Divine King of All Directions 1454-1457
ตอนที่ 1454
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ในมือของหลินเทียนแล้วมันก็ทำให้เขาได้แต่รู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมากซึ่งแม้ว่ากระดูกทั้งร่างจะแหลกสลายไม่มีเหลือหรือการบ่มเพาะถูกทำลายไปแต่ก็ยังไม่อยากตายถึงได้แพร่พรายเรื่องขุมสมบัติสวรรค์ที่เป็นความลับสุดยอดของขุมพลังพวกเขาออกไปเพื่อจะยื้อชีวิตของตัวเองเอาไว้
“ที่นั่น ……..มันเต็มไปด้วยสมบัติมากมายถึงขั้นสมบัตินิรันดร์แท้จริงแต่เป็นเพราะระดับพลังของพวกเราไม่มากพอทำให้ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้แต่ด้วยระดับพลังของเจ้าแล้วมันจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ! นี่……มันเป็นความลับสูงสุดของตำหนักเรา ข้ายอมบอกเข้าทั้งหมดแลกกับเรื่องที่ขายเจ้าให้กับตระกูลจ้าว…..อย่าฆ่าข้า ”
เขาได้ส่งเสียงโอดครวญออกมาระหว่างนี้ก็รู้สึกเสียใจอย่างมากที่นำเรื่องของหลินเทียนไปขายให้กับตระกูลจ้าวไม่งั้นแล้วเขาก็คงจะไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“ไอ้ชาติชั่ว นี่เจ้า…..”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายที่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลต่างพากันแสดงสีหน้าที่ดุร้ายและโกรธจัดออกมาหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้
เพราะต้องรู้ก่อนนะว่าสถานที่แห่งนั้นมันเป็นความหวังของตำหนักพวกเขาถึงแม้ในตอนนี้จะไม่สามารถเปิดที่นั่นออกมาได้แต่ทว่าในอนาคตเมื่อระดับพลังของพวกเขาค่อยๆสูงขึ้นก็เชื่อว่าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วตำหนักของพวกเขาจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดถึงขั้นที่สามารถกลายเป็นขุมพลังระดับเดียวกับตระกูลจ้าวได้ในอนาคต
ทว่าตอนนี้ความลับเหล่านั้นได้ถูกเปิดเผยออกไปหมดแล้ว
“นี่…..”
“นี่ตำหนักเรามีความลับแบบนี้อยู่ด้วย ?! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่โดยรอบพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า
“สถานที่บ่มเพาะของนิรันดร์แท้จริง…..”
“ปล่อยลูกชายของข้า ! อย่าฆ่าเขา ! ”
จ้าวตำหนักส่งเสียงออกมาขณะที่ปากกลบไปด้วยเลือดหลังจากที่ถูกคลื่นพลังอสูรของจระเข้เบญจธาตุกระแทกปลิวออกไปไกล
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมทั้งหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ร่างของยี่ชวน
กระบี่ในมือของเขาได้ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาอย่างเข้มข้น
“ไม่…อย่าฆ่าข้า ! ได้โปรด ! จริงๆนะ ! ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องจริง ! ……ข้าผิดไปแล้ว ! ข้า…ยังไม่อยากตาย ! ”
ยี่ชวนส่งเสียงโห่ร้องออกมาไม่หยุด
หลินเทียนได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
เป็นเพราะว่าสำหรับเขาแล้วคนที่ทดแทนคุณด้วยโทษแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องให้อภัยเลยด้วยซ้ำ
“พุฟฟ ! ”
คลื่นกระบี่อันทรงพลังของเขาได้แปรเปลี่ยนร่างของอีกฝ่ายกลายเป็นกองเลือดไปอย่างฉับพลัน
นี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“ไม่ !!! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากทางจ้าวตำหนัก
“ทำตัวเองแท้ๆ ”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบอยู่อย่างเคยพร้อมทั้งมองลงไปยังกระบี่ที่ตกอยู่ที่พื้นซึ่งรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายซึ่งแน่นอนว่ามันคืออาวุธอนันตกาลที่อีกฝ่ายใช้แลกมาด้วยข้อมูลของเขา
เขาโบกมือคว้ามันขึ้นมาลบตราประทับออกแล้วเก็บกลับไป
“ไปกัน ”
เขาส่งเสียงออกมาเพราะไม่มีความจำเป็นอะไรต้องสร้างความเสียหายให้คนอื่นๆพลางหันหลังเดินจากไป
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็พากันเหาะตามหลังเขาไป
“อ๊ากก ~! ”
เสียงคำรามถูกส่งออกมาขณะที่ดวงตาของจ้าวตำหนักเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำพลางส่งเสียงกู่ร้องออกมาว่า
“ไอ้ระยำ ! เจ้ากล้าสังหารลูกชายข้า ! ข้าไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่ๆ ! ”
ตู้มมม ~!
หน้าผากของเขาส่องประกายแสงอันเข้มข้นออกมาพร้อมทั้งสร้างภาพร่างของหลินเทียนในช่วงที่เก็บเอาก้อนพลังงานเจ็ดสีออกมาพร้อมส่งมันไปพร้อมๆกับคำพูดที่ว่า ‘กลุ่มก้อนพลังงานในตำนานได้ถูกชายคนนี้เก็บกู้ไปแล้ว ! เขามีวิธีการพิเศษบางอย่างที่สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ หากว่าจับตัวเขาเอาไว้ได้ก็จะสามารถได้รับวิธีการแบบเดียวกัน ! ’
มันเป็นภาพร่างจิตสัมผัสที่อัดแน่นไปด้วยพลังที่พุ่งผ่านออกไปสุดขอบฟ้า
หลินเทียนได้หยุดเท้าของเขาลงพร้อมทั้งหันมองกลับไปทางจ้าวตำหนักด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุด
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงคำรามออกมาว่า
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เป็นเพราะว่าแม้ระดับพลังของอีกฝ่ายจะไม่ได้สูงมากทำให้ไม่มีทางที่จะส่งมันไปทั่วทั้งดาวได้แต่ตราบเท่าที่มีผู้เชี่ยวชาญพบเห็นมันก็จะทำให้ข่าวเรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วเนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับกลุ่มก้อนพลังงานนำตำนานนั้น
เนื่องจากสำหรับทุกคนบนดาวดวงนี้แล้วมันถือเป็นสมบัติที่แม้แต่เขตแดนอนันตกาลตอนปลายเองก็ยังต้องอิจฉา
หลังจากนี้ขุมพลังต่างๆก็จะพากันพุ่งเป้ามาที่หลินเทียนเพื่อพยายามจะฆ่าเขา
จ้าวตำหนักได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยว่า
“ไอ้ชาติชั่ว ! เจ้ารอก่อนเถอะ ! กล้าสังหารลูกชายของข้าเจ้าก็จะไม่ได้ตายดีเหมือนกัน ! หลังจากนี้นอกจากตระกูลจ้าวแล้วขุมพลังอื่นๆทั่วทั้งดาวก็จะรวมตัวกันสังหารเจ้า ! ”
เขาได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังกึกก้องเสมือนผีร้ายที่บ้าคลั่งก็ไม่ปาน
หลินเทียนโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันเย็นยะเยือกพุ่งทะลวงผ่านร่างของอีกฝ่ายเพื่อทำลายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณของมันไปทันที
“ท่าน……จ้าวตำหนัก ! ”
เหล่าศิษย์ต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆเองก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุกกันไม่หยุด
และมันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดออกมาจากร่างของหลินเทียนอย่างรุนแรงพร้อมทั้งทำให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวไม่หยุด
“นี่มัน..เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางขั้นปลาย ?! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าคนที่รุกล้ำเข้ามาในขุมพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าบรรพบุรุษก่อตั้งของพวกเขาด้วยซ้ำ
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวพลางรู้สึกโกรธแค้นในตัวสองพ่อลูกที่กล้าชักนำตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มา
“ตู้มม ~! ”
ทักษะเทวะเขตแดนนิรันดร์อมตะได้ปะทุออกมาจากร่างของหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นเองที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ม่านฟ้าเหนือสถานที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าสีเงินที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายทำลายล้างของทัณฑ์สวรรค์
“ตำหนักแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไปแล้ว หากว่ายังไม่อยากตายก็ออกไปซะ ข้าให้เวลาสิบลมหายใจ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อชำระความแค้นที่ยี่ชวนหักหลังของพวกเขาและคิดว่าหลังจากที่ให้อีกฝ่ายได้ชดใช้ความผิดแล้วก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับคนอื่นๆทว่าตอนนี้จ้าวตำหนักของพวกมันกลับทำเรื่องแบบนี้ลงไปทำให้เขายิ่งโกรธจัดขึ้นไปอีกถึงได้คิดจะทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก
ตู้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังโลดแล่นอยู่บนฟากฟ้าเสมือนว่าต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยปรากฏการณ์ที่ทำให้เขาดูไม่ต่างไปจากเทพสายฟ้า
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันสั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณ
“พวกเรา..จะไปเดี๋ยวนี้ ! ”
หลายๆคนส่งเสียงสั่นๆออกมาพร้อมทั้งรีบหันหลังแล้วจากไปอย่างไม่รอช้า
ระหว่างนี้คนอื่นๆก็พากันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งวิ่งออกไปอย่างไม่ลังเลทำให้มีเสียงฝีเท้าถูกส่งออกมาอย่างดัง
เป็นเพราะพวกเขาล้วนตระหนักดีว่าคำพูดของหลินเทียนนั้นหมายความว่าเขาต้องการจะทำลายที่นี่ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ยังอยู่ก็จะกลายเป็นศัตรูกับหลินเทียน แล้วใครจะกล้าอยู่ต่อ ? อีกฝ่ายเป็นถึงนิรันดร์อมตะที่ขนาดต่อให้บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตำหนักเองฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ยังสามารถสังหารลงได้ด้วยมือเดียวแล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ ?
หากว่าพวกเขายังฝืนอยู่ต่อก็จะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น
แล้วนี่จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร มันทำให้ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่พวกเขากำลังวิ่งออกไปนั้นเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนจ้าวสวรรค์ทั้งหลายเองก็รีบพากันเคลื่อนไหวเช่นกันเพราะพวกเขารู้ดีว่าอยู่ต่อไปก็มีแต่ตาย
“ไอ้ระยำสองพ่อลูกนั่น ! ”
พวกเขารู้สึกโกรธจัดอย่างมากถึงขั้นที่อยากจะชุบชีวิตพวกมันขึ้นมาแล้วส่งมันกลับไปขุมนรกด้วยตัวเองเนื่องจากการที่พวกมันล่วงเกินหลินเทียนไปทำให้ขุมพลังที่อยู่มาเนิ่นนานต้องล่มสลายลง
“วิ้สส ! ”
“วิ้ส ! ”
“วิ้สส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดและเหล่าศิษย์พากันพุ่งหนีออกไปเพราะกลัวว่าหลินเทียนจะสังหารพวกเขา
จระเข้เบญจธาตุหันมองไปทางกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งแสยะออกมาอย่างเย็นชาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าของหลินเทียนได้ส่งคลื่นมังกรสายฟ้าสีเงินอันทรงพลังผ่าลงมาใจกลางตำหนักแห่งนี้
“ตู้มมม ~! ”
มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปขณะที่ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่และเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นซากปรักหักพังเท่านั้น
ตอนที่ 1455
ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอันทรงพลังได้ถล่มลงมาอย่างรุนแรงก่อนที่จะทำลายสถานที่แห่งนี้จนสิ้นซากไม่มีเหลือ
“ไปกัน ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งหันไปพูดกับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป
“แม้ว่าจะทำลายสถานที่แห่งนี้ให้ระบายความโกรธได้ก็จริงแต่อะไรๆก็ไม่ได้เปลี่ยนไป หลังจากนี้ลำบากกันแล้วสิเรา ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
เรื่องที่เจียงยี่ชวนนำเรื่องของเขาไปขายให้กับตระกูลจ้าวนั้นทำให้พวกเขาต้องระแวงเพียงแค่ตระกูลเดียวทว่าตอนนี้การกระทำของอีกฝ่ายทำให้เขาเชื่อเลยว่าไม่นานหลังจากนี้ขุมพลังทั้งดาวจะต้องออกมาไล่ล่าเขา
“ก็รับมือตามกำลังที่มีแล้วกัน ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
เป็นเพราะว่าเรื่องที่จระเข้เบญจธาตุคิดได้เขาก็คิดได้เหมือนๆกันแต่เอาเวลาไปสนใจมันก็เสียเวลาเปล่าๆ
“รู้อยู่แล้วล่ะว่าเจ้าจะพูดแบบนี้ ”
จระเข้เบญจธาตุได้แสยะยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“แล้วเราจะไปไหนกันดี ไปหาแม่หนูตุ๊กตาที่ตระกูลเจียงกันไหม ท ”
“อย่าเพิ่งรีบไปกันก่อน ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เราควรจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่บ่มเพาะของนิรันดร์แท้จริงตามที่เจียงยี่ชวนมันว่าเอาไว้ก่อน ”
นี่ทำให้ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาออกมาโดยทันทีเพราะจากที่ได้ยินมานั้นถ้ำบ่มเพาะมันอยู่ภายในหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปไกลแถมยังเป็นสถานที่บ่มเพาะของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
“แค่มองก็รู้ว่าไอ้เวรนั่นมันไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน ที่นั่นน่าจะมีถ้ำบ่มเพาะหลงเหลืออยู่จริงๆแถมยังเป็นของเขตแดนนิรันดร์แท้จริงด้วย ”
มันพูดออกมา
เป็นเพราะว่าก่อนที่หลินเทียนจะฆ่ายี่ชวนไปนั้นอีกฝ่ายได้แพร่งพรายเรื่องเหล่านี้ออกมาเพื่อให้หลินเทียนปล่อยมันไปซึ่งเขาเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่คาดหวังของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีแถมยังสังเกตุเห็นสีหน้าที่โกรธจัดของผู้อาวุโสทั้งหลายที่ยืนยันได้ว่าสิ่งที่ยี่ชวนพูดออกมานั้นเป็นความจริง
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“ไปกันเถอะ ”
ณ ตอนนี้พวกเขาต่างพากันเหาะออกไปตามเส้นทางที่ยี่ชวนว่าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
……….
ณ ตอนนี้มันเป็นตอนที่ดาวทั้งดวงถึงกับลุกฮือขึ้นอย่างฉับพลัน
เป็นเพราะเรื่องที่พ่อของยี่ชวนได้เผยแพร่ออกไปนั้นได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะแพร่ลามไปทั่วทั้งดาวทำให้คนทั้งดาวรู้เรื่องนี้กันหมด
“นี่มีคนสามารถเก็บเอากลุ่มก้อนพลังในตำนานนั่นไปได้แล้ว ?! เรื่องแบบนี้มันต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าขุมพลังเองก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำแต่…….”
“นี่เขามีวิธีการพิเศษในการเก็บเกี่ยวมัน ?! ตราบเท่าที่ได้รับทักษะนั้นมาแล้วใครๆก็สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ ?! ”
“นี่…”
หลายๆคนได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
ขุมพลังใหญ่ทั้งหลายเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“ไปหาตัวแล้วเอามันกลับมาให้ได้ ”
ผู้มีอำนาจทั้งหลายพากันสั่งการออกไปแบบๆเดียวกัน
ระหว่างนี้เหล่าผู้อาวุโสและผู้นำตระกูลจ้าวเองก็กำลังรอให้บรรพบุรุษออกมาเพื่อให้ออกไปจัดการกับหลินเทียนด้วยตัวเองซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาเองก็รู้เรื่องข่าวลือนี้เช่นเดียวกัน
“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”
หนึ่งในผู้อาวุโสได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเพราะพวกเขาตรวจสอบภาพร่างจิตสัมผัสนั้นแล้วว่ามันเป็นของพ่อของยี่ชวนซึ่งมันทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสหลายคนถึงกับบิดเบี้ยวไปด้วยความคับแค้น
ในตอนที่ยี่ชวนนั้นได้แลกเปลี่ยนข้อมูลของหลินเทียนกับพวกเขาก็ได้เอ่ยปากเตือนไว้ก่อนแล้วว่าหากเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปอีกก็จะทำให้ตำหนักป้าวหายไปจากดาวดวงนี้
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายผิดข้อตกลงของพวกเขาแถมยังบอกเล่าเรื่องนี้ให้กับพ่อตัวเองแล้วสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็แพร่ไปทั่วทั้งดาวทำให้ต่อให้บรรพบุรุษของพวกเขาออกไปก็ยังต้องแย่งชิงกับคนอื่น
“ไปทำลายตำหนักป้าวให้ราบเป็นหน้ากลอง ! ”
หนึ่งในผู้อาวุโสส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกโกรธถึงขีดสุดทำให้จิตสังหารของพวกเขาพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่จำเป็น ! ”
ผู้นำตระกูลจ้าวส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธจัดอย่างมากพลางพูดต่อว่า
“ข้าเดาว่าที่นั่นน่าจะถูกทำลายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหรอก ”
นี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
“อีกฝ่ายเองก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ออกมาด้วยตัวเองเพราะพวกมันต้องเกรงกลัวตระกูลของพวกเราแสดงว่าชายคนนั้นน่าจะรู้เรื่องที่ข้อมูลของตัวเองถูกขายไปให้กับเราหลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามได้ตายลงแล้วบุกไปที่ตำหนักป้าวเพื่อสังหารยี่ชวนแล้วทำให้พ่อของมันถึงกับคลั่งจนเปิดเผยเรื่องพวกนี้ออกมาเพื่อจะอาศัยข้อมูลเหล่านี้ฆ่าชายคนนั้น ”
หนึ่งในพวกเขาวิเคราะห์พลางกัดฟันพูดออกมาว่า
“อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายถึงขั้นกล้าสังหารแม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของเราและบุกไปที่ตำหนักป้าวด้วยตัวเองแบบนี้ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมากดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าหลังจากที่เรื่องพวกนี้แพร่งพรายออกไปตำหนักป้าวก็คงถูกทำลายล้างไปแล้ว ”
“ระยำเอ้ย ! ”
ผู้มีอำนาจทั้งหลายพากันส่งเสียงคำรามออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เจียงเหลาเหลาที่รู้เรื่องที่ว่าเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
นางรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเทียนนั้นสามารถเก็บเอากลุ่มก้อนพลังงานจากดาวจี่หยานไปได้อย่างง่ายดายซึ่งมันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานเดียวกันกับดาวดวงนี้และรู้ว่ามันสำคัญสำหรับเขามากดังนั้นแม้ว่าจะรักครอบครัวของตัวเองมากๆแต่ก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้บรรพบุรุษหรือคนอื่นๆฟังเพราะเกรงว่าพวกเขาจะทำอะไรหลินเทียนแม้จะรู้ดีว่าผู้อาวุโสทั้งหลายไม่ใช่คนประเภทนั้นแต่กลุ่มก้อนพลังเจ็ดสีก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆและไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับหลินเทียน
นางระมัดระวังถึงขั้นไม่แม้แต่จะเล่าให้คนอื่นๆฟังทว่าตอนนี้กลับมีคนแพร่งพรายเรื่องเหล่านี้ออกไปทำให้นางโกรธจัดเป็นอย่างมากเพราะมันจะสร้างปัญหาให้กับหลินเทียนไม่น้อย
นางก้าวออกมาจากห้องพร้อมทั้งตรงไปหาปู่จู พ่อและผู้อาวุโสคนอื่นๆของตระกูลเพื่อให้พวกเขาออกไปตามหาหลินเทียนแล้วช่วยเหลือเขากลับมาเพราะถึงอย่างไรแม้หลินเทียนจะแข็งแกร่งและมีอาวุธนิรันดร์แท้จริงคอยปกป้องร่างกายแต่บรรพบุรุษของแต่ละขุมพลังล้วนอยู่ในเขตแดนอนันตกาลตอนปลายกันทั้งหมด
แม้ว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็ไม่มีทางต่อกรกับอนันตกาลตอนปลายได้ด้วยเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางทำให้ผลลัพธ์ที่จะตามมานั้นเป็นหายนะอย่างแน่นอน
ตอนนี้นางทำได้เพียงแค่ขอให้บรรพบุรุษช่วยก่อนที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดของหลินเทียนออกไปรวมถึงเรื่องที่หลินเทียนต้องออกเดินทางไปก็เพราะต้องการจะเก็บเกี่ยวกลุ่มก้อนพลังเหล่านั้น
มันเป็นเพราะเรื่องของหลินเทียนได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลกแล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป
“หนูขอโทษที่ปิดบังท่านปู่ ท่านพ่อและคนอื่นๆ เหลาเหลารู้เพียงแค่ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขามากๆ ”
นางพูดขอโทษออกมา
แน่นอนว่าคนอื่นๆเองก็รู้เรื่องเกี่ยวกับหลินเทียนหมดแล้วแต่หลังจากที่ได้ยินว่าเหลาเหลารู้อยู่ก่อนแล้วก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมากและเมื่อรู้ว่านางจงใจปิดบังต่อพวกเขามันก็ทำให้พวกเขาได้แต่แข็งค้างไป
อย่างไรก็ตามไม่นานหลายๆคนก็อดยิ้มออกมาด้วยความอับอายไม่ได้
“เจ้าเด็กโง่ คิดว่าปู่ พ่อและคนอื่นๆเป็นพวกที่แทนคุณด้วยโทษหรือไงกัน ? อีกอย่างพ่อหนุ่มนั่นก็ช่วยเจ้าเอาไว้แถมยังนำเจ้ากลับมาส่งถึงที่นี่และต่อให้เป็นคนอื่นที่เก็บเกี่ยวกลุ่มก้อนพลังนั้นไปได้แต่พวกเราก็จะไม่สร้างปัญหาให้เขาอยู่ดี ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“แต่นิสัยที่ยอมทำเพื่อคนอื่นและผู้มีพระคุณขนาดนี้นี่แหละที่ทำให้พวกข้าโปรดปรานเจ้า ”
“หนูทำผิดต่อท่านปู่ ”
เหลาเหลาขอโทษออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งพูดอย่างกระวนกระวายว่า
“แล้ว…”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ปู่จะออกไปตามหาเขาแล้วปกป้องเขากลับมาอย่างสมบูรณ์อย่างแน่นอน ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงส่งเสียงออกมา
………….
ผู้เชี่ยวชาญทั้งดาวต่างพากันสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อของหลินเทียนเนื่องจากว่ากลุ่มก้อนพลังงานนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งยังคงมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งตามที่เจียงยี่ชวนได้อธิบายเอาไว้
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับถ้ำที่ดูธรรมดาๆรายล้อมไปด้วยหญ้าและตะไคร่มากมาย
จระเข้เบญจธาตุหันมองไปรอบๆพร้อมทั้งพูดว่า
“นี่คือสถานที่ๆไอ้เวรนั่นว่าเอาไว้ว่ามันเป็นที่อยู่ของนิรันดร์แท้จริง ? ”
“น่าจะใช่ มันเหมือนกับที่ยี่ชวนอธิบายเอาไว้ไม่มีผิด ”
หลินเทียนตอบกลับ
ตอนที่ 1456
ถ้ำแห่งนี้มีความกว้างประมาณสามเมตรซึ่งหลินเทียนและคนอื่นๆที่เข้ามาเองก็ได้พบกับกองตะไคร่มากมายซึ่งหากมองดูดีๆแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้มันก็ไม่ได้ต่างไปจากสถานที่ธรรมดาๆเลยด้วยซ้ำและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะได้ยินมาว่ามันเป็นสถานที่บ่มเพาะของนิรันดร์แท้จริงมาก่อนแล้วก็คงคิดไม่ถึงว่ามันจะอยู่ที่นี่
“ไปกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
พวกเขาพากันเดินเข้าไปภายในซึ่งแม้ว่ามันจะมีแสงสลัวๆแต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อพวกเขา
พวกเขาเข้าไปภายในพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนิรันดร์แท้จริงรวมถึงพลังสัจธรรมที่เข้มข้นได้อย่างรวดเร็ว
“กลิ่นอายของนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์ ”
จระเข้เบญจธาตุถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาพร้อมพูดต่อว่า
“ดูเหมือนว่าไอ้เวรนั่นจะพูดความจริงสินะ ”
แม้ว่าจากสัญญาณต่างๆแล้วจะดูเหมือนว่าสถานที่ๆว่ามีอยู่จริงแต่เมื่อมาถึงที่นี่อย่างแท้จริงแล้วก็ทำให้มันเชื่ออย่างสุดใจ
หลินเทียนได้หันมองออกไปเล็กน้อยด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมาหลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเหล่านี้
ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายที่หม่นหมองได้กระเพื่อมออกมาทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรงเสมือนว่าต้องการจะกลืนกินร่างของพวกเขาเข้าไป
“นี่มัน ?! ”
นี่ทำให้สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุถึงกับเปลี่ยนสีไปอย่างใหญ่หลวง
เป็นเพราะว่าแม้ตอนนี้มันจะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าทว่าหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับวังน้ำวนตรงหน้าแล้วมันกลับสัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังโถมเข้าใส่
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะว่าเขาสัมผัสได้ดีว่าต่อให้เป็นเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายก็ไม่มีทางเลยที่จะรับมือกับมันได้
ทว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะกระทืบเท้าขวาเพื่อส่งตรามังกรออกไป
ตรามังกรส่องประกายแสงเจิดจรัสขณะที่ทะลวงผ่านพื้นดินลงไปทำให้วังน้ำวนตรงหน้าสั่นไหวและจางหายไปอย่างช้าๆ
แน่นอนว่าด้วยระดับพลังของเขาผนวกกับทักษะฝังมังกรแล้วมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำลายมัน
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันไม่สามารถฝ่าออกไปได้ ด้วยอาณาเขตพวกนี้แล้วมีเพียงเขตแดนอนันตกาลขึ้นไปเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งก้าวเดินต่อเข้าไป
พวกเขาพากันสำรวจพื้นที่แห่งนี้ด้วยตรามังกรพร้อมทั้งพบว่ามันรายล้อมไปด้วยอาณาเขตที่ทรงพลังมากมายถึงขั้นเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสำหรับเขาแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนักเพราะสามารถจัดการมันด้วยทักษะฝังมังกรได้อย่างง่ายดาย
“แกร๊ง ! ”
“แกร๊ง ! ”
“แกร๊ง ~! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาก่อนที่อักขระสังหารอันทรงพลังจะปรากฏขึ้นมา
“ข่ายอาคมสังหาร อย่างน้อยๆก็สามารถลบล้างเขตแดนอนันตกาลตอนต้นได้สบายๆ ”
หลินเทียนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่ามันให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมาก
วิ้สส วิ้สส วิ้สสส ! เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ลำแสงสังหารพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียน
“จะเอายังไงล่ะเจ้าหนู ? ”
มันได้ส่งเสียงออกมาเพราะว่าลำแสงสังหารที่ทรงพลังขนาดนี้มันและเสี่ยวไท่ชูไม่สามารถต่อกรได้
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งสังเวยเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์เพื่อสร้างอักขระอาคมขึ้นมาซัดออกไปสลายพลังของมันลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นพลังทำลายของมันก็ถูกบั่นทอนลงไปอย่างมากทำให้ถูกทำลายลงด้วยฝ่ามือของหลินเทียนได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาก็ผสานทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเข้าด้วยกันพร้อมทั้งสังเวยเอาง้าวอัสนีออกมาซัดเข้าใส่อักขระข่ายอาคมที่รายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้เพื่อทำลายมัน
“ไปกันเร็ว ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งรีบพุ่งออกไปพร้อมๆกันคนอื่นๆ
ไม่รู้เลยว่าสถานที่แห่งนี้มันลึกขนาดไหนซึ่งระหว่างที่กำลังเดินเท้าเข้าไปก็ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมากแต่ก็ยังพบเจอกับอุปสรรค์มากมายทว่าก็ถูกหลินเทียนจัดการลงได้อย่างง่ายดาย
“แปลกจริงๆเลยแหะ นี่ใช่สถานที่บ่มเพาะของเขตแดนนิรันดร์แท้จริง จริงๆ ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาพลางพูดต่อว่า
“ดูๆแล้วการป้องกันของมันไม่น่าจะเปราะบางแบบนี้ไหม ? ”
เป็นเพราะว่าระหว่างเดินทางเข้ามานั้นพวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับข่ายอาคมมาสังหารมากมายแต่ก็ถูกหลินเทียนจัดการลงได้อย่างง่ายๆซึ่งนี่ทำให้พวกเขาเกิดรู้สึกสงสัยอย่างมากว่ามันไม่ควรจะสามารถจัดการลงได้ง่ายๆแบบนี้
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้พยักหน้าอย่างเห็นด้วยว่า
“ก็จริง ”
ตัวเขาเองล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญหลายๆแขนงก็จริงแต่การที่ต้องจัดการกับข่ายอาคมที่เขตแดนนิรันดร์แท้จริงวางเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่ยากถึงขั้นที่บางทีอาจจะไม่สำเร็จก็เป็นได้ทว่าข่ายอาคมที่อยู่ตลอดทางกลับง่ายจนผิดวิสัยมากๆ
“หรือว่าข่ายอาคมเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่นิรันดร์แท้จริงวางเอาไว้ส่งๆถึงได้ถูกทำลายลงได้ง่ายๆ ?”
จระเข้เบญจธาตุวิเคราะห์
“มีความเป็นไปได้แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุผลอื่น ”
หลินเทียนตอบกลับ
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักพร้อมทั้งพากันก้าวเดินเข้าไปภายใน
ไม่นานพวกเขาก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ค่อยๆกว้างขึ้นๆ แถมยังมีกลุ่มแสงส่องประกายอยู่ตรงหน้าเสมือนว่ามันเป็นช่องว่างของมิติ
“ที่นี่มีช่องว่างมิติอยู่ด้วยงั้นรึ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพลางพูดว่า
“หรือว่าด้านหลังนั่นจะเป็นที่อยู่ของนิรันดร์แท้จริงกัน ? ”
“เข้าไปแล้วเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับ
เป็นเพราะเมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาไม่ได้รู้สึกถึงภัยอันตรายใดๆแม้แต่น้อยดังนั้นถึงได้พากันเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพวกเขาก็ได้รับความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวผ่านม่านพลังบางอย่างเข้าไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นภายในมิติแห่งอื่น
เมื่อมองอกไปแล้วจะพบกับภูเขาและป่าไม้เก่าแก่มากมายซึ่งห่างออกไปจะมีลำธารขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกไม่ได้ต่างไปจากโลกใบเล็กที่มีกลิ่นอายของนิรันดร์แท้จริงที่เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้หลายพันเท่าผสมผสานอยู่ในอากาศ
“สถานที่แห่งนี้ต้องเป็นที่อยู่ของนิรันดร์แท้จริงอย่างแน่นอน ”
แววตาของจระเข้เบญจธาตุยิ่งส่องประกายออกมามากกว่าเก่า
เป็นเพราะว่าก่อนที่จะก้าวเข้ามาภายในช่องว่างมิตินี้มันก็สังหรณ์ใจเอาไว้แล้วว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นที่อยู่ของนิรันดร์แท้จริงซึ่งหลังจากที่ได้เห็นสภาพโดยรอบแล้วก็ยืนยันได้ทันที
“น่าจะใช่ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาขณะที่จิตสัมผัสอันทรงพลังแผดออกไปโดยรอบพื้นที่
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พากันเดินทางออกไปยังทิศตะวันออกของสถานที่แห่งนี้
ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงตรงหน้าของตำหนักแห่งหนึ่งที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากซึ่งส่งกลิ่นอายของนิรันดร์แท้จริงออกมาจากภายใน
“ที่นี่แหละ ”
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วพวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไป
ภายในสถานที่แห่งนี้มีเสาหินมากมายที่มีลูกแก้วไฟถูกจัดวางเอาไว้ทำให้ภายในส่องสว่างซึ่งระหว่างที่กำลังก้าวเดินเข้าไปภายในส่วนลึกนั้นพวกเขาก็ต่างระมัดระวังกันอย่างมาก
ที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้มีประตูขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเพราะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่อันตรายได้ทำให้พวกเขาพากันเปิดประตูเข้าไปภายในอย่างรวดเร็วก่อนที่จะต้องประหลาดใจไปตามๆกัน
เป็นเพราะว่าพื้นที่ด้านหลังประตูนี้มีขนาดใหญ่มากๆแถมยังรายล้อมไปด้วยสมบัตินาๆชนิดไม่ว่าจะเป็นอาวุธ ยาทิพย์หรืออื่นๆ
“นั่นมัน….ดอกฟ้าสะท้านและสมุนไพรจักรพรรดิ….”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมพูดต่อว่า
“มันสามารถเพิ่มระดับพลังให้กับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้โดยทันที ! ”
สายตาของมันจดจ่ออยู่กับยาทิพย์มากมายที่อยู่โดยรอบด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมากเพราะพวกมันล้วนมีประโยชน์ต่อเขาและเสี่ยวไท่ชูอย่างมาก
“ยาทิพย์มังกรยักษ์ ”
หลินเทียนมองไปยังขวดหยกโปร่งแสงที่ภายในบรรจุยาทิพย์ขนาดเท่าหัวแม่มือเอาไว้สองเม็ดซึ่งมันรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายและมีลักษณะแบบเดียวกันกับตามที่ตำราว่าเอาไว้ว่าแถมยังมีสรรพคุณช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตัดผ่านระดับพลังไปได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
ดวงตาของเขาส่องประกายแสงออกมาเพราะว่าด้วยยาทิพย์นี้แล้วเขาสามารถตัดผ่านเขตแดนกึ่งอนันตกาลได้อย่างรวดเร็ว
“เก็บมัน ”
เขาพูดออกมา
“เก็บเร็วเจ้าหนู ไอ้หนูน้อยขยับเร็ว ! ด้วยสมบัติพวกนี้มันพอที่จะทำให้เราตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้เลยนะ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงอันตื่นเต้นออกมาขณะที่หันไปพูดกับเสี่ยวไท่ชู
นี่ทำให้มันและอสูรน้อยพากันพุ่งออกไปเก็บเกี่ยวเอายาทิพย์ทั้งหลายมาอย่างรวดเร็ว
ส่วนอาวุธที่อยู่โดยรอบนั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นักเพราะแข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงอาวุธวิญญาณตอนปลายซึ่งถูกยกให้กับหลินเทียนทั้งหมดส่วนทักษะเทวะและเคล็ดวิชาบ่มเพาะนั้นแม้จะไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแต่ก็ยังมีค่าไม่น้อย
“ก่อนไอ้เวรนั่นจะตายนี่มันมีประโยชน์เหมือนกันนะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงหัวเราะออกมา
เป็นเพราะว่าด้วยทรัพยากรบ่มเพาะเหล่านี้แล้วมันเพียงพอจะทำให้พวกเขาตัดผ่านระดับพลังไปได้อย่างรวดเร็ว
มันเรียกได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่คุ้มค่าเอามากๆ
“ก็จริง ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาและอดยิ้มออกมาไม่ได้
เสี่ยวไท่ชูดึงผมของเขาเล็กน้อยก่อนที่จะชี้กรงเล็บออกไปยังมุมๆหนึ่ง
หลินเทียนหันมองตามออกไปพร้อมทั้งพบกับประตูที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมาย
“ไม่คิดเลยว่าจะมีห้องโถงอยู่อีก ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงพร้อมทั้งพูดต่อด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า
“หรือว่าภายในจะมีสมบัติที่สุดยอดกว่านี้ ?”
ตอนที่ 1457
ประตูหินนี้ตั้งอยู่ที่สุดขอบของห้องโถงแห่งนี้ซึ่งรายล้อมไปด้วยอักขระมากมาย
หลินเทียนจ้องมองออกไปพร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสเข้าหามันแต่ก็พบว่ามันกลับไม่สามารถทะลวงผ่านประตูนี้ไปได้และสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้คือกลิ่นอายแห่งนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์อันเข้มข้นที่ไหลซึมออกมาจากด้านหลังประตูบานนี้
เขาได้นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะหันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปแล้วแตะมือลงบนประตูหินนี้พลางหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อสังเวยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกมาแก้ข่ายอาคมตรงหน้า
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหลายชั่วลมหายใจและมันเป็นตอนนี้เองที่อักขระทั้งหลายได้สลายหายไป
“กลิ่นอายสัจธรรมแห่งนิรันดร์มันเข้มข้นมากๆ ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรอยู่หลังประตูบานนี้ดังนั้นระมัดระวังเอาไว้ให้มาก ”
หลินเทียนหันไปพูดกับทั้งสองคนพร้อมทั้งผลักประตูเข้าไปโดยทันที
“ตู้มม ”
ประตูได้ถูกเปิดออกขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังที่ผสมผสานไปด้วยสัจธรรมอันเข้มข้นได้ไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
มันเป็นเพราะได้รับคำเตือนจากหลินเทียนเอาไว้ก่อนแล้วทำให้ทั้งสองคนต่างระมัดระวังเป็นอย่างมากซึ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเหล่านี้แล้วพวกเขาก็ต่างพากันรีบเบี่ยงตัวหลบออกห่างไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“ฟึ้บบ ~! ”
“ฟึ้บ ~! ”
“ฟึ้บ ~! ”
มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นห้วงแห่งความโกลาหลที่ยากจะฟื้นตัวได้
“โชคดีนะที่เบี่ยงหลบออกมาทันไม่งั้นหากว่าปะทะเข้ากับกลิ่นอายนี้ตรงๆต่อให้เป็นเขตแดนนอนันตกาลก็ไม่น่าจะรอดได้ ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงสั่นๆออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็คอหดไปด้วยท่าทางที่น่ารักไม่เปลี่ยนแปลง
หลินเทียนนั้นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกันแต่ก็ปรับอารมณ์กลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหยุดอยู่ด้านหน้าของมันจนยืนยันได้ว่าไม่มีอันตรายใดๆพุ่งออกมาอีกถึงได้เรียกคนอื่นๆแล้วก้าวเดินเข้าไป
เขาเป็นคนเดินนำคนอื่นๆเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับพื้นที่โล่งกว้างที่ไม่ได้มืดมิดซึ่งระหว่างที่พวกเขาก้าวเดินเข้าไปก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงเสมือนว่ามีหินขนาดใหญ่น้ำหนักกว่าหลายล้านตันกำลังกดทับร่างเอาไว้ทำให้รู้สึกเหมือนน่าอกกำลังจะยุบลงไป
มนุษย์และอสูรทั้งสองต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางหันมองออกไปทางปลายสุดของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่สีหน้าจะยิ่งเปลี่ยนไปมากกว่าเก่า
“นั่นมัน ?! ”
เป็นเพราะว่าที่ปลายสุดของสถานที่แห่งนี้มีร่างๆหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กับที่โดยที่ไม่มีสัญญาณชีพส่งออกมาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามร่างไร้วิญญาณนี้กลับส่งกลิ่นอายของนิรันดร์แท้จริงออกมาอย่างเข้มข้นซึ่งบ่งบอกได้เลยว่าแรกกดดันที่พวกเขาได้รับมันมาจากร่างๆนี้
“ร่างของนิรันดร์แท้จริง ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไป
“น่าจะ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
เป็นเพราะว่ากลิ่นอายนิรันดร์ที่กึ่งนิรันดร์แท้จริงส่งออกมานั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้กับเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้แม้แต่น้อยเพราะหากเปรียบว่ากลิ่นอายที่กึ่งนิรันดร์แท้จริงส่งออกมาเป็นเหมือนหยดน้ำแล้วกลิ่นอายที่ร่างไร้วิญญาณนี้ส่งออกมาก็เปรียบได้ดั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
เขาได้แต่มองออกไปยังร่างๆนี้ก่อนที่จะหันไปพูดกับทั้งสองคนแล้วก้าวเดินออกไป
ไม่นานพวกเขาก็พากันเข้าไปใกล้ร่างศพๆนี้ด้วยความรู้สึกที่กดดันมากขึ้นยิ่งกว่าเก่าถึงขั้นที่ทำให้อสูรทั้งสองถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“ทำไมที่นี่ถึงได้มีศพของนิรันดร์แท้จริงอยู่กัน ? ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาพร้อมทั้งระลึกถึงบางสิ่งแล้วพูดว่า
“หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ? ”
“น่าจะใช่ ”
หลินเทียนตอบกลับ
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนสถานที่บ่มเพาะดังแถมที่นั่งที่ร่างไร้วิญญาณนี้กำลังนั่งขัดสมาธิเองก็เป็นสิ่งช่วยรวมพลังดังนั้นหากว่าจะบอกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เจ้าของที่นี่แล้วก็คงมีความเป็นไปได้ที่ต่ำมากๆ
“เขาตายขณะที่บ่มเพาะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
หลินเทียนยกมือของเขาออกไปแตะร่างๆนี้เอาไว้พร้อมทั้งส่งพลังเทวะออกไปสำรวจภายในร่างนี้
ไม่นานจิตสัมผัสของเขาก็ไปถึงกลุ่มก้อนพลังงานอันหม่นหมองที่ปั่นป่วนและดุร้ายเสมือนดั่งอสูรร้ายที่กำลังกลืนกินร่างๆนี้
ระหว่างนี้เขาก็พบกับกลุ่มก้อนพลังอีกกลุ่มที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมอันบริสุทธิ์แต่กลับไม่สมดุลเสมือนว่าเป็นคนที่เพิ่งตัดผ่านเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าทำให้สัจธรรมของตัวเองยังไม่มั่นคง
“นี่มัน…”
ดวงตาของเขาส่องประกายที่แปลกประหลาดใจออกมา
“พบอะไรงั้นรึ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็เงยหน้าน้อยๆของมันขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
“ภายในร่างๆนี้มีพลังเทวะที่ผสมผสานพลังสัจธรรมหลงเหลืออยู่แต่มันไม่สมดุลเสมือนว่าเกิดปัญหาระหว่างที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงทำให้แม้ว่าจะอยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงแต่พลังเทวะภายในร่างกลับปั่นป่วนและไม่สามารถควบคุมได้ส่งผลให้ดวงวิญญาณถูกทำลายลงทำให้เลือดเนื้อเองก็ได้รับผลกระทบจนกลายเป็นร่างเหี่ยวๆแบบนี้แหละ ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่ต้องการจะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงนั้นจำเป็นจะต้องเรียนรู้สัจธรรมแห่งนิรันดร์ที่อยู่เหนือสัจธรรมปกติซึ่งระหว่างที่ตัดผ่านก็จะทำให้สัจธรรมเหล่านั้นไม่สมดุลและจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับสภาพของมันแต่ร่างไร้วิญญาณนี้มีเพียงแค่พลังงานที่ปั่นป่วนหลงเหลือเอาไว้เท่านั้นแถมที่ร่างกายเองก็ยังไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อยดังนั้นเขาจึงสรุปได้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุระหว่างที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงทำให้ตกตายลงอย่างน่าอนาถ
และเป็นเพราะแบบนี้ถึงได้ทำให้กลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงและสัจธรรมแห่งนิรันดร์ไหลทะลักออกไปที่โลกภายนอก
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าทำไมอักขระอาคมที่อยู่ภายนอกสถานที่แห่งนี้ถึงได้เปราะบางผิดปกติถึงขั้นที่เขาสามารถทำลายลงได้ง่ายๆก็เพราะว่าจริงๆแล้วก่อนหน้านี้เจ้าของสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลในตอนที่วางข่ายอาคมเอาไว้ดังนั้นด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ข่ายอาคมเหล่านั้น
จระเข้เบญจธาตุเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปถึงกับอดตาค้างไปไม่ได้
นี่ทำให้มันได้แต่คิดตามพร้อมทั้งรู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของหลินเทียนนั้นเป็นไปได้
มันหันมองออกไปยังร่างไร้วิญญาณตรงหน้าพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างรู้สึกอึดอัดว่า
“นี่คือการสูญสิ้น ? ”
“เส้นทางการบ่มเพาะมันยากเย็นแสนเข็นแถมยังเต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรค์มากมาย นี่ไม่นับว่าเท่าไหร่นักหรอก ”
หลินเทียนตอบกลับ
เขามองออกไปยังร่างไร้วิญญาณตรงหน้าก่อนที่จะเก็บมันเอาไว้ภายในโลกใบเล็กของตัวเอง
“เจ้าเก็บมันไปทำไมกัน ? ไม่ใช่ว่ามันไม่สามารถนำมาใช้หล่อหลอมได้หรือไง ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยความสงสัย
“ยังเอาไปใช้ประโยชน์อื่นได้อีก ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าแม้เลือดเนื้อของร่างๆนี้จะไม่มีเหลือแล้วแต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นร่างของนิรันดร์แท้จริงที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายที่น่าเหลือเชื่อถึงขั้นที่หากว่าเขาใช้ดวงวิญญาณของตัวเองควบคุมร่างๆนี้แล้วจะไม่มีใครภายใต้เขตแดนนิรันดร์แท้จริงต่อกรกับเขาได้
แน่นอนว่าเขาได้อธิบายความคิดตัวเองออกไป
นี่ทำให้ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุถึงกับเบิกกว้างขึ้นพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“เป็นความคิดที่ดีมากๆ ! ”
หลังจากนั้นมันก็พูดต่อว่า
“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดี ? ”
“ไม่ใช่ว่าเราได้รับสมบัติมากมายจากที่นี่ ? ก็ดูดกลืนมันก่อนแล้วค่อยไปก็แล้วกัน ”
หลินเทียนตอบกลับ
จระเข้เบญจธาตุได้พยักหน้าของมันพร้อมตอบว่า
“คิดแบบเดียวกันเลย ! ”
นี่ทำให้พวกเขาต่างคว้าเอายาทิพย์ของตัวเองออกมาพร้อมทั้งเริ่มการบ่มเพาะเพื่อดูดซับพลังจากพวกมันไปภายในสถานที่แห่งนี้
บึ้สสส !
นี่ทำให้ร่างกายของพวกเขาต่างพากันเปล่งประกายแสงอันเจิดจรัสออกมาขณะที่กลิ่นอายและพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าเจ็ดวันเต็มๆ
วันนี้เป็นวันที่ร่างกายของหลินเทียนระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้
“ต่อกันเลย ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นก็หมุนวนพลังต่อไปเพื่อปรับสมดุลพลังภายในร่างทำให้ร่างกายของเขายิ่งส่องประกายแสงสีทองอร่ามเป็นประกายระยิบระยับออกมามากกว่าเก่า
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็พากันแผดกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาตามๆกัน
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีกกว่าหนึ่งเดือนเต็มๆ
วันนี้เป็นวันที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของเสี่ยวไท่ชูและจระเข้เบญจธาตุขณะที่พวกเขาล้วนตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกันทั้งหมด
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงท่าทางที่ตื่นเต้นจนตัวสั้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหันมองไปยังหลินเทียนที่กำลังนั่งขัดสมาธิพลางพูดว่า
“เหลือรอเจ้าหนูนี่แหละ ”
ระหว่างนี้ดาวทั้งดวงเองก็ต่างลุกฮือขึ้นอย่างมากขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันสนทนาเรื่องของหลินเทียนกันอย่างไม่หยุดหย่อน
ระหว่างนี้ขุมพลังใหญ่อื่นๆเองก็พากันส่งกองกำลังผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งออกมาเพื่อเกาะรอยของหลินเทียนแต่หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้กลับไม่สามารถค้นหาร่องรอยได้เลยแม้แต่น้อย
“หาต่อไป ต่อให้ต้องขุดดินลงไปก็หามันให้พบ ”
ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งส่งเสียงออกมา
………….
หลินเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่กับที่ขณะที่ดูดกลืนยาทิพย์ต่อไปจนเวลาล่วงเลยไปอีกกว่าเจ็ดวันเต็ม
ณ ตอนนี้เองที่ประกายแสงที่แผดออกมาจากร่างของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเก่าขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“อย่างมากอีกสามวันก็จะตัดผ่านเขตแดนกึ่งอนันตกาลได้แล้ว ”
จระเข้เบญจธาตุพึมพำออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น