Divine King of All Directions 1458-1461

ตอนที่ 1458

 

หลินเทียนที่อยู่ภายในห้องยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามไปทั้งตัวขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงขั้นที่ทำให้มิติโดยรอบถึงกับบิดตัว

ประกายแสงสีทองอันอ่อนโยนสร้างความงดงามและน่าหลงใหลได้อย่างน่าประหลาดใจ

จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูก็ได้แต่มองไปทางเขาก่อนที่เวลาจะผ่านไปกว่าสองวันอย่างรวดเร็ว

วันนี้เป็นวันที่ประกายแสงที่ส่องออกมาจากร่างของเขาได้แผ่วลงทว่ากลิ่นอายที่ส่งออกมากับพุ่งสูงขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัวและที่สำคัญที่สุดคือมันกลับมีกลิ่นอายอันลึกลับที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าไม่มีวันแตกดับผสมผสานอยู่ด้วย

ระหว่างนี้ดวงวิญญาณของเขาเองก็ส่งกลิ่นอายที่แตกต่างออกมาเช่นเดียวกัน

“กลิ่นอายนี้มัน……”

จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะหลินเทียนกำลังจะตัดผ่านเขตแดนกึ่งอนันตกาลแล้วทำให้แก่นพลังและดวงวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง

มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่ร่างแห่งนิรันดร์และก้าวไปยังเขตแดนที่ไม่มีวันดับสูญ

“บึ้สส ~! ”

ร่างกายของหลินเทียนยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงอันอบอุ่นมากขึ้นๆ

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าหนึ่งวันเต็มๆ

วันนี้เป็นวันที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กะเพื่อมออกมาจากร่างของเขาพร้อมทั้งสร้างเป็นคลื่นพายุอันทรงพลังกวาดออกไปรอบทิศทาง

หลังจากนั้นเองที่เขาได้ลืมตากลับขึ้นมา

“กึ่งอนันตกาล ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

ณ ตอนนี้เมื่อแผดจิตสัมผัสออกไปแล้วเขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตัวเองเลยว่าร่างกาย แก่นพลังและดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก

และที่สำคัญที่สุดคือเขาสัมผัสได้ว่าแก่นพลังของเขาเริ่มก่อเกิดความแข็งแกร่งของอนันตกาลซึ่งจะไม่มีวันแตกดับแถมยังมีประกายแสงอันเข้มข้นโอบร่างวิญญาณของเขาเอาไว้

“กึ่งอนันตกาลหมายความว่าขาก้าวหนึ่งเหยียบอยู่ในระดับอนันตกาล นี่คือกลิ่นอายเฉพาะของเขตแดนนี้ ”

ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมา

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันกลิ่นอายอนันตกาลอันพิเศษสุดถึงแม้ว่าจะเบาบางเนื่องจากเขาเพิ่งจะก้าวเท้าลงไปข้างเดียวเท่านั้น

ทว่าตัวเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมากแล้วถึงขั้นที่ไม่สามารถเทียบกับเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้เลยด้วยซ้ำ มันทำให้เขาเชื่อว่าเขาสามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลตอนต้นได้ด้วยมือเปล่าๆด้วยซ้ำ

“อีกเพียงแค่นิดเดี๋ยวก็อยู่จะเขตแดนที่ไม่มีวันแตกดับแล้ว ! ”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะว่าอีกเพียงแค่ครึ่งก้าวหลินเทียนก็จะตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้แล้วแต่หลังจากที่ตัดผ่านไปนั้นเขาก็จะกลายเป็นนิรันดร์ที่ตราบเท่าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากภายนอกก็จะไม่มีวันตายลง

หลินเทียนยิ้มออกมาพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน

แน่นอนว่าเรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก

เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า

“ไปกัน ”

เป็นเพราะว่าสมบัติทั้งหมดได้ถูกเก็บไปหมดแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป

นี่ทำให้พวกเขาพากันหันหลังเดินทางออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับออกไปยังโลกภายนอกได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

เขาหันมองออกไปยังตะไคร่ที่อยู่รอบๆก่อนที่จะก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้

หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงพวกเขาก็ออกห่างจากหุบเขานี้ไปไกลมากๆแล้ว

มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างหลายร่างกำลังพุ่งเข้าหาทางเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

เป็นชายชราชุดม่วงที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา

“เขตแดนอนันตกาลตอนปลาย ?! ”

จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

สายตาของชายชราที่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ได้แต่จ้องเขม็งมาที่ร่างของหลินเทียนอย่างไม่วางตา

“พบเจ้าแล้ว ! ”

เขามองไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาถึงขีดสุด

หลินเทียนหันมองออกไปทางอีกฝ่ายพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“บรรพบุรุษตระกูลจ้าว ”

เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันกับเขาผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลจ้าวทั้งสามคนซึ่งแข็งแกร่งกว่ามากดังนั้นจึงไม่บอกก็รู้ว่านี่นะต้องเป็นบรรพบุรุษของพวกมันอย่างแน่นอน

“เก่งหนิ กล้ามากนักนะที่กล้าสังหารกึ่งอนันตกาลของเราไปถึงสามคน ! ”

บรรพบุรุษตระกูลจ้าวส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะว่าหลังจากที่กลับออกมาจากการบ่มเพาะเขาก็ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มก้อนพลังงานที่หลินเทียนเก็บไปพร้อมทั้งพบว่าผู้อาวุโสสูงสุดสามคนของพวกเขาได้ถูกหลินเทียนสังหารไปจนหมดทำให้รู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมากจึงเริ่มการแกะรอยตามหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายหลักของเขาคือจำเป็นต้องชิงเอากลุ่มก้อนพลังงายภายในร่างของหลินเทียนแล้วจะฆ่าเขาให้ตายด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมที่สุดเพื่อเส้นไหว้วิญญาณของกึ่งอนันตกาลทั้งสามที่เสียไป

หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายและสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของมันดีและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอนันตกาลตอนปลายที่แข็งแกร่งมากเป็นอย่างดีว่ามันไม่ได้ต่างไปจากห้วงจักรวาลเลยด้วยซ้ำ

แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนใจแม้แต่น้อย

“พวกสุนัขชั้นต่ำสามตัวที่ข้าฆ่ามันทำไม ? เจ้าจะกัดข้า ? ”

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งเย้ยหยันออกมาว่า

“เป็นฝ่ายตระกูลจ้าวของเจ้าต่างหากที่คิดจะฆ่าข้าและพวกพ้องเพื่อชิงเอาสมบัติแต่กลับเป็นฝ่ายถูกฆ่าเสียเองแล้วยังกล้าพูดกับข้าด้วยท่าทางเหมือนว่าข้าเป็นฝ่ายผิดนี่มันไม่ดูน่าทุเรศเกินไปหน่อย ? ข้าล่ะอยากจะอ้วกจริงๆ เจ้าคิดว่าตระกูลพวกเจ้าสามารถสังหารคนอื่นได้ฝ่ายเดียวแต่คนอื่นห้ามขัดขืนไม่งั้นก็เท่ากับการหยามเกียรติพวกเจ้า ? น่าทุเรศจริงๆ ”

นี่ทำให้สีหน้าของบรรพบุรุษตระกูลจ้าวยิ่งตกต่ำลงไปอีกเพราะหลินเทียนกลับกล้าเย้ยหยันเขา

“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”

ดวงตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งส่งคลื่นลำแสงอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน

หลินเทียนแสยะออกมาขณะที่ประกายสายฟ้ารายล้อมร่างของเขาเอาไว้พร้อมทั้งเบี่ยงหลบออกไป

“กระจอกเกินไปไหม ? ด้วยระดับอนันตกาลแต่กลับไม่สามารถจับข้าได้ด้วยซ้ำ ? ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งระลึกได้ถึงบางสิ่งก่อนที่จะพูดว่า

“ข้าเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเต้าถึงได้กระจอกแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าสืบเชื้อสายของเจ้ามานี่เอง เจ้านี่มันเป็นหายนะของตระกูลจ้าวเลยด้วยซ้ำ ”

จระเข้เบญจธาตุที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับหัวเราะออกมาอย่างดังว่า

“ไอ้หนู ยิ่งอยู่เจ้านี่ยิ่งด่าทอได้เผ็ดจริงๆ ! ”

เสี่ยวไท่ชูเองก็ส่งเสียงทารกออกมาเพื่อเยาะเย้ยอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

นี่ทำให้สายตาของบรรพบุรุษตระกูลจ้าวยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกขณะที่จิตสังหารอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาไม่หยุด

เขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งก้าวเท้าเข้าหาด้วยท่าทางที่ไม่ต่างจากปีศาจร้าย

และเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังได้ระเบิดออกมา

หลินเทียนเองก็สัมผัสถึงความร้ายกาจได้เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่ามันก็เป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปพร้อมทั้งหันมองออกไปยังทิศทางอื่นๆ

“มีแขกมาเพิ่มแหะ ”

เขาพึมพำออกมา

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่กลิ่นอายอันทรงพลังได้พุ่งเข้ามาจากรอบด้านของเขาซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายกันทั้งหมด

หลินเทียนหันมองออกไปยังร่างที่พุ่งมาจากทางตะวันตกซึ่งส่งกลิ่นอายแบบเดียวกันกับหวูซี่ออกมาซึ่งแน่อนนว่าเป็นบรรพบุรุษตระกูลหวูส่วนทางเหนือและตะวันออกนั้นก็เป็นของนิกายสังหารเทพและนิกายตงเฮิงซึ่งเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับทั้งสองมาก่อนแล้ว

เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายมาเพื่ออะไร

และเมื่อมองออกไปแล้วเขาก็ได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่าไม่สนใจ

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษตระกูลจ้าวได้หยุดเท้าลงพร้อมทั้งหันมองออกไปยังคนอื่นๆด้วยดวงตาที่ส่องประกายความระมัดระวังออกมาเพราะเขารู้ดีว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไรและมีความเป็นไปได้ที่จะต้องต่อสู้กับคนเหล่านี้

บรรพบุรุษตระกูลหวู นิกายสังหารเทพและนิกายตงเฮิงเองก็หันมองมาทางบรรพบุรุษตระกูลจ้าวและหันไปมองกันและกันด้วยสายตาที่ล้ำลึกและระมัดระวังอย่างมากเพราะว่าเป้าหมายของพวกเขาล้วนมีแบบเดียวกัน

หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็ต่างพากันเคลื่อนไหวพร้อมทั้งส่งกลิ่นอายอันทรงพลังอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

 

 

 


ตอนที่ 1459

 

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลทั้งสี่คนเปิดฉากโจมตีพร้อมๆกันแต่เป็นเพราะว่าระแวงซึ่งกันและกันทำให้ไม่ได้ใช้พลังเทวะของพวกเขาแต่ก็ยังสร้างคลื่นพลังที่รุนแรงอย่างมาก

หลินเทียนแสยะออกมาเพราะกล้าใช้ร่างกายเปล่าๆปะทะกับกายราชันที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเขา ?

“เหอะ ! ”

เขาปกป้องร่างกายของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเอาไว้ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดสวนออกไป

มันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้อัดกระแทกร่างของทุกคนจนทำให้ร่างกายของพวกเขาลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่ไม่ต่างไปจากหุ่นไล่กาท่ามกลางพายุ

“เจ้า……..”

เมื่อพยุงร่างตัวเองกลับขึ้นมาได้แล้วทั้งสี่คนก็ได้แต่ผงะไปเพราะว่าเขตแดนนิรันดร์อมตะมันกลับสามารถกระแทกร่างของพวกเขาจนปลิวได้แบบนี้

ถึงขั้นที่ว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเสมือนว่าร่างกายกำลังจะปริแตกเลยด้วยซ้ำ

มันเป็นหมัดที่บดขยี้ร่างของพวกเขาเลยก็ว่าได้

“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงอนันตกาลตอนปลายที่เพียงแค่ถูกกระแทกออกไปแต่ร่างกายยังไม่แหลกสลาย ”

หลินเทียนตอบกลับ

เป็นเพราะว่าระดับพลังของเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลซึ่งด้วยกายราชันที่แข็งแกร่งและแบกรับทัณฑ์สวรรค์มาครั้งแล้วครั้งเล่ามันทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งถึงขั้นที่น่ากลัวแต่การที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

เป็นเพราะว่าเขตแดนอนันตกาลตอนปลายมันแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

บรรพบุรุษตระกูลจ้าวและคนอื่นๆพากันจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเย็นชาเพราะแม้ว่าจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งเกินระดับพลังของตัวเองก็จริงแต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาอยู่ดี

นี่ทำให้พวกเขาพากันเปิดฉากโจมตีเข้าใส่อีกครั้ง

และมันเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาล้วนขับเคลื่อนพลังเทวะของตัวเอง

ทักษะเทวะอันทรงพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากถูกส่งออกมาจากทั้งสี่ทิศทางด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว

แกร๊ง ~!

แต่มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นเขตแดนอนันตกาลตอนปลายฟาดฟันเข้าใส่ทางบรรพบุรุษทั้งสี่ทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งรีบหันมองไปยังทิศทางที่คลื่นกระบี่ถูกส่งมา

หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับร่างๆหนึ่งสวมชุดคลุมสีม่วงเอาไว้กำลังพุ่งเข้าใกล้หลินเทียน

“ผู้อาวุโส ท่าน…..”

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งจดจำได้ทันที

“ในที่สุดก็พบเจ้าเสียที ”

ชายชราแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาซึ่งเขาคือบรรพบุรุษของตระกูลเจียงที่ได้รับคำขอจากเจียงเหลาเหลาที่เป็นกังวลหลังได้รับรู้ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่ว

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ต่อให้ข้าต้องพิการก็จะเอาเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัยให้ได้ ”

หลินเทียนนั้นมีบุญคุณต่อตระกูลของเขาอย่างมากที่นำเหลาเหลาซึ่งเป็นลูกหลานที่เขารักมากๆทำให้เขารู้สึกขอบคุณหลินเทียนอย่างสุดหัวใจดังนั้นในเมื่อบรรพบุรุษของทั้งสี่ขุมพลังใหญ่ต้องการจะจับตัวหลินเทียนไปแบบนี้แล้วก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้เขานิ่งเฉย

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องนำหลินเทียนกลับไปให้ได้และตราบเท่าที่กลับไปยังตระกูลแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรอีกเพราะที่ตระกูลของเขามีข่ายอาคมสังหารที่มีเพียงเขตแดนนิรันดร์แท้จริงมาด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะฝ่าเข้าไปได้ซึ่งเขารู้ดีว่าดาวดวงนี้ไม่มีตัวตนระดับนั้น

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากๆขอรับ ”

หลินเทียนแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ

เขารู้ดีว่าเป็นเพราะบุญคุณที่เขามีต่อเหลาเหลาถึงได้ทำให้อีกฝ่ายยอมช่วยเขาก็จริงแต่ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกขอบคุณอยู่ดี

“เจียงเฉินยี่ เจ้าหมายความว่าไง ”

น้ำเสียงนี้ถูกส่งออกมาจากทางบรรพบุรุษตระกูลจ้าวซึ่งแน่นอนว่าชื่อนี้คือชื่อของบรรพบุรุษตระกูลเจียง

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษของขุมพลังอื่นๆเองก็ต่างพากันจ้องมองไปทางเดียวกัน

บรรพบุรุษตระกูลเจียงหันมองออกไปทางพวกเขาทั้งสี่คนพร้อมทั้งพูดว่า

“พวกเจ้าแต่ละคนเองก็เป็นถึงบรรพบุรุษของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแต่กลับลงมือปล้นชิงสมบัติของรุ่นเยาว์นี่ไม่คิดว่ามันน่าอายบ้างหรือไง ? ”

คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ทำให้สีหน้าของบรรพบุรุษทั้งสี่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ

“เจ้าคิดจะเอามันไปเพื่อจะได้ครอบครองกลุ่มก้อนพลังงานนั่นภายหลังสินะ ? ”

บรรพบุรุษนิกายสังหารเทพส่งเสียงออกมา

สีหน้าของบรรพบุรุษตระกูลเจียงยังคงราบเรียบเพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย

“ถึงอย่างไรข้าก็คุ้มครองเด็กคนนี้ ”

เขาก้าวออกไปตรงหน้าของหลินเทียนพร้อมๆกับแผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรงถึงขั้นที่สีหน้าของคนอื่นๆตกต่ำลงอย่างมาก

“อย่างเจ้าน่ะรึคิดจะปกป้องมันไปจากเงื้อมมือของพวกเรา ? อย่าฝันไปหน่อยเลย ”

บรรพบุรุษตระกูลจ้าวส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพร้อมๆกับแผดกลิ่นอายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันออกมา

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษคนอื่นๆก็ล้วนแผดกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของพวกเขาออกมาพลางมองไปทางบรรพบุรุษตระกูลเจียงด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสด้วยซ้ำ

แม้ว่าตระกูลหวูเองก็จะมีความสัมพันธ์กับตระกูลเจียงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดีซึ่งหากว่าหมดผลประโยชน์ต่อกันเมื่อไหร่พวกเขาก็จะกลายเป็นศัตรูกันทันที

ตู้มมม ~!

ทั้งสี่คนล้วนแล้วแต่จ้องมองไปทางบรรพบุรุษตระกูลเจียงพลางก้าวเดินออกไปเพื่อจะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่

เป็นเพราะว่าการบรรพบุรุษตระกูลเจียงคิดจะหยุดพวกเขานั้นอย่างแรกที่พวกเขาต้องทำเพื่อให้ได้กลุ่มก้อนพลังงานมคือการจัดการกับสิ่งกีดขวางอย่างบรรพบุรุษตระกูลเจียงเสียก่อน

บรรพบุรุษตระกูลเจียงส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด

“ท่านผู้อาวุโส ”

หลินเทียนได้เอ่ยปากออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“รุ่นเยาว์ขอขอบคุณน้ำใจของท่านแต่ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองหรอกขอรับ รุ่นเยาว์ขอจัดการเอง ”

เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วก็ได้แต่ทำให้บรรพบุรุษตระกูลเจียงผงะไปพลางถามออกมาว่า

“เจ้าว่าอะไรนะ ? ”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอนันตกาลตอนปลายทั้งสี่แต่ทว่าหลินเทียนกลับต้องการจะลงมือด้วยตัวเอง ?

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นเพราะแม้กระทั่งบรรพบุรุษทั้งสี่เองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อย

หลินเทียนไม่ได้สนใจกลุ่มคนเหล่านี้ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมาพลางตอบกลับไปว่า

“รุ่นเยาว์เพียงต้องการให้ท่านช่วยปกป้องร่างกายหยาบของรุ่นเยาว์ก็เพียงพอแล้ว ”

เมื่อพูดจบแล้วเขาได้นั่งขัดสมาธิลงกับที่พร้อมทั้งเปิดโลกใบเล็กของตัวเองออกเพื่อสังเวยเอาร่างไร้วิญญาณของนิรันดร์แท้จริงออกมา

นี่ทำให้สีหน้าของคนอื่นๆที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

เป็นเพราะเมื่อมองออกไปยังร่างไร้วิญญาณตรงหน้าหลินเทียนแล้วมันทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริง

“ศพของนิรันดร์แท้จริง ?! ”

บรรพบุรุษตระกูลเจียงถึงกับอุทานออกมาอย่างดัง

เป็นเพราะว่าร่างนี้มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอาวุธนิรันดร์แท้จริงเป็นพันเป็นหมื่นเท่า

หลินเทียนพยักหน้าของเขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่หน้าผากของเขาจะเปล่งประกายแสงออกมาพร้อมทั้งส่งดวงวิญญาณเข้าไปสิงร่างไร้วิญญาณนี้

เมื่อผสานเข้ากับร่างไร้วิญญาณแล้วเขาก็ได้กระจายดวงวิญญาณออกไปทั่วทุกอณูของร่างพร้อมทั้งปรับสมดุลของมันแล้วลืมตากลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่ส่องประกายพลางแผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา

“ขอท่านผู้อาวุโสช่วยดูแลร่างของรุ่นเยาว์ด้วยนะขอรับ ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

หลังจากนั้นเองที่เขาได้พุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของฝ่ายตรงข้ามอย่างฉับพลันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

สีหน้าของบรรพบุรุษทั้งสี่ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะนอกจากกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงอันทรงพลังแล้วพวกเขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอื่นที่ทำให้หัวใจของพวกเขาได้แต่สั่นไหว

นี่ทำให้พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังแล้วพุ่งหนีไป

“อุส่าบากบั่นกันมานานกว่าจะพบข้า แล้วจะหนีไปไหนกันล่ะ ? ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

มันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้เหวี่ยงหมัดของศพออกไปอย่างไม่ยั้งมือ

ทึ้มมม ~!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาไม่ต่างจากเสียงระเบิดที่บดขยี้มิติโดยรอบจนแหลกสลายไปส่งผลให้บรรพบุรุษทั้งสี่ไม่สามารถเบี่ยงหลบการโจมตีเหล่านี้ได้

พุฟ พุฟฟ พุฟ พุฟฟ !

เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของพวกเขาต่างพากันระเบิดออกกลายเป็นกองเลือด

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายถูกบดขยี้ได้ภายในการโจมตีเดียว

“นี่มัน……”

จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ด้านหลังได้แต่โง่งมไปเพราะแม้จะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของร่างนี้แต่เมื่อได้เห็นภาพที่หลินเทียนเหวี่ยงหมัดบดขยี้ร่างของบรรพบุรุษทั้งสี่กับตาตัวเองแล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้

แม้กระทั่งบรรพบุรุษตระกูลเจียงเองก็มีสีหน้าทีแบบๆเดียวกัน

“ระยำเอ้ย ! ”

เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษทั้งสี่ก่อสร้างร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง

หลินเทียนที่ควบคุมร่างศพอยู่ในตอนนี้ได้หันมองออกไปทางบรรพบุรุษตระกูลจ้าวด้วยแววตาที่ส่องประกายความลึกล้ำก่อนที่จะพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน

นี่ทำให้ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวพลางส่งเสียงออกมาว่า

“เจ้า……”

หลินเทียนคว้ามือเข้าใส่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายพร้อมทั้งใช้สองมือของเขาฉีกมันออกอย่างโหดเหี้ยม

 

 

 


ตอนที่ 1460

 

ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลจ้าวได้แหลกสลายหายไปกลายเป็นเพียงประกายระยิบระยับเท่านั้น

นี่ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาตามๆกัน

“นี่มัน…..สุดๆไปเลย ! ”

จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงสั่นๆออกมา

แม้กระทั่งบรรพบุรุษตระกูลเจียงเองก็ยังผงะไปไม่น้อยเพราะการที่สามารถต่อยอัดร่างของเขตแดนอนันตกาลจนแหลกสลายแถมยังฉีกดวงวิญญาณของอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆได้นี่มันโหดเหี้ยมถึงขั้นทำให้หัวใจของเขาหวาดหวั่นไปทันที

บรรพบุรุษตระกูลหวูแหละคนอื่นๆที่ก่อสร้างร่างกายกลับมาเองถึงกับมีใบหน้าที่ซีดเผือดเป็นกระดาษ

“เจ้า….”

เมื่อมองออกไปทางหลินเทียนแล้วพวกเขาทั้งสามคนได้แต่สั่นไปด้วยความกลัวเพราะว่าศพที่หลินเทียนกำลังควบคุมอยู่นี้มันแข็งแกร่งจนเกินไป

หลินเทียนได้ส่งเสียงแสยะออกมาขณะที่ดวงตาที่กลวงโบ๋ของร่างไร้วิญญาณส่องประกายออกมาให้ความรู้สึกไม่ได้ต่างไปจากวิญญาณร้ายจากขุมนรกที่พร้อมจะกลืนกินพวกเขา

หลังจากนั้นเขาก็ได้เหวี่ยงหมัดอันทรงพลังออกไป

บรรพบุรุษตระกูลหวูและคนอื่นๆได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะที่ทรงพลังออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้

ตู้มมม ~!

คลื่นพลังทำลายอันแข็งแกร่งถูกส่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“เหอะ ”

หลินเทียนส่งเสียงแสยะออกมาก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดสวนกลับไป

มันเป็นหมัดธรรมดาๆไม่ใช่ทักษะเทวะใดๆแต่ทว่ากลับแฝงไปด้วยพลังทำลายล้างที่บดขยี้การโจมตีทุกอย่างของอีกฝ่ายจนสลายหายไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ร่างของทั้งสามคนได้ถูกกระแทกจนลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพร่างกายที่แตกร้าว

มันเป็นพลังทำลายที่สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง !

หัวใจของบรรพบุรุษตระกูลหวูและคนอื่นๆในตอนนี้ได้แต่สั่นสะท้านหลังจากทักษะเทวะของพวกเขาไร้ผลแถมหลินเทียนเองยังตอบโต้กลับมาเพียงแค่หมัดธรรมดาทว่ามันทรงพลังถึงขั้นที่ทำให้ร่างกายของพวกเขาแตกร้าว

นี่ทำให้สีหน้าของพวกเขาดูน่าเกลียดลงอย่างมากก่อนที่จะหันมองไปทางกันและกันพร้อมทั้งหันหลังพุ่งหนีไป

เป็นเพราะพวกเขาตระหนักดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถต่อกรกับหลินเทียนได้อย่างแน่นอน

“คิดจะหนีงั้นรึ ? ”

เสียงแสยะถูกส่งออกมาจากทางหลินเทียนขณะที่เขาพุ่งออกไปพร้อมทั้งสังเวยพลังเทวะที่หลงเหลืออยู่ออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้

นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปเนื่องจากมิติรอบข้างได้ถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

มันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ร่างของหลินเทียนได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่รอช้า

บรรพบุรุษทั้งหลายได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะรวมถึงปรากฏการณ์ทะเลความรู้ออกมารับเอาไว้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมัดอันไร้เทียมทานของหลินเทียนแล้วทักษะเทวะทั้งหมดของพวกเขากลับถูกบดขยี้จนกลายเป็นเสี่ยงๆเหลือไว้เพียงประกายระยิบระยับอยู่กลางม่านฟ้าเท่านั้น

“วิ้สส ! ”

หลินเทียนพุ่งผ่านอากาศออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของบรรพบุรุษตระกูลหวูอย่างรวดเร็ว

นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่รีบก้าวถอยหลังกลับไป

น่าเสียดายที่ความเร็วของหลินเทียนมันสูงกว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างมากพร้อมทั้งยื่นมือขวาออกไปคว้าร่างอีกฝ่ายเอาไว้

“ได้โปรด…”

“บึ้สส ~! ”

หลินเทียนได้ใช้มือขวาคว้าร่างของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งซัดมือซ้ายเข้าใส่อย่างโหดเหี้ยม

พุฟฟ ~!

อีกฝ่ายไม่สามารถเบี่ยงหลบไปไหนได้ก่อนที่ร่างกายของชายชราจะระเบิดออกเป็นชิ้นๆเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปอย่างยากลำบาก

หลินเทียนแสยะออกมาก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ดวงวิญญาณของชายชราอย่างจัง

มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปขณะที่คลื่นพลังทำลายกวาดออกไปรอบทิศทางทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆถึงกับรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน

บรรพบุรุษตระกูลหวูได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า

“ได้…….”

เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งตามออกมาก่อนที่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายจะแหลกสลายหายไป

หลังจากบรรพบุรุษตระกูลจ้าวแล้วตระกูลหวูก็ตกตายลงไปตามๆกัน

“เฮือก ! ”

บรรพบุรุษตระกูลเจียงที่อยู่ด้านหลังถึงกับอดสูดหายใจเข้าลึกไปไม่ได้เพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะควบคุมร่างของนิรันดร์แท้จริงสังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลตอนปลายถึงสองคนลงได้ง่ายๆแบบนี้

จระเข้เบญจธาตุถึงกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเพราะมันรู้สึกสะใจเป็นอย่างมากที่คนที่คิดปล้นชิงทรัพย์พวกเขาได้ตกตายลงเสียเองแบบนี้

เสี่ยวไท่ชูเองก็ส่งเสียงร้องออกมาพลางโบกกรงเล็บของมันเพื่อแสดงความรู้สึกแบบเดียวกับจระเข้เบญจธาตุออกมา

ด้านหน้าพวกเขาเหลือเพียงบรรพบุรุษสองคนจากนิกายสังหารเทพและนิกายต้าเฮิงที่มีสีหน้าที่ตกต่ำเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้

ชายชรานิกายสังหารเทพได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“สหายตัวน้อย พวกเราผิดเองที่คิดจะสร้างปัญหาให้กับเจ้า เฒ่าคนนี้ขออภัย มันพอจะมีวิธีให้เราญาติดีกันอีกได้รึไม่ ? ”

“คิดว่าสมองข้ามีปัญหาหรือไงกัน ? ”

หลินเทียนแสยะออกมา

เป็นเพราะกลุ่มคนเหล่านี้คิดจะฆ่าชิงทรัพย์ของเขาแล้วหลังจากที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ถึงได้อยากให้เขาปล่อยมันไป ? คิดว่าเขาเป็นคนโง่หรือไงกัน ?

เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา

หลังจากนั้นก็ยังทำเพียงแค่เหวี่ยงหมัดออกไปอย่างจังเท่านั้น

อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธและหวาดกลัวออกมาในเวลาเดียวกันพร้อมทั้งสังเวยอาวุธอนันตกาลตอนปลายออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้

สัจธรรมทั้งหลายของอีกฝ่ายได้แหลกสลายหายไปก่อนที่อาวุธอนันตกาลจะแตกร้าวและระเบิดออก

“น่าเสียดายจริงๆ ”

จระเข้เบญจธาตุรู้สึกเสียดายอย่างมากเพราะอาวุธที่ล้ำค่าแบบนั้นกลับถูกทำลายลงแบบนี้

วินาทีที่มันถอนหายใจออกมา หมัดของหลินเทียนก็ได้บดขยี้ทุกสิ่งอย่างลงจนไม่มีเหลือก่อนที่จะปะทะเข้ากับร่างของชายชราอย่างจัง

“ทึ้มม ~! ”

หมัดอันทรงพลังส่งเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวออกมา

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะเบี่ยงหลบได้ดังนั้นถึงได้แหลกสลายเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พยายามจะพุ่งหนีไปแต่ก็ถูกหลินเทียนคว้าเอาไว้แล้วฉีกออกจนตายทั้งเป็น

ณ ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่มาที่นี่ทั้งหมดเหลืออยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

หลินเทียนหันมองออกไปทางชายชราคนสุดท้ายพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป

“สหายตัวน้อยโปรดเมตตา ! เฒ่าคนนี้พร้อมชดใช้ตราบเท่าที่สหายตัวน้อยต้องการอะไรข้าก็จะสนองให้โดยทันที ”

ชายชราส่งเสียงสั่นๆออกมาเพราะไม่อยากจะตายไปเหมือนๆกับคนอื่นๆ

เป็นเพราะหากตายลงแล้วก็จะไม่หลงเหลืออะไรอีกต่อไป

“ไม่จำเป็นหรอก หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าไปแล้วทุกอย่างที่เจ้าครอบครองก็จะกลายเป็นของข้าอยู่ดี ”

หลินเทียนพูดออกมา

นี่ทำให้ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า

“นี่เจ้า…คิดจะ…ทำลายขุมพลังของข้า ?! ”

เป็นเพราะแม้ว่าภายในนิกายของเขามีทั้งข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริงและอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ก็จริงแต่ทว่าหลินเทียนกลับมีร่างของนิรันดร์แท้จริงอยู่ดังนั้นหากว่าหลินเทียนอาศัยร่างนี้บุกเข้าไปก็จะไม่มีใครสามารถขวางทางหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย

“มันก็ต้องดูก่อนว่าพวกเจ้าต้อนรับข้าอย่างไร หากว่ายังกล่าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าเพื่อชิงเอาสมบัติของข้าแล้วข้าก็จะทำลายมันทิ้งไปแต่หากว่าพวกมันว่านอนสอนง่ายข้าก็แค่ชิงเอาสมบัติพวกมันแล้วปล่อยพวกมันไป ”

หลินเทียนตอบกลับ

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน

“หยุด……”

“พุฟฟ ! ”

หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของชายชราจนแหลกสลายหายไปพร้อมทั้งบดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไปอย่างไม่รอช้า

นับนากนี้เป็นต้นไป บรรพบุรุษของขุมพลังทั้งสี่ได้ตกตายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว !

“นี่….”

บรรพบุรุษตระกูลเจียงที่อยู่ห่างออกไปได้แต่จ้องมองไปทางเขาด้วงดวงตาที่หดเล็กลงอย่างมาก

การที่สามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลตอนปลายได้สี่คนภายในเวลาสั้นๆนี้มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงหัวเราะออกมาว่า

“ตราบเท่าที่มีร่างๆนี้เราไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนิรันดร์แท้จริงอย่างสมบูรณ์ ”

เป็นเพราะความแข็งแกร่งที่หลินเทียนแสดงออกมามันน่าตกตะลึงอย่างมาก

หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสนามรบเองก็ได้หันหลังพุ่งออกไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างกายหยาบของเขาพร้อมทั้งกลับคืนร่างเก่าแล้วเก็บเอาร่างนิรัดนร์แท้จริงกลับเข้าไปภายในโลกใบเล็กของเขา

“ไม่สะดวกเท่าร่างกายของตัวเองจริงๆ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

เป็นเพราะว่าร่างนี้มันแข็งแกร่งเกินไปทำให้ดวงวิญญาณที่ใช้ควบคุมมันเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน

หลังจากนั้นเขาก็ได้หันไปพูดขอบคุณบรรพบุรุษตระกูลเจียงว่า

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากๆขอรับ ”

บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้ส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า

“อย่าขอบคุณไปเลย เฒ่าคนนี้ไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ ”

เป็นเพราะว่าก่อนที่จะออกมาเขาคิดไว้แล้วว่าพร้อมที่จะเสียสละเพื่อปกป้องหลินเทียนกลับไปให้ได้แต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะมีร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่แถมยังใช้มันสังหารศัตรูลงได้ง่ายๆแบบนี้นี่มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูกไปทันทีเพราะเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาเลยด้วยซ้ำ

“ท่านผู้อาวุโส แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำอะไรแต่แค่คิดที่จะช่วยรุ่นเยาว์ก็ทำให้รุ่นเยาว์ซาบซึ้งแล้วดังนั้นต้องขอบคุณขอรับ ”

หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้โบกมือพร้อมทั้งพูดว่า

“เอาล่ะ แล้วคิดจะไปไหนต่อ ? กลับไปที่ตระกูลเจียงกับเฒ่าคนนี้ไหม เหลาเหลาดูเป็นห่วงเจ้ามากเลยนะ ”

 

 

 


ตอนที่ 1461

 

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“รุ่นเยาว์ยังมีเรื่องวุ่นให้จัดการอีกพักหนึ่งดังนั้นขอช่วยท่านผู้อาวุโสกลับไปบอกเหลาเหลาด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วรุ่นเยาว์จะกลับไปหลังจากที่เสร็จเรื่องทางนี้แล้ว”

บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้แต่ผงะไปเพราะแม้จะได้ยินอยู่ว่าหลังจากที่จัดการบรรพบุรุษทั้งหลายไปแล้วหลินเทียนจะมุ่งตรงไปยังขุมพลังของนิกายตงเฮิงเพื่อปล้นเอาทรัพยากรทั้งหมดไปดังนั้นแล้วก็คงไม่ปล่อยขุมพลังอื่นๆเอาไว้แน่ๆ

ณ ตอนนี้เขาก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“เอาล่ะ งั้นเฒ่าคนนี้ไม่รบกวนเจ้าแล้วกันเพราะในเมื่อสหายตัวน้อยมีร่างนิรันดร์แท้จริงแล้วขุมพลังทั้งสี่ก็คงไม่มีทางต่อต้านเจ้าได้อย่างแน่นอน ”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นร่างที่แข็งแกร่งอย่างมากและเพียงแค่ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็เพียงพอที่จะสามารถทำลายล้างข่ายอาคมทั้งหมดลงได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่เรื่องที่เขาได้ยินมาจากเหลาเหลาก่อนแล้วว่าหลินเทียนนั้นถือครองอาวุธนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ดังนั้นก็คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก

“หลังจากที่จัดการเรื่องทั้งหมดแล้วก็ตามมาที่ตระกูลของเราแล้วกัน พวกเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างใหญ่โตเลยล่ะ ”

เขาพยักหน้าให้กับหลินเทียนด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนได้แต่มองออกไปจนร่างของชายชราเลือนหายไปก่อนที่จะหันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูแล้วพูดว่า

“ไปเยี่ยมขุมพลังทั้งหลายกันเถอะ ”

“ขุมพลังทั้งสี่นั้นมีอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ดังนั้นเราก็ไปชิงกลับมาให้หมดกันเลย ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะ ! ”

ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมา

ณ ตอนนี้พวกเขาต่างพากันเหาะออกไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

แทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่ขุมพลังทั้งหลายต่างสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวหลังจากที่พบว่าตะเกียงวิญญาณของบรรพบุรุษตัวเองได้ดับลง

“นี่ท่าน…บรรพบุรุษ…ได้ตกตายลงแล้ว ?! ”

“ไม่ใช่ว่าท่านบรรพบุรุษออกไปแกะรอยตามชายที่ครองครองกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดวีนั่นหรือไง…….”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”

“ท่านบรรพบุรุษเป็นถึงอนันตกาลตอนปลาย ! ไม่ใช่ว่าชายคนนั้นยังไม่อยู่ในเขตแดนอนันตกาล ?! เป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถสังหารท่านได้…..”

“นี่……”

ขุมพลังทั้งสี่พากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาตามๆกัน

หลินเทียนเองก็พากันเหาะต่อไปโดยที่ก้าวข้ามภูเขาและแม่น้ำไปมากมาย

หลังจากที่ผ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็พากันมุ่งหน้าเข้าไปภายในตระกูลจ้าวโดยทันที

“บรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ถูกพวกเราสังหารไปแล้วดังนั้นหากว่ายังรู้ขีดจำกัดก็อย่าขัดขืนแล้วส่งมอบสมบัติทั้งหมดมาไม่งั้นพวกข้าจะทำลายล้างขุมพลังพวกเจ้าทิ้งให้หมด ! ”


จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

ระหว่างนี้มันก็ได้สร้างภาพร่างจิตสัมผัสขณะที่หลินเทียนใช้ร่างนิรันดร์แท้จริงสังหารบรรพบุรุษทั้งหลายของอีกฝ่ายไปจนหมดทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบถึงกับหวาดหวั่นไปตามๆกัน

หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้สังเวยเอาร่างนิรันดร์แท้จริงออกมาพร้อมทั้งสวมวิญญาณเข้าใส่พลางปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมาทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา

“พะ….พวกเราจะไม่ต่อต้าน”

ผู้นำตระกูลจ้าวส่งเสียงสั่นๆออกมาพลางพูดต่อว่า

“พวกเราจะยกสมบัติทุกอย่างให้แต่โดยดี ”

เป็นเพราะว่าบรรพบุรุษของพวกเขาได้ถูกสังหารลงไปแล้วส่วนผู้อาวุโสสูงสุดเองก็ถูกฆ่าตายไปก่อนนานแล้วทำให้ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางเท่านั้นแล้วจะให้ไปสู้กับหลินเทียนได้อย่างไรกัน ? ต่อให้มีข่ายอาคมและอาวุธนิรันดร์แท้จริงก็ไม่เพียงพอที่จะต่อต้านได้และจะจบลงที่ตระกูลพวกเขาที่ต้องล่มสลาย

“เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะว่าตระกูลจ้าวไม่สามารถต่อต้านเขาได้ดังนั้นถึงได้รีบชิงเอาทรัพยากรทั้งหมดไปรวมถึงอาวุธนิรันดร์แท้จริง อาวุธอนันตกาลและคริสตัลวิญญาณกว่าแสนล้านกิโลกรัมและยาทิพย์อื่นๆอีกมากมาย

“ทำใจซะเถอะ ทีหลังก็อย่าคิดว่าตระกูลตัวเองแข็งแกร่งถึงได้กล้าไปยั่วยุคนอื่นๆเอาง่ายๆไม่งั้นจะไปเจอเข้ากับคนที่พวกเจ้าไม่สามารถล่วงเกินได้อีก ”

หลินเทียนพูดออกมา

ท้ายที่สุดเขาก็ได้กวาดสายตามองไปยังผู้นำตระกูลจ้าวและคนอื่นๆก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

ใบหน้าของผู้นำตระกูลจ้าวและคนอื่นๆในตอนนี้ซีดเผือดเป็นอย่างมากและได้แต่มองหลินเทียนเดินจากไปพร้อมๆกับสมบัติของพวกเขาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดรวดร้าวแต่ก็ทำได้เพียงแต่กัดฟันเอาไว้จนถึงช่วงที่หลินเทียนและคนอื่นๆจากไปแล้วส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเท่านั้น

หลินเทียนและคนอื่นๆได้เดินทางออกไปจากตระกูลจ้าวไปไกลมากแล้วก็จริงแต่ก็สามารรถได้ยินเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวได้อยู่ดีทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรและมุ่งหน้าต่อไปยังขุมพลังอื่นๆ

เป็นเพราะว่ามันเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ดังนั้นที่ตั้งถึงได้ไม่เป็นความลับอะไร

ไม่นานพวกเขาก็พากันมุ่งหน้าไปถึงนิกายตงเฮิง นิกายสังหารเทพพร้อมทั้งสังเวยเอาร่างนิรันดร์แท้จริงออกมาขณะที่จระเข้เบญจธาตุฉายภาพร่างจิตสัมผัสตอนที่สังหารบรรพบุรุษทั้งหลายออกไปทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าขัดขืนและยอมส่งมอบสมบัติทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง

ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไปถึงตระกูลหวูเป็นที่สุดท้าย

พลังฉีภายในสถานที่แห่งนี้เข้มข้นและไม่ธรรมดาแถมยังรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายซึ่งหลังจากที่พวกเขาก้าวเข้ามาแล้วก็ฉายภาพแบบเดียวกันออกไปทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่พากันสั่นไหวไปตามๆกัน

แต่แน่นอนว่าคนที่หวาดกลัวที่สุดนั้นคือนายน้อยตระกูลหวูอย่างหวูซี่ที่มีใบหน้าซีดเผือดเนื่องจากเขาเคยส่งมือสังหารออกไปฆ่าหลินเทียนถึงสองครั้งแต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งถึงขั้นที่ถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ทำให้สังหารได้แม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลตอนปลาย

เขาเป็นคนส่งคนออกไปสังหารหลินเทียนถึงสองครั้งแต่ไม่คิดเลยว่าคนๆนั้นจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้

ณ ตอนนี้เขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนพร้อมๆกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า

“สหาย…หลิน……”

“ไงเจ้าหวูซี่ ได้พบกันอีกแล้วนะ ”

จระเข้เบญจธาตุได้เย้ยหยันออกมา

หลินเทียนไม่อยากจะสนทนากับอีกฝ่ายพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งออกไป

พุฟฟ ~

ร่างของหวูซี่ได้ระเบิดออกพร้อมๆกับดวงวิญญาณที่แหลกสลาย

“บรรพบุรุษของเจ้าถูกสังหารลงเพราะคิดจะชิงเอาสมบัติของข้า ”

หลังจากนั้นเขาก็ได้หันไปมองที่ผู้นำตระกูลหวูและคนอื่นๆพลางพูดว่า

“ข้าเป็นคนที่ไม่ชอบถูกเอาเปรียบดังนั้นในเมื่อบรรพบุรุษของพวกเจ้าคิดจะฆ่าข้าดังนั้นตระกูลของเจ้าก็ต้องชดใช้ดังนั้นจงส่งมอบอาวุธนิรันดร์แท้จริงและสมบัติอื่นๆมาซะแล้วข้าจะทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่งั้นชะตากรรมของพวกเจ้าจะกลายเป็นแบบเดียวกันกับของตำหนักป้าว ”

นี่ทำให้ผู้นำตระกูลหวูและคนอื่นๆได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวเพราะพวกเขาเห็นภาพร่างจิตสัมผัสที่จระเข้เบญจธาตุแสดงออกมาดีว่าถึงอย่างไรก็สามารถต่อต้านหลินเทียนได้ถึงแม้จะใช้อาวุธนิรันดร์แท้จริงและข่ายอาคมสังหารก็ตามที

หลังจากที่พวกเขาทำแบบนั้นไปแล้วขุมพลังของพวกเขาก็จะกลายเป็นอดีตไปทันทีซึ่งการที่ขุมพลังที่สืบเชื้อสายกันมาเนิ่นนานต้องล่มสลายลงแบบนี้มันใช่ความเสี่ยงที่พวกเขาจะรับได้

พวกเขายังไม่อยากตายและไม่อยากให้ตระกูลของตัวเองต้องหายไปจากดาวดวงนี้

“เรา……ยอมจำนน ! ”

ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งได้ส่งเสียงกัดฟันพูดออกมา

“ดีมากๆ ”

หลินเทียนตอบกลับ

เขา จระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆต่างพากันยึดเอาทรัพยากรทั้งหมดไปก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไปจากสถานที่แห่งนี้

“อ๊ากก !!!”

ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้มีอำนาจทั้งหลายพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บแค้น

………..

หลินเทียนและคนอื่นๆพากันจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็จากสถานที่แห่งนี้ไปไกลแสนไกลขณะที่จระเข้เบญจธาตุแสดงท่าทางที่ตื่นเต้นออกมา

“ครั้งนี้โชคดีไม่น้อยเลยนะ ! ”

เป็นเพราะหากรวมเอาทรัพยากรทั้งหมดที่ได้มานั้นพวกเขาได้รับอาวุธนิรันดร์แท้จริงถึงสี่ชิ้น อาวุธอนันตกาลอีกยี่สิบหกชิ้น คริสตัลวิญญาณกว่าสี่แสนล้านกิโลกรัมและอื่นอีกมากมาย

หลินเทียนสังเวยเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงสองชิ้นออกมาพร้อมทั้งลบตราประทับมันออกแล้วส่งให้กับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชู

“ยาทิพย์ของขุมพลังเหล่านี้น่าจะเพียงพอที่จะทำให้พวกเจ้าตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะกันได้ หาที่เหมาะๆดูดกลืนมันแล้วกัน ”

เขาพูดออกมา

“ได้ ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน ”

ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุเปล่งประกายออกมา

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งค้นหาสถานที่ปลอดภัยๆที่อยู่ไม่ไกลก่อนที่จะวางข่ายอาคมปิดกั้นเอาไว้และเอายาทิพย์ทั้งหลายออกมาซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูมากนักแต่หากนำมันมารวมกันแล้วก็คงเพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)