Divine King of All Directions 1430-1433

ตอนที่ 1430

 

แสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาจากกลุ่มก้อนพลังงานดวงน้อยๆเสมือนว่าเป็นเทพผู้ปกครองทุกสรรพสิ่ง

หลินเทียนที่มองอยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่มีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

เป็นเพราะในที่สุดเขาก็ได้พบมันเสียที

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดวงตาของอสรพิษม่วงถึงกับหดเล็กลงอย่างกะทันหันเพราะเมื่อมองออกไปแล้วมันได้แต่ผงะไปเนื่องจากสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่ไม่ธรรมดาเอามากๆ

มันเปรียบเสมือนแก่นแท้ของดาวทั้งดวง !

คนที่ประหลาดใจที่สุดในสถานที่แห่งนี้คือเหลาเหลาที่ได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า

“นั่นมัน ?! ”

เป็นเพราะนางเคยเห็นประกายแสงเหล่านี้ต่อต้านสัจธรรมทั้งหลายมาแล้วแถมจี้ห้อยคอของนางเอาก็เป็นสิ่งที่ปู่ของนางนำเอาแร่ธาตุที่อาบประกายแสงเจ็ดสีเป็นเวลานานมาหลอมให้และด้วยพลังของมันทำให้นางรอดพ้นหายนะมาหลายต่อหลายครั้ง

นางไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับประกายแสงเจ็ดสีนี้ที่นี่แถมยังเป็นแบบเดียวกันกับบนดาวของนางซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันมีที่มาแบบเดียวกัน

“นี่…”

นางได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่ออย่างมาก

“ท่านผู้อาวุโสรออยู่ตรงนี้สักครู่ รุ่นเยาว์จะไปเก็บกู้มันแล้วเราจะได้ไปจากทีนี่กัน ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

คำพูดนี้ทำให้ทั้งสองคนได้แต่ผงะไป

“ที่เจ้าบอกว่าต้องการจะมาเก็บบางอย่างที่นี่คือสิ่งนี้ ?”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมา

“ใช่ ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เขาไม่ได้ปิดบังอะไรพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปเพื่อมุ่งตรงเข้าไปภายในสถานที่ตรงหน้า

พริบตาที่เขาก้าวเข้าไปนั้นประกายแสงเจ็ดสีก็ได้ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นพร้อมเคลื่อนที่เข้าหาเขาเสมือนว่ามีสติปัญญาเป็นของตัวเอง

ภาพเหล่านี้ทำให้เหลาเหลาและอสรพิษม่วงได้แต่ผงะไปโดยเฉพาะเหลาเหลาที่แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา

“นี่มัน…”

ดวงตาของนางแทบจะถลนออกมาเลยก็ว่าได้

เป็นเพราะว่านางเองก็เคยเห็นกลุ่มก้อนพลังงานแบบเดียวกันในดวงดาวของนางทว่ามันสามารถต่อต้านพลังทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งพลังแห่งสัจธรรมทำให้ไม่มีใครเข้าใกล้มันได้ มีแม้กระทั่งคนที่ปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธนิรันดร์แท้จริงแต่ก็เปล่าประโยชน์ทว่ากลุ่มก่อนพลังงานเหล่านี้กลับเหาะเข้าหาร่างของหลินเทียนด้วยตัวมันเองแบบนี้นี่มัน

“บึ้สส ~! ”

ประกายแสงเจ็ดสีส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาพร้อมๆกับโคจรอยู่รอบตัวของเขา

กลิ่นอายที่มันส่งออกมาไม่ได้รุนแรงอะไรทว่ากลับให้ความรู้สึกเสมือนสามารถสยบได้ทุกสรรพสิ่ง

มันเป็นพลังที่สัจธรรมทั้งหลายต้องศิโรราบ

แววตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาก่อนที่จะก้าวเดินออกไปเนื่องจากเขาใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะมาถึงที่นี่ได้

เมื่อมองออกไปแล้วเขาได้ตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาออกไปทำให้ตรากระบี่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมา

หลังจากนั้นเองที่กลุ่มก้อนพลังงานนี้ได้ผสานเข้ากับร่างของเขาด้วยตัวของมันเอง

“ผสานเข้ากับร่างด้วยตัวของมันเอง ? ”

เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับโห่ร้องออกมาขณะที่อสรพิษม่วงเองก็ได้แต่โง่งมอยู่กับที่

หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ระหว่างที่เศษเสี้ยวกระบี่พุ่งตรงเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขาก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้ากระบี่เทวะภายในร่างแล้วผสานเข้าด้วยกันอย่างไม่รอช้า

นี่ทำให้กระบี่เทวะสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจ็ดสีออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขา

แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีดังนั้นถึงไม่ลังเลเลยที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะเพื่อดูดกลืนเอาพลังงานเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

นี่ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่น้อย

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม

หนึ่งชั่วโมงนี้เศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ได้ผสานเข้ากับร่างของเขาอย่างสมบูรณ์แบบทำอักขระที่ใบดาบชัดเจนมากยิ่งขึ้น

กลิ่นอายของเขาเองก็เพิ่มสูงขึ้นถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นขั้นกลาง

มันเป็นการพัฒนาที่ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างมากเพราะอย่างน้อยๆบางคนแทบจะไม่มีความสามารถที่จะตัดผ่านจากเขนแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นขั้นต้นไปยังขั้นกลางได้ด้วยซ้ำทว่าเขากลับใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

เขากำหมัดไว้เล็กน้อยพร้อมทั้งสัมผัสถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างพลางกวาดจิตสัมผัสออกไปปกคลุมกระบี่เทวะเอาไว้เล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินกลับไปหาเหลาเหลาและอสรพิษม่วง

“นี่ทำไมกลุ่มก้อนพลังงานนั่นถึงได้เข้าหาเจ้าด้วยตัวมันเองกัน ? เพราะอะไรกัน ? ”

นางถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัยอย่างมาก

เป็นเพราะว่าที่ดาวของนางเองก็มีกลุ่มก้อนพลังงานแบบเดียวกันแต่ขนาดผู้ที่ถือครองอาวุธนิรันดร์แท้จริงก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ทว่ามันกลับเคลื่อนที่เข้าหาหลินเทียนและผสานเข้ากับร่างของเขาด้วยตัวมันเองแบบนี้นี่ทำให้นางโง่งมไปทันที

“ทำไม ? ”

หลินเทียนพูดต่อว่า

“น่าจะเป็นเพราะว่าข้าเป็นคนดีล่ะมั้ง ”

เหลาเหลาได้แต่แข็งค้างไปซึ่งแน่นอนว่าไม่พอใจกับคำตอบนี้เอามากๆ

หลินเทียนหัวเราะออกมาคำโตเนื่องจากเขามีความสุขเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นก็ได้หันไปพูดกับทั้งสองคนพร้อมทั้งหันหลังเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้

เป็นเพราะว่าในเมื่อได้รับเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาแล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“ฟู้วว ~! ”

สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกที่เย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจ

พวกเขาพากันเดินออกไปแต่เป็นเพราะว่าฝ่าฝันอันตรายมาก่อนแล้วดังนั้นการกลับไปเส้นทางเดิมจึงเป็นไปได้อย่างราบเรียบและไม่นานก็กลับออกมาจากหุบเขากลืนนิรันดร์ได้อย่างปลอดภัย

“สิ่งที่ต้องการก็ได้มาแล้วดังนั้นก็ค้นหาตำแหน่งดาวตามที่สหายตัวน้อยต้องการกันเลยไหม ? ”

อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมา

หลินเทียนได้ช่วยมันออกมาจากสวนสวรรค์แต่มีข้อตกลงว่ามันจำเป็นต้องช่วยเขาสองเรื่องซึ่งเรื่องแรกก็สำเร็จลุล่วงไปแล้วและเหลืออยู่เพียงแค่การค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของดาวดวงหนึ่งเท่านั้น

ตอนนี้สิ่งที่หลินเทียนต้องการก็ได้รับมาแล้วดังนั้นถึงได้คิดจะจัดการเรื่องสุดท้ายให้เรียบร้อย

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีแววตาที่เปล่งประกายออกมาโดยทันที

“อื้ม ต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสด้วยนะขอรับ ”

ณ ตอนนี้พวกเขาต่างพากันเหาะออกมาจากดาวดวงนี้ก่อนที่ไม่นานจะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับพื้นที่มืดสลัวๆที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวส่องประกายแสงสีเงินระยิบระยับออกมจากรอบทิศทาง

“ต้องรบกวนท่านด้วย ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งอธิบายสภาพพื้นที่ต่างๆรวมถึงลักษณะพิเศษของดาวสวรรค์สิบชั้นออกไป

เป็นเพราะว่าก่อนที่จะจากดาวสวรรค์สิบชั้นไปนั้นเขาใช้เวลาจดจำรูปลักษณ์ของมันอยู่นานจึงอธิบายออกไปอย่างแม่นยำ

อสรพิษม่วงที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้พยักหน้าของมันพร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบทิศทาง

พลังอสูรอันเข้มข้นของมันผสานเข้ากับจิตสัมผัสที่แกร่งกล้าโดยใช้เวลาไปกว่าสิบสี่ชั่วโมงถึงจะหยุดลง

“ดาวดวงนี้หรือเปล่า ? ”

มันได้ถามออกมาพร้อมทั้งโบกมือส่งพลังอสูรออกมาก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของดาวดวงหนึ่ง

มันเป็นดวงดาวหลากสีที่มีขนาดเล็กกว่าดาวจี่หยานจนเทียบกันไม่ได้แต่กลับรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกที่ให้ความรู้สึกเป็นเอกภาพ

หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่แววตาของเขาจะส่องประกายออกมายิ่งกว่าเก่า

“ใช่แล้ว นี่แหละ ! ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขาซ้ำๆ

อสรพิษม่วงที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า

“งั้นก็พบแล้ว ”

หลังจากที่พูดจบหน้าผากของมันก็ได้เรืองแสงออกมาก่อนที่จะส่งคลื่นพลังจิตสัมผัสสลักที่ตั้งของดาวดวงนี้ให้กับหลินเทียน

เมื่อได้รับตำแหน่งที่ตั้งของดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วดวงตาของหลินเทียนก็ยิ่งเปล่งประกายออกมาโดยทันที

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากๆ ! ”

เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งแสดงความเคารพ

จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องขอบคุณก็ได้เพราะว่ามันเป็นข้อตกลงที่พวกเขาทำร่วมกันเอาไว้ทว่าเหตุผลก็เพราะว่าหลังจากที่พลัดหลงจากดาวสวรรค์สิบชั้นมันทำให้เขารู้สึกตกต่ำอย่างมากและเป็นอสรพิษม่วงที่เป็นคนช่วยค้นหาที่อยู่ของมันทำให้เขามีความสุขถึงขีดสุด

“สหายตัวน้อยก็สุภาพเกินไป นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ตกลงเอาไว้แล้ว ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ”

อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาด้วยรอยยิ้มพลางถามต่อด้วยน้ำเสียงที่สงสัยว่า

“แล้วทำไมสหายตัวน้อยถึงได้ค้นหาที่ตั้งของดาวดวงนั้นกัน ? ”

“เป็นเพราะว่ารุ่นเยาว์เริ่มก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะจากที่นั่น มันเป็นที่อยู่ของครอบครัวและพวกพ้องของรุ่นเยาว์แต่เป็นเพราะอุบัติเหตุถึงได้ทำให้พลัดหลงโดยที่ไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของมันแต่แรกดังนั้นจึงไม่สามารถกลับไปได้และรู้สึกอยากกลับไปที่นั่น ”

หลินเทียนตอบกลับ

อสรพิษม่วงเองก็ได้พยักหน้าของมันพร้อมกับพูดว่า

“เป็นแบบนี้นี่เอง ”

หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า

“แล้วนี่สหายตัวน้อยคิดจะออกจากดาวจี่หยานเพื่อไปยังดาวดวงนั้น ? ”

“ขอรับ ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขา

เป็นเพราะว่าอุบัติเหตุจึงทำให้เขาพลัดหลงกับดาวสวรรค์สิบชั้นและไม่สามารถกลับไปในช่วงหลายปีมานี้จึงทำให้เขารู้สึกคิดถึงบ้านเกินอย่างมาก

ระหว่างนั้นก็เป็นเพราะว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นจะต้องทำให้ทุกคนเป็นห่วงเขามากๆเพราะถึงอย่างไรอยู่ดีๆเขาก็หายไปดื้อๆแบบนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ข่าวคราวแม้แต่น้อย

ดังนั้นเมื่อพบที่ตั้งของมันแล้วเขาก็อยากจะกลับไปให้เร็วที่สุดเช่นกัน

 

 

 


ตอนที่ 1431

 

เป็นเพราะอุบัติเหตุทำให้เขาต้องพลัดพรากจากดาวบ้านเกิดมานานหลายปีและในที่สุดก็ค้นหามันจนเจอดังนั้นถึงได้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากและอยากจะรีบมุ่งหน้าตรงไปทันที

อสรพิษม่วงได้ถามออกมาว่า

“จะไปตอนนี้เลย ? ”

“ขอรับ ”

หลินเทียนตอบกลับไป

หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้งเพราะมันได้ช่วยเขาฝ่าเข้าไปภายในหุบเขากลืนนิรันดร์จนได้รับเศษเสี้ยวกระบี่คืนมาแถมยังค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของดาวสวรรค์สิบชั้นซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นเพราะข้อตกลงที่ทำเอาไว้แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเองก็ช่วยเขาในหลายๆเรื่องด้วย

“เพื่อนตัวน้อยไม่ต้องสุภาพไปหรอก การที่สามารถรู้จักเจ้าได้ถือเป็นความโชคดีของข้ามากๆ หากว่าไม่มีเจ้าข้าก็คงยังติดอยู่ภายในสวนสวรรค์ไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ข้าอยู่ในเขตแดนที่ไม่มีวันแตกดับก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ”

มันได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“หากว่าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะติดตามเจ้าไปยังดาวบ้านเกิดแต่เป็นเพราะข้าต้องรีบเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อตัดผ่านให้เร็วที่สุดและอย่างน้อยๆคงกินเวลาอีกหลายต่อหลายปี ”

มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเสียดาย

เป็นเพราะหลังจากที่ได้รับหยกนิรันดร์สุดขั้วมาแล้วมันก็ฝืนจัดการหลายๆเรื่องไปทำให้การตัดผ่านถูกยืดออกไปพร้อมส่งผลเสียต่อมันไม่น้อยและตอนนี้ไม่สามารถยื้อออกไปได้อีกแล้ว

“รุ่นเยาว์ขอขอบคุณความมีน้ำใจของท่าน ข้าได้รบกวนท่านมามากแล้วและไม่สามารถสร้างปัญหากับการตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงของท่าน”

หลินเทียนพูดออกมาพร้อมๆกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า

“แต่ด้วยความสามารถของท่านผู้อาวุโสที่มีหยกนิรันดร์สุดขั้วแล้วจะต้องตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วท่านจะต้องไร้เทียมทานอย่างแน่นอน ”

นี่ไม่ใช่ว่าเขาอวยอสรพิษม่วงแต่เป็นความจริงเนื่องจากมีแม้กระทั่งสมบัติที่ช่วยทำให้ตัดผ่านได้ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ตัดผ่านไปได้แล้วกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงของอีกฝ่ายเองก็จะเข้มข้นกว่าคนอื่นๆในระดับเดียวกันทำให้เรียกได้เลยว่าไร้เทียมทาน

“อื้มม ขอให้สมพรปากนะ ”

อสรพิษม่วงได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า

“หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะ ”

หลังจากที่พูดจบแล้วมันก็ได้ยื่นมือออกมาทางหลินเทียน

หลินเทียนยิ้มตอบก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้

“ลาก่อนท่านผู้อาวุโส”

เขาบอกลากับอีกฝ่ายก่อนที่จะนำทางเหลาเหลาออกไปอย่างรวดเร็ว

อสรพิษม่วงได้แต่มองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปและหลังจากที่หายไปจากระยะสายตาแล้วถึงจะก้าวถอยหลับแล้วเหาะกลับลงไปยังดาวจี่หยานเพื่อหาสถานที่เก็บตัวบ่มเพาะอีกครั้ง

………….

หลินเทียนและอสรพิษม่วงได้แยกทางกันพร้อมทั้งนำทางเหลาเหลาออกไปยังสถานที่ไกลแสนไกล

ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามซึ่งมันคอยห่อหุ้มร่างของเหลาเหลาเอาไว้เนื่องจากนางเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดินภาเท่านั้นทำให้ไม่สามารถแบกรับแรงกดดันของห้วงจักรวาลได้

“แล้วนี่จะใช้เวลานานขนาดไหนกันถึงจะไปยังดาวบ้านเกิดของเจ้าได้ ? ”

เหลาเหลาได้ถามออกมา

เป็นเพราะแม้นางจะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาเท่านั้นแต่เนื่องจากเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งทำให้มีประสบการณ์โชกโชนจึงไม่ได้แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องเดินทางข้ามอวกาศเท่าไหร่เพราะเคยเดินทางกับปู่นางอยู่หลายๆครั้ง

“ด้วยระดับความเร็วของข้าน่าจะใช้เวลาประมาณสองปีหากว่ารวมเวลาที่พักระหว่างเดินทางด้วย ”

หลินเทียนพูดออกมา

ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ทำให้มีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าเขตแดนอนันตกาลมากนักแต่เป็นเพราะห้วงจักรวาลมันกว้างใหญ่เกินไปดังนั้นการที่จะก้าวข้ามหมู่ดาวถึงสองแห่งไปยังดาวสวรรค์สิบชั้นอีกนั้นจึงใช้เวลาเดินทางไม่น้อย

อีกอย่างเป็นเพราะว่าท่านพลังที่ขวางกั้นระหว่างห้วงจักรวาลนั้นมั่นคงอย่างมากจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฉีกห้วงอวกาศเพื่อก้าวข้ามระยะทางไกลๆด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ถึงขั้นที่ต่อให้อยู่ในเขตแดนอนันตกาลก็ยังไม่สามารถทำได้เพราะอย่างน้อยๆต้องเป็นเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเท่านั้น

“ก่อนหน้านี้ปู่จูเองก็เคยพาข้ามาเที่ยวในห้วงจักรวาลเหมือนกันแต่อยู่นานสุดก็แค่เจ็ดวันเท่านั้น การที่ต้องเดินทางสองปีนี่ดูน่าสนใจจริงๆ ”

เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา

หลินเทียนได้ตอบรับและไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะเร่งความเร็วของเขาขึ้นไปอีกเพื่อพุ่งผ่านม่านจักรวาลไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าเป็นเพราะต้องใช้เวลากว่าสองปีดังนั้นเขาถึงได้อาศัยช่วงเวลาเหล่านี้ดูดกลืนแก่นพลังจากหมู่ดาวเพื่อหล่อหลอมร่างกายทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เวลาสองปีได้ผ่านไปภายในชั่วพริบตา

วันนี้เป็นวันที่เขาได้นำทางเหลาเหลาไปถึงหมู่ดาวที่แปลกประหลาดพร้อมทั้งหยุดอยู่ตรงหน้าดวงดาวขนาดใหญ่

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันมีหลากสีแถมยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกและให้ความรู้สึกที่เป็นเอกภาพมากๆ

“กลับมาแล้ว ! ”

เมื่อมองออกไปยังดวงดาวตรงหน้าแล้วดวงตาของเขาก็ได้เปล่งประกายออกมาโดยทันที

แน่นอนว่าดาวนี้คือดาวสวรรค์สิบชั้น

จากที่เคยอยู่ที่นี่แต่กลับต้องพลัดพรากจากไปอยู่นานนับสิบๆปี ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว

“ที่นี่คือดาวสวรรค์สิบชั้นที่เจ้าว่า ? ”

เหลาเหลาได้ถามออกมา

หลินเทียนพยักหน้าตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว ”

เมื่อมองออกไปแล้วเจขาก็ได้บอกให้นางระมัดระวังก่อนที่จะฉีกม่านพลังชั้นนอกของดาวออกแล้วเหาะเข้าไปภายใน

หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าไปอยู่ภายในดาวดวงนี้

ท้องฟ้าสีครามและพืชพันธุ์นาๆชนิดรายล้อมอยู่รอบทิศทาง

เขาได้กวาดสายตาออกไปโดยรอบพร้อมทั้งพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มันไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำแต่มีเพียงท้องฟ้าสีครามอยู่ทั่วทุกหนแห่งแถมยังพบกับผู้คนจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดากระจายตัวกันอยู่ตามจุดต่างๆ

อย่างไรก็ตามแม้คนเหล่านี้จะไม่ได้อ่อนแอแต่กว่าเก้าในสิบส่วนล้วนแล้วไม่ใช่คนที่สามมารถก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ได้ด้วยตัวเองแต่เป็นเพราะได้รับการปกป้องระหว่างก้าวข้ามมาโดยผู้เชี่ยวชาญ

“หลังจากที่ข้าได้ปลดผนึกสวรรค์ชั้นนี้ไปแล้วผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจักรพรรดิโกลาหลก็จะสามารถก้าวข้ามายังดินแดนแห่งนี้ได้ซึ่งขุมพลังใหญ่ๆเองก็คงจะนำเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ ? ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

นี่คือข้อสันนิษฐานของเขาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งนำเหลาเหลาเหาะจากไปยังสวรรค์ชั้นที่ 9

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้นำเหลาเหลาไปถึงภูเขาแห่งหนึ่ง

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันเป็นขุนเขาที่ไม่ได้สูงมากแต่กลับส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามเสมือนดั่งอสูรร้ายผู้ปกครองโลกใบนี้

มันรายล้อมไปด้วยตำหนักหรูหรามากมายกินพื้นที่ออกไปไกลกว่าหลายกิโลเมตรแถมในอากาศยังเต็มไปด้วยอักขระมากมาย

“ที่นี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ”

เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า

“มีพลังฉีของมังกรอยู่ด้วย นี่หรือว่าตั้งอยู่บนเส้นชีพจรมังกรบรรพกาล ?! ”

 

 

 


ตอนที่ 1432

 

เมื่อมองออกไปยังพื้นที่กว้างที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายมังกรอันเข้มข้นแล้วเหลาเหลาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อย

“ที่นี่ที่ไหนกัน ?! ”

นางได้หันมาถามเขา

“สำนักนิรันดร์ เป็นขุมพลังของข้าเอง ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เหตุผลที่มันมีกลิ่นอายมังกรก็เพราะว่าด้านใต้สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของแก่นมังกรที่เกิดจากการรวมตัวกันของเส้นชีพจรมังกรบรรพกาล

“ว่างไงนะ ?! ”

เหลาเหลาได้แต่ผงะไปเพราะว่านี่คือขุมพลังที่หลินเทียนสร้างขึ้น ? นี่หลินเทียนสร้างขุมพลัง ?

หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตอนนี้เขามีความสุขที่ได้กลับมามากๆ

“ไปกันเถอะ ”

เขาพูดออกมาก่อนที่จะก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ด้านหน้าประตูทางเข้ามันเต็มไปด้วยศิษย์เฝ้ายามที่มีท่าทางสงบเสงี่ยมและเมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้ก็ได้ถามออกมาว่า

“ท่านทั้งสอง…..”

ศิษย์คนหนึ่งส่งเสียงออกมาก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้เห็นหน้าของหลินเทียนพร้อมทั้งส่งเสียงโห่ร้องออกมาว่า

“ท่าน……..ราชันอมตะ !? ”

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหล่าศิษย์คนอื่นๆเองก็เห็นแบบเดียวกัน

“เป็นท่านราชันอมตะจริงๆด้วย ! ”

“ยินดีต้อนรับท่านราชันอมตะ ! ”

ทุกคนต่างพากันแสดงความเคารพออกมา

หลินเทียนได้ก่อตั้งขุมพลังมาหลายสิบปีแล้วแถมยังเป็นคนที่หยุดยั้งความโกลาหลไปหลายต่อหลายครั้งแล้วยังปลดผนึกม่านพลังที่ขวางกั้นสวรรค์ชั้นที่สิบเอาไว้ทำให้สำนักนิรันดร์มีชื่อเสียงที่โด่งดังเอามากๆและส่งผลให้เหล่าศิษย์รู้สึกภูมิใจและเคาระเลื่อมใสในตัวของหลินเทียนอย่างสุดหัวใจ

แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หลินเทียนได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยแต่ตอนนี้เขาได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งมันทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาตามๆกัน

“ยืนขึ้น ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมาก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว

“เจ้าได้ชื่อว่าราชันอมตะ ? เป็นฉายาที่ฟังดูดีหนิ น่าเกรงขามมากๆ ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมา

“ข้าเองก็น่าเกรงขามจริงๆนั่นแหละ ”

หลินเทียนตอบกลับไป

“หลงตัวเองจริงๆ ”

เหลาเหลาแสยะยิ้มออกมาแต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าหลินเทียนนั้นมีความน่าเกรงขามที่ไม่ธรรมดามากๆถึงขั้นเรียกได้ว่าปฏิบัติต่อศัตรูได้อย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณี

กลิ่นอายมังกรเบื้องหลังประตูทางเข้านั้นเข้มข้นกว่ามากแถมเหล่าศิษย์ที่สัญจรไปมาและบังเอิญพบกับเขาก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งรีบทำความเคารพอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนสั่งให้พวกเขาลุกกลับขึ้นมาและแยกย้ายกันไปก่อนที่จะตรงดิ่งเข้าไปภายในส่วนลึกของสำนักพร้อมทั้งกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบทิศทางเพื่อแจ้งข่าวการกลับมาของเขาให้กับครอบครัวและพ้องเพื่อนทั้งหลาย

นี่ทำให้หญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาตามๆกัน

“ท่านพี่ ?! นี่มันกลิ่นอายของท่านพี่ ! ”

หลินซี่ จี่หยู เสวี่ยเย่ ไป่เฉียว ซูชูวและหยานเอ๋อที่กำลังบ่มเพาะต่างสั่นสะท้านไปตามๆกัน

“นี่มันกลิ่นอายของเจ้านั่นจริงๆ นี่เขากลับมาแล้ว ?! ”

ไป่เฉียวพูดออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุข

หลินซี่เองก็รีบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ไป่จี่ฉี หยางฉี จระเข้เบญจธาตุ เสี่ยวไท่ชู พญษนาค หลิงหยุน ฟานหยิงซ่ง เย่ตงและคนอื่นๆเองก็ต่างผงะไปไม่ต่างกัน

“นี่มันกลิ่นอายของท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว ! ”

ดวงตาของเย่ตงเปล่งประกายออกมาโดยทันที

จระเข้เบญจธาตุเองก็ได้ส่งเสียงออกมาว่า

“ใช่แล้ว นั่นมันกลิ่นอายของเจ้าหนูนั่นไม่มีผิดแน่ๆ ในที่สุดก็กลับมา ”

เสี่ยวไท่ชูส่งเสียงตอบรับอย่างมีความสุขพร้อมทั้งกระพือปีกของมันพุ่งผ่านอากาศหายไปอย่างรวดเร็ว

……….

หลินเทียนที่กำลังเดินเข้าไปภายในพร้อมๆกับเหลาเหลาได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา

เขากวาดสายตาออกไปรอบๆด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายเอามากๆ

“วิ้สส ~! ”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เสี่ยวไท่ชูปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา

“ย๊า ! หลินเทียน ! ”

เจ้าหนูน้อยที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวปุยดวงตากลมโตเปล่งประกายออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุขอย่างมาก

เพราะถึงอย่างไรมันก็ห่างกายหลินเทียนมาเป็นเวลานับสิบๆปี

นี่ทำให้มันรู้สึกคิดถึงเขามากๆ

“เจ้าหนูน้อย ไม่พบกันนานเลยนะ ”

หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข

เหลาเหลาที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพลางส่งเสียงออกมาว่า

“เป็นเจ้าหนูน้อยที่น่ารักจริงๆ ! ”

เจ้าหนูน้อยขนปุยดวงตากลมโตแถมยังมีปีกที่สะอาดแวววาวแบบนี้มันน่ารักอย่างมากและถือเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงต่อหญิงสาวเอามากๆทำให้นางอดยื่นมือออกไปเพื่อกอดมันไม่ได้

“ย๊า ! ”

เจ้าหนูน้อยที่ระมัดระวังตัวและเขินอายต่อคนแปลกหน้าได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งเบี่ยงตัวหลบไม่ให้เหลาเหลากอดมัน

“ไม่นะ ขอข้ากอดหน่อย ! ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมา

มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่ร่างอันผอมเพรียมโผลเข้ากอดร่างของเขา

“ท่านพี่ ! ”

หลินซี่ส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขอย่างมาก

“ข้ากลับมาแล้ว ”

หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งลูบศีรษะของนาง

หลังจากนั้นเสียงพุ่งผ่านอากาศก็ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งปรากฏร่างของคนอื่นๆตามๆกัน

“ท่านอาจารย์ ”

เย่ตงได้ก้าวออกมาพร้อมทั้งแสดงความเคารพซึ่งหลังจากที่เวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ทำให้ความไร้เดียงสาของเขาสลายหายไปอย่างแท้จริง

หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพยุงร่างของอีกฝ่ายด้วยพลังที่อ่อนโยน

“เจ้านี่หายไปไหนมา ? อยู่ดีๆก็หายตัวไปหลังจากก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบแถมย่าเอ๋อเองก็ไม่สามารถทำนายดวงชะตาของเจ้าได้ด้วย มันไม่ต่างกับอาจารย์ของเจ้าเลย”

ไป่เฉียวพึมพำออกมา

เป็นเพราะว่าหลังจากที่หลินเทียนได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบและอธิบายสิ่งต่างๆให้กับคนทั้งโลกฟังแล้วก็ไม่ได้กลับมาและเมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ก็ได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบเพื่อตามหาตัวของเขาแต่ก็ไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อยดังนั้นถึงได้กลับมาและให้ย่าเอ๋อช่วยทำนายที่อยู่ของเขาแต่ก็พบว่ามันไม่สามารถทำนายได้แบบเดียวกันกับอาจารย์ของเขาไม่มีผิด

“มันเกี่ยวข้องกับกายราชันของข้าหรือเปล่า ? ”

หลินเทียนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“หลังจากที่ข้าก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบแล้วก็เหาะต่อไปจนออกไปถึงห้วงจักรวาลแต่เป็นเพราะอุบัติเหตุยางอย่างทำให้ข้าถูกพัดไปยังหมู่ดาวที่ไม่รู้จักและเพิ่งหาทางกลับมาได้เมื่อสองปีก่อน ”

เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นกังวลของทุกคนดีดังนั้นถึงได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า

“ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วงนะ ”

“ไม่เป็นไรหรอก กลับมาได้ก็ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเราจะเป็นกังวลแต่ก็ไม่ได้กระวนกระสายมากเพราะถึงอย่างไรภายในสำนักก็ยังมีตะเกียงวิญญาณของเจ้าอยู่ แค่รู้ว่าเจ้ายังอยู่ดีก็พอแล้ว ”

จี่หยูได้ส่งเสียงออกมา

พวกเขาไม่ได้แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องห้วงจักรวาลมากนักเพราะว่าเสี่ยวไท่ชูเองก็ออกไปค้นหาหลินเทียนที่ห้วงจักรวาลแล้วเช่นกัน

“แล้วเจ้าหนูเป็นไงบ้างในช่วงหลายปีมานี้น่ะ…….”

จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาแต่หลังจากที่มองไปยังเหลาเหลาที่อยู่ด้านหลังแล้วก็ได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายว่า

“แล้วนี่ไปหลอกแม่นางคนนี้มาจากที่ไหนกันล่ะ ? ”

จี่หยูและคนอื่นๆเองก็หันมองไปทางนางเช่นเดียวกัน

“นี่คือ ? ”

จี่หยูถามออกมา

หลินเทียนหันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า

“เจียงเหลาเหลา นางเป็นเด็กที่บังเอิญถูกส่งข้ามข่ายอาคมเคลื่อนย้ายไปยังหมู่ดาวอื่นและข้าบังเอิญพบเข้าให้ระหว่างที่ถูกสัตว์อสูรไล่ล่า ช่างเรื่องพวกนี้เถอะ เอาเป็นว่านางเป็นเด็กโง่ที่โชคร้ายแล้วกัน ”

เขาชี้ไปทางเหลาเหลา

เหลาเหลาได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างไม่พอใจว่า

“เจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ? เราต่างกันตรงไหน ?! ”

หลังจากนั้นนางก็ได้หันมองไปยังครอบครัวของหลินเทียนพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพว่า

“สวัสดีค่ะ ข้ามีชื่อว่าเหลาเหลา โปรดเมตตาข้าด้วย ”

นางพูดออกมาก่อนที่จะหันมองไปทางจี่หยูและไป่เฉียวพลางพูดต่อว่า

“พี่สาวทั้งหลาย พวกท่านงดงามจริงๆ ”

จี่หยูและไป่เฉียวเองก็ได้แต่มองไปทางนางพร้อมอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

เพราะถึงอย่างไรการที่ถูกคนอื่นชมแบบนี้จะมีใครบ้างที่ไม่รู้สึกมีความสุข ?

“เจ้าเองก็งดงามเหมือนกัน ”

จี่หยูตอบกลับพร้อมทั้งจูงมือของนางแล้วพูดว่า

“อยู่กับเราจนกว่าจะกลับไปยังบ้านเก่าก่อนแล้วกัน ถือเสียว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของเจ้านะ ”

“ขอบคุณค่ะพี่สาวคนสวย ! ”

เหลาเหลาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หยาดเยิ้ม

วันนี้เป็นวันที่มีงานฉลองถูกจัดขึ้นภายในส่วนลึกของสำนักทำให้กลิ่นของสุราล่องลอยตามสายลมออกไปไกล


“เจ้าหนู แล้วสิบปีมานี้อยู่ในเขตแดนไหนแล้วกัน ? ทำไมข้าสัมผัสอะไรจากเจ้าไม่ได้เลย ? ”

จระเข้เบญจธาตุถามออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วคนอื่นๆเองก็อดหันมองมาทางเขาไม่ได้

“อื้ม ? นิรันดร์อมตะตอนต้น ”

หลินเทียนตอบกลับ

“ว่าไงนะ?! ”

คนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องออกมา

“ลุงจระเข้อุส่ามุมานะใช้เวลาฝึกฝนทรมานตัวเองเพิ่งตัดผ่านเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายแต่เจ้ากลับตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้แล้ว ?! ”

จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

มันรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเทียนนั้นมีพรสวรรค์มากๆแถมยังบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะขนาดที่ว่าตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้ในเวลาสั้นๆแบบนี้

 

 

 


ตอนที่ 1433

 

จากเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนต้นไปถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นนั้นมีเขตแดนจ้าวสวรรค์เก้าขั้นเล็กแล้วยังมีเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าคอยขั้นกลางแต่กลับสามารถก้าวข้ามเขตแดนเหล่านี้ได้ภายในระยะเวลาสิบกว่าปีนี่มันเป็นความเร็วในการบ่มเพาะที่น่าเหลือเชื่อจนน่ากลัวขนาดที่ว่าไป่จี่ฉีและหยางฉีที่เป็นคนสุขุมอยู่ตลอดยังผงะไป

“ผิดมนุษย์อย่างเคย ”

ไป่เฉียวส่งเสียงออกมา

“พรสวรรค์ไร้เทียมทานจริงๆ ”

หลิงหยุนส่งเสียงออกมา

หลินเทียนได้เผยรอยยิ้มของเขาพร้อมทั้งพูดว่า

“เป็นเพราะว่าโชคดีได้รับโอกาสมามากมาย ”

เขาพูดออกมาพลางพูดต่อว่า

“ ในหลายปีมานี้ข้าเองก็ได้รับสมบัติมามากมายเอาไว้สำหรับช่วยพวกเจ้าในการบ่มเพาะเช่นกัน ”

ระหว่างที่พูดอยู่ก็ได้ส่งความคิดสังเวยเอายาทิพย์มากมายออกมาจากแหวนมิติส่งผลให้สถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายไหลอย่างฉับพลัน

“นี่มัน ?! ”

จระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆถึงกับอ้าปากค้าง

เป็นเพราะว่ายาทิพย์เหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ก็ตระหนักได้ถึงความพิเศษของมันเป็นอย่างดี

“ยาทิพย์ล้ำลึก ยาทิพย์วิญญาณนิรันดร์ สมุนไพรมังกรทมิฬ ดอกชบาเหมันต์ รากสานฝน และอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรสำหรับการตัดผ่านเขตแดนปรินิพพานและจักรพรรดิโกลาหล ”

หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“หากว่าดูดกลืนพวกมันแล้วก็จะทำให้พวกเจ้าตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้ในเวลาสั้นๆ ”

ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขายึดเอามาจากขุมพลังใหญ่ทั้งหลาย

“สามารถตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้ ?! ”

หลิงหยุนถึงกับแข็งค้างไปเพราะเขาติดอยู่ในเขตแดนปรินิพพานระดับ 8 อยู่นานแล้วทว่าหลังจากที่ดูดกลืนสมุนไพรเหล่านี้ก็จะตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้ ?!

นี่มันเป็นการร่นระยะที่ใหญ่หลวงมากๆ !

“ไม่ต้องเป็นห่วง มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ”

หลินเทียนพูดต่อว่า

“มันน่าจะเพียงพอสำหรับทำให้พวกเจ้าทุกคนตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 5 ”

เขาสัมผัสได้ถึงระดับพลังของคนอื่นๆดีว่าเย่ตงและหลินซี่นั้นอยู่ในเขตแดนปรินิพพานระดับ 5 ตอนปลาย จี่หยู เสวี่ยเย่ ซูชูว พญานาคและฟานหยิงซ่งอยู่ในเขตแดนปรินิพพานระดับ 6 ไป่เฉียว ย่าเอ๋อ หยางฉีและหลิงหยุนอยู่ในระดับ 8 ไป่จี่ฉีอยู่ในระดับ 9 จระเข้เบญจธาตุอยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลาย

“ของพวกนี้มันไม่จำเป็นสำหรับเจ้าหนูน้อย”

หลินเทียนหันมองไปทางมัน

เป็นเพราะว่าระหว่างที่เดินทางกลับมานั้นเขาไม่ได้สนใจตรวจสอบระดับพลังของมันเท่าไหร่และเพิ่งตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นแล้ว

“เจ้าหนูน้อยเองก็มีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์เหมือนกัน ข้าไม่เห็นมันจะเคยฝึกฝนอะไรและได้แต่นอนไปวันๆแต่กลับบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ”

จระเข้เบญจธาตุถึงกับหมดคำพูดไป

“เจ้าหนูน้อยสุดยอดจริงๆ ”

จี่หยูพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวไท่ชูที่เกาะไหล่ของหลินเทียนได้ส่งเสียงตอบรับออกมาอย่างร่าเริงและแม้ว่ามันจะเกิดมานานหลายปีแล้วแต่นิสัยก็ยังคงเป็นเด็กน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

หลินเทียนได้ลูบศีรษะของมันด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“เริ่มดูดกลืนยาทิพย์และสมุนไพรเหล่านี้ได้แล้ว ข้าจะคอยพิทักษ์พวกเจ้าเอง”

หลังจากนั้นเขาได้มองไปทางเหลาเหลาพร้อมทั้งพูดว่า

“แม่หนูดวงซวย เจ้าเองก็ดูดกลืนพวกมันด้วย ”

เนื่องจากร่วมทางกันมานานมากแล้วดังนั้นเขาจึงปล่อยนางเอาไว้เฉยๆไม่ได้

ภายในสถานที่แห่งนี้มีเพียงแกนนำระดับสูงของสำนักเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ซึ่งหลินเทียนเองก็ได้แจกจ่ายยาทิพย์และสมุนไพรต่างๆกับให้แต่ละคนอย่างรวดเร็ว

ส่วนเหลาเหลานั้นเป็นเพราะระดับพลังต่ำจนเกินไปทำให้ไม่สามารถดูดกลืนพวกมันได้ทันทีจึงได้คว้าเอาคริสตัลวิญญาณจำนวนมากออกมาส่งมอบให้กับนาง

“จะว่าก็ว่าขุมพลังของเจ้ามันดูยิ่งใหญ่กว่าตระกูลฟานพวกนั้นอีกดังนั้นก็น่าจะมีสมบัติมากมายแถมดูๆแล้วเจ้าเองก็คงเป็นที่รักของปู่เจ้ามากถึงขั้นอุส่านำเจ้าไปเที่ยวเล่นในห้วงอวกาศแล้วทำไมถึงปล่อยเจ้าไว้ในเขตแดนจักรพรรดินภากัน ? ”

หลินเทียนรู้สึกสงสัยอย่างมาก

เหลาเหลาถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาก่อนที่จะตอบกลับมาว่า

“ยิ่งเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งก็ยิ่งเข้มงวดกับลูกหลานดังนั้นจะโยนคริสตัลวิญญาณให้บ่มเพาะเฉยๆได้อย่างไรกัน ? มันไม่เกี่ยวกับเรื่องความโปรดปรานที่ตระกูลมีให้แต่การกระทำเช่นนั้นมันไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อรุ่นเยาว์แม้แต่น้อย ”

“ก็จริงแหะ ”

หลินเทียนเองก็พอเข้าใจได้ว่าสิ่งที่นางพูดมันก็ถูกเนื่องจากการที่สนับสนุนรุ่นเยาว์โดยการโยนทรัพยากรบ่มเพาะให้แบบนั้นมันไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลย

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งบอกให้คนอื่นๆเริ่มการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว

พวกเขาเองก็ไม่ลังเลเลยที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะของตัวเองเพื่อเริ่มการดูดกลืนฤทธิ์ของยาทิพย์ทั้งหลาย

เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเวลาก็ล่วงเลยไปกว่าหนึ่งเดือนเต็มๆ

ตู้มม ~!

วันนี้เป็นวันที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาเหนือศีรษะของเหลาเหลาหลังจากที่นางตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ได้จึงได้นำพาทัณฑ์สวรรค์มาที่นี่

“บ่มเพาะต่อไปอย่าวอกแวก ข้าจัดการทัณฑ์สวรรค์เอง ”

หลินเทียนพูดออกมา

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาได้กระดิกนิ้วเล็กน้อยส่งคลื่นลำแสงสีทองพุ่งทะลวงผ่านม่านฟ้าไปทำลายทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นโดยทันที

เหลาเหลาที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์มาได้ยังคงบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลิ่นอายของคนอื่นๆเองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

พริบตาพวกเขาก็พากันตัดผ่านเขตแดนพลังของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง

บึ้สสส ~!

ประกายแสงเจิดจรัสรายล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้ทั้งหมด

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าหนึ่งปีเต็มๆ

ในหนึ่งปีมานี้พวกเขาไม่ได้เอาแต่บ่มเพาะเพียงอย่างเดียวเพราะทุกๆครั้งที่ตัดผ่านก็มักจะหยุดพักระยะหนึ่งแล้วเริ่มการบ่มเพาะใหม่หลังจากนั้นและด้วยสรรพคุณของตัวยาที่หลินเทียนมอบให้จึงทำให้กลิ่นอายของแต่ละคนล้วนอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์กันทั้งหมด

พวกเขาทุกคนตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 6 !

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)