Divine King of All Directions 1438-1449
ตอนที่ 1438
เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วดวงตาของเย่ตงถึงกับเปล่งประกายออกมาพลางส่งเสียงว่า
“แล้วเมื่อไหร่ศิษย์จะได้เจอกับศิษย์น้องหญิงกัน ”
เป็นเพราะว่าเขารู้สึกอยากพบกับศิษย์น้องที่ไม่เคยพบกันมาก่อนนี้อย่างมาก
“ไม่นานนี้หรอก ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
สามปีมานี้เย่ตงขยันอย่างมากดังนั้นเขาถึงได้สั่งให้กลับไปพักผ่อนก่อน
หลังจากนั้นเจ็ดวันเย่ตงก็กลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง
วันนี้เป็นวันที่หลินเทียนต้องการจะออกไปท่องโลกกว้างอีกครั้งดังนั้นถึงได้แจ้งข่าวให้กับผู้คนทั้งหลาย
“ท่านพี่ พวกเราจะไปกับท่านด้วย ”
หลินซี่ส่งเสียงออกมา
จี่หยูและคนอื่นๆเองก็เอ่ยปากแบบเดียวกัน
“โลกภายนอกมันอันตรายมากๆ พวกเจ้าไม่ต้องไปหรอก คอยบ่มเพาะอยู่ที่นี่แหละดีแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าตอนนี้รากฐานสำนักของเขาถือว่ายิ่งใหญ่อย่างมากและเรียกได้ว่าอยู่ระดับแนวหน้าไม่ว่าจะเป็นจักรวาลไหนๆหรือจะเรียกว่ามันเป็นดินแดนแห่งการบ่มเพาะก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ได้วางข่ายอาคมเฉพาะที่จะช่วยดึงเอาพลังแห่งความเชื่อมาใช้งานทำให้การบ่มเพาะเป็นไปได้ราบรื่นยิ่งกว่าเก่า
นี่ทำให้หลินซี่และคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องออกไปยังห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่
เขาหวังว่าพวกนางจะคอยบ่มเพาะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยมันถึงจะทำให้เขาโล่งใจได้
หญิงสาวทั้งหลายก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ลังเลออกมาเพราะอยากจะติดตามเขาไปด้วยแต่สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับไป
“เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน ”
จี่หยูได้ส่งเสียงออกมา
พวกนางไม่ได้โง่และรู้ดีว่าหลินเทียนเป็นห่วงพวกนางจึงไม่อยากให้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายทำให้แม้อยากจะติดตามไปด้วยแต่ก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้หลินเทียนต้องเป็นกังวล
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมา
การที่พวกนางคอยบ่มเพาะอยู่ที่นี่ก็จะทำให้เขาหมดห่วงได้อย่างแท้จริง
เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มันปลอดภัยกว่ามาก
“พวกเราเองก็เตรียมจะออกไปท่องโลกกว้างเหมือนกัน ”
ไป่จี่ฉีส่งเสียงออกมา
“ใช่แล้ว ”
หลิงหยุนส่งเสียงพลางกัดฟันพูดออกมาว่า
“แต่พวกเราจะไม่ไปกับเจ้าเพราะถึงอย่างไรระดับพลังของเจ้ามันก็แข็งแกร่งจนเกินไป หากว่าติดตามเจ้าไปแล้วทุกปัญหาก็คงตกเป็นหน้าที่ของเจ้าและเราจะไม่ได้รับการขัดเกลาอย่างแท้จริง ”
ฟานหยิงซ่งและคนอื่นๆต่างพากันพยักหน้าเพราะพวกเขาล้วนตัดสินใจจะออกไปท่องโลกกว้างโดยที่ไม่ติดตามหลินเทียนไปเพราะเหตุผลเดียวกันกับหลิงหยุน
“พวกเจ้านี่มันคิดมากจริงๆ ข้าไม่สนใจหรอก ถึงอย่างไรก็ปล่อยให้เจ้าหนูหลินมันจัดการปัญหาแล้วเอาทรัพยากรบ่มเพาะมาให้ข้าเพิ่มพลังมันเป็นอะไรที่สะดวกสบายสุดแล้ว ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ข้าจะออกไปท่องโลกกว้างกับเจ้าหนูหลินนี่แหละ ”
หลินเทียนถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาเพราะว่าเจ้านี่มันยังกล้าอวดเรื่องแบบนี้ด้วย นี่ใบหน้าของมันหนาขนาดไหนกัน
“ย๊า ! ”
เสี่ยวไท่ชูส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะเหาะออกมาเกาะไหล่ของเขาเอาไว้
“หลังจากที่ศิษย์ทำเรื่องการเผยแพร่คำสอนเสร็จสมบูรณ์แล้วศิษย์เองก็คิดจะออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเผยแพร่คำสอนไปทั่วจักรวาลเช่นกัน ”
เย่ตงส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะช่วงสามปีมานี้เขาเองก็ได้รับประโยชน์มามากมายและรู้ว่าพลังแห่งความศรัทธานั้นสามารถแผดขยายออกไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดดังนั้นถึงได้คิดจะช่วยอาจารย์ของเขา
ท้ายที่สุดหลินเทียนก็นำเหลาเหลา จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูมุ่งหน้าออกไปยังหมูดาวบ้านเกิดของนางอย่างหมู่ดาวตงเฮิงส่วนไป่จี่ฉีและคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปโดยที่หญิงสาวทั้งหลายยังคงบ่มเพาะอยู่ภายในสำนักนิรันดร์
ดังนั้นวันนี้ไป่จี่ฉีและคนอื่นๆถึงได้พุ่งออกไปกลางห้วงจักรวาลอย่างรวดเร็ว
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ”
หลินเทียนหันไปพูดกับพวกเขาทุกคนท่ามกลางห้วงจักรวาล
ป่จี่ฉีและคนอื่นๆต่างเลือกเส้นทางของพวกเขาเพื่อเพิ่มระดับพลังของตัวเอง
ระหว่างนี้เขาก็ได้ถ่ายทอดทักษะหล่อหลอมร่างกายที่ได้รับมาจากผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลภายในดินแดนผนึกยุคบรรพกาลให้พวกเขาโดยที่มันสามารถดูดกลืนพลังจากกายหยาบมาเป็นพลังของตัวเองได้ทำให้ระดับพลังเพิ่มสูงขึ้นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
จะเรียกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เป็นเพราะทักษะชั้นเลิศนี้เลยก็ว่าได้
และเขาเองก็เชื่อว่าการถ่ายทอดพวกมันให้กับไป่จี่ฉีและคนอื่นๆจะไม่มีทางเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดีเด็ดขาด
“เจ้าหนู ไว้เจอกันใหม่ล่ะ ”
หลิงหยุนส่งเสียงออกมา
ไป่จี่ฉีและคนอื่นๆเองก็พากันส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งแยกย้ายกันไปไกล
หลินเทียนได้แต่จ้องมองออกไปยังภาพร่างของพวกเขาจนสุดของจักรวาลก่อนที่จะหันหลังแล้วเหาะออกไป
“เจ้าหนู แล้วดาวที่แม่หนูนี่อยู่มันไกลขนาดไหนกัน ? ใช้เวลานานแต่ไหน ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ไกลมากๆ เรียกได้ว่าด้วยระดับพลังของเราต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็ห้าปี ”
หลินเทียนตอบกลับ
“ห๊ะ ?! นานขนาดนั้นเลย ?! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไป
“ตอนนี้น่ะมันถือเป็นการเดินทางข้ามหมู่ดาว เจ้าคิดว่ามันแค่เหาะไปดาวดวงอื่นหรือไงกัน ? ”
หลินเทียนหันมองไปทางมัน
เป็นเพราะห้วงจักรวาลนั้นกว้างใหญ่อย่างมากและหมู่ดาวตงเฮิงก็อยู่ห่างไกลจากหมู่ดาวที่สวรรค์สิบชั้นตั้งอยู่มากๆจึงใช้เวลานานเป็นปกติ
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าป่วยๆออกมาเพราะแค่คิดมันก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
เหลาเหลาได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ขอบคุณนะที่อุส่านำข้าไปส่งทั้งๆที่ต้องเดินทางไกลขนาดนี้ ”
ณ ตอนนี้นางเองก็อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วทำให้ร่างกายของนางห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้หลินเทียนปกป้องนางอีกต่อไป
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกเพราะถึงอย่างไรข้าก็ต้องไปที่นั่นอยู่แล้ว ”
หลินเทียนตอบกลับ
ห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่นี้ค่อนข้างสลัวๆและรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีเงินส่องประกายแวววาวระยิบระยับออกมาจากหมู่ดาวโดยรอบ
เป็นเพราะว่าการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานดังนั้นพวกเขาถึงไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปเพียงอย่างเดียวแต่จะหยุดพักเพื่อฝึกฝนทักษะของตัวเองไปด้วย
พริบตาเวลาสามปีก็ได้ผ่านพ้นไป
สามปีมานี้ระดับพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นสูงกว่าเก่ามาก
แถมระยะห่างระหว่างสองหมู่ดาวเองก็ใกล้ขึ้นเช่นกัน
“อีกสองปี ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาเพราะการที่ต้องเดินทางไกลขนาดนี้ทำให้มันหมดคำจะพูดไปทันที
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่มาถึงหมู่ดาวนี้แล้วก็ยังต้องเดินทางกว่าสองปี
“ก็ถือซะว่าเป็นการออกมาเที่ยวเล่นในห้วงอวกาศแล้วกันจะได้ไม่คิดว่ามันน่าเบื่ออยู่เฉยๆ ”
หลินเทียนตอบกลับ
จระเข้เบญจธาตุได้เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับตอบว่า
“เจ้านี่ก็คิดได้เยอะ ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นก็จะยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก………”
หลินเทียนตอบกลับ
ระหว่างนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันพร้อมทั้งหยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน
จระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปตามทิศทางเดียวกันก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนสีไป
เพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับพื้นที่ๆล่องลอยอยู่กลางห้วงจักรวาลและรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอก
“นี่มัน ?! ”
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุเปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะหลินเทียนนั้นได้เก็บเอาตำราจากห้วงอวกาศกลับมามากมายซึ่งคนอื่นๆเองก็ต่างอ่านมันหมดแล้วทำให้รู้ว่าสถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ๆอันตรายถึงขั้นที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังตกตายลงได้ง่ายๆ
“รีบหลบเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
สำหรับเขาแล้วการหลบมันถือเป็นความคิดที่ดีที่สุดในตอนนี้
นี่ทำให้พวกเขาพากันเบี่ยงตัวหลบออกไปไกลภายในชั่วพริบตา
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่ม่านจักรวาลได้บิดตัวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับแรงดึงดูดอันเข้มข้นที่ส่งออกมาจากใจกลางของพื้นดินแห่งนั้น
แรงดึงดูดนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเสมือนว่ากำลังถูกมือที่มองไม่เห็นคว้าร่างเอาไว้แล้วลากร่างของพวกเขาเข้าไปใกล้มัน
“โดนดึงไปแบบนี้เลยรึ ?! ให้ตาย……..”
จระเข้เบญจธาตุก่นด่าออกมา
“ถึงแล้ว !!! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
การที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ๆอันตรายแบบนี้มันทำให้พวกเขาไม่อยากจะอยู่เอามากๆ
“คงไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าแรงดึงดูดนี้โอบร่างของพวกเขาเอาไว้นี้ทำให้เขาพยายามขัดขืนและหนีไปแต่หลังจากที่สำรวจด้วยจิตสัมผัสแล้วกลับพบว่าสถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยม่านพลังที่แข็งแกร่งถึงขั้นที่เขตแดนอนันตกาลก็ยังไม่สามารถทำลายมันลงได้
นี่ทำให้เขารีบสังเวยกระบี่อันทรงพลังออกมาฟาดฟันออกไป
กระบี่สีทองอร่ามนี้พุ่งผ่านออกไปอย่างเต็มกำลังซึ่งมันเป็นพลังทำลายที่สามารถสังหารเขตแดนกึ่งอนันตกาลลงได้ง่ายๆทว่าหลังจากที่เข้าปะทะแล้วกลับสลายหายไปอย่างฉับพลัน
“นี่มัน ?! ”
จระเข้เบญจธาตุและเหลาเหลาได้แต่ผงะไป
ตอนที่ 1439
คลื่นกระบี่สีทองอันทรงพลังที่ฟาดฟันออกไปนั้นสามารถสังหารใครก็ตามที่อยู่ภายใต้เขตแดนอนันตกาลได้อย่างง่ายดายซึ่งเมื่อการโจมตีนี้ได้อัดเข้ากับม่านพลังที่ขอบของสถานที่แห่งนี้กลับถูกกลืนกินไปจนหมด
“แปลกมากๆ ตอนถูกดึงเข้ามาไม่เห็นสัมผัสได้ถึงม่านพลังเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมถึงได้…..”
คิ้วของจระเข้เบญจธาตุได้แต่ขมวดเข้าหากันอย่างหนัก
“เป็นเพราะมันไม่ได้ป้องการการเข้ามาถึงไม่สามารถสัมผัสได้ ”
หลินเทียนตอบกลับ
ม่านพลังป้องกันนั้นมีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการเข้าจากด้านนอกโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆหากว่าก้าวออกไปหรืออาจจะไม่สามารถเข้าได้และออกได้ มีแม้กระทั่งป้องกันไม่ให้สามารถออกไปได้
แน่นอนว่าการป้องกันภายในสถานที่แห่งนี้คือไม่ให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในก้าวออกไปได้แต่จะไม่ได้รับกระทบหากก้าวเข้ามา
“แล้วจะเอาไงกันดี ? หนียังไง ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้เอ่ยปากถามออกมาพร้อมทั้งมองออกไปทางหลินเทียนเพราะดูเหมือนว่ามันไม่สามารถทำลายม่านพลังนี้ได้เลย
“ตอนนี้ก็ยังไม่รู้หรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
“หากว่าจะให้ใช้กำลังแล้วด้วยระดับพลังของเราก็คงไม่สามารถทำลายมันได้ ตอนนี้ก็คงจะต้องเข้าไปภายในเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมดูเสียก่อน ”
เป็นเพราะว่าจี้ห้อยคอของเหลาเหลานั้นพิเศษอย่างมากและสามารถทำลายผนึกได้แทบทุกอย่างเนื่องจากผสมผสานพลังจากเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ของเขาเอาไว้
อย่างไรก็ตามระหว่างทางกลับนั้นเสมือนว่าเศษเสี้ยววิญญาณได้ถูกร่างกายของเขาดูดไปทำให้ไม่สามารถใช้มันทำลายม่านพลังภายในสถานที่แห่งนี้ได้
ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือการสำรวจสถานที่แห่งนี้เพื่อหาเส้นทางกลับออกไป
เป็นเพราะหากว่าไม่สามารถหาวิธีออกไปได้ก็จะติดอยู่ที่นี่ตลอดไป
“ไปกันเถอะ ”
จระเข้เบญจธาตุหันหน้ามองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ดูๆแล้วมันเป็นสถานที่ๆอับโชคดีจริงๆ ”
“แค่มองก็รู้แล้ว ”
หลินเทียนตอบกลับไป
การที่อยู่ดีๆถูกดูดมาอยู่ภายในสถานที่ๆไม่รู้จักแถมเมื่อมองออกไปแล้วยังพบว่ามันรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำเข้มแถมหลายๆที่ยังมีป้ายหลุมศพที่แตกหัก พื้นดินสีเลือดและพืชพันธุ์สีดำแปลกๆที่เจริญเติบโตอยู่รอบทิศทาง
มันเป็นสถานที่ๆให้ความรู้สึกหม่นหมองเป็นอย่างมาก
“ไปกันเถอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆมันไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ดังนั้นถึงจำเป็นต้องเข้าไปด้านในเพื่อสำรวจมันเสียก่อน
ซึ่งระหว่างนี้เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะถึงอย่างไรมันก็ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับอันตรายใดๆแถมต่อให้กังวลไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี
นี่ทำให้พวกเขาพากันเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ภายในสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่ๆกว้างใหญ่ถึงขั้นที่มากกว่าดาวบางดวงเลยด้วยซ้ำ พื้นดินของมันมีสภาพที่เปียกชื้นแถมยังเต็มไปด้วยใบไม้ที่เหี่ยวเฉาคอยส่งเสียงกร๊อปออกมาเป็นพักๆแถมยังมีกลิ่นเหม็นแปลกๆ
หลินเทียนก้าวเดินออกไปโดยที่แผดตรามังกรออกไปรอบทิศทางเพื่อตรวจสอบสภาพพื้นที่แห่งนี้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มและมันเป็นตอนที่พวกเขาพากันเดินทางไปถึงใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“เจ้าหนู พบอะไรบ้างไหม ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมา
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ ”
“ไม่ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าเชี่ยวชาญด้านนี้ ? ผ่านมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่พบอะไรเลย ? ”
“จะพูดให้ถูกคือข้าบ่มเพาะทักษะฝังมังกรที่ควบคุมอาณาเขตของโลกทั้งหลาย มันต่างกัน ”
“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรมันก็แขนงเดียวกันนั่นแหละ ”
“อยากถูกตบหรือไง ? ”
หลินเทียนอยากจะกระทืบมันอย่างมาก
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าป่วยๆออกมาพร้อมทั้งหันมองออกไปรอบๆ
เหลาเหลาเองก็เดินตามหลังหลินเทียนอย่างระมัดระวังโดยที่มีเสี่ยวไท่ชูคอยนอนเกาะไหล่หลินเทียนอยู่อย่างสบายใจ
พริบตาเวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงก็ได้ผ่านไปอีกครั้ง
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบว่าพืชพันธุ์มีให้เห็นน้อยลงแถมพื้นดินยังเปียกแฉะมากกว่าเก่าพร้อมทั้งกลิ่นหอมของสมุนไพรที่โชยออกไปรอบทิศทาง
“กลิ่นนี้มัน…….”
สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะกลิ่นหอมในอากาศนี้ค่อนข้างแรงเอามากๆถึงขั้นที่เข้มข้นเสียยิ่งกว่าสมุนไพรฟินิกซ์หลากสีที่เพิ่งได้รับมาเลยด้วยซ้ำ
แถมกลิ่นอายนี้ยังไม่ใช่แค่ต้นๆเดียวแต่เป็นกลิ่นอายที่ผสมผสานระหว่างสมุนไพรนับร้อยชนิดรวมๆกัน
จระเข้เบญจธาตุถึงกับผงะไปพร้อมทั้งพูดว่า
“สถานที่ๆดูตกต่ำแบบนี้มันมีกลิ่นอายสมุนไพรที่เข้มข้นขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ?! ”
เหลาเหลาเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน
“ไปสำรวจกันเถอะ ”
เขาหันมองไปทางทั้งสองคนพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะว่าตัวเขาเองก็เคยอ่านตำรามากมายมายซึ่งกลิ่นหอมของมันเหมือนๆกับลักษณะเฉพาะของสมุนไพรที่เขารู้จักซึ่งมันมีค่าเสียยิ่งกว่าสมุนไพรฟินิกซ์หลากสีด้วยซ้ำ
ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินเท้าออกไปไหกลกว่าหลายกิโลเมตร
ณ ตอนนี้เองที่พวกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่เข้มข้นขึ้นกว่าเก่าก่อนที่จะได้พบกับสวนสมุนไพรอยู่ตรงหน้าซึ่งกินพื้นที่หลายตาราเมตรแถมยังรายล้อมไปด้วยประกายแสงและกลิ่นอายโอสถอันเข้มข้น
“ที่นี่มัน……มีสวนสมุนไพรแบบนี้ด้วย ?! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
“ดอกหมื่นวิญญาณสามารถเพิ่มระดับพลังของเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้ ! โสมรากแก่นนิรันดร์สามารถเพิ่มระดับพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้ ! แถมยังมีแม้กระทั่งสมุนไพรล้ำลึก ดอกไม้วิญญาณหวนคืน…….”
สายตาของจระเข้เบญจธาตุว่างเปล่าไปโดยทันที
หลินเทียนเองก็ผงะไปไม่น้อยเพราะไม่คิดเลยว่าจะพบกับสวนสมุนไพรภายในสถานที่แบบนี้
สมุนไพรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีค่าอย่างมากแถมยังสามารถเพิ่มระดับพลังได้โดยทันที
“เก็บกันให้หมดเลย ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้นด้วยน้ำลายที่ไหลย้อยออกมาพร้อมทั้งกระโจนออกไปโดยทันที
ดวงตาของหลินเทียนยังคงส่องประกายออกมาขณะที่จ้องมองออกไปยังสวนด้านหน้า
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่หัวใจของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงหลังจากที่มองไปยังศพเหี่ยวๆที่กำลังจ้องมองมาทางพวกเขาและสร้างความรู้สึกขนหัวลุกให้อย่างฉับพลัน
“กลับมานี่ ! ”
เขายื่นมือออกไปคว้าร่างของจระเข้เบญจธาตุเอาไว้โดยทันที
ตอนที่ 1440
เมื่อถูกหลินเทียนคว้าเอาไว้แบบนี้แล้วทำให้มันได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ทำอะไรกันน่ะเจ้าหนู ?! ”
“หันมองไปทางนั้นสิ ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งชี้ออกไปยังซากศพที่อยู่ห่างออกไป
จระเข้เบญจธาตุได้หันมองตามออกไปก่อนที่จะพบกับร่างของศพเหี่ยวๆซึ่งตอนแรกมันก็ไม่ได้คิดอะไรแต่หลังจากนั้นกลับรู้สึกขนหัวลุกไปอย่างฉับพลัน
“นี่มันศพคืนชีพ ?! ”
เหลาเหลาเองก็ผงะไปเพราะสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่ศพธรรมดาๆเนื่องจากสายตาที่มันจ้องมองมาทางพวกเขานั้นไม่ได้ต่างจากผู้ส่งสารจากยมโลกเลยด้วยซ้ำ
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ศพธรรมดาๆนะ ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยดวงตาที่หดเล็กลงอย่างมาก
เป็นเพราะการที่สามารถทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกได้นั้นอธิบายได้ถึงความอันตรายของอีกฝ่ายอย่างมากว่ามันเป็นศพที่แปรสภาพกลายเป็นปีศาจแล้วอย่างแน่นอน
พริบตาที่คำพูดของเขาได้จบลงนั้นเสียงลุกขึ้นยืนก็ได้ถูกส่งออกมาขณะที่ศพที่อยู่ห่างออกไปเริ่มเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
ดวงตาของมันส่องประกายแสงสีเขียวออกมาขณะที่พยายามยืนขึ้นด้วยท่าทางแปลกๆ
กลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นได้พวยพุ่งออกมารอบทิศทางขณะที่มันกระโจนเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า
กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกนี้กวาดออกไปรอบทิศทางและส่งผลให้อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงอย่างฉับพลันขณะที่พวกเขาได้แต่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรงไปตามๆกัน
“ไอ้ศพนี่มันไม่ใช่ศพธรรมดาจริงๆด้วย ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะเมื่อต้องมองออกไปแล้วมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่เข้มข้นเสมือนว่ามาจากขุมนรกเลยก็ว่าได้
มันเป็นความหม่นหมองที่น่าสยดสยองอย่างมาก
นี่ทำให้มันได้แต่ผงะไปเพราะหากว่าไม่ได้หลินเทียนดึงมันกลับมาแล้วมันก็คงจะตกตายลงไปนานแล้วอย่างแน่นอน
วิ้สส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่อีกฝ่ายกระโจนเข้าใส่ทางพวกเขาด้วยความเร็วที่สูงจนน่ากลัว
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งคว้ามือเหี่ยวๆเข้าใส่ทางพวกเขาโดยที่กลุ่มหมอกแห่งความตายรายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ทั้งหมด
มันเป็นกลุ่มหมอกที่ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้อย่างสมบูรณ์
จระเข้เบญจธาตุได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกขนหัวลุกถึงขีดสุด
เหลาเหลาเองก็มีใบหน้าที่ซีดลงอย่างมากเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเลยก็ว่าได้
หลินเทียนยกมือของเขาขึ้นมาพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดออกไปปะทะการโจมตีของอีกฝ่าย
หมัดของเขาและฝ่ามือของศพได้อัดเข้าใส่กันก่อนที่ความรู้สึกเดียวที่เขาสัมผัสได้ถือความด้านชาที่กำปั้นของเขาเสมือนว่ามันกำลังจะปริแตกออกจากกัน
ศพนั้นส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่กรงเล็บแหลมคมได้งอกออกมาพลางคว้าเข้าใส่ทางพวกเขาด้วยแววตาอันชั่วร้าย
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายจากมันแม้ว่ามันจะไม่ได้ขยับไปไหนทว่าเมื่อมันเคลื่อนไหวแล้วเขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างแท้จริง
เขาเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปปะทะเข้ากับการโจมตีนี้
ตู้มม ~!
ตู้ม !
ตู้มมม ~!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ทำให้เลือดไหลซิบออกมาไม่หยุด
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปเพราะมันรู้ดีว่าร่างกายของหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดไหนแถมยังด้วยระดับพลังเขตแดนนิรันดร์อมตะนี้แล้วจึงทำให้ร่างกายของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนอนันตกาลเลยด้วยซ้ำทว่ากลับได้รับบาดเจ็บหลังปะทะกับอีกฝ่าย
“นี่มัน….”
หัวใจของมันถึงกับยิ่งสั่นสะท้านเข้าไปอีก
“โร๊วว ~! ”
ศพนั้นส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังและแม้ว่าสภาพร่างกายของมันจะดูแห้งเหี่ยวเหมือนกำลังจะแตกดับทว่ากลับร้ายกาจเป็นอย่างมากถึงขั้นที่ทำลายห้วงมิติโดยรอบไปได้อย่างง่ายดาย
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลของเขาออกไปพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของมันมากกว่าเก่า
กลิ่นอายแห่งความตายของมันเข้มข้นถึงขั้นที่ไม่ได้ต่างไปจากทะเลแห่งความตายเลยด้วยซ้ำ
นี่ทำให้หมัดของเขาในตอนนี้ผสมผสานไปด้วยกลิ่นอายของหยินและหยางอันเข้มข้นก่อนที่จะสังเวยกระบี่หยินหยางออกมาฟาดฟันเข้าใส่ทางมัน
นี่คือปรากฏการณ์ทะเลความรู้ของเขาที่มีความสามารถพิเศษในการสยบสิ่งชั่วร้ายจึงสังเวยมันออกมาผสมผสานเข้ากับหมัดจักรพรรดิโกลาหลอัดเข้าใส่ร่างของมัน
ทว่าพลังหยินหยางของเขาในตอนนี้กลับไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย มันถึงขั้นที่ว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ระดับพลังของเราต่ำไป ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง
“โร๊วว ~! ”
ศพนี้ได้ส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลผสานกลิ่นอายหยินหยางออกไปอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งสังเวยเอาทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกมา
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังได้แปรเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นทะเลสายฟ้าสีเงินก่อนที่มันจะอัดกระแทกเข้าใส่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย
ครั้งนี้มันทำให้ศพได้สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงก่อนที่จะถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่ส่งกลุ่มควันสีเขียวโชยออกมา
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาโดยทันทีเพราะดูเหมือนว่าทักษะนี้จะสามารถต่อกรกับมันได้ ?
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าออกไปโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้โดยทันที
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังได้อัดกระแทกร่างของศพปลิวออกไปไกลทำให้กลุ่มควันไหลทะลักออกมาจากร่างของมันพร้อมๆกับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวยออกมา
“ได้ผลจริงๆ ! ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเพราะดูเหมือนว่าทักษะนี้จะมีความสามารถสยบปีศาจร้ายได้ยิ่งกว่าดอกบัวหยินหยางด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น
เมื่อเขาคิดดูแล้วก็สงบสติลงอย่างรวดเร็วเพราะเขาควรจะคิดได้ตั้งนานแล้วเนื่องจากว่าตามตำนานนั้นปีศาจและสิ่งชั่วร้ายมักเกรงกลัวต่อสายฟ้าถึงที่สุดซึ่งทักษะของเขาเองก็ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดาๆแต่เป็นหนึ่งในสายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์ซึ่งไร้เทียมทานอย่างมากจึงมีพลังที่กล้าแกร่งเสียยิ่งกว่าดอกบัวหยินหยางมาก
เขาหมุนวนทักษะสุริยันปรินิพพานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บก่อนที่จะพุ่งออกไปทางซากศพที่อยู่ห่างไกลออกไป
ณ ตอนนี้ร่างกายของเขาได้รายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าอันเข้มข้นไม่ได้ต่างไปจากการจุติของเทพอัสนีเลยก็ว่าได้
ตู้มม ~!
เขาโบกมือส่งคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังออกไปกระแทกร่างอีกฝ่ายปลิวออกไปไกลขณะที่มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด
“นี่เจ้าหนูนี่มันเชี่ยวชาญสัจธรรมแห่งสายฟ้า ? ไม่สิ นี่มันไม่ใช่ มัน…..”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่จ้องมองออกไปก่อนที่มันจะแข็งค้างไปแล้วอุทานออกมาว่า
“นี่มัน……..มีกลิ่นอายของทัณฑ์สวรรค์อยู่ด้วย ?! ”
เพราะเมื่อมองออกไปยังคลื่นสายฟ้าที่รายล้อมร่างของหลินเทียนเอาไว้แล้วมันก็ได้แต่ผงะไปไม่เพียงเพราะว่าพลังทำลายของมันแต่เป็นเพราะสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของทัณฑ์สวรรค์ได้จากมัน
“เขจาได้รับมันมาจากดาวจี่หยานซึ่งได้ยินมาว่ามันเป็นทักษะที่เกิดจากการทำความเข้าใจทัณฑ์สวรรค์ ”
เหลาเหลาพูดออกมา
“ทำความเข้าใจทัณฑ์สวรรค์ ?! ”
จระเข้เบญจธาตุโง่งมไปทันที
มันมีคนที่กล้าเรียนรู้ทัณฑ์สวรรค์ด้วย ?!
โร๊วว ~! ~!
เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายพวยพุ่งออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาและสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากแต่ก็ไม่ได้หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังออกไปตรงหน้า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นสายฟ้าที่หนักหน่วงเหล่านี้แล้วซากศพนี้ได้เหวี่ยงกรงเล็บอันแหลมคมของมันออกมาก่อนที่จะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนอีกครั้งด้วยร่างกายที่ไหม้เกรียม
หลินเทียนก้าวออกไปพลางส่งคลื่นสายฟ้าอัดเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
“นี่……..”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้แต่โง่งมไปทันที
เป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเลยด้วยซ้ำทว่ากลับถูกหลินเทียนสยบลงได้ง่ายๆ
“มันเป็นทักษะที่ทรงพลังจริงๆ ”
เหลาเหลาสูดหายใจเข้าลึก
“ย๊า ! ”
เสี่ยวไท่ชูที่เหาะออกไปตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นได้แต่จ้องมองออกไปทางหลินเทียนด้วยดวงตากลมโตอันเฉลียวฉลาดพลางโบกกรงเล็บของมันเพื่อให้กำลังใจหลินเทียน
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังได้ฟาดฟันผ่านพื้นที่แห่งนี้ไป
หลินเทียนก้าวออกไปด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ต่างไปจากเทพอัสนีส่งคลื่นสายฟ้าอัดกระแทกเข้าใส่มัน
ซากศพส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดขณะที่ร่างกายลุกเป็นไฟทำให้แววตาของมันส่องประกายความกลัวออกมา
มันได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดก่อนที่จะหันหลังพุ่งหนีไปไกล
“หนีไป ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่จ้องมองออกไปเพราะนี่อีกฝ่ายกลับวิ่งหนีหางจุกตูดไปแบบนี้ ?
“ทักษะนี้มีความสามารถสยบสิ่งชั่วร้ายได้ดังนั้นหากว่าไม่หนีไปก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้นแหละ ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปยังคงรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าอันเข้มข้นโดยที่ไม่ได้ไล่ตามมันไป
เป็นเพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไล่ตามไป
“เจ้าหนู ทักษะของเจ้านี่มันร้ายกาจจริงๆ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาก่อนที่จะจ้องเขม็งมาทางเขาพร้อมทั้งถามว่า
“มันเป็นทักษะที่เกิดจากการทำความเข้าใจทัณฑ์สวรรค์จริงๆ ? ”
แม้ว่ามันจะได้ยินมาจากเหลาเหลาแล้วแต่ก็ยังอดถามออกมาไม่ได้
เป็นเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆที่มีคนกล้าทำความเข้าใจทัณฑ์สวรรค์
“อื้ม ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
“นี่…….”
เมื่อได้รับการยืนยันมาแบบนี้แล้วมันก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก
หลังจากนั้นมันก็ได้ระลึกถึงบางสิ่งพร้อมทั้งถามว่า
“มีเพียงแค่เจ้าคนเดียวที่สามารถฝึกฝนมันได้จริงๆ ? ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาอีกครั้ง
“เอาล่ะอย่านิ่งอยู่เลย ไปเก็บสมุนไพรกันเถอะ ”
เขาพูดออกมา
แม้ว่าจระเข้เบญจธาตุจะกำลังอยู่ในอาการตกตะลึงแต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วมันก็รีบหันมองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมาโดยทันที
นี่ทำให้พวกเขาพากันก้าวออกไปทางสวนสมุนไพรอย่างรวดเร็ว
ภายในสวนนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรส่งกลิ่นหอมอยู่มากมาย
พวกเขารีบพากันเก็บเกี่ยวมันอย่างไม่รอช้า
“ด้วยสมุนไพรเหล่านี้มันเพียงพอจะทำให้ข้าและแม่หนูนี่ตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 ได้สบายๆ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้นก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ส่วนสมุนไพรนิรันดร์ก็ให้เจ้าหนูน้อยไปแล้วกันมันจะได้ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางส่วนเจ้าหนูหลินก็เอาสมุนไพรซวนฮ้วงไปจะได้ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลาง ”
หลินเทียนที่กำลังถือสมุนไพรซวนฮ้วงเอาไว้ได้แต่มีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
เพราะถึงอย่างไรสรรพคุณของมันก็ล้ำเลิศอย่างมากและสามารถทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นได้โดยทันที
ไม่นานพวกเขาและคนอื่นๆก็พากันเก็บเกี่ยวสมุนไพรทั้งหมดภายในสถานที่แห่งนี้ไป
“แต่จะพูดก็พูดนี่มันแปลกจริงๆเลยนะ ทำไมสถานที่ๆหม่นหมองแบบนี้ถึงได้มีสวนสมุนไพรกัน ? ”
เหลาเหลาถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ
ตอนที่ 1441
สำหรับความสงสัยของนางนั้นตัวเขาเองก็คิดแบบเดียวกันเพราะว่าสถานที่แห่งนี้มันดูเหมือนเป็นการตั้งใจทำอย่างมากซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆเพราะจะไปมีสถานที่แบบนี้ภายในสถานที่ๆมันหม่นหมองอย่างงี้ได้อย่างไรกัน ?
เขากวาดสายตาออกไปรอบๆเพื่อพยายามหาเบาะแสแต่ก็ไม่พบอะไรแม้แต่น้อยทำให้เขาได้แต่ส่ายศีรษะไป
“ช่างมันเถอะ หาที่ปลอดภัยดูดกลืนสมุนไพรพวกนี้กันดีกว่า”
เขาพูดออกมา
เมื่อฟังจากคำพูดนี้แล้วจระเข้เบญจธาตุเองก็รีบพยักหน้าของมันพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน ”
เป็นเพราะตราบเท่าที่ดูดกลืนมันแล้วระดับพลังของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นมากดังนั้นมันถึงได้รู้สึกทนรอไม่ไหว
“ไปกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เขากวาดสายตาออกไปรอบๆพร้อมทั้งเดินนำพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าก็ดูดกลืนมันก่อนแล้วกัน ข้าจะเป็นคนคอยคุ้มกันให้ก่อน ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งโบกมือสร้างข่ายอาคมป้องกันขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“อื้ม เอาตามนั้นแล้วกัน ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้หลินเทียนคอยเป็นคนคุ้มกันให้กับพวกเขาซึ่งหลังจากที่เริ่มการหล่อหลอมสมุนไพรทั้งหลายก็ทำให้กลิ่นอายที่พวกเขาส่งออกมาเข้มข้นขึ้นกว่าเก่ามาก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนเต็ม
ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้พวกเขาล้วนดูดกลืนสมุนไพรไปอย่างสมบูรณ์ทำให้จระเข้เบญจธาตุและเหลาเหลาตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับแปดขณะที่เสี่ยวไท่ชูตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลาง
“ชื่นใจจริงๆ ”
จระเข้เบญจธาตุอดส่งเสียงออกมาไม่ได้
เป็นเพราะการที่สามารถตัดผ่านสองระดับได้ภายในเวลาสั้นๆนี้มันน่าตื่นเต้นจริงๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่กี่ปีข้าจะสามารถตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับแปดจากเขตแดนจักรพรรดินภาได้ นี่มันเหมือนฝันเลยก็ว่าได้ ”
เหลาเหลาได้กำหมัดเอาไว้ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
หลังจากนั้นนางก็รีบขอบคุณเขาอย่างรวดเร็วเพราะการที่ระดับพลังของนางเพิ่มสูงขึ้นมาได้ล้วนเป็นความชอบของหลินเทียนทั้งหมดและหากว่าไม่มีหลินเทียนแล้วนางก็คงไม่มีทางมาถึงระดับนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆนี้
“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกเพราะเราเป็นเพื่อนกัน ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพลางพูดต่อว่า
“ไม่ใช่ว่าตระกูลของเจ้าค่อยข้างเข้มงวดหรือไง แล้วกลับไปคงจะไม่ได้โดนดุด่าหรอกใช่ไหม ? ”
“มันเป็นทรัพยากรบ่มเพาะที่เจ้ามอบให้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับของตระกูลดังนั้นพวกเขาไม่สามารถยุ่งเรื่องนี้ได้ ”
เหลาเหลาพูดออกมา
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
“อื้ม ก็ใช่แหะ ”
หลังจากนั้นก็หันมองไปทางอีกสองคนแล้วพูดว่า
“ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นพวกเจ้าที่คอยคุ้มกันข้าก่อนแล้วกัน ”
เป็นเพราะคนอื่นๆเองก็ต่างดูดกลืนสมุนไพรกันไปหมดแล้วดังนั้นมันถึงเวลาที่เขาจะต้องเพิ่มระดับพลังเช่นกัน
“ไม่ต้องเป็นห่วง ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งนั่งขัดสมาธิลงก่อนที่จะหยิบเอาสมุนไพรซวนฮ้วงออกมา
บึ้สสส ~!
เคล็ดวิชาดวงใจสุริยันได้หมุนวนพร้อมทั้งดูดกลืนพลังของมันไปทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวลาอีกกว่าหนึ่งเดือนเต็มได้ผ่านพ้นไปและมันเป็นตอนที่พลังงานทั้งหมดได้ถูกดูดกลืนไปอย่างสมบูรณ์
“เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลาง ”
เขาลืมตากลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่ส่องประกาย
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ทำให้ระดับพลังของเขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางส่งผลให้ร่างกาย พลังเทวะและดวงวิญญาณกล้าแกร่งขึ้นมาก
หากว่าเทียบกับเมื่อหนึ่งเดือนก่อนแล้วเขาตระหนักดีว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
นี่ทำให้เขาสูดหายใจเข้าลึกพร้อมทั้งลุกขึ้นยืดร่างกาย
“ไปกันเถอะ ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งหันหลังก้าวเดินออกไปเพื่อค้นหาวิธีการออกไปจากที่นี่
เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากๆทำให้เขาแผดตรามังกรออกไปโดยรอบก่อนที่จะออกเดินทางไปไกลมากๆ
พื้นดินยังค่อนข้างเปียกชื้นและรายล้อมไปด้วยใบไม้แห้งมากมายก่อนที่จะพบกับสวนสมุนไพรที่ใหญ่กว่าครั้งก่อนหน้านี้มากๆแต่สมุนไพรหลายๆชนิดกลับแห้งเหี่ยวไปหมดแล้ว
พวกเขาพากันเดินเข้าไปใกล้มันอย่างรวดเร็ว
“ผลไม้แกนดาวสามารถเพิ่มระดับพลังเขตแดนอนันตกาลได้ โสมจี่เปาสามารถเพิ่มระดับพลังนิรันดร์แท้จริง สมุนไพรฟินิกซ์นพเก้าที่มีสรรพคุณชั้นเลิศแม้จะอยู่ในเขตแดนนิรันดร์ทองคำ…..”
หัวใจของจระเข้เบญจธาตุได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“ที่นี่มีสมุนไพรล้ำค่าอยู่มากมายขนาดนี้เลย ?! ”
เป็นเพราะสมุนไพรที่ปลูกอยู่ในสถานที่แห่งนี้มันล้ำค่าและหายากอย่างมากถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสร้างความตกตะลึงครั้งยิ่งใหญ่แต่ก็ทำให้มันรู้สึกไม่พอใจอย่างมากเนื่องจากสมุนไพรเหล่านี้ล้วนเหี่ยวเฉาหมดแล้ว
“นี่มัน……”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
ขนาดที่ว่าตัวของหลินเทียนที่มีจิตใจแน่วแน่เองก็ยังรู้สึกสั่นสะท้านไปเนื่องจากคุณค่าของสวนสมุนไพรแห่งนี้มันไม่สามารถประเมินค่าได้จริงๆ
มันมีพื้นที่กว้างหลายหมื่นตารางเมตรซึ่งพวกเขาเองก็ได้พบกับสมุนไพรล้ำค่ามากมายทว่าพวกมันล้วนเหี่ยวเฉาอย่างสมบูรณ์
“บาปจริงๆ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงโห่ร้องออกมา
การที่ได้พบกับสมบัติมากมายขนาดนี้แต่กลับเหี่ยวเฉาไปหมดแล้วนี่มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
บอกเลยว่าไม่เพียงแค่มันเท่านั้นเพราะขนาดหลินเทียนเองก็ยังรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยเนื่องจากคุณค่าของสมุนไพรเหล่านี้มันสามารถทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้ทันที
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ”
เขาพูดออกมา
แม้ว่าสวนสมุนไพรแห่งนี้จะสุดยอดมากๆแต่สมุนไพรทั้งหลายได้เหี่ยวไปหมดแล้วจึงไม่มีคุณค่าอะไรที่จะอยู่ต่อ
เขาพากันเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยที่แผดตรามังกรออกไปโดนรอบพร้อมทั้งพบกับสวนสมุนไพรที่ใหญ่ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกแถมภายในยังเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่าที่กินพื้นที่กว่าหลายแสนตารางเมตร มันมีแม้กระทั่งสมุนไพรหมื่นนิรันดร์ที่สามารถช่วยให้เขตแดนนิรันดร์สวรรค์ตัดผ่านระดับพลังได้
อย่างไรก็ตามมันกลับเหี่ยวเฉาไปหมดไม่มีเหลือ
“ไอ้#¥%#……”
เสียงโอดครวญถูกส่งออกมาจากปากของจระเข้เบญจธาตุ
“อย่าโหยหวนอยู่เลย หอนไปเท่าไหร่มันก็ไม่กลับมามีชีวิตหรอก ”
หลินเทียนหันมองไปทางมันเล็กน้อย
“ข้าเสียดาย ! ของล้ำค่าขนาดนี้กลับกลายเป็นเพียงขยะเท่านั้น ! ”
“เสียดายยังไงมันก็เปล่าประโยชน์ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เหลาเหลาที่อยู่ข้างๆเองก็ได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ของพวกนี้เป็นสิ่งที่คนปลูกอย่างแน่นอน หรือว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่มาก่อน ? ”
หลินเทียนเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“มีความเป็นไปได้อยู่สูงมากๆ ”
เป็นเพราะขุมพลังใหญ่ๆที่ไหนก็ล้วนมีพื้นที่ปลูกสมุนไพรเป็นของตัวเองซึ่งสำนักของเขาเองก็ไม่เว้นแถมสถานที่แห่งนี้ยังมีความซับซ้อนไม่น้อย
แน่นอนว่าความต่างชั้นระหว่างสมุนไพรของทั้งสองนั้นไม่สามารถเทียบเคียงกันได้เลยด้วยซ้ำ
เขาเองก็วิเคราะห์ออกมาแบบเดียวกับเหลาเหลาว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่มันเคยเป็นที่อยู่ของขุมพลังใหญ่
“แต่หากว่าเป็นแบบนั้นแล้วก็น่าจะแปลว่าขุมพลังนั้นต้องแข็งแกร่งมากๆ ? การที่มีสมุนไพรเขตแดนนิรันดร์สวรรค์แบบนี้ได้อย่างน้อยๆก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์สวรรค์คอยประจำการแล้วทำไมถึงได้กลายสภาพเป็นแบบนี้กัน ? แค่เห็นก็บอกได้เลยว่ามันได้ถูกทำลายล้างไปแล้ว ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมา
“ข้าเองก็ไม่รู้”
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขา
เขาได้แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแผดตรามังกรออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหกชั่วโมงซึ่งมันเป็นตอนที่พวกเขาเดินไปถึงใจกลางสถานที่แห่งนี้
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วเขาก็ได้พบกับเศษซากตำหนักที่ดูมีอายุอย่างน้อยๆก็เป็นแสนๆปีส่งกลิ่นอายที่เก่าแก่ออกมา
“ดูเหมือนว่าจะเป็นตำหนักของขุมพลังใหญ่นั่น ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหันมองออกไปแล้วพูดว่า
“มันมีขุมพลังใหญ่อยู่ในสถานที่แห่งนี้จริงๆ ?”
“ก็บอกแล้วว่ามีความเป็นไปได้สูงมากๆ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้สำรวจสถานที่แห่งนี้ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากที่มองไปยังใจกลางสถานที่แห่งนี้
ตอนที่ 1442
ภายในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเศษซากตำหนักมากมายที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่สามารถระบุได้และรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่เก่าแก่
หลินเทียนหันมองออกไปภายในห้องโถงของมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันกับที่ได้รับตอนอยู่ที่ขอบของผืนแผ่นดินนี้
“เข้าไปที่ใจกลางกัน ”
เขาหันไปพูดกับทั้งสองคน
จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมาว่า
“พบอะไร ? ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งตอบว่า
“มันมีกลิ่นอาบแบบเดียวกันกับม่านพลังที่ขอบผืนแผ่นดินนี้ น่าจะพอมีเบาะแสอะไรบ้าง ”
จระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมีดวงตาเปล่งประกายออกมาโดยทันที
“ไปกันเถอะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้พวกเขาพากันก้าวเดินออกไปภายในอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปยังห้องโถงในระยะประชิดแล้วจะพบว่าอากาศโดยรอบเย็นตัวลงอย่างมากแถมยังมีกลิ่นอายแปลกๆรายล้อมอยู่รอบทิศทาง
เมื่อเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ดูไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อยก็ทำให้พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเข้าไป
เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาดังนั้นก็ต้องมีความกล้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเบาะที่จะนำพวกเขาออกไปนั้นอยู่ที่นี่ดังนั้นยังไงก็ต้องเข้าไปอยู่ดี
ภายในห้องโถงนี้ค่อนข้างสลัวๆแต่กลับกว้างใหญ่อย่างมากเสมือนว่าเป็นโลกใบเล็กที่ทอดยาวออกไปไกลเลยก็ว่าได้
ภายในสถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายแบบเดียวกันถูกส่งออกมาจากภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ทำให้หลินเทียนและคนอื่นๆรีบมุ่งหน้าตรงออกไป
“ตึ้ก ”
“ตึ้ก ”
“ตึ้ก”
เสียงฝีเท้าถูกส่งออกมาท่ามกลางความเงียบสงบ
หลินเทียนเดินนำออกไปไม่ช้าไม่เร็วจนถึงภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งพบกับร่องรอยมากมายไม่ว่าจะเป็นรอยแตกหัก รอยกระบี่มากมายที่กระจายอยู่รอบทิศทางรวมถึงเศษซากระดูกและอาวุธซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นที่นี่
แต่ที่สำคัญที่สุดคือเศษเสี้ยวอาวุธเหล่านั้นผสมผสานกลิ่นอายนิรันดร์เอาไว้
“อย่างน้อยๆผู้ที่ต่อสู้กันที่นี่ก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเป็นอย่างต่ำ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งมุ่งหน้าเข้าไปภายในต่อไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้เข้าไปถึงห้องโถงหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในส่วนลึก
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับประตูหินที่เปิดกว้างและเผยให้เห็นพื้นที่โล่งกว้างที่ชโลมไปด้วยคราบเลือดที่เหือดแห้ง
ใจกลางของสถานที่แห่งนี้มีร่างของชายชราชุดดำคนหนึ่งถูกหอกแหลมเสียบเอาไว้กลางหน้าอกโดยที่ไม่มีสัญญาณชีวิตใดๆลงเหลืออยู่ซึ่งที่ด้ามหอกเองก็มีร่างๆหนึ่งที่กำลังคว้ามันเอาไว้และดูเหมือนว่าจะเป็นการโจมตีที่สังเวยชีวิตตัวเองทะลวงผ่านร่างของชายชราชุดดำ
“ทั้งสองคนนี้ตกตายลงไปพร้อมๆกัน ?! ”
หลายๆคนได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
หลินเทียนได้แต่มองออกไปยังร่างทั้งสองซึ่งพบว่าในมืออีกข้างของอีกฝ่ายกำลังกำตราโบราณที่ส่งกลิ่นอายแบบเดียวกันกับม่านพลังภายนอกสถานที่แห่งนี้
คนอื่นๆเองก็เห็นแบบเดียวกันทำให้ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกายออกมาโดยทันที
“หากว่ามีมันก็จะต้องก้าวข้ามม่านพลังไปได้อย่างแน่นอน ! ”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุเปล่งประกายออกมา
นี่ทำให้หลินเทียนไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเดินออกไป
กลิ่นอายหลงเหลือที่ซากศพทั้งสองส่งออกมานั้นทรงพลังอย่างมากถึงขั้นที่ว่าพวกเขายังรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
“กลิ่นอายของทั้งสองคนนี้มันแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ เลือดที่กระเซ็นไปทั่วห้องก็น่าจะเป็นของทั้งสองคนนี้ ขนาดเวลาผ่านมานานขนาดนี้กลับไม่ได้สลายหายไปแถมยังส่งกลิ่นคาวเลือดไปทั่วทั้งห้องอีก ”
จระเข้เบญจธาตุผงะไป
หลินเทียนเองก็รู้สึกแบบเดียวกันก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปใกล้พร้อมๆกับคนอื่นๆ
ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่แรงกดดันที่พวกเขาต้องแบกรับก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
เสมือนว่าห้วงจักรวาลกำลังกดทับร่างของพวกเขาเอาไว้
หลินเทียนได้มองไปยังเจ้าของหอกพร้อมทั้งยื่นมือออกไปเอาตราโบราณนั้นอย่างระมัดระวัง
ตราโบราณขนาดเท่าฝ่ามือนี้สลักอักษรโบราณคำว่า หยวน เอาไว้ซึ่งไม่รู้เลยว่ามันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุอะไรแต่กลับมีน้ำหนักที่สูงมากถึงขั้นที่หลินเทียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกมันกดทับเลยก็ว่าได้
“ได้มาแล้ว ! ”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาเพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นแบบเดียวกันกับม่านพลังได้อย่างชัดเจนดังนั้นพวกเขาจะต้องสามารถออกไปจากที่นี่เมื่อมีมันได้แน่ๆ
หลังจากนั้นมันก็ได้หันมองไปทางหอกที่ตรงร่างของชายชราเอาไว้พลางพูดต่อว่า
“เจ้าหนู หอกนี่มันก็เป็นของดีไม่เบาเลยนะ รีบเอาไปเถอะ ”
หลินเทียนนั้นตระหนักดีอยู่แล้วและแม้ว่ามันจะรายล้อมไปด้วยรอยปริแตกเสมือนว่าแค่แตะเบาๆก็แหลกสลายได้แต่กลิ่นอายที่มันส่งออกมากลับทรงพลังถึงขั้นที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอาวุธนิรันดร์แท้จริงที่เขามี
เขาไม่ลังเลเลยที่จะยื่นมือออกไปเบื่อดึงมันออกมา
“บึ้สส ~! ”
แต่มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงหนึ่งถูกส่งออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
คลื่นพลังจิตสัมผัสอันเข้มข้นถูกส่งออกมาจากร่างของชายชราชุดดำพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนและคนอื่นๆ
นี่ทำให้สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาปกป้องร่างกายของเขาและคนอื่นๆเอาไว้
“แกร๊ง ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่เจดีย์ราชันอมตะสั่นไหวไม่หยุดเสมือนว่าถูกกระแทกเข้าด้วยขุนเขาทำให้ร่างของหลินเทียนปลิวออกไปกระแทกเข้ากับผนังหินที่อยู่ห่างออกไปอย่างแรงจนแทบกระอักเลือดออกมา
มันเป็นเพราะว่าเจดีย์ราชันอมตะนั้นแข็งแกร่งอย่างมากไม่งั้นแล้วพวกเขาก็คงเป็นฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแทน
ชายชราที่ถูกหอกทะลวงผ่านหน้าอกด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากซากศพได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยกลิ่นอายชีวิตที่เบาบางอย่างมาก
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอันทรงพลังได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา
“คืนชีพ ?! ”
จระเข้เบญจธาตุถึงกับผงะไป
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงสัญญาณชีพของอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อยและนึกว่าน่าจะตายลงเหมือนๆกับเจ้าของหอกนี้แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่อีก
“เป็นเพราะมีหอกทะลวงร่างเอาไว้ถึงได้อยู่ในสภาพกึ่งตายแต่เนื่องจากสัญญาณชีพของเราทำให้มันฟื้นขึ้นมา ? ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
ชายชราได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่ล้ำลึกและราบเรียบเป็นอย่างมากพลางจ้องมองมาทางตราโบราณในมือของหลินเทียนพร้อมทั้งหยุดอยู่ที่เจดีย์ราชันอมตะด้วยดวงตาที่ยิ่งล้ำลึกขึ้นไปอีกก่อนที่จะส่งจิตสัมผัสอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนเพียงคนเดียว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิตสัมผัสระดับนี้แล้วหลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อส่งถ่ายพลังลงไปในเจดีย์ราชันอมตะเพื่อปกป้องร่างของพวกเขาเอาไว้
คลื่นพลังจิตสัมผัสที่เข้มข้นได้กระแทกเข้าใส่กลางเจดีย์ราชันอมตะอย่างจังทำให้หลินเทียนและคนอื่นลอบเคว้งออกไปไกลด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
“บึ้สสส ~! ”
มิติโดยรอบส่งเสียงออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นจิตสัมผัสยังคงอัดเข้าใส่ทางเขาด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างมากพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
หลินเทียนไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ทันดังนั้นถึงได้สังเวยเอาวงเวทย์สังสารวัฏออกมาผสานพลังเข้ากับเจดีย์ราชัยอมตะอย่างรวดเร็ว
“ตู้มมม ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมา
ตู้มมม ~!
หลินเทียนได้ถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลอีกครั้งพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาในขณะที่คนอื่นๆเองก็ลอยเคว้งออกไปไม่ต่างกัน
“ไอ้แก่นี่มันอยู่ในเขตแดนอะไรกันแน่ ?! ดูเหมือนคนใกล้จะตายอยู่แล้วยังแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้เลยงั้นรึ ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“หนีเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาขณะที่โอบร่างของทุกคนเอาไว้ด้วยคลื่นพลังพร้อมทั้งพุ่งหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ชายชราชุดดำคนนี้แข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างมากถึงขั้นที่ต่อให้พวกเขารวมพลังกันก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้
ณ ตอนนี้การใช้โอกาสขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งฟื้นขึ้นมาหนีไปนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดไม่งั้นหากว่ายังอยู่ต่อก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
ตอนที่ 1443
ความเร็วของหลินเทียนนั้นถือว่าสูงมากๆแถมยังพุ่งนำเสี่ยวไท่ชูและคนอื่นๆผ่านอากาศออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ใจกลางห้องโถงนี้เป็นที่ๆร่างของชายชราถูกตรึงเอาไว้ด้วยดวงตาที่ล้ำลึกและราบเรียบเป็นอย่างมากก่อนที่จิตสัมผัสอันทรงพลังของเขาจะโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนเพื่อปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งสังเวยกระบี่อาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมาพลางส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ออกไปรับเอาไว้
แกร๊ง ~!
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวได้ฟาดฟันคลื่นจิตสัมผัสของชายชราจนแหลกสลายหายไป
ร่างของหลินเทียนถูกกระแทกปลิวออกไปไกลแต่ก็ยังใช้อาวุธนิรันดร์แท้จริงปกป้องร่างกายเอาไว้
สภาพของเขาในตอนนี้ยังอยู่ดีและรับมือได้ดีกว่าครั้งก่อนหน้านี้มาก
เขาอาศัยเจดีย์ราชันอมตะปกป้องร่างกายของพวกเขาเอาไว้พร้อมทั้งสังเวยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกมาห่อหุ้มกระบี่ในมือเอาไว้พลางฟาดฟันคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังออกไปอัดกระแทกเข้าใส่จิตสัมผัสของอีกฝ่ายแล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“หยุด ! ”
น้ำเสียงแหบอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นพลังจิตสัมผัสโถมเข้าใส่ร่างของหลินเทียน
“ไม่ต้องออกมาส่งก็ได้ ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าของเขาได้หมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะสังเวยก้าวย่างแห่งสวรรค์พุ่งผ่านอากาศออกไปเพื่อเบี่ยงหลบการโจมตีของชายชรา
หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งระยะห่างออกไปจากสถานที่แห่งนี้ไกลมากแล้ว
ชายชราที่อยู่ภายในห้องโถงได้แต่จ้องมองไปทางเขาที่อยู่ห่างออกไปไกลโดยที่ไม่ได้ไล่ตามออกไป
หน้าอกของเขายังคงมีหอกแหลมเสียบเอาไว้ซึ่งก่อนหน้านี้เลือดมันได้หยุดไหลไปแล้วทว่าตอนนี้กลับมีเลือดใหม่ไหลออกมา
“มันเป็นของข้า ! ”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาอย่างทรงพลัง
หลินเทียนยังคงปกป้องร่างกายเอาไว้ขณะที่พุ่งหนีออกไปไกลอย่างมาก
“ไอ้แก่นั่นมันไม่ได้ตามมา ?! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่จ้องมองไปทางด้านหลัง
“ดูเหมือนว่าจะถูกหอกนั่นสยบเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับได้ในตอนนี้แถมระยะที่จิตสัมผัสครอบคลุมเองก็ดูจะไม่กว้างเท่าไหร่ ”
เหลาเหลาได้พูดออกมา
“เป็นอย่างที่นางพูดนั่นแหละ ”
หลินเทียนพูดออกมาเช่นกัน
เป็นเพราะอีกฝ่ายอาศัยพลังจิตสัมผัสเป็นอาวุธคอยโมตีเข้าใส่เขาหลายครั้งโดยที่ร่างกายของตัวเองไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยทำให้เขาสัมผัสได้เลยว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นอ่อนแอและปั่นป่วนอย่างมากทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ตามใจชอบแถมระยะของจิตสัมผัสที่ใช้งานได้เองก็แคบเอามากๆ
ระหว่างนี้เขาก็ยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้หยุดพักหายใจแม้แต่น้อย
ไม่นานก็กลับมาสู่สถานที่ๆเต็มไปด้วยซากปรักหักพังโดยที่ไม่มีจิตสัมผัสของชายชราไล่ล่ามาอีกต่อไป
พวกเขาพุ่งผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถไล่ตามมาได้จริงๆสินะ ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่จ้องมองกลับไปพร้อมทั้งอดสั่นไปไม่ได้
“ไอ้แก่นั่นมันแข็งแกร่งจริงๆเลยนะ ขนาดได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วยังแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ หากว่ามันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดข้าคิดว่ามันคงทำลายได้แม้กระทั่งดาวทั้งดวงเลยด้วยซ้ำ ”
“แข็งแกร่งมากๆ ”
เหลาเหลาได้กลืนน้ำลายกลับลงไป
เสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่คอหดไป
หลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรในตอนนี้เพราะว่าท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียอะไรในตอนนี้
“ไปกันเร็ว ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งเก็บเอาอาวุธทั้งหลายกลับไปแล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังของตราโบราณในมือของเขาแล้วเขาเชื่อว่ามันจะต้องสามารถฝ่าข้ามม่านพลังออกไปได้อย่างแน่นอน
“ไปกัน ! ”
จระเข้เบญจธาตุเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรไปกับเจดีย์ราชันอมจะหรืออาวุธอื่นๆของเขาแม้แต่น้อยเพราะมันเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว
เสี่ยวไท่ชูเองก็เป็นแบบเดียวกัน
ส่วนเหลาเหลานั้นนางเป็นคนแรกๆที่ได้เห็นมันและรู้ดีว่ากระบี่อาวุธนิรันดร์แท้จริงนั้นมาจากที่ไหนดังนั้นจึงยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแปลกใจไปกับสิ่งเหล่านี้
พวกเขาพากันพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากๆก่อนที่จะไปถึงสุดขอบของผืนแผ่นดินแห่งนี้ที่สามารถมองเห็นหมู่ดาวมากมายอยู่ห่างออกไปได้
หลินเทียนหยิบเอาตราโบราณสีน้ำเงินในมือออกมาพร้อมทั้งคว้ามือออกไปยังม่านพลังที่อยู่ห่างออกไป
ฟึ้บบ ~!
ม่านพลังที่สัมผัสเข้ากับมือขวาของเขาได้ฉีกออกพร้อมทั้งเผยให้เห็นช่องว่างขนาดใหญ่ก่อนที่มือขวาของเขาจะสามารถเอื้อมออกไปด้านนอกได้
“ใช้ได้จริงๆด้วย ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาเพราะแม้จะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วแต่เมื่อได้เห็นกับตาก็ยังอดประหลาดใจไปไม่ได้
เหลาเหลาเองก็ส่งเสียงออกมาว่า
“งั้นเราก็รีบไปจากที่นี่กันเถอะ หากว่าไอ้แก่นั่นมันหยุดจากหอกได้เราก็คงจะได้ตายกันหมดแน่ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังออกไปห่อหุ้มพากเขาแล้วก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดก็ออกมาได้เสียที ! ”
จระเข้เบญจธาตุถอนหายใจออกมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ด้านนอกเองก็ได้แต่หันมองออกไปทางผืนแผ่นดินที่ค่อยๆออกห่างไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันมองกลับลงไปยังตราสีน้ำเงินในมือของเขา
มันเป็นตราโบราณที่สลักอักษรคำว่า หยวนเอาไว้
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาเลยเพราะมันเป็นสิ่งที่ชายชราคนนั้นต้องการ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ข้าล่ะสัมผัสได้เหมือนว่าม่านพลังที่ห่อหุ้มผืนแผ่นดินเอาไว้เป็นสิ่งที่เกิดจากตราโบราณนี้ด้วยซ้ำ ”
ตอนที่ 1444
“เห็นได้ชัดว่าม่านพลังด้านนอกนั้นเกิดจากตรานี่อยู่แล้วเพราะถึงอย่างไรมันก็มีกลิ่นอายแบบเดียวกันแถมผู้ถือครองยังสามารถฝ่าม่านพลังออกไปได้ง่ายๆ แค่นี้ก็สรุปได้แล้ว ”
หลินเทียนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของจระเข้เบญจธาตุอย่างมากพลางพูดต่อว่า
“แต่มันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองแต่เป็นเพราะการอาศัยพลังของมันมากกว่า ”
“อาศัยพลัง ? ”
เหลาเหลาได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า
“จะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ศพอีกคนเป็นคนสร้างขึ้นโดยใช้พลังของมัน ?”
หลินเทียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยว่า
“ใช่แล้ว ”
“แต่ทำไมกันล่ะ ? ทำไมถึงได้สร้างม่านพลังแบบนี้ขึ้นกัน ? มันสร้างมาเพื่อให้คนภายนอกเข้ามาได้เท่านั้นแต่ไม่ให้คนภายในออกไปได้นี่มันดูแปลกมากๆเลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายในสถานที่แห่งนั้นคือที่ตั้งของขุมพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งร่างอีกร่างคนนั้นก็จะต้องเป็นแกนหลักที่สำคัญอย่างแน่นอนแต่จากสถานการณ์ที่เห็นก็น่าจะสรุปได้ว่าขุมพลังนี้น่าจะถูกรุกรานดังนั้นถึงได้สร้างม่านพลังเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ศัตรูคนไหนมีโอกาสหนีรอดออกไป ”
หลินเทียนได้พูดต่อว่า
“แน่นอนว่านี่เป็นแค่การวิเคราะห์เท่านั้น เรื่องรายละเอียดข้าเองก็ไม่รู้หรอก ”
“แม้ว่าจะเป็นแค่การวิเคราะห์แต่มันก็ดูมีความเป็นไปได้มากๆ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“แต่ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะ คิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดีแต่ที่สำคัญคือตรานี่ต่างหาก ”
มันมองไปยังตราในมือของหลินเทียนพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เป็นเพราะเหมือนว่าชายชราชุดดำนั่นจะอยากได้สิ่งนี้มากๆซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นสมบัติสวรรค์อย่างแน่นอน ! ไอ้หนูลองดูสิว่ามันมีความสามารถอะไรบ้าง ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเหลาเหลาและเสี่ยวไท่ชูเองก็ต่างพากันจ้องมองออกไปเป็นสายตาเดียวกัน
หลินเทียนเองก็ให้ความสำคัญกับตราในมือนี้มากดังนั้นถึงได้ส่งถ่ายพลังออกไปแต่มันกลับไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้เขาสังเวยจิตสัมผัสออกไปสำรวจมันแต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรกลับมาเลยเช่นกัน
เขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นออกไปทำให้คนอื่นๆได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่เหลาเหลาและคนอื่นๆเองก็ลองส่งถ่ายพลังของพวกเขาลงไปแต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากหลินเทียน
“ข้าคิดว่าม่านพลังที่ห่อหุ้มแผ่นดินนั่นเอาไว้นั้นเป็นสิ่งที่ตรานี่สร้างขึ้นไม่มีผิดแน่นอน นี่แสดงให้เห็นว่ามันต้องสามารถใช้งานได้แต่แล้วทำไมเราถึงไม่สามารถควบคุมมันได้กัน ? ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนได้คิดอยู่ครู่หนึ่งพลางตอบกลับไปว่า
“บางทีอาจจะเป็นเพราะระดับพลังของเรายังไม่ถึงเงื่อนไขที่มันต้องการหรือไม่ก็อาจจะจำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างใช้งานมันซึ่งเราเองก็ไม่รู้วิธีนั้น ”
“น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ช่างมันก่อนเถอะเพราะอย่างน้อยๆก็รู้ว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากๆ ต่อให้ไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้แต่ก็ต้องมีสักวันที่ใช้มันได้ ”
หลินเทียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพร้อมทั้งเก็บมันเอาไว้
ม่านฟ้ายังคงสลัวๆขณะที่หมู่ดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับออกมารอบทิศทาง
“ไปกันเถอะ ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งมุ่งหน้าตรงไปยังดาวตงเฮิง
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะพวกเขาเองก็เสียเวลาติดอยู่ภายในผืนแผ่นดินแปลกๆนั่นอยู่ไม่ใช่น้อยๆดังนั้นถึงได้ระมัดระวังอยู่ตลอดการเดินทางแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆเนื่องจากเหลาเหลานั้นสามารถจดจำเส้นทางของมันได้อย่างดี
นี่ทำให้พวกเขาพากันพุ่งตรงออกไปยังเส้นทางเฉพาะแห่งหนึ่ง
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสองปีครึ่ง
วันนี้เป็นวันที่พวกเขาได้หยุดอยู่ตรงหน้าดวงดาวขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวมากมายเสมือนนกกระเรียนที่รายล้อมไปด้วยฝูงไก่
“ถึงแล้ว นี่แหละดาวตงเฮิง ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
ที่นี่เป็นดาวบ้านเกิดของนางซึ่งในที่สุดนางก็ได้กลับมาหลังจากที่พลัดหลงไปยังหมู่ดาวอื่น
หลินเทียนหันมองไปทางนางและเข้าใจความรู้สึกของนางได้อย่างดีเพราะถึงอย่างไรเขาก็มีประสบการณ์แบบเดียวกันมาแล้ว
“ไปกัน ”
เขาไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งตรงเข้าไปพร้อมทั้งดิ่งลงไปยังชั้นบรรยากาศของดาวและในที่สุดก็เข้าไปภายในดาวดวงนี้อย่างแท้จริง
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบได้กับโลกอันกว้างใหญ่ ภูเขาสูงตั้งตระหง่านทอดยาวออกไปไกลแถมยังมีพลังฉีที่เข้มข้นเสียยิ่งกว่าดาวจี่หยานเสียอีก
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
นี่คือดาวดวงแรกที่มันได้สัมผัสซึ่งเมื่อมองออกไปรอบๆแล้วดวงตาของมันก็ถึงกับหดเล็กลงไปทันทีเนื่องจากมันไม่ใช่อะไรที่ดาวสวรรค์สิบชั้นจะเทียบเคียงได้เลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากนักเพราะถึงอย่างไรเขาเองก็เคยอาศัยอยู่ภายในดาวจี่หยานมาก่อนแล้วซึ่งมันเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากที่นี่มากนัก
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะที่ดาวดวงนี้มีสิ่งสำคัญที่เขาต้องการ
เขาใช้เวลากว่าห้าปีครึ่งจึงมาถึงสถานที่แห่งนี้และมันก็เพื่อเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่เท่านั้น
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ”
เหลาเหลาได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอย่างมากพลางหันมาขอบคุณเขายกใหญ่ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ประกายแสงเจ็ดสีอยู่ในทางนั้น เดี๋ยวข้าจะนำทางเจ้าไปที่นั่นเอง ”
นางรู้ดีว่าเป้าหมายในการเดินทางของหลินเทียนนั้นก็เพื่อมาส่งนางกลับและเพื่อประกายแสงเจ็ดสีเช่นกัน
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพลางตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เจ้าหายตัวไปกว่าสิบๆปีจนในที่สุดก็กลับมาได้แบบนี้แล้วก็ควรจะกลับไปที่บ้านก่อนนะ ”
ตอนที่ 1445
หลินเทียนนั้นรู้ดีว่านางรู้สึกขอบคุณเขามากๆและอยากจะช่วยให้เขาไปเก็บกู้เอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่เลยเดียวนี้แต่ก็รู้ดีว่านางนั้นคิดถึงครอบครัวอย่างมากเนื่องจากทุกคนก็คงจะเป็นห่วงนางกันไม่น้อยดังนั้นเขาถึงได้คิดว่าการนำนางกลับไปที่บ้านก่อนนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“งั้นก็กลับไปที่บ้านของเจ้ากันก่อนเพื่อให้คนอื่นๆรู้สึกหมดห่วงก่อนเถอะ นี่คือความกตัญญู ไม่ว่าเรื่องไหนความกตัญญูก็ต้องมาก่อน ”
เขาหันมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเองก็น่าจะคิดถึงพวกเขามากๆหนิ ”
เหลาเหลานั้นเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงเป็นอย่างมากแต่คำพูดของหลินเทียนนั้นทำให้นางรู้สึกกินใจอย่างมากเพราะนางเองก็คิดถึงครอบครัวอย่างสุดหัวใจดังนั้นถึงได้พยักหน้าซ้ำๆโดยทันที
“อื้ม ขอบคุณนะ ข้าจะกลับไปที่ตระกูลก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นข้าจะค่อยนำทางเจ้าไปยังสถานที่ๆมีประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมา ”
นางพูดออกมาด้วยท่าทางที่ซาบซึ้งอย่างมาก
เป็นเพราะว่านางรู้ดีว่าหลินเทียนให้ความสำคัญกับสิ่งๆนั้นมากๆเนื่องจากเขาไม่ลังเลเลยที่จะเดินทางข้ามพื้นที่มาเป็นระยะเวลากว่าหลายปีแต่กลับไม่เลือกที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น
ทว่ากลับคิดถึงเรื่องของนางเป็นอย่างแรกนี่มันทำให้นางรู้สึกกินใจสุดๆ
“ไปกันเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าก่อนแล้วค่อยไปค้นหามันทีหลัง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เหลาเหลาเป็นคนนำทางพวกเขาตรงไปยังตะวันออกก่อนที่จะฉีกมิติออกไปหลายต่อหลายครั้งคนไปถึงสถานที่ๆกว้างใหญ่ภายในเวลาสี่ชั่วโมง
เมื่อมองออกไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่นี้แล้วจะพบว่าห่างออกไปมันเต็มไปด้วยตำหนักขนาดใหญ่มากมายรายล้อมไปด้วยหยกและทองคำที่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างมาก
“ถึงแล้ว นี่แหละตระกูลของข้า ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
การที่ต้องพลัดหลงอยู่กว่าสิบๆปีแล้วได้กลับมานี่มันทำให้นางมีความสุขอย่างมาก
“ตระกูลของเจ้านี่มัน…ไม่ธรรมดาเลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งอดแสดงสีหน้าที่ว่างเปล่าออกมาไม่ได้
แม้ว่ามันจะเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่าตระกูลของนางนั้นไม่ธรรมดาแต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองแล้วก็อดผงะไปไม่ได้อยู่ดี
หลินเทียนนั้นมีสีหน้าที่ราบเรียบเป็นอย่างมากเพราะแม้ว่าตระกูลของนางจะยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามก็จริงแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกตกตะลึงได้
เหลาเหลาเดินนำทางพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใครกัน ? มี….”
ศิษย์เฝ้าประตูของตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะผงะไปหลังจากที่มองไปยังเหลาเหลา
“นี่……คุณหนู ?! ”
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆก็ต่างพากันหันมองมาเป็นสายตาเดียวกัน
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที ท่านหายไปไหนในช่วงหลายปีมานี้ ? ท่านผู้นำตระกูลและท่านบรรพบุรุษกระวนกระวายอย่างมาก”
ผู้คนทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ระหว่างนี้ก็มีศิษย์ที่รีบวิ่งกลับเข้าไปภายในเพื่อรายงานเรื่องเหล่านี้
เหลาเหลาได้พูดกับศิษย์เหล่านี้เล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในตระกูลพร้อมๆกับหลินเทียนและคนอื่นๆ
ภายในตระกูลของนางมีพลังฉีที่เข้มข้นอย่างมากซึ่งระหว่างที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปกันอยู่นั้นเสียงพุ่งผ่านอากาศก็ได้ถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏร่างของชายชราที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาถึงขั้นทำให้แววตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเล็กน้อย
“อนันตกาลตอนปลาย ”
เขาพึมพำอยู่ภายในใจ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้หันมองออกไปยังร่างคนอื่นๆที่มีระดับพลังต่ำสุดอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลาง
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าตระกูลของแม่หนูน้อยนี่จะไม่ธรรมดาจริงๆ ”
เป็นเพราะมันเองก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี
“ท่านปู่จู”
“ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสใหญ่……”
เหลาเหลาก้าวออกไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก
“กลับมาได้ก็ดีแล้ว ! ดีจริงๆ ! ”
ชายชราชุดม่วงที่อยู่หน้าสุดซึ่งต้องเรียกว่าปู่จูนั้นเป็นตัวตนระดับบรรพบุรุษของตระกูลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของขุมพลังนี้
“ออกไปเที่ยวเล่นเป็นสิบๆปีนี่ทำให้ทั้งตระกูลพากันวุ่นวายไปหมดแล้ว ! ”
พ่อของเหลาเหลาที่เป็นผู้นำตระกูลได้ส่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง
เหลาเหลาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีดังนั้นถึงได้กล่าวคำขอโทษออกไปยกใหญ่
หลังจากนั้นนางก็ได้หันมองมาทางหลินเทียนพร้อมทั้งแนะนำให้เขารู้จักกับคนอื่นๆว่า
“ท่านปู่จู ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ที่หนูกลับมาถึงที่นี่ได้ล้วนแล้วเป็นความชอบของเขาทั้งหมดเพียงผู้เดียว ”
นางได้จูงแขนของหลินเทียนเอาไว้พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาออกไป
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเองก็ได้แต่พากันหันมองออกไปเพราะก่อนหน้านี้ความสนใจทั้งหมดของพวกเขาอยู่ที่ตัวของเหลาเหลาทว่าเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาแล้วพวกเขาก็พากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“ขอบคุณสหายตัวน้อยมากๆ ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาอย่างสุภาพถึงแม้ว่าระดับพลังของเขาจะสูงกว่ามากก็ตามที
ผู้นำตระกูลเจียงเองก็ก้าวออกมาพร้อมทั้งพูดขอบคุณว่า
“ขอบคุณสหายตัวน้อยจริงๆ ลูกสาวข้าเองก็เป็นเด็กดื้อไม่เชื่อฟัง หลายปีมานี้คงจะลำบากไม่น้อยเลยสินะ”
“ผู้อาวุโสทั้งสองก็สุภาพเกินไปขอรับ พวกเราเป็นเพื่อนกันดังนั้นการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันมันเป็นสิ่งที่ต้องพึงกระทำอยู่แล้ว รุ่นเยาว์ยินดีเสมอ ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายและอนันตกาลตอนปลายแล้วเขาก็ยังคงดูสบายๆอย่างมาก
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เคยพบเจอกับตัวตนระดับนี้มาแล้ว
“จะพูดแบบนั้นได้อย่างไรกัน สหายตัวน้อยช่วยเหลือนางมามากแล้วจะไม่ให้เราขอบคุณได้อย่างไร ? ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงส่งเสียงออกมา
วันนี้เป็นวันที่ตระกูลเจียงได้จัดงานฉลองการกลับมาของเหลาเหลาครั้งใหญ่ผนวกกับการต้อนรับหลินเทียนไปพร้อมๆกัน
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนเองก็ได้อาศัยอยู่ภายในตระกูลเจียงอยู่กว่าสามวันเนื่องจากการต้อนรับอย่างอบอุ่นของทุกคน
หลังจากสามวันได้ผ่านพ้นไปเขาก็ได้บอกลากับบรรพบุรุษและคนอื่นๆเพื่อเตรียมออกเดินทางไปหาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ต่อไป
คนอื่นๆเองก็รู้ว่าหลินเทียนมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการดังนั้นถึงไม่ได้รั้งเอาไว้พร้อมทั้งออกมาส่งหลินเทียนและคนอื่นๆด้วยตัวของพวกเขาเอง
“หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดแล้วก็มาเยี่ยมพวกเราได้เสมอนะ ประตูหน้าของเราเปิดกว้างสำหรับสหายตัวน้อยเสมอ หากว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วยและตราบเท่าที่พวกเราพอช่วยได้ก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเอ็นดูเหลาเหลาเอาอย่างมากและการที่นางหายตัวไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็ทำให้เขาถึงขั้นใช้พลังทั้งหมดออกไปตามหาดังนั้นการที่หลินเทียนกลับมาส่งนางได้แบบนี้แถมยังได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากเหลาเหลาก็ทำให้เขารู้สึกขอบคุณหลินเทียนอย่างมาก
ผู้นำตระกูลเจียงเองก็พูดออกมาแบบเดียวกันด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก
“ขอบคุณความมีน้ำใจของพวกท่าน ”
หลินเทียนตอบกลับอย่างสุภาพ
เหลาเหลาเองก็อยู่ที่นี่เช่นกันดังนั้นถึงได้หันไปพูดกับบรรพบุรุษและพ่อของนางว่า
“ท่านปู่ ท่านพ่อ หนูขอไป……”
“เหลาเหลา ”
ทันใดนั้นเองที่มีเสียงถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของนางเอาไว้โดยทันที
ห่างออกไปไม่ไกลปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งซึ่งมีผู้คุ้มกันเป็นชายชราสามคนพุ่งเข้ามาทางตระกูลเจียงอย่างรวดเร็วก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดอยู่ที่ร่างของนางด้วยสายตาที่อ่อนโยน
ตอนที่ 1446
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาขณะที่ชายชราที่อยู่ด้างหลังสามคนนั้นคนหนึ่งอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นและอีกสองอยู่ในตอนกลาง
“หวูซี่ มาแล้วงั้นรึ ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุขเล็กน้อย
อีกฝ่ายนั้นมีชื่อว่าหวูซี่ได้หันมาแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษและคนอื่นๆก่อนที่จะพูดว่า
“แน่นอนว่ารุ่นเยาว์ได้ยินข่าวเรื่องที่เหลาเหลากลับมาแล้วถึงได้รีบมาที่นี่โดยทันที ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปทางเหลาเหลาด้วยสายตาที่อ่อนโยนพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“เหลาเหลา เจ้าสบายดีไหม ? ”
“อื้ม ขอบคุณที่เป็นห่วง ”
เหลาเหลาตอบกลับไป
หลินเทียนหันมองออกไปทางเหลาเหลาและพบว่าดูเหมือนนางจะไม่ถูกกับชายคนนี้เพราะแม้ว่าคำพูดของนางจะฟังดูสุภาพแต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งหันมองไปทางบรรพบุรุษและคนอื่นๆก่อนที่จะบอกลาพวกเขาพลางหันหลังเดินออกไป
“โอ้ ? ”
เหลาเหลาได้คว้าหลินเทียนเอาไว้พร้อมกับพูดว่า
“ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วหรือไงว่าจะให้ข้าไปกับเจ้า ? แล้วเจ้าจะบอกลาข้าไปทำไมกัน ? ”
“อุส่าได้กลับมาหลังจากที่พลัดพรากกันไปตั้งหลายสิบปี เจ้าควรจะอยู่ดูแลพ่อและบรรดาคนของเจ้าที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องมากับข้าหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็ได้รับรู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาจากนางแล้วดังนั้นต่อให้นางไม่ติดตามไปด้วยก็ไม่ได้เป็นผลอะไร
ทว่าความเป็นจริงแล้วการที่ไม่มีนางติดตามไปด้วยจะทำให้เขาจัดการสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้นเพราะถึงอย่างไรสถานที่ๆเป็นที่ตั้งของมันก็คงจะไม่เป็นมิตรมากนักและหากว่าต้องเผชิญหน้ากับอันตรายก็จะต้องยื่นมือออกไปปกป้องนางซึ่งต่างออกไปจากจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่แข็งแกร่งกว่านางในทุกๆด้าน
เหลาเหลาคว้ามือของเขาเอาไว้เพราะนางเองก็รู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรดังนั้นถึงได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า
“เจ้ากำลังผลักไสข้า ! คิดว่าถ้าข้าไปด้วยแล้วจะเป็นตัวถ่วงของเจ้า ! ”
หลินเทียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ว่า
“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ”
การโต้เถียงของพวกเขาทำให้ผู้คนโดยรอบสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่สนิทสนมใกล้ชิดกันอย่างมาก
นี่ทำให้ดวงตาของหวู่ซี่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจหลินเทียนเลยแม้แต่น้อยแต่หลังจากที่เห็นเหลาเหลาจับมือของหลินเทียนแล้วสายตาของเขาก็อดหันมองไปทางหลินเทียนไม่ได้
“เหลาเหลานี่ใครงั้นรึ ? ”
เขามองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อนของข้า ”
เหลาเหลาตอบกลับสั้นๆ
หวูซี่มองไปทางหลินเทียนด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า
“สวัสดี ข้าชื่อว่าหวูซี่ ในเมื่อเป็นเพื่อนของเหลาเหลาก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้า ยินดีที่ได้รู้จัก ”
“หลินเทียน ”
หลินเทียนยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายพร้อมทั้งตอบกลับสั้นๆ
เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้มันจอมปลอมอย่างมาก
“สหายหลินดูน่าเกรงขามไม่เบาเลยหนิ ไม่ธรรมดาเลยนะ ”
หวูซี่ส่งเสียงออกมา
“สหายหวูก็ชมเกินไป ”
หลินเทียนตอบกลับ
แม้ว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายจะลวงโลกก็ตามทีแต่เขาก็เข้าใจคำว่าไม่ควรตบหน้าคนที่กำลังยิ้มอยู่ดีดังนั้นถึงได้ตอบรับอย่างสุภาพและยิ้มแย้ม
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปทางคนอื่นๆพร้อมทั้งบอกลาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ให้ข้าตามไปด้วยจริงๆ ? ”
เหลาเหลาได้จูงเขาเอาไว้
หลินเทียนหันมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่จำเป็นหรอก ใช้เวลากับครอบครัวของเจ้าเถอะแล้วข้าจะกลับมารบกวนก่อนที่ข้าจะจากไปอีกครั้งแล้วกัน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วหากว่าเจ้ายังมีเวลาก็ค่อยนำข้าไปเที่ยวเล่นในดาวดวงนี้แล้วกัน ”
“งั้น…เอาตามนั้นแล้วกัน อย่าลืมที่เจ้าพูดไว้ล่ะว่าจะต้องมาหาข้าก่อนที่เจ้าจะไปแล้วให้ข้าพาเจ้าเที่ยวที่ดาวดวงนี้ หากว่าเจ้าไม่ทำตามสัญญาข้าจะไปที่ดาวของเจ้าเพื่อคิดบัญชีแน่ๆ ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่านางเองก็ตระหนักดีว่าตัวนางยังอ่อนแอเกินไปดังนั้นการติดตามหลินเทียนไปก็จะมีแต่เป็นตัวถ่วงเท่านั้น
ระหว่างนี้นางเองก็รู้ดีว่าหลินเทียนไม่ใช่คนในโลกนี้ดังนั้นหลังจากที่ได้รับกลุ่มก้อนพลังนั้นแล้วก็จะต้องจากไปจึงต้องคิดว่าจะทำอะไรให้กับเขาก่อนจะจากไปดี
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับมาหาเจ้าก่อนที่จะจากไปอย่างแน่นอน ”
เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นก็ได้หันไปพยักหน้าให้กับคนอื่นๆแล้วก้าวเดินออกไป
หวูซี่มองตามหลังของเขาไปด้วยดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกอยู่ภายในส่วนลึกแต่ภายนอกยังคงแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างเคย
“ท่านบรรพบุรุษ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย รุ่นเยาว์เองก็ขอตัวเช่นกันขอรับ ”
เขาแสดงความเคารพให้กับคนอื่นๆพลางพูดออกมา
“ไม่อยากจะเข้าไปกันก่อน ? ”
“ไม่เป็นไรขอรับเพราะแค่เห็นว่าเหลาเหลายังอยู่ดีรุ่นเยาว์ก็มีความสุขแล้ว อีกอย่างนางเองก็คงมือเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้พวกท่านฟังดังนั้นเอาไว้อีกสักพักรุ่นเยาว์ค่อยกลับมาเยี่ยมใหม่ ”
หวูซี่ส่งเสียงออกมา
เขามองไปทางเหลาเหลาด้วยสีหน้าที่อบอุ่นก่อนที่จะบอกลาทุกคนแล้วจากไป
……….
หลินเทียนเดินทางออกจากตระกูลเจียงไปไกลมากๆแล้วในตอนนี้
จากข้อมูลที่ได้มาจากเหลาเหลานั้นประกายแสงเจ็ดสีอยู่ภายในทวีปตะวันตกของดาวดวงนี้ซึ่งมีชื่อว่าอาณาเขตต้าฮ้วงซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าสิ่งชั่วร้ายและถือว่าเป็นสถานที่ขัดเกลาความสามารถที่เลื่องชื่อของดาวดวงนี้
อย่างไรก็ตามแม้จะพูดว่ามีผู้คนเข้าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายแต่ก็อยู่แค่ขอบนอกของมันเท่านั้นแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปภายในส่วนลึกเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของตัวตนที่น่าสะพรึงกลัว มีเพียงเขตแดนอนันตกาลเท่านั้นที่กล้าเหยียบเข้าไป
ทว่าประกายแสงเจ็ดสีที่ว่านั้นอยู่ภายในส่วนลึกที่สุดของสถานที่แห่งนั้นซึ่งแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ก็ไม่มีใครสามารถเก็บกู้มันกลับออกมาได้ไม่เว้นแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลก็ตามที
“จากที่นี่ไปที่นั่นมันไกลมากไหม ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ก็ไม่ไกลมาก ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“หากว่าเหาะไปเรื่อยๆน่าจะประมาณสี่ชั่วโมง ”
เขาไม่ได้ฉีกมิติออกแต่ก้าวเดินเท้าออกไปอย่างสบายใจ
ไม่นานพวกเขาก็เดินตัดผ่านภูเขาออกไปหลายสิบลูกเป็นระยะทางที่ไกลมากๆ
และมันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะหันมองกลับไป
“ออกมา ”
เขาส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันพร้อมทั้งรีบหันมองกลับไป
สายลมอ่อนๆพัดไปมาก่อนที่มิติตรงหน้าจะบิดเบี้ยวและเผยให้เห็นร่างของชายชราคนหนึ่ง
“เป็นเจ้า ”
จระเข้เบญจธาตุได้หรี่ตาของเขาลงเพราะจดจำได้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนรับใช้ของหวูซี่
อีกฝ่ายที่ปรากฏตัวออกมาเป็นชายชราชุดคลุมสีเทาที่ส่งกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออก
“จิตสัมผัสดีใช้ได้หนิ ”
เขาหันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบๆ
“หวูซี่สั่งให้เจ้ามา ? มันต้องการอะไร ? ”
หลินเทียนในตอนนี้มีสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมากเพราะเขาเองก็จดจำอีกฝ่ายได้ดี
“แม่นางเหลาเหลานั้นไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าใกล้ก็ได้ เจ้าทำให้นายน้อยของข้าไม่สบอารมณ์ ”
ชายชราพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้ว่าจะถูกค้นพบว่าแอบสะกดรอยตามมาก็ตาม
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ตระหนักได้ถึงเป้าหมายของอีกฝ่ายโดยทันที
เป็นเพราะว่าความสนิทสนมที่เหลาเหลามีต่อเขาทำให้หวูซี่ไม่พอใจและรู้สึกอิจฉาถึงได้ส่งคนมาฆ่าเขา
“แม่หนูนั่นตาดีจริงๆเลยนะ ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็ตระหนักได้ว่านางดูจะไม่สบอารมณ์กับหวูซี่เอามากๆและตอนนี้เขาก็เข้าใจเหตุผลได้ในที่สุด…….ที่แท้ก็เป็นเพราะนางรู้ดีอยู่เต็มอกแล้วว่าหวูซี่มันไม่ใช่คนดีถึงไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายแต่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลไม่งั้นนางที่เป็นคนตรงๆก็คงจะไม่เหลียวมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
แต่ความเป็นจริงแล้วเขาเองก็ไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าแล้วด้วยซ้ำเพราะคิดว่ารอยยิ้มของมันจอมปลอมเกินไปทว่าก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะโหดเหี้ยมและชั่วร้ายถึงขั้นที่คิดจะฆ่าเขาหลังจากที่เห็นว่าเหลาเหลาสนิทกับตน
“กลับไปบอกมันด้วยว่าข้าเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดาๆกับนางเท่านั้น อย่าตั้งตนเป็นศัตรูกับคนอื่นมั่วซั่วดีกว่า”
เขาหันไปพูดกับอีกฝ่าย
“คิดว่ามันเป็นไปได้ ? ”
ชายชรายังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่ก้าวเดินเข้าหาทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่แผดพลังเทวะออกมาอย่างเข้มข้น
“นายน้อยต้องการให้เจ้าหายไปจากโลกนี้ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณหนูเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคงอยู่ของเจ้าทำให้นายน้อยของข้าไม่พอใจ ”
“อื้มก็ดี ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“แต่เจ้าคิดจริงๆรึว่าจะฆ่าข้าได้ ? แน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจทีหลัง ? ”
“ข้าเองก็เป็นเพียงแต่จักรพรรดิว่างเปล่าก็จริงแต่ก็เพียงพอจะฆ่าเจ้า ! ”
ชายชราตอบกลับ
เป็นเพราะเขาคิดว่าในเมื่อหลินเทียนนั้นเป็นเพื่อนกับเหลาเหลาแล้วก็คงจะอยู่ในเขตแดนที่ใกล้เคียงกันดังนั้นการจะสังหารหลินเทียนก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ข้างๆได้แต่มองไปทางชายชราเสมือนว่ากำลังมองลิงโง่ๆ
“ไอ้แก่ คำพูดและท่าทางแบบนั้นนี่คิดจะมาหยอกพวกเราเล่น ? ”
เป็นเพราะประโยคเมื่อครู่ที่แสดงเหมือนว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของตัวเองนี่มันทำให้พวกเขารู้สึกอยากจะหัวเราะอย่างมาก
ตอนที่ 1447
เมื่อมองออกไปยังชายชราที่อยู่ห่างออกไปแล้วจระเข้เบญจธาตุเองก็ได้แต่คิดว่าอีกฝ่ายนี่ไม่ได้ต่างไปจากตัวตลกเลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งเสี่ยวไท่ชูเองก็ยังอดผงะไปไม่ได้และได้แต่จ้องมองออกไปพลางกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้เพื่อส่งเสียงหัวเราะออกมา
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงขณะที่จ้องมองกลับไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพลางพูดว่า
“หลังจากที่ฆ่ามันแล้วก็ถึงคราวของพวกเจ้าทั้งสอง ! ”
ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นพร้อมทั้งคว้ามือตบอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
นี่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งแหลกสลายหายไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาพร้อมทั้งยื่นนิ้วชี้ออกไปรับฝ่ามือที่อีกฝ่ายซัดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้า ?! ”
ชายชรามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
ฝ่ามือของเขาไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อยซึ่งตัวเขาเองก็คิดว่ามันสามารถสังหารหลินเทียนลงได้ง่ายๆแล้วจะได้ไปสังหารจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่อแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถรับการโจมตีเต็มกำลังของเขาได้ด้วยนิ้วๆเดียวเท่านั้น
“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าด้วยระดับพลังเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าของเจ้ามันเพียงพอจะฆ่าข้าอยู่ไหม ? ”
หลินเทียนถามกลับไป
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของชายชราตกต่ำลงอย่างมากขณะที่ร่างกายแข็งค้างไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวกลิ่นอายนิรันดร์ที่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไม่หยุด
“เจ้า……”
ตอนนี้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหลินเทียนจะอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะ
คนที่เขาต้องลอบสังหารกลับอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะ !
บึ้สส ~!
เขาได้ถอนมือกลับมาพร้อมทั้งไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังพุ่งหนีไป
หลินเทียนเผยรอยยิ้มจางๆออกมาก่อนที่จะส่งคลื่นพลังออกไปปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้พร้อมทั้งกระแทกร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
“สหายตัวน้อยโปรดเมตตา ! อย่าฆ่าข้าเลย ! ”
ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดโดยที่ไม่ได้มีท่าทางอวดเก่งเหมือนตอนแรกหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่พูดขึ้นว่า
“ตอนแรกข้าก็อุส่าให้โอกาสเจ้าแล้ว เป็นเจ้าเองที่ไม่คว้ามันเอาไว้ ”
ชายชราส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“ข้า….”
พุฟฟ~!
หลินเทียนตวัดนิ้วส่งลำแสงทะลวงผ่านหน้าผากของอีกฝ่ายเพื่อทำลายดวงวิญญาณของมันไปแล้วเหลือร่างเนื้อเอาไว้เปล่าๆ
“ไอ้แก่นี่…..”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังพร้อมทั้งหันไปถามหลินเทียนว่า
“แล้วเจ้าจะเก็บร่างของมันเอาไว้ทำไมกัน ? ”
“เอาไว้ให้เจ้าหล่อหลอมมันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองไง ”
หลินเทียนตอบกลับ
“หล่อหลอม ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่ใช่ว่าทักษะนั้นเป็นทักษะของมนุษย์เท่านั้น ? ”
เป็นเพราะว่าช่วงที่หลินเทียนได้รับทักษะนี้มาก็เคยถ่ายทอดให้มันแล้วแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถฝึกฝนได้เนื่องจากมันเป็นทักษะที่มีไว้สำหรับมนุษย์เท่านั้น
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะเพราะระหว่างทางที่มาที่นี่หลายปีมานี้ข้าก็ใช้เวลาปรับเปลี่ยนมันทั้งหมดทำให้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรก็สามารถใช้งานมันได้ง่ายๆ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วจระเข้เบญจธาตุก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“จริงๆงั้นรึ ?! ไม่ได้โกหกลุงจระเข้นะ ?! ”
เป็นเพราะว่ามันรู้ดีว่าทักษะนั้นแข็งแกร่งและไร้เทียมทานขนาดไหน หากว่าสามารถเชี่ยวชาญมันได้แล้วเส้นทางบ่มเพาะในอนาคตก็จะยิ่งกว้างไกลขึ้นอย่างแน่นอน
“แล้วข้าเคยโกหกเจ้าหรือไง ? ”
หลินเทียนตวัดนิ้วส่งคลื่นจิตสัมผัสทะลวงผ่านเข้าไปยังทะเลความรู้ของมันเพื่อสลักข้อมูลต่างๆของทักษะนี้ลงไป
ระหว่างนี้เขาก็ได้ส่งมันให้กับเสี่ยวไท่ชูเช่นกัน
ในอนาคตตราบเท่าที่มีร่างกายหยาบก็ที่เหมาะสมก็สามารถเก็บเอาไว้เพื่อทำการหล่อหลอมได้และจะทำให้ระดับพลังของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
จระเข้เบญจธาตุได้หลับตาของมันลงพร้อมทั้งอ่านข้อมูลต่างๆที่อยู่ภายในทะเลความรู้ของมันก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายออกมา
“ได้จริงๆด้วย ! ”
เป็นเพราะว่ามันสามารถฝึกฝนทักษะนี้ได้แล้ว
“ข้าบอกแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“หาที่สงบๆหล่อหลอมมันกันแล้วค่อยมุ่งหน้าไปยังดินแดนต้าฮ้วงกัน ”
ร่างกายของชายชรานั้นมีเพียงจระเข้เบญจธาตุที่หล่อหลอมได้เนื่องจากมันอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแต่เขาและเสี่ยวไท่ชูนั้นอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางและจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางซึ่งถือว่ามีระดับพลังที่สูงกว่าตัวของชายชราด้วยซ้ำดังนั้นการที่จะหล่อหลอมมันไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี
นี่ทำให้เขากวาดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบเพื่อค้นหาสถานที่ปลอดภัยก่อนที่จะวางข่ายอาคมปิดกั้นเอาไว้เพื่อให้จระเข้เบญจธาตุได้เริ่มการหล่อหลอมร่างกายของมัน
“ลุงจระเข้จะเริ่มล่ะนะ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหมุนวนทักษะอันแข็งแกร่งเพื่อเริ่มการดูดกลืนพลังจากศพของชายชราที่อยู่ตรงหน้า
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันซึ่งร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่ายได้แหลกสลายหายไปขณะที่ระดับพลังของจระเข้เบญจธาตุพุ่งสูงขึ้นถึงเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลาย
“ได้ผลจริงๆด้วย ! ”
มันส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
จนถึงช่วงที่ผ่านไปได้พักหนึ่งมันถึงจะสงบลงด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
“อย่าเห่าหอนอยู่เลย ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
จระเข้เบญจธาตุถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“เจ้าหนู ไอ้ระยำหวูซี่นั่นล่ะจะเอายังไง ? ”
เป็นเพราะเพียงแค่หลินเทียนและเหลาเหลาสนิทสนมกันกลับกล้าส่งคนมาฆ่าพวกเขาแบบนี้แล้วมันทำให้จระเข้เบญจธาตุรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ขี้เกียจจะไปตามล่ามัน เอาไว้รอให้พบกันก่อนค่อยฆ่ามันเลยก็แล้วกัน ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ตระกูลหวูของหวูซี่เองก็เป็นหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้ซึ่งนอกเหนือจากนี้ก็ยังมีตระกูลเจียง ตระกูลจ้าวและนิกายสังหารทวยเทพที่แข็งแกร่งอย่างมากแถมสถานะของหวูซี่ในตระกูลเองก็ไม่ธรรมดาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
เป็นเพราะตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องไปจัดการจึงไม่อยากเสียเวลาออกไปตามล่ามันเท่านั้นจึงกะเอาไว้ว่าจะรอให้ได้พบกันครั้งหน้าก็ค่อยฆ่ามันอย่างไม่ปราณี
“ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงกัดฟันพูดออกมา
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ รีบมุ่งหน้าไปยังดินแดนต้าฮ้วงกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เสี่ยวไท่ชูยังคงนอนเกาะไหล่ของเขาเอาไว้ขณะที่พวกเขาพากันมุ่งหน้าตรงไปยังทวีปทางตอนใต้ซึ่งมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนั้น
………..
ตระกูลหวู
ตระกูลแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในขุนเขาอันยิ่งใหญ่ที่ส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและพลังฉีออกมาอย่างเข้มข้น
“นายน้อยขอรับ ตะเกียงวิญญาณของคนที่เราส่งไปสังหารคนที่ชื่อว่าหลินเทียนได้ดับลงแล้ว เขาตายแล้วขอรับ ”
คนรับใช้ได้รายงานออกมา
สีหน้าของหวูซี่ถึงกับตกต่ำลงอย่างมากเพราะว่าคนที่เขาส่งไปเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแล้วจะล้มเหลวได้อย่างไรกัน ?
หรือว่าระดับพลังของหลินเทียนสูงกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้น ?
“ในเมื่อล้มเหลวก็แสดงว่ามันเองก็คงจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนลงมือ ไม่สามารถปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่อีกต่อไปได้แล้ว ”
เขาโบกมือส่งตราโบราณที่ส่งกลิ่นอายอนันตกาลอันเบาบางออกไปให้กับอีกฝ่ายแล้วพูดว่า
“ฆ่ามันให้ได้ก่อนที่มันจะไปพบกับเหลาเหลา”
“ขอรับนายน้อย ! ”
อีกฝ่ายรับเอาตรานี้ไปพร้อมทั้งหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
………….
หลินเทียน จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันเดินทางออกไปในทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากนัก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็ม
ณ ตอนนี้พวกเขาได้พบกับพื้นดินที่โล่งกว้างถึงขั้นที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันเลยด้วยซ้ำ
“ถึงแล้ว ”
หลินเทียนพึมพำออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เป็นเพราะว่าจากคำพูดของเหลาเหลาแสดงให้เห็นว่าเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ที่นี่
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหันไปพูดกับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูพร้อมทั้งก้าวเท้าออกไป
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับต้นไม้เก่าแก่ที่แห้งเหี่ยวไปกันหมดแล้วซึ่งมันให้บรรยากาศที่รกร้างเป็นอย่างมากแต่ก็ยังมีเสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาเป็นพักๆพร้อมพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังขัดเกลาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ภายใน
“พุฟ ~! ”
สัตว์อสูรเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าถูกฟันจนศีรษะขาดออกจากกันทำให้เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากอีกฟากขณะที่มนุษย์คนหนึ่งถูกกลืนลงไปทั้งเป็น
กลุ่มคนที่มาที่นี่หลายคนสามารถสังหารศัตรูได้แต่แน่นอนว่าก็มีบางคนที่กลับกลายเป็นอาหารของเหล่าอสูรเช่นกัน
หลินเทียนไม่ได้สนใจในกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งมุ่งหน้าตรงเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
“ตู้มม ~! ”
กลิ่นอายของเขตแดนปลุกพลังถูกส่งออกมาอย่างเข้มข้นขณะที่อสูรปักษาได้คว้ากรงเล็บอันแหลมคมเข้าใส่ทางเขา
หลินเทียนไม่แม้แต่จะหันมองไปทางมันด้วยซ้ำพลางก้าวเดินต่อไป
“เจ้าหนูน้อย อย่ามาขวางทางพวกข้า ”
จระเข้เบญจธาตุได้หันมองไปทางมันเล็กน้อย
วินาทีที่สบตาเข้ากับจระเข้เบญจธาตุก็ทำให้ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมันถึงกับสั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมๆกับความกลัวที่ไหลทะลักออกมาจากส่วนลึกของหัวใจพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปทันที
เพราะถึงอย่างไรจระเข้เบญจธาตุเองก็เป็นเผ่าอสูรดังนั้นมันถึงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นที่มันแผดออกมาได้ว่าสามารถสังหารตนลงได้อย่างง่ายดาย
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรและยังคงมุ่งหน้าต่อไป
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสี่ชั่วโมงเต็มซึ่งพวกเขาได้ไปถึงใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“ช่วยด้วย ! ”
น้ำเสียงโห่ร้องถูกส่งออกมาจากชายหนุ่มชุดดำที่กำลังวิ่งหนีวานรยักษ์ความสูงกว่าร้อยเมตร…….
ตอนที่ 1448
ชายหนุ่มชุดดำนั้นอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างมากซึ่งอสูรที่ไล่ตามหลังเขาเองก็อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมารอบทิศทาง
“ช่วยข้าด้วย ! ”
เขาส่งเสียงโห่ร้องออกมาพร้อมทั้งพุ่งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
โร๊วว ~!
เสียงสัตว์อสูรคำรามถูกส่งออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
“ช่วยด้วย ! ”
ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงโห่ร้องออกมาอีกครั้ง
หลินเทียนที่กำลังเดินผ่านออกไปเห็นเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้อยู่เฉยพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่สีทองอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปกระแทกอีกฝ่ายจนปลิวออกไปไกล
“ขอบคุณมากๆ ! ”
ชายหนุ่มคนนั้นวิ่งเข้ามาหาหลินเทียนพร้อมทั้งพูดแสดงความขอบคุณอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเผือดแถมยังเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวกำลังนั่งพักหายใจด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะจากที่มองดูแล้วหลินเทียนยังดูอายุน้อยมากๆทว่ากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูรเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลมาก
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย ”
หลินเทียนตอบกลับ
อีกฝ่ายได้แสดงความขอบคุณอีกครั้งพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ข้ามีชื่อว่าเจียงยี่ชวน ……ข้าขอติดตามเจ้าไปด้วยได้ไหม ? ”
เป็นเพราะว่าเขาเองก็มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เช่นกันซึ่งก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่ขอบๆขอบสถานที่แห่งนี้เท่านั้นแต่บังเอิญถูกคลื่นพายุอันทรงพลังซัดร่างของเขาเข้ามาใจกลางของสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายซึ่งด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้มันถือว่าเป็นหายนะเลยด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนดังนั้นถึงได้อยากจะติดตามหลินเทียนไปด้วย
เป็นเพราะเขาคิดว่าจะต้องสามารถไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน
หลินเทียนได้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องเข้าไปเอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ที่อยู่ภายในถึงไม่อยากให้อีกฝ่ายตามเข้าไปด้วยเนื่องจากมันจะกลายเป็นตัวถ่วงของเขา
“ได้โปรดเถอะ ”
เจียงยี่ชวนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
หลินเทียนได้ถอนหายใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ก็ได้ ”
เจียงยี่ชวนแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาอย่างมาก
“ขอบคุณ ! ขอบคุณจริงๆ ! ”
หลินเทียนโบกมือของเขาพร้อมทั้งเริ่มก้าวเดินออกไปภายในอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนี้ก็เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรอยู่มากมายซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกจัดการลงง่ายๆแถมยังพบกับสมุนไพรที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขาแต่ก็ยังพอมีประโยชน์ต่อจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูซึ่งบางส่วนก็แบ่งให้กับเจียงยี่ชวนด้วยเช่นกัน
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าแม้สำหรับหลินเทียนแล้วมันจะไม่มีค่าเลยด้วยซ้ำทว่าสำหรับเจียงยี่ชวนมันกลับเรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเจียงยี่ชวนได้เปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่พบว่าหลินเทียนกำลังยิ่งเดินลึกเข้าไปด้านใน
“นี่เจ้า….คงไม่ได้กำลังคิดจะเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ใช่ไหม ? ”
เขาถามออกมา
หลินเทียนพยักหน้าตอบกลับไป
หลังจากที่ได้ยินคำตอบนี้แล้วเจียงยี่ชวนก็ได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“ได้ยิน….มาว่าภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยอสูรร้ายมากมาย ! เจ้าไปที่นั่นไม่ได้นะ ! มันรนหาที่ตายชัดๆ ! ”
เป็นเพราะแม้เขาจะเห็นว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากจึงต้องสามารถกลับออกไปได้ง่ายๆแน่ๆแต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนกลับมุ่งตรงเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ที่มีเพียงเขตแดนอนันตกาลเท่านั้นถึงจะกล้าเข้าไป
“มันใช่เรื่องที่ควรจะพูดไหม ?! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงที่ไม่สบอารมณ์ออกมา
หลินเทียนได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า
“หากว่าเป็นกังวลก็แยกกันตรงนี้ก็ได้นะ ”
หลังจากนั้นเขาก็ยังคงมุ่งหน้าตรงเข้าไป
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูยังคงก้าวเดินเข้าไปพร้อมๆกับเขา
เจียงยี่ชวนได้แต่มองออกไปยังเส้นทางที่หลินเทียนกำลังเดินไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นแต่ก็ได้แต่กัดฟันแล้ววิ่งตามไป
เป็นเพราะว่าเขาได้ออกห่างจากศูนย์กลางของสถานที่แห่งนี้มาไกลมากแล้วดังนั้นหากว่าแยกกันตรงนี้ก็คงจะไม่สามารถรับมือกับสัตว์อสูรที่อยู่แถบนี้ได้แน่ๆแต่หากว่ายังติดตามหลินเทียนไปแม้มันจะอันตรายแต่ก็ยังมีโอกาสรอดเหลืออยู่
เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่การติดตามหลินเทียนไปเท่านั้น
หลินเทียนที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงติดตามเขามาด้วยก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหกชั่วโมงเต็ม
กว่าหกชั่วโมงมานี้อากาศโดยรอบหม่นหมองลงอย่างมากแถมความมืดเองก็ปกคลุมโลกใบนี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์
เสียงกู่ร้องคำรามของสัตว์อสูรถูกส่งออกมาอย่างดังและกังวานกว่าตอนยังสว่างมาก
เป็นเพราะช่วงเวลากลางคืนคือช่วงที่เหล่าอสูรตื่นตัวที่สุด
และมันเป็นตอนนี้เองที่พวกเขาพากันเดินเข้าไปภายในขณะที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
“อีกไม่ไกลมากแล้ว ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้มีกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีอยู่ซึ่งเขาเองก็มั่นใจว่ามันเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อย่างแน่นอนแต่หลังจากที่สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของกระบี่เทวะแล้วเขาก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี
“โร๊วว ~~ ”
เสียงกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นกวาดออกไปรอบทิศทาง
แสงจันทร์ได้ตกกระทบพื้นโลกและห่อหุ้มสถานที่แห่งนี้เอาไว้ซึ่งหากมองออกไปไม่ไกลจะพบกับอสูรขนาดใหญ่ความเร็วไม่ได้สูงมากแต่กลับส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นของเขตแดนนิรันดร์อมตะออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีวิหกร่างยักษ์กำลังโบยบินอยู่ในอากาศด้วยกลิ่นอายเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายที่ทำให้มิติโดยรอบฉีกขาดและแหลกสลายหายไป
ทางตะวันออกเฉียงใต้ปรากฏตะขาบเพลิงขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกมีดวงตาสีแดงก่ำส่งกลิ่นอายของนิรันดร์ออกมา
ห่างออกไปไม่ไกลก็สามารถพบได้กับกลุ่มอสูรมากมายที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
“นี่มัน…..”
เจียงยี่ชวนได้แต่สั่นสะท้านไปโดยทันที
เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ดีว่าเพียงแค่กลิ่นอายของอีกฝ่ายก็สามารถบดขยี้เขาลงได้ง่ายๆ
“เก็บกลิ่นอายเอาไว้ อย่าให้พวกมันสัมผัสได้ ”
หลินเทียนส่งเสียงกระซิบออกมา
เป็นเพราะแม้ว่าอสูรเหล่านี้จะไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาก็จริงแต่เหตุผลที่ระมัดระวังก็เพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรเขตแดนอนันตกาลอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้แถมยังมีมากกว่าหนึ่งตัว !
หากว่าเกิดการปะทะกันขึ้นจริงๆแล้วมันชักนำอสูรเขตแดนอนันตกาลออกมาหนึ่งถึงสองตัวก็จะกลายเป็นหายนะไปทันที
เขาปิดบังกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งอ้อมผ่านเส้นทางออกไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสองชั่วโมง
ในตอนนี้เองที่เขาได้นำทางผู้คนทั้งหมดเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้โดยที่หลบเลี่ยงเหล่าสัตว์อสูร
ภายในหุบเขาแห่งนี้มีประกายแสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาจากกลุ่มก้อนพลังงานขนาดเท่าๆกับกำปั้นที่ทำให้สัจธรรมที่อยู่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
“พบแล้ว ! ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาขณะที่จ้องมองออกไปยังภาพตรงหน้า
เป็นเพราะว่ามันคือเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ไม่มีผิด !
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ที่นี่………มันมีของแบบนี้อยู่จริงๆ ?! ”
เป็นเพราะมันเองก็ได้ยินมาจากปากของหลินเทียนก่อนแล้วว่าเป้าหมายในการมาครั้งนี้ก็เพื่อกลุ่มก้อนพลังนี้แต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองแล้วก็ยังอดประหลาดใจไปไม่ได้
“นี่มัน มีอยู่มากมายขนาดไหนกัน ? ”
เป็นเพราะตอนที่ยังอยู่ในดาวสวรรค์สิบชั้นมันก็เห็นหลินเทียนเก็บเกี่ยวเอากลุ่มก้อนพลังงานแบบเดียวกันไปมากมายแต่เมื่อได้เห็นกลุ่มก้อนพลังแบบเดียวกันที่ดาวดวงอื่นก็ทำให้มันอดผงะไปไม่ได้
เจียงยี่ชวนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางส่งเสียงออกมาว่า
“นี่มัน……..มันเป็นประกายแสงนิรันดร์ในตำนาน ?! ได้ยินมาว่ามันเป็นสมบัติที่แม้แต่เขตแดนอนันตกาลก็ยังอิจฉา ?! ”
เป็นเพราะว่ามีตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานกันไปทั่วทั้งดาวอยู่ว่าภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีที่อัดแน่นไปด้วยโอกาสนับไม่ถ้วนและได้ชื่อว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของดาวที่ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลของหลายขุมพลังก็ยังไม่สามารถเก็บมันกลับไปได้
เขาเองก็รู้ดีว่ามันเป็นตำนานที่เป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนแต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวในในระยะประชิดแบบนี้แล้วก็ยังอดแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่ได้
“รออยู่ตรงนี้แล้วกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์อสูรอยู่เลยแม้แต่น้อยจึงคิดว่าจะเข้าไปเก็บมันกลับมาด้วยตัวคนเดียว
“เจ้าอยากจะเอามัน ?! อย่าไปนะ ! ”
เจียงยี่ชวนส่งเสียงออกมาพลางพูดว่า
“ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้เลยด้วยซ้ำ เจ้าจะได้รับหายนะเอานะ ! ”
ตอนที่ 1449
หลินเทียนไม่ได้สนใจในคำเตือนของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปทางหุบเขาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจะไปไม่ได้นะ มันไม่เพียงแค่จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้นแต่อาจจะนำพาสัตว์อสูรมาที่นี่ก็ได้! นี่มันอันตรายเกินไป ! ”
เจียงยี่ชวนส่งเสียงออกมาด้วยความกังวล
“หุบปากไปซะ ! ยืนดูอยู่นิ่งๆ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกอยากจะเหวี่ยงมือตบอีกฝ่ายปลิวออกไปไกลเอามากๆ
เป็นเพราะแม้ว่ากลุ่มก้อนพลังงานนั้นจะไม่ธรรมดาและไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ก็จริงเท่าหลินเทียนนั้นสามารถดูดกลืนมันได้อย่างสบายใจทำให้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้เดินไปเข้าใกล้มันภายในพริบตา
เจียงยี่ชวนที่กำลังมองอยู่ได้แต่ผงะไปเพราะว่าหลินเทียนกลับสามารถเข้าใกล้กลุ่มก้อนพลังงานในตำนานนี้ได้โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้โบกมือขวาออกไปพร้อมทั้งทำให้กลุ่มก้อนพลังงานเคลื่อนที่เขาหาตัวเขาด้วยตัวของมันเอง
พริบตานี้เองที่ร่างกายของหลินเทียนได้เปล่งประกายแสงเจ็ดสีอันเข้มข้นออกมาทั้งตัว
เสมือนว่าร่างกายของเขากลายเป็นประกายแสงเจ็ดสีไปแล้วก็ว่าได้
“นี่……..”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะว่าตามตำนานแล้วกลุ่มก้อนประกายแสงนี้มันสามารถสยบสัจธรรมทั้งปวงได้และแม้แต่เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ทว่าตอนนี้หลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าของเขากลับสามารถผสานเข้ากับมันได้อย่างง่ายดาย
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบ่งบอกระดับพลังที่แน่ชัดของหลินเทียนได้แต่ก็มั่นใจว่ายังไม่ถึงเขตแดนอนันตกาลอย่างแน่นอนทว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้แต่หลินเทียนกลับเก็บมันไปได้ง่ายๆแบบนี้นี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนฝันไปเลยก็ว่าได้
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจ็ดสีห่อหุ้มร่างกายของหลินเทียนเอาไว้ก่อนที่จะไหลเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขาอย่างรวดเร็ว
กลุ่มก้อนพลังงานนี้เป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ของเขาดังนั้นหลังจากที่เข้าไปถึงทะเลความรู้ของเขาแล้วก็พุ่งตรงเข้าไปผสานกับกระบี่เทวะอย่างรวดเร็วทำให้ประกายแสงเจ็ดสีส่องคลื่นสะท้อนออกไปทั่ว
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นทำให้ร่างกายของเขาส่องประกายออกมาขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาเริ่มจะเข้าใกล้เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็ม
ในสี่ชั่วโมงมานี้ประกายแสงได้ถูกหล่อหลอมไปจนหมดขณะที่ระดับพลังของเขาอยู่ห่างจากเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
และมันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้สำรวจกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้พร้อมทั้งพบว่าอักขระที่รายล้อมเริ่มแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ชัดขึ้นกว่าครึ่งแล้วแต่ก็ยังมีอีกครึ่งที่ยังมัวหมอง”
เขาสำรวจมันโดยรอบพร้อมทั้งพึมพำอยู่ภายในใจว่า
“มันกระจัดกระจายกันไปมากมายขนาดไหนกัน ? แล้วกระบี่นี้มันมีที่มาอย่างไร ? ”
หลายปีมานี้เขาทำการศึกษากระบี่เทวะอยู่อย่างยาวนานแต่นอกเหนือจากเรื่องที่รู้ว่ามันทรงพลังอย่างมากก็ไม่พบเบาะแสอะไรอื่นเลยแม้แต่น้อย
“ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาขนาดไหนถึงจะรวบรวมมันได้ทั้งหมด ”
เขาถอนหายใจออกมา
เป็นเพราะเขามั่นใจเลยว่าหากกระบี่เทวะนี้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วก็จะต้องสามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่งอย่างแน่นอนถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลาอีกนานขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ยังมีความสุขเพราะถึงอย่างไรยิ่งเก็บกู้มันมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถสื่อสารกับกระบี่ได้มากเท่านั้นเพราะเขาสามารถทำให้มันตอบรับเขาด้วยการสั่นไหวได้
แม้จะมีแค่การสั่นไหวแต่ก็ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เพราะเขาเชื่อว่าหากค้นหาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ได้อีกสักสองถึงสามอันก็จะสามารถเรียกมันออกมาใช้งานได้แน่ๆ
เมื่อถึงตอนนั้นแล้วมันจะกลายเป็นอาวุธสังหารที่ทรงพลังมากถึงขั้นฆ่าล้างศัตรูข้ามสามเขตแดนใหญ่ได้สบายๆ
เมื่อถึงคราวที่กระบี่เทวะได้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งเขาก็เชื่อว่าเขาจะสามารถควบคุมมันได้ดั่งใจนึก
และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วทุกสรรพสิ่งต้องสยบแทบเท้าของเขา !
ท้ายที่สุดเขาก็ได้สำรวจมันอีกเล็กน้อยก่อนที่จะลืมตากลับขึ้นมา
ณ ตอนนี้ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสอย่างเข้มข้นขณะที่มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
เขาส่งความคิดออกไป
นี่ทำให้ประกายแสงที่โอบร่างของเขาเอาไว้ไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอีกครั้งก่อนที่จะก้าวออกไปหาจระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆ
“ดีมาก แข็งแกร่งขึ้นมากหนิ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมทั้งบินออกมาเกาะไหล่ของหลินเทียนเอาไว้อย่างมีความสุข
มีเพียงเจียงยี่ชวนเท่านั้นที่ได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าสมบัติเทวะจะตกเป็นของหลินเทียนได้อย่างง่ายดายแบบนี้
“เอาล่ะ เราไปกันเถอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเป้าหมายในการมาได้บรรลุไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ณ ตอนนี้เขาได้เดินนำทางทุกคนกลับออกไปยังเส้นทางเก่าก่อนที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้
อากาศด้านนอกอาณาเขตต้าฮ้วงนั้นบริสุทธิ์อย่างมากแถมยังมีสายลมอบอุ่นอ่อนๆพัดผ่านเข้ามาโดยที่ไม่หลงเหลือความรู้สึกหม่นหมองอยู่เลยแม้แต่น้อย
“แยกกันตรงนี้แล้วกัน ”
เป็นเพราะว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายขอติดตามกลุ่มพวกเขาก็เพราะกลัวสัตว์อสูรที่อยู่ภายในและในเมื่อกลับออกมาได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายติดตามอีกต่อไป
“ดะ..ได้สิ”
เจียงยี่ชวนได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกที่ยังตกตะลึงไม่หาย
หลินเทียนได้พยักหน้าให้กับเขาและไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เจียงยี่ชวนได้แต่มองไปยังแผ่นหลังของหลินเทียนด้วยท่าทางที่เหม่อลอยพลางพึมพำออกมาว่า
“ไม่คิดเลยว่า…..”
หลังจากนั้นไม่นานแววตาที่ประหลาดใจก็ได้จางลงพร้อมทั้งหายไปอย่างช้าๆ
“หากว่าขายข่าวเรื่องนี้ให้กับขุมพลังใหญ่ทั้งหลายแล้ว……”
สายตาของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
……..
หลินเทียนและคนอื่นๆเองก็พากันก้าวข้ามภูเขาหลายต่อหลายลูกไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ไปที่ตระกูลเจียงก่อนเป็นอย่างแรกแล้วไปจากดาวดวงนี้กันหรือไม่ก็หาที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในดาวดวงนี้เพื่อเพิ่มระดับพลังของตัวเอง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะหลังจากที่ได้รับเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาแล้วหลังจากนี้ไม่ว่าจะต้องไปจากดาวดวงนี้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตามสถานที่ต่างๆก็ต้องไปที่ตระกูลเจียงเสียก่อนเพราะถึงอย่างไรเขาก็รับปากแล้วว่าจะกลับไปหาเหลาเหลาแต่หากว่าจะอยู่ที่ดาวดวงนี้ต่อนางก็จะเป็นคนนำทางชั้นเยี่ยมเลยก็ว่าได้
นี่ทำให้พวกพากันเหาะออกไปด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากนัก
หลังจากนั้นไม่นานก็มีร่างสองร่างพากันพุ่งเข้ามาหาทางพวกเขาเพื่อขวางทางเอาไว้
มันเป็นชายชราสองคนที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลาง
“เป็นเจ้า ”
หลินเทียนได้หยุดเท้าลงพร้อมทั้งหันมองออกไปยังชายชราทั้งสองด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ติดตามของหวูซี่ซึ่งหนึ่งในพวกเขาได้รับหน้าที่มาลอบสังหารตนแต่ก็ถูกเขาสังหารไปแล้วและตอนนี้ก็ได้พบกับอีกสองคน ณ ตอนนี้
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไร
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่มีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาพลางพูดว่า
“จับตัวมันไว้เร็วเจ้าหนู นี่มันขุมสมบัติชัดๆ ! มันอุส่ามาพลีกายให้ข้าด้วยตัวเองแบบนี้เลยนะ ! ”
แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพราะคำสั่งของหวูซี่แต่มันก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเพราะถึงอย่างไรหลินเทียนก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางขั้นปลายทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ต่างไปจากมดในสายตาของหลินเทียนด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้สิ่งที่มันสนใจที่สุดคือกายหยาบของอีกฝ่ายเพราะต้องการให้หลินเทียนทำลายดวงวิญญาณของมันไปเท่านั้นแล้วเลือดเนื้อของชายชราทั้งสองก็จะถูกหล่อหลอมแล้วทำให้มันตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้อย่างแน่นอน
ชายชราทั้งสองยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่แววตาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
“บึ้สสส ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่ประกายแสงเจิดจรัสได้สาดส่องออกมาขณะที่ปรากฏอาวุธที่ส่งกลิ่นอายอนันตกาลออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้
“หายไปซะ ! ”
พวกเขาส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่ตราโบราณแผดคลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงไม่ต่างจากห้วงจักรวาลออกมากดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนและคนอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น