราค่อยไปฆ่าซ่งหวางระหว่างทางไปเอาสมบัติกัน ”

“สมบัติ ? สมบัติอะไร ? ”

จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัยว่า

“แล้วเจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน ? ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะได้รับความทรงจำของอีกฝ่ายมามากมายดังนั้นถึงได้อธิบายออกมาว่า

“มีคนค้นพบเหมืองแห่งดาราขึ้นภายในดินแดนบ่มเพาะนี้ซึ่งมันเต็มไปด้วยแร่ดารามากมายที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นพลังของดวงดาวจึงถือได้ว่าเป็นสมบัติสำหรับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะเพราะมันสามารถเพิ่มระดับพลังได้ทันทีถึงขั้นที่เร่งให้ร่างกายตัดผ่านไปยังเขตแดนอนันตกาลได้อย่างรวดเร็ว”

หลังจากนั้นเขาได้พูดต่อว่า

“ก่อนหน้านี้เจ้าสงสัยไม่ใช่หรือไงว่าภายในสถานที่แห่งนี้มันมีอะไรที่ทำให้แม้แต่เขตแดนอนันตกาลก็ยังต้องให้ความสนใจ คำตอบคือสิ่งนี้ไงล่ะ ”

เป็นเพราะว่าเมื่อตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะแล้วแก่นแท้ของการบ่มเพาะในสองเขตแดนนี้คือการดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาหล่อหลอมร่างกายและดวงวิญญาณดังนั้นสมบัตินี้ถึงได้มีค่าเป็นอย่างมากและทำให้สามารถตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้จากเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า

ดังนั้นแล้วหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแร่ดาราภายในสถานที่แห่งนี้แล้วก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลหลายๆคนพากันแห่มาที่นี่ไม่เว้นแม้กระทั่งคนของราชวงศ์เกียรติภูมิและขุมพลังใหญ่ๆมากมายเพื่อเก็บเกี่ยวมัน

แม้ว่าของเหล่านี้จะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขตแดนอนันตกาลอย่างพวกเขาแต่พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรากฐานเป็นขุมพลังใหญ่ดังนั้นหากว่าสามารถนำมันกลับไปได้มากพอแล้วก็จะถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆเพราะจะสามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นได้ในเวลาสั้นๆ

ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้มีค่าเพียงแค่สำหรับการบ่มเพาะเท่านั้นเพราะมันยังสามารถเอาไปหลอมทำอาวุธที่ทำให้ระดับพลังของมันเพิ่มสูงขึ้นรวมถึงการนำไปกลั่นเป็นยาที่เพิ่มโอกาสสำเร็จในการกลั่นได้มาก

ดังนั้นแล้วมูลค่าของมันถึงไม่ได้น้อยๆเลย

จระเข้เบญจธาตุที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะมันเองก็รู้จักแร่นี้เป็นอย่างดีเนื่องจากเคยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับมันมาจากตำราทั้งหลายที่หลินเทียนนำกลับมาจึงได้พูดออกมาว่า

“นี่มันพบเหมืองดารา ? แถมยังเต็มไปด้วยแร่ดารานับไม่ถ้วน ? พูดจริงงั้นรึ ? ”

“จริงๆ ”

“งั้นไอ้ซ่งหวางนั่น…….ก็อยู่ที่นั่น ? มาที่นี่เพื่อเหมืองนั่น ? ”

จระเข้เบญจธาตุถามออกมา

“ใช่แล้ว ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า

“เขาเป็นตัวแทนของราชวงศ์ที่มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวเอาแร่เหล่านั้นกลับไปเพราะมันก็ยังคือเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาของขุมพลังใหญ่อยู่ดี ”

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งปล่อยให้ทั้งสองคนหล่อหลอมพลังของร่างไร้วิญญาณไปแล้วมุ่งหน้าไปยังเหมืองแห่งนั้น

เป็นเพราะเขารู้ถึงตำแหน่งที่แน่ชัดของมันมาจากความทรงจำของศัตรูก่อนแล้ว

“ได้ ”

จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมัน

นี่ทำให้หลินเทียนรีบแผดจิตสัมผัสออกไปเพื่อค้นหาสถานที่ปลอดภัยและให้ทั้งสองคนเริ่มการดูดกลืนโดยที่เขาเป็นผู้คุ้มกันให้

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าเจ็ดวันเต็มๆ

หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่าเจ็ดวันแล้วร่างกายหยาบของชายชราก็ได้แหลกสลายหายไปและแปรเปลี่ยนกลายเป็นเพียงเศษเถ้าธุลีขณะที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูล้วนตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางกันหมด

“เข้าใกล้เขตแดนอนันตกาลมากขึ้นแล้ว ! ”

แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“หากว่าเราสามารถชิงเอาเหมืองนั่นได้แล้วล่ะก็ มีหวังเราได้ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลกันหมดแน่ๆ ”

“หากว่าเรายึดเหมืองนั่นได้ทั้งหมดก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ”

หลินเทียนตอบกลับ

เป็นเพราะเขารู้มาจากความทรงจำของอีกฝ่ายว่ามันเป็นเหมืองที่อัดแน่นไปด้วยแร่ดารามากมายและหากว่ายึดเอามันมาหมดแล้วและด้วยระดับพลังของพวกเขาจะต้องสามารถตัดผ่านกันได้หมดแน่นอน

“แล้วจะรออะไรกัน ? รีบไปกันเร็ว หากว่าไปช้าเดี๋ยวก็ถูกชิงไปหมดหรอก ”

“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ”

หลินเทียนพูดออกมาว่า

“แม้ว่าจะถูกค้นพบนานแล้วก็จริงแต่มันก็รายล้อมไปด้วยหมอกพิษที่ถึงขนาดกึ่งนิรันดร์แท้จริงก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรอให้หมอกเหล่านั้นสลายหายไปก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้และมีการประมาณการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่ามันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนเต็มๆเราจึงไม่ต้องรีบร้อนไปที่นั่นก็ได้ ”

อย่างไรก็ตามแม้จะพูดไปเช่นนั้นแต่เขาก็ได้หันไปพูดกับทั้งสองคนพร้อมทั้งเริ่มการออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าพวกเขามุ่งหน้าไปยังเส้นทางของเหมืองแห่งนั้น

ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงขุนเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้

มันเป็นภูเขานิรันดร์ที่มีพลังฉีอันเข้มข้นและรายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมายแต่เมื่อยิ่งก้าวเข้าไปก็จะพบว่าพืชพันธุ์ทั้งหลายยิ่งลดน้อยลงจนถึงจุดที่ไม่มีเหลืออยู่แต่กลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของแร่ดาราที่เข้มข้น

“ขนาดกลิ่นอายที่อยู่ด้านนอกยังเข้มข้นได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเหมืองใหญ่จริงๆด้วยซินะ ”

สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะแม้จะรู้มาจากหลินเทียนก่อนแล้วว่ามันเป็นเหมืองที่ใหญ่มากๆแต่เมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นอายด้วยตัวของมันเองแล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้

“ก็บอกแล้วไงล่ะ ”

หลินเทียนพูดออกมา

พวกเขาพากันเดินหายเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว

ยิ่งตรงลึกเข้าไปก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นขึ้นกว่าเก่าแต่ก็พบว่ามันมีกลุ่มหมอกสีเทารายล้อมสถานที่ตรงหน้าของพวกเขาเอาไว้และมันมักจะส่งเสียงกัดกร่อนห้วงมิติโดยรอบออกมาอย่างต่อเนื่อง

“นี่คือหมอกพิษที่ว่า ? ”

จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ใช่ ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขา

พวกเขาต่างพากันมาถึงพื้นที่รอบนอกของสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งพบกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลนับสิบๆคนที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่างกันออกไปทำให้สีหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะสมแล้วจริงๆที่เป็นดาวที่แข็งแกร่งที่สุดถึงขั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้อยู่มากมาย

เขากวาดสายออกไปก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ร่างชองชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชายชราชุดสีเทายืนอยู่ด้านหลัง

เขามองออกไปทางชายหนุ่มคนนี้ด้วยแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพลางแสยะออกมาว่า

“หยานซ่งหวาง ”

เป็นเพราะเขารู้มากจากความทรงจำของชายชราว่าอีกฝ่ายไม่พอใจที่เขาไม่ยอมเข้าร่วมกับขุมพลังดังนั้นถึงได้ส่งชายชราออกมาฆ่าเขาทำให้เขารู้จักรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีและส่งผลให้แววตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งแสยะออกมาว่า

“อย่าลืมฆ่ามันด้วยล่ะ ! ”

หลังจากนั้นก็ได้พูดต่อว่า

“แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ธรรมดาเลยนะ ”

“ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“มันอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง ”

นี่คือสิ่งที่เขาได้รับรู้มาจากความทรงจำของชายชรา

 

 

 


ตอนที่ 1471

 

“กึ่งนิรันดร์แท้จริง ? ”

เมื่อฟังคำพูดนี้จากหลินเทียนแล้วก็ทำให้จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งอดถามออกมาไม่ได้ว่า

“จะจัดการได้ไหม ? ”

เป็นเพราะมันรู้ว่าหลินเทียนนั้นถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่และสามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลตอนปลายลงได้ง่ายๆแต่ตัวตนระดับกึ่งนิรันดร์แท้จริงก็ยังอดทำให้มันเป็นกังวลไม่ได้

“ไม่น่าจะทำได้ง่ายๆแต่ก็สามารถฆ่ามันได้ ”

หลินเทียนพูดออกมา

เมื่อมองอกไปทางซ่งหวางที่อยู่ห่างออกไปแล้วเขาสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งไม่ธรรมดาแต่ด้วยระดับพลังของเขาผนวกกับร่างนิรันดร์แท้จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารอีกฝ่าย

จระเข้เบญจธาตุได้หันมองออกไปและเมื่อเห็นความมั่นใจนี้ก็ทำให้ความเป็นกังวลของมันสลายหายไปโดยทันที

“แล้วกลุ่มหมอกพวกนี้มันมาจากไหนกัน ถึงขั้นทำให้แม้แต่กึ่งนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังไม้กล้าฝ่าเข้าไป ”

มันได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจไม่น้อย

เนื่องจากว่าเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงนั้นเข้าใกล้นิรันดร์แท้จริงแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรกลุ่มหมอกเหล่านี้ได้

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ช่างมันเถอะ รู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ”

หลินเทียนหันมองออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเพราะถึงอย่างไรมันก็กำลังค่อยๆสลายตัวไปอย่างช้าๆและพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ด้วยว่ามันมาจากไหน

เขา จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันหันมองออกไปยังกลุ่มหมอกที่อยู่ห่างไกลออกไปจนเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเต็ม

วันนี้เป็นวันที่กลุ่มหมอกได้สลายหายไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ส่องประกายแสงสีเงินออกมาจากภายในโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันมีความลึกขนาดไหน

กลิ่นอายแห่งดวงดาวอันเข้มข้นถูกส่งออกมาจากภายในสถานที่แห่งนี้

“เหมืองนั่นอยู่ในภูเขาใหญ่ลูกนี้ ?! ”

จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่ส่องประกาย

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมตอบว่า

“น่าจะใช่ ”

เป็นเพราะมันไม่มีทางเลยที่จะส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นออกมาขนาดนี้ได้

และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งทั้งหลายต่างพากันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่อุโมงค์ตรงหน้าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

ในขั้นตอนเหล่านี้ซ่งหวางนั้นเป็นคนที่อยู่แถวหน้าสุดโดยที่ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำออกไปเพราะพวกเขาล้วนหวาดหวั่นเป็นอย่างมากเนื่องจากอีกฝ่ายมีสถานะลองลงมาจากจักรพรรดิของราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ดาวทั้งปวง

หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่ซ่งหวางพุ่งเข้าไปภายในส่วนลึกพร้อมๆกันกับคนอื่นๆที่แววตาส่องประกายออกมาอย่างเข้มข้น

หลินเทียนและคนอื่นๆยังคงอยู่ด้านนอกพื้นที่แห่งนี้ขณะที่แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาพลางพูดว่า

“เจ้าหนู กลุ่มหมอกได้สลายหายไปหมดแล้ว เราเองก็ไปกันเถอะ”

มันได้แต่มองออกไปด้วยความรู้สึกที่หยุดไม่อยู่เพราะหากได้รับแร่ดาราทั้งหมดภายในสถานที่แห่งนี้มาก็จะทำให้มันตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้โดยทันที

“ไม่ เราจะไม่เข้าไปกัน ”

หลินเทียนจ้องมองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“เราออกห่างจากสถานที่แห่งนี้กันก่อนแล้วหาสถานที่เหมาะๆให้ร่างหลักของข้าหลบซ่อนตัวแล้วข้าจะใช้ร่างนิรันดร์แท้จริงหาโอกาสจัดการกับซ่งหวางภายในเหมืองนั่นส่วนพวกเจ้าก็ช่วยข้าปกป้องร่างหลักด้วยแล้วกัน ”

จระเข้เบญจธาตุที่ได้ยินเช่นนั้นได้ตอบกลับว่า

“อ่อใช่ ลืมไปเลยว่ามันต้องมีคนคอยดูแลร่างกายของเจ้าระหว่างที่ควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริง ”

หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า

“เอาล่ะ ข้าและเจ้าหนูน้อยจะเป็นคนช่วยดูแลร่างของเจ้าเอง ยิ่งไปกว่านั้นด้วยระดับพลังของพวกข้าในตอนนี้ต่อให้เข้าไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ”

นี่ทำให้พวกเขาพากันทิ้งระยะห่างออกไปจากสถานที่แห่งนี้อยู่ไกลมากๆก่อนที่จะวางข่ายอาคมป้องกันแล้วนั่งขัดสมาธิลงพลางเปิดเอาโลกใบเล็กเพื่อเอาร่างไร้วิญญาณออกมาแล้วควบคุมมันด้วยดวงวิญญาณของตัวเอง

“เอาล่ะ ได้แล้ว ”

น้ำเสียงของเขาถูกส่งออกมาจากร่างๆนี้

“ไปเถอะ ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ข้ากับเจ้าหนูน้อยจะดูแลร่างกายของเจ้าให้อง ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

เสี่ยวไท่ชูเองก็ส่งเสียงตอบรับเช่นกันก่อนที่จะโบกกรงเล็บให้กับเขาเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

หลินเทียนพยักหน้าให้กับเจ้าหนูน้อยและจระเข้เบญจธาตุก่อนที่จะหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่กลับออกมานั้นเขาก็พุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากและไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปภายในเหมืองที่อยู่ห่างออกไป

แม้ว่าด้านนอกของเหมืองจะมีกลิ่นอายแห่งดวงดาวที่เข้มข้นแต่วินาทีที่เข้าไปภายในเหมืองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นยิ่งกว่าเก่าหลายเท่าตัวถึงขั้นทำให้เขาอดแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่ได้

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่เยอะธรรมดาๆแต่มันเยอะจนน่ากลัวเลยสินะ ”

เขาคิดอยู่ภายในใจ

ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ก็ยังคงพุ่งผ่านเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางเขาก็พบกับเศษหินที่ถูกขุดมากมายซึ่งบ่งบอกว่ามันเคยเป็นที่อยู่ของสมบัติแต่กลับถูกคนขุดออกไปแล้ว

ไม่นานเขาก็ได้พบกับกองศพของผู้เชี่ยวชาญและอสูรที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภายในสถานที่แห่งนี้มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งคอยปกป้องและสังหารกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่รุกล้ำเข้ามาภายในแต่พวกมันเองก็ถูกสังหารลงเช่นกัน

เขาจ้องมองเข้าไปภายในขณะที่ความเร็วเพิ่มสูงขึ้นไปอีกก่อนที่จะพบกับกลิ่นอายที่เข้มข้นถึงขั้นที่แทบจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นของเหลวเลยก็ว่าได้

หลังจากนั้นไม่นานก็สัมผัสได้ถึงพลังเทวะอันหนักหน่วงที่กำลังระเบิดออกมาพร้อมๆกับพลังอสูรอันเข้มข้น

มันทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าของตัวเองมากขึ้นไปอีกก่อนที่จะพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงหน้า

“โร๊วว ~! ”

อสูรร่างยักษ์ได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่กลุ่มอสูรและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันกระโจนเข้าใส่กันซึ่งอสูรแต่ละตัวล้วนปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมาโดยที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ส่วนแข็งแกร่งที่สุดมีแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลหลายตัว

“อ๊ากก ! ”

เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาจากผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่ถูกฉีกร่างและกลืนกินลงไปทั้งเป็น

พุฟฟฟ ~!

กองเลือดระเบิดออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายคนหนึ่งได้ลงมือส่งคลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดร่างของอสูรเขตแดนอนันตกาลแหลกสลายหายไปเป็นกองเลือด

หลินเทียนที่อยู่รอบนอกได้แต่มองไปยังศึกสงครามตรงหน้าก่อนที่จะหันมองออกไปยังจุดๆหนึ่งด้วยแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา

ประกายแสงสีเงินถูกส่งออกมาจากกลุ่มก้อนแร่ขนาดเท่าๆกับกำปั้นที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งดวงดาวอันเข้มข้น

“แร่ดารา ”

ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาโดยทันที

เป็นเพราะว่ามันคือแร่ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังงานอันเข้มข้นของดวงดารา

“มีอยู่เยอะมาก ”

เขาหันมองออกไปรอบๆทั่วทุกมุมห้องพร้อมทั้งพบว่าอย่างน้อยๆมันก็มีอยู่หลายล้านก้อน !

มันเป็นตัวเลขที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมากเพราะอย่างน้อยมันสามารถทำให้เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากว่าร้อยคนตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลกันได้ทั้งหมด

ภาพเหล่านี้ทำให้เขาอดสูดหายใจเข้าลึกไปไม่ได้เพราะมูลค่าของมันในตอนนี้ถึงขั้นทำให้แม้แต่เขตแดนนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังต้องผวาไป

วิ้สส ~!

วิ้ส !

วิ้สสส ~!

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญปะทะเข้ากับกลุ่มอสูรมากมายซึ่งระหว่างนั้นก็หาโอกาสเก็บเกี่ยวเอาแร่ดาราทั้งหลายไปตามมุมต่างๆของห้องโดยที่ไม่มีไกลกล้ารุกล้ำไปมากกว่านี้เนื่องจากห่างออกไปไม่ไกลนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังพุ่งผ่านออกไปพร้อมๆกับชายชราขณะที่ในมือเก็บเกี่ยวเอาแร่ดาราทั้งหลายลงไปภายในขวดหยกซึ่งแน่นอนว่านี่คือซ่งหวาง

เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายหวั่นเกรงในตัวขุมพลังที่หนุนหลังซ่งหวางเอาไว้ทำให้ไม่กล้ารุกล้ำเข้าไปมากแถมตัวซ่งหวางเองก็ยังแข็งแกร่งอยู่มากถึงขั้นที่เขตแดนอนันตกาลตอนปลายเองก็ยังรับมือเขาได้เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งเตรียมการจะเก็บเกี่ยวแร่ดาราเหล่านั้น

ทว่ามันเป็นตอนนี้เองทีเขาได้หยุดเท้าลงและได้แต่มองไปยังขวดหยกในมือของซ่งหวางที่อัดแน่นไปด้วยแร่ดารามากมายพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย

เป็นเพราะจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแล้วแร่ดารากว่าเก้าในสิบส่วนล้วนตกอยู่ในเงื้อมมือของซ่งหวาง

“เราก็แค่รออยู่เฉยๆจนกว่ามันจะเก็บเอาแร่ทั้งหมดไปแล้วค่อยฆ่าชิงทรัพย์มันมาก็ได้ ”

เขาแสยะออกมา

แม้ว่าการฆ่าชิงทรัพย์จะเป็นเรื่องที่ขัดศีลธรรมอย่างมากแต่อีกฝ่ายเป็นคนที่สั่งฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยมดังนั้นมันจำเป็นต้องพูดเรื่องศีลธรรมกับมันอีก ?

ในเมื่อมันกล้าส่งคนมาฆ่าเขาแล้วงั้นเขาก็จะต้องเอาคืนโดยการฆ่ามันแล้วชิงเอาแร่ดาราทั้งหมดของมันไป

 

 

 


ตอนที่ 1472

 

ภายในเหมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ดารามากมายส่องประกายแสงสีเงินออกมาอย่างเข้มข้น

“โร๊วว ~ !”

เสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกไปรอบทิศทาง

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเองก็พยายามเก็บเกี่ยวแร่เหล่านั้นไประหว่างที่เผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูร

“ไสหัวไปไกลๆ ! ”

ซ่งหวางได้ส่งเสียงออกมาขณะที่เก็บเอาแร่ดารามากมายลงไปพร้อมทั้งโบกมือส่งการโจมตีออกไปสังหารอสูรเขตแดนอนันตกาลตอนต้นลงได้ง่ายๆซึ่งแน่นอนว่านี่คือพลังของกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่แข็งแกร่ง

หลินเทียนหันมองออกไปซึ่งแม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คนอื่นๆเก็บเกี่ยวเอาแร่เหล่านี้เพราะถึงอย่างไรคนที่มาที่นี่ก็ล้วนเป็นตัวตนระดับผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังต่างๆรวมถึงผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนที่แม้ระดับพลังของซ่งหวางจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้ทั้งหมดแต่การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการล่วงเกินขุมพลังทั้งดาวทำให้แม้ราชวงศ์ของพวกเขาจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่คิดจะทำเรื่องบ้าๆแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เก็บเกี่ยวเอาแร่จากมุมห้องต่างๆโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาดังนั้นถึงไม่ได้ว่าอะไร

หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะที่จ้องมองออกไปยังขวดหยกในมือของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเริ่มก้าวเดินออกไปเก็บเกี่ยวแร่ตามสถานที่ต่างๆ

เพราะแม้เขาจะตั้งใจฆ่าอีกฝ่ายแล้วแต่ก็จะยืนอยู่เฉยๆไม่ได้เพราะหากว่ายืนอยู่นิ่งๆท่ามกลางการแย่งชิงของผู้คนทั้งหลายแล้วก็จะกลายเป็นจุดสนใจของคนโดยรอบไปทันที

นี่ทำให้เขาก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งแย่งชิงแร่ดารากับคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าระหว่างนี้เขาไม่ได้เปิดเผยระดับพลังของตัวเองออกไปแม้แต่น้อยและทำเพียงแค่หยิบเอาแร่ต่างๆที่อยู่ตามมุมขึ้นมาเพื่อไม่ให้กลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆ

เสียงอสูรกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลุ่มคนพากันเข้าปะทะกับฝูงสัตว์อสูรอันทรงพลังอยู่เป็นครั้งคราวทำให้สถานที่แห่งนี้แทบจะถล่มลงมา

ไม่นานเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็มและมันเป็นตอนนี้มีเสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่การต่อสู้จะหยุดลงหลังจากที่แร่ดาราทั้งหมดได้ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว

“ยินดีกับนายน้อยซ่งหวางด้วยที่เก็บเกี่ยวได้ขนาดนี้ ต้องฉลองให้กับราชวงศ์จริงๆ ”

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคนหนึ่งส่งเสียงออกมา

ระหว่างนี้คนอื่นๆเองก็ต่างพากันแสดงความยินดีอย่างพร้อมเพียง

“ที่ไหนกันล่ะ ก็ได้มาพอประมาณเท่านั้นแหละ ”

ซ่งหวางได้ตอบกลับด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก

หลินเทียนที่กำลังจ้องมองไปทางอีกฝ่ายเองก็ได้แต่แสยะอยู่ภายในใจเพราะผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเก็บเกี่ยวไปได้เพียงแต่หนึ่งในสิบส่วนของแร่ทั้งหมดเท่านั้นแล้วยังกล้าพูดออกมาแบบนี้อีก

“เป็นเพราะนายน้อยมีน้ำใจที่กว้างใหญ่จริงๆที่ไม่ห้ามให้พวกเราเก็บเอาแร่เหล่านี้ไม่งั้นพวกเราก็คงไม่ได้มันหรอก ”

หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมา

หลายๆคนเองก็ส่งเสียงสะท้อนออกมาแบบเดียวกันด้วยรอยยิ้ม

ซ่งหวางได้ยิ้มออกมาจางๆพร้อมทั้งตอบกลับว่า

“พวกท่านก็พูดเกินไป สถานที่แห่งนี้ถูกค้นพบมาด้วยกันแล้วข้าจะไปยึดเอาไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน ? ”

คำพูดเหล่านี้ทำเหมือนว่าเขามีจิตใจที่เผื่อแผ่อย่างมาก

ซ่งหวางได้พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมๆกับชายชรากึ่งอนันตกาล

ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็เดินตามออกไปเช่นกัน

เป็นเพราะสมบัติที่อยู่ที่นี่ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่อีกต่อไป

หลินเทียนที่กำลังจ้องมองอยู่เองก็ได้เดินเข้าไปรวมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้าใกล้ร่างของซ่งหวางอย่างช้าๆ

ไม่นานก็พบกับแหล่งแสงขึ้นตรงหน้าของพวกเขาก่อนที่จะพากันกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

ซ่งหวางได้แต่แสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาเพราะว่าเก้าในสิบของสมบัติทั้งหมดอยู่ในมือของเขาและอย่างน้อยๆมันจะสร้างกองกำลังอนันตกาลได้กว่าเก้าสิบคนในระยะเวลาสั้นๆซึ่งเขาที่เป็นคนนำกลับไปจะได้รับความชอบครั้งใหญ่ทำให้มีประโยชน์กับตัวเองมากๆ

เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขายิ้มแย้มขึ้นมากกว่าเก่าพลางหันไปพูดกับชายชราว่า

“ไปกัน กลับไปที่…….”

“ตู้มม ~! ”

มันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่หมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของเขาและขัดจังหวะคำพูดของเขาไปทันที

หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปและจดจ่ออยู่กับทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ฉวยโอกาสนี้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า

มันเป็นหมัดที่ทรงพลังและอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างและความเร็วที่ปกคลุมร่างของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างฉับพลัน

ซ่งหวางที่ต้องเผชิญหน้ากับคลื่นพลังทำลายล้างระดับนี้อย่างไม่ทันตั้งตัวได้แต่ส่งเสียงออกมาว่า

“เจ้า…..”

“พุฟฟ ~! ”

หมัดของหลินเทียนได้อัดกระแทกเข้าใส่กลางหน้าอกของซ่งหวางพร้อมทั้งส่งร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกล

นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบทั้งหมดถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าลงมือกับคนของทางราชวงศ์ นี่มันจะกล้าหาญและบ้าบิ่นเกินไปแล้ว !

ระหว่างนี้พวกเขาก็พากันหันมองไปทางร่างของหลินเทียนด้วยความรู้สึกที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะหมัดธรรมดาๆกลับกระแทกร่างของกึ่งนิรันดร์แท้จริงลอยเคว้งไปไกลได้แบบนี้ นี่มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!

“นายน้อย ! ”

ชายชราผู้ติดตามได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมาอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง

หลินเทียนทำเพียงแค่โบกมือกลับไปทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายลงก่อนที่คลื่นพลังของมันจะกระแทกร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกล

ดวงตาของเขาได้ส่องประกายออกมาก่อนที่จะพุ่งตามร่างของซ่งหวางที่ลอยเคว้งออกไปไกล

อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงกึ่งนิรันดร์แท้จริงของขุมพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นถึงได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมพลางหันมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกว่า

“เจ้าเป็นใคร ?! ”

เป็นเพราะได้รับการโจมตีที่ทรงพลังอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ใบหน้าของเขาซีดลงอย่างมากซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่กล้าเปิดฉากโจมตีใส่เขาในสถานที่แห่งนี้ !

หลินเทียนไม่ได้ปริปากแม้แต่น้อยพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายแล้วเปิดฉากโจมตีเข้าใส่อีกครั้ง

ตู้มม ~!

เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่ด้วยพลังทำลายล้างที่แทบจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง

ซ่งหวางที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ได้แต่อดทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปไม่ได้

เขาส่งเสียงคำรามออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังออกมารับการโจมตีเอาไว้

การโจมตีของทั้งสองได้อัดใส่กันอย่างรุนแรง

“ตู้มม ~! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ! ”

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับคลื่นพลังเทวะที่หนักหน่วงทำให้มิติโดยรอบพังทลายลงมาโดยทันที

หลินเทียนที่กำลังควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่เองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แถมยังรับการโจมตีต่อเนื่องของเขาได้กว่าสามสิบครั้งซึ่งนี่ถือเป็นความแข็งแกร่งที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

ทว่าความรู้สึกนี้ก็ได้สลายหายไปอย่างรวดเร็วเพราะแม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งอย่างไรแต่ก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบทำให้กลิ่นอายที่อีกฝ่ายส่งออกมายิ่งแผ่วเบาลงอย่างต่อเนื่อง

นี่ทำให้เขาเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วมากกว่าเก่าและส่งผลให้อีกฝ่ายถูกกระแทกถอยกลับไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

หลังจากนั้นไม่นานหมัดที่เขาซัดออกไปก็ได้บดขยี้การโจมตีและการป้องการของอีกฝ่ายลงก่อนที่จะกระแทกเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง

นี่ทำให้เลือดไหลทะลักออกมาขณะที่ร่างกายของซ่งหวางถึงกับแตกร้าวไปทั้งตัว

“บึ้สส ~! ”

หลินเทียนได้คว้ามือของเขาออกไปพร้อมทั้งชิงเอาขวดหยกมาจากร่างของอีกฝ่ายซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสมบัติที่ใช้เก็บแร่ดาราจำนวนมหาศาลไป

 

 

 


ตอนที่ 1473

 

มันเป็นขวดหยกขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่พื้นที่ว่างภายในกลับกว้างใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อเพราะเมื่อหลินเทียนลองสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสดูแล้วก็ได้พบกับกองภูเขาแร่ดาราจำนวนมหาศาลถึงขั้นที่ทำให้ดวงวิญญาณของเขายังต้องสั่นไหว

“เยี่ยมมาก ”

เขาส่งเสียงออกมาด้วยความพึงพอใจ

เป็นเพราะด้วยจำนวนของแร่ดาราเหล่านี้แล้วมันเพียงพอจะทำให้พวกเขาทุกคนตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลไปได้ในเวลาสั่นๆแถมยังมีเหลืออยู่อีกมากพอจะนำกลับไปให้หลินซี่และคนอื่นๆตัดผ่านเขตแดนเดียวกัน

“นี่เขา…….กล้าชิงเอาแร่ดาราของซ่งหวางไปงั้นรึ ! ”

ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้เห็นเต็มตาว่าหลินเทียนได้ชิงเอาขวดหยกในมือของซ่งหวางไปด้วยสายตาที่ประหลาดใจและตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความกล้าถึงขั้นหักหน้าของราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้ได้

“ตู้มม ~! ”

คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาขณะที่ซ่งหวางได้ก่อสร้างร่างกายกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

หลินเทียนเก็บเอาขวดหยกกลับไปพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพลางเหวี่ยงหมัดอันหนักหน่วงซ้ำเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

ตู้มม ~!

คลื่นพลังทำลายล้างที่รุนแรงระเบิดออกมาขณะที่มิติตรงหน้าแหลกสลายหายไปไม่เหลือชิ้นดี

เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมเข้าร่วมขุมพลังของอีกฝ่ายถึงได้คิดจะฆ่าเขาแบบนี้แล้วดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอดต่อไปได้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะที่สูงส่งเพียงใดเขาก็ไม่สนใจเนื่องจากว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับเขาอย่างไร้เหตุผลดังนั้นแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจักรพรรดิองค์ไหนเขาก็พร้อมที่จะสะบั้นศีรษะของมัน

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงพร้อมพุ่งเข้าใส่ร่างของซ่งหวางอย่างไม่รอช้า

“เขา….ไม่เพียงต้องการแย่งชิงเอาแร่ดาราแต่คิดจะฆ่าซ่งหวางด้วย ?! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกันเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าดีขนาดนี้ ?!

และมันเป็นตอนนี้เองที่หมัดอันทรงพลังของหลินเทียนได้ปกคลุมร่างของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบทิศทาง

แกร๊ง ~!

เศษชิ้นเนื้อของซ่งหวางได้สั่นไหวขณะที่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายยังคงไม่แตกดับและสังเวยเอาอาวุธอนันตกาลออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้

หลังจากนั้นเองที่ร่างของซ่งหวางได้ก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยดวงตาที่ส่องประกายความโกรธออกมาถึงขีดสุดพลางสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน

“เอาคืนมา ! ”

เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

เป็นเพราะว่าหลังจากที่หลินเทียนได้ทำลายร่างกายของเขาแล้วยังกล้าแย่งชิงเอาสมบัติของเขาไป

นี่มันจะโอหังเกินไปแล้ว !

หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาและยังคงซัดการโจมตีออกไป

“เปรี้ยย ~! ”

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาจากอาวุธอนันตกาลในมือของซ่งหวางก่อนที่มันจะแหลกสลายหายไป

เป็นเพราะแม้อาวุธระดับนี้จะทรงพลังมากๆแต่ร่างกายของนิรันดร์แท้จริงนั้นแข็งแกร่งจนเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่ออาวุธอนันตกาลได้สลายหายไปแล้วคลื่นพลังทำลายล้างจากหมัดนี้ก็ยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของซ่งหวางอย่างไม่ปราณี

ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งสังเวยเอาอักขระมากมายออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้

ตู้มม ~!

ตู้ม ~!

ตู้มม ~!

ทั้งสองอัดเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่ง

นี่ทำให้มิติโดยรอบระเบิดออกเป็นชิ้นๆขณะที่พื้นดินพังทลายลงไปไม่เหลือชิ้นดี

หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อยเพราะความอวดดีของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆก็จริงแต่ต้องบอกเลยว่าอีกฝ่ายเองก็แข็งแกร่งอย่างมากเพราะผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็ยังสามารถต่อกรกับร่างนิรันดร์แท้จริงของเขาได้ถึงขนาดนี้

“เอาคืนมา ! ”

ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งซัดอักขระมากมายออกไปซึ่งแน่นอนว่านี่คือทักษะเทวะที่ทรงพลังอย่างมาก

หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดกระแทกเข้าใส่อักขระเหล่านี้อย่างจัง

นี่ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมสร้างคลื่นแสงส่องสว่างออกไปรอบทิศทาง

ตู้มม ~!

การปะทะกันของหมัดและทักษะเทวะที่ทรงพลังกระจายตัวออกไปโดยรอบและส่งผลให้มิติรอบข้างบิดตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไป

ตู้มม ~!

ร่างของซ่งหวางได้ลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด

ชุดคลุมที่ปกคลุมร่างของหลินเทียนเอาไว้ได้แหลกสลายหายไปและเผยให้เห็นร่างนิรันดร์แท้จริงที่อยู่ภายใน

มันเป็นร่างที่แห้งเหี่ยวโดยที่ดวงตาที่มีประกายออกมาแม้แต่น้อยและทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่ผงะไป

“ศพ ?! ”

“ส่งกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงออกมาด้วยนี่มัน…..ศพของนิรันดร์แท้จริง ! ”

“นี่……”

ผู้คนโดยรอบพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน

เพราะไม่คิดเลยว่าคนที่เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ซ่งหวางจะไม่ใช่มนุษย์ที่มีชีวิต

แต่เป็น…ศพของนิรันดร์แท้จริง !

“หรือว่ามันเป็นศพที่เปิดภูมิปัญญาได้ ?”

“ไม่ ไม่ใช่ ! มันไม่มีกลิ่นอายของศพแม้แต่น้อย ”

“นี่….หรือว่ามีใครบางคนกำลังควบคุมร่างนี้เพื่อใช้มันฆ่าซ่งหวาง ?! ”

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน

ซ่งหวางที่กำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาอย่างมากก่อนที่ร่างกายของเขาจะสั่นไหวไปอย่างรุนแรงขณะที่จดจ่ออยู่กับดวงวิญญาณที่อย่าภายในร่างนิรันดร์แท้จริงนี้

“เป็นเจ้า ! เจ้าสังหารคนที่ข้าส่งไป ?! …..”

เป็นเพราะระดับพลังของเขาอยู่สูงมากๆทำให้มีจิตสัมผัสที่ทรงพลังถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของหลินเทียนที่อยู่ภายในร่างนิรันดร์แท้จริงนี้ได้

หลินเทียนเองก็ผงะไปไม่น้อยเพราะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถจำแนกเขาได้และรู้ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมร่างๆนี้

“เหอะ ! ”

เขาส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาเพราะถึงอีกฝ่ายจะรู้ไปก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร

เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพุ่งเข้าประชิดและเหวี่ยงหมัดเข้าใส่อย่างจัง

“ทึ้มม ~! ”

หมัดอันทรงพลังนี้อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นที่สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง

ซ่งหวางได้แต่จ้องมองไปยังดวงวิญญาณของหลินเทียนพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า

“เป็นเจ้าจริงๆ ! ”

เขารู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าคนที่เปิดฉากโจมตีเข้าใส่เขาจะเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าร่วมขุมพลังเดียวกับเขา

เขาได้ส่งชายชราออกไปลอบสังหารอีกฝ่ายมาก่อนหน้านี้แล้วและคิดว่าด้วยระดับพลังของชายชราก็น่าจะเพียงพอสังหารหลินเทียนลงได้แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะล้มเหลวแถมหลินเทียนเองก็ยังมาที่นี่เพื่อชิงเอาสมบัติและคิดจะฆ่าเขา

แถมอีกฝ่ายเองก็ยังมีร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่ด้วย !

“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”

ดวงตาของเขาได้ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาขณะที่อักขระที่ซัดออกไปยิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่า

พริบตานี้เองที่อักขระอันทรงพลังได้รายล้อมร่างของหลินเทียนเอาไว้ทั้งหมดเพื่อพันธนาการร่างของเขา

หลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางการปิดกั้นเหล่านี้ไม่ได้สนใจอะไรและทำเพียงแค่เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังของเขาออกไป

เสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งบดขยี้ทักษะเทวะของอีกฝ่ายลงได้อย่างง่ายดาย

“เป็นเพราะว่าข้าไม่อยากจะเข้าร่วมขุมพลังของเจ้าถึงได้คิดจะฆ่าข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? เทพสวรรค์หรือไงกัน ? ใครก็ตามที่ขัดใจเจ้าต้องตาย ? ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาเพราะในเมื่ออีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความลับนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอีกครั้งพลางเหวี่ยงหมัดอันแข็งแกร่งเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

ทึ้มม ~!

หมัดที่หนักหน่วงและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเมื่อครู่ถูกส่งออกไป

ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพลางประสานมือเข้าหากันเพื่อสร้างร่างปีศาจเก้าศีรษะส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมา

มันเป็นภาพร่างปีศาจขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายปีศาจอันเข้มข้น

หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไป

“ตู้มมม ~! ”

หมัดๆนี้ได้บดขยี้ภาพร่างปีศาจตนนี้ลงได้อย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นเขาก็ได้พุ่งเข้าประชิดร่างของซ่งหวางพร้อมทั้งซัดการโจมตีที่ทรงพลังออกไปอีกครั้ง

“เจ้า……”

“พุฟฟ ~! ”

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของซ่งหวางสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะระเบิดออกเป็นชิ้นๆ

“อ๊ากก ~~~! ”

ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งรีบก่อสร้างร่างกายใหม่กลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่โกรธจัดถึงขีดสุดพลางสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้ม่านฟ้าเปลี่ยนสีไปออกมา

แม้ว่าทักษะเทวะเหล่านี้จะทรงพลังถึงเพียงใดแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างนิรันดร์แท้จริงของหลินเทียนแล้วก็ถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดายก่อนที่หมัดของหลินเทียนจะอัดเข้าใส่กลางหน้าอกของซ่งหวางอีกครั้ง

พุฟฟ ~! ~!

ร่างกายของเขาได้ระเบิดออกทำให้กองเลือดและเศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายออกไปทั่ว

“ระยำเอ้ย ! ”

ซ่งหวางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเนื่องด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้นั้นถือว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงคนอื่นๆมากทำให้ดวงวิญญาณของเขาไม่ได้แตกดับลงด้วยการโจมตีของหลินเทียนพร้อมทั้งรีบก่อสร้างร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง

“ตาย !! ”

เขาจ้องเขม็งไปทางหลินเทียนอย่างไม่วางตาก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพลางประสานมือเข้าหากันทำให้กลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์จะพวยพุ่งออกมาซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเบาบางแต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่ทรงพลังอย่างมาก

 

 

 


ตอนที่ 1474

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์ของอีกฝ่ายแล้วมันถึงกับทำให้สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะการที่อีกฝ่ายที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงสามารถแผดกลิ่นอายที่แม้จะเบาบางออกมาได้แต่มันก็เป็นพลังที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของสัจธรรมทั้งสามพันชนิดไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

เป็นเพราะว่าต่อให้อีกฝ่ายมีกลิ่นอายแบบนั้นแล้วยังไง จะต่อกรกับร่างนิรันดร์แท้จริงของเขาได้ ?

เขาแสยะออกมาพร้อมทั้งรับคลื่นพลังของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยหมัดอันทรงพลังของเขาที่ผสานไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงที่ทำให้มิติโดยรอบสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ฟึ้บบ ~!

กลิ่นอายอันเบาบางของซ่งหวางได้ถูกบดขยี้สลายหายไปโดยทันที

ซ่งหวางได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า

“เจ้า……”

เขานั้นอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้วแถมยังมีกลิ่นอายอันเบาบางของเขตแดนนั้นแต่ก็ยังคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเทียนก็ยังสามารถทำลายการโจมตีของเขาลงได้อย่างง่ายดาย

“เหอะ ! ”

หลินเทียนส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งซัดหวัดอันทรงพลังออกไปกดทับเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า

พลังหมัดและกลิ่นอายผสมผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

พุฟฟ ~!

ซ่งหวางได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหน่วงขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปท่ามกลางม่านฟ้า

เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณอันแข็งแกร่งของเขาได้ก่อสร้างร่างกายหยาบขึ้นมาใหม่อีกครั้งพลางจ้องมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นพร้อมทั้งสังเวยสัจธรรมและกลิ่นอายอันเบาบางออกมาอีกครั้ง

เป็นเพราะหลินเทียนชิงเอาสมบัติของเขาไปทั้งหมดดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องฆ่าหลินเทียนเพื่อเอามันคืนมา

ตู้มม ~!

กลิ่นอายอันเบาบางส่งผลให้มิติโดยรอบสั่นไหวไม่หยุดพร้อมทั้งโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน

หลินเทียนแสยะออกมาว่า

“เมื่อครู่เพิ่งถูกบดขยี้ไปรอบนึงแล้วยังกล้าสังเวยของแบบนี้ออกมาอีก ? ”

เขาเหวี่ยงหมัดของเขาออกไปอัดกระแทกเข้ากับการโจมตีของอีกฝ่ายโดยทันที

เสียง ฟึ้บบ ~! ถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายทั้งหมดของซ่งหวางถูกสลายหายไป

เขาพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้าพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่

“พุฟฟ ~! ”

เลือดสาดกระจายออกไปทั่วทิศทางขณะที่ร่างของซ่งหวางได้ถูกบดขยี้แหลกสลายหายไปอีกครั้ง

หลินเทียนได้คว้ามือขวาของเขาออกไปจับร่างวิญญาณของอีกฝ่ายเอาไว้

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาจากดวงวิญญาณของอีกฝ่ายพร้อมทั้งปรากฏอาวุธอนันตกาลตอนกลายที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังและแผดแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นรับฝ่ามือของหลินเทียนเอาไว้

หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือตบอัดลงไปอย่างเต็มกำลังพร้อมทั้งบดขยี้อาวุธนี้แหลกสลายหายไป

ทว่ามันก็เปิดโอกาสให้ซ่งหวางได้ก่อสร้างร่างกายกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“หนังเหนียวนักนะ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ”

เขาจ้องมองก่อนที่จะพูดออกไปพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าหาโดยทันที

ซ่งหวางนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อฆ่าอีกฝ่ายให้ได้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเทียนแล้วสีหน้าของซ่งหวางในตอนนี้นั้นเย็นชาเป็นอย่างมากเพราะรู้ดีว่าด้วยระดับพลังของตัวเองในตอนนี้มันไม่เพียงพอจะต่อกรกับหลินเทียนอย่างแน่นอน

“วิ้สสส ~! ”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

ทึ้มม ~!

มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปด้วยพลังทำลายระดับนี้

ซ่งหวางรีบสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมารับการโจมตีเหล่านี้เอาไว้

“โปรดช่วยเหลือข้าด้วย แล้วข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้เอาไว้ ”

มันเป็นตอนนี้เองที่เขาส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้มันไม่เพียงพอจะต่อกรกับหลินเทียนอยู่แล้วแต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆถึงขั้นที่มีแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลตอนปลายดังนั้นหากว่าคนทั้งหมดนี้ยื่นมือเข้าช่วยเขาแล้วก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะต้องสามารถจัดการกับหลินเทียนได้อย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าซ่งหวางกำลังขอความช่วยเหลือ ?!

พวกเขาพากันหันมองออกไปทางหลินเทียนด้วยแววตาที่ส่องประกายออกมาเล็กน้อย

เป็นเพราะว่าซ่งหวางนั้นเป็นถึงคนสำคัญของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในห้วงจักรวาลดังนั้นในเมื่ออีกฝ่ายเปิดปากด้วยตัวเองแบบนี้แล้วหากว่าช่วยสำเร็จก็จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายแต่ก็อดหันมองไปยังร่างนิรันดร์แท้จริงที่สำแดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาไม่ได้

ซ่งหวางสัมผัสได้ถึงความลังเลของผู้คนได้เป็นอย่างดีและได้แต่กัดฟันระหว่างที่รับมือกับการโจมตีของหลินเทียน

“ช่วยข้าด้วย หากว่าสามารถสังหารมันได้แล้วข้าจะแบ่งแร่ดาราครึ่งหนึ่งที่ได้ให้กับทุกคนที่ยื่นมือช่วยอย่างเท่าเทียม ”

ในตอนนี้เขาไม่สามารถต่อกรกับหลินเทียนได้เลยและเป็นเพราะว่าทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกลังเลทำให้ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วยเขาดังนั้นจึงจำเป็นจ้องสร้างแรงจูงใจให้กับอีกฝ่าย

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน……เป็นเพราะหลังจากที่จัดการกับหลินเทียนได้แล้วพวกเขาจะได้รับแร่ดารากว่าครึ่งสำหรับทุกๆคนที่ได้ยื่นมือเข้าช่วย ?!

ต้องรู้ก่อนนะว่าซ่งหวางนั้นได้รับแร่ดาราไปกว่าเก้าในสิบส่วนดังนั้นต่อให้แบ่งครึ่งแล้วแบ่งเท่าๆกันก็ยังถือว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลอย่างมาก !

“ในเมื่อนายน้อยซ่งเอ่ยปากขนาดนี้แล้วพวกเราจะอยู่เฉยได้อย่างไรกัน ? ”

“ใช่ ! ”

“คนที่กล้าใช้ร่างศพเพื่อลอบสังหารคนอื่นแบบนี้จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต้องฆ่ามัน ! ”

“หากว่ามันไม่ฉวยโอกาสโจมตีทีเผลอแล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายน้อยได้อย่างไรกัน ? คนแบบนี้มันไม่สมควรอยู่อีกต่อไป ”

“ลงมือ ฆ่ามันให้ได้ ! ”

“กล้าล่วงเกินนายน้อยแบบนี้มันอวดดีจริงๆ ! รุมมัน ต่อให้มันมีร่างนิรันดร์แท้จริงก็ไม่มีทางรับมือกับพวกเราพร้อมๆกันได้ ! ”

“ฆ่ามันให้ได้ ! ”

นี่ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อพลางส่งเสียงชักชวนออกมาเพราะต่อให้หลินเทียนควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่ก็จริงแต่ก็มีแค่ร่างเปล่าๆดังนั้นคงไม่มีทางเลยที่จะต่อกรกับพวกเขาได้

หลินเทียนที่กำลังควบคุมร่างอยู่ได้หันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพร้อมทั้งส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า

“ข้าขอเตือนนะว่าหากใครกล้าขยับข้าจะฆ่ามันให้เฮี้ยน ! ”

หลังจากที่ส่งเสียงออกมาแล้วก็เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของซ่งหวางอย่างไม่รอช้า

กลิ่นอายระดับนี้ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหวาดหวั่นก็จริงแต่มันก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

เป็นเพราะว่าสิ่งเย้ายวนที่ได้รับมามันยั่วยวนอย่างมากทำให้แววตาของพวกเขาต่างส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา

“เป็นแค่พวกที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนออกมาแบบนี้ยังกล้าอวดดีอีกงั้นรึ ! ”

“คนๆเดียวคิดว่าร่างนิรันดร์แท้จริงมันไร้เทียมทาน ?! ”

“ลงมือเลย ! มันต่อกรกับพวกเราทั้งหมดพร้อมๆกันไม่ได้หรอก ! ที่นี่มีอนันตกาลอยู่นับสิบๆคนแถมยังมีเขตแดนอื่นๆอยู่อีก หากว่าพวกเราร่วมมือกันกับนายน้อยแล้วจะต้องสามารถจัดการมันได้อย่างแน่นอน ! ”

“ใช่ ! ”

“ฆ่ามันให้ได้ ! ”

กลุ่มคนพากันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งสิบสองคนนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายกันทั้งหมดซึ่งพวกเขานั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังต่างๆที่สังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หลังจากการโจมตีนี้แล้วผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอื่นๆเองก็ล้วนพากันเปิดฉากโจมตีออกมาเพราะตราบเท่าที่พวกเขาพยายามมากพอจนสามารถสยบหลินเทียนได้แล้วหลังจากนี้ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากซ่งหวางซึ่งสำหรับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะแล้วมันถึงเป็นสมบัติสวรรค์เลยก็ว่าได้เพราะหากว่าได้รับมามากพอก็จะทำให้พวกเขาตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้ง่ายๆ

เขตแดนอนันตกาลนั้นคือเขตแดนที่ไม่มีวันแตกดับอย่างแท้จริง

“ฆ่า ! ”

ผู้คนพากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างดังพร้อมๆกับส่งคลื่นพลังทำลายล้างอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่คิดชีวิต

มันเป็นพลังที่ถึงขั้นทำให้แม้แต่หลินเทียนเองก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมๆกับดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมา

“ในเมื่อรนหาที่ตายกันนักงั้นข้าจะสนองให้ ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นชาออกมา

เมื่อพูดจบแล้วกระบี่นิรันดร์แท้จริงอันทรงพลังก็ได้ถูกสังเวยออกมาจากร่างของเขาก่อนที่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวจะปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่ง

มันคืออาวุธนิรันดร์แท้จริง !

เป็นเพราะเพื่อความแน่ใจเขาถึงได้นำมันติดตัวมาด้วยก่อนแล้วดังนั้นตอนนี้ถึงได้ใช้มือเหี่ยวๆคว้ามันเอาไว้พร้อมทั้งกวัดแกว่งออกไปโดยที่ไม่ได้ใส่แรงแม้แต่น้อย

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังได้สะบั้นทักษะเทวะทั้งหลายสลายหายไปภายในชั่วพริบตา

“อาวุธนิรันดร์แท้จริง ?! ”

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบไม่เว้นซ่งหวางเองก็ยังต้องมีร่างกายที่สั่นสะท้านไป

 

 

 


ตอนที่ 1475

 

กระบี่นี้รายล้อมไปด้วยอักขระอันทรงพลังมากมายส่องประกายกลิ่นอายกระบี่ที่รุนแรงออกมาอย่างเข้มข้นเสมือนว่าสามารถสะบั้นดวงดาวลงได้อย่างง่ายดายทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง

“เขา…..มีแม้กระทั่งอาวุธนิรันดร์แท้จริง ! ”

กลุ่มคนพากันส่งเสียงสั่นๆออกมา

เป็นเพราะว่านอกจากจะควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงแล้วยังติดอาวุธนิรันดร์แท้จริงมาด้วย นี่มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน !?

“นี่…….”

กลุ่มคนที่เพิ่งพากันส่งเสียงโหวกเหวกออกมาว่าจะให้ความช่วยเหลือซ่งหวางต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

ซ่งหวางเองก็มีสีหน้าที่น่าเกลียดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเพิ่งวางเหยื่อล่อให้คนยื่นมือเข้าช่วยจัดการกับหลินเทียนเนื่องจากคิดว่ามีเพียงนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะมีแม้กระทั่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ในมือ

อาวุธระดับนี้แม้กระทั่งเข้าเองก็ยังไม่มีสิทธิ์ถือครองมันได้ด้วยซ้ำ

“ระยำเอ้ย ! ”

นี่ทำให้เขาได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่น

หลินเทียนที่กำลังคว้ากระบี่เอาไว้ในมือได้หันมองออกไปทางผู้คนโดยรอบพร้อมทั้งกวัดแกว่งมันออกไปอย่างไม่รอช้า

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งผ่านอากาศออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

“พุฟฟ ~! ”

“พุฟ ! ”

“พุฟฟ ~! ”

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายพากันกระอักเลือดออกมาก่อนที่จะถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลส่วนผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆล้วนตกตายลงโดยทันที

“นี่มัน…”

ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา

เป็นเพราะกระบี่เดียวกับสร้างพลังทำลายล้างได้ขนาดนี้นี่

หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่ในมือเข้าใส่ทางผู้คนที่อยู่รอบทิศทางอย่างไม่ปราณี

มันเป็นคลื่นกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงจึงสามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่งได้อย่างง่ายดาย

“พุฟฟ ~! ”

“พุฟ ~ ”

“พุฟฟ ~ ”

ร่างของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและอื่นๆหลายคนได้ระเบิดออกก่อนที่ดวงวิญญาณจะแหลกสลายหายไป

ด้วยพลังทำลายระดับนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนอนันตกาลตอนปลายนั้นไม่ได้ต่างไปจากเศษเถ้าธุลีเลยแม้แต่น้อย

“สองกระบี่…….สังหารผู้เชี่ยวชาญไปแล้วกว่าสามสิบคน ”

ผู้เชี่ยวชาญกว่าร้อยคนที่อยู่ที่นี่นั้นไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของซ่งหวางกันหมดเนื่องจากหลายๆคนยังรู้สึกหวาดหวั่นไปกับพลังทำลายล้างของหลินเทียนทำให้ตอนนี้พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงและรู้สึกมีความสุขที่เมื่อครู่ไม่ได้เลือกเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมกับคนอื่นๆไม่งั้นพวกเขาก็คงจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคนตรงหน้า

เป็นเพราะแค่มองดูก็รู้แล้วว่าต่อให้รวมพลังกันก็ไม่ใช่คู่มือของหลินเทียนอยู่ดีซึ่งคนเหล่านี้ล้วนคิดว่าหลินเทียนมีเพียงแค่ร่างนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นแต่พวกเขาคิดผิดไป ! ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้แล้วใครจะไปสามารถต่อกรได้กัน ?

“เจ้า…..”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหน้าและร่วมมือกับซ่งหวางเหลืออยู่เพียงแค่สามสิบสามคนเท่านั้นและสิบสองคนอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลาย สิบคนเขตแดนกึ่งอนันตกาล อีกสิบเอ็ดคนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายที่กำลังยืนสั่นสะท้านไม่หยุด

หลินเทียนได้หันมองไปทางพวกเขาด้วยดวงตาที่กลวงโบ๋พร้อมๆกับแววตาที่ส่องประกายความไม่แยแสออกมา

เขาก้าวเท้าเดินออกไปพร้อมทั้งเปิดฉากโจมตีสังหารเข้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าโดยการพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขตแดนกึ่งอนันตกาลคนหนึ่งแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่

“พุฟฟ ~!”

ร่างของอีกฝ่ายได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆก่อนที่ดวงวิญญาณจะแตกสลายกลายเป็นประกายระยิบระยับไป

เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกคนอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งซัดหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อีกครั้ง

ทึ้มมม ~! ~!

หมัดๆนี้ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงเสมือนว่ามีท้องฟ้ากำลังถล่มทลายลงมา

อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างดังว่า

“ไม่นะ ! ได้โปรด…..”

“พุฟฟ ~! ”

หมัดธรรมดาๆได้อัดกระแทกเข้ากลางร่างกึ่งอนันตกาลจนร่างกายของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กระบี่ในมือของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังออกไปรอบทิศทาง

พุฟฟ ~!

พุฟ ~

พุฟฟ~!

คลื่นกระบี่อันหนักหน่วงได้แปรสภาพของผู้คนกลายเป็นกองเลือดไปขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายหกคนได้ตกตายลง

นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่พากันสั่นสะท้านไปไม่หยุด

เป็นเพราะว่าซ่งหวางเอ่ยปากชวนดังนั้นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายทั้งสิบสองคนถึงได้ยอมเข้าช่วยแต่ตอนนี้หนึ่งในชายชราได้หันมองไปทางซ่งหวางแล้วพูดว่า

“ต้องขออภัยนายน้อยด้วยจริงๆแต่ข้าไม่ต้องการรางวัลจากท่านแล้ว……ข้าไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ ”

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนที่หลังจากพูดจบแล้วได้หันหลังพร้อมทั้งพยายามออกห่างจากสถานที่แห่งนี้เพราะว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งจนเกินไปทำให้ไม่มีทางเลยที่ใครในที่นี้จะสามารถต่อกรได้

ซ่งหวางที่มีสีหน้าน่าเกลียดอยู่แล้วก็ยิ่งตกต่ำลงไปกว่าเก่า

เป็นเพราะแม้หลินเทียนจะสังเวยอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมาแต่เขาก็เชื่อว่าหากรวมพลังกันแล้วก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับหลินเทียนลงได้และเขาจะต้องชิงเอาแร่ดารากลับมาให้ได้แต่ทว่าตอนนี้กลับมีคนเอ่ยปากล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยเขาแล้ว

นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมาก

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของชายชราเอาไว้ขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งเข้าใส่ทางเขา

พุฟฟ ~! ~!

คลื่นกระบี่อันทรงพลังทะลวงผ่านร่างของชายชราจนทำให้ร่างของอีกฝ่ายมีรูเลือดอยู่กลางหน้าอก

“ก่อนหน้านี้ยังแห่กันเข้ามาโจมตีข้าอยู่เลยแต่ตอนนี้คิดจะถอยงั้นรึ คิดว่ามันมีเรื่องง่ายๆแบบนี้อยู่ด้วย ? ”

หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาได้พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายโดยทันที

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเทียนเช่นนี้แล้วสีหน้าของชายชราเองก็ถึงกับเปลี่ยนสีไปทันทีเพราะเขาตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของร่างนิรันดร์แท้จริงนี้เป็นอย่างดีดังนั้นถึงได้รีบหันหลังพุ่งหนีไป

น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว

“ทึ้ม~! ”

หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังของเขาอัดเข้าใส่ร่างของชายชราอย่างจัง

พุฟฟ ~!

ร่างของชายชราได้ถูกบดขยี้ลงด้วยการโจมตีเหล่านี้ขณะที่ดวงวิญญาณแตกร้าวไปทั้งตัวเสมือนว่าแต่สัมผัสเบาๆมันก็จะแหลกสลายหายไปทำให้อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา

หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปบดขยี้ร่างวิญญาณของอีกฝ่ายจนสลายหายไปอย่างสมบูรณ์

“ตะ..ตายแล้ว….เขตแดนอนันตกาลตอนปลายกลับถูกสังหารลงง่ายๆแบบนี้นี่มัน……”

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่นอกสนามรบพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายในเองก็มีร่างกายที่สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

เสียง วิ้ส วิ้ส วิ้สส ถูกส่งออกมาขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันหันหลังพุ่งหนีไปจากที่นี่

“เหอะ ! ”

หลินเทียนได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งฟาดฟันคลื่นกระบี่ออกไปปกคลุมร่างของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ทำให้พวกเขาถูกปิดกั้นเอาไว้ในอาณาเขตที่เฉพาะเจาะจง

หลังจากนั้นร่างของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของกึ่งอนันตกาลคนหนึ่งพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดกระแทกร่างและบดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไปอย่างสมบูรณ์

“พุฟฟ ~! ”

ไม่นานก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้เชี่ยวชาญอีกคนและลงมือสังหารไปอย่างรวดเร็ว

จริงๆแล้วเขามาที่นี่ก็เพื่อชิงเอาแร่ดาราและสังหารซ่งหวางแต่ตอนนี้ไม่ได้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ซ่งหวางอีกต่อไปแต่เริ่มสังหารผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้

เพราะหากเทียบกันแล้วเขารู้สึกรังเกียจคนประเภทนี้มากเสียกว่าซ่งหวางเสียอีก

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ถูกส่งออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งบดขยี้ร่างของกึ่งอนันตกาลไปสามคนและเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายไปสี่คน

“สหายโปรดอภัยให้ด้วย ! พวกข้ารู้สำนึกแล้วว่าไม่ควรจะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่เจ้า ”

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายคนหนึ่งส่งเสียงสั่นๆออกมาพลางพูดต่อว่า

“ได้โปรดให้โอกาส…….”

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งทะลวงผ่านหน้าผากของมันไป

หลังจากที่สังหารชายคนนี้แล้วเขาก็ยังคงลงมือสังหารอย่างต่อเนื่อง

ตัวเขาส่งความคิดออกไปเพื่อฟาดฟันคลื่นกระบี่เข้าใส่ผู้เชี่ยวชาญสิบกว่าคนที่ยังเหลือรอดอยู่ทำให้พวกเขาพากันลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด

หลังจากนั้นเสียงพุ่งผ่านอากาศก็ได้ถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของชายชราเขตแดนอนันตกาลตอนปลายคนหนึ่งและเหวี่ยงหมัดบดขยี้ร่างกายหยาบของอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ

วิ้สสส ~!

ร่างวิญญาณของชายชราที่ยังคงไม่แตกดับได้รีบพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าความเร็วของหลินเทียนนั้นสูงกว่ามากพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่ดวงวิญญาณของอีกฝ่าย

ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดเสมือนว่ากำลังถูกเทพแห่งความตายคว้าคอเอาไว้ถึงได้แต่มองไปทางหลินเทียนพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัวว่า

“ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ! ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเตาพลังวิญญาณหยก ! ”

“ผู้อาวุโสสูงสุดแล้วไง ? ”

หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า

“ขนาดนายน้อยราชวงศ์เกียรติภูมิข้ายังคิดจะฆ่าแล้วคิดว่านิกายของเจ้าเป็นอะไร ? คิดว่ามันแข็งแกร่งว่าราชวงศ์ไหม ? ” 

 

 


ตอนที่ 1476

 

เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดเพราะหลินเทียนกล้าแม้กระทั่งคิดจะสังหารนายน้อยราชวงศ์ที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของจักรวาลแล้วคิดว่าหลินเทียนจะสนใจเกี่ยวกับเขาที่เป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังเล็กๆ ?

เขาได้ส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า

“เฒ่าคนนี้ผิดไปแล้ว ขออภัยจริงๆ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรข้าก็ยินดีจะทำตาม ! ”

ไม่มีใครในโลกอยากตายดังนั้นชายชราเองก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างมาก

หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังออกไประเบิดดวงวิญญาณในมือของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มัน….จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ! ”

กลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไปและไม่ได้ลงมือเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอดสั่นไปไม่ได้

เป็นเพราะว่าชายชราที่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายได้ตกตายลงอีกคนแล้ว

ตัวตนที่ไม่มีวันดับสูญกลับถูกสังหารลงไปกว่าสองคนภายในระยะเวลาสั้นๆ

ผู้คนที่ให้ความช่วยเหลือซ่งหวางที่ยังเหลือรอดอยู่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นซึ่งสิบคนอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายและสามคนเขตแดนกึ่งอนันตกาลซึ่งพวกเขาต่างพากันรู้สึกขนหัวลุกไปตามๆกันเพราะศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าด้วยมันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

หลินเทียนหันมองออกไปทางกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งฟาดฟันคลื่นกระบี่ในมือออกไปปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

พุฟฟ ~!

เขตแดนกึ่งอนันตกาลได้ถูกคลื่นกระบี่ทะลวงผ่านศีรษะไปทำให้ดวงวิญญาณและทะเลความรู้แหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

“คิดจะฆ่าพวกเราทั้งหมดเลยรึไง !? เราไหมว่าพวกเราล้วนมาจากขุมพลังแนวหน้าของดาวดวงนี้ หากว่าเจ้าทำเช่นนั้นแล้วมันก็ไม่ต่างกับการล่วงเกินดาวทั้งดวง ! อย่าทำเรื่องบ้าๆเลยดีกว่า ! ”

ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งส่งเสียงโห่ร้องออกมา

หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล

นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างดังว่า

“เจ้า…..”

พุฟฟ ~!

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของอีกฝ่ายได้ระเบิดออกเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พยายามพุ่งหนีไปอย่างยากลำบากแต่ก็ถูกทำลายลงด้วยฝ่ามือของหลินเทียน

ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกันเพราะว่านี่คือผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายอีกคนที่ตกตายลงที่นี่

“แกร๊ง !”

เสียงกระบี่คำรามยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่คลื่นกระบี่อันไร้เทียมทานได้พวยพุ่งเข้าใส่ทางซ่งหวางและคนอื่นๆโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งอนันตกาลสองคนได้ตกตายลง

นี่ทำให้เหลือผู้รอดชีวิตอยู่เพียงแค่สิบคนภายในระยะเวลาไม่กี่อึดใจ

ทั้งสิบคนนี้มีซ่งหวางเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงและชายชราเก้าคนเขตแดนอนันตกาลตอนปลาย

แกร๊ง ~!

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังพวยพุ่งออกไปปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้ตามด้วยคลื่นพลังหมัดสังหารที่ไม่ได้ปกปิดความกระหายเลือดเลยแม้แต่น้อย

ทั้งสิบคนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารได้เป็นอย่างดีดังนั้นจึงไม่มีใครที่กล้าประมาทกับการโจมตีนี้

“แม้ว่าเราจะเปิดฉากโจมตีใส่เจ้าก็จริงแต่เจ้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแต่นี่คิดจะฆ่าพวกเราทั้งหมด เจ้ามันจะไม่โหดเหี้ยมไปหน่อยรึ ? ”

หนึ่งในพวกเขากัดฟันพูดออกมาซึ่งผู้พูดนั้นอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายที่ใกล้จะตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้ว

“ข้าและพวกเจ้าเองก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันแต่พวกเจ้ากลับเปิดฉากโจมตีใส่ข้าทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน เจ้าคิดว่ามันไม่โหดเหี้ยม ? ”

หลินเทียนตอบกลับไป

นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปกับที่และไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบโต้

และมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ร่างของหลินเทียนได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างฉับพลันพลางเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล

ทึ้มม ~!

หมัดๆนี้ส่งผลให้ร่างกายของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปก่อนที่ดวงวิญญาณจะถูกบดขยี้ไปหลังจากนั้น

เขาหันมองออกไปทางกลุ่มคนที่เหลืออยู่พร้อมทั้งพูดว่า

“ไม่ต้องอ้วนวอนขอความเมตตาหรือพยายามข่มขู่ข้าด้วยขุมพลังของพวกเจ้าหรอกเพราะมันเปล่าประโยชน์ ในเมื่อพวกเจ้าคิดจะฆ่าข่าแล้วก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะถูกฆ่าเช่นกัน ”

หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะฟาดฟันกระบี่เข้าใส่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายว่า

“ถึงยังไงวันนี้พวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องตาย ! ”

“แกร๊ง ! ”

สิ้นเสียงของเขาแล้วคลื่นกระบี่อันบ้าคลั่งก็โหมกระหน่ำเข้าใส่กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบโดยทันที

การโจมตีของเขาได้บดขยี้สัจธรรมทั้งหลายลงได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครสามารถต่อต้านได้ถึงขั้นที่แม้จะรวมพลังกันแล้วก็ยังถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยร่างกายที่โชกไปด้วยเลือด

กองเลือดระเบิดออกไปก่อนที่เขตแดนอนันตกาลตอนปลายอีกเจ็ดคนจะถูกสังหารลง

“เจ้า…..ฆ่าคนไปมากมายขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกหรือไง !? ปล่อย…ข้าไปเถอะ ”

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้ส่งเสียงสั่นๆออกมาด้วยร่างกายที่ชโลมไปด้วยเลือดทั้งตัว

หลินเทียนก้าวเดินเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนที่จะซัดหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่โดยที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป

พุฟฟ ~!

อีกฝ่ายที่ไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ถูกบดขยี้สลายหายไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณที่แตกดับ

“ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายสิบสองคน เขตแดนกึ่งอนันตกาลสิบคนและนิรันดร์อมตะตอนปลายและจักรพรรดิว่างเปล่าอีกหลายสิบคนกลับ……..”

กลุ่มคนที่ไม่ได้หน้ามืดตามัวไปกับรางวัลของซ่งหวางที่อยู่รอบนอกต่างพากันจ้องมองลงไปยังใจกลางสนามรบด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านถึงขั้นที่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน

“เหลือเพียงแค่ซ่งหวางคนเดียวแล้ว ”

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา

พื้นที่ใจกลางสถานที่แห่งนี่ได้เจิ่งนอกไปด้วยกองเลือดมากมายซึ่งผู้คนทั้งหมดที่คิดร้ายต่อหลินเทียนได้ถูกกำจัดไปหมดแล้วและเหลือเพียงแค่ซ่งหวางที่กำลังมีสีหน้าที่น่าเกลียดถึงขีดสุด

และมันเป็นตอนนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะอย่างเขาได้แสดงท่าทางที่หวาดหวั่นออกมา

หลินเทียนในตอนนี้ได้สังหารฝูงผู้เชี่ยวชาญของขุมพลังใหญ่แนวหน้าของดาวดวงนี้ไปมากมายซึ่งการกระทำเช่นนั้นทำให้เขาถึงกับรู้สึกขนหัวลุกอย่างมาก

“ถึงเวลาของเจ้าแล้ว ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

หลินเทียนก้าวเดินออกไปทีละก้าวขณะที่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับร่างของซ่งหวาง

ซ่งหวางที่เห็นเช่นนั้นได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกที่ใจสั่นถึงขีดสุด

เขากัดฟันเอาไว้แล้วพูดออกมาว่า

“สหาย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรจะส่งคนไปสังหารเจ้าเพียงเพราะเจ้าไม่คิดจะเข้าร่วมกับพวกเรา ได้โปรดเห็นแก่หน้าของราชวงศ์ข้าแล้วหยุดเรื่องนี้แต่เพียงเท่านี้……”

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่มันจะทะลวงผ่านหน้าอกของซ่งหวางไป

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเสียเวลาอ้อนวอนร้องขอชีวิตเพราะมันเปล่าประโยชน์ ”

หลินเทียนพูดออกมา

ระหว่างนั้นก็ยังคงก้าวเดินออกไป

ซ่งหวางได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งอดก้าวถอยหลังไปไม่ได้พลางพูดขึ้นว่า

“อย่าทำอะไรที่มันเกินไปเถอะ หากว่าเจ้าสังหารข้าแล้วมันจะเป็นการล่วงเกินขุมพลังของข้าซึ่งมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเจ้าเลยด้วยซ้ำเพราะทางราชวงศ์ของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ๆ ! ”

“แกร๊ง ~ ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่ของหลินเทียนทะลวงผ่านร่างของซ่งหวางไปอีกครั้ง

“ข้าบอกไปแล้วไงว่านอกจากการอ้อนวอนอย่างเปล่าประโยชน์แล้วการยกเอาขุมพลังที่หนุนหลังขึ้นมาอ้างมันไม่ได้ประโยชน์อะไรไหม ? ”

หลินเทียนพูดออกมา

ซ่งหวางได้แต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆขณะที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือดว่า

“เจ้า……”

หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพลางก้าวเข้าใกล้ร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่ในมือเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

ซ่งหวางที่ถูกตรึงร่างเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเบี่ยงหลบไปไหนได้จึงทำได้เพียงแค่รับมือกับการโจมตีของหลินเทียนอย่างสุดกำลังเท่านั้น

พุฟฟ ~!

พลังทำลายล้างที่หลินเทียนส่งออกมาได้บดขยี้ร่างของเขาจนแหลกสลายหายไปโดยทันที

“แผละ~~ ”

เสียงเศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายถูกส่งออกมาจากรอบทิศทางขณะที่ดวงวิญญาณของซ่งหวางได้ก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเพราะต้องยอมรับจริงๆว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งอย่างมากเพราะแม้จะถูกบดขยี้ร่างกายไปหลายครั้งแต่ก็ยังสามารถแบกรับการโจมตีเหล่านี้เอาไว้ได้

มันเป็นระดับพลังที่เขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงธรรมดาไม่สามารถมีได้จึงเรียกได้ว่าเป็นราชาในเขตแดนเดียวกันเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็ยังไม่สามารถต่อกรกับร่างนิรันดร์แท้จริงของเขาได้อยู่ดี

เขาส่งการโจมตีสังหารอันทรงพลังออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายแตกดับและก่อสร้างกลับมาอย่างต่อเนื่องและหลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นานกลิ่นอายที่อีกฝ่ายแผดออกมาก็แผ่วลงถึงขีดสุด

และมันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้เปิดฉากโจมตีอย่างเต็มกำลังพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังทำลายล้างอัดเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง

ตู้มมม ~!

มิติโดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ม่านฟ้าถึงกับแตกร้าวพร้อมๆกับพื้นแผ่นดินที่พังทลาย

ซ่งหวางที่อยู่ในสภาพอ่อนแอถึงขีดสุดและกำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาพลางส่งเสียงว่า

“หยุดก่อน! ได้โปรด……”

“ตู้มม ~! ”

คลื่นพลังทำลายล้างอันหนักหน่วงได้ขัดจังหวะคำพูดทุกอย่างและอัดกระแทกเข้าใส่อย่างจัง

พุฟฟ ~! กองเลือดได้ระเบิดออกมาพร้อมๆกับระเบิดแสงสว่างจ้าที่ส่องประกายออกไปทั่วทิศทาง

เมื่อแสงสว่างได้จางหายไปแล้วร่างของซ่งหวางได้สลายหายไปอย่างสมบูรณ์

นี่ทำให้ผู้คนที่เหลืออยู่ที่นี่ต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน

“นี่เขา…ลงมือสังหารซ่งหวางจริงๆ………”

ใบหน้าของผู้คนโดยรอบซีดเผือดเป็นอย่างมากเพราะแม้จะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าหลินเทียนตั้งใจฆ่าซ่งหวางจริงๆแต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองแล้วก็ยังอดตกตะลึงไปไม่ได้เพราะว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่ถึงขั้นเป็นคนของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลและการที่สังหารตัวตนระดับนี้ลงจะถือว่าเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองอย่างแน่นอน

 

 

 


ตอนที่ 1477

 

เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากขณะที่จ้องมองออกไปเพราะไม่คิดเลยว่าซ่งหวางจะถูกสังหารลงแบบนี้

“นี่มัน……..”

หลายๆคนได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยความรู้สึกที่สั่นสะท้านไม่หยุด

ชายผู้ที่ถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงและใช้มันสังหารคนของทางราชวงศ์แบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างมาก

หลินเทียนที่กำลังควบคุมร่างนิรันดร์อยู่ได้กวาดสายตามองออกไปยังกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบก่อนที่จะหันหลังแล้วเหาะจากไปโดยทันทีเป็นเพราะเป้าหมายที่เขามาที่นี่ได้สำเร็จลุล่วงหมดแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ต่อไป

เขาพุ่งผ่านอากาศออกไปด้วยความเร็วที่สามารถหายไปสุดขอบฟ้าได้ภายในชั่วพริบตาเท่านั้น

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังมองไปทางหลินเทียนที่กำลังพุ่งออกห่างจากสถานที่แห่งนี้ได้หันมองกลับไปทางกองเลือดที่เจิ่งนอกอยู่รอบทิศทางด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดอีกครั้ง

“ซ่งหวางถูกสังหารลงไปพร้อมๆกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆซึ่งนี่รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังทั้งหลายที่รองลงมาจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิแบบนี้จะต้องทำให้ขุมพลังของพวกเขา…….”

“ไม่ต้องพูดถึงหรอกเพราะเพียงแค่ทางราชวงศ์อย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้โลกทั้งใบสั่นสะท้านแล้ว ”

“นี่จะต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน ”

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญพึมพำออกมา

………

หลังจากที่ออกจากสถานที่แห่งนี้แล้วหลินเทียนก็ได้มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ๆห่างไกลออกไป

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้นำร่างๆนี้เข้าไปภายในถ้ำแห่งหนึ่ง

“กลับมาแล้ว ”

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่กำลังปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้ได้หันมองมาทางเขาโดยทันที

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปก่อนที่จะย้ายดวงวิญญาณกลับไปยังร่างหลักของเขา

“เป็นอย่างไรบ้าง ? ”

จระเข้เบญจธาตุที่เห็นว่าเขาไม่ได้รับความเสียดายใดๆได้ถามออกมาเกี่ยวกับเรื่องของแร่ดารา

“เอามาหมดแล้ว ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้โบกมือคว้าเอาขวดหยกออกมาส่งให้กับทั้งสองคน

จระเข้เบญจธาตุได้คว้ามันเอาไว้ก่อนที่จะสำรวจด้วยจิตสัมผัสพร้อมพบกับกองภูเขาแร่ดารามากมายที่กองเรียงรายกันอยู่รอบทิศทาง

“เยอะขนาดนี้เลย ?! ”

มันได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกที่ตกตะลึงอย่างมาก

เป็นเพราะเมื่อมองดูแล้วจะพบได้ว่ามันเป็นจำนวนที่ทำให้สามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลจากเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้กว่าเก้าสิบคนในเวลาสั้นๆซึ่งนี่มันคือเป็นขุมสมบัติเลยก็ว่าได้

เสี่ยวไท่ชูเองก็อดมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นไม่ได้เช่นกัน

“ไม่คิดเลยว่าจะมากมายขนาดนี้ ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนที่จะสงบสติลงแล้วพูดว่า

“อ่อใช่แล้วได้ฆ่าเจ้าซ่งหวางอะไรนั่นไปหรือยังล่ะ ? ”

“ฆ่าไปแล้ว ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมพูดต่อว่า

“ของพวกนี้เป็นสิ่งที่ชิงเอามาจากมันซึ่งเป็นแร่ดารากว่าเก้าในสิบส่วนของเหมือง ”

หลังจากนั้นเขาก็ได้อธิบายเรื่องราวต่างๆออกไปรวมถึงเรื่องของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่รวมหัวกันฆ่าเขา

“พวกชั่ว สมควรตายแล้วล่ะ ”

จระเข้เบญจธาตุพูดออกมา

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า

“เราควรจะไปจากดินแดนบ่มเพาะแห่งนี้กันก่อนแล้วหาที่ปลอดภัยดูดกลืนแร่พวกนี้กัน ”

“เอาล่ะ ไปกัน ”

จระเข้เบญจธาตุได้พยักหน้าของมันซ้ำๆด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

ณ ตอนนี้พวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกันหมดแล้วดังนั้นหากว่าดูดกลืนแร่เหล่านี้ไปก็จะสามารถตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้อย่างรวดเร็วและทำให้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอายุขัยอีกต่อไปซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผู้คนเฝ้าฝันเลยก็ว่าได้

“ไปกัน ”

หลินเทียนพูดออกมา

ณ ตอนนี้พวกเขาก็พากันออกจากสถานที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขาใช้เวลาอยู่กว่าสามวันเพื่อค้นหาภูเขาที่อ้างว้างไร้ซึ่งผู้คนและแม้แต่สัตว์อสูรเองก็ตาม

หลินเทียนวางข่ายอาคมปิดกั้นของกึ่งอนันตกาลเอาไว้โดยรอบพื้นที่ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงเพราะด้วยข่ายอาคมเหล่านี้แล้วต่อให้มีเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้แต่ไม่ได้ใช้จิตสัมผัสสำรวจโดยรอบก็ไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่

หลังจากที่นั่งลงแล้วเขาก็ได้หยิบเอากองแร่ดาราออกมาตรงหน้าของเขาทำให้พลังแห่งดวงดาวภายในสถานที่แห่งนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

“เริ่มกันเถอะ มันน่าจะเพียงพอสำหรับการตัดผ่านของพวกเรา ”

เขาพูดออกมา

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูได้พยักหน้าของพวกมันก่อนที่จะเริ่มการดูดกลืนพลังเหล่านี้

หลินเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่กับที่ขณะที่หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อดูดกลืนมัน

ไม่นานพลังแห่งดวงดาวอันเข้มข้นเสมือนดั่งคลื่นมหาสมุทรก็โถมอัดเข้าใส่ร่างของเขาพร้อมทั้งพวยพุ่งเข้าไปทั่วทุกมุมร่างของเขา

มันทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไหวไม่หยุดพร้อมๆกับกลิ่นอายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขตแดนนิรันดร์อมตะนั้นคือเขตแดนที่ร่างกายจะไม่มีวันเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลาซึ่งในเขตแดนนี้จำเป็นจะต้องบ่มเพาะดวงวิญญาณด้วยพลังแห่งดวงดาวเพื่อทำให้มันมีสภาพแบบเดียวกับร่างกายที่ไม่มีวันแตกดับแล้วถึงจะตัดผ่านไปยังเขตแดนอนันตกาลได้อย่างแท้จริง แน่นอนว่ามันไมจำเป็นต้องใช้เพียงแค่พลังดวงดาวเท่านั้นแต่พลังฉีและสมบัติอื่นๆก็ได้ไม่ต่างกัน

หรือจะเรียกได้ว่าไม่ว่าเขตแดนไหนก็ยังจำเป็นต้องใช้พลังฉีอันเข้มข้นหรือสมบัติสวรรค์จำนวนมากเพื่อตัดผ่านอยู่ดี

บึ้สสส ~!

เขาดูดกลืนมันเข้าไปภายในร่างขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับเข้าใกล้เขตแดนอนันตกาลมากยิ่งขึ้น

………….

ใจกลางของดาวดวงนี้มีขุนเขาขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นเสมือนว่ามันตั้งอยู่บนเส้นชีพจรมังกรบรรพกาลของโลกใบนี้

ภายในขุนเขามากมายเหล่านี้เต็มไปด้วยตำหนักเรียงรายไปทั่วทำให้มีสภาพไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ในความฝันเลยก็ว่าได้

นี่คือความยิ่งใหญ่ของขุมพลังอันดับที่หนึ่งของห้วงจักรวาลนี้

“ว่าไงนะ ?! ”

เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังด้วยพลังที่ทำให้ห้องโถงถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง

ภายในห้องโถงที่สร้างขึ้นจากทองคำนี้มีจักรพรรดิที่ยืนอยู่ใจกลางด้วยสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดเพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งได้รับรายงานเรื่องที่ซ่งหวางได้ถูกสังหารลงแถมยังถูกชิงเอาทรัพยากรบ่มเพาะที่สามารถสร้างเขตแดนอนันตกาลกว่าเก้าสิบคนไปได้ไป

ขุมพลังของเขานั้นได้ชื่อว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้ทว่าตอนนี้กลับมีคนกล้าสังหารคนของเขาและยังชิงเอาสมบัติทั้งหมดไปส่งผลให้ความฝันที่จะสร้างเขตแดนอนันตกาลกว่าเก้าสิบคนขึ้นมาในเวลาสั้นๆได้สูญสลายหายไป

“ใครกัน ! มันเป็นใคร ?! ”

เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

เป็นเพราะว่าหลินเทียนควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงดังนั้นแม้จะมีคนอยู่ในเหตุการณ์มากมายแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือใครนอกจากซ่งหวางเท่านั้นแต่อีกฝ่ายก็ได้ตกตายลงไปแล้ว

และผู้ติดตามของซ่งหวางทั้งสองคนเองก็ถูกหลินเทียนสังหารไปก่อนแล้วหนึ่งคนก่อนที่หลังจากนั้นจะถูกฝ่ามือของเขาตบจนตายทั้งเป็นไปดังนั้นแล้วจึงทำให้ทางราชวงศ์ไม่มีเบาะแสเลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนที่สังหารซ่งหวางและชิงเอาสมบัติไป

ณ ตอนนี้ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญของราชวงศ์ทั้งหลายถูกส่งออกไปสืบสวนเรื่องราวเหล่านี้และชิงเอาแร่ดารากลับมาให้ได้เนื่องจากมันมีความสำคัญกับพวกเขาอย่างมาก

และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่ขุมพลังที่แข็งแกร่งทั่วทั้งโลกใบนี้ก็ได้แต่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นเพราะผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ถูกสังหารไป

แต่พวกเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนกับทางราชวงศ์เพราะได้ยินมาว่าคนที่ลงมือสังหารซ่งหวางไปนั้นมีร่างของนิรันดร์แท้จริงและอาวุธนิรันดร์แท้จริงซึ่งถือได้ว่าไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนี้ดังนั้นพวกเขาที่สูญเสียผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้วจึงทำได้เพียงกัดฟันไว้เท่านั้น

ตอนนี้มีเพียงราชวงศ์และขุมพลังที่มีตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นถึงจะจัดการกับชายคนนั้นได้

………

หลินเทียนที่อยู่ภายในภูเขาที่อยู่ห่างออกไปยังคงดูดกลืนแร่ดาราอยู่เงียบๆขณะที่ทั่วทั้งถ้ำอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งดวงดาวอันเข้มข้น

บึ้สส ~!

ร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้อาบไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามขณะที่กลิ่นอายของเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเต็ม

หนึ่งเดือนหลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่ม่านฟ้าจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)